เมื่อทั้งสองกลับมาถึงบริษัท ตลอดเวลาในการสอนงานโดยประธานสาวนั้น กุลสินีรู้สึกหวาดระแวงอยู่ตลอดเวลา เพราะประธานสาวยืนกอดอกสอนงานเธอแบบใกล้ชิด บางจังหวะก็โน้มตัวเข้ามาใกล้ ๆ จนเธอถึงกับเกร็งไปทั้งตัว ถึงแม้ว่าเจ้าตัวจะเป็นผู้หญิงเหมือนกันก็เถอะ แต่การกระทำแบบนี้มันคือการคุกคามกันเห็น ๆ
"แบบนี้ถูกแล้วใช่ไหมคะ?"
"..." กุลสินีเอ่ยถาม แต่กลับไม่มีเสียงตอบกลับมา
'จะหันไปดูดีไหมเนี่ย ถ้าหันไปจะโดนจูบอีกไหมนะ'
ตุ๊บ!!
"ว๊าย!! คุณภิญญาคะ!!! เป็นอะไรคะ!?" เมื่อจู่ ๆ ประธานสาวก็ล้มลงไป ทำให้กุลสินีร้องออกมาด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบเข้าไปพยุงร่างด้วยความร้อนรน
"เป็นอะไรหรือเปล่าคะคุณภิญญา!?"
"มึนหัวนิดหน่อย"
"คุณเพิ่งเดินทางมาถึงไทยวันนี้ใช่ไหมคะ?"
"อืม"
"แล้วทำไมคุณไม่พักก่อนล่ะคะ!!?"
"นี่เธอเป็นลูกน้องฉันนะ เธอไม่มีสิทธิ์มาขึ้นเสียงใส่ฉัน!!" ภิญญาพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน แต่มือของเธอยังกุมที่ศีรษะของตนไว้ กุลสินีจึงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะจับแขนข้างหนึ่งของประธานสาวมาคล้องคอเอาไว้ แล้วใช้แขนอีกข้างโอบที่เอวเพื่อพยุงร่างให้ลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล แล้วพาร่างประธานสาวไปนั่งที่โซฟา
"ค่อย ๆ นั่งนะคะคุณภิญญา ไหวไหมคะ"
"อืม ไหว"
"พักก่อนเถอะค่ะ คุณเพิ่งมาถึงเองนะคะ"
"พาไปพักที่คอนโดสิ"
"คะ!?"
"เอางานไปด้วยนะ เดี๋ยวฉันจะสอนที่นั่น"
'อะไรเนี่ย ทำไมเป็นประธานที่เอาแต่ใจแบบนี้ คิดจะทำอะไรก็ทำ ไม่ให้เกียรติคนอื่นเลยสักนิด'
"ไม่ได้ยินที่ฉันพูดหรือไง?"
"เอ่อ...แต่ฉันเพิ่งมาทำงานวันแรกนะคะ เข้า ๆ ออก ๆ บริษัทบ่อยแบบนี้จะดีเหรอคะ"
"ยังไงเธอก็มีหน้าที่ติดตามฉันอยู่แล้ว ไปเอาเอกสารพวกนั้น แล้วตามฉันมา"
"แต่คุณภิญญาคะ!?"
"นี่คือคำสั่ง!!!" เมื่อถูกผู้เป็นนายขึ้นเสียงใส่ เจ้าตัวถึงกับสะดุ้งแล้วทำตามคำสั่งแต่โดยดี
"ไหวไหมคะ"
"ไม่ต้องพยุง เดี๋ยวคนอื่นตกใจ"
"เอ่อ...ค่ะ"
ภิญญาเดินนำออกไปด้วยท่าทีนิ่ง ๆ แต่กุลสินีกลับมองไม่ละสายตาด้วยความเป็นห่วง เพราะกลัวว่าเจ้านายของเธอจะเป็นลมล้มลงไปเสียก่อน
เมื่อทั้งสองเดินมาถึงลานจอดรถที่มีรถสปอร์ตคันหรูสีแดงจอดอยู่ จู่ ๆ ประธานสาวก็ยื่นกุญแจรถให้กับเลขาสาว เธอจึงทำได้แต่เลิกคิ้วขึ้นด้วยสีหน้าฉงน
"คะ?"
"อยากขับไม่ใช่หรือไง?"
"ปะ...เปล่านะคะ"
"อืม ตอนนี้ฉันขับไม่ไหวหรอก ขับให้หน่อย ขับได้ใช่ไหม"
"เอ่อ...ฉันไม่เคยขับรถหรู ๆ แบบนี้เลยค่ะ"
"เฮ้อ...ถ้าฉันเป็นอะไรไป เธอคงขับให้ฉันไม่ได้งั้นสิ!!"
'โอ๊ย ทำไมเขาชอบดุฉันแบบนี้นะ อยากลาออกแล้วโว้ย!!'
"ฮัลโหล ส่งรถมารับฉันหน่อย ตอนนี้อยู่ที่หน้าบริษัท" หลังจากที่ภิญญาวางโทรศัพท์ได้สักพัก มีรถตู้คันหนึ่งขับมาจอดเทียบกับทั้งสอง ก่อนจะมีคนขับรถวิ่งลงมาเปิดประตูให้ ภิญญาจึงเดินขึ้นไปบรรถ แล้วหันมามองที่เลขาสาวพร้อมกับยื่นมือออกมา
"ขึ้นมาสิ"
"ขอบคุณค่ะ" กุลสินีปฏิเสธด้วยรอยยิ้มพร้อมกับวางแฟ้มเอกสารที่เบาะรถข้างประธานสาว ก่อนจะเดินไปเปิดประตูรถด้านหน้าแล้วขึ้นไปนั่งโดยไม่สนใจอีกคน ซึ่งการกระทำแบบนี้ของเธอ ทำให้ประธานสาวไม่สบอารมณ์เอาเสียเลย
'กุลสินี...เธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่ปฏิเสธฉัน!'
ภายในคอนโดมิเนียมที่ประธานสาวเคยพากุลสินีมาแล้วครั้งหนึ่ง มีกล่องกระดาษวางอยู่บริเวณเคาน์เตอร์ของแผนกพนักงานต้อนรับ ซึ่งเมื่อกุลสินีหอบแฟ้มเอกสารพะรุงพะรังเข้ามาภายในคอนโดมิเนียมพร้อมกับประธานสาว พนักงานต้อนรับคนเดิมจึงถือกล่องเดินตรงเข้ามาหาเธอ ก่อนจะเปิดให้ดูสิ่งของภายในกล่อง
"เอ๊ะ!? นี่ของฉันนี่คะ!?"
"ลูกน้องคุณภิญญาเก็บเอาไว้ให้น่ะค่ะ คิดว่าน่าจะเป็นของสำคัญของคุณ"
ภายในกล่องมีเพียงแค่กรอบรูปของเธอกับครอบครัว เครื่องประดับ สายชาร์จโทรศัพท์ และเครื่องสำอางเท่านั้น เจ้าตัวได้แต่ถอนหายใจออกมา
"เฮ้อ...เสื้อผ้าของฉันล่ะคะ"
"เสื้อผ้าของเธอ ฉันให้ลูกน้องเอาขึ้นไปเก็บให้แล้ว ไปได้แล้ว อย่ามัวชักช้า ฉันต้องสอนงานเธออีก"
"ค่ะ"
ภิญญากล่าวพร้อมกับเดินนำหน้าไปอีกครั้ง กุลสินีจึงได้แต่หันไปยิ้มให้กับพนักงานสาวแล้วรีบเดินตามไปอย่างรวดเร็ว
'ไม่อยากเข้าห้องเลย...ฉันรู้สึกไม่ปลอดภัย'
ระหว่างทางที่เดินไปยังห้องของประธานสาวนั้น กุลสินีเอาแต่คิดในใจด้วยความหวาดระแวง ตอนนี้เรียกได้ว่า เธอหวาดกลัวประธานสาวไปเสียแล้ว เป็นเพราะก่อนหน้าเธอถูกจู่โจมจูบโดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัว ไหนจะคำพูดของประธานสาวเกี่ยวกับพ่อของเธออีกด้วย แม้จะไม่อยากจะเชื่อเท่าไรนัก แต่สถานการณ์แบบนี้มันก็บีบบังคับให้เธอเชื่อไปโดยปริยาย
"คืนนี้ฉันนอนที่นี่นะ ดูแลฉันให้ดีด้วย"
"แต่ว่า...ยังไม่ถึงวันเสาร์ไม่ใช่เหรอคะ"
"ฉันสั่งเธอก็ต้องทำ" สิ้นคำพูดของประธานสาว กุลสินีจึงนำแฟ้มเอกสารไปวางไว้บนโต๊ะ พลางกับคิดในใจ
'นี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ย! ถึงเขาจะไม่ใช่ผู้ชายก็เถอะ แต่การทำแบบนี้คนที่เสียเปรียบก็คือฉันอยู่ดี ทำไมฉันถึงต้องมารับกรรมแบบนี้นะ แล้วคนดี ๆ แบบพ่อไปติดการพนันได้ยังไง พ่อทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง!! โอ๊ย!!'
"ขอบคุณนะคะที่ถือของขึ้นมาช่วย"
"ยินดีค่ะ มีอะไรให้ช่วยโทรเรียกได้ตลอดเลยนะคะคุณกุลสินี"
"เอ๊ะ!? รู้จักชื่อฉันด้วยเหรอคะ?" พนักงานสาวยิ้มให้แทนคำตอบ ก่อนจะโค้งตัวให้เล็กน้อยแล้วเดินจากไป กุลสินีจึงได้แต่มองตาม ซึ่งเธอรู้ดีว่าหลังจากนี้เธอจะได้เผชิญกับการอยู่กับประธานสาวเพียงลำพัง แต่เธอไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอบ้าง
"มัวชักช้าอยู่ได้ นี่ยังเวลางานอยู่นะ!"
"ค่ะคุณภิญญา จะรีบไปเดี๋ยวนี้ค่ะ" เสียงประธานสาวที่ตวาดลั่นทำกุลสินีสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ เธอจึงรีบนั่งลงที่โต๊ะทำงานเพื่อเตรียมความพร้อมกับการเรียนรู้งาน ใครล่ะจะอยากทำให้ท่านประธานหงุดหงิด เจ้าตัวอาจจะเป็นคนโมโหร้ายหรือพวกโรคจิตที่ชอบใช้อารมณ์กับคนอื่นก็เป็นได้ ทว่า...
"ไปนั่งอะไรตรงนั้น? ฉันจะสอนงานในห้อง" กุลสินีหันขวับไปตามต้นตอของเสียง ซึ่งประธานสาวนั้นเปิดประตูห้องนอนรอเธอแล้ว ทำเอาเธอถึงกับกลืนน้ำลายดังอึก
"อะไรนะคะ!? ตะ...แต่ว่า...ตรงนี้น่าจะเหมาะกว่านะคะคุณภิญญา"
"ทำไมเธอชอบขัดคำสั่งฉันนักนะกุลสินี!!"
"ในเมื่อจะสอนงานฉัน ก็ต้องเป็นที่โต๊ะทำงานสิคะ คุณจะเข้าไปสอนงานในห้องนอนทำไม"
"เฮ้อ...ตามฉันมา!!"
ประธานสาวถอนหายใจเฮือกแล้วเดินนำเข้าไปในห้องนอนด้วยท่าทีนิ่ง ๆ กุลสินีได้แต่นั่งอ้าปากเหวอไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป
'ไม่ได้นะ...ถ้าฉันตามเข้าไปในห้องนอนตอนนี้...ต้องโดนหนักกว่ารอบที่แล้วแน่ ๆ ฉันต้องทำอะไรสักอย่าง! ฉันจะทำยังไงดี’
"กุลสินีเข้ามา!!!"
"เฮือก!!!"
เมื่อได้ยินเสียงตะโกนลั่นห้อง กุลสินีถึงกับสะดุ้งโหยงแล้วรีบวิ่งตามเข้าไปแต่โดยดี แม้จะอยากปฏิเสธแค่ไหนก็ตาม
เมื่อเดินเข้ามาภายในห้อง เป็นห้องนอนขนาดใหญ่ มีมุมโต๊ะทำงานภายในห้องตั้งอยู่ด้านซ้ายมือ ด้านขวาเป็นเตียงนอนขนาด 6 ฟุต ปลายเตียงมีชุดโซฟาที่ประธานสาวนั่งรออยู่แล้ว และทีวีติดผนังขนาด 55 นิ้ว พร้อมชุดโฮมเธียเตอร์แบบครบครัน มีห้องน้ำในตัว เรียกได้ว่า เป็นห้องนอนที่กว้างขวางและมีทุกอย่างครบครัน จนกุลสินีก็นึกแปลกใจว่าสถานที่แห่งนี้จะได้เป็นของเธอได้อย่างไรกัน มันดูมีมูลค่าเสียจนเธอไม่กล้าที่จะรับเลยจริง ๆ
"โอ้โห...ห้องนอนก็กว้างขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย"
"เอาเอกสารมานั่งตรงนี้ แล้วอ่านให้ฉันฟัง ฉันขอพักสายตาสักหน่อย"
"ค่ะ...รับทราบค่ะ"
กุลสินีทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย เธอนำแฟ้มเอกสารแล้วไปนั่งข้างประธานของเธอ พร้อมกับอ่านรายละเอียดต่าง ๆ สลับกับที่ประธานสาวอธิบายงานด้วยตัวเองทั้งที่ยังคงหลับตาเอนพิงกับโซฟาอยู่อย่างนั้น
'คุณภิญญาเวลาจริงจัง นี่อย่างกับคนละคนเลยแฮะ ดูน่านับถือสุด ๆ ไปเลย ถ้าตัดเรื่องที่แกล้งฉันเมื่อตอนเช้าไปเขาเป็นคนที่สมบูรณ์แบบมาก เฮ้อ...แต่เรื่องที่คุณภิญญาพูดมันเป็นเรื่องจริงงั้นเหรอ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพ่อจะทำแบบนั้นกับฉันได้ แล้วคืนนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับฉันไหม เขาจะทำอะไรฉันไหม ฮือ ๆ'
"คุณภิญญาคะ...เรื่องพ่อของฉัน...มันคือเรื่องจริงเหรอคะ"
"...."
"คุณ...อ้าว...หลับแล้วเหรอคะ?"
หญิงสาวเอ่ยถามแต่กลับไม่มีเสียงตอบกลับมา เธอจึงหันไปมองสาวสวยที่นอนหลับตาพริ้มราวเจ้าหญิงนิทรา เธอจึงโน้มตัวสำรวจดูใบหน้าประธานสาวของเธอที่เนียนใสราวกับเด็ก สวนทางกับอายุอย่างลิบลับ ส่าวนรูปหน้านั้นดูเป็นสัดส่วนทองคำที่สวยทุกองศา ที่แม้แต่ตัวกุลสินีเองก็เผลอชื่นชมด้วยเช่นกัน
"รู้ไหมคะ...เวลาคุณหลับมันทำให้ฉันไม่ต้องมาคอยหวาดระแวงคุณ"
กุลสินีเอ่ยพร้อมกับลุกขึ้นด้วยความระมัดระวังเพราะกลัวว่าจะทำให้คนเป็นนายตื่น เธอเดินออกไปนั่งที่โต๊ะทำงานด้านนอก ก่อนจะหยิบกรอบรูปครอบครัวออกมาดูพลางคิดอะไรในใจ
'ฉันไม่ควรมาอยู่ที่นี่...มันไม่ใช่ที่ของฉัน แต่ข้าวของของฉันทุกอย่างมาอยู่ที่นี่หมดแล้ว นั่นหมายความว่าเรื่องที่คุณภิญญาพูดมันจริงงั้นเหรอ ถึงเขาจะเป็นผู้หญิง แต่เวลาแบบนั้นเขากลับดูน่ากลัว เหยียดหยามผู้หญิงด้วยกันแบบไม่ไยดี...นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันนะ'
น้ำตาของหญิงสาวรินไหลออกมาช้า ๆ ในใจเธอว้าวุ่นเหลือเกิน ทั้งยังหวาดระแวงกับสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น และเธอก็ไม่อยากให้มีอะไรเกิดขึ้นกับเธอทั้งนั้น จนเก็บน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่
"ฮึก ๆ คืนนี้ฉันต้องอยู่กับเขางั้นเหรอ ฮึก ๆ"
อีกด้านหนึ่งของบานประตูไม้ที่ถูกเปิดแง้มเอาไว้เล็กน้อย มีร่างของสาวสวยกำลังยืนดูเหตุการณ์ตั้งแต่ต้น สิ่งที่กุลสินีพูดทั้งน้ำตา มันทำให้หัวใจของเธอว้าวุ่นไม่ต่างกัน
"นี่เธอกลัวฉันขนาดนั้นเลยหรอกุลสินี"
ภิญญาตัดสินใจปิดประตูให้เบาเสียงที่สุด เพื่อให้อีกคนมีเวลาอยู่กับตัวเอง ก่อนที่เธอจะเดินกลับมาทิ้งตัวลงที่เตียงด้วยใบหน้าที่ไม่สู้ดีนัก
"นี่เราทำแรงไปไหมนะ…"
ภิญญาพูดพลางหลับตาเพื่อพักสายตาอีกครั้ง เธอใช้แขนก่ายหน้าผากทบทวนการกระทำของตนที่ทำให้เลขาสาวร้อนใจถึงขั้นกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ ทว่า...เมื่อเลขาสาวเปิดประตูเข้ามาเห็นท่าทีของเธอกลับกระโตกกระตากยกใหญ่
"คุณภิญญา!! คุณไม่ไหวเหรอคะ!? คุณปวดหัวใช่ไหมคะ รอสักครู่นะคะ ฉันจะหายามาให้!!"
กุลสินีวิ่งกลับไปที่หน้าห้องอีกครั้งเพื่อค้นหายาในกล่อง แต่กลับไม่พบสิ่งที่ต้องการ เธอจึงวิ่งกลับเข้ามาในห้องมองซ้ายมองขวาก่อนจะเห็นตะกร้าเสื้อผ้าของเธอวางไว้อยู่ เธอก็รีบวิ่งตรงเข้าไปทันที
"อยู่ไหนเนี่ย!! หวังว่าจะไม่เอาทิ้งแล้วนะ"
เธอค้นหาบางสิ่งบางอย่างอย่างกระวนกระวายจนประธานได้แต่มองตามแบบงุนงง
"เจอแล้ว!!!"
เมื่อเจอสิ่งที่ต้องการ กุลสินีรีบวิ่งไปในห้องน้ำและวิ่งกลับมาพร้อมผ้าขนหนูชุบน้ำในมือ จากนั้นเธอรีบก้าวขึ้นบนเตียง จับแขนของภิญญาที่วางก่ายหน้าผากออกแล้วใช้ผ้าขนหนูซับที่ใบหน้าประสานสาวอย่างแผ่วเบา สวนทางกับท่าทีของเธอที่ดูลุกลนเป็นไหน ๆ
"ทำอะไรของเธอกุลสินี?"
"ใช้ผ้าชุบน้ำซับให้ก่อนนะคะ เดี๋ยวฉันนวดให้ทีหลัง ฉันนวดให้พ่อกับแม่บ่อย"
"เดี๋ยวสิ" ประธานสาวพยายามเบือนหน้าหลบ เลขาสาวจึงจับหมับล็อกใบหน้าเอาไว้
"อย่าดื้อสิคะคุณภิญญา!!" เมื่อถูกเลขาของเธอดุเข้า ภิญญาถึงกับมองคิ้วขมวด
"ปวดมากเหรอคะ?" กุลสินีเห็นคิ้วที่กำลังขมวดอยู่ เธอกลับคิดว่าคนเป็นนายปวดหัวมากเสียอย่างนั้น เธอจึงใช้นิ้วโป้งบรรจงนวดที่หัวคิ้วเบา ๆ และค่อย ๆ ไล่ลงไปที่หางคิ้ว แล้ววนกลับไปมาอย่างนั้นหลายรอบ
ตึกตัก! ตึกตัก! ตึกตัก!
เสียงหัวใจของใครบางคนที่กำลังว้าวุ่นอยู่ตอนนี้ อาจจะเพราะรูปร่างหน้าตาของอีกฝ่าย หรือเพราะความใกล้ชิด ก็เป็นได้...