รักตัวเอง

รักตัวเอง

สุขภาพนั้นสำคัญไฉน? เชื่อว่าทุกคนคงจะทราบดีที่สุดว่า สุขภาพนั้นสำคัญมากแค่ไหน แต่เพราะเหตุใดกันนะ เราถึงได้มองข้ามที่จะดูแลตัวเอง

สุขภาพนั้นสำคัญไฉน?
เชื่อว่าทุกคนคงจะทราบดีที่สุดว่า สุขภาพนั้นสำคัญมากแค่ไหน แต่เพราะเหตุใดกันนะ เราถึงได้มองข้ามที่จะดูแลตัวเอง บทความนี้เราจะมาเล่าเรื่องราวที่ได้ประสบพบเจอด้วยตัวเอง เผื่อว่าจะเป็นอุทาหรณ์ให้กับใครหลาย ๆ คนได้นะคะ

ความจริงแล้ว เราทุกคนรู้ดีที่สุดค่ะ ว่าการรักษาสุขภาพเป็นสิ่งที่สำคัญ และเราควรที่จะให้ความสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ เสียด้วยซ้ำ แต่เรามักจะปลอบใจตัวเองว่า "ไม่เป็นไรหรอก ไว้ค่อยทำก็ได้ ตอนนี้ยังแข็งแรงดีอยู่"
ใช่ค่ะ... เราก็เคยพูดกับตัวเองแบบนี้มาก่อนเหมือนกัน 
เมื่อสมัยที่เราเรียนมหา'ลัย เราเป็นคนที่ใช้ชีวิตบ้าระห่ำมาก เนื่องจากเป็นเด็กกิจกรรมตัวแม่ของสาขาเลย เราเป็นประธานสาขา ทั้งทำงานสโมสรนักศึกษา ไหนจะต้องรักษาผลการเรียนให้ได้เกรดเฉลี่ยสูง ๆ ด้วย เราจึงห่างไกลจากคำว่า "สุขภาพดี" มาก ๆ ราวกับอยู่คนละแผ่นดินเลยค่ะ

ทั้ง ๆ ที่ไม่มีใครมากดดันหรือคาดหวังอะไรในตัวเราเลย แต่เรากลับคาดหวังว่าตัวเองจะต้อง "ดี" ในสายตาผู้อื่นอยู่เสมอ แต่คำว่า "ดี" ของคนเรามันไม่เท่ากันน่ะสิคะ ไม่ว่าเราจะพยายามพิสูจน์ตัวเองอย่างไร เราก็รู้สึกว่ามันยังดีไม่พอในสายตาผู้อื่นอยู่ดี เราจึงทำกิจกรรมหามรุ่งหามค่ำ ตี 2 - 3 ก็ยังไม่นอน เราโหมงานอย่างหนักเพื่อที่จะได้รับคำชมจากผู้ใหญ่ 

หนึ่ง...เพราะอยากทำงานให้เสร็จก่อนกำหนด
สอง...เพราะอยากให้ผลงานออกมาดีจนได้รับคำชมจากผู้ใหญ่
สาม...เพราะอยากให้ผู้อื่นให้การยอมรับในความสามารถของเรา
จนเราลืมคิดถึงสิ่งที่สำคัญที่สุด นั่นก็คือ "สุขภาพ" ของเราเอง

บ่อยครั้งที่เราได้รับคำชมจากผู้ใหญ่ แต่เราจะแลกมาด้วยสุขภาพที่แย่ลง หากชีวิตเรามีคะแนนสุขภาพเต็มร้อย มันก็คงลดลงทุกวัน ๆ แต่ก็ยังบอกตัวเองว่า อายุแค่นี้ ยังไหวอยู่แล้ว หักโหมตอนนี้มันไม่สายไปหรอก
แต่คำว่าไม่สายไปหรอกของเรานั้น มันราวกับกระจกที่สะท้อนกลับทันทีที่เราพูดจบอย่างไรอย่างนั้น

ทุกครั้งที่มีโครงการใด ๆ จัดขึ้นโดยทีมงานสโมสรนักศึกษา หลังจบงาน เราจะต้องได้เข้าโรงพยาบาลทุกครั้ง เรียกได้ว่า "น็อก" เลยก็ว่าได้ค่ะ จะเพราะอะไรเสียอีกล่ะ เพราะพักผ่อนไม่เพียงพอ จึงทำให้เราเป็นลมเมื่อเสร็จสิ้นกิจกรรม

ใช่...แม้เราจะเข้าโรงพยาบาลทุกครั้งหลังจบกิจกรรม แต่มันก็ยังมีกิจกรรมอื่น ๆ ที่ยังต้องดำเนินต่อ เราก็ยังดื้อดึงที่จะไปทำกิจกรรมเหล่านั้นเพราะมีความคิดว่า "ทุกอย่างต้องช่วยกันมันจึงจะสำเร็จไปได้ด้วยดี" ตอนนั้นแม่ห้ามอย่างไรก็ยังจะไป ที่หลังมือของเรามีรอยเข็มน้ำเกลือนับไม่ถ้วนเรียงกันจนเป็นแผลเป็น แต่เราก็ยังไม่สำนึกรักตัวเองเลย

เราลืมคิดไปว่า แม้ไม่มีเรา กิจกรรมมันก็สามารถดำเนินต่อไปได้
เราลืมคิดไปว่า สุขภาพดี มันไม่มีขายที่ไหน
เราลืมคิดไปว่า คนที่จะห่วงเรามากที่สุดก็คือครอบครัวของเราเอง

ทุกครั้งที่เข้าโรงพยาบาล มีแค่เพียงแม่ที่คอยดูแลประคบประหงมจนเราหายดี 
คนที่ยอมเหนื่อย ยอมลำบากเพื่อที่จะดูแลเรา ทั้ง ๆ ที่เราทุ่มเวลาชีวิตให้กับกิจกรรมที่มันไม่จำเป็นต้องมีเราก็ได้
ทำไมเราถึงต้องดิ้นรน ดั้นด้น ขวนขวายที่จะได้รับคำชมจากผู้อื่น หรือให้ผู้อื่นมาให้การยอมรับ
สิ่งที่ได้มามันก็แค่คำชม ณ ขณะนั้น
แต่สิ่งที่สูญเสียไปคือสุขภาพของเราที่มันแย่ลงทุกวินาที และยังทำให้แม่เป็นห่วงมากเสียจนมีน้ำตา

ก็ในเมื่อยังมีครอบครัวอยู่ตรงนี้ เราจะดิ้นรนไปทำไมกันนะ
กว่าจะคิดได้เราสูญเสียตั้งไม่รู้เท่าไหร่ 

หลังจากวันนั้น วันที่เราเข้าโรงพยาบาลเป็นครั้งสุดท้าย เราจึงได้บทเรียนกับเรื่องนี้ว่า
อย่าเสียสละให้ผู้อื่นจนตัวเองไม่เหลืออะไรเลย แต่เราควรที่จะบริหารจัดการทุกอย่างให้เป็น
แบ่งหน้าที่ให้ชัดเจนเสีย แบ่งเวลาให้เหมาะสม พักผ่อนให้เพียงพอ มีกิจกรรมบันเทิงเพื่อผ่อนคลายบ้าง ให้เวลากับสิ่งอื่น ๆ ที่มีค่ากับชีวิตบ้าง
ไม่ว่าจะเป็น การเรียน เพื่อน และ ครอบครัว
เราไม่ได้เกิดมาเพื่อทำทุกสิ่งทุกอย่างเพียงคนเดียว เพราะฉะนั้น อย่าดึงดัน หรือมุทะลุลุยเดียวโดยเด็ดขาด 
นอกจากจะไม่เป็นผลดีแล้ว ยังอาจก่อให้เกิดความสูญเสียได้

ไม่ว่าจะเป็นงานที่ไม่ได้ประสิทธิภาพ
และสุขภาพที่ไม่มีวันกลับมาดีได้ หากยังทำตัวแบบนี้อยู่

รักตัวเองให้มาก ๆ นะคะ สุขภาพดีมันไม่มีขายจริง ๆ เมื่อสูญเสียไปแล้ว มันไม่สามารถเอากลับมาได้อีกแน่นอน
แน่นอนว่าคนที่เสียใจไม่ได้มีแค่เพียงตัวเราเท่านั้น แต่คนที่รักเรายิ่งชีวิตอย่างแม่ผู้ที่ให้กำเนิดเรามา คงจะเสียใจไม่น้อยเลยหากเราเป็นอะไรไป เพียงเพราะเราไม่รักตัวเอง

ใส่ใจคนที่เรารัก
ใส่ใจคนที่รักเรา
ใส่ใจสุขภาพของเรา
อย่ารอ...ให้ถึงวันที่สายไปนะคะ

บันทึกหลังกำแพง
- นิลธารา -