สวัสดีซึมเศร้า

สวัสดีซึมเศร้า

เชื่อไหมว่า "การพูดคุย" สามารถเยียวยาคนที่เป็น "โรคซึมเศร้า" ได้ ไม่มากก็น้อย จากคนคนหนึ่ง ที่เคยเกือบตายเพราะ "โรคซึมเศร้า" มาแล้วเหมือนกัน

เชื่อไหมว่า "การพูดคุย" สามารถเยียวยาคนที่เป็น "โรคซึมเศร้า" ได้ ไม่มากก็น้อย
จากคนคนหนึ่ง ที่เคยเกือบตายเพราะ "โรคซึมเศร้า" มาแล้วเหมือนกัน

ฉันยังจำได้ดี วันที่ฉันบอกกับแม่ว่า "แม่...หร่ายไปหาหมอมา หมอบอกว่าหร่ายเป็นโรคซึมเศร้า" 
เมื่อได้ยินเช่นนั้น แม่นั่งเงียบอยู่ชั่วขณะ ก่อนที่น้ำตาเจ้ากรรมจะรินไหลออกมาพร้อมกับเสียงสะอื้น จากนั้นแม่พูดพรั่งพรูออกมาว่า
"แม่ผิดเอง...ที่ดูแลหร่ายไม่ดี แม่ผิดเองที่คิดว่าทำดีที่สุดแล้ว แต่มันยังไม่ดีพอสำหรับลูก ต้องการแบบไหน อยากได้แบบไหนทำไมไม่บอกแม่ ไม่ไหวทำไมไม่บอก รับไม่ไหวทำไมไม่พูด"
สิ้นสุดประโยคสุดท้าย มันจุกอยู่ในอก จนน้ำตาก็ค่อย ๆ ไหลจากตาของฉันเหมือนกัน

ตลอดเวลาที่ฉันเผชิญกับโรคนี้ ฉันคิดว่าฉันโดดเดี่ยวมาตลอด เพราะฉันหวาดกลัวการพูดคุยกับผู้คน ฉันกลัวว่าเขาจะไม่เข้าใจในสิ่งที่ฉันเป็น กลัวว่าจะทำให้คนที่รับฟังต้องรำคาญใจ ทำให้ฉันกลายเป็นคนที่กอดเก็บความเจ็บปวดนี้เอาไว้กับตัวเองเสมอ
แต่หารู้ไม่ว่า การทำแบบนี้นั้น ส่งผลเสียอย่างรุนแรงมาก เพราะสิ่งที่สำคัญที่ไม่ควรมองข้ามเลย คือการระบาย และการพูดคุยเปิดใจ แต่สิ่งที่ยากกว่า คือหาคนที่จะรับฟังและเข้าใจในสิ่งที่เราเป็น

การสื่อสารคือสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามจริง ๆ การบอกใครสักคนว่าเรารู้สึกยังไง มันไม่ใช่เรื่องที่ผิด ระบายออกมาดีกว่านะ เพื่อให้อีกฝ่ายได้รับรู้ การเก็บเอาไว้ แล้วมาคิดเองเออเองมันก็ไม่ใช่ผลดีเช่นกัน
ทุกคนไม่ใช่พระเจ้า...ที่จะรับรู้ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ภายในใจ
แม้แต่นักจิตวิทยาก็ไม่อาจรู้ให้ถึงก้นบึ้งของหัวใจได้ คนที่รู้มีแค่ตัวเราเท่านั้น

หากวันนั้นฉันเลือกที่จะไม่พูด ฉันคงยอมแพ้ต่อโชคชะตาของตัวเองไปแล้ว แต่พอฉันพูดออกไป มีคนมากมายที่เข้ามาโอบกอดฉันเอาไว้ และช่วยพยุงให้ฉันเดินต่อมาได้จนถึงทุกวันนี้
แม่จะบอกเสมอว่า..."หร่ายจะตายด้วยเหตุอะไรก็ได้ ขออย่างเดียว อย่าตายเพราะฆ่าตัวตาย...แม่รับไม่ได้"
อืม...คนที่ไม่เข้าใจในสิ่งที่ฉันเป็นก็ไม่เป็นไร ฉันรู้แค่ว่า...ฉันต้องอยู่ต่อเพื่อคนที่รักฉัน และคนที่ฉันรัก อยู่ในที่ที่เราสามารถยืนได้อย่างเต็มสองเท้า แล้วเราจะมีความสุขและยิ้มได้ ด้วยตัวเอง

หากคนใกล้ตัวของคุณป่วยเป็นโรคนี้ อยากให้คุณรับฟังเขาให้มาก ๆ เข้าใจเขาให้มาก ๆ
ให้เขาได้ระบายออกมา และช่วยอยู่เคียงข้างเขาด้วยนะ
และหากคุณที่ได้อ่านบทความนี้และกำลังเผชิญกับความมืดมนอย่างที่ฉันเป็น อย่าคิดว่าตัวเองโดดเดี่ยวเลย บางครั้งเราอาจจะมองข้ามคนใกล้ตัวที่รักและเป็นห่วงเราที่สุดไป ไม่ต้องมีมากนับสิบนับร้อยก็ได้ ขอแค่เพียงใครสักคนที่คุณไว้ใจและพร้อมที่จะรับฟัง แล้วให้คุณเปิดใจระบายมันออกมา 
ไม่ต้องกังวลนะ "เราคือเพื่อนกัน" 
อย่าเพิ่งยอมแพ้นะ ยังมีคนที่พร้อมที่จะโอบกอดคุณอยู่ตรงนี้ 
มีชีวิตต่อไปนะ...
ยิ้มให้ตัวเองเยอะ ๆ นะ...
แล้วก็...ขอให้ความสุขโอบกอดคุณ ขอให้ความสดใสอยู่เคียงข้างคุณเสมอ และตลอดไปเลย 

บันทึกหลังกำแพง
- นิลธารา -