A BAD Bodyguard | รอยแค้นบอดี้การ์ดสาว

A BAD Bodyguard | รอยแค้นบอดี้การ์ดสาว
ตอนที่ 3 ตุ๊กตาทอง

"วันจันทร์ ผมและภรรยาจะต้องเดินทางไปที่ต่างประเทศ หน้าที่ของคุณคือคอยดูแลลูกสาวของผมตลอด 3 เดือนที่ผมไม่อยู่ ก่อนไปผมจะให้เกริกพลช่วยสอนงานคุณก่อน และนงจะเป็นพี่เลี้ยงให้กับคุณด้วย" เสียงทุ้มจากคนเป็นนายกล่าวมอบหมายหน้าที่ แต่ท่าทีของเขากลับไม่ได้ดูโอ้อวด หรือดูกร่างข่มปัญญาวีแม้แต่น้อย
ปัญญาวียืนกุมมือไว้ที่ด้านหน้าเลียนแบบหญิงสาวอีกคนที่ยืนอยู่ด้านข้างเธอเพื่อสงบเสงี่ยมท่าทาง ตอนนี้ทุกอย่างดูเป็นใจเสียหมด การแก้แค้นครั้งนี้ดูเหมือนจะง่ายกว่าที่คิด ตอนนี้หัวใจของเธอร้อนรุ่มจากไฟแค้นที่ปะทุอยู่ในใจ
อยากจะเห็นหน้าคนที่มันเป็นฆาตกรใจจะขาดอยู่แล้ว เมื่อไหร่จะได้ออกจากตรงนี้สักที...
"ช่วยดูแลลูกสาวของเราเสมือนเป็นน้องสาวของคุณจะได้หรือเปล่าคะคุณปัญญาวี..."
หญิงวัยกลางคนที่ดูสละสลวยแม้ใบหน้าจะไม่ได้แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอาง เธอถามด้วยน้ำเสียงที่ดูอ่อนโยน ปัญญาวีถึงกับขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความแปลกใจเพราะนี่ไม่ใช่ประโยคคำสั่ง แต่มันคือประโยคขอร้อง
คนพวกนี้เชี่ยวชาญเรื่องสวมหน้ากากเหรอวะ ถ้าบอกว่าเป็นดาราก็คงเชื่อ เอารางวัลตุ๊กตาทองไปเลย ทำเป็นพูดดีเพราะหวังจะสร้างความประทับใจแรกหรือเปล่า อย่าใจอ่อนนะปัญ...คนพวกนี้ไว้ใจไม่ได้... ปัญญาวีคิดในใจ
ครืด ครืด ครืด ~
เสียงจากโทรศัพท์มือถือเครื่องบางสั่นครืดอยู่บนโต๊ะทำงาน ก่อนคนเป็นนายจะหยิบขึ้นมาดู
"ผมต้องไปคุยธุระข้างนอก เดี๋ยวคุณคุยกับภรรยาผมต่อแล้วกัน" พูดจบก็เดินออกจากห้องไปพร้อมกับโทรศัพท์ในมือ
"นง เดี๋ยวเธอไปดูความเรียบร้อยที่ห้องคุณปัญญาวีนะ ขาดเหลืออะไรมาบอกฉัน"
"รับทราบค่ะคุณผู้หญิง" นงคราญพูดพร้อมกับโค้งตัวลงเล็กน้อย ก่อนจะเดินออกจากห้องไป เหลือเพียงปัญญาวีและนายหญิงภายในห้องเท่านั้น
"ดีใจที่คุณยอมมาเป็นบอดี้การ์ดให้กับลูกสาวของฉันนะคะ" หญิงวัยกลางคนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม ปัญญาวีจึงยิ้มตอบกลับไปพร้อมกับก้มศีรษะลงเล็กน้อย
"ทำไมถึงเป็นฉันคะ"
"ถ้าถามว่าทำไมถึงเป็นคุณ ฉันคงต้องขอเท้าความก่อน สามีของฉันเขาชอบดูมวยมากค่ะ และเขาได้ยินมาว่าลูกศิษย์ค่ายมวยเจตคตินั้นฝีมือเลื่องชื่อกันทั้งนั้นเลย รวมไปถึงลูกสาวคนโตของคุณสมปอง เจตคติด้วย เห็นเขาลือกันว่าฝีมือไม่ธรรมดา สามีฉันเลยพยายามหาข้อมูลของคุณ เพื่อหวังจะให้มาเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวลูกสาวเราค่ะ แต่พอเราติดต่อหาคุณสมปองหลายครั้ง ก็ถูกปฏิเสธกลับมาทุกครั้ง ด้วยเหตุผลที่ว่าไม่อยากให้ลูกสาวทำงานเสี่ยงอันตราย"
"คะ? คุณเคยติดต่อหาพ่อของฉันด้วยเหรอคะ"
"ใช่ค่ะ แต่เราก็ผิดหวังทุกครั้งที่ติดต่อไปเลยค่ะ จนล่าสุด เราได้ทราบข่าวเรื่องไฟไหม้ค่ายมวยเจตคติและการสูญเสียเสาหลัก ทางเราขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งกับการสูญเสียในครั้งนี้ สามีของฉันก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ เพราะเขาเป็นห่วงลูกสาวทั้งสองของคุณสมปองมาก เลยให้นงคราญและเกริกพลเข้าไปหาคุณโดยตรง เราอยากหยิบยื่นโอกาสให้กับคนเก่ง ๆ อย่างคุณนะคะ"
"มีคนเก่ง ๆ มากมายที่เหมาะสมแก่การเป็นบอดี้การ์ดให้ลูกสาวคุณนะคะ ฉันมีฝีมือก็จริง แต่ฉันไม่ได้ถูกฝึกมาเพื่อที่จะเป็นบอดี้การ์ดใคร ฉันว่า...คุณอาจจะเลือกคนผิด"
"ไม่ผิดหรอกค่ะ เพราะคุณเป็นคนดี เราเชื่อมั่นในตัวคุณ ว่าคุณสามารถดูแลลูกสาวของเราได้ และเพราะเรารู้ดีค่ะ ว่าหากจะเข้าไปช่วยเหลือคุณโต้ง ๆ คุณก็คงไม่รับความหวังดีจากเราแน่นอน วิธีนี้จึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด ฉันเข้าใจนะคะ ถ้าคุณจะข้องใจกับการหยิบยื่นโอกาสในครั้งนี้ แต่อย่ามองความหวังดีของเราเป็นอื่นเลยนะคะ เราอยากช่วยเหลือคุณจริง ๆ"
ท่าทีของผู้หญิงคนนี้ผิดไปจากที่ฉันคิดไว้มาก ฉันไม่รู้เลยว่าตอนนี้เธอกำลังเล่นละครกับฉันหรือเปล่า ถ้าใช่ เธอเล่นได้แนบเนียนมาก เนียนจนฉันคิดว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนดี และเป็นคนให้เกียรติผู้อื่น ในเมื่อคนพวกนี้รู้จักพ่อฉันขนาดนี้ มันจะไม่รู้เชียวเหรอ ว่าคนที่ลูกมันขับรถชนเมื่อ 1 ปีก่อนคือแม่ของฉัน!! ตอนนี้คงพยายามเอาความดีมาลบล้างความผิดสินะ แต่ช่างเถอะ...ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่พ่อหรือแม่ แต่มันอยู่ที่ลูก ถ้าฉันทำอะไรลูกมันได้ เดี๋ยวพ่อกับแม่มันก็คงต้องเจ็บเจียนตายเองนั่นแหละ เอาให้มันเจ็บปวดทั้งครอบครัวไปเลย!!
แม้หญิงวัยกลางคนตรงหน้าจะดูอ่อนโยนมากเพียงใดก็ตาม แต่หาได้ลบรอยแค้นภายในใจของปัญญาวีได้แม้แต่น้อย เพราะตอนนี้ทุกอย่างมันดูย้อนแย้งราวกับว่าพยายามเอาความดีมากลบความผิดที่ได้กระทำลงไป ปัญญาวีได้แต่กัดฟันข่มอารมณ์เอาไว้แน่น
"แล้วฉันต้องทำอะไรบ้างคะ"
"ทำหน้าที่แทนฉันทุกอย่างค่ะ เพราะช่วงที่ฉันและสามีไม่อยู่ นงจะต้องเข้าไปดูแลที่บริษัท เพราะเธอเสมือนเป็นเลขาที่สามีฉันไว้ใจที่สุด ซึ่งหน้าที่ของคุณก็เสมือนเป็นพี่เลี้ยงที่ต้องคอยดูแลคนป่วยอย่างใกล้ชิด นอกจากดูแลความปลอดภัยแล้ว อะไรที่ลูกสาวฉันทำด้วยตัวเองไม่ได้ นั่นคือหน้าที่ของคุณ"
"ป่วย? ป่วยเป็นอะไรคะ"
ก๊อก ก๊อก ก๊อก!
ในขณะที่ปัญญาวีกำลังตั้งข้อสงสัยอยู่นั้น เสียงเคาะประตูก็ดังขัดจังหวะเสียก่อน เธอถึงกับหันขวับไปตามต้นตอของเสียงทันที
"คุณผู้หญิงคะ ฉันเช็คความเรียบร้อยแล้วค่ะ"
"เข้ามาเลยนง...เดี๋ยวฉันจะให้นงพาคุณไปพบกับลูกสาวของฉันนะคะ ถ้าคุณมีอะไรสงสัยก็ถามนงได้เลย" หญิงวัยกลางคนพูดพร้อมกับที่นงคราญเดินเข้ามาพอดี เธอจึงผายมือออกด้านข้างลำตัวเป็นการเชื้อเชิญ 
"เชิญค่ะคุณปัญญาวี"
"ค่ะ"
ปัญญาวีเดินตามหญิงสาวพร้อมกับคำถามมากมาย เธอจ้องมองแผ่นหลังของคนตรงหน้าด้วยหัวใจที่เต้นตึกตัก ป่วยที่ว่าคืออะไร...อะไรที่ทำด้วยตัวเองไม่ได้หมายความว่าอย่างไร... สิ่งที่คนเป็นนายได้ทิ้งข้อสงสัยเอาไว้นั้นสร้างความหวั่นใจให้ปัญญาวีไม่น้อย
จะอะไรก็แล้วแต่ ตอนนี้ฟ้าเปิดทางให้ฉันแล้ว ท่องเอาไว้นะปัญ...นี่คือช่วงเวลาของการแก้แค้น อย่าไว้ใจพวกมัน... ปัญญาวีย้ำเตือนสติตัวเองอีกครั้งระหว่างที่เดินลงบันไดดูหรูหราทอดยาวลงไปที่ชั้นหนึ่ง โดยหญิงสาวตรงหน้าก็ยังคงมีท่าทีสุขุมเช่นเดิม 
"แล้วห้องของคุณหนูเนี่ยไม่ได้อยู่ข้างบนหรอกเหรอ"
"เดิมทีห้องของคุณหนูอยู่ที่ชั้นบนข้างห้องของคุณท่านและคุณผู้หญิงค่ะ แต่ตอนนี้ย้ายลงมาอยู่ที่ชั้นล่างเพื่อที่คุณหนูจะได้ทำอะไรสะดวกขึ้น"
"ย้ายทำไมคะ"
"เดี๋ยวเจอคุณหนูแล้วคุณก็จะเข้าใจค่ะ"
"คุณนี่ไม่ชอบตอบคำถามนะ"
"ฉันไม่จำเป็นต้องตอบคำถามคุณทุกอย่าง"
ปัญญาวีถึงกับกลอกตามองบนและทำปากขมุบขมิบล้อเลียนด้วยความไม่พอใจ เรื่องหน้าตาก็ต้องยอมรับว่าสวยมาก แต่ท่าทีที่ดูเย่อหยิ่งนี่มันทำให้ปัญญาวีอดหมั่นไส้ไม่ได้เลยจริง ๆ
"จะแสดงท่าทางอะไรก็ช่วยระวังด้วยนะคะ"
"เฮ้ย!! คุณมีตาหลังหรือไง!?"
"กฎของการเป็นบอดี้การ์ดที่ดี คุณต้องรู้จักระวังตัวและเป็นคนช่างสังเกตนะคะ"
"โธ่คุณ! ฉันไม่ใช่พระเจ้านะ ที่จะรู้เห็นทุกอย่างน่ะ"
"พอดีภาพคุณมันสะท้อนให้เห็นน่ะค่ะ นั่นแสดงว่าฉันเป็นคนช่างสังเกตนะคะ ไม่ใช่พระเจ้าเหมือนกัน" 
สิ้นคำพูดของหญิงสาว ปัญญาวีจึงเงยหน้ามองผ่านตัวหญิงสาวไปก็พบว่ามีกรอบรูปขนาดใหญ่แขวนอยู่บนผนังหน้าห้อง ๆ หนึ่ง ซึ่งมันสะท้อนหน้าของนงคราญที่กำลังมองเธอผ่านกระจก เธอจึงได้แต่ยิ้มเจื่อน ๆ กลับไป 
"แฮ่ ๆ"
"นี่คือห้องนอนของคุณหนู ส่วนห้องถัดไปคือห้องนอนของคุณ ด้านในจะมีประตูเชื่อมกันระหว่างสองห้อง กรณีที่คุณหนูต้องการความช่วยเหลือ คุณจะได้เข้าไปช่วยเหลือได้ทันที"
"แล้วห้องของคุณอยู่ไหนคะคุณนม"
หญิงสาวแสดงท่าทีเมินเฉยไม่ยอมตอบคำถามอีกครั้ง ก่อนจะเอื้อมมือไปเคาะประตูไม้เพื่อส่งสัญญาณให้เจ้าของห้อง
ก๊อก ก๊อก ก๊อก!
"ขออนุญาตนะคะคุณหนู"
ไม่มีเสียงตอบรับใด ๆ จากเจ้าของห้อง แต่นงคราญก็เอื้อมมือไปจับที่ลูกบิดและหมุนเปิดประตูเข้าไปช้า ๆ เผยให้เห็นการตกแต่งภายในแบบเรียบง่าย กว้างขวาง โทนสีอบอุ่นสบายตา พร้อมกับกลิ่นอโรมาหอมอ่อน ๆ ชวนผ่อนคลายโชยออกมา
"มาแล้วเหรอคะพี่นง"
หญิงสาวผมสีน้ำตาลเจ้าของเสียงหวานหันมาเอ่ยทักทายพร้อมกับรอยยิ้มที่สดใส ทำเอาปัญญาวีถึงกับชะงักอยู่ที่หน้าประตู เพราะรอยยิ้มที่สดใสนั้น มันทำให้เธอหวนคิดถึงใครบางคนที่เป็นโลกทั้งใบของเธอ...
แม่...คิดถึงเหลือเกิน...
"พี่พาคุณปัญญาวีมาแล้วนะคะคุณหนู คุณปัญญาวีคะ นี่คุณหนูณิชาค่ะ"
"สวัสดีค่ะคุณปัญญาวี" เสียงหวานเอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้มอีกครั้ง แต่ปัญญาวียังคงยืนอึ้งอยู่อย่างนั้น จนนงคราญต้องกระตุกชายเสื้อเรียกสติ
"อะ! สะ...สวัสดีค่ะคุณหนู" เธอยกมือไหว้แบบลนลาน หญิงสาวจึงรีบยกมือรับไหว้ทันที
"ไม่ต้องไหว้ค่ะ ไม่ต้องไหว้! ฉันอายุน้อยกว่าคุณนะคะ พี่นงคะ พาคุณปัญญาวีเข้ามาได้เลยค่ะ"
หญิงสาวผู้เป็นนายให้การอนุญาต แต่ตอนนี้คาดว่าเป็นเวลาส่วนตัวที่เธอไม่อยากออกมาต้อนรับเท่าไรนัก เพราะเธอเอาแต่นั่งอยู่บนเก้าอี้ที่หันออกไปด้านนอกหน้าต่างห้องนอน แถมเธอแค่หันมายิ้มทักทายเท่านั้น แต่แล้วทุกอย่างก็ไขกระจ่าง เมื่อปัญญาวีก้าวขาเข้าไปในห้องนอนพร้อม ๆ กับที่เก้าอี้ที่หญิงสาวนั่งอยู่ค่อย ๆ หันมาช้า ๆ ทำเอาปัญญาวีถึงกับหัวใจหล่นวูบลงทันที
เก้าอี้ที่ปัญญาวีเข้าใจในตอนแรก แท้จริงแล้วมันคือรถเข็นไฟฟ้าที่ค่อย ๆ หันมาโดยการใช้ระบบควบคุมการเคลื่อนไหวด้วยจอยสติ๊ก เธอบังคับรถเข็นมาอยู่ที่ข้างเตียงนอนสีครีม ก่อนจะมาหยุดอยู่ต่อหน้าปัญญาวีพร้อมกับรอยยิ้มที่สดใสดังเดิม
"สวัสดีค่ะคุณปัญญาวี หนูชื่อณิชานะคะ"
"สวัสดีค่ะคุณหนูณิชา ฉันชื่อปัญญาวี หรือจะเรียกว่าปัญเฉย ๆ ก็ได้ค่ะ"
"ค่ะ ดีใจที่ได้เจอนะคะคุณปัญ นี่เป็นของเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ฉันทำเพื่อรอต้อนรับบอดี้การ์ดคนใหม่ค่ะ" ณิชาพูดพร้อมกับยื่นดอกกุหลาบที่ประดิษฐ์จากริบบิ้นสีแดงให้ ปัญญาวีจึงเอื้อมมือไปรับทั้งที่ยังคงอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก
"คุณหนูแปรงฟันหรือยังคะ"
"แปรงแล้วค่ะพี่นง ณิพร้อมนอนแล้ว"
"โอเคค่ะ งั้นวันนี้คุณหนูเข้านอนก่อนนะคะ พรุ่งนี้เช้าค่อยทำความรู้จักกับคุณปัญญาวีใหม่อีกครั้ง"
"ค่ะ" พูดจบหญิงสาวเจ้าของผมหน้าม้าบาง ๆ บังคับรถเข็นถอยหลังช้า ๆ ก่อนจะประคองร่างของตนยืนขึ้นเผยให้เห็นชุดนอนสีชมพูแบบกระโปรง โดยมีนงคราญช่วยประคองร่างของเธอนั่งลงที่เตียงด้วยความระมัดระวัง
"ขอโทษที่เสียมารยาทนะคะคุณปัญญาวี พอดีณิต้องนอนพักผ่อนให้เพียงพอน่ะค่ะ เจอกันพรุ่งนี้นะคะ"
"ค่ะ"
ปัญญาวียืนมองหญิงสาวที่ค่อย ๆ โน้มตัวลงหนุนหมอนใบนุ่มสีครีม ก่อนนงคราญจะเอื้อมไปกุมมือเธอเอาไว้ด้วยมือข้างซ้าย และใช้มือขวาคว้าห่มผ้ามาห่มให้ความอบอุ่นกับเธอ 
"ฝันดีนะคะคุณหนู"
"ฝันดีค่ะพี่นง..."


เวลาผ่านไปนานเท่าใดไม่อาจทราบได้ ปัญญาวีเอาแต่ยืนมองดูนงคราญลูบศีรษะหญิงสาวที่หลับใหลใต้ผ้าห่มก่อนเธอจะค่อย ๆ คลายมือออกช้า ๆ อย่างระมัดระวังเพราะกลัวคนที่หลับไปแล้วจะตื่น ความสับสนและคำถามมากมายแล่นตีกันในความคิด สิ่งที่เธอเห็นมันคืออะไรกัน
"ตอนนี้คุณหนูหลับไปแล้ว ส่วนเราไปคุยกันต่อที่ห้องของคุณนะคะ" เมื่อพูดจบ นงคราญจึงเดินนำไปยังประตูเชื่อมระหว่างห้องนอนของปัญญาวีและคุณหนูณิชา โดยการเดินลงส้นให้เบาที่สุด ก่อนไฟในห้องจะดับลงหลังจากเธอเอื้อมมือไปกดปิดสวิตช์ไฟ


"ทุก ๆ 6 โมงเช้า หน้าที่ของคุณคือพาคุณหนูออกไปรับแสงแดดยามเช้า และออกกำลังกายที่สนามหญ้าด้วยการฝึกเดิน ไม่ต้องหนัก แค่วันละ 30 นาทีก็พอค่ะ เพราะคุณหนูไม่ชอบออกกำลังกาย ส่วนเวลากลางคืน คุณจะต้องส่งคุณหนูเข้านอนก่อน 4 ทุ่ม อย่างช้าคือ 4 ทุ่มครึ่ง งานยิบย่อยทั่วไปก็จะเป็นคอยประคองคุณหนูเวลาไปไหนมาไหน เข้าห้องน้ำ อาบน้ำ อยากไปเที่ยวเล่นข้างนอก ประมาณนี้ค่ะ" นงคราญร่ายยาวถึงหน้าที่หลักที่ปัญญาวีต้องทำในแต่ละวัน แต่เธอกลับไม่ได้ตั้งใจฟังแม้แต่น้อยเพราะยังคงข้องใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้า
"คุณนมคะ ทำไมคุณหนูถึงได้นั่งวีลแชร์คะ"
"ฉันไม่จำเป็นต้องตอบคำถามคุณค่ะ และกรุณาเรียกชื่อฉันให้ถูกด้วย อย่าให้ฉันต้องเตือนคุณอีกเป็นครั้งที่สามเลยนะคะ ฉันไม่ชอบพูดอะไรซ้ำหลายครั้ง"
"ในเมื่อฉันต้องคอยดูแลคุณหนู แต่ฉันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับคุณหนูเลยเนี่ยนะคะ"
"ก็แค่ดูแลค่ะ คุณไม่จำเป็นต้องรู้"
"ก็เอาสิคะ ฉันจะถามคุณทุกวัน ถามทุกครั้งที่มีโอกาส ถ้าคิดว่าจะไม่รำคาญก็แล้วแต่"
"ค่ะ เชิญค่ะ เพราะคุณก็สร้างความรำคาญมาให้ฉันตลอดเวลาที่เดินทางมาที่นี่แล้วล่ะค่ะ อย่าลืมนะคะ พรุ่งนี้ตอน 6 โมงเช้า คุณต้องพร้อมพาคุณหนูออกกำลังกายแล้ว นั่นหมายความว่า คุณจะต้องตื่นก่อนเวลา ไม่ใช่ตื่นตอน 6 โมง เข้าใจไหมคะ"
"ค่า ๆ สั่งจังเลยอะ ทำไมคุณไม่ทำเองอะคุณนม"
"คุณปัญญาวี!! คุณท่านจ้างคุณมาทำงานนะคะ!! แล้วคุณก็เป็นคนเซ็นสัญญาเองไม่ใช่เหรอคะ อย่าลืมสิ"
"แต่ในสัญญาบอกแค่ว่าเป็นบอดี้การ์ดคอยดูแลลูกสาวคุณท่านไม่ใช่เหรอ มันไม่ได้ระบุหนิว่าต้องคอยทำนั่นทำนี่ ฉันมาเป็นบอดี้การ์ดนะคุณ ไม่ใช่มาเป็นคนรับใช้"
"คำว่าดูแล มันครอบคลุมทุกอย่างแล้วค่ะ ฉันต้องขอตัวนะคะ พรุ่งนี้ห้ามสายนะคะคุณปัญ...ญา...วี" นงคราญพูดแบบทอดเสียงยาวเลียนแบบที่ปัญญาวีเคยพูดก่อนหน้า ทำเอาเธอถึงกับกำหมัดแน่นด้วยความโมโห


เอี๊ยด~ เอี๊ยด~ เอี๊ยด~ เอี๊ยด~
เสียงประตูตู้เสื้อผ้าถูกเปิดไล่ไปทีละบานจนครบทั้ง 2 ตู้ ข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่างรวมถึงชุดสูทของเธอถูกจัดเตรียมให้แบบครบครัน ปัญญาวีจึงไม่รอช้ารีบคว้าชุดสูทเข้ามาสวมทันที ซึ่งเป็นที่น่าแปลกใจที่เธอสามารถสวมได้พอดีราวกับว่าทุกอย่างเตรียมพร้อมสำหรับเธอโดยเฉพาะ
มันไม่แปลกไปหน่อยเหรอ ที่ฉันใส่เสื้อผ้าพวกนี้ได้พอดีอย่างกับรู้ไซส์ หรือความจริงพวกมันจะรู้แล้วว่าฉันคือลูกของคนที่ลูกสาวมันขับรถชนเมื่อปีที่แล้ว ที่ข้อเสนอและค่าจ้างสูงขนาดนั้นคงเป็นเพราะจะชดเชยค่าเสียหายให้แน่ ๆ แต่สุดท้าย...มันก็ให้ฉันมาอยู่ภายใต้ของมันอยู่ดี พวกมันคิดจะทำอะไรกันแน่วะ ทำไมฉันต้องมาคอยดูแลคนที่มันฆ่าแม่ฉันด้วย!! มันคงคิดว่าจะกดขี่ฉันยังไงก็ได้สินะ...คิดผิดแล้วนะณิชา แล้วเธอจะได้รู้ ว่าการที่เธอให้ฉันเข้ามาอยู่ที่นี่ มันคือนรกของเธอ!! ปัญญาวีคิดในใจพร้อมกับหันไปมองดอกกุหลาบประดิษฐ์ด้วยริบบิ้นที่เธอวางเอาไว้บนปลายเตียงนอนของเธอ
แม้ตอนนี้จะยังไม่เข้าใจสถานการณ์ แต่เธอเชื่อสนิทใจ ว่าทุกอย่างมันถูกจัดเตรียมเอาไว้อย่างดีแล้ว และเธอ...ก็อาจจะเป็นแค่เบี้ยตัวหนึ่งที่ครอบครัว เกษมไพโรจน์ กุมเอาไว้ จะสั่งให้เป็น หรือจะสั่งให้ตายตอนไหนก็ได้...


06:00 
ติ๊ด ๆ ติ๊ด ๆ
เสียงจากนาฬิกาปลุกดิจิตอลที่ตั้งเอาไว้บนหัวเตียงทำหญิงสาวผมประบ่างัวเงียลุกขึ้นมาปิดด้วยสภาพสะลึมสะลือ ตอนนี้เธอสวมเพียงเสื้อกล้ามตัวบางและกางเกงขาสั้นตัวในที่เธอสวมมาที่คฤหาสน์หรูแห่งนี้ เหงื่อที่ท่วมทั้งตัวบ่งบอกได้ทันทีว่าเธอไม่ได้เปิดเครื่องปรับอากาศในเวลานอน ทำให้เธอหลับ ๆ ตื่น ๆ ตลอดทั้งคืนเพราะร้อนจนทนไม่ไหว บวกกับที่ก่อนหน้าเธอต้องอดหลับอดนอนมานาน เธอจึงลืมหน้าที่ของเธอในเช้าวันนี้แบบสนิท
"ทำไมร้อนจังวะ ไอ้เบื๊อกน็อคไปแล้วเหรอ" 
ปัญญาวีแหงนหน้ามองบนเพดานก็เห็นแค่เพียงหลอดไฟ แต่ไร้พัดลมเพดานตัวเก่าคร่ำครึ ก่อนเธอจะโน้มตัวลงนอนหนุนหมอนอีกครั้ง
"เฮ้ย!!!!" ทันทีที่สมองของเธอประมวลเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนที่ผ่านมาได้ เธอจึงรีบดีดตัวขึ้นจากที่นอนอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเอื้อมไปคว้ายางมัดผมที่วางอยู่บนหัวเตียงมามัดรวบผมประบ่าของตนพร้อมกับรีบวิ่งไปเปิดประตูห้องน้ำอย่างลนลาน
แต่ประตูที่เธอเอื้อมไปเปิดนั้นไม่ใช่ประตูห้องน้ำแต่อย่างใด เพราะมันทำให้เธอพุ่งไปที่ห้องนอนอีกห้องหนึ่งราวกับประตูมิติ หญิงสาวเจ้าของผมหน้าม้าสีน้ำตาลถึงกับกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ เพราะสภาพของเธอตอนนี้นั้นมีแค่เพียงเสื้อกล้ามตัวบางที่ไม่ได้สวมบรา และกางเกงชั้นในสีขาวจนมองเห็นสัดส่วนทรวดทรงและขาเรียวได้แบบเต็มตา
"กรี๊ด!!!!"
"ว๊าก!!!!"
"กรี๊ด!!!!"
"เฮ้ย!!!! อย่ามองนะ!!!!" 
"คุณหนูเกิดอะไรขึ้นคะ!!!?" ระหว่างที่ทั้งสองต่างกรีดร้องด้วยความตกใจนั้น ประตูอีกบานก็ถูกเปิดพรวดเข้ามาอย่างรวดเร็วจนเผยให้เห็นร่างคุณหนูที่ปิดตากรีดร้องบนรถเข็นไฟฟ้าของเธอ พร้อมกับหญิงสาวอีกคนที่ถูกว่าจ้างให้มาเป็นบอดี้การ์ด แต่ทั้งเนื้อทั้งตัวของเธอกลับไม่พร้อมที่จะปฏิบัติหน้าที่ในเช้าวันนี้แม้แต่น้อย
"คุณปัญญาวี!!! คุณกลับห้องคุณไปเดี๋ยวนี้!!!" 


"ฉันบอกคุณแล้วใช่ไหมว่าให้ตื่นก่อนเวลา!!! แล้วนี่อะไร คุณจะเปิดประตูพุ่งพรวดเข้ามาห้องคุณหนูทั้งที่ยังไม่ใส่เสื้อผ้าไม่ได้นะ!!!"
"ก็ฉันไม่ได้นอนมาตั้งหลายคืน พอได้มานอนมันก็ต้องเพลียสิคุณนม!! แล้วไอ้ห้องแอร์เนี่ย ฉันไม่เคยนอนหรอกนะ หนาวขนาดนั้นฉันนอนไม่หลับ!! ทำไมที่ห้องไม่มีพัดลมวะ รวยซะเปล่า ทำไมไม่รู้จักซื้อพัดลมเผื่อไว้อะ!!?"
"นี่คุณอย่ามาโทษคนอื่นนะ!! ใครจะไปรู้ว่าคุณจะนอนห้องแอร์ไม่ได้ ทำไมคุณไม่บอกฉันก่อนล่ะคะ!!?"
"แล้วใครจะไปรู้วะ ว่าในห้องมันมีแต่แอร์อะ"
"แล้วเมื่อคืนนี้คุณทำไมไม่ดูล่ะคะ!!? ฉันบอกคุณแล้วใช่ไหม ว่าเป็นบอดี้การ์ดที่ดี คือคุณต้องเป็นคนช่างสังเกต!!"
"ก็ฉันไม่ได้เป็นบอดี้การ์ดไงโว้ย!!!"
"แต่ตอนนี้คุณคือบอดี้การ์ด!!!"
เสียงทั้งสองที่ทะเลาะกันดังออกมาจากห้องนอน จนณิชาถึงกับหันไปมองหน้าเกริกพลแบบเจื่อน ๆ เขาจึงส่งยิ้มคืนกลับมาก่อนจะประคองร่างของเธอให้ยืนขึ้นช้า ๆ 
"ช้า ๆ นะครับคุณหนู"
"คุณพลคะ ช่วยไปห้ามทั้งสองคนทีค่ะ เอาแต่ทะเลาะกันนานแล้วนะคะ"
"ปล่อยไว้แบบนั้นแหละครับ ถ้าเหนื่อยเดี๋ยวก็เลิกทะเลาะกันเอง ให้ทั้งสองได้ทะเลาะกันก็ดีนะครับ จะได้ทำงานร่วมกันตั้ง 3 เดือนด้วย คงจะสนิทกันเร็วขึ้น" พูดพร้อมกับประคองร่างหญิงสาวให้เดินที่สนามหญ้าด้วยความระมัดระวัง แต่คนเป็นนายกลับหันไปมองตามต้นตอของเสียงด้วยความร้อนใจ
"คุณพลคะ ไม่ใจร้ายไปหน่อยเหรอคะ ณิไม่เคยเห็นพี่นงฟิวส์ขาดขนาดนี้มาก่อนเลย ปกติพี่นงเป็นคนที่ใจเย็นมากเลยนะคะ"
"ฮ่า ๆ คุณปัญญาวีนี่มีความสามารถพิเศษนะครับ ทำให้คุณนงคราญฟิวส์ขาดได้ขนาดนี้ ฝีมือไม่ธรรมดาจริง ๆ คุณหนูรู้อะไรไหมครับ ว่าคุณนงคราญพยายามระงับอารมณ์ตั้งแต่อยู่บนรถแล้วล่ะครับ"
"ทำไมเหรอคะ เกิดอะไรขึ้นคะ"
"คุณนงคราญเป็นคนไม่ชอบตอบคำถาม แต่คุณปัญญาวีมีแต่คำถามเต็มไปหมด คุณนงคราญไม่ชอบเสียงดัง แต่คุณปัญญาวีชอบทำอะไรเสียงดังรบกวนตลอดทาง ฮ่า ๆ เหมือนเป็นคู่ปรับตัวฉกาจของคุณนงคราญเลยล่ะครับคุณหนู เห็นทีคุณหนูจะต้องปวดหัวแล้วล่ะครับ ถ้าสองคนนั้นต้องอยู่ด้วยกัน"
"เฮ้อ...อย่าพูดแบบนี้สิคะคุณพล นี่ณิจะต้องอยู่กับพวกเขาทั้งสองคนถึง 3 เดือนเลยนะคะ..."
ม้า
ไรท์แวะมาคุย~`

“เซฟคุณปัญ กด 1 เซฟคุณนง กด 2 เซฟคุณหนู กด 3 นะคะทุกคน 55555”