A BAD Bodyguard | รอยแค้นบอดี้การ์ดสาว

A BAD Bodyguard | รอยแค้นบอดี้การ์ดสาว
ตอนที่ 23 บันทึกลับ

เมื่อรถเก๋งสีขาวเข้ามาจอดเทียบกับทางเข้าคฤหาสน์หรู กลุ่มชายชุดสูทและนอกเครื่องแบบห้านายต่างเล็งปืนมาที่หญิงสาวที่กำลังนั่งกำพวงมาลัยรถยนต์เอาไว้แน่นด้วยความเคียดแค้น เพราะภายในบ้านนั้นมีหญิงสาวคนรักและน้องสาวของเธอถูกจับมัดนั่งอยู่กับพื้นโดยมีเนกไทมัดปิดปากเอาไว้ ส่วนหญิงสาวลูกครึ่งผมสีน้ำตาลแดงนั้นกำลังนั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้อย่างสบายใจเฉิบ เธอจึงรีบเปิดประตูลงจากรถทันทีโดยไม่มีเกรงกลัวแม้แต่น้อย
"ไม่ต้องมาจับกู!!!" เมื่อเหล่าชายชุดสูทมาจับที่แขนทั้งสองข้าง เธอก็สะบัดออกอย่างแรง หรือแม้แต่จะจับหักข้อมือและหักแขนด้วยศิลปะป้องกันตัวที่ร่ำเรียนมาจนไม่มีใครสามารถจับกุมเธอได้แม้แต่คนเดียว
แม้ปัญญาวีจะมาแบบไร้อาวุธ แต่เธอก็สามารถเดินเข้าไปเผชิญหน้ากับแอนนาได้อย่างเด็ดเดี่ยว ไม่มีแม้แต่ร่องรอยของบาดแผล ทำให้หญิงสาวตรงหน้ายิ้มมุมปาก ก่อนจะปรบมือคล้ายกำลังชื่นชม
"ว้าว...สมแล้วที่ได้มาเป็นบอดี้การ์ด เท่เป็นบ้าเลย"
"ปล่อยตัวคุณหนูกับน้องกูเดี๋ยวนี้!!"
"อี้อื๊อ!!!" ณิชาและปุณญิสาทำได้แค่ส่งเสียงร้องอู้อี้เพราะถูกปิดปากเอาไว้ ก่อนแอนนาจะคว้าไม้เบสบอลขึ้นมาหวังจะฟาดที่ศีรษะของปัญญาวี แต่ด้วยสัญชาตญาณ เธอจึงยกแขนซ้ายขึ้นมาป้องศีรษะอย่างรวดเร็ว ทำให้แขนของเธอถูกฟาดด้วยไม้เบสบอลอย่างแรง
ป้าบ!!!!
"อ๊าก!!!!"
"อื๊อ!!! อื๊อ!!!"
ครืด...
เสียงไม้เบสบอลขูดลากกับพื้นไปตามทางระหว่างที่แอนนาเดินอ้อมตัวบอดี้การ์ดสาวที่กำลังนั่งกุมแขนข้างซ้ายของตนด้วยความเจ็บปวด น้ำตาที่รินไหลจากดวงตาของณิชานั้นเจ็บปวดทรมานราวจะขาดใจที่เห็นคนที่ตนรักถูกทำร้ายต่อหน้าต่อตา แต่เธอกลับทำอะไรไม่ได้แม้แต่น้อย
ปัญญาวีเหลือบมองแอนนาที่กำลังเดินรอบ ๆ ตัวเธอ พร้อมกับเหล่าชายชุดดำที่กำลังเจ็บปวดจากการป้องกันตัวของเธอเอง ซึ่งมือข้างขวานั้นมีใบมีดโกนขนาดเล็กที่เธอพกติดตัวมาด้วย และจังหวะที่แอนนากำลังง้างไม้เบสบอลขึ้นเหนือศีรษะ ปัญญาวีจึงดีดใบมีดโกนไปทางน้องสาวของเธอก่อนจะนอนราบไปกับพื้นเพื่อหลบไม้เบสบอลได้แบบฉิวเฉียด 
"หลบเก่งนะมึง อยากจะรู้นักว่ามึงจะหลบเก่งสักแค่ไหน!!"
ปัญญาวีรีบพลิกตัวหลบอีกครั้งขณะที่แอนนาใช้ไม้เบสบอลฟาดลงกับพื้นแบบไม่ยั้ง แม้ความจริงแล้วเธอจะปิดฉากการต่อสู้ได้เลยก็ตาม แต่ปัญญาวีก็ยังเอาแต่จับจังหวะและเอี้ยวตัวหลบอยู่อย่างนั้นจนแอนนาถึงกับหอบแฮกและชาไปทั้งมือและท่อนแขนเพราะไม้เบสบอลที่ถืออยู่ฟาดโดนพื้นไปหลายครั้งทำให้ได้รับแรงสะท้อนกลับ ยิ่งเธอฟาดแรงเท่าไหร่ ร่างกายของเธอยิ่งได้รับบาดเจ็บเท่านั้น แต่สิ่งที่ปัญญาวีทำนั้นไม่ได้เพียงแค่ให้คู่ต่อสู้หมดแรง แต่เธอต้องการออมแรงที่จะต่อสู้กับเหล่าชายชุดดำที่เหลือและรอจังหวะที่น้องสาวของเธอใช้ใบมีดโดนเล่มนั้นตัดเชือกได้สำเร็จเสียก่อน
"แน่จริงฟาดให้โดนสิวะ"
"เหอะ!! มึงลุกขึ้นมาสู้กับกู แขนเดี้ยงข้างเดียวจะมีปัญญาสู้กูไหม"
"คิดผิดแล้วที่ท้าทายคนอย่างกู ต่อให้ไม่มีแขนกูก็ชนะมึงแน่"
"งั้นมึงก็ลุกขึ้นมาสิวะ!!!"
สิ้นเสียงพูดแอนนาจึงโยนไม้เบสบอลทิ้งก่อนจะคว้าที่คอเสื้อของบอดี้การ์ดสาวด้วยความฉุนจัด เพราะไม่ว่าจะทำอย่างไรปัญญาวีก็ไม่ยอมเล่นตามเกมเธอแม้แต่น้อย แต่แล้วจู่ ๆ มุมปากก็ยกตั้งขึ้นคล้ายคนมีแผนร้ายในใจ มือเรียวข้างหนึ่งลูบไล้ไปที่แก้มเนียนของบอดี้การ์ดสาวช้า ๆ พลางกับยิ้มมุมปาก
"พอดูหน้าชัด ๆ แล้วมึงก็สวยเหมือนกันนี่ ทนความเจ็บปวดเก่งเหมือนกูเลยด้วย แต่ก็นะ...มึงไม่ใช่สเปคของกู"
"มึงก็ไม่ใช่สเปคกูเหมือนกันล่ะวะ!!"
"หึ...เล่นกับมึงไม่สนุกหรอก เล่นกับคนนั้นสนุกกว่าตั้งเยอะ" แอนนาพูดพลางกับชี้ไปที่คุณหนูณิชา ทำเอาปัญญาวีถึงกับดวงตาเบิกโพลง และรีบใช้มือขวาคว้าคอเสื้อของเธอเอาไว้ทันที
"มึงอย่านะ!!! คุณหนูคือน้องสาวของมึงนะแอนนา!!!"
"มึงจะใช้มุกนี้ไปอีกนานไหมวะ มึงพูดพล่ามอะไรของมึง!!"
พลั่ก!!!
"อัก!!!" หมัดข้างหนึ่งต่อยเข้าที่ใบหน้าของบอดี้การ์ดสาวอย่างจังจนเธอถึงกับมึนงง แต่เมื่อแอนนาลุกขึ้นเพื่อที่จะเดินไปหาของเล่นชิ้นสำคัญ ปัญญาวีก็รีบตะเกียกตะกายพาร่างตัวเองลุกขึ้นทั้งที่แขนข้างซ้ายไม่มีแรงแม้แต่จะยกขึ้นได้ ก่อนเธอจะใช้ไหล่พุ่งชนไปที่บริเวณข้อพับเข่าจนแอนนาเสียหลักหงายหลังล้มไปกระแทกกับพื้นอย่างแรง
"ปุณวิ่ง!!!" สิ้นเสียงพูดของเธอ ปุณญิสารีบสะบัดแขนและขาให้หลุดพ้นจากพันธนาการ ก่อนจะรีบคว้าแขนของณิชาให้ลุกขึ้นเพื่อหวังจะหนี ทว่าปลายกระบอกปืนสั้นกลับจ่อที่ศีรษะของปัญญาวีจนทั้งสองถึงกับชะงัก
"ถ้าพวกมึงหนี อีบอดี้การ์ดนี่ตาย!!!"
"พี่ปัญ!!!"
"คุณปัญ!!"
"ไม่ต้องห่วงพี่ พาคุณหนูหนีไป!!!"
"อย่าหวังว่ากูจะให้พวกมึงหนีไปได้!! มาจับตัวมัน!!" แอนนาลั่นคำสั่งด้วยเสียงดังฟังชัด เหล่าชายชุดดำต่างกู่เข้ามาจับตัวเธอทั้งสอง แต่แล้วทุกคนต่างก็ต้องชะงักและหันขวับกันอย่างพร้อมเพรียง เมื่อมีรถตู้สีดำคันหนึ่งขับเข้ามาด้วยความเร็วก่อนจะพุ่งชนที่ประตูบ้านซึ่งมีกลุ่มชายชุดดำจำนวนหนึ่งยืนอยู่ ตามด้วยรถสปอร์ตคันหรูสีดำด้านที่คุ้นเคยขับมาต่อท้าย
"ปัญ!!! ทุกคน!! หนีเร็ว!!!" ชายหนุ่มผิวคล้ำพุ่งตัวออกมาจากรถตู้สีดำก่อนจะวิ่งเข้ามาคว้าข้อมือของปุณญิสาพร้อมกับโยนปืนสั้นกระบอกหนึ่งมาทางปัญญาวี เธอจึงวิ่งไปรับกระบอกปืนพร้อม ๆ กับคว้าร่างของคุณหนูณิชาเข้ามาสู่อ้อมกอดของตนแบบพอดิบพอดี
"คุณปัญ!/คุณหนู!!" เสียงเรียกที่ประสานกันเป็นหนึ่งพร้อมกับที่บอดี้การ์ดสาวโอบกอดบริเวณศีรษะของคนตัวเล็กให้มาซบที่หน้าอกของเธอเพื่อที่จะปิดหูและไม่ให้เห็นการกระทำที่โหดร้ายทารุณของเธอเองแม้แขนซ้ายจะเจ็บปวดจนแทบจะยกไม่ขึ้นแล้วก็ตาม ก่อนมือขวาจะถือปืนเล็งไปที่ขาของเหล่าชายชุดดำทีละคนโดยไม่มีพลาดแม้แต่นัดเดียว
ปัง!!! ปัง!! ปัง!!! ปัง!!!
ปัง!!!
"อ๊าก!!!!" ปืนนัดสุดท้ายที่ไม่ได้ออกจากกระบอกปืนที่ปัญญาวีถืออยู่ แต่กลับมาจากพี่เลี้ยงสาวที่เดินลงจากรถสปอร์ตคันหรูขณะที่แอนนากำลังเล็งปืนมาที่ปัญญาวีพอดี นงคราญจึงยิงที่ข้อมือของเธอเป็นการสกัดกั้นเอาไว้ได้แบบทันท่วงที
"พี่นง!!!"
"ทุกคนขึ้นรถเร็ว!" 
ปัง!! ปัง!! ปัง!!
นงคราญเล็งไปที่ขาของชายชุดดำที่เหลือพร้อมกับวิ่งเข้ามาเคียงข้างบอดี้การ์ดสาวเพื่อยิงสกัดให้ทุกคนหนีได้สะดวกยิ่งขึ้น แต่การหลบหนีก็หาได้ราบรื่นนักเพราะคนที่ทานทนต่อความเจ็บปวดอย่างแอนนาสามารถคว้าปืนที่ตกอยู่ข้างตัวขึ้นมาได้ทั้งที่แขนยังสั่นระริกจากการบาดเจ็บ ก่อนจะเหนี่ยวไกทันทีที่ล็อกเป้าหมายได้
"ระวัง!!!"
ปัง!!!
"คุณนม!!!"
"พี่นง!!!" 
ร่างของนงคราญทรุดลงในอ้อมกอดของบอดี้การ์ดสาวหลังจากที่เธอพุ่งตัวเข้ามารับกระสุนแทน ทำให้เธอถูกยิงบริเวณไหล่ด้านหลังฝั่งขวา ก่อนที่ปัญญาวีจะยิงสวนไปที่ขาของแอนนาแล้วรีบพยุงร่างของนงคราญให้หนีไปยังรถสปอร์ตของเธอเอง
"พี่โก!! ไปบ้านพ่อครู!!"


"พี่นง!! ฮือ ๆ ทำใจดี ๆ ไว้นะคะ ฮึก ๆ ฮือ ๆ" ปุณญิสาร้องไห้คร่ำครวญพลางกับใช้ผ้ากดปิดปากแผลเอาไว้ แต่เลือดก็ดูท่าจะไหลออกมาไม่หยุด ซึ่งนงคราญทำได้แค่นั่งซบอยู่ในอ้อมกอดณิชาโดยหันหลังให้เด็กสาวกดแผลได้สะดวก
แม้รถสปอร์ตจะเป็นแบบสี่ที่นั่ง แต่พื้นที่นั้นก็น้อยนิดสำหรับคนทั้งห้าคนและมีหนึ่งคนที่บาดเจ็บอยู่เบาะหลัง ณิชาโอบกอดพี่เลี้ยงสาวเอาไว้แน่นพลางกับร้องไห้อย่างหนักจนร่างกายสั่นเทา ใบหน้าของนงคราญนั้นเต็มใบด้วยเหงื่อกาฬเพราะทรมานจากพิษบาดแผลแต่เธอก็ยังกัดฟันต่อสู้กับความเจ็บปวด ตราบใดที่ยังจับกุมคนที่วางแผนทำร้ายคุณหนูไม่ได้ เธอก็จะตายไม่ได้เด็ดขาด ส่วนปัญญาวีก็ได้แต่กุมแขนซ้ายของตนเอาไว้เพราะได้รับบาดเจ็บจากการถูกตีด้วยไม้เบสบอล
"อดทนนะคุณนม เดี๋ยวก็ถึงโรงพยาบาลแล้ว"
"หนีไปค่ะ...โรงพยาบาลไม่ปลอดภัยสำหรับเรา แฮก ๆ"
"พี่นง! ฮือ ๆ พี่อย่าเพิ่งพูดอะไรเลยค่ะ เราไปโรงพยาบาลกันก่อนเถอะ"
"พี่ไม่เป็นไรค่ะ...คุณหนู แต่พี่...หิวน้ำ..." เสียงแหบพร่าเอ่ยบอก ริมฝีปากของเธอเริ่มช้ำและแห้งเหือด แต่บนรถสปอร์ตนั้นเพิ่งผ่านการซ่อมมาหมาด ๆ จึงไม่มีน้ำติดบนรถแม้แต่ขวดเดียว
"พี่โกคะ ฮึก ๆ พี่นงต้องดื่มน้ำ"
"เราจอดตอนนี้ไม่ได้ปุณ ไม่รู้ว่าพวกมันตามมาหรือเปล่า"
"เราพาคุณนมไปโรงพยาบาลที่ไอ้เปี๊ยกรักษาอยู่เถอะพี่โก อย่างน้อยก็มีคนของคุณท่านคุ้มกันอยู่"
"ไม่ได้ค่ะ...ที่นั่น...คือคนของมัน เปี๊ยกตายไปแล้ว..."
"อะไรนะ!!?" ทั้งปัญญาวีและโกต่างอุทานลั่น คนที่จะเป็นข้อมูลชิ้นสำคัญตายไปแล้วอย่างนั้นหรือ ทำเอาปัญญาวีถึงกับนั่งหน้าเครียด
"เราอย่าเพิ่งให้พี่นงพูดอะไรดีกว่าค่ะคุณปัญ ฮึก ๆ พี่นงเจ็บมากไหมคะ"
"ไม่เป็นไรค่ะคุณหนู...พี่เก่งอยู่แล้ว"
"พี่นงอย่าทิ้งปุณไปนะคะ ฮือ ๆ ปุณไม่อยากเสียใครไปอีกแล้ว ฮือ ๆ"
"ใจเย็น ๆ ปุณ คุณนมต้องไม่เป็นอะไร"
สรุปว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้กันแน่วะ!!!? ที่คุณนมยอมเอาตัวมารับกระสุนแทนแบบนี้มันก็ไม่ได้แปลว่าคุณนมเป็นพวกเดียวกับเรา แต่จะทำไปเพื่ออะไรกันวะ...โธ่เว้ย!!!
ปัญญาวีได้แค่คิดในใจเพราะความสับสนอลหม่าน เรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเธอไม่รู้เลยว่าจะเชื่อใจใครได้บ้าง แต่เธอก็ไม่สามารถปรักปรำคนที่ช่วยชีวิตได้แบบเต็มร้อยนัก
รถสปอร์ตคันหรูสีดำด้านเคลื่อนตัวไปตามทางด้วยความเร่งรีบเพื่อแข่งกับเวลา เพราะหากไปช้าเพียงเสี้ยวนาที อาจทำให้พี่เลี้ยงสาวสิ้นใจจากการทนพิษบาดแผลไม่ไหวไปเสียก่อน ปัญญาวีจึงหันมามองนงคราญที่นั่งซบไหล่คุณหนูของเธอเอาไว้พร้อมกับที่น้องสาวของเธอก็ยังคงใช้ผ้ากดปิดแผลอยู่ด้านหลังพลางกับร้องไห้ไม่หยุด ดูจากท่าทีแล้ว ปุณญิสาคงรักและไว้ใจพี่เลี้ยงสาวไม่น้อยถึงขั้นสะอึกสะอื้นได้ถึงเพียงนี้ 


เมื่อขับรถมาถึงที่หมาย โกจึงรีบเปิดประตูรถแล้ววิ่งไปตามคู่สามีภรรยาที่เคยพบก่อนหน้า ก่อนคนเป็นภรรยาจะวิ่งหายเข้าไปทางสวนมะขามหลังบ้าน ส่วนชายกำยำวิ่งตรงมายังรถสปอร์ตก่อนที่ทุกคนจะพยายามประคองร่างของนงคราญให้ลงจากรถอย่างทุลักทุเลเพราะร่างของเธอไร้เรี่ยวแรงจนชายกำยำต้องรีบอุ้มเธอไปวางไว้บนแคร่ใต้ถุนบ้านทันที
"แข็งใจไว้แม่หนู เอ็งมาถึงที่นี่เอ็งปลอดภัยแน่ ที่นี่มีหมอสมุนไพรเก่ง ๆ อยู่ด้วย ไม่ต้องกลัว"
"ใครเหรอครับลุงคราม"
"ก็จำปาเมียลุงนี่แหละ ว่าแต่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น ทำไมถึงได้หอบกันมาไกลขนาดนี้" 
"เรื่องมันยาวค่ะลุงคราม ช่วยเธอให้พ้นขีดอันตรายก่อนนะคะ เดี๋ยวหนูจะเล่าให้ฟัง"


การผ่าตัดนำกระสุนออกจากร่างพี่เลี้ยงสาวกินเวลานานค่อนชั่วโมง แต่ด้วยความช่วยเหลือของทุกคนตามคำแนะนำของหญิงวัยกลางคนทำให้ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี และโชคยังดีที่กระสุนไม่ได้ทำลายอวัยวะสำคัญทำให้เธอพ้นขีดอันตรายได้แบบฉิวเฉียด
"พี่นงจะปลอดภัยใช่ไหมคะคุณป้า" ปุณญิสาเอ่ยถามพลางกับกุมมือพี่เลี้ยงสาวเอาไว้แน่น
"ปลอดภัยแล้วล่ะ แค่หลับไปเพราะยาสลบน่ะลูก"
"ห่วงแต่คุณนมเหรอ ไม่ห่วงพี่หน่อยเหรอ พี่ก็เจ็บนะปุณ" ปุณญิสาไม่มีการตอบรับใด ๆ นอกจากจ้องมองไปที่บาดแผลของนงคราญเท่านั้น ทำเอาปัญญาวีถึงกับต้องบึนปากด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ ณิชาเห็นอย่างนั้นจึงสัมผัสที่ไหล่เธอเบา ๆ เป็นการปลอบใจ หญิงวัยกลางคนก็อดยิ้มกับท่าทีของเธอไม่ได้ พลางกับนำผ้าขาวม้ามาคล้องที่แขนซ้ายของปัญญาวีเอาไว้เพื่อดามแขน
"แขนหนูหักไหมคะป้าจำปา"
"ไม่หรอก แต่ช่วงนี้งดใช้แขนข้างนี้ก่อนนะลูก"
"ดีนะคะที่เป็นข้างซ้าย ถ้าเป็นข้างขวาหนูคงคิดหนัก" พูดจบ บอดี้การ์ดสาวจึงส่งยิ้มหวานให้กับคุณหนูณิชาก่อนจะถูกมองค้อนกลับมา เพิ่งจะผ่านเหตุการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานมาแท้ ๆ ยังกล้าพูดอะไรแบบนี้อีก มันน่านัก!
"แขนขวามันทำไมเหรอพี่ปัญ"
"เดี๋ยวพี่กินข้าวลำบาก"
"แน่ใจเหรอคะว่าหมายถึงกินข้าว" ณิชาถามเสียงแข็ง
"ก็ใช่สิคะคุณหนู ฉันต้องปกป้องคุณนะคะ ถ้าแขนข้างที่ถนัดเป็นอะไรไป ฉันคงลำบากน่าดู"
"คุณหนู?" จำปาทวนคำพูดของเธอซ้ำอีกครั้งพร้อมกับเอียงคอด้วยความสงสัย
"เราไปคุยกันข้างล่างไหมคะ คุณนมจะได้พักผ่อน ปะปุณ ลงไปข้างล่างกัน"
"ไม่ค่ะ ปุณจะรอพี่นงฟื้น"
"ปุณ!" แม้ปัญญาวีจะใช้เสียงแข็งอย่างไร ปุณญิสาก็หาได้เกรงกลัวเธอแม้แต่น้อย เธอจึงได้แต่ส่ายศีรษะและเดินลงจากเรือนแต่โดยดี
"คุณนงเป็นยังไงบ้างปัญ" โกเอ่ยถามทันทีที่เห็นหน้าน้องสาวและคนอื่น ๆ เดินลงจากเรือนด้วยเช่นกัน
"พ้นขีดอันตรายแล้วค่ะ แล้ว...พ่อครูไม่อยู่เหรอคะลุงคราม"
"พ่อลุงเสียตั้งแต่วันที่พวกเอ็งกลับไปแล้วล่ะ"
"อะไรนะคะ!!?" 
"พ่ออายุมากแล้วแถมยังป่วยออด ๆ แอด ๆ มาเป็นปี แต่พอเจอหน้าเอ็งเท่านั้นแหละ พ่อก็จากไปแบบสบาย ๆ เหมือนนอนหลับไปเฉย ๆ" แม้จะเพิ่งผ่านการสูญเสีย แต่ผู้เล่ากลับเล่าออกมาราวกับไม่มีเรื่องทุกข์ภายในใจ ทำเอาปัญญาวีถึงกับจุกอยู่ในอก
"พ่อเขาคงดีใจที่ได้เจอหลานล่ะมั้งจ๊ะ แถมหนูยังได้มากราบเท้าท่านด้วยเลยจากไปอย่างสงบ" คนเป็นภรรยาพูดเสริม
"เป็นบุญจริง ๆ ค่ะ ที่ได้กราบพ่อครูก่อนที่จะเสีย"
"อืม...ว่าแต่เรื่องมันเป็นยังไง เอ็งช่วยเล่าให้ลุงฟังหน่อยได้ไหม มันเกิดอะไรขึ้น"
"ถ้าจะเริ่มก็คงต้องเริ่มที่หนูต้องไปเป็นบอดี้การ์ดให้คุณหนู ซึ่งเป็นลูกสาวของท่านไพศาล เกษมไพโรจน์..."
ปัญญาวีเริ่มเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้กับคู่สามีภรรยาฟังตั้งแต่ต้นจนจบ โดยมีณิชาช่วยเสริมถึงความเป็นมาจากปัญหาที่เกิดขึ้นมานานหลายสิบปีต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งปัญญาวีเองก็ได้แต่มองคุณหนูของเธอด้วยความเห็นใจ ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่มีจิตใจอ่อนโยนทำไมถึงได้พบเจอแต่เรื่องโหดร้ายและทารุณถึงเพียงนี้ ยิ่งฟังก็ยิ่งเจ็บปวด ยิ่งฟังก็ยิ่งแค้น อยากจะรู้ต้นตอของเรื่องทั้งหมดแบบเต็มแก่ ใครกันที่อยู่เบื้องหลังที่คิดจะพรากชีวิตคุณหนูผู้แสนดีคนนี้ไป
"ทุกคนอยู่ที่นี่จนกว่าแม่หนูนั่นจะหายดีแล้วกัน หลังจากนี้ลุงจะช่วยเอง"
"หนูขอโทษนะคะที่มารบกวนลุงครามกับป้าจำปา หนูคงอยู่ไม่นานหรอกค่ะ เพราะตราบใดที่พวกมันยังลอยนวลอยู่ คุณหนูจะใช้ชีวิตอย่างสบายใจได้ยังไง หนูต้องรีบกลับไปสะสางเรื่องทุกอย่างให้มันจบ"
"ด้วยวิธีไหนล่ะ"
"หนูก็ไม่รู้ค่ะ ตอนแรกก็คิดว่าพอมีทางอยู่บ้าง แต่กลับกลายเป็นว่าทุกคนคือคนของมันหมดเลย ตอนนี้หนูหมดหนทางแล้วจริง ๆ คุณหนูคิดว่าคุณนมอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้หรือเปล่าคะ" ปัญญาวีถามพลางกับหันไปมองหน้าคุณหนูของเธอที่มีสีหน้าไม่สู้ดีนัก
"พี่นงเลี้ยงณิมาตั้งแต่เด็ก ๆ ณิไม่คิดว่าพี่นงจะทำร้ายณิได้ลง"
"แต่ทำไมคุณนมถึงปล่อยให้ยัยแอนนาเข้าถึงตัวคุณหนูขนาดนั้นล่ะคะ"
"ณิเป็นคนบอกให้พี่นงออกไปเองค่ะ เพราะไม่คิด...ว่าพี่แอนนาจะทำกับณิได้ขนาดนี้ แต่ก็เหมือนพี่แอนนาจะไม่รู้เรื่องที่ณิเป็นน้องสาวของตัวเองเลยนะคะคุณปัญ"
"ฉันก็สังหรณ์ใจไม่ดีเหมือนกันค่ะ ท่าทีของยัยแอนนาดูไม่เชื่อกับสิ่งที่ฉันพูดเลย อาจจะรู้แต่ทำเป็นไขสือ หรือแม้แต่ยัยแอนนาเองก็ถูกใช้เป็นเครื่องมือโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเหมือนกัน"
"ใครกันนะที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมด ทำไมถึงได้ทำกับน้องณิได้ขนาดนี้" ทุกคนได้แต่นั่งหน้าเครียดไปตาม ๆ กัน เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นมันเกินความคาดหมายไปเสียทุกอย่าง แต่แล้วโกก็ปรบมือดังลั่นทำทุกคนถึงกับสะดุ้งโหยง
"ลืมสิ่งนี้ไปได้ยังไง!!" โกพูดพลางกับหยิบโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงมาวางไว้ที่กลางวงสนทนา ทำให้ปัญญาวีเริ่มรู้สึกมีความหวังแม้มันจะเป็นแสงที่ริบหรี่ก็ตาม
"ซ่อมได้แล้วใช่ไหมคะพี่โก!!?"
"ใช่ แต่พี่ยังไม่ทันได้ดูอะไรในเครื่องเลย พอเปิดได้ปุ๊บคุณนงก็มาตามพี่อยู่ที่หน้าบ้านแล้ว พี่ก็เลยหยิบโทรศัพท์นี่มาก่อนอันดับแรก ไม่ได้หยิบอะไรมาเลยแม้แต่กระเป๋าเงิน"
"โธ่พี่โก ยังไงก็ขอบคุณมากนะคะที่มาช่วยปัญกับทุกคนได้ทันเวลาพอดี"
"ก็ต้องขอบคุณคุณนงล่ะนะ เราอาจจะไว้ใจเธอได้ พร้อมที่จะหาความจริงจากโทรศัพท์เครื่องนี้แล้วหรือยัง" โกพูดพลางกับหันไปถามทีละคน ซึ่งทุกคนจึงผงกศีรษะพร้อม ๆ กัน โดยมีคู่สามีภรรยาวัยกลางคนคอยนั่งฟังในวงสนทนาแต่ไม่มีการพูดขัดใด ๆ
โทรศัพท์ที่ผ่านการซ่อมจนสามารถใช้งานได้ ไม่มีแอปพลิเคชันใด ๆ สำหรับพูดคุย ไม่มีเบอร์โทรศัพท์ที่บันทึกเอาไว้ แต่มีเบอร์เดิม ๆ ที่โทรเข้าหลายสายจากประวัติการโทรเข้า ปัญญาวีจึงนำโทรศัพท์ของเธอออกมาตรวจสอบดูว่าตรงกับเบอร์โทรศัพท์ของใครหรือไม่ แต่กลับไม่ใช่เบอร์โทรของใครที่เธอบันทึกเอาไว้ในโทรศัพท์เครื่องใหม่ เมื่อกดโทรกลับไปก็ไม่สามารถติดต่อได้ เป้าหมายต่อไปคืออัลบั้มรูปภาพนับพันรูปอยู่ในตัวเครื่องที่ปัญญาวีต้องไล่ดูทีละรูปแบบตาแทบถลน
"มันถ่ายอะไรของมันวะเนี่ย ไม่เห็นมีอะไรน่าสงสัยเลย"
"มันจะเป็นอย่างนั้นไปได้ยังไง ในเมื่อปัญบอกว่ามันยัดโทรศัพท์ใส่มือปัญมา แสดงว่าในโทรศัพท์เครื่องนี้มันต้องมีอะไรแน่ ๆ"
"แล้วลูกไอ้เพชรไปไหนแล้วล่ะ" ชายกำยำเอ่ยถาม
"หลังจากที่หนูกลับไปมันก็ถูกฆ่าปิดปากค่ะลุงคราม มันน่าจะจับตาดูไอ้เปี๊ยกตลอดเวลาแต่คือ...ใครเป็นคนว่าจ้างให้มันทำเรื่องแบบนี้ ก่อนตายมันสารภาพกับปัญว่ามันถูกจ้างให้เผาค่ายมวย และก็ขู่ว่าถ้าไม่ทำจะฆ่าแม่ของมัน"
"แล้วนวลล่ะลูก" จำปาเอ่ยถามบ้าง
"เสียทั้งแม่ทั้งลูกแล้วค่ะ ปัญช่วยใครไว้ไม่ได้เลย"
"พวกมันทำแบบนั้นเพื่ออะไรกัน!!"
"หนูก็ไม่รู้ค่ะลุงคราม แต่ไม่ว่ายังไง หนูก็จะปกป้องคุณหนูด้วยการจบเรื่องทุกอย่างให้ได้ หนูจะลากคอมันเข้าคุกให้หมด และแน่นอน...ถ้าคุณนมอยู่เบื้องหลังของเรื่องนี้ คุณต้องยอมให้ฉันจัดการเธอนะคะ" สีหน้าของณิชาคล้ายคนจะร้องไห้แบบเต็มแก่ เธอเม้มริมฝีปากล่างเอาไว้ ก่อนจะพยักหน้ารับทั้งที่เธอไม่คิดว่าพี่เลี้ยงสาวจะทำร้ายเธอได้
"สรุปในเครื่องมีรูปอะไรที่ให้เรารู้อะไรบ้างไหมปัญ"
"ไม่มีเลยค่ะพี่โก นอกจากรูปถ่ายทั่วไป ช่วงเวลาที่เบอร์นี้ติดต่อมา ก็ไม่มีรูปถ่ายอะไรที่จะเป็นสลักสำคัญว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมด สรุป...มันให้โทรศัพท์เครื่องนี้กับปัญมาทำไม"
"เป็นไปได้ไหมคะคุณปัญ ที่เปี๊ยกเขาจะเขียนบันทึกเอาไว้ เพราะถ้าเปี๊ยกถูกจ้างให้ทำจริง ๆ เขาไม่น่าจะถ่ายรูปได้นะคะ เพราะคงกลัวโดนทำร้าย"
"ใช่ปัญ! ที่น้องณิพูดมันก็ถูกนะ" สิ้นคำพูดของโก ปัญญาวีจึงเปลี่ยนเป้าหมายไปยังแอปพลิเคชันสำหรับบันทึกเรื่องราว ทว่า...แอปพลิเคชันสำหรับบันทึกนั้นกลับถูกเข้ารหัสเอาไว้
"เวรเอ๊ย!! มันเข้ารหัสแอปไว้พี่โก มันต้องมีอะไรแน่ ๆ ไม่งั้นมันไม่เข้ารหัสไว้หรอก"
"เหรอ เดี๋ยวพี่จัดการเอง" โกรับโทรศัพท์จากปัญญาวีไปก่อนจะก้มลงจิ้มหยิก ๆ ที่หน้าจอพลางกับทำหน้าครุ่นคิด หลังจากนั้นไม่นานการเข้ารหัสก็เป็นอันเสร็จสิ้น
"เรียบร้อย"
"เฮ้ย!! พี่โกสุดยอด"
"เอาเลย ๆ รีบเปิดดูได้แล้ว ลุงลุ้นจนท้องไส้ปั่นป่วนไปหมดแล้ว" ปัญญาวีรีบรับโทรศัพท์จากโกอีกครั้ง พร้อมกับที่คนอื่น ๆ ตั้งตาคอยว่าในโทรศัพท์เครื่องนี้เปี๊ยกได้บันทึกอะไรไว้หรือไม่ และมันก็เป็นอย่างที่ณิชาพูดเอาไว้ไม่มีผิด เพราะแอปพลิเคชันสำหรับบันทึกเรื่องราวต่าง ๆ นั้น มีการบันทึกเอาไว้จริง ซึ่งเจ้าของโทรศัพท์ได้บันทึกเอาไว้มานานนับเดือน ปัญญาวีจึงไล่อ่านตั้งแต่ข้อความแรกด้วยความตั้งใจ

วันที่ 1 วันนี้อยู่ดี ๆ ก็ได้โทรศัพท์และเงิน 500 บาทจากคนแปลกหน้า เขาคนนั้นบอกว่าเห็นเราเป็นเด็กที่ขยัน สมควรที่จะได้รับสิ่งดี ๆ ตอบแทน จากการที่ช่วยดูแลค่ายมวยให้ งงว่ะ...ลุงปองเซอร์ไพรส์หรือเปล่าวะ แล้วทำไมลุงปองไม่ให้มาตรง ๆ ล่ะ
วันที่ 2 วันนี้มีข้อความเข้า บอกว่ามีงานที่จะทำให้เรารวยมหาศาล พร้อมกับแนบพิกัดมาให้ ตอนนี้แม่กำลังลำบาก อยากพาแม่ไปรักษาชะมัด แต่ลุงปองเองก็ลำบากเพราะพิษเศรษฐกิจ ไม่ต้องห่วงนะลุง เปี๊ยกคิดว่าเปี๊ยกต้องดิ้นรนช่วยลุงแล้วล่ะ
วันที่ 3 แม่งเอ๊ย...งานที่ว่าคือการเล่นพนัน เฮียตั้วมันใช้วิธีนี้หลอกล่อให้คนไปเล่นการพนันที่บ้านมันเหรอวะ
วันที่ 4 โชคเข้าข้างว่ะ วันนี้ได้เงินมา 4,000 แค่แทงถูกไป 2 รอบ อะไรจะเฮงขนาดนี้ ขอบคุณเงิน 500 บาทนั่น ที่ทำให้ปั้นเงินได้เร็วขนาดนี้
วันที่ 5 วันนี้เฮงอีกแล้ว ได้มาอีก 3,000 บาท เรานี่มันเก่งชะมัด รออีกนิดนะแม่ เปี๊ยกจะพาแม่ไปรักษาเอง
วันที่ 6 วันนี้แม่เพ้อหาพ่ออีกแล้วนะ...หัวใจกู เหมือนมันจะยับเยินแล้วว่ะ
วันที่ 7 พอสักที...ชีวิตห่วย ๆ
วันที่ 8 แม่เลิกเพ้อถึงพ่อสักทีได้ไหม พ่อตายไปตั้งนานแล้ว
วันที่ 9 ทำไมวะ...ทำไมชีวิตกูถึงได้บัดซบแบบนี้ เงินที่ได้มาวันนั้นเหลืออยู่แค่พันเดียว แทงพลาดได้ยังไงวะ พรุ่งนี้กูจะไปเล่นใหม่ กูต้องเอาเงินคืนมาให้ได้
วันที่ 10 ฮ่า ๆ แล้วโชคก็เข้าข้างกูอีกครั้ง วันนี้กูได้ 1,000 เกือบตายแล้วไหมล่ะ
วันที่ 11 เกลียดโลกใบนี้ เกลียดทุกคนที่ทำให้กูต้องเผชิญกับเรื่องเหี้ย ๆ แบบนี้ ทำไมพ่อกูต้องตาย ทำไมแม่กูต้องป่วยแบบนี้ แต่มึงตอบแทนกูแค่ข้าววันละ 3 มื้อ แล้วเงินที่กูต้องรักษาแม่ล่ะ แม่งเอ๊ย...
วันที่ 12 ซวยว่ะ วันนี้เห็นเงินลุงปองวางอยู่บนโต๊ะ 500 อุตส่าห์คิดว่าลุงปองไม่เห็นแล้วแท้ ๆ แต่ลุงปองกลับเห็นซะได้ แต่โชคดีที่ลุงปองไม่ว่าอะไร เลยเอาไปต่อทุน แต่กลับแทงเสีย ไม่ได้มาสักบาท
วันที่ 15 ซวยอีกแล้ว วันนี้เสียอีกแล้ว
วันที่ 16 แม่งเอ๊ย วันนี้โชคไม่ดีเลย เสียอีกแล้ว
วันที่ 17 กูเล่นเสียจนเงินไม่เหลือแล้วนะ
วันที่ 18 ทำยังไงดีวะ พยายามจะเล่นให้ได้คืน รู้ตัวอีกทีกูติดหนี้เฮียตั้วไปแล้ว 3 หมื่น ทำยังไงดีวะ
วันที่ 19 ไม่คิดเลยว่าลุงปองจะใช้หนี้ให้ ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ทำไมต้องทำแบบนี้วะ
วันที่ 20 แม่งเอ๊ย กูเล่นเสียอีกแล้ว มันบอกให้กูแทงหมดหน้าตัก กูไม่เหลืออะไรแล้ว กูแอบเอาทองลุงปองไปจำเพื่อมาเล่นเพราะหวังจะเอาเงินไปไถ่คืนแล้วก็ใช้หนี้ลุงปอง แต่ตอนนี้กูสร้างหนี้เพิ่มอีกแล้ว
วันที่ 21 ไม่ไหวแล้ว หนี้เพิ่มอีกแล้ว เฮียตั้วบอกให้ไปบริการมันกับลูกน้องทุก ๆ คืนเพื่อเป็นการใช้หนี้ แม่ช่วยเปี๊ยกด้วย ถ้าเปี๊ยกไม่ทำ มันก็เอาบุหรี่มาจี้ตัวเปี๊ยก อุตส่าห์ฝึกมวยจากลุงปองเพื่อจะเอาไปป้องกันตัว แต่เปี๊ยกทำอะไรไม่ได้เลย เพราะมันมีปืน
วันที่ 22 ไอ้นั่น...มันมาหากู มันชื่อเกริกพล มันบอกว่ามีงานจะให้ทำ ทำไมมันต้องจ้างกูเผาค่ายมวยด้วยวะ กูเคยเกลียดลุงปองก็จริง แต่ในใจลึก ๆ กูก็รักลุงปองเหมือนพ่อคนหนึ่ง กูไม่ทำ!
วันที่ 23 มันมาอีกแล้ว มันบอกว่าจะใช้หนี้ให้ แถมจะเอาเงินค่ารักษาแม่ให้ด้วย แต่ทำไมต้องให้เผาค่ายมวยวะ แม่ช่วยด้วย เปี๊ยกทำไม่ได้ พ่อ...เปี๊ยกจะทำยังไงดี เปี๊ยกควรบอกลุงปองดีไหม มันบอกเปี๊ยกว่ามันใช้หนี้ให้หมดแล้ว มีทางเดียวคือเปี๊ยกต้องเผาค่ายมวยเท่านั้น
วันที่ 24 แม่...เปี๊ยกขอโทษ เปี๊ยกรับเงินจากมันมาแล้ว ถ้าเปี๊ยกไม่ทำ มันจะฆ่าแม่ มันเลวระยำมาก เปี๊ยกทำให้ลุงปองต้องตาย เปี๊ยกมันเลว เปี๊ยกจะทำยังไงดี ถ้าเปี๊ยกไม่ทำมันก็จะฆ่าแม่  ทำไม...ทั้ง ๆ ที่ลุงปองก็เห็นว่าเปี๊ยกกำลังจุดไฟเผาค่ายมวย แต่ลุงปองกลับหันมามองหน้าเปี๊ยกด้วยสายตาที่ผิดหวังแล้วก็พูดว่า "กูจะชดใช้สิ่งที่ผิดพลาดไปให้มึง แต่อย่าทำร้ายลูกสาวของกู" แล้วลุงปองก็วิ่งเข้าไปในกองไฟ เปี๊ยกทำอะไรลงไปวะแม่...เปี๊ยกจำคำพูดของลุงปองได้ขึ้นใจเลยแม่
วันที่ 25 ลุงปอง เปี๊ยกขอโทษ เปี๊ยกไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าลุง เปี๊ยกไม่ได้อยากให้ลุงตาย แต่ถ้าเปี๊ยกไม่ทำ มันจะฆ่าแม่ แล้วพวกเฮียตั้วก็จะซ้อมเปี๊ยก เปี๊ยกไม่มีทางเลือก เปี๊ยกขอโทษ น้องปุณก็อาการแย่มาก แถมพี่ปัญก็เครียดด้วย เปี๊ยกทำอะไรลงไปวะแม่
วันที่ 26 พี่ปัญไม่ไปงานศพลุงปองเลย เพราะเป็นห่วงน้องปุณมาก คนผิดอย่างกูมันก็ยังลอยนวลอยู่เลย ทำไมวะ...ทำไมเรื่องแบบนี้ต้องเกิดขึ้นกับกูด้วย ไอ้เกริกพล ไอ้เหี้ย กูไม่น่ารับของจากมึงเลย ไม่งั้นกูคงไม่ต้องเจ็บปวดแบบนี้
วันที่ 27 แม่...ไอ้เกริกพลมันมาด้อม ๆ มอง ๆ เราที่หน้าบ้านด้วย เปี๊ยกจะทำยังไงดี ในเมื่อกูจัดการทุกอย่างไปแล้ว ทำไมมึงยังมาหากูอีก มึงต้องการอะไรจากกูวะ!!
วันที่ 28 แม่...เปี๊ยกจะทำยังไงดี ไอ้เกริกพลมันมาหลอกล่อพี่ปัญไปทำงานด้วย เปี๊ยกจะทำยังไงดี อย่าทำร้ายพี่ปัญ...มึงต้องการอะไรกันแน่วะ
วันที่ 29 ทำไมผู้หญิงคนที่มากับไอ้เกริกพลถึงเข้ามาเฝ้าน้องปุณไม่ห่างเลยวะ มันคิดจะทำอะไรของมัน มันจะฆ่าน้องปุณงั้นเหรอ แม่งเอ๊ย!! กูขอให้มึงฉิบหายไอ้เกริกพล มึงทำชีวิตกูพัง ชีวิตของมึงก็ต้องฉิบหายและพินาศยิ่งกว่ากู!!

"คุณปัญ!! พอเถอะค่ะ!! พอแล้ว...ไม่ต้องอ่านต่อแล้ว" ณิชาพูดพลางกับดึงร่างของบอดี้การ์ดสาวเข้าไปกอดเอาไว้แน่น เพราะเธออ่านไปร้องไห้ไปจนร่างกายสั่นเทา มือเล็กข้างหนึ่งโอบกอดเอาไว้ส่วนอีกข้างลูบศีรษะของเธอช้า ๆ ร่างที่สั่นเทาอยู่ในอ้อมกอดพร้อมกับเสียงสะอื้นนั้นรับรู้ได้ทันทีว่าปัญญาวีนั้นเจ็บปวดมากเพียงใด
"ทำไมวะ...ฮือ ๆ เปี๊ยก...มึงทำแบบนั้นทำไม ฮือ ๆ" ทุกคนต่างมองเธอด้วยความเห็นใจ จนไม่มีใครกล้าที่จะพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว ส่วนโกนั้นรับโทรศัพท์ไปอ่านเพียงลำพัง ก่อนจะเก็บเอาไว้ดังเดิม
"ปัญอย่าโทษมันเลยนะ เปี๊ยกเองก็เจ็บปวดมาไม่น้อยเหมือนกัน แถมตอนนี้มันก็ตายไปแล้วด้วย เรากลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้อีกแล้ว อย่าโกรธแค้น อย่าสร้างบ่วงกรรมอะไรกันอีกเลยนะ"
"เอ็งจำที่ลุงเคยบอกได้ไหม การแก้แค้นไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น มันมีแต่แย่ลง ปล่อยให้ความแค้นที่กำลังสุมอกของเอ็งให้มันหายไปเป็นเพียงเถ้าถ่าน ต่อจากนี้เอ็งมีหน้าที่ปกป้องแม่หนูนี่ ไม่ใช่การกลับไปแก้แค้น เพราะความเคียดแค้นนี่แหละ คือหนทางของการสูญเสียแบบไม่มีจบสิ้น"
"ฮือ ๆ หนูจะทำยังไงดีคะลุงคราม ฮือ ๆ หนูหมดหนทางแล้วจริง ๆ ฮึก ๆ"
"คิดถูกแล้วที่เอ็งมาหาลุง ลุงจะสอนให้เอ็งเข้มแข็งทั้งร่างกายและจิตใจ ถ้าเอ็งยังสลัดความแค้นออกจากใจไม่ได้ เอ็งไม่มีวันเอาชนะมันได้แน่ คนที่เขาต่างร่ำลือว่าเก่งนักหนาต้องหนีเอาตัวรอดหัวซุกหัวซุนแบบนี้ได้ที่ไหนกัน ไหนจะชื่อของเอ็งอีก ทำไมไม่รู้จักเอาปัญญามาใช้กันล่ะ หลังจากวันนี้...เอ็งต้องตื่นมาฝึกกับลุงทุกเช้า!!"