A BAD Bodyguard | รอยแค้นบอดี้การ์ดสาว

A BAD Bodyguard | รอยแค้นบอดี้การ์ดสาว
ตอนที่ 10 ทวงคืน

ภายในรถตู้คันหรูสีดำที่เคลื่อนตัวไปตามทางนั้น บอดี้การ์ดสาวเอาแต่นั่งมองออกไปด้านนอกหน้าต่างรถพลางกับคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้าด้วยความสับสน นับวันยิ่งมีหลายเรื่องหลายเหตุการณ์ที่ทำให้เธอรู้สึกผิดสังเกต แต่เธอก็ไม่อาจหาคำตอบได้เลย


"อะไรกันคะฮันนี่ ก็วันนั้นฮันนี่บอกเลิกพี่ที่พี่จะต้องบินไปต่างประเทศแบบปุบปับ แต่พี่ยังไม่ได้ตอบตกลงเลย ฮันนี่ก็ขับรถหนีพี่จนเกิดอุบัติเหตุ แล้วฮันนี่ก็ไม่ติดต่อมาหาพี่อีกเลย จนพี่ได้ทราบข่าวกับคุณแม่ว่าฮันนี่สูญเสียความทรงจำ แต่ก็ไม่คิดนะคะ ว่าฮันนี่จะลืมพี่ไปด้วย พี่เสียใจนะคะ"
"แต่ณิจำได้ว่าเราเลิกกันไปแล้ว และพี่ก็หายไปเลย ไม่ติดต่อมา ไม่มาดูแลใยดีณิเลยสักครั้ง"
"ก็พี่อยู่ต่างประเทศนี่คะ พี่จะมาดูแลฮันนี่ได้ยังไง พี่แทบจะทิ้งการเรียนกลับมาเลยด้วยซ้ำ แต่พี่มาไม่ได้ นี่พี่มาถึงไทยปุ๊บ พี่ก็รีบมาหาฮันนี่เลยนะคะ เรายังไม่ได้เลิกกันค่ะ! เพราะพี่ยังไม่ตกลง"
"พี่แอนนา!! เราเลิกกันไปแล้ว!!"


ไหนแม่ของคุณหนูบอกว่า เคยมีคนพูดถึงอุบัติเหตุแล้วทำให้คุณหนูช็อกไปเลยไง แต่ทำไมตอนยัยแอนนานั่นพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น คุณหนูกลับไม่มีท่าทีตกใจหรือแปลกใจเลย ไม่เอะใจหน่อยเหรอว่าผู้หญิงคนนั้นไปเอาเรื่องอุบัติเหตุมาจากไหน ทำไมถึงไม่ตอบโต้ล่ะว่าตัวเองตกบันไดจนความจำเสื่อม แปลก...ฉันรู้สึกมีอะไรไม่ชอบมาพากล คนพวกนั้นกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่แน่ ๆ...
ยิ่งคิด คำถามก็ดูท่าว่าจะพอกพูนขึ้นและไม่มีทีท่าว่าจะไขกระจ่างได้แม้แต่เรื่องเดียว แถมคุณหนูณิชาที่ตอนแรกดูเหมือนจะต่อต้านสาวสวยที่ชื่อแอนนาเสียด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้ไฉนกลับให้เธอร่วมเดินทางไปด้วย บอดี้การ์ดสาวจึงได้แต่นั่งพ่นลมหายใจออกมาอย่างแรงด้วยความไม่พอใจ เพราะตัวปัญหานั้นทำตัวน่ารำคาญเสียเหลือเกิน
"ฮันนี่จ๋า พี่คิดถึงฮันนี่มากเลยนะรู้ไหม ที่นั่นนะดีทุกอย่างเลย เสียอย่างเดียวค่ะ ที่นั่นไม่มีฮันนี่ให้นอนกอด"
"ฮึฮึ่ม!!" 
ทันทีที่ปัญญาวีส่งเสียงรบกวนจากที่นั่งข้างคนขับ ณิชาถึงกับอมยิ้มออกมาทันที เพราะปฏิกิริยาของเธอมันแปลว่ากำลังหึงอยู่ยังไงล่ะ
"อะไรติดคอมิทราบ!! คุณบอดี้การ์ด"
"ช่วยนั่งเงียบ ๆ ได้ไหมคะคุณแอนนา มันรบกวนคนอื่น ลุงก้องเขาเสียสมาธิค่ะ"
"เป็นพนักงานขับรถก็ขับรถไปสิ!! จะมาวุ่นวายกับเจ้านายทำไม คุณก็เหมือนกัน เป็นบอดี้การ์ดก็อย่ามายุ่งเรื่องส่วนตัวของเจ้านายให้มันมากนัก!"
"ก็ไม่ได้อยากยุ่งนักหรอกค่ะ แต่คุณพูดพล่ามไม่หยุดตั้งแต่ขึ้นรถมา"
"เฮ้ย!!"
"หยุดเลยค่ะ!! อย่ามาทะเลาะกันบนรถนะคะ พี่แอนนาก็ช่วยลดเสียงลงหน่อยค่ะ ลุงก้องต้องใช้สมาธิขับรถ คุณปัญก็ด้วย พี่แอนนาคือแขกของณินะคะ"
"ไม่ใช่แขกค่ะฮันนี่ พี่คือแฟนของฮันนี่ค่ะ"
"พี่แอนนา!! เมื่อก่อนน่ะใช่ แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้วค่ะ"
"อืม งั้นพี่จะจีบน้องณิใหม่แล้วกัน ถ่านไฟเก่าที่มันยังไม่มอดน่ะ เป่านิดเดียวก็ติด"
"เดี๋ยวโดนเท้าขยี้มันก็ดับแล้วค่ะ"
"คุณปัญ!!"
"เนี่ยเห็นไหมฮันนี่ มันไม่เหมาะที่จะเป็นบอดี้การ์ดเลยสักนิดอะ พี่พูดอะไรมันก็ขัด พี่โคตรจะรำคาญเลยค่ะ"
"ฉันก็รำคาญคุณเหมือนกัน"
"โอ๊ย!! พอสักทีได้ไหมคะ!!? ทะเลาะกันเป็นเด็ก ๆ ไปได้!! ถ้ายังไม่หยุด ณิจะให้ลุงก้องจอดรถแล้วก็เตรียมหารถนั่งกลับกันเองนะคะ!!"
เมื่อณิชาตวาดเสียงแข็ง ทั้งปัญญาวีและแอนนาต่างสงบปากสงบคำทันที เพราะแอนนารู้ดีว่า หากคนใจดีอย่างคุณหนูณิชาได้โกรธใครแล้วนั้น ไม่มีใครสามารถควบคุมเธอได้อย่างแน่นอน เธอจึงนั่งจับมือณิชาเอาไว้พร้อมกับซบลงที่ไหล่ข้างซ้ายอย่างออดอ้อน ทำเอาปัญญาวีถึงกับกำหมัดแน่น
เมื่อรถตู้คันหรูสีดำขับมาถึงจุดหมาย สาวสวยก็ทำหน้าที่ทุกอย่างแทนบอดี้การ์ดสาว ไม่ว่าจะเป็นเปิดประตูรถ ประคองณิชาไปนั่งบนรถเข็น หรือแม้แต่อาสาเข็นรถด้วยตัวเอง ปัญญาวีจึงได้แต่เดินตามทั้งสองไปอย่างนั้นด้วยความรู้สึกว้าวุ่นในใจ ตอนนี้เธอก็แค่บอดี้การ์ดที่มีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยเท่านั้น คิดจะหวังไปเคียงข้างคุณหนูอย่างนั้นหรือ...มันไม่มีทางเป็นไปได้หรอกนะ...
"คุณไม่ต้องเข้าไปหรอกคุณบอดี้การ์ด รออยู่ข้างนอกนี่แหละ" ยังไม่ทันที่ปัญญาวีจะก้าวเข้าไปยังหอสมุด แอนนาก็ห้ามเธอไว้เสียก่อนจนเธอถึงกับชะงัก
"ฉันมีหน้าที่ดูแลคุณหนูค่ะ เพราะงั้น ฉันจะต้องตามเข้าไปดูแลคุณหนูข้างในด้วย"
"นี่มันหอสมุดนะคุณ จะมาดูแลอะไร และนี่แฟนฉัน ฉันดูแลเองได้"
"คุณดูแลตัวเองให้ได้ก่อนเถอะค่ะคุณแอนนา"
"คุณปัญคะ! ทำไมวันนี้คุณทำตัวไม่น่ารักเลย คุณรออยู่ข้างนอกนี่แหละค่ะ เดี๋ยวเข้าไปข้างในก็จะไปทะเลาะกันอีก นี่มันห้องสมุดนะคะ"
"แต่คุณหนูคะ ฉันต้องดูแลคุณนะคะ"
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ มีพี่แอนนาอยู่ด้วย พี่แอนนาดูแลณิได้ค่ะ"
"แต่..."
"ณิสั่งให้คุณรอข้างนอกค่ะ!" 
"เข้าใจแล้วค่ะ" 
เมื่อทั้งสองเดินหายเข้าไปยังหอสมุด ปัญญาวีถึงกับกำหมัดแน่นด้วยความไม่พอใจ หัวใจที่กระหน่ำเต้นตึกตักมันทำให้เธออึดอัดจนต้องคลายเนกไทออก ก่อนกระดุมเม็ดแรกจะถูกปลดออกตามไปด้วย เธอทิ้งตัวลงที่ม้านั่งไม้หน้าหอสมุดพร้อมกับพยายามระงับอารมณ์ที่กำลังร้อนระอุให้เย็นลงด้วยความยากลำบาก เธอรู้ดีว่านี่คืออารมณ์โกรธ แต่เธอจะโกรธทำไมกัน...
"ไม่ใจร้ายไปหน่อยเหรอคุณหนู ไหนเมื่อคืนบอกว่าต้องการฉันไง พอมียัยแอนนานั่น ฉันก็กลายเป็นหมาหัวเน่าเลยสิ"
เธอเอนหลังพิงกับพนักเก้าอี้ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ราวคนสิ้นหวัง เธอไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเองในตอนนี้แม้แต่น้อย ทำไมเธอถึงต้องโกรธ ทำไมเธอถึงต้องรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจได้ถึงเพียงนี้ บอดี้การ์ดสาวเอาแต่นั่งมองที่มือข้างขวาที่ยังมีพลาสเตอร์ลายการ์ตูนน่ารัก ๆ แปะเอาไว้ ทั้ง ๆ ที่เวลาเป็นแผล เธอไม่เคยติดพลาสเตอร์เสียด้วยซ้ำ เพราะแผลของเธอนั้นมักจะหายเร็วกว่าคนอื่น ๆ และมันก็ไม่ได้หนักถึงขั้นต้องติดเอาไว้หลายวันขนาดนี้
อืด อืด อืด ~
เมื่อโทรศัพท์มือถือสั่นครืดอยู่ในกระเป๋ากางเกง ปัญญาวีถึงกับสะดุ้งเรียกสติได้ในทันที
"ฮัลโหลปุณ"
"โอ้โห!! รับโทรศัพท์ได้สักทีนะ!! นึกว่ามีโทรศัพท์เอาไว้ทับกระดาษ!!"
"เฮ!! พี่ทำงานอยู่ไหมปุณ ไม่ได้ว่างรับโทรศัพท์ตลอดนะ"
"แล้วทำไมตอนนี้ถึงรับได้อะ ว่างแล้วเหรอ"
"ก็...ว่างแหละ อยู่ดี ๆ เขาก็ให้พี่ว่าง" น้ำเสียงที่เปลี่ยนไป มีหรือน้องสาวอย่างปุณญิสาจะไม่รู้
"เป็นอะไรอะพี่ปัญ"
"ใครเป็นอะไร"
"เสียงพูดเหมือนแบบ...ไม่งอน ก็น้อยใจ อะไรประมาณนี้"
"งอนอะไร น้อยใจอะไร บ้าแล้วปุณ"
"โฮะ! พี่ปัญเป็นอะไร ปุณรู้หมดแหละ ไอแอมยัวร์แฟมมิลี ยูโน้!?"
"อะไรเนี่ยปุณ โทรมาทำไม ตอนนี้พี่ทำงานอยู่ ไม่ว่างคุยด้วยนะ"
"ปุณจะโทรไปบอกว่าให้พี่ปัญติดต่อหาพี่โกหน่อยค่ะ พี่โกบอกว่ามีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย"
"จริงสิ! พี่คุยกับพี่โกค้างไว้อยู่นี่นา แต่หัวหน้าบอดี้การ์ดเขาบอกว่าไม่ให้พี่ติดต่อใครนอกจากคนในครอบครัวนี่สิ"
"อ้าวเหรอคะ แล้วทำยังไงจะได้คุยกันคะเนี่ย พี่โกเข้ามาหาปุณบ่อยมากเลย แล้วก็เอาแต่บ่นว่ามีเรื่องสำคัญที่ต้องคุยกับพี่ปัญให้ได้"
"เหรอ ไว้ถ้าพี่โกไปหาปุณอีก ก็ให้พี่โกคุยกับพี่ผ่านเครื่องปุณนะ จะได้แสดงเบอร์ที่พี่ติดต่อเป็นเบอร์ปุณ พี่ไม่อยากมีปัญหากับทุกคนน่ะ โดยเฉพาะพี่นงของปุณ เหมือนจ้องจะจับผิดพี่ตลอดเวลาเลย"
"ก็พี่ปัญทำตัวไม่น่ารัก ใครเขาจะไว้ใจ"
"ทำไม เขาฟ้องอะไรปุณ ถึงมาว่าพี่ไม่น่ารักเนี่ย"
"ฮ่า ๆ หยอกเล่นค่ะ ดูแลพี่ณิดี ๆ นะคะพี่ปัญ ห้ามรังแกพี่ณิเด็ดขาดเลยนะ"
"รู้แล้วน่า พูดครั้งเดียวก็เข้าใจแล้วค่ะคุณปุณญิสา"
"เหรอคะคุณปัญญาวี อย่าให้รู้นะคะว่าทำพี่ณิร้องไห้อะ ปุณจะโกรธพี่จริง ๆ ด้วย" ปัญญาวีถึงกับกลืนน้ำลายดังอึก เพราะเมื่อคืนเธอเพิ่งจะทำคุณหนูร้องไห้เลยนี่สิ
"ไม่มีหรอก พี่ไม่เคยรังแกใคร มีแต่คนอื่นนี่แหละจะมารังแก"
"เหรอ ใครจะรังแกพี่ได้อะ ดุอย่างกับหมา"
"ปุณ!!!"
"ฮ่า ๆ เดี๋ยวปุณวางแล้วนะคะ พี่นงจะพาออกไปเดินเล่นข้างนอก"
"เดี๋ยวปุณ! ไหนบอกว่าพี่นงไปดูแลแค่ตอนกลางคืนไง"
"ช่วงนี้พี่นงแทบจะอยู่กับปุณตลอดเวลาเลยค่ะ อย่างกับเป็นบอดี้การ์ดปุณแหนะ"
"เหรอ...อืม"
"ปุณไปก่อนนะคะ"
"อืม ดูแลตัวเองนะปุณ อย่าเกเรนะ"
"ค่า ๆ บอกตัวเองเถอะ วางแล้วนะคะ"
อีกแล้ว...มีเรื่องแปลก ๆ อีกแล้ว ทำไมคุณนมถึงต้องตามดูแลน้องปุณขนาดนั้น แล้วเรื่องที่บริษัทคุณท่านล่ะ ทำไมถึงไม่ไปจัดการ นี่มันหมายความว่ายังไง...
แม้จะเกิดคำถามมากมายในความคิด แต่ปัญญาวีก็รู้ดีว่าไม่ว่าจะถามอย่างไรเธอก็ไม่ได้คำตอบจากนงคราญเป็นแน่ เธอจึงทำได้แค่เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจเท่านั้น


หลายชั่วโมงผ่านไป
ตัวเลขจากนาฬิกาข้อมือดิจิตอลเรือนสีดำ มันยังคงเดินต่อไปอย่างเชื่องช้า โดยเฉพาะกับคนที่เฝ้ารออย่างปัญญาวี เธอรู้สึกว่าวันนี้เวลามันเดินช้ากว่าทุกวัน เธอได้แต่รอแล้วรอเล่า คุณหนูณิชาก็ไม่ออกมาสักที
จะเข้าไปดีไหมนะ...ถ้าเข้าไปก็จะถือว่าขัดคำสั่งอีก...
อืด ๆ
ยังไม่ทันที่ปัญญาวีจะได้ถอนหายใจ โทรศัพท์มือถือก็สั่นครืดแจ้งเตือนสั้น ๆ และเงียบไป เธอจึงล้วงออกจากกระเป๋ากางเกงอีกครั้ง ก่อนจะเปิดดูกล่องข้อความ ที่มีการแจ้งเตือนข้อความเข้า และเธอก็ต้องยิ้มแก้มปริ
'ข้างนอกร้อนไหมคะ ถ้าร้อนก็เข้ามารอข้างในก็ได้ค่ะ ขอแค่อย่าเสียงดังรบกวนณิก็พอ ณิอ่านหนังสืออยู่ที่ชั้น 3 นะคะ เดินขึ้นมา แล้วเลี้ยวซ้าย ตรงเข้ามาเรื่อย ๆ ก็เจอแล้วค่ะ'
ทันทีที่อ่านจบ บอดี้การ์ดสาวก็รีบวิ่งเข้าไปยังหอสมุดทันที เธอไม่ได้ดีใจที่จะได้ตากแอร์เย็น ๆ แต่เธอดีใจที่จะได้เจอหน้าคุณหนูณิชาต่างหาก
ปัญญาวีเดินขึ้นบันไดวนจนมาถึงชั้น 3 ตามที่ณิชาได้บอกเอาไว้ ซึ่งชั้นนี้มีคนมาอ่านหนังสือไม่มากเท่าชั้นอื่น ๆ แต่ก็พอมีคนนั่งอ่านตามมุมต่าง ๆ บ้างประปราย เธอเดินเลี้ยวซ้ายผ่านชั้นหนังสือหลากหลายหมวดเข้าไปพลางกับชะเง้อหาใครบางคนที่ไม่รู้ว่าไปนั่งหลบมุมอ่านหนังสือที่ไหน จนมาเจอสาวสวยผมสีน้ำตาลแดงกำลังนั่งหลับพิงชั้นหนังสือแบบสบายใจเฉิบ แต่กลับไม่มีร่างของคุณหนูนั่งอยู่เคียงข้าง เธอจึงยกโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะพิมพ์ข้อความตอบกลับไป
'ฉันขึ้นมาแล้วค่ะ คุณหนูอยู่ตรงไหนคะ'
อืด ๆ
'ด้านในสุดค่ะ' 
เมื่ออ่านจบ เธอจึงเดินผ่านชั้นหนังสือลึกเข้าไปด้านในเรื่อย ๆ จนกระทั่งมาถึงชั้นหนังสือชั้นสุดท้าย คุณหนูณิชากำลังนั่งอยู่กับพื้นข้าง ๆ รถเข็นของเธอเอง ซึ่งเธอก็ยิ้มออกมาด้วยความดีใจไม่ต่างกันที่ได้เห็นปัญญาวี บอดี้การ์ดสาวจึงนั่งลงเคียงข้างคุณหนู โดยการเหยียดขาออกมาด้านหน้าและเอนหลังพิงผนังเอาไว้
"ทำไมหนีมานั่งอ่านหนังสือคนเดียวแบบนี้ล่ะคะ"
"ณิอึดอัดน่ะค่ะ เอาจริง ๆ ณิก็ไม่ได้อยากให้พี่แอนนามาด้วยเท่าไหร่ แต่ณิรู้ดีค่ะว่าพี่แอนนาเป็นคนที่ดื้อรั้นมาก ๆ ก็คงจะตามมาให้ได้อยู่ดี ดีไม่ดีอาจจะให้ณิไปนั่งรถพี่แอนนาด้วยซ้ำ แต่ณิสบายใจที่จะนั่งกับคุณปัญแล้วก็ลุงก้องมากกว่า"
"ฉันนึกว่าคุณอยากให้เขามาด้วย"
"เปล่าค่ะ ณิอยากมาแค่กับคุณด้วยซ้ำ"
"เอ่อ...ไว้ครั้งหน้านะคะคุณหนู"
"ค่ะ แล้วทำไมแต่งตัวไม่เรียบร้อยเลยคะ นี่อยู่ข้างนอกนะคะ หรือลืมที่ณิเคยสอนแล้ว"
"ข้างนอกมันร้อนน่ะค่ะ ขอโทษนะคะ" พูดจบปัญญาวีจึงก้มลงติดกระดุมให้เข้าที่ ก่อนจะมีมือคู่หนึ่งเอื้อมมาจับที่เนกไท และรูดขึ้นช้า ๆ ทำเอาหัวใจของเธอถึงกับเต้นตึกตัก
"ขอโทษนะคะที่ให้คุณรอข้างนอก ณิแค่ไม่อยากให้คุณทะเลาะกับพี่แอนนา"
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันขอโทษนะคะที่ทำตัวไม่น่ารัก"
"ค่ะ ไม่เป็นไร ตอนนี้คุณเนี้ยบและดูดีมาก ๆ เลยค่ะคุณปัญ" 
หลังจากที่จัดปกเสื้อของบอดี้การ์ดสาวกลับให้เข้าที่ ณิชาจึงเงยหน้าขึ้นด้วยรอยยิ้มที่สดใสอย่างเคย จนปัญญาวีอดที่จะยิ้มตามไม่ทัน 
"ขอบคุณนะคะคุณหนู"
"ไม่เป็นไรค่ะ สนใจอ่านหนังสือสักเล่มไหมคะ"
"ไม่หรอกค่ะ ไม่ชอบอ่าน แต่ชอบฟังมากกว่า"
"เหรอคะ แล้วคุณปัญชอบฟังเรื่องเกี่ยวกับอะไรคะ"
"ฟังได้หมดเลยค่ะ ขอแค่มีคนพูดหรือเล่าอะไรให้ฟัง ฉันสามารถฟังได้ทั้งวันเลย อย่างตอนอยู่บ้าน น้องปุณเป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือการ์ตูนมาก ๆ น้องจะเล่าให้ฟังตั้งแต่ต้นจนจบละเอียดยิบแบบที่ฉันไม่ต้องอ่านเองเลย"
"แต่ณิเล่าไม่เก่งนะคะ ณิถ่ายทอดไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่ คงจะเล่าให้คุณฟังไม่ได้ว่าเรื่องที่ณิอ่านมันเป็นยังไง"
"คุณหนูอ่านเถอะค่ะ ไม่ต้องเสียเวลาเล่าให้ฉันฟังหรอก"
"แต่ณิอยากให้คุณมีความสุขไปพร้อม ๆ กับณิจังเลยค่ะ หรือจะให้ณิอ่านให้ฟังดีคะ"
"ไว้กลับบ้านค่อยอ่านให้ฟังนะคะ อ่านส่งเสียงที่นี่คงจะไม่เหมาะ คุณหนูอ่านต่อเถอะค่ะ ขอแค่คุณหนูมีความสุขกับการได้อ่านหนังสือ ฉันก็มีความสุขไปด้วยแล้วค่ะ" สิ้นคำพูดของเธอ ณิชาจึงรีบหลบสายตาทันที เพราะรอยยิ้มของปัญญาวีนั้นดูอ่อนโยนจนเกินจะต้านไหว เธอแพ้แล้วทุกอย่าง...ทุกสิ่งที่เป็นปัญญาวี เธอไม่เคยสู้ได้เลยจริง ๆ
"อะ...เอ่อ...ณิขออ่านต่ออีกสักหน่อยนะคะ"
"ได้ค่ะ คุณอ่านได้ตามที่ต้องการเลยค่ะ ฉันจะนั่งอยู่ข้าง ๆ คุณนะ" 
"ขอบคุณนะคะ" 
ความจริง...ฉันนี่แหละที่เป็นคนขอให้พี่แอนนามาด้วย ตอนแรกก็ไม่ได้คาดหวังว่ามันจะได้ผลหรอก แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่ามันได้ผลดีเกินคาด เพราะมันทำให้ฉันรู้ว่า คุณปัญน่ะแคร์ฉันมาก ๆ แคร์มากกว่าพี่แอนนาที่เคยเป็นแฟนฉันซะอีก เมื่อไหร่คุณจะรู้ใจตัวเองสักทีนะ...
ณิชาคิดในใจพลางกับนั่งมองอีกคนที่กำลังนั่งพิงผนังหลับตาพริ้ม ก่อนเธอจะสะดุ้งโหยงเมื่อจู่ ๆ ปัญญาวีก็ลืมตาพร้อมกับหันหน้ามาทางเธอ เธอจึงรีบหยิบหนังสือที่วางอยู่บนตักขึ้นมาเปิดอ่านทันที ก่อนจะใช้มือขวาจับผมที่ปกลงมาทัดที่หลังหูเอาไว้ ปัญญาวีเห็นอย่างนั้นจึงนำยางมัดผมสีดำที่สวมอยู่ข้อมือข้างขวามารวบผมของเธอเอาไว้
"ผมจะได้ไม่กวนใจเวลาคุณหนูอ่านหนังสือนะคะ"
"อะ...เอ่อ...ขอบคุณค่ะ"
"ค่ะ ฉันขออนุญาตพักสายตาสักหน่อยนะคะ ไม่ได้หลับค่ะ ยังปฏิบัติหน้าที่อยู่ แค่คุณหนูขยับฉันก็รู้สึกตัวแล้ว เกิดเรื่องอะไรฉันช่วยคุณหนูทันแน่นอนค่ะ"
"งั้นณิอนุญาตให้คุณหลับไปเลยนะคะ เดี๋ยวณิจะเป็นคนปลุกเอง"
"จะดีเหรอคะคุณหนู ฉันต้องดูแลคุณหนูนะคะ"
"ณิขอสั่งให้คุณหลับค่ะ เดี๋ยวณิปลุกเอง โอเคนะคะ"
"เข้าใจแล้วค่ะ"
ปัญญาวีหลับตาลงอย่างว่าง่าย ซึ่งณิชาก็เอาแต่นั่งมองหน้าเธอพลางกับอมยิ้ม ก่อนเธอจะโน้มศีรษะหนุนที่ไหล่ข้างซ้ายของบอดี้การ์ดสาวเอาไว้ จนเจ้าตัวก็แอบอมยิ้มออกมาเช่นกัน
อยากหยุดเวลานี้ไว้จัง...
อยากให้ตรงนี้มันมีแค่เราสองคนจริง ๆ...


ระหว่างที่เดินทางกลับคฤหาสน์หรู ปัญญาวีเอาแต่เหลือบมองณิชาที่กำลังหลับตาพริ้มซบไหล่ของแอนนาเอาไว้ จนชายวัยกลางคนที่เป็นพนักงานขับรถมองเธอพลางกับอมยิ้ม
"ตั้งแต่ที่ลุงทำงานกับคุณท่านมายี่สิบกว่าปี ลุงไม่เคยเห็นบอดี้การ์ดคนไหนเป็นห่วงคุณหนูได้เท่าคุณเลย"
"คะ?"
"ดูคุณเป็นห่วงเป็นใยคุณหนูมากเลยนะครับ"
"เปล่านี่คะ"
"ตั้งแต่อุ้มคุณหนูลงรถแล้วนะครับ ไม่เคยมีใครทำหรอกครับคุณปัญ"
"เพราะบอดี้การ์ดของคุณท่านมีแต่ผู้ชายล่ะมั้งคะ จะให้มาอุ้มคุณหนูก็คงจะไม่เหมาะ"
"ผู้หญิงก็มีครับ แต่ก็ไม่มีใครทำเกินหน้าที่สักคน"
"นี่ปัญทำเกินหน้าที่เหรอคะลุงก้อง"
"เปล่า ลุงไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ลุงแค่ดีใจที่คุณดูแลคุณหนูอย่างดี แม้จะเกินหน้าที่ แต่คุณก็เต็มใจที่จะทำ"
"ทุกอย่างก็ตามหน้าที่ทั้งนั้นแหละค่ะลุงก้อง"
"ฮ่า ๆ ครับ คุณว่ายังไง ลุงก็ว่าอย่างนั้น"
ใช่...ฉันแค่ทำตามหน้าที่ เพราะถ้าหากมันเกินหน้าที่จริง ๆ ฉันควรที่จะได้นั่งข้างคุณหนูตอนนี้ เธอควรที่จะได้นั่งซบไหล่ของฉัน ไม่อยากให้เธอไปซบไหล่คนอื่นเลย เฮ้อ...
เธอได้แต่ใช้แขนเท้าไปกับขอบหน้าต่างพลางกับมองออกไปด้านนอกด้วยความรู้สึกว้าวุ่นในใจ ทำไมถึงได้รู้สึกหงุดหงิดแบบนี้กันนะ ที่นั่งตรงนั้นมันควรจะเป็นเธอมากกว่าผู้หญิงที่ชื่อแอนนาเสียอีก วันนี้ทุกอย่างมันดูขัดใจเธอไปเสียหมด
ทันทีที่รถตู้สีดำจอดเทียบกับทางเข้า สาวสวยก็งัวเงียตื่นขึ้นก่อนจะใช้มือข้างซ้ายลูบผมสีน้ำตาลของคนที่กำลังหลับซบไหล่อย่างแผ่วเบา ซึ่งปัญญาวีก็บังเอิญเปิดประตูมาเห็นพอดี จนเธอรู้สึกเจ็บแปลบอยู่ในใจ
"ไม่ต้องปลุกคุณหนูนะคะ เดี๋ยวฉันจะอุ้มเธอกลับไปนอนในห้องเอง คุณช่วยลงจากรถหน่อยได้ไหมคะ ฉันจะได้เข้าไปอุ้มคุณหนูได้"
"ไม่เป็นไร นี่แฟนฉัน ฉันอุ้มเองได้"
แม้จะอยากทำหน้าที่ด้วยตัวเองแค่ไหน ปัญญาวีก็ไม่กล้าที่จะขัดสาวสวยคนนี้ เพราะมันไม่ใช่หน้าที่ของเธอเสียด้วยซ้ำ มันควรจะเป็นหน้าที่ของคนรักนั่นถูกต้องที่สุดแล้ว เธอจึงได้แต่มองแอนนาช้อนร่างของคุณหนูขึ้นอุ้มอย่างที่เธอเคยทำ ก่อนจะเดินตามแผ่นหลังที่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวของคนที่ดูดีตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ก่อนจะเร่งฝีเท้าเดินนำหน้าไปก่อน เพราะดูเหมือนว่าแอนนากำลังจะอุ้มณิชาขึ้นไปยังชั้นสองที่เป็นห้องนอนเดิมของคุณหนู
"ทางนี้ค่ะคุณแอนนา คุณหนูย้ายลงมาอยู่ข้างล่างแล้ว"
"อืม"
แอนนาตอบรับสั้น ๆ และอุ้มณิชาเดินตามปัญญาวีไปแบบไม่มีโงนเงน เธอเองก็ดูท่าจะแข็งแรงไม่ต่างกัน ก่อนบอดี้การ์ดสาวจะเอื้อมมือไปเปิดประตูห้องนอนเพื่ออำนวยความสะดวก แอนนาจึงอุ้มร่างของณิชาไปวางลงที่เตียงนอนนุ่ม ๆ อย่างระมัดระวังเพราะกลัวว่าเจ้าหญิงตัวน้อยจะตื่นจากห้วงนิทราเสียก่อน
ปัญญาวียืนมองสาวสวยคว้าผ้าห่มผืนหนาห่มให้ความอบอุ่นแก่คุณหนูของเธอ พลางกับใช้มือลูบศีรษะช้า ๆ ราวกับกำลังเอ็นดูหญิงสาวที่นอนหลับตาพริ้มดูมีความสุข เพราะเธอเองก็ชอบมองใบหน้าของคุณหนูณิชาตอนกำลังหลับเช่นกัน แต่แล้ว...หัวใจของเธอก็แทบจะทะลุออกจากอกเมื่อแอนนาโน้มตัวลงช้า ๆ ก่อนจะประทับริมฝีปากเข้าด้วยกัน ภาพที่เห็นตรงหน้าไม่ต่างจากเจ้าชายที่กำลังจุมพิตเจ้าหญิง และเธอเองก็เป็นเพียงแค่องครักษ์ที่คอยปกป้องเจ้าหญิงจากภยันตรายเท่านั้น
ตอนนี่เหมือนมีเข็มนับพันเล่มกระหน่ำแทงร่างกายและหัวใจจนชาไร้ความรู้สึก หัวใจของคุณหนูนั้นมีเจ้าของแล้วอย่างนั้นหรือ...ทำไม...มันเจ็บแบบนี้นะ...
"คุณนี่ไม่มีมารยาทเลยนะคุณบอดี้การ์ด ออกไปสิ คนเขาจะอยู่ด้วยกัน"
"ไม่ค่ะ คุณไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะจูบคุณหนูด้วยซ้ำ อย่าลืมสิคะ ว่าตอนนี้คุณมีสถานะเป็นแฟนเก่า ช่วยให้เกียรติคุณหนูและอย่ามาทำอะไรเธอตอนหลับแบบนี้"
"ทำไมฉันจะทำไม่ได้ ณิชาเคยเป็นของฉัน ฉันจะทำยังไงก็ได้ ฉันรู้วิธีง้อเธอ แค่มอบความสุขให้เธอครั้งเดียว เดี๋ยวเธอก็ยอมคืนดีกับฉันแล้ว"
"คุณนี่มันหน้าไม่อายนะคะคุณแอนนา แล้วผู้หญิงคนนั้นที่คุณไปนอนกกเป็นเดือน คุณทิ้งขว้างเขาแล้วหรือไง อย่าคิดที่จะทำอะไรคุณหนูของฉันนะคะ อย่าหาว่าฉันไม่เตือน"
เมื่อได้ยินปัญญาวีพูดอย่างนั้น แอนตาจึงยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัยก่อนละก้าวเข้าหาเธอช้า ๆ แล้วมาประจันหน้ากันแบบซึ่ง ๆ หน้า ทำให้ปัญญาวีได้มองใบหน้าของสาวสวยได้อย่างชัดเจน ความสูงของแอนนานั้นสูงกว่าเธอเล็กน้อย แต่หากพูดถึงเรื่องฐานะหน้าตา เธอเทียบไม่ติดฝุ่น
"ทำไมคะคุณบอดี้การ์ด หวงณิชาเหรอ"
"ฉันมีหน้าที่ปกป้องและดูแลคุณหนู ถ้าคิดที่จะทำอะไรคุณหนูโดยที่เธอไม่เต็มใจ ฉันไม่ปล่อยคุณไว้แน่"
"คุณทำเกินหน้าที่นะรู้ตัวไหม"
"ฉันไม่สนหรอกค่ะว่าฉันทำเกินหน้าที่หรือเปล่า ฉันสนแค่ว่าคุณหนูต้องปลอดภัย โดยเฉพาะกับคุณ"
"แล้วคุณจะได้รู้ ว่าณิชาจะเต็มใจมีอะไรกับฉันแน่ คนเคย ๆ น่ะ มันใช้เวลารื้อฟื้นไม่นานหรอก เดี๋ยวเธอก็ยอมเป็นของฉันอีกครั้ง และคุณ...ก็อาจจะไม่ต้องมาทำงานอีกแล้วก็ได้ เพราะฉันจะเป็นบอดี้การ์ดคุ้มกันคนรักของฉันเอง" พูดพลางกับเอื้อมมือมาจับที่ปมเนกไทของบอดี้การ์ดสาว ซึ่งเธอก็ไม่ได้เกรงกลัวแต่อย่างใด เพราะเธอยิ้มออกมาอย่างท้าทาย ก่อนจะจับที่ข้อมือของแอนนาแล้วออกแรงบิดแค่เพียงเบา ๆ แต่กลับพาร่างเจ้าตัวโก่งงอและทำหน้าเหยเกด้วยความเจ็บปวด
"โอ๊ย ๆ ๆ ปล่อยมือฉัน!!"
"ชู่ว...อย่าส่งเสียงดังสิคะ เดี๋ยวคุณหนูจะตื่นค่ะ"
"ปล่อยมือกู!!"
"คุณฟังไว้นะคะคุณแอนนา อย่าคิดที่จะใช้วิธีสกปรก ๆ กับคุณหนูเด็ดขาด เพราะถ้าคุณทำร้ายความรู้สึกของเธอแม้แต่นิดเดียว ฉันหักแขนของคุณแน่ มือข้างไหนที่แตะต้องตัวคุณหนู มันจะหักเป็นสองท่อน ปากที่คุณจูบคุณหนู มันจะไม่เหลือแม้แต่ฟันสักซี่ ถ้าเธอไม่เต็มใจ คุณไม่มีสิทธิ์ทำอะไรเธอทั้งนั้น และตราบใดที่ฉันยังอยู่ที่นี่ คุณหนูจะไม่มีวันเต็มใจแน่"
"ณิชาจะเต็มใจเป็นของกู"
"เอาจริง ๆ คุณไม่มีสิทธิ์พูดแบบนี้ด้วยซ้ำค่ะ คุณไม่มาดูแลใยดีเธอเลยเป็นปี เพราะคุณไปอยู่กับผู้หญิงคนอื่น แต่อยู่ดี ๆ คุณจะกลับมาแสดงความเป็นเจ้าของคนที่คุณทิ้งไปแบบนี้ มันหน้าไม่อายนะคะ คุณน่าจะรู้อยู่แก่ใจนะคะว่าคุณทำอะไรไว้ จะมาอยากได้คืนตอนนี้มันสายไปแล้วค่ะคุณแอนนา คุณกลับไปซะ อย่าให้ฉันต้องหักแขนคุณตอนนี้เลย" สิ้นเสียงของปัญญาวี แอนนาจึงรีบสะบัดแขนออกทันที ก่อนเธอจะรีบเดินจ้ำอ้าวออกไป ตามด้วยเสียงเครื่องยนต์รถสปอร์ตที่ดังกระหึ่มไปทั่วบริเวณจนณิชาถึงกับสะดุ้งเฮือกขึ้น
เวรเอ๊ย...ก็บอกว่าอย่าปลุกคุณหนู ยัยนั่นหิวหมัดฉันขนาดนั้นเลยเหรอ... ปัญญาวีคิดในใจพลางกับเอื้อมมือไปปิดประตูห้องด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะได้ยินเสียงหวานเอ่ยพูดแบบงัวเงียจนรอยยิ้มเผยออกมาช้า ๆ
"ได้ยินเสียงสตาร์ทรถ ณินึกว่าคุณจะหนีณิไปซะอีก"
"ทำไมถึงคิดว่าฉันจะหนีคุณไปล่ะคะคุณหนู"
"ไม่รู้สิคะ ณิกลัวว่าคุณจะไม่อยู่กับณิแล้วอะ ณิบอกว่าจะปลุกคุณแท้ ๆ แต่ณิดันเองหลับเฉยเลย คนอะไรขี้เซาจัง นิสัยไม่ดีเลยนะคะ" ได้ยินแบบนั้น ใครจะไปอดยิ้มได้กันล่ะ หญิงสาวร่างบางพูดแบบงัวเงียพลางกับนั่งขยี้ตาตัวเองอยู่บนเตียง เธอไม่ต่างกับเจ้าหญิงนิทราตัวน้อยที่ตื่นขึ้นมาจากการจุมพิตเลยจริง ๆ เมื่อคิดได้แบบนั้น บอดี้การ์ดสาวจึงเดินก้าวเข้าไปช้า ๆ ก่อนจะนั่งลงบนเตียงเคียงข้างกับคุณหนู
"ถึงฉันจะไม่ใช่เจ้าชาย แต่องครักษ์ก็รักเจ้าหญิงไม่น้อยไปกว่าเจ้าชายหรอกนะคะ"
"คะ?"
"ขอโทษนะคะคุณหนู แต่ฉันยอมให้ปากของคุณไปเป็นของใครไม่ได้จริง ๆ" พูดจบเธอจึงโน้มตัวเข้าไปช้า ๆ จากที่ณิชากำลังสะลึมสะลืออยู่นั้น เธอถึงกับตาสว่างในทันทีก่อนจะรีบจับที่บ่าทั้งสองข้างห้ามเธอเอาไว้
"เดี๋ยว ๆ ๆ คุณจะทำอะไรคะคุณปัญ!?"
"จูบค่ะ มาทวงจูบคืน"
"อ...อะไรคะ ทวงจูบอะไร ณิไม่เข้าใจ"
"เมื่อกี้คุณแอนนาจูบคุณน่ะค่ะ"
"อะไรนะคะ!!? บ้าเอ๊ย!!! เกลียดคนแบบนี้ที่สุดเลย!!" ยิ่งได้เห็นอีกคนยกมือเช็ดที่ริมฝีปากของตัวเองแบบนั้น ปัญญาวียิ่งได้ใจใหญ่ 
"คุณยิ้มอะไรอะคุณปัญ!? ทำไมคุณไม่ช่วยณิล่ะคะ"
"คุณไม่ชอบที่คุณแอนนาจูบเหรอคะ"
"ใครจะไปชอบล่ะคะ พี่แอนนาน่ะคนหลอกลวง ชอบโกหก ปลิ้นปล้อน อยู่ดี ๆ ก็กลับมาหาณิแบบนี้คือรู้เลยว่าถูกสาวทิ้งมาแน่ ๆ บวกกับรู้ว่าคุณพ่อกับคุณแม่ไม่อยู่บ้านด้วย เพราะคุณพ่อน่ะไม่ชอบขี้หน้าพี่แอนนาที่สุดเลย"
"ทำไมเหรอคะ"
"ก็บอกแล้วไงคะว่าพี่แอนนาเป็นคนปลิ้นปล้อน ตลบตะแลง ใครเขาจะชอบคะ คนที่คุณพ่อจะไฟเขียวต้องเป็นคนที่ซื่อสัตย์และจริงใจเท่านั้น"
"แต่คุณหนูก็เคยคบกับคุณแอนนานี่คะ"
"คบได้สามเดือนเองค่ะ เพิ่งจะคบกันได้ไม่ทันไร ก็ไปมีผู้หญิงคนอื่นแล้วอะ นี่ยังมาแอบจูบณิตอนหลับอีก นิสัยเสียที่สุด"
"งั้นฉันขอได้ไหมคะ"
"ขออะไรคะ?"
"ขอทวงคืนจูบของคุณ ฉันไม่ชอบเลยค่ะ ที่เห็นคนอื่นมาชิงไปต่อหน้าต่อตาแบบนี้ ฉันขอคืนนะคะ"
"ม...มัน...ก็เป็นของคุณตั้งแต่แรกอยู่แล้วนี่คะ" 
แม้จะเขินจนใบหน้าร้อนผ่าวไปหมด แต่ณิชาก็หลับตาลงรับสัมผัสอุ่น ๆ จากริมฝีปากของอีกคนอย่างว่าง่ายราวกับถูกสะกด ซึ่งรสจูบของบอดี้การ์ดสาวในครั้งนี้มันดูดดื่มและเร่าร้อนราวกับว่าจงใจจะทวงคืนจูบอย่างที่พูดจริง ๆ เธอคงหวังจะชะล้างรอยจูบเดิมออกไปให้หมดสิ้น และแทนที่ด้วยรอยจูบของเธอเอง แต่มันก็เป็นอย่างที่ณิชาพูดทั้งหมด
มันเป็นของเธอตั้งแต่แรก และเป็นของเธอแต่เพียงผู้เดียวมาโดยตลอด...
ม้า
ไรท์แวะมาคุย~`

“ทั้งหวงทั้งหึง ทั้งทวงคืนจูบขนาดนั้น รู้ใจตัวเองได้แล้วนะคะคุณปัญ >////<”