A BAD Bodyguard | รอยแค้นบอดี้การ์ดสาว

A BAD Bodyguard | รอยแค้นบอดี้การ์ดสาว
ตอนที่ 16 จำไม่ได้

"แล้วมึงอยากทำงานอะไรเปี๊ยก คนผอมแห้งแรงน้อยแบบมึงไปแบกกระสอบเดี๋ยวก็ตายกันพอดี"
"เปี๊ยกไม่อยากทำงาน แต่เปี๊ยกอยากเรียนหนังสืออะพี่ปัญ"
"เดี๋ยวกูส่งมึงเรียนเอง ตอบแทนที่ดูแลค่ายมวยช่วยพ่อกูมาตั้งแต่เด็ก ๆ เรื่องเรียนมึงห้ามปฏิเสธกูเด็ดขาด แล้วกูจะให้ทุนการศึกษามึงทุกเทอม ตกลงไหม" 
"จริงเหรอพี่!!? เปี๊ยกจะได้เรียนหนังสือจริง ๆ เหรอพี่ปัญ!!!?"
"เออ! ก็ถ้าไม่อยากทำงานหาเงิน ก็เอาทุนการศึกษาไปเรียนแทนไง ห้ามปฏิเสธกูนะ"
"โอเคพี่!! โอเค!! เปี๊ยกเอา เปี๊ยกอยากเรียน!!"

ฉันยังจำได้ดี แววตาที่ใสซื่อของเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่มุ่งมั่นกับการดูแลใครสักคนเสมือนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต แววตาของคนที่เปรียบเสมือนเป็นน้องชายแท้ ๆ ของฉัน...แต่ตอนนี้...ใบหน้าที่เคยเต็มไปด้วยรอยยิ้มกลับเปรอะไปด้วยคราบน้ำตาและเลือดสีแดงฉานที่กระอักออกมาจากปาก ฉันเฝ้าแต่ถามตัวเอง ว่าฉันจะต้องสูญเสียคนที่ฉันรักไปอีกกี่ครั้งกันนะ...ทำไมฟ้าต้องพรากคนที่ฉันรักไปครั้งแล้วครั้งเล่า ฉันทำกรรมอะไรไว้งั้นเหรอ...ที่ผ่านมาฉันยังเจ็บปวดไม่พอใช่ไหม ทำไม...ถึงจะมาพรากน้องชายของฉันไปอีก...
ภาพวันวานที่เคยเป็นความทรงจำที่แสนมีความสุขแล่นเข้ามาในความคิดของปัญญาวีเมื่อเห็นแววตาที่กำลังเบิกโพลงของชายหนุ่มที่เปรียบเสมือนเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว เลือดที่กระอักออกมาจากปากนั้นรับรู้ได้ทันทีว่าภายในของเขาคงสาหัสจนแทบไม่เหลือชิ้นดีแล้ว ร่างผอมบางค่อย ๆ ทรุดลงช้า ๆ พร้อมกับที่ปัญญาวีรีบคว้าร่างของเขาเข้ามาสู่อ้อมกอด ก่อนจะทรุดลงกับพื้นกันทั้งคู่
"เปี๊ยก!!! เปี๊ยก!! มึงทำใจดี ๆ ไว้!!"
"พ...พี่ปัญ...ช...ช่วยแม่...เปี๊ยก..."
ปัง!!!!
"น้านวล!!!!"
ยังไม่ทันจะสิ้นสุดเสียงของร่างในอ้อมกอด เสียงที่ราวกับแผ่นฟ้าจะทล่มก็ทำลายโสตประสาทของเธออีกครั้ง ก่อนจะเห็นร่างหญิงวัยกลางคนทรุดลงไปจมกับกองเลือด เธอรีบหันไปตามต้นทางของเสียงจึงได้พบกับชายชุดดำที่กำลังเล็งปืนมาทางเธอ ก่อนที่เขาจะวิ่งขึ้นซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซค์หนีหายไปในความมืด เมื่อปัญญาวีจะวิ่งตามไป มือเปื้อนเลือดข้างหนึ่งจึงจับที่ข้อมือของเธอเอาไว้ก่อน
"แค่ก!!...หนี...ป...อ่อก!!" เพราะเลือดที่กระอักออกมาจากปากทำให้สิ่งที่พยายามจะสื่อสารนั้น ราวกับพูดอยู่ใต้น้ำ น้ำตาที่รินไหลออกมาเป็นสายนั้นไม่สามารถบรรยายความเจ็บปวดในใจของปัญญาวีได้แม้แต่น้อย
"เปี๊ยก!!! มึงอย่าตายนะ!! ฮือ ๆ มึงต้องไปเรียนหนังสือนะเปี๊ยก!! มึงอย่าทิ้งกูไป!!!" มือที่กำลังสั่นเทารีบคว้าโทรศัพท์มือถือออกมาส่วนมืออีกข้างกดที่บาดแผลเอาไว้เพื่อห้ามเลือดความหวาดกลัว ตอนนี้สติของเธอแทบไม่หลงเหลืออยู่แล้ว 
"โธ่เว้ย!!!! อย่าสั่นสิวะ!!!!"
"พ...ปัญ...ห...นี..."
"เปี๊ยก!! มึงไม่ต้องพูด!! กูจะตามรถพยาบาลให้ ฮึก ๆ มึงทำใจดี ๆ ไว้นะเปี๊ยก!!! มึงห้ามตาย!! มึงได้ยินไหมเปี๊ยก มึงห้ามตาย!!!" มือเปื้อนเลือดข้างหนึ่งคว้าที่คอเสื้อของเธอ ส่วนมืออีกข้างล้วงเอาโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงออกมาอย่างทุลักทุเล ก่อนจะหย่อนลงในกระเป๋าเสื้อโปโลของปัญญาวีเอาไว้ และเขาก็รวบรวมแรงทั้งหมดที่มีดึงคอเสื้อของเธอ แม้มันจะเหลือเพียงน้อยนิด แต่มันก็ทำให้เธอรู้สึกได้ ปัญญาวีจึงพยายามรวบรวมสติของตัวเอง แล้วโน้มตัวลงตามแรงของเขา
"พี่...ปัญ...เปี๊ยก...อยาก...ตาย...ข้าง ๆ แม่..."
"ไม่เปี๊ยก!!! มึงจะไม่ตาย!!! มึงอย่าพูดแบบนี้!!"
"แม่...แค่ก ๆ"
"เปี๊ยก!! ฮือ ๆ"
เธอรู้ดี...ว่าสภาพของเขานั้นจวนจะสิ้นลมอยู่แล้ว ต่อให้เรียกรถพยาบาลมาตอนนี้มันก็คงจะสายเกินไป เธอทำได้เพียงกัดฟันและกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้ด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะช้อนร่างผอมบางที่มีเลือดท่วมทั้งตัวขึ้นอุ้มแล้วเดินตรงไปยังร่างไร้วิญญาณของคนเป็นแม่ เพราะมันคือคำขอครั้งสุดท้ายของเขา
"ฮือ ๆ ฮึก ๆ"
เสียงสะอื้นแห่งความเจ็บปวดแสนสาหัส สองขาก็แทบไม่เหลือแรงอีกแล้ว ปัญญาวีค่อย ๆ วางร่างผอมบางลงเคียงข้างกับร่างหญิงวัยกลางคน ก่อนจะจับมือเหี่ยวย่นข้างหนึ่งและมือเปื้อนเลือดอีกข้างมาผสานกันเอาไว้
"ฮือ ๆ เปี๊ยก...กูมาส่งมึงแล้วนะ กูขอโทษนะเปี๊ยกที่กูปกป้องมึงไม่ได้ ฮือ ๆ น้านวล...ปัญขอโทษที่ปกป้องน้องไม่ได้ ปัญขอโทษ ฮือ ๆ" พูดจบเธอจึงเอื้อมมือไปปิดตาทั้งสองข้างของร่างไร้ลมหายใจของน้องชายลงช้า ๆ ก่อนเธอจะฟุบลงกับพื้นร้องไห้ราวคนจะขาดใจ
"นี่มันเรื่องเหี้ยอะไรวะ!!! ฮือ!! ฮือ ๆ ฮึก ๆ"
อีกครั้ง...ที่เธอต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก
อีกครั้ง...ที่ฟ้ากำลังพรากความสุขของเธอไป
ไม่มีอีกแล้ว...น้องชายที่ชอบสร้างเสียงหัวเราะให้เธออยู่เสมอ เหลือก็เพียงร่างไร้วิญญาณทั้งสองร่างกับการจากไปแบบไม่มีวันหวนกลับ ไม่มีแม้แต่จะได้เอ่ยคำร่ำลา ความเจ็บปวดทรมานแสนสาหัสที่ฝากเอาไว้ทำให้ปลุกความเคียดแค้นภายในใจของปัญญาวีอีกครั้ง มือทั้งสองข้างกำแน่นจนสั่นเทา ก่อนจะยกขึ้นมาปาดน้ำตาที่แก้มเนียนทำให้คราบน้ำตาถูกแทนที่ด้วยคราบเลือดและความแค้นที่ปะทุอยู่ในใจยากจะดับ
"กูจะต้องรู้ให้ได้ว่าใครเป็นคนฆ่ามึง...กูจะชดใช้ให้มึงอย่างสาสม มันจะเป็นใครหน้าไหนกูก็ไม่สน ชีวิตต้องชดใช้ด้วยชีวิต และกูนี่แหละ...ที่จะฆ่ามันด้วยมือของกูเอง!!!"


ครืด!!!
"ปัญ!!!! เกิดอะไรขึ้น!!!?" ทันทีที่ชายร่างสูงโปร่งเปิดประตูเหล็กม้วนขึ้นจนเผยให้เห็นร่างของน้องสาวที่เปรอะไปด้วยเลือด พร้อมกับแววตาแดงก่ำที่แฝงไปด้วยความเจ็บปวดสุดแสนสาหัส ก่อนเธอจะโผเข้าไปกอดเขาและร้องไห้ออกมาอย่างหนักจนพาขาอ่อนแรงและทรุดลง โชคยังดีที่เขาประคองร่างของเธอไว้ได้ทัน เขาจึงพาเดินเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ไม้ด้านในเพราะกลัวว่าจะมีคนเห็นสภาพของเธอเข้า
"พี่โก!! ฮือ ๆ ฮือ!!"
"ปัญ!! เดี๋ยวปัญ!! ใจเย็น ๆ นะ ตั้งสติ!! พี่ขอไปปิดประตูก่อน" พูดจบเขาจึงรีบผละไปคว้าประตูเหล็กม้วนปิดลงจนสนิท ก่อนจะกุมมือทั้งสองข้างที่กำลังสั่นเทาด้วยความร้อนใจ จนร่างของเขาเองก็สั่นระริกไม่ต่างกัน อย่าเลย...อย่าให้เกิดอะไรขึ้นเลย
"ปัญ...เกิดอะไรขึ้น ทำไมเลือดเต็มตัวแบบนี้ นี่ไม่ใช่เลือดปัญใช่ไหม"
"ฮือ ๆ พี่โก ฮือ ๆ เปี๊ยกตายแล้วพี่โก ฮือ ๆ เปี๊ยกโดนฆ่าปิดปากแล้วพี่โก ฮือ ๆ" เขาคว้าร่างของปัญญาวีเข้าไปกอดเอาไว้แน่น จนสัมผัสได้ว่าร่างในอ้อมกอดสั่นเทาแทบไม่เหลือแรงจะกอดตอบเขาเสียด้วยซ้ำ เสียงสะอื้นราวคนจะขาดใจดังออกมาอย่างไม่ขาดสายทำหัวใจของเขาเจ็บปวดไม่ต่างกัน
"ฮือ ๆ ฮึก! ฮือ!!"
"เข้มแข็งไว้นะปัญ...ปัญต้องเข้มแข็งเพื่อน้องปุณนะ"
"ฮือ ๆ ๆ"


หลังจากที่ปัญญาวีสงบลงได้ เธอเอาแต่นั่งเหม่อลอยราวคนเสียสติ โชคดีนักที่วันนี้ไม่มีใครอยู่บ้าน ไม่งั้นคงมีคนตกใจเสียงร้องไห้ของปัญญาวีเป็นแน่ โกเดินถือผ้าขนหนูชุบน้ำและขันน้ำพลางกับมองหน้าหญิงสาวด้วยความเป็นห่วง เขาน่าจะเชื่อลางสังหรณ์ของตัวเองและตามเธอไป อย่างน้อยอาจจะพอช่วยอะไรได้มากกว่านี้ แต่ตอนนี้เขากลับทำได้แค่ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดคราบเลือดบนใบหน้าและตามลำตัวของปัญญาวีช้า ๆ
"คืนนี้นอนที่นี่ได้นะปัญ เดี๋ยวพี่ดูแลปัญเอง"
"พี่โก..."
"หืม?"
"ฝากน้องปุณด้วยนะคะ"
"ปัญ!! อย่าฝากฝังแบบนี้สิ!! ปัญจะมาฝากน้องปุณกับพี่ไม่ได้นะ เพราะปัญต้องเป็นคนดูแลน้องปุณเอง!!"
"ปัญไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอีกนานแค่ไหน ก่อนตายเปี๊ยกมันบอกว่ามีคนจ้างมันให้ทำเรื่องทุกอย่าง แต่ปัญยังฟังไม่รู้เรื่องเลยพี่โก มันก็ถูกฆ่าก่อน"
"แม่งเอ๊ย!!! ใครเป็นคนทำแบบนี้วะ!!!?"
"ปัญจะต้องรู้ให้ได้ว่าใครเป็นคนทำ ต่อให้ทางข้างหน้าจะเสี่ยงแค่ไหน...ปัญก็จะก้าวเข้าไป ปัญจะไปฆ่ามันด้วยมือของปัญเอง!!"
"อย่านะปัญ!!! หยุดแก้แค้น!! พอสักทีเถอะ!!!"
"แล้วพี่จะปล่อยให้ไอ้เปี๊ยกกับน้านวลตายเปล่าเหรอพี่โก!!!! ทำไมสองคนนั้นต้องมาตายเพราะปัญ!!  ทำไมวะ!!! ทำไมวะ!!!?"
"พอแล้วปัญ!! พี่ขอล่ะ ปัญอย่าเป็นอะไรไปอีกคนนะ ถ้าปัญเป็นอะไรไป น้องปุณจะอยู่ยังไง ปัญต้องมีชีวิตอยู่เพื่อน้องปุณ เข้าใจไหม"
"ปัญจะไม่มีวันตาย ตราบใดที่ปัญไม่ได้แก้แค้นให้ไอ้เปี๊ยกกับน้านวล"
"ปัญ!!! จำที่ลุงครามบอกไม่ได้เหรอ!? ว่าจะไม่กลับมาด้วยความแค้น มีสติหน่อยได้ไหม!!"
"ปัญรับปากว่าจะไม่กลับมาด้วยความแค้นก็จริง แต่ปัญหมายถึงไอ้เปี๊ยกแค่คนเดียว ส่วนคนอื่น ปัญจะฆ่ามันให้หมดทุกค..."
ซ่า!!!
ยังไม่ทันที่ปัญญาวีจะพูดได้จบประโยค โกจึงคว้าขันน้ำมาสาดใส่หน้าเธอจนเธอถึงกลับชะงัก
"กูไม่อยากมีน้องเป็นฆาตกร!!!!"
"แล้วทุกคนรอบตัวปัญที่ตายไปแล้วล่ะพี่โก!! พี่จะให้ปัญอยู่เฉยได้ยังไง!!!?"
"ใช้สติคิดสิปัญ!!! อย่าเอาอารมณ์และความแค้นอยู่เหนือจิตใจตัวเองสิ!!! เพราะถ้าปัญได้ฆ่าใคร ปัญนั่นแหละที่จะรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต!! คนอย่างปัญน่ะเหรอจะฆ่าใครได้ เพราะน้องพี่เป็นคนดีไง!! คิดสิปัญ จะหาทางออกกับปัญหานี้ยังไง ถ้าปัญเอาอารมณ์กับความแค้นพุ่งเข้าใส่ ปัญก็จะตายไม่ต่างจากหมาข้างทางหรอก!!! คิดว่าน้องปุณจะภูมิใจงั้นเหรอที่มีพี่เป็นฆาตกร น้องปุณรักและศรัทธาในตัวพี่สาวคนนี้แค่ไหนปัญรู้ไหม!!?" สิ้นเสียงกร้าวของเขาที่ตะคอกใส่เธออย่างฉุนเฉียวแต่แฝงไปด้วยความเป็นห่วงเต็มประดาเพราะหวังจะเตือนสติเธอ น้ำใส ๆ จึงค่อย ๆ รินไหลผ่านแก้มเนียนช้า ๆ พร้อมกับเสียงสะอื้นที่บีบหัวใจของเขาจนแทบแหลกละเอียดลงตรงนี้
"ฮือ ๆ ฮึก ๆ ฮือ!!"
"ฟังนะปัญ ตลอดเวลาที่น้องปุณอยู่ที่โรงพยาบาล น้องปุณเอาแต่พูดถึงปัญ บอกว่าปัญคือฮีโร่ ปัญคือพี่สาวที่แสนดี ปุณรักและศรัทธาพี่ปัญที่สุดในชีวิต แล้วปัญจะทำลายความศรัทธาของเด็กตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งที่เป็นน้องสาวแท้ ๆ ของตัวเองอย่างนั้นเหรอ!? ถ้าปัญไม่อยากให้ไอ้เปี๊ยกกับน้านวลตายเปล่า ปัญต้องสืบหาคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดด้วยสติ ไม่ใช่เพื่อวิญญาณพ่อแม่ ไม่ใช่เพื่อวิญญาณคนที่ตายไปแล้ว แต่เพื่อคนที่มีชีวิตอยู่ให้เขาได้รักและศรัทธาในตัวพี่สาวคนนี้และอยากจะมีชีวิตต่อไปเพื่อที่จะได้อยู่กับพี่สาวอย่างมีความสุข...เข้าใจที่พี่บอกไหมปัญ"
"ฮือ ๆ ขอบคุณนะคะพี่โก ฮือ ๆ ขอบคุณนะคะ ฮึก ๆ" เมื่อโกเห็นเธอปล่อยโฮออกมาอย่างหนัก เขาจึงคว้าร่างของเธอเข้ามากอดเอาไว้แน่น พลางกับลูบศีรษะเธอช้า ๆ
"ไม่เป็นไรนะปัญ ไม่เป็นไรนะ พี่จะอยู่เคียงข้างปัญจนกว่าเรื่องทุกอย่างจะจบ พี่จะช่วยดูแลน้องปุณให้ดีที่สุดเท่าที่พี่จะทำได้ พี่จะไปรวบรวมบรรดาเด็กค่ายมวยเจตคติมาปกป้องน้องปุณให้ได้มากที่สุด พี่จะไม่ให้ใครมาทำร้ายน้องปุณได้ พี่สัญญา..."
"ขอบคุณนะคะพี่โก ฮึก ๆ ไอ้เปี๊ยกมันให้โทรศัพท์มา มันต้องมีอะไรอยู่ในนี้แน่ ๆ พี่โกช่วยหาข้อมูลและหาเบาะแสให้หน่อยได้ไหม ฮึก ๆ ส่วนปัญจะกลับเข้าไปสืบในรังของมัน" พูดพร้อมกับผละออกจากอ้อมกอด ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องเล็กที่อยู่กระเป๋าเสื้อมายื่นให้กับโก
"ปัญหมายความว่าไง...เข้าไปสืบรังของมัน"
"ก่อนที่เปี๊ยกมันจะตาย มันบอกว่าคนที่จ้างทำเรื่องทุกอย่างคือคนที่กำลังดูแลน้องปุณอยู่ตอนนี้ ปัญจะกลับเข้าไปบ้านหลังนั้นอีก"
"ปัญจะบ้าเหรอ!!? ในเมื่อมันเป็นคนอยู่เบื้องหลัง มันก็ฆ่าปัญได้ทุกเมื่อเลยสิปัญ!!!"
"ปัญรู้ค่ะ แต่ปัญรู้สึกว่ามันมีอะไรไม่ชอบมาพากลหลายอย่าง เหมือนคนพวกนั้นกำลังปิดบังอะไรปัญอยู่ ถ้ามันคิดที่จะฆ่าปัญ ทำไมมันถึงไม่ลงมือสักทีและอีกเรื่องที่ปัญสงสัย คือมันจะหาคนคุ้มกันน้องปุณทำไม เหมือนตอนนี้ปัญกับน้องปุณจะมีประโยชน์อะไรกับมันอยู่หรือเปล่า หรืออาจเป็นแค่หมากในเกมของมัน เพราะแบบนี้แหละค่ะ ปัญต้องแฝงเข้าไปสืบเรื่องทุกอย่างด้วยตัวเอง มันใช้ปัญเป็นหมาก ปัญก็จะใช้มันเป็นหมากเหมือนกัน!!"
"ถ้าปัญตัดสินใจไปแล้วพี่ก็คงขัดไม่ได้ แต่พี่ขออย่างเดียวนะปัญ ปัญต้องมีสติ อย่าให้อารมณ์ครอบงำสติของปัญเด็ดขาด แล้วถ้าต้องการความช่วยเหลือ พี่จะเข้าไปช่วยทันที"
"อย่าเพิ่งกระโตกกระตากเรื่องน้องปุณนะคะ มันอาจจะใช้น้องปุณเป็นตัวประกัน แต่ปัญก็มีตัวประกันเหมือนกัน ระหว่างนี้พี่โกไปรื้อฟื้นวิชาเลยค่ะ พี่โกได้ใช้มันแน่ ๆ อย่าให้วิชามวยที่พ่อเคยสอนเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ "
"แน่นอน ระหว่างที่พี่รวบรวมลูกศิษย์ค่ายมวยเจตคติ พี่จะไปหาลุงคราม อย่างน้อย...พี่จะได้เอามาช่วยคุ้มกันน้องปุณ สักนิดก็ยังดี!"
"พี่ได้คุ้มกันน้องแน่..."
ณิชา...ฉันรู้ว่าตอนนี้เธอเดินได้แล้ว แถมตอนได้ยินเรื่องอุบัติเหตุจากยัยแอนนานั่น เธอก็ยังทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ขนาดนั้น เธอจะเล่นละครตบตาฉันอย่างนั้นเหรอ...ที่เธอพูดว่ารักมันคงเป็นเรื่องโกหกทั้งเพสินะ ได้...ถ้าคิดที่จะเล่นแบบนี้กับฉัน ฉันก็จะเล่นคืนบ้าง เธออย่าคิดว่าจะหลอกฉันได้ฝ่ายเดียว...


ก๊อก!! ก๊อก!! ก๊อก!!!
เสียงเคาะประตูที่ฟังดูหนักแน่นกว่าทุกครั้ง ทำณิชาถึงกับสะดุ้งเฮือกตื่นจะห้วงความฝันทันที หัวใจที่เต้นระรัวด้วยความตกใจทำให้ร่างกายของเธอสั่นเทาพร้อมกับลมหายใจที่หอบแฮก เธอบีบมือของตัวเองเอาไว้แน่นเพื่อข่มความตื่นตระหนกเอาไว้ ก่อนจะฟังเสียงเคาะประตูอีกครั้ง ใครกันมาปลุกเธอให้ตื่นเอาป่านนี้
ก๊อก!! ก๊อก!!! ก๊อก!!!!
เมื่อเสียงเคาะประตูที่ได้ยินมาจากทางประตูเชื่อม เธอจึงพยายามหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อข่มอารมณ์เอาไว้ แม้เธอจะรู้ดีว่าคนที่อยู่อีกฟากของประตูจะอยู่ในอารมณ์โกรธแค้นก็ตาม แต่เธอก็ต้องขานรับ เพราะอย่างน้อย...นั่นก็เป็นคนที่เธอรัก...
"ค่ะคุณปัญ! เข้ามาได้เลยค่ะ ณิไม่ได้ล็อก!"
ฟืด...
เสียงเสียดสีของที่กั้นใต้ประตูกับพื้นพรมภายในห้อง ทำให้เห็นเงาสูงโปร่งร่างหนึ่งที่เดินฝ่าความมืดเข้ามาแบบไม่มีเสียงพูดใด ๆ ก่อนผ้าห่มผืนหนาจะถูกเปิดออก ตามด้วยร่างในความมืดโน้มตัวมาคร่อมร่างของเธอเอาไว้จากนั้นจึงก้มลงซุกไซร้ที่ต้นคอของเธอด้วยลมหายใจหอบถี่ราวกับโหยหาเธอมานาน
"ค...คุณปัญ...ทำ...อะไรคะ...หยุดก่อน...อ่อก! แค่ก ๆ" เสียงเอ่ยถามอย่างสั่นเครือก่อนจะสำลักออกมาเพราะถูกนิ้วเรียวล้วงเข้ามาในปากและควานไปทั่วโพลงปากจนเปียกชุ่ม ถึงแม้จะเป็นกลิ่นกายของคนที่คุ้นเคย แต่การกระทำนั้นกลับไม่ใช่
นี่ไม่ใช่ปัญญาวีที่เธอรู้จัก...
"คุณปัญ!! หยุด! แฮก ๆ อา..."
อย่าว่าแต่ต้นคอเลย แม้แต่ความสาวของเธอก็ถูกมือเรียวลุกล้ำ แต่ไม่ว่าเธอจะผลักร่างออกอย่างไรก็ไม่อาจสู้แรงของอีกคนได้แม้แต่น้อย เธอจึงทำได้แค่นอนนิ่งให้อีกคนระบายอารมณ์กับร่างกายของเธอพร้อมกับกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้
"อึก...ค...คุณปัญ...ณิเจ็บ..."
"คุณหนู...บอกรักฉันหน่อยได้ไหมคะ"
"ค...คุณปัญ! อึก! ณิเจ็บค่ะ!! อึก..."
แม้เสียงที่สั่นเครือจะเอ่ยบอกอย่างไร แต่นิ้วเรียวของเธอก็พยายามที่จะลุกล้ำเข้าไปยังกลีบดอกไม้โดยอาศัยน้ำลายที่เธอจงใจล้วงเข้าไปในปากสักครู่นำทางให้ ความเจ็บปวดเล่นงานณิชาเข้าอย่างจังจนต้องกัดฟันเพื่อข่มเสียงสะอื้นเอาไว้ มืออีกข้างถูกจับผสานและกดเอาไว้ที่ข้างหมอน เธอจึงพยายามกางขาทั้งสองข้างออกเพื่อคลายความเจ็บปวดทรมานที่กำลังลุกล้ำพื้นที่สงวนของเธอ 
"ต้องการฉันขนาดนั้นเลยเหรอคะคุณหนู...บอกรักฉันสิคะ ช่วยบอกรักฉันหน่อยได้ไหมคะ"
"อึก! อา...คุณปัญ! หยุดก่อนค่ะ ณิเจ็บ ฮึก ๆ"
"หยุดทำไมคะ ในเมื่อร่างกายของคุณต้องการฉัน..." 
"โอ๊ย...ซี๊ด...ค...คุณปัญ...อื๊อ!!"
ยิ่งเสียงโอดครวญอย่างทุกข์ทรมานดังออกมา นิ้วเรียวยิ่งกระแทกเข้าออกอย่างไม่มีปราณีภายใต้อันเดอร์แวร์ผืนเล็ก ก่อนที่มันจะถูกถอดออกไปอย่างไม่ใยดี ตามด้วยชุดนอนแบบกระโปรงที่ถูกปลดเปลื้องอย่างรวดเร็ว และนิ้วเรียวก็สอดเข้าใส่ทำหน้าที่อีกครั้ง
ปลายเท้าทั้งสองจิกแน่นพร้อมกับร่างที่แอ่นบิดด้วยความเจ็บปวด แม้แต้บ่าของเธอก็ถูกดูดและกัดอย่างแรงราวกับเอาความเคียดแค้นที่มีมาลงที่เธอทั้งหมด แต่เธอกลับไม่ได้ต่อต้านแต่อย่างใด เธอยังคงกัดฟันข่มความเจ็บปวดเอาไว้เพราะเธอรู้ดี ว่าอีกฝ่ายกำลังระบายความแค้นภายในใจกับร่างกายของเธออยู่
"ฮึก! อือ...จ...เจ็บ..."
"คุณหนู...บอกรักฉัน บอกรักฉัน..."
"ฉันรัก...คุณ ฮึก ๆ อ๊า!!...อื๊อ!!..."
สิ้นเสียงบอกรักแบบสั่นเครือเพราะมันถูกเปล่งออกมาปะปนกับเสียงสะอื้น นิ้วเรียวก็ยิ่งกระแทกเข้าใส่อย่างแรง แม้จะพยายามกางขาและแอ่นบิดร่างอย่างไรก็ไม่ได้ช่วยบรรเทาความเจ็บปวดได้แม้แต่น้อย เธอจึงคว้าที่ท้ายทอยของอีกคนแล้วดึงขึ้นมาจูบเพื่อหวังจะช่วยให้ความเจ็บปวดของเธอลดลงไปได้บ้าง แต่ริมฝีปากของเธอเองที่บอดี้การ์ดสาวเคยหวงแหนและทะนุถนอมอย่างดีก็ถูกจูบอย่างแรงจนได้กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งอยู่ในปาก
อย่างน้อย...การจูบมันก็ช่วยให้อีกคนถอนนิ้วเรียวออก ความเจ็บปวดทางกายมันไม่เท่ากับความเจ็บปวดทางใจที่เธอต้องเจอแม้แต่น้อย ร่างในความมืดลุกขึ้นนั่งคร่อมรางของเธอเอาไว้ ณิชานอนมองเงาร่างสูงโปร่งที่นั่งอยู่บนตัวผ่านน้ำตา ก่อนขาของเธอข้างหนึ่งจะถูกยกขึ้น แล้วความเสียวซ่านก็เข้ามาแทนที่เมื่อความสาวที่เปียกชุ่มของอีกคนประกบแนบเข้าด้วยกันจนรับรู้ได้ถึงความร้อนผ่าว
คนบนร่างโยกสะโพกเป็นจังหวะเร็วและถี่ขึ้นจนได้ยินเสียงครวญครางดังออกมาแบบไม่ขาดสาย แต่นี่มันไม่ใช่ความสุขสม เพราะทุกครั้งที่ร่างของอีกคนกระแทกเข้ามามันทำให้เธอเจ็บปวดในหัวใจอย่างแสนสาหัส นี่ไม่ใช่...ปัญญาวีที่เธอรักอีกต่อไปแล้ว...


เวลาผ่านไปนานเพียงใดไม่อาจทราบได้ ร่างกายของเธอที่ถูกบอดี้การ์ดสาวระบายความแค้นอย่างทารุณจนบอบช้ำไปทั้งหัวใจ จากที่เคยเป็นบทเพลงรัก แต่ครั้งนี้มันกลับไม่ใช่ มันเป็นการกระทำที่แฝงไปด้วยความแค้น ณิชารู้ดี...เธอรู้ดีที่สุด
"ฮึก ๆ" 
เสียงสะอื้นที่ไม่อาจทานทนต่อความเจ็บปวด สามารถระบายออกมาได้แค่ตอนที่อีกฝ่ายหมดแรงหลับไปแล้วเท่านั้น แต่มือนุ่มข้างหนึ่งก็ยังคงลูบศีรษะอีกคนให้หลับใหลซบหน้าอกของเธอเอาไว้ ส่วนมืออีกข้างปิดปากของตัวเองเอาไว้แน่น ขออย่าให้เสียงสะอื้นของเธอปลุกอีกคนให้ตื่นเลย...


เช้าวันใหม่ที่ไม่มีการเคาะประตูปลุกเช่นทุกครั้ง แต่เธอกลับตื่นเพราะแสงอาทิตย์ที่สาดส่องเข้ามาผ่านผ้าม่านผืนบางและเสียงนกที่ร้องอยู่ด้านนอกหน้าต่าง ใครบางคนยังคงหลับซบหน้าอกของเธอตั้งแต่คืนที่ผ่านมา ณิชาจึงก้มดูตามลำตัวของเธอที่เต็มไปด้วยรอยฟันและลอยเขี้ยวจนมีเลือดซิบบ้างเป็นบางจุด พื้นที่สงวนของเธอก็เจ็บแปลบจนระบมไปทั้งตัว แต่เธอกลับนอนนิ่งและก้มลงจูบที่หน้าผากของบอดี้การ์ดสาวอย่างแผ่วเบา
"ณิรักคุณนะคะคุณปัญ..."
ร่างเปลือยเปล่าอีกร่างกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นพร้อมกับดึงผ้าห่มมาคลุมร่างเอาไว้ เพราะเครื่องปรับอากาศยามเช้ามันทำให้เธอสั่นสะท้าน แต่โชคยังดีที่ยังมีไออุ่นและกลิ่นกายหอม ๆ ที่ยังให้ความอบอุ่นกับเธออยู่
"คุณหนู...ตัวหอมจัง"
"มันคือกลิ่นสบู่กลิ่นเดียวกับของคุณนั่นแหละค่ะ"
"เช้านี้คุณนมไม่มาปลุกเหรอคะ"
"วันนี้คือวันหยุดพักผ่อนน่ะค่ะ คุณนอนต่อเถอะ"
"อา...ในที่สุดก็ได้นอนกอดคุณหนูนาน ๆ สักที คิดถึงจังเลยค่ะ คิดถึงที่สุด"
ไม่มีเสียงตอบรับจากร่างในอ้อมกอด นอกจากจะสัมผัสได้ถึงร่างกายที่สั่นระริก ปัญญาวีจึงดึงร่างเข้ามากอดให้แน่นขึ้น แต่กลับยิ่งรู้สึกว่าร่างที่สวมกอดอยู่นั้นสั่นแรงขึ้น เธอจึงค่อย ๆ ลืมตาขึ้นช้า ๆ ก่อนจะผงะเมื่อเห็นรอยแดงเป็นจ้ำและรอยฟันตามตัวจนดวงตาของเธอเบิกโพลงด้วยความตกใจ
"คุณหนู!! คุณไปโดนอะไรมาคะ!!?"
"ไม่รู้เหมือนกันค่ะ ณิก็จำอะไรไม่ได้เลย ตื่นมาก็เห็นคุณนอนกอดณิอยู่ สงสัยเมื่อคืน...คุณคงหนักไปล่ะมั้งคะ"
"อะไรนะคะ!!? คุณหนูจำไม่ได้เหรอคะ"
ปัญญาวีลุกขึ้นพรวดด้วยความตกใจ ร่างกายที่เธอเคยทะนุถนอมอย่างดีกลับเต็มไปด้วยร่องรอยที่เกิดจากความแค้นของเธอเอง ทำเอาเธอเจ็บแปลบข้างในหัวใจ
นี่ฉัน...ทำอะไรลงไป...
"คุณหนูเจ็บไหมคะ ฉันขอโทษนะคะ เมื่อคืนฉันคงทำแบบขาดสติ"
"เจ็บค่ะ...เจ็บมาก ๆ เลย แต่ไม่เป็นไรค่ะ ณิคิดว่าเราสองคนต้องมีความสุขมากแน่ ๆ ถึงทำให้บนตัวณิมีแต่รอยดูดแบบนี้ เอ่อ...คุณชอบแบบนี้เหรอคะคุณปัญ..."
คำพูดที่ฟังดูใสซื่อพร้อมกับแก้มที่ขึ้นสีเป็นสีแดงระเรื่อ แต่มันกลับเหมือนไม้หน้าสามที่ฟาดเข้าใส่หัวใจของปัญญาวีอย่างจังจนเธอจุกไปทั้งหัวใจ เธอจึงเอื้อมมือไปสัมผัสที่แก้มเนียนอย่างแผ่วเบา ซึ่งณิชาก็ยังคงนอนยิ้มให้เธอราวกับลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นไปเสียหมด แต่เพราะรอยยิ้มนั้นมันกลับทำให้บอดี้การ์ดสาวรู้สึกผิดเต็มประดา
"ค...คุณหนู...ฉันขอโทษ..."
"ขอโทษณิทำไมคะ"
"ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ"
"ทำไมต้องขอโทษด้วยคะ ณิว่าเมื่อคืนเราต้องมีความสุขมากแน่ ๆ เลย แต่ทำไมกันนะ...ทำไมณิถึงจำเรื่องเมื่อคืนไม่ได้เลย"
คุณหนูจำอะไรไม่ได้เลยงั้นเหรอ...นั่นก็หมายความว่า...เรื่องเมื่อคืน...กระทบกระเทือนจิตใจคุณหนูจนทำให้ลืมเรื่องทุกอย่างไปเลยเหรอ นี่ฉัน...ทำอะไรลงไป...

ม้า
ไรท์แวะมาคุย~`

“มาถึงตอนนี้แล้วทุกคนเป็นยังไงกันบ้างคะ เนื้อเรื่องมันอาจจะซับซ้อนซ่อนเงื่อนเยอะแยะเต็มไปหมด แต่ทุก ๆ การกระทำของทุกตัวละครในตอนที่ผ่านมามีที่มาที่ไป และมีจุดเชื่อมโยงแน่นอนค่ะ อย่ามองข้ามแท้แต่บรรทัดเดียวนะคะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันค่าาา”