A BAD Bodyguard | รอยแค้นบอดี้การ์ดสาว

A BAD Bodyguard | รอยแค้นบอดี้การ์ดสาว
ตอนที่ 15 ยอมรับให้ได้

"เอ็งคือใคร..." เสียงแหบพร่าที่แฝงไปด้วยความแข็งกร้าวเอ่ยถาม พลางกับยกไม้เท้าชี้มาที่ปัญญาวี สองขาของเธอจึงคุกเข่าลงช้า ๆ ก่อนมือเรียวทั้งสองจะพนมไว้ที่กลางอก ชายหนุ่มที่ยืนดูเหตุการ์ณอยู่ข้าง ๆ จึงรีบคุกเข่าลงเช่นเดียวกัน
"หนูคือลูกสาวของพ่อสมปอง เจตคติค่ะ หนูมาที่นี่เพราะมีเรื่องสำคัญจะคุยกับพ่อครู"
"คราม..." เสียงแหบพร่าเอ่ยอย่างขึงขัง ชายรูปร่างกำยำจึงพยายามพยุงร่างของตนให้ลุกขึ้นมานั่งเคียงข้างกับปัญญาวี ก่อนจะก้มหน้าลงด้วยท่าทีสำนึกผิด
"ผมขอโทษครับพ่อ ลูกสาวไอ้ปองมันอยากคุยกับพ่อเลยท้าว่าถ้าเอาชนะผมได้ ผมจะยอมให้คุยกับพ่อ"
"ขอโทษที่บังอาจพูดไปอย่างนั้น แต่หนูไม่ได้มีเจตนาจะท้าทายครูบาอาจารย์นะคะ หนูคิดว่ามันคือทางเลือกเดียวที่จะทำให้หนูได้คุยกับพ่อครู หนูเลยต้องทำ หนูกราบขอขมาลุงคราม และพ่อครูที่แสดงกิริยาไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงแบบนี้ หนูไม่ได้คิดจะยกตนข่มท่านเลย อโหสิกรรมให้หนูด้วยนะคะ" พูดจบปัญญาวีจึงก้มลงกราบบุคคลทั้งสองทันที เท้าคู่หนึ่งที่มีรอยเหี่ยวย่นตามกาลเวลาจึงหันหลังเดินจากไปอย่างไม่ใยดี โดยใช้ไม้เท้าช่วยพยุงร่างของตนเอาไว้
"พ่อครูครับ!! น้องของผมดั้นด้นมาที่นี่เพราะมีเรื่องสำคัญจะคุยกับพ่อครูจริง ๆ นะครับ ได้โปรดอย่าเดินหนีเลยครับ จะให้ผมทำอะไรบอกผมมาได้เลยครับ จะใช้งานผมก็ได้ แต่ขอร้องล่ะครับ ช่วยคุยกับน้องผมที"
"ไม่ได้ผลหรอก ยิ่งรู้ว่าเป็นเรื่องไอ้ปอง พ่อกูยิ่งไม่อยากคุย พวกมึงกลับไปเถอะ"
"เฮ้ยลุง!!! นี่ลุงจะผิดสัจจะกับน้องผมเหรอ!!?"
"เด็กนี่มันนอกเกมกับกูก่อน มันไม่ได้เอาชนะกูด้วยวิชามวยไทย"
"แต่ลุงกับน้องไม่ได้ตกลงกันตั้งแต่แรกนี่ครับ ว่าต้องวิชามวยไทยเท่านั้น!! นี่ลุงผิดสัจจะนะลุงคราม!!"
"พวกมึงกลับไป!! ก่อนที่กูจะเอาปืนมายิงกบาลมึง!!"
"ยิงผมเลย!!! ผมจะแลกชีวิตของผมเพื่อให้น้องสาวของผมได้คุยกับพ่อครู!!"
"พอเถอะพี่โก เรากลับกันเถอะค่ะ" เสียงที่เอ่ยออกมาอย่างเรียบนิ่ง แต่ใบหน้าของเธอนั้นกลับแสดงความสิ้นหวังอย่างเต็มประดา เธอรู้อยู่เต็มอกว่าไม่มีทางเอาชนะชายกำยำได้เป็นแน่ เพราะเธอเองก็สังเกตเห็นใบมีดโกนขนาดเล็กที่เขากำเอาไว้ในมือ เขาเองก็นอกเกมมาตั้งแต่ต้น คงกะเอาเธอให้ตาย แต่เธอดันปิดเกมได้เสียก่อน
"ปัญ!!! ปัญจะยอมแพ้แล้วกลับไปทั้งอย่างนี้เหรอ!!? แล้วที่ปัญพยายามทำมาทั้งหมดมันเพื่ออะไรล่ะปัญ!!" เขาตะคอกถามเสียงดัง
"คงไม่มีใครอยากคุยเรื่องคนตายหรอกค่ะ" สิ้นเสียงของเธอ ชายกำยำถึงกับหันขวับทันที
"มึงว่าอะไรนะ!!? ที่มึงพูดมันหมายความว่ายังไง"
"หนูมาที่นี่เพื่อที่จะคุยเรื่องของพ่อ เพราะพ่อ...เสียแล้วค่ะ..."
"ไอ้ปอง...มันตายแล้วเหรอ" จากท่าทีฉุนเฉียวกลับแปรเปลี่ยนเป็นท่าทีสลดลงทันที
"ค่ะ...หนูมาที่นี่เพื่อที่จะหาเบาะแสเรื่องที่ค่ายมวยของพ่อโดนลอบวางเพลิง เพราะก่อนหน้านี้ลูกชายของเขี้ยวเพชร สิงห์อรุณก็ลอบฆ่าหนูเหมือนกัน เลยคิดว่ามันน่าจะมีความเกี่ยวข้องกันแน่ ๆ"
"มึงไม่ได้คิดจะมาแก้แค้นแทนพ่อมึงเหรอ"
"แก้แค้น? แก้แค้นอะไรคะ หนูอยากรู้ที่มาที่ไป ว่าเมื่อก่อนมันเกิดอะไรขึ้น เพราะทั้งสองเป็นลูกศิษย์ครูคนเดียวกัน และที่หนูนอกเกมเพราะลุงครามนอกเกมกับหนูก่อน ทั้ง ๆ ที่หนูมือเปล่า ไม่มีอาวุธ และหนูก็พร้อมสู้แบบไม่กลัวตาย แต่ลุงกลับเล่นนอกเกมด้วยการกำใบมีดโกนเอาไว้ ลุงคงกะจะปาดคอหนูให้ตายเลยใช่ไหม ทำไมต้องทำถึงขนาดนั้นคะ มันต้องมีเรื่องอะไรแน่ ๆ ที่พ่อครูไม่ยอมคุยกับหนู"
"พ่อกูไม่มีทางยอมคุยกับพวกมึงหรอก...พวกมึงตามกูมา" พูดจบ ชายกำยำจึงลุกเดินจากไปทันที ทั้งปัญญาวีและโกจึงหันมามองหน้ากันด้วยความมึนงง ก่อนจะรีบวิ่งตามเขาไป
เขาเดินนำทั้งสองเข้าไปยังสวนมะขาม ผ่านต้นแล้วต้นเล่าก็ยังไม่ถึงจุดหมาย ยิ่งเดินลึกเข้าไปเท่าไหร่ ยิ่งเป็นป่ารกเข้าไปทุกที จนชายหนุ่มเริ่มหวาดระแวงกับท่าทีของเขาที่ดูนิ่งเงียบมาได้สักพักหนึ่งแล้ว
"ปัญ...เราจะไม่ถูกหลอกมาฆ่าใช่ไหม" เขากระซิบถาม
"ไม่หรอกพี่โก เหมือนลุงครามจะพาเราไปที่ไหนสักที่นะ"
"เชื่อได้เหรอปัญ พี่ไม่ไว้ใจ"
สิ้นเสียงพูดของโก ชายกำยำใช้มือแหวกโพลงหญ้าเปิดทางจึงเผยให้เห็นบ้านไม้ยกถุนบ้านคล้ายกับหลังที่เห็นก่อนหน้า แต่บริเวณโดยรอบเป็นลานที่มีชุดฝึกซ้อมมากมาย คาดว่าเป็นสถานที่ในการเรียนและฝึกซ้อมมวยไทยโบราณเป็นแน่ ก่อนเขาจะเดินนำเข้าไป โดยมีทั้งสองเดินตามเขาไม่ห่าง
"จำปา!!"
"จ้าพี่!!!" เสียงแหลมเอ่ยตอบ ก่อนจะปรากฎร่างหญิงวัยกลางคนที่สวมเสื้อแขนกุดและนุ่งผ้าถุงสีเขียวเข้มเดินออกมาจากบ้าน ท่าทีของเธอดูเป็นมิตรจึงช่วยให้ปัญญาวีและโกคลายความกังวลลงไปได้อย่างมาก
"พาใครมาจ๊ะพี่คราม"
"ลูกไอ้ปอง  นี่เมียกู ชื่อจำปา" สิ้นเสียงทุ้มที่ฟังดูอ่อนกำลังลง ไม่ได้แสดงท่าทีขึงขังอย่างตอนแรกพบ ทั้งสองจึงรีบยกมือไหว้หญิงวัยกลางคนก่อนจะหันมามองหน้ากันด้วยความประหลาดใจ
"สวัสดีค่ะ หนูชื่อปัญค่ะ เป็นลูกสาวของพ่อสมปอง เจคตคิ ส่วนนี่พี่โก เป็นลูกชายของช่างไม้แถวบ้านหนูค่ะ"
"สวัสดีครับป้า"
"ไหว้พระเถอะลูก มาลูกมา มาดื่มน้ำดื่มท่ากันก่อนนะ" เธอรีบก้าวลงบันไดก่อนจะใช้กระบวยที่ทำจากกะลามะพร้าวตักน้ำในโอ่งดินเผายื่นมาให้กับทั้งสอง ปัญญาวีและโกจึงยกมือไหว้อีกครั้งด้วยท่าทีนอบน้อม ก่อนจะผลัดกันดื่มน้ำจากกระบวยจึงได้รับรอยยิ้มที่อบอุ่นตอบกลับมา
"ที่นี่คือที่เรียนและฝึกซ้อมมวยไทยของพ่อลุงเอง แต่หลังจากที่ไอ้เพชรตาย พ่อก็ไม่มาเหยียบที่นี่อีกเลย แต่ลุงกับเมียไม่อยากทิ้งที่นี่ไปเลยเข้ามาดูแลและทำความสะอาดบ้านหลังนี้ นั่งสิ" เขาพูดจบจึงนั่งลงที่แคร่ไม้ไผ่ขนาดใหญ่ ก่อนภรรยาและทั้งสองจะขึ้นไปนั่งตามคำของเขา
"มันเกิดอะไรขึ้นเหรอคะลุงคราม ลุงเพชรไม่ได้เสียเพราะหัวใจวายใช่ไหมคะ"
"ใช่ คนแข็งแรงอย่างมันไม่มีทางตายเพราะเรื่องนั้นหรอก แต่พ่อลุงแค่สร้างเรื่องปิดข่าว"
"ปิดข่าวอะไรคะ"
"พ่อเอ็งไม่ได้เล่าอะไรให้ฟังเลยเหรอ"
"ไม่เคยพูดถึงเลยค่ะ ช่วยเล่าให้หนูฟังทีได้ไหมคะลุงคราม จะให้หนูทำอะไรก็ยอม ขอแค่หนูได้รู้เรื่องอะไรกลับไปบ้าง"
"ไม่ต้องหรอก เอ็งพิสูจน์ความตั้งใจมามากแล้ว เดี๋ยวลุงจะเล่าให้ฟัง แม่ไปทำกับข้าวได้เลยนะ เริ่มเย็นแล้ว เด็ก ๆ พวกนี้จะได้กินข้าวกับเราด้วย"
"ได้จ้ะพี่" เมื่อหญิงวัยกลางคนเดินจากไป ท่าทีของเขาจึงเปลี่ยนไปทันที เขาหยิบตลับเหล็กเก่า ๆ จนมีคราบสนิมเครอะขึ้นมาเปิดก่อนจะหยิบยาเส้นใส่กระดาษมาพันเป็นมวน ตามด้วยจุดไฟแช็กสูบมวนยาเส้นราวกับคนกำลังอมทุกข์
"ลุง ไอ้เพชร และไอ้ปองเป็นเพื่อนรักกัน เราเรียนมวยด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก แต่ไอ้เพชรมันอ่อนกว่าเพื่อน เอ็งคงเดาได้นะว่าใครเก่งที่สุดในเราสามคน"
"ลุงครามเหรอคะ" ปัญญาวีถามเสียงเบา
"ฮ่า ๆ พ่อเอ็งนั่นแหละเก่งสุด ลุงสู้พ่อเอ็งไม่เคยได้...พ่อเอ็งขึ้นชื่อว่าเป็นศิษย์รักของพ่อลุงเลย วันหนึ่ง มีคนใหญ่คนโตได้ยินข่าวว่าพ่อเอ็งมีฝีมือเลยมาทาบทามให้ไปขึ้นชกนัดสำคัญที่จัดขึ้นมาเป็นกรณีพิเศษสำหรับให้พวกคนใหญ่คนโตได้ดู ถ้าชนะจะตุบรางวัลก้อนโต แต่พ่อเอ็งก็ปฏิเสธ แถมยังเสนอชื่อไอ้เพชรไปแทนเพราะอยากให้เพื่อนได้ดี ถ้าให้เทียบแล้ว ไอ้เพชรมันแค่อ่อนในบรรดาเราสามคน แต่มันก็ไม่ธรรมดาถ้ามันออกไปอยู่ข้างนอก ซึ่งมันก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ ไอ้เพชรมันชนะคู่ต่อสู้ได้ตั้งแต่ยกแรก ซึ่งคนใหญ่คนโตประทับใจในตัวมันมาก เลยมีโอกาสได้ขึ้นชกในอีกหลาย ๆ เวที แต่สุดท้าย..." เขาทิ้งคำพูดไว้เพียงเท่านั้น ก่อนจะหยิบแผ่นกระดาษและยาเส้นมาพันเป็นมวนอีกครั้ง
"สุดท้ายอะไรครับลุง!! อย่าเพิ่งสูบ!!"
"ใจเย็นค่ะพี่โก"
"สุดท้าย...ไอ้เพชรมันก็ได้มารู้ทีหลังว่า ที่มันชนะทุกครั้ง เป็นเพราะมีคนใหญ่คนโตอีกคนจ้างให้คู่ต่อสู้ล้มมวยด้วยการเสนอเงินก้อนโต เพียงเพราะ...จะปั้นไอ้ปองเป็นม้ามืดที่สามารถล้มแชมป์ได้ หรือจะพูดง่าย ๆ ก็คือ มันตั้งใจว่าจะให้ไอ้เพชรเป็นแชมป์หลาย ๆ สมัย แล้วให้ไอ้ปองมาขึ้นชก เพราะมันรู้...มันรู้ว่าไอ้เพชรไม่มีทางสู้ไอ้ปองได้แน่ ๆ"
"เขาทำแบบนั้นเพื่ออะไรคะ"
"เรื่องนี้ลุงก็ไม่เข้าใจหรอก รู้แต่ว่ามันคือธุรกิจ พวกเราเป็นแค่ของเล่นสำหรับพวกมีเงิน พอไอ้เพชรมันรู้ มันเลยแค้นไอ้ปองมากที่คิดที่จะหักหลังมัน และวางแผนกับไอ้คนที่มาทาบทามเพื่อหวังจะทำลายอนาคตและชื่อเสียงของมัน ทั้ง ๆ ที่ไอ้ปองมันไม่รู้เรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ ทั้งสองทะเลาะกันแบบรุนแรง ไม่เหลือความเป็นสหาย ไม่เหลือความเป็นพี่เป็นน้องกันอีกแล้ว และนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ไอ้เพชรตาย"
"...หมายความว่ายังไงคะลุงคราม พ่อ...เป็นคนทำให้ลุงเพชรตายเหรอคะ"
"ใช่ พวกมันทะเลาะกันจนตาย เพราะไอ้เพชรสู้พ่อเอ็งไม่ได้ บวกกับที่พ่อเอ็งก็ฉุนจัดด้วยเพราะไม่รู้อีโหน่อีเหน่ สิ่งที่ทำให้พ่อลุงเจ็บปวดคือ...ลูกศิษย์รักใช้วิชามวยที่ร่ำเรียนมาปลิดชีวิตสหายของตัวเอง..." สิ้นคำพูดของชายกำยำ เหมือนมีก้อนหินขนาดใหญ่กดทับหัวใจของปัญญาวีเอาไว้จนเธอแทบกระอัก มันเจ็บปวดจนไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้แม้แต่น้อย
"พ่อลุงโกรธจนต้องไล่ไอ้ปองออกจากสิงห์อรุณทั้ง ๆ ที่เป็นลูกศิษย์ที่พ่อรักและหวงแหนที่สุด พ่อเอ็งเสียใจและผิดหวังกับสิ่งที่ทำลงไป เลยรับลูกและเมียไอ้เพชรไปดูแลต่อเพื่อชดใช้กับสิ่งที่มันพลาดพลั้ง หลังจากนั้นพ่อลุงก็ใช้เงินปิดข่าวการตายเพื่อปกป้องศิษย์รักของตัวเอง และตัดขาดกันตั้งแต่วันนั้น"
"นั่นก็หมายความว่า...พ่อคือคนที่ทำให้ลุงเพชรต้องตาย เลยเลี้ยงดูลูกชายของลุงเพชรเพื่อชดใช้ ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แก่ใจ...ว่าสักวัน...คนที่เลี้ยงมากับมือต้องกลับมาทำร้ายพ่ออย่างนั้นเหรอคะ"
"เรื่องนี้ลุงไม่รู้หรอก ลุงไม่คิดว่าลูกไอ้เพชรจะกล้าทำแบบนั้น แต่ถ้าเอ็งพูดมาถึงขนาดนี้ ทั้งเรื่องเผาค่ายมวย ทั้งเรื่องลอบฆ่าเอ็ง มันก็คงสรุปได้แล้วล่ะว่าลูกไอ้เพชรทำเพื่อล้างแค้นให้พ่อของมัน...มันเป็นความจริงที่เจ็บปวด แต่เอ็งก็ต้องยอมรับให้ได้"
"แต่พ่อ...ไม่ได้ตั้งใจ...ที่จะฆ่าเพื่อน...ใช่ไหมคะ"
"ไอ้ปองมันรักเพื่อน มันไม่ได้ตั้งใจที่จะฆ่าหรอก แต่มันถูกครอบงำด้วยความโกรธ นั่นก็เป็นสาเหตุที่พ่อลุงไม่ยอมคุยกับเอ็งพอรู้ว่าเอ็งเป็นลูกสาวของไอ้ปอง พ่อลุงเจ็บปวดและเสียใจจนละทิ้งทุกอย่างไป ไม่กล้าแม้แต่มาเหยียบที่นี่ และเอาแต่โทษตัวเองมาตลอดว่าเป็นคนหยิบยื่นวิชาให้ลูกศิษย์เอามาฆ่ากันเอง ลุงเองก็ต้องขอโทษด้วยนะที่เล่นนอกเกม ลุงคิดว่าเอ็งจะมาแก้แค้นที่พ่อไล่ไอ้ปองออกจากสิงห์อรุณ และลุงรู้ดี ว่าเอ็งต้องฝีมือไม่ธรรมดาแน่ ๆ แววตาของเอ็งมันเหมือนกับไอ้ปองไม่มีผิด ลุงเลยจะเอามาป้องกันตัวเพราะลุงก็แก่มากแล้วคงสู้แรงเด็กรุ่นใหม่ไม่ได้หรอก ลุงไม่ได้คิดที่จะฆ่าเอ็ง"
"หนูไม่ได้มีเจตนาแบบนั้นค่ะ และหนูก็รู้ว่าลุงไม่ทำร้ายหนูแน่ ๆ เพราะทุกหมัดที่ลุงต่อยมา เหมือนจงใจให้หนูอ่านเกมออกตั้งแต่แรก คนที่เป็นถึงลูกชายของครูมวยคงไม่เปิดโอกาสให้คู่ต่อสู้อ่านเกมง่ายขนาดนั้นหรอกค่ะ แต่ลุงเองก็คงอยากรู้ว่าหนูจะคุยอะไรกับพ่อครูใช่ไหมคะ"
"เอ็งนี่มันเก่งและฉลาดจริง ๆ สมแล้วที่เป็นลูกสาวไอ้ปอง มองออกทุกอย่าง ไม่ว่าลุงจะทำอะไร ลุงเห็นแววตาที่มุ่งมั่นของเอ็งมันทำให้นึกถึงไอ้ปอง ลุงเลยอยากรู้สาเหตุที่ทำให้เอ็งถ่อมาถึงที่นี่ แต่ลุงอยากให้เอ็งกลับไปด้วยความเชื่อที่ว่า พ่อเองไม่ได้มีเจตนาจะฆ่าเพื่อนพ้องของตัวเอง และขออย่าให้เอ็งทำร้ายคนที่พ่อเอ็งรับเลี้ยงนะ ให้ความแค้นมันจบที่มัน เอ็งอย่าให้ความแค้นมันลากยาวไม่จบไม่สิ้น ลุงเชื่อ...ว่าจิตใจของเอ็ง มันงดงามเกินกว่าจะฆ่าให้อีกคนต้องตายคามือแน่ ๆ มันแค่ไม่เข้าใจสาเหตุที่พ่อของมันต้องตาย ถ้ามันอยากรู้ เอ็งพามันมาที่นี่ ลุงจะช่วยพูดให้เอง"
"ขอบคุณนะคะลุงคราม หนูจะไม่กลับไปด้วยความแค้นค่ะ แต่หนูจะพยายามเกลี้ยกล่อมมันให้ได้ หนูจะไม่ทำร้ายคนที่พ่อเลี้ยงมากับมือ ต่อให้มันจะลอบฆ่าหนูอีกกี่ครั้งก็ตาม..."


"พวกหนูขอตัวกลับก่อนนะคะ ลุงคราม ป้าจำปา" ปัญญาวีกล่าว ก่อนทั้งสองจะยกมือไหว้ด้วยท่าทีนอบน้อม หญิงวัยกลางคนจึงเอื้อมมือมาจับที่ต้นแขนของเธอพลางกับลูบศีรษะด้วยความเอ็นดูหญิงสาว
"ไม่อยู่กินข้าวเย็นด้วยกันก่อนเหรอลูก"
"หนูมีเรื่องที่ต้องไปจัดการต่อค่ะ ขอบคุณมากเลยนะคะ" 
"เนี่ยป้าทำไว้ตั้งเยอะ"
"จำปา...ให้เด็ก ๆ กลับเถอะ ก่อนที่ฟ้าจะมืด" แม้จะอยากรั้งไว้แค่ไหนก็ตาม แต่หญิงวัยกลางคนจำต้องยอมให้ทั้งสองกลับไปแต่โดยดี แต่เธอก็ยังไม่ลืมที่จะคว้าข้าวต้มมัดที่นำตอกไม้ไผ่มาทำเป็นหูหิ้วยื่นมาให้ ปัญญาวีจึงยกมือไหว้อีกครั้งด้วยรอยยิ้ม
"เอาไว้กินเผื่อหิวระหว่างทางนะลูกนะ"
"ขอบคุณนะคะป้าจำปา ไว้มีโอกาสหนูจะกลับมาเยี่ยมใหม่นะคะ"
"มานะลูก ป้าดีใจมากเลยที่ได้เจอหน้าหลาน พี่ปองเขาไม่เคยพาลูกสาวมาให้เห็นหน้าเลยสักครั้ง"
"หนูมีน้องสาวด้วยนะคะ ไว้จะพามาไหว้พ่อครู ลุงคราม และป้าจำปาแน่นอนค่ะ"
"จ้าลูก เดินทางปลอดภัยกันนะลูก"
"ขอบคุณค่ะ"
"เอ็งจำคำลุงไว้นะ อย่ากลับไปด้วยความโกรธแค้น อย่าให้อารมณ์มันอยู่เหนือเหตุผล ไอ้ปองมันคงอยากให้ลูกยึดมั่นในความดีของตัวเอง"
"ค่ะลุงคราม หนูรับปากว่าจะไม่ให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผลเด็ดขาด หนูจะไม่ทำร้ายน้องค่ะ"
"โชคดีนะ..."
สุดท้ายแล้ว...การแก้แค้นมันก็คือบ่วงกรรมที่สร้างความเจ็บปวดไม่จบไม่สิ้นสินะ แกฆ่าพ่อฉันเพื่อล้างแค้นให้พ่อแกได้แล้วนะเปี๊ยก...แต่จะทำยังไง...ฉันถึงจะได้น้องชายคนเดิมกลับมา...


"ขอบคุณนะคะพี่โกที่พาปัญไปตามหาความจริง" ปัญญาวีพูดพลางกับยื่นข้าวต้มมัดให้กับชายหนุ่ม เขาถึงดันมือของเธอคืนด้วยรอยยิ้ม
"ปัญเก็บไว้กินเถอะ อย่าคิดมากเลยนะ เรากลับไปแก้ไขอดีตไม่ได้ แต่พี่เชื่อว่าปัญสามารถแก้ไขปัจจุบันและอนาคตได้"
"ขอบคุณนะคะ ยอมรับว่าตอนรู้เรื่องนี้ ปัญก็เข้าใจไอ้เปี๊ยกขึ้นมาหน่อย แต่ก็เจ็บปวดเหมือนกันที่มันเลือกทำแบบนี้"
"พี่เข้าใจ อย่าให้มันมีการล้างแค้นกันอีกเลยนะ สิ่งที่ลุงปองตั้งใจ คือการเลี้ยงดูลูกชายของเพื่อนให้ดีที่สุด ไม่มีใครอยากให้เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้น"
"ค่ะพี่โก งั้นปัญขอตัวนะคะ ปัญต้องกลับไปดูแลเจ้านายต่อ"
"อืม แล้วไม่เข้าไปหาน้องปุณเหรอ"
"ไว้เคลียร์เรื่องทุกอย่างก่อนดีกว่าค่ะ ถ้าเห็นหน้าปัญบวมแบบนี้น้องคงเป็นห่วงปัญแย่"
"นั่นสินะ กลับไปพักผ่อนนะปัญ อย่าไปทำอะไรคนเดียวโดยที่ไม่บอกพี่นะ"
"ค่า...พี่โกเข้าบ้านเถอะ ไม่ต้องห่วง ปัญไม่ไปเสี่ยงคนเดียวหรอก"
"อืม...งั้นก็ขับรถดี ๆ นะปัญ"
"ค่ะพี่โก" 
ทั้งสองต่างโบกมืออำลากันด้วยรอยยิ้ม แต่ภายใต้รอยยิ้มกลับแฝงไปด้วยร่องรอยของความเจ็บปวดจนชายหนุ่มอดเป็นห่วงเธอไม่ได้ เมื่อรถเก๋งสีขาวขับออกไปจนลับตา เขาจึงได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่
"หวังว่าจะไม่ไปดักรอไอ้เปี๊ยกคนเดียวนะปัญ..."


สิ่งที่ชายหนุ่มคิดดูเหมือนจะเป็นจริง เพราะปัญญาวีตัดสินใจไปดักรอที่หน้าบ้านหลักเก่าเพียงลำพังโดยการแฝงตัวให้กลมกลืนกับความมืดข้างหลังกำแพง 
ถ้าไอ้เปี๊ยกมันบอกว่า ที่นี่คือที่ที่มีความทรงจำของน้านวล ฉันเชื่อว่าน้านวลต้องหนีกลับมาที่นี่สักวัน ไม่ว่าจะนานแค่ไหน จะใช้เวลากี่วัน ฉันก็จะมาดักรอไอ้เปี๊ยกที่นี่จนกว่าจะได้คุยกับมัน...ไม่ว่ายังไง...กูก็จะให้มึงกลับมาเป็นน้องกูคนเดิมให้ได้!!
เวลาล่วงเลยไปนานเพียงใดไม่อาจทราบได้ ปัญญาวียังคงเฝ้ารออยู่ที่เดิมจนท้องฟ้าปกคลุมไปด้วยความมืดมิดแบบไม่ยอมถอดใจ จนในที่สุดซอยขนาดเล็กก็มีร่างของหญิงวัยกลางคนเดินฝ่าความมืดโดยอาศัยแสงจากเสาไฟฟ้าเพียงน้อยนิดที่ส่องสว่างเป็นรัศมีวงแคบ เธอเดินตรงไปยังสถานที่ที่หลงเหลือความทรงจำของเธออยู่ ปัญญาวีเห็นอย่างนั้นจึงกวาดสายตาไปรอบ ๆ เพราะหวังจะได้เจอใครอีกคน
"กะแล้วเชียว ว่าน้านวลต้องกลับมาที่บ้านแน่ ๆ เปี๊ยก...มึงอยู่ไหน มึงโผล่มาเดี๋ยวนี้..."
เธอแอบมองร่างหญิงวัยกลางคนเดินกลับเข้าไปทำกิจวัตรประจำวันของเธออย่างเช่นที่เคยทำ โดยการก่อไฟเพื่อหุงหาอาหารแม้จะเป็นเวลาที่ผู้คนต่างหลับใหลกันแล้วก็ตาม
"พี่เพชร! มากินข้าวได้แล้วจ้ะ!!"
เสียงเรียกที่ทำให้ปัญญาวีหลั่งน้ำตาออกมาเป็นสายด้วยความรู้สึกเจ็บปวดดั่งถูกหอกแหลมคมทิ่มแทงหัวใจของเธอให้ตายทั้งเป็น อดีตที่โหดร้ายแบบนั้น เปี๊ยกคงเจ็บปวดไม่น้อยไปกว่าเธอที่ต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไป และหลังจากนั้นไม่นาน เป้าหมายที่เธอกำลังรอคอยก็ปรากฎตัวออกมา เขากำลังวิ่งตามหาคนเป็นแม่ทั้งน้ำตาท่ามกลางความมืดและความเงียบสงัด
"แม่!!! แม่อยู่ไหน!!!? แม่!!!"
"แม่!!! แม่ส่งเสียงหน่อย แม่!!!"
"เปี๊ยก! แกจะเสียงดังทำไม พ่อหลับอยู่ เดี๋ยวพ่อแกก็ลุกมาด่าหัวเอาหรอก!!"
สองมือกำแน่นด้วยความเจ็บปวด เธอเฝ้ามองดูภาพชายหนุ่มวิ่งเข้าไปสวมกอดคนเป็นแม่ทั้งน้ำตา ก่อนจะพยายามยื้อยุดฉุดกระชากแขนอย่างลุกลน
"แม่!! เราจะกลับมาอยู่ที่นี่ไม่ได้นะ แม่ไปเถอะ ไปกับเปี๊ยกเถอะ"
"ไปไหน แม่ไม่ไป ถ้าแม่ไปพ่อจะอยู่กับใคร"
"แม่!!! พ่อตายไปตั้งนานแล้ว!!!! ไปกับเปี๊ยกเดี๋ยวนี้!! ถ้าแม่ไม่ไป เดี๋ยวแม่ก็ตายหรอก!!"
"ใครจะมาฆ่าแม่มึงเหรอเปี๊ยก ถ้าเป็นกู กูคงทำแบบนั้นไม่ลงหรอก"
"พี่ปัญ!!!?" สิ้นเสียงของเขา ชายหนุ่มรีบพุ่งหมัดใส่เธอทันทีแต่ตอนนี้เขาคงไม่สามารถทำอะไรปัญญาวีได้อีกแล้ว เพราะเธอคว้าหมับที่ข้อมือของเขาก่อนจะบิดพลิกกลับไปอีกด้านจนร่างของเขาโก่งงอด้วยความเจ็บปวด
"อ๊าก!! เจ็บ!!"
"แกเป็นใคร!! แกมาทำร้ายลูกฉันทำไม!!!" หญิงวัยกลางคนตะคอกเสียงแข็งพลางกับทุบตีร่างของปัญญาวีหลายต่อหลายครั้ง แต่เธอก็ยังคงยืนนิ่งปล่อยให้เธอทุบตีอยู่อย่างนั้นและจับที่ข้อมือของคนเป็นน้องเอาไว้แน่นแบบที่เขาไม่สามารถกระชากกลับคืนไปได้
"ปล่อยลูกฉัน!!!"
"พี่ปัญ!!! พี่เป็นบ้าอะไรวะ!!! พี่ไม่เจ็บหรือไง!!!?"
"เปี๊ยก...กูขอโทษ ขอโทษแทนพ่อของกู ขอโทษที่ทำให้พ่อมึงต้องตาย มึงจะฆ่ากูไปอีกคนก็ได้ แต่กูขอร้อง อย่าทำร้ายน้องปุณ ไว้ชีวิตน้องปุณนะเปี๊ยก กูขอร้อง ให้ความแค้นของมึงมันจบที่กูได้ไหม"
"ปล่อยลูกฉันเดี๋ยวนี้!!!"
"พี่ปัญ!!! พอได้แล้ว!!! ฮึก ๆ พอได้แล้วพี่!! แม่!! นี่พี่ปัญไง ลูกสาวลุงปองไง แม่หยุดตีพี่ปัญได้แล้ว!!" สิ้นเสียงของเขา กำปั้นที่กำลังจะทุบลงที่ไหล่ของปัญญาวีก็หยุดชะงักลงทันที ก่อนมือเหี่ยวย่นจะเอื้อมมาสัมผัสที่ใบหน้าของเธออย่างแผ่วเบา
"ปัญ...ปัญเหรอลูก พี่ปองกินข้าวหรือยัง เดี๋ยวน้าฝากกับข้าวไปให้พ่อด้วยนะ"
"ขอบคุณนะคะน้านวล ไม่ต้องแบ่งให้เยอะนะคะ พ่อกินไม่เยอะหรอก"
"ไม่ได้ พี่ปองกับพี่เพชรเป็นคนกินเยอะ เดี๋ยวก็ต้องไปซ้อมมวยต่ออีกไม่ใช่เหรอ ถ้ากินน้อยจะไม่มีแรงเอานะ"
"งั้นแล้วแต่น้านวลเลยค่ะ เดี๋ยวปัญเอาไปฝากพ่อเปี๊ยกด้วยนะคะ สองคนนั้นน่าจะอยู่ด้วยกัน"
"เหรอ...ถึงว่าล่ะ น้าเรียกยังไงก็ไม่ตอบ งั้นเดี๋ยวน้าไปทำกับข้าวก่อนนะลูกนะ"
"ค่ะน้านวล" เธอตอบด้วยรอยยิ้ม พลางกับยืนมองร่างผอมซูบของหญิงวัยกลางคนพยายามเดินเข้าไปก่อกองไฟอย่างตอนแรกที่เคยทำ ความเจ็บปวดถาโถมเข้าใส่เธออย่างจังจนต่างคนต่างร้องไห้ออกมาอย่างหนัก เมื่อปัญญาวีคว้าปืนสั้นที่เหน็บอยู่หลังขึ้นมา เปี๊ยกถึงกับดวงตาเบิกโพลงด้วยความตกใจ พลางกับพยายามใช้มืออีกข้างที่ยังว่างอยู่แกะมือของเธอที่กำลังพันธนาการข้อมือของเขา แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไร จะกระชากอย่างไรก็ไม่อาจสู้แรงของเธอได้แม้แต่น้อย
"พี่ปัญ!! ฮือ ๆ เปี๊ยกขอโทษ พี่อย่าฆ่าเปี๊ยกเลยนะ เปี๊ยกไม่ได้ตั้งใจ! เปี๊ยกไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ลุงปองตาย ฮือ ๆ เปี๊ยกขอโทษ...ถ้าเปี๊ยกตายแม่จะอยู่ยังไง เปี๊ยกตายตอนนี้ไม่ได้นะพี่ ฮือ ๆ"
"เปี๊ยก มึงเป็นคนเผาค่ายมวยจริง ๆ เหรอวะ มึงทำแบบนั้นทำไมวะเปี๊ยก!!!"
"พี่ปัญ เปี๊ยกขอโทษ ฮือ ๆ"
"มึงฆ่ากู...แล้วให้ความแค้นของมึงมันจบที่กู อย่าทำร้ายน้องปุณ อย่าให้ใครต้องมาตายอีก" เธอพูดพร้อมกับยื่นด้ามกระบอกปืนให้กับเขา แต่ท่าทีของเขากลับหวาดกลัว และร้องไห้ออกมาอย่างหนัก
"พี่ปัญ พี่ทำบ้าอะไรวะ!!!? ฮือ ๆ"
"มึงฆ่ากูสิ!!!! มึงยิงกูเลย!!! แล้วให้ความแค้นมันจบที่กู!!!! มันเป็นสิ่งเดียวที่กูชดใช้ให้มึงได้ ชีวิตชดใช้ด้วยชีวิต พ่อกูทำให้พ่อมึงต้องตาย มึงก็เอาชีวิตกูไปอีกคน แต่อย่าให้มันไปถึงน้องปุณ กูขอร้อง ให้กูกราบมึงก็ได้เปี๊ยก ไว้ชีวิตน้องกูนะ" ปัญญาวีปล่อยข้อมือของเขาให้หลุดพ้นจากพันธนาการ ก่อนจะคุกเข่าลงต่อหน้าและก้มลงกราบอย่างไม่รีรอ ภายในใจของเธอเจ็บปวดจนสามารถทำได้ทุกอย่างขอเพียงแค่ชดใช้สิ่งที่มันผิดพลาดไปแล้วเท่านั้น แต่เมื่อเปี๊ยกเห็นอย่างนั้น เขาจึงนั่งคุกเข่าพลางกับพนมมือร้องไห้อ้อนวอนราวคนเสียสติ
"เปี๊ยกขอโทษ ฮือ ๆ พี่ปัญ เปี๊ยกขอโทษ ฮือ ๆ มันขู่เปี๊ยก ว่าถ้าเปี๊ยกไม่ทำ มันจะฆ่าแม่ เปี๊ยกไม่มีทางเลือก ฮือ ๆ เปี๊ยกขอโทษพี่ปัญ เปี๊ยกขอโทษ...พี่ยกโทษให้เปี๊ยกนะพี่ เปี๊ยกไม่ได้ตั้งใจฆ่าลุงปอง ฮือ ๆ"
"มึงพูดว่าอะไรนะ..."
"พี่ปัญ!!! พี่กำลังอยู่ในอันตราย!!! คนที่จ้างเผาค่ายมวย คือคนที่ไปเฝ้าน้องปุณทุกวัน!! สาเหตุที่เปี๊ยกไม่เคยไปเยี่ยมน้องปุณเลย ก็เพราะมีมันอยู่ที่นั่น!! พี่ต้องออกมาจากบ้านหลังนั้นนะพี่ปัญ มันจะฆ่าพี่!!!!"
"เปี๊ยก มึงพูดอะไรของมึงวะ"
"มันเป็นพวกเดียวกันพี่ปัญ!! มันคือพวกเดียวกัน!! มันจ้างให้เปี๊ยกเผาค่ายมวยเพื่อแลกกับชีวิตของแม่ แต่เปี๊ยกไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าลุงปอง เปี๊ยกรักลุงปองเหมือนพ่อ เปี๊ยกจะฆ่าลุงปองได้ยังไงพี่!! ฮือ ๆ พี่ออกมานะ ออกมาจากบ้านหลังนั้น เปี๊ยกเห็นพี่ไปไหนมาไหนกับมันบ่อย ๆ มันจะ..."
ปัง!!!!!
"เปี๊ยก!!!!"


"เฮ้อ..." 
"คุณหนูนั่งถอนหายใจมาตั้งแต่เช้าแล้วนะคะ เป็นคนบอกให้คุณปัญญาวีหยุดพักเองแท้ ๆ แต่ตัวเองเอาแต่นั่งมองโทรศัพท์อยู่แบบนี้ ไม่สมกับเป็นคุณหนูเลยค่ะ" นงคราญพูดพลางกับมองคุณหนูของเธอนั่งหันหน้าออกไปที่นอกหน้าต่างห้องนอน ณิชาเอาแต่นั่งมองโทรศัพท์ที่ถืออยู่ในมือและถอนหายใจเฮือกใหญ่หลายต่อหลายครั้ง ราวกับคนพร่ำเพ้อหาคนรักก็ไม่ปาน
"ณิคิดถึงคุณปัญค่ะพี่นง"
"อย่าว่าอย่างงั้นอย่างงี้เลยนะคะ ทำไมคุณหนูถึงยอมมอบกายให้เขาขนาดนั้น ทั้ง ๆ ที่คุณหนูก็รู้ว่าเรื่องนี้จะจบยังไง"
"ณิรู้ค่ะ ว่าปลายทางเราก็ต้องแยกจากกัน แต่ตอนนี้...ณิอยากมีความสุขกับคนที่ณิรักให้มากที่สุด อนาคตจะเป็นยังไงณิไม่สน"
"คุณหนูคิดดีแล้วเหรอคะที่ทำแบบนี้"
"ณิคิดดีแล้วค่ะ เพราะไม่ว่ายังไง...ณิก็ต้องตกเป็นของพี่แอนนาสักวันอยู่ดี ณิมอบครั้งแรกให้กับคนที่ณิรักด้วยความเต็มใจ หลังจากนี้...ณิไม่เสียดายแล้วค่ะ..."