เพียงกระซิบ

เพียงกระซิบ
ตอนที่ 3 กลิ่นหอม

"หลง!! ปล่อยนะ! ทำไมถึงได้ใจร้ายกับเรานักล่ะ!!?"
"คนที่ใจร้ายคือพี่มากกว่า แทนที่เวลานี้หลงจะได้นอนพักที่หอ แต่หลงต้องเดินกลับมาส่งพี่ที่ร้านอีกเนี่ย!!" หลงว่าพลางกับจูงแขนคนตัวเล็กเดินกลับทางเดิมจนมาถึงร้านหนังสือที่เธอทำงานอยู่
เพิ่งจะรู้จักกันแท้ ๆ เป็นใครมาจากไหนยังไม่รู้เลย ไฉนมาขอรุกล้ำพื้นที่ส่วนตัว ใครจะไปยอมกันล่ะ หลังจากที่กินมื้อเย็นกันเสร็จ หลงจึงตัดสินใจพาหญิงสาวพนักงานใหม่กลับมาที่ร้านดังเดิมเพราะกลัวว่าเธอจะหลงทางไปเสียก่อน เจ้าตัวก็ได้แต่เดินตามแรงจูงต้อย ๆ เพราะไม่อาจต่อต้านแรงของเธอได้แม้แต่น้อย คนอะไร หน้าดุและยังแรงเยอะอีก
"ถึงร้านแล้วค่ะ ต่อจากนี้พี่ก็กลับเองนะ หลงถือว่าหลงมาส่งพี่แล้ว"
"นอกจากจะขี้โกงแล้วยังจะใจร้ายอีกนะ แค่ขอค้างด้วยแค่นี้ก็ไม่ได้" ว่าพลางกับบึนปากล่างด้วยความไม่พอใจ
"ใครเขาให้ไปขอค้างกับคนที่ไม่สนิทน่ะ รู้จักกันไหมก็ไม่ หรือต่อให้สนิทกันมากแค่ไหนก็ไม่ใช่ว่าจะไปค้างด้วยตอนไหนก็ได้นะพี่ซอ มันเสียมารยาท อย่างน้อยก็ควรที่จะนัดก่อน อีกฝ่ายเขาจะได้เตรียมตัวถูก"
"เหรอ งั้นพรุ่งนี้เราขอไปค้างกับเธอนะ ถือว่าเรานัดแล้วนะ"
"นี่พี่จะบ้าเหรอ!? ที่บอกไปเนี่ยไม่เข้าใจเลยเหรอ เราไม่ได้สนิทกันถึงขั้นที่จะไปค้างด้วยกันได้นะพี่"
"อ้าว...ก็ไปค้างด้วยกันจะได้สนิทกันไง เราไม่ใช่พวกมือไวหรอก รับประกันว่าไม่มีอะไรหายแน่นอน เราไม่ใช่ขโมย"
"พี่นี่พูดไม่รู้เรื่องนะ"
"ก็เราแค่อยากสนิทกับหลง เราผิดเหรอ"
"พี่จะอยากสนิทกับหลงไปทำไม บอกแล้วไงว่าคนปกติเขาไม่เข้าหาหลงกันหรอก คือหลงโลกส่วนตัวสูงน่ะพี่อย่าพยายามที่จะเข้ามาในโลกของหลงเลย"
"เรารู้ว่าเธอเหงานะหลง และเธอก็ต้องการใครสักคนที่จะเป็นเพื่อนกับเธอด้วย" คำพูดของซอลทำเอาหลงถึงกับชะงัก 
ใช่...เธอแค่อยากมีเพื่อน เธอแค่อยากหลุดพ้นจากความเดียวดายนี่เสียที แต่แล้วอย่างไรล่ะ...สุดท้ายทุกคนก็เดินจากเธอไปและไม่หวนกลับมาอีกเลย ถ้าคิดที่จะเข้ามาแล้วเดินจากไป ก็อย่าเข้ามาตั้งแต่แรกยังจะดีเสียกว่า
หลงไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา แต่เธอกลับหันหลังเพื่อที่จะเดินจากไป ซอลจึงรีบวิ่งมาคว้าที่ข้อมือของเธอเอาไว้เสียก่อน
"หลงเดี๋ยวก่อน!!"
"อย่าเลยพี่ซอ ปล่อยหลงไว้แบบนี้แหละดีแล้ว"
"ทำไมล่ะหลง"
"หลงขอไม่ตอบนะคะ" เมื่อเธอจะหันหลังเดินจากไปอีกครั้ง คนตัวเล็กก็รีบวิ่งมาขวางหน้าเธอทันที
"หลง! คุยกับเราก่อน"
"เอาจริง ๆ นะพี่ซอ ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครอยากจะเป็นเพื่อนหลงจริง ๆ สักคน พอมาเจอพี่ที่พยายามจะเข้าหาแบบนี้ หลงไม่ชินจริง ๆ พี่ต้องการอะไรบอกหลงมาตรง ๆ เถอะ"
"เราอยากสนิทกับหลงไง"
"ทำไมถึงอยากสนิท"
"ก...ก็...ก็..." ซอลอ้ำอึ้ง พร้อมกับกลอกตาไปมา ยิ่งทำให้หลงหงุดหงิดหนักขึ้นไปอีก 
เธอต้องการอะไรกันแน่นะ...
"ถ้าพี่ไม่ตอบงั้นหลงกลับแล้วนะ"
"เราสองคนจะได้เป็นคนรักกันในอนาคต!!" ยังไม่ทันที่หลงจะได้เดินหนีเธอก็ต้องชะงัก คำพูดที่ทำให้เธอถึงกับอ้าปากเหวอ ผู้หญิงคนนี้แปลกอย่างที่เธอเข้าใจนั่นแหละ
"พี่บ้าปะเนี่ย!!?"
"ก็เนี่ย! ถ้าเราบอกไปตรง ๆ เธอก็ไม่เชื่อเรา เพราะเรายังรู้จักกันไม่มากพอไง เพราะงั้นนะหลง เราต้องมาทำความรู้จักกันให้มากขึ้น แล้วเราจะได้ลงเอยกันไง"
"พี่นี่ไร้สาระนะ แต่งเรื่องเก่ง หลงกลับแล้วนะ อย่าให้หลงต้องใจร้ายกับพี่เลยพี่ซอ" คนหน้าดุเอี้ยวตัวหลบและเดินจากไปในที่สุด ปล่อยให้หญิงสาวอีกคนถอนหายในเฮือกอยู่ที่หน้าร้านเพียงลำพัง
"เฮ้อ...ใช่หลงจริง ๆ ไหมนะ แล้วถ้าไม่ใช่จะเป็นใครได้ล่ะ หน้าตาแบบนี้ก็มีอยู่คนเดียว หรือหลงจะมีฝาแฝด" เธอบ่นพำพึมกับตัวเองเบา ๆ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือจากกระเป๋าหนังสีชมพูพาสเทลที่สะพายพาดบ่าขึ้นมากดโทรหาใครบางคนด้วยความร้อนใจ
"สวัสดีค่ะคุณซอล" เสียงหวานจากปลายสายตอบรับทันทีโดยไม่ปล่อยให้เธอรอนาน
"พี่จิ้งหรีดคะ เรามีเรื่องอยากถามนิดหน่อย"
"ได้ค่ะ ถามอะไรคะ"
"ปกติหลงเคยพูดว่าชอบน้ำหอมกลิ่นไหนไหมคะ"
"โอ๊ย อย่าถามถึงเจ้าหลงเลยค่ะ พี่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับหลงหรอก รายนั้นน่ะลึกลับจะตาย ทำไมเหรอคะ"
"คน ๆ นั้น เขาชอบกลิ่นน้ำหอมของเรามาก ๆ แต่กับหลงดูเหมือนจะไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย เราชักจะไม่มั่นใจแล้วสิว่าหลงจะเป็นคนเดียวกันกับคนนั้นหรือเปล่า"
"พี่ก็คิดว่าคุณซอลเข้าใจผิดตั้งแต่แรกแล้วนะคะ อย่างหลงเนี่ยดูเป็นไปไม่ได้มาก ๆ เลย เขาไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ไม่ค่อยแสดงความรู้สึกอะไรออกมา ถ้าจะให้รักใครเนี่ย พี่มองว่ายากกว่างมเข็มในมหาสมุทรอีกค่ะ"
"เฮ้อ...เราก็รู้สึกว่ามันยากมากเลยค่ะ ดูไม่มีทางเป็นไปได้เลยสักนิด"
"ไม่เป็นไรนะคะคุณซอล เมื่อถึงเวลาเราก็จะได้เจอเขาคนนั้นเองค่ะ อย่าเสียใจไปเลยนะคะ"
"ขอบคุณนะพี่จิ้งหรีด งั้นไว้เจอกันพรุ่งนี้นะคะคุณผู้จัดการ"
"แหม...สวมบทบาทได้ดีเชียวนะคะ"
"ฮ่า ๆ อย่าหลุดเรียกชื่อเราอีกนะ ไม่งั้นจะหักเงินเดือน"
"เอ้าคุณซอล!!"
หญิงสาวตัวเล็กหัวเราะคิกคักออกมาเบา ๆ ก่อนจะกดวางสายไปด้วยรอยยิ้ม
ถึงจะดูเป็นไปไม่ได้ก็เถอะ แต่ทำไมเราถึงรู้สึกว่าเป็นหลงนะ... ซอลคิดในใจ


"เฮ้อ...บ้าเอ๊ย...วันนี้มันอะไรนักหนาเนี่ย เหนื่อยเป็นบ้า..." หลงบ่นพึมพำอย่างหัวเสียก่อนจะทิ้งตัวลงนอนบนฟูกนอนนุ่ม ๆ ด้วยสภาพที่อิดโรย
ลำพังแค่ต้องเดินกลับหอพักหลังเลิกงานก็สุดแสนจะเหนื่อย วันนี้เธอยังต้องเดินกลับไปส่งหญิงสาวผมบลอนด์ที่ร้านอีก ยิ่งทำให้ความเหนื่อยล้าเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ แม้แต่เจ้าแมวเด็กลายสลิดก็ไม่โผล่หน้ามาหาเธออีกด้วย ช่างเป็นวันที่แสนโชคร้ายของเธอเสียจริง
พอโน้มตัวลงนอนอาการคัดจมูกก็เล่นงานเข้า เธอจึงต้องพยุงร่างสูงโปร่งของตนลุกขึ้นนั่งเพื่อบรรเทาอาการคัดจมูก ก่อนจะคลานไปหยิบกระปุกยาบรรเทาอาการหวัดขึ้นมาแล้วกลั้นใจหยิบเม็ดยามาเคี้ยวกรุบ ๆ ตามด้วยกระดกน้ำลงไปหลายอึก
"แหวะ...ยานี่มันถูกสร้างมาจากนรกแน่ ๆ" เธอมีสีหน้าเหยเก ก่อนขนทั่วทั้งตัวจะลุกซู่จนพาร่างสะบั้น เพราะเธอน่ะเกลียดการกินยาที่สุด และไม่เคยจะมีสักครั้งที่เธอจะกลืนยาเม็ดลงได้อย่างง่ายดายเหมือนที่คนอื่น ๆ เขาทำกัน การจะบรรเทาอาการเจ็บป่วยใด ๆ ก็ตาม จึงจำเป็นต้องเคี้ยวยาก่อนกลืนแทนเท่านั้น
สงสัยที่เป็นลมในตอนเช้าเพราะเธอเป็นหวัดมาหลายวันแล้ว เลยทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย บวกกับอาการตกใจแบบฉับพลัน คิดแล้วก็น่าขัน ถือเป็นการรับน้องเข้าทำงานแบบเต็มวันสุดหฤโหดของเธอเสียจริง ไหนจะต้องพยายามเดินหนีพนักงานใหม่ที่ตามติดเธออย่างกับเงาอีก 
เราอยากสนิทกับหลงไง...
"อยากสนิทกับเรางั้นเหรอ ไม่เชื่อหรอก...ใครล่ะจะอยากสนิทกับคนอย่างเรา" ว่าพลางกับเอนหลังพิงผนังห้องนอน ก่อนจะเหลือบมองไปที่ชั้นวางของที่มีแก้วกระดาษสองใบตั้งอยู่ เธอจึงเอื้อมมือไปคว้ามาหนึ่งใบ อีกใบหนึ่งจึงติดสอยห้อยตามมาด้วย เพราะมัดถูกผูกติดกันด้วยเชือกเส้นเล็กสีแดงที่ก้นแก้ว
มันคือสิ่งประดิษฐ์จากแก้วกระดาษที่ใช้ทำเป็นโทรศัพท์จำลองนั่นเอง สมัยเด็ก ๆ เธอเคยใช้มันกับใครคนหนึ่งที่ทำให้เธอมีทั้งรอยยิ้มและคราบน้ำตา และเธอยังจดจำใครคนนั้นได้ขึ้นใจ ไม่มีวันที่จะลบเลือนออกจากใจเป็นแน่
หลงใช้แก้วใบหนึ่งคล้องที่กรอบรูปที่เป็นภาพถ่ายวัยเด็กของเธอคู่กับยาย ก่อนจะถอยหลังมานั่งพิงผนังห้องดังเดิมแล้วใช้แก้วกระดาษใบหนึ่งมาจ่อที่ปากของตน
"ยายเป็นยังไงบ้าง สบายดีไหม" พูดจบเธอก็นำแก้วมาครอบที่หูพลางกับอมยิ้ม
"เสียงยายเบามากเลย น้องหลงไม่ได้ยิน"
"..."
"น้องหลงคิดถึงยายนะ ได้ยินไหม"
"..."
"ยายดูแลตัวเองดี ๆ นะ ถ้าหนาวก็เอาผ้าห่มมาห่มด้วยล่ะ แต่ถ้าร้อนก็ขอให้นางฟ้ามาพัดให้นะ น้องหลง...ฮึก! น้องหลง...เป็นห่วง..."
เหงาจับใจ...ไม่มีวันไหนเลยที่เธอจะไม่ทุกข์ทรมานกับการต้องอยู่เพียงลำพัง ข้างนอกที่มีผู้คนขวักไขว่ แต่ทำไมกันนะ...ทำไมภายในหัวใจของเธอช่างเงียบงัน
น้ำตาที่เอ่อล้นออกมาถูกปาดออกโดยพลัน โตจนป่านนี้แล้ว หากร้องไห้ให้คนเป็นยายเห็นคงถูกดุเป็นแน่
"น้องหลงไม่ได้ร้องไห้นะยาย น้องหลงเป็นหวัดมาหลายวันแล้ว ก็เลย...แสบจมูกแล้วก็คันตาด้วย"
"..."
"น้องหลงกินยาแล้ว ยาขมจนขนลุก ถ้ายายเห็นนะ ยายต้องหัวเราะน้องหลงแน่ ๆ เลย เดี๋ยวน้องหลงจะรีบไปอาบน้ำนอนแล้วนะ ช่วยเป่าหัวให้น้องหลงหายป่วยไว ๆ หน่อยนะยาย"
"..."
"ฝันดีค่ะ" เธอสลับพูดสลับฟังอยู่อย่างนั้นจนจบบทสนทนา แม้จะไม่มีเสียงตอบกลับมา เธอก็รู้ดีว่าคนเป็นยายจะพูดอะไรกับเธอบ้าง
วันที่แสนเงียบเหงาหมดไปอีกหนึ่งวัน แต่วันนี้มันดูหนักไปหน่อย หลังจากอาบน้ำเสร็จ อุตส่าห์ไปนั่งเฝ้านอนเฝ้าที่หน้าประตูอยู่นานเพราะอยากเจอเจ้าแมวเด็กลายสลิดแต่ก็ไม่ได้ยินเสียงของมันมาส่งเสียงร้องเช่นวันที่ผ่านมา ถ้าจะหายไป ก็ขอให้เป็นการถูกเก็บไปเลี้ยงก็แล้วกัน จะได้ช่วยให้เธอสบายใจขึ้นมาหน่อย
หลงเดินกลับมาทิ้งตัวลงบนฟูกนอนด้วยความสิ้นหวัง ก่อนจะเอื้อมมือปิดโคมไฟนอนตั้งแต่หัวค่ำ เพราะยิ่งดึกเธอจะยิ่งเหงาน่ะสิ...


วันรุ่งขึ้น...
"สวัสดีค่ะ ยาย" หลงว่าพลางกับยกมือไหว้หญิงสูงวัยที่เข็นรถขายของผ่านหน้าหอพักของเธอพอดี ก่อนเธอจะเดินเข้าไปเลือกดูบรรดาของกินหลากหลายสีสันบนถาดที่วางเรียงรายอยู่บนรถเข็น
หนึ่งในนั้นมีของโปรดของหลงคือลูกชิ้นเอ็นหมูปิ้งราดน้ำจิ้มรสเด็ดที่เธอต้องได้กินทุก ๆ เช้าก่อนไปเรียนหรือไปทำงาน เรียกได้ว่าเธอเป็นขาประจำเลยก็ว่าได้
"วันนี้เอาเท่าไหร่ล่ะหนู" หญิงสูงวัยเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มจนมีรอยย่นบนใบหน้าของเธอบ่งบอกอายุอานามที่มากกว่ายายของเธอในตอนนั้นเสียอีก
"เอาสามสิบบาทเหมือนเดิมค่ะ" ว่าพลางกับก้มลงควานหากระเป๋าสตางค์ในเป้สีดำ ก่อนจะหยิบแบงก์ยี่สิบออกมาสองใบมายื่นให้กับแม่ค้า
"ยายแถมให้นะลูก ขอให้วันนี้เป็นวันที่ดีนะลูกนะ"
"โห...ยาย ของซื้อของขายจะมาแถมทำไมคะ" 
"เถอะน่า หนูเป็นเด็กน่ารัก หนูต้องได้รับสิ่งดี ๆ ในวันนี้นะลูกนะ" รอยยิ้มที่อ่อนโยนส่งมาให้เธออีกครั้ง ช่างอบอุ่นเสียนี้กระไร ทำให้หวนคิดถึงคนเป็นยาย ป่านนี้คงกำลังยิ้มให้เธออยู่บนสวรรค์เป็นแน่
"งั้นยายไม่ต้องทอนนะคะ หนูได้รับสิ่งดี ๆ จากยายแล้ว หนูก็อยากให้ยายได้รับสิ่งดี ๆ จากหนูเหมือนกัน" ต่างคนต่างยิ้มให้กันและกัน อย่างน้อยการได้กินลูกชิ้นน้ำจิ้มรสเด็ดกับคุณยายใจดีในทุก ๆ วัน ก็ยังพอให้เธอมีแรงต่อสู้ในแต่ละวันได้ล่ะนะ
เมี๊ยว...
ยังไม่ทันที่เธอจะได้เดินไปไหน เสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นจนหลงต้องรีบมองหาต้นตอของเสียงนั่น จนได้พบกับเจ้าแมวเด็กลายสลิดกำลังยืนด้อม ๆ มอง ๆ เธออยู่ที่ใต้ท้องรถ ในที่สุดก็ได้เจอกันเสียทีนะ
เธอยิ้มร่าออกมาด้วยความดีใจ ก่อนจะนำลูกชิ้นขึ้นมาเลียน้ำจิ้มออกจนหมด แล้วใช้มือบี้มันให้ละเอียดและไปวางไว้บนพื้น หลังจากนั้นไม่นานเจ้าแมวเด็กก็รีบวิ่งเข้าหาเธอทันที
"ง่ำ ๆ"
ฟังจากเสียงแล้วนั้น มันคงจะหิวไม่น้อยเลย เพราะมันกินดูท่าทางเอร็ดอร่อยเชียวล่ะ หลงจึงเดินไปนั่งอยู่ริมฟุตบาทเพื่อที่จะกินลูกชิ้นกับเพื่อนใหม่ของเธอเสียที่นี่แหละ
วันนี้มีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้นหลายเรื่องเลย... 
หลงคิดในใจพลางกับอมยิ้ม เรื่องดี ๆ อีกเรื่องก็คงจะเป็นสัมผัสการรับกลิ่นที่เริ่มกลับมาเป็นปกตินี่แหละ ทำให้การกินลูกชิ้นในเช้าวันนี้ดูอร่อยขึ้นกว่าเดิมเป็นเท่าตัว
"กินอีกไหมแมว"
"เมี๊ยว..." 
มันคงฟังเธอรู้เรื่องกระมังถึงได้ขานตอบ หลงจึงหยิบลูกชิ้นไม้หนึ่งมาวางไว้บนพื้น มันก็รีบสวาปามทันที เช้านี้ช่างแสนมีความสุขเสียจริง...
หลงไม่รู้ตัวเลยว่า รอยยิ้มของเธอในตอนนี้มีสายตาคู่หนึ่งกำลังจับจ้องมองเธออยู่ไม่ไกลมากนัก จนพลอยทำให้เจ้าตัวอมยิ้มตามไปด้วย
"เจ้าหลงเอ๊ย...ทำยังไงเราจะได้เห็นรอยยิ้มนั่นส่งมาให้เราบ้างนะ" หญิงสาวเจ้าของผมสีบลอนด์ทองเอ่ยพลางกับมองหญิงสาวผมสีดำขลับกำลังนั่งกินลูกชิ้นกับเจ้าแมวเด็กดูท่าจะมีความสุขไม่น้อย ก่อนเธอจะกดปุ่มเพื่อเลื่อนกระจกรถลง
"หลง! ไปทำงานด้วยกันไหม!?" 
ทันทีที่ได้ยินเสียงเรียก หลงถึงกับหันขวับ แต่เพราะเธอสายตาไม่ค่อยจะดีทำให้เธอมองไม่เห็นว่าเจ้าของเสียงเรียกอยู่ที่ไหน
"หลง!! ขึ้นรถเร็ว! ไปด้วยกัน!"
"พี่ซอ!! พี่อยู่ตรงไหน หลงสายตาสั้น!!" หลงตะโกนถามพลางกับพยายามมองหาไปรอบ ๆ แต่เธอก็มองไม่เห็นเจ้าของเสียงอยู่ดี
"อ๋อ...ถึงว่าล่ะ ทำไมชอบทำตาดุใส่เราอยู่เรื่อย" เธอบ่นพึมพำ เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายมองไม่เห็น เธอจึงตัดสินใจเปิดประตูลงจากรถเพื่อที่จะเดินเข้าไปใกล้ ๆ
วันนี้เธอสวมชุดสีชมพูทั้งชุดอีกแล้ว แทนที่จะเป็น   ยูนิฟอร์มของทางร้านที่เป็นเสื้อคอปกสีกรมท่า และกางเกง สุภาพสีดำ ทำเอาหลงมองเธอคิ้วขมวด
"นี่พี่จิ้งหรีดยังไม่ได้เอาชุดทำงานให้พี่เหรอคะพี่ซอ"
"ยังนะ เห็นคุณซอลบอกว่าจะเปลี่ยนชุดทำงานใหม่น่ะ ก็เลยยังไม่ได้ให้"
"เปลี่ยนชุดทำงาน?" หลงเลิกคิ้วด้วยความฉงน ทำไมเธอถึงรู้ดีนักนะ ทั้ง ๆ ที่เป็นพนักงานใหม่แท้ ๆ
"ใช่ เห็นบอกว่าจะเปลี่ยนเป็นเสื้อคอปกสีชมพูนะ"
"ฮะ!!? ไม่ได้!!!" 
"ทำไมจะไม่ได้ล่ะ"
"หลงเกลียดสีชมพู!!!!"
"เอ่อ..."
"ไม่ได้การละ! หลงต้องรีบไปบอกพี่จิ้งหรีดให้ค้านคุณซอลโดยด่วน ไม่ได้!!! ไม่ได้เด็ดขาด!!!" พูดจบก็รีบลุกขึ้นปัดกางเกงของตนดังตุบ ๆ ก่อนจะทำท่าวิ่งออกไป แต่คนตัวเล็กดึงกระเป๋าเป้ที่สะพายอยู่หลังของเธอเอาไว้ได้ทัน
"เดี๋ยว!! จะไปไหน!!?"
"ไปร้านไง"
"คือเราขับรถมารับแล้วเนี่ย ก็ขึ้นรถไปกับเราสิ"
"เหรอ ๆ ปะ ด่วน ๆ เลยพี่"
"อ่า...อืม" 
ซอลได้แต่ยิ้มเจื่อน ๆ กลับไป เพราะเธอน่ะรักสีชมพูยิ่งกว่าอะไรดี แต่อีกคนกลับเกลียดสีชมพูเสียได้ ไม่มีอะไรที่เข้ากันได้เลยแม้แต่น้อย หลงจะใช่คนที่เธอตามหาจริง ๆ ไหมนะ
ทันทีที่หลงเปิดประตูรถได้ กลิ่นน้ำหอมปรับอากาศที่ติดไว้กับแอร์รถโชยมาปะทะกับโสตประสาทของเธอเข้าอย่างจังจนเธอถึงกับชะงัก
กลิ่นหอมจัง...
"หอมจัง กลิ่นอะไรน่ะพี่ซอ" ว่าพลางกับทำจมูกฟุดฟิด เพราะสัมผัสการรับกลิ่นเพิ่งจะกลับมา แต่มันก็ยังไม่ได้เป็นปกติเสียทีเดียว
"นี่เหรอ กลิ่นโรซี่น่ะ หลงชอบเหรอ" 
"เปล่าค่ะ แค่รู้สึกว่ามันหอมแปลก ๆ ไม่เคยได้กลิ่นแบบนี้"
"จะเคยได้ไง เราสั่งทำพิเศษ"
"อ๋อ..."
หญิงสาวตัวเล็กอุตส่าห์เริ่มมีความหวังขึ้นมาแล้วเชียว แต่หลงก็ไม่ได้มีท่าทีอะไรมากมายนัก นอกจากนั่งมองทางอยู่เงียบ ๆ ทั้ง ๆ ที่ภายในใจเธอนั้นแทบเคลิบเคลิ้มกับกลิ่นหอมละมุนชนิดนี้จนเธอลืมเสียสนิทว่าต้องรีบไปที่ร้านเพราะเหตุใด
หอมชะมัด...รู้สึกผ่อนคลายแบบบอกไม่ถูก ทำยังไงจะได้น้ำหอมกลิ่นนี้มาใช้บ้างนะ แต่ถ้าแสดงออกว่าชอบน้ำหอมมันดูไม่เป็นตัวเราเลย นิ่ง ๆ ไว้ดีกว่า อย่าให้พี่ซออ่านใจเราได้เด็ดขาด ยิ่งชอบทำอะไรแปลก ๆ อยู่ด้วย... หลงคิดในใจ
ทำไมไม่มีท่าทีอะไรเลยล่ะ ถ้าหลงเป็นคนคนนั้น  จริง ๆ หลงต้องมีปฏิกิริยามากกว่านี้แล้ว ทำไมกันนะ...ทำไมถึงได้นิ่งแบบนี้ ไม่ใช่หลงจริง ๆ เหรอ บ้าน่า... ซอลคิดในใจ
บรรยากาศบนรถนั้นราวกับมีเมฆหมอกปกคลุม ต่างฝ่ายต่างนั่งเงียบไม่มีใครเปิดปากพูดอะไรออกมา ทั้ง ๆ ที่หญิงสาวตัวเล็กเคยพูดเก่งจนหลงตั้งตัวแทบไม่ทัน แต่วันนี้เอาแต่ขับรถเงียบ ๆ จนเธอได้แต่นั่งตัวเกร็ง
"พี่ซอ..." หลงเป็นคนทำลายความเงียบก่อนจนได้
"อื้อ..." 
"กินข้าวยัง"
"ยัง"
"แวะกินข้าวก่อนไหม อีกตั้งนานกว่าจะถึงเวลางาน"
"ไม่ล่ะ เราไม่ชอบกินข้าวเช้า"
"ทำไมล่ะ ข้าวเช้ามีประโยชน์นะ"
"ปกติเราอยู่ที่บ้านกับพี่น้องหลายคนน่ะ เราไม่ชอบความวุ่นวายบนโต๊ะอาหารตอนเช้าที่สุด เราเลยเลี่ยงที่จะกินข้าวเช้ามาตลอด จนมันชินไปแล้ว"
"พี่มีพี่น้องกี่คนเหรอ"
"ห้าคน"
"คนเยอะดูไม่เหงาดีออก"
"วุ่นวายจะตายเถอะ เราอยากอยู่เงียบ ๆ คนเดียวมากกว่า"
"การอยู่เงียบ ๆ คนเดียวมันทรมานจะตาย จะหันไปทางไหนก็ไม่มีใคร จะพูดอะไรก็ไม่มีเสียงใครตอบกลับมา ความเหงามันน่ากลัวนะ พี่อย่าอยากเข้าไปในโลกของมันเลย" 
ซอลชะงักเล็กน้อยกับคำพูดของหลง ก่อนเธอจะเหลือบมองหญิงสาวผมดำขลับที่นั่งนิ่งไม่แสดงอาการใด ๆ ราวกับคนไม่มีความรู้สึก แต่แววตานั้นสื่อออกมาได้อย่างชัดเจนว่าเธอรู้สึกโดดเดี่ยวมากเพียงใด
"หลง" เธอเอ่ยเรียกบ้าง
"คะ"
"เราอยากสนิทกับหลงจริง ๆ นะ"
"ทำไมถึงอยากสนิทกับหลงเหรอคะ"
"ก็อย่างที่เราเคยพูดไปนั่นแหละ หลงอาจจะไม่เชื่อนะ แต่เราสองคนคือคนรักกันจริง ๆ"
"ไร้สาระ หลงรักใครไม่เป็นหรอก"
"ใครบอก จิตใจของเธอน่ะอ่อนโยนจะตาย เรารู้สึกได้"
"ขนาดพี่ยังกลัวหลงเลย พี่จะมาบอกว่ารู้สึกได้ได้ยังไง มั่วแล้ว"
"เฮ้อ...เธอนี่ดื้อเนอะ ดื้อจนเราเหนื่อย"
"พี่นั่นแหละที่ดื้อ ทำตัวอย่างกับเด็ก หลงถามจริง ๆ ว่าทำไมพี่ถึงอยากสนิทกับหลงนักหนา"
"การที่เราอยากสนิทกับใครมันต้องมีเหตุผลมารองรับด้วยหรือไง"
"มีสิ เพื่อผลประโยชน์ไง แต่หลงไม่มีอะไรจะให้พี่หรอกนะ เพราะงั้น...ล้มเลิกความตั้งใจเถอะ"
"เราไม่มีวันล้มเลิกความตั้งใจหรอก เราจะสนิทกันในสักวัน สนิทกันมากด้วย มากถึงขั้นที่เราสองคนรักกันเลยล่ะ!"
นับว่าเป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ ที่หลงรู้สึกว่าการไม่ได้ยินเสียงความคิดของคนอื่นแบบนี้ทำให้กวนใจเธอไม่น้อย อยากจะรู้นักว่าผู้หญิงที่นั่งข้าง ๆ คิดที่จะทำอะไรกันแน่ ทำไมถึงพยายามเข้าหาเธอถึงเพียงนี้ และเพราะสาเหตุอะไรกันที่ทำให้เธอไม่ได้ยินเสียงความคิดของคนคนนี้เพียงคนเดียว ฟ้ากำลังเล่นตลกอะไรกับเธองั้นหรือ
อึดอัดโว้ย!! พี่ซอคิดจะทำอะไรกันแน่วะ!!?


"หวัดดีค่ะพี่จิ้ง หวัดดีค่ะพี่ฮัค" หญิงสาวเอ่ยทักทายพนักงานรุ่นพี่ทั้งสอง ก่อนชายหนุ่มรุ่นพี่จะหันมายกมือไหว้คนตัวเล็กที่เดินตามหลังเข้ามาในร้าน
"ไงหลง หวัดดีครับคุณซอล" สิ้นเสียงของเขา ทั้งหญิงสาวตัวเล็กและผู้จัดการสาวต่างดวงตาเบิกโพลงราวกับไข่ห่าน และเมื่อหลงหันขวับไปมองหน้าเขา ชายหนุ่มก็รีบยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหูทันที
"ครับคุณซอล ที่ร้านเรียบร้อยดีครับ....ครับผม..." เขาพูดด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับเดินจ้ำอ้าวออกไปอย่างรวดเร็ว เพราะกลัวสายตาพิฆาตของคุณซอลและผู้จัดการสาวที่กำลังถลึงตาใส่เขาอยู่
อีฮัค!! เกือบแล้วไหมล่ะ!!! ผู้จัดการสาวเอ็ดในใจ
"เอ้อ!! ลืมไปเลย!! พูดถึงคุณซอล เห็นพี่ซอบอกว่าเราจะเปลี่ยนสีเสื้อเป็นสีชมพูเหรอพี่จิ้ง"
"ฮะ? อะอ้อ!!! เอ้อ ๆ ใช่ ๆ" จิ้งหรีดรีบเออออตามน้ำทันที แม้แต่เธอเองก็เพิ่งรู้เรื่องนี้เช่นกัน
"ไม่ได้นะพี่ หลงโคตรเกลียดสีชมพูเลย ขอร้องล่ะ ช่วยคุยกับคุณซอลให้หน่อย ถ้าหลงได้ใส่เสื้อสีชมพูทำงานนะ หลงต้องขาดใจตายแน่เลย"
"มันขนาดนั้นเลยเหรอแก คุณซอลรักสีชมพูมากเลยนะ เห็นบอกว่าจะทาสีร้านเป็นสีชมพูด้วยซ้ำ"
"เฮ้ย!!! ไม่ได้นะพี่!!! ไม่งั้นหลงจะลาออก!!"
"ลาออกไม่ได้!!!" สิ้นเสียงของหญิงสาวตัวเล็ก ทำเอาหลงถึงกับมองคิ้วขมวด ก่อนเจ้าตัวจะรีบเอามือปิดปากตัวเองไว้แน่น
"ทำไมหลงจะลาออกไม่ได้ล่ะพี่ซอ"
"ก็หลงต้องใช้เงินไม่ใช่เหรอ ทำงานที่นี่น่ะสบายจะตาย นั่ง ๆ นอน ๆ ได้อ่านหนังสือด้วย เหตุผลที่จะลาออกคือไม่ชอบสีชมพูเนี่ยนะ มันฟังไม่ขึ้นนะ ถ้าคุณซอลรู้คงเสียใจมากแน่ ๆ ที่หลงไปจาบจ้วงสีชมพูที่คุณซอลรัก"
"เออ ใช่ ๆ ซอด้วงพูดถูก ถ้าอยากทำงานอยู่ที่นี่ ก็อย่าบูลลี่สีชมพูนะหลง"
"อันที่จริงก็ไม่ได้เกี่ยวกับสีชมพูหรอก แต่หลงคิดมาได้สักพักแล้วล่ะพี่จิ้ง หลงไปหางานทำใกล้ ๆ หอดีกว่า ที่ร้านมันไกลค่ะ"
"ก็ย้ายมาอยู่หอใกล้ร้านสิ" ซอลเสนอ
"แถวนี้หอแพงจะตายพี่ซอ หลงไม่มีเงินจ่ายหรอก"
"งั้นย้ายไปอยู่กับเราสิ"
"อะแฮ่ม ๆ แค่ก ๆ ไม่ดีมั้งนะซอด้วง!" ผู้จัดการสาวรีบขัดโดยพลัน
"ทำไมล่ะ มันไม่ดียังไง แค่ไปอยู่ด้วยกัน"
"พี่นี่เป็นคนแปลกจริง ๆ นะพี่ซอ ตอนอยู่กับพี่น้องบอกว่าวุ่นวาย อยากไปอยู่คนเดียว ทีงี้แล้วอยากอยู่กับหลงจังเลย พี่เป็นอะไรของพี่เนี่ย"
"ก็เราอยากอยู่กับหลงนี่"
"แล้วพี่เป็นอะไร ทำไมถึงพยายามที่จะอยู่กับหลงจังฮะ!?"
"ก็เราไม่อยากให้หลงเหงาไง"
"ยอมเหงาดีกว่าอยู่กับพี่อีกเถอะ ให้ตายสิ!!"
"เอ๊ะ!!!"
"โอ๊ย!! ไป ๆ ไปทำงานได้แล้วหลง วันนี้ฝากดูแลซอด้วงอีกวันนะ" ผู้จัดการสาวรีบขัดจังหวะทันทีเพราะกลัวว่าทั้งสองจะทะเลาะกันเสียก่อน
เฮ้อ...อยากจะบ้าตาย จะมีวันไหนที่สองคนนี้จะไม่เถียงกันไหมเนี่ย!!? ไม่ใช่แน่ ๆ ยังไงก็ไม่ใช่หลงแน่ ๆ คนอย่างเจ้าหลงไม่มีทางตกหลุมรักคุณซอลแน่ ๆ ฉันมั่นใจ!!