เพียงกระซิบ

เพียงกระซิบ
ตอนที่ 18 สวนสนุก

ในเช้าวันหยุดสุดสัปดาห์ที่หลาย ๆ คนตั้งหน้าตั้งคาคอยโดยเฉพาะเหล่าผู้พิทักษ์ทั้งห้าต่างแต่งตัวสวยหล่อเตรียมความพร้อมสำหรับออกไปสนุกสนานข้างนอก วันหยุดที่มีเวลาจำกัดแบบนี้ก็คงจะเป็นศูนย์เกมและแหล่งรวมความบันเทิงในห้างกระมัง ไม่ต้องตากแดดร้อน ๆ และมีทุกอย่างครบ จบ ในที่เดียวทั้งอาหารการกินอีกด้วย
ซอลอมยิ้มอย่างมีควาสุขพลางกับนั่งมองหลานรักทั้งห้าที่กำลังจัดการอาหารเช้ากันอย่างครื้นเครง แต่วันนี้กลับขาดสมาชิกในครอบครัวไปถึงสามคน คือพี่ชายคนกลางและภรรยาของเขา ส่วนพี่สาวนั้นเรียกได้ว่าเป็นปกตินักหากไม่มาร่วมเวลาอาหารกับครอบครัว เพราะเธอใช้ชีวิตนอกกรอบที่พ่อกับแม่ขีดไว้มานานแล้ว
สาเหตุที่พี่ชายคนกลางไม่มาร่วมโต๊ะด้วยจะเพราะอะไรเสียอีก คงเพราะถูกกดดันจากพ่อกับแม่เป็นแน่ ซึ่งซอลเองก็เข้าใจทั้งฝ่ายผู้ใหญ่และฝ่ายพี่ชายของตนด้วย 
"เด็ก ๆ อย่าลืมซื้อขนมมาฝากปู่ด้วยนะลูก" คนเป็นพ่อพูดก่อนจะโอบกอดเหล่าหลานรักแลดูมีความสุขเสียนี้กระไร แต่หากลองมองให้ดีแล้วนั้น
เขาเพียงแค่อุ้มหลานชายฝาแฝดเมธีและเมธาเท่านั้น ทำให้หลานสาวสามใบเถาวิ่งไปอ้อนคุณย่าแทน ซอลพินิจพิเคราะห์อยู่เงียบ ๆ ซึ่งมันจริงอย่างที่พี่สาวบอกในคืนก่อนทั้งหมด
"เดี๋ยวธีจะซื้อลูกอมมาฝากคุณปู่นะครับ" แฝดผู้พี่เอ่ย
"เดี๋ยวธาจะซื้อสายไหมมาฝากคุณปู่ด้วย" แฝดผู้น้องเสริม
"ว้า...ปู่กินขนมหวานไม่ได้แล้วลูก เดี๋ยวฟันจะผุ" เมื่อคุณปู่พูดเช่นนั้น หลานชายฝาแฝดจึงแสดงสีหน้าเห็นอกเห็นใจ ก่อนจะจับคุณปู่แยกเขี้ยวและอ้าปากเพื่อสำรวจฟัน จนซอลถึงกับหลุดขำพรืด
"เด็ก ๆ อย่าไปกวนคุณปู่สิลูก เมธีเมธาไปใส่รองเท้าได้แล้วครับ"
"ครับ!!!" สิ้นคำของคนเป็นแม่ ทั้งสองจึงรีบวิ่งไปสวมรองเท้าผ้าใบของตนทันที ก่อนที่จะวิ่งออกจากบ้านด้วยความตื่นเต้นตามประสาของเด็ก ซึ่งตักของคุณปู่ตอนนี้ก็ถูกแทนที่ด้วยร่างเล็กของหลานสาวคนสุดท้อง
"จุนปู่ฟันหลอ" 
"หวา...ถ้าหนูจีน่าทานแต่ลูกอมระวังจะฟันหลอเหมือนปู่นะ"
"น้องจีน่าม่ายอยากฟันหลอ"
"ถ้าจีน่าไม่อยากฟันหลอ จีน่าต้องเชื่อฟังพี่นะ" คนโตพูดพร้อมกับใช้มือไพล่หลังข้างหนึ่งและชี้นิ้วขึ้นฟ้า คงเลียนแบบท่าทางของคุณครูที่โรงเรียนมาเป็นแน่ ซอลจึงส่ายศีรษะไปมาพลางกับอมยิ้มด้วยความเอ็นดู
"แล้วบ้านนี้คุณพ่อกับคุณแม่จะพาไปไหนคะ" คุณย่าเอ่ยถามพลางกับจัดกระโปรงให้กับหลานสาวคนกลาง
"ไปสวนสัตว์ค่ะ คุณย่าอยากทานองุ่นไหมคะ น้องจีโน่จะซื้อมาฝาก"
"จำได้ด้วยเหรอลูกว่าย่าชอบทานองุ่น"
"พวกหนูจำได้ค่ะ คุณย่าชอบทานองุ่น ส่วนคุณปู่ชอบดื่มไวน์องุ่น" หลานสาวคนโตเสริม
บทสนทนาเหล่านั้นมันทำให้ซอลคิดถึงใครบางคนที่ชอบดื่มน้ำองุ่นเคียวโฮแบบอัดก๊าซ และปกป้องมันแบบหัวชนฝาเมื่อเธอบอกว่ารสชาติของมันไม่ถูกปากเอาเสียเลย ป่านนี้คนหน้าดุจะกำลังทำอะไรอยู่กันนะ และคืนที่ผ่านมาเจ้าตัวหายไปทั้งคืนโดยที่ไม่สามารถติดต่อได้อีกด้วย หรือจะมีแค่เธอที่เป็นฝ่ายคิดถึงอยู่ฝ่ายเดียว
คิดถึงหมาหลงจัง...
"ซอล!!" ทันทีที่ได้ยินเสียงเรียก ทำเอาซอลถึงกับสะดุ้งโหยง รู้ตัวอีกทีบนโต๊ะอาหารก็เหลือเพียงเธอคนเดียวไปเสียแล้ว
"คะแม่!!? เด็ก ๆ ไปไหนแล้วคะ"
"เรกับนิดเขาพาลูกออกไปเมื่อกี้ไง เป็นอะไรลูก ทานข้าวไปยิ้มไป อารมณ์ดีจังเลยนะวันนี้"
"แฮะ ๆ เปล่าค่ะ ซอลก็อารมณ์ดีแบบนี้ตลอดแหละค่ะแม่"
"ใช่เหรอ มีอะไรดี ๆ หรือเปล่า"
"เปล่านี่คะ"
ซอลเพียงแค่ส่งยิ้มตอบกลับคนเป็นแม่ ก่อนจะเหลือบมองคนเป็นพ่อที่คว้าหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่านที่ม้านั่งโยกเยกบริเวณห้องโถง ไม่มีช่องว่างที่เธอจะคุยเรื่องส่วนตัวได้เลย และจากคำที่พี่สาวได้บอกในคืนก่อนทำให้ซอลคิดไม่ตกไม่รู้ว่าจะเปิดประเด็นอย่างไรดี
เมื่อแม่บ้านวัยกลางคนกำลังจัดเก็บหม้อข้าวต้มปลาแบบเซรามิกที่วางอยู่บนโต๊ะอาหาร ซอลจึงรีบห้ามเอาไว้เสียก่อน
"เดี๋ยวค่ะป้าแจ่มจันทร์ ไม่รอพี่มีกับพี่ปราณก่อนเหรอคะ"
"ไม่ต้องรอหรอก เพราะถ้าเขาจะทานเขาก็คงมาแล้ว" คนเป็นพ่อพูดโดยไม่แม้แต่จะหันมาสบตาคู่สนทนา ซอลจึงได้แต่เหลือบมองแม่บ้านที่กำลังยิ้มเจื่อน ๆ กลับมา
"ป้าขออนุญาตเก็บเลยนะคะคุณซอล"
"งั้นซอลจะเอาไปให้พี่มีกับพี่ปราณที่บ้านเองค่ะ"
"เดี๋ยวป้าช่วยนะคะ"
"ไม่เป็นไรค่ะ ป้าไปทำอย่างอื่นเถอะ เดี๋ยวซอลจัดการต่อเองค่ะ" 
ซอลจัดการหม้อข้าวต้มปลาใส่ถาดด้วยตัวเองพลางกับเหลือบมองทั้งพ่อและแม่ของเธอที่ไม่ได้ยี่หระกับการกระทำและคำพูดของเธอนัก ก่อนที่เธอจะกลับมา คนในบ้านต้องมีปากเสียงกันเป็นแน่ถึงได้เมินเฉยกันได้ถึงเพียงนี้

ภายในบ้านทรงโมเดิร์นหลังเล็กขนาดพอดีอยู่ที่อยู่ล้อมรอบกับบ้านหรูหลังใหญ่ที่เป็นส่วนกลางในการพบปะกันเป็นครอบครัวใหญ่ ซอลเดินถือถาดอาหารเข้าไปในบ้านหลังที่อยู่สุดทางเดิน ก่อนจะมองไปรอบ ๆ เพื่อหาเจ้าของบ้าน แต่วันนี้พี่ชายและพี่สะใภ้ของเธอเงียบหายไปตั้งแต่เช้า ซ้ำบ้านยังดูเงียบผิดปกติอีกด้วย เธอจึงเดินหาไปรอบ ๆ ก่อนจะหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงคุยกันดังออกมาจากทางห้องนั่งเล่น
"พี่มี เมื่อไหร่พี่จะบอกคุณพ่อกับคุณแม่ไปตรง ๆ สักทีล่ะคะ ดีกว่าเราโดนกดดันกันแบบนี้ไปตลอดนะ" เสียงหวานที่ได้ยินคาดว่ามาจากพี่สะใภ้ ซอลจึงคิ้วขมวด
หรือจะเป็นเรื่องที่พี่ฟาเล่าเมื่อคืนนะ...
"ช่างเถอะ พี่ไม่อยากให้ท่านมองคุณไม่ดี"
"ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่คะ ความจริงเป็นสิ่งไม่ตายนี่พี่มี ปราณไม่อยากให้ท่านกดดันพี่ด้วย"
"พี่รับแรงกดดันจากครอบครัวได้"
"ปราณไม่เชื่อค่ะ เพราะเมื่อคืนเป็นครั้งแรกที่พี่ระเบิดออกมา พี่คงเก็บไว้ไม่ไหวแล้ว"
"แต่พี่ก็จะเก็บมันเอาไว้แบบนี้แหละ คุณไม่ต้องห่วง"
"ก็แค่บอกความจริงไปว่าปราณเป็นหมัน ท่านจะได้เลิกโทษพี่สักทีว่าพี่ไม่ทำการบ้าน"
กึก!!
ทันทีที่ได้ยินความจริงจากปากพี่สะใภ้ทำเอาซอลถึงกับเสียหลักเซไปชนกับประตูจนทั้งสองถึงกับหันขวับด้วยความตกใจไม่แพ้กัน เรื่องที่พวกเขาปิดบังมานานวันนี้ถูกน้องสาวล่วงรู้เข้าให้แล้ว
"ซอล!! มาตั้งแต่เมื่อไหร่!!?" คนเป็นพี่เอ่ยถามด้วยสีหน้าที่แสดงความตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะพี่สะใภ้ที่ดวงตาเบิกโพลงไม่ต่างกัน
"พ...เพิ่งมาค่ะ" ซอลตอบแบบตะกุกตะกัก แน่นอนว่าพี่ชายย่อมรู้ดีว่าเธอโกหก
"ซอล!!"
"ซอลขอโทษ ซอลเพิ่งมาจริง ๆ ค่ะพี่มี แต่ซอลได้ยินที่พี่ปราณพูดเมื่อกี้ มันหมายความว่ายังไงคะ"
"กลับบ้านใหญ่ไป ทีหลังถ้าจะเข้าบ้านคนอื่นก็หัดเคาะประตูหรือส่งเสียงหน่อยนะ มันเป็นมารยาทที่ทุกคนพึงมี" เขาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
"ไม่ค่ะ ซอลไม่กลับ จนกว่าพี่จะบอกความจริงกับซอล"
"ไม่มีอะไรทั้งนั้น ลืมไปซะ แล้วกลับไปได้แล้ว"
"พี่มีจะปิดบังซอลทำไม พี่จะปิดบังทุกคนเพื่ออะไร การพูดความจริงมันไม่ได้ทำให้พี่ดูแย่ลงหรอกนะ!!"
"อย่ายุ่งเรื่องของพี่ เพราะพี่ยังไม่ก้าวก่ายเรื่องที่ซอลมีแฟนเลย" สิ้นคำพูดของคนเป็นพี่ ทำเอาซอลถึงกับดวงตาเบิกโพลง ก่อนภรรยาจะฟาดแขนของเขาเพื่อห้ามปราม
"พี่มีหยุดนะ!"
"ไม่เป็นไรค่ะพี่ปราณ ซอลพร้อมจะบอกความจริงกับทุกคนอยู่แล้ว เพียงแค่ซอลไม่มีโอกาสได้พูด แล้วพี่รู้ได้ยังไง"
"รู้ได้ยังไงมันไม่สำคัญหรอก พี่ไม่สนใจหรอกนะว่าซอลจะมีแฟนหรือจะคบกับใคร และซอลก็ไม่ควรมายุ่งเรื่องของพี่เหมือนกัน ออกไปได้แล้ว"
"แต่พี่มี..."
"พี่บอกให้ออกไป!!" คนเป็นพี่ตวาดลั่นจนซอลถึงกับสะดุ้ง ก่อนจะเดินจากไปด้วยความรู้สึกผิดหวัง
เธอไม่ได้ผิดหวังที่ถูกไล่ตะเพิดออกมา แต่เธอผิดหวังที่มีเรื่องสำคัญถึงเพียงนี้แต่พี่ชายกลับเลือกทีจะปิดบังต่อไป
อืด อืด อืด ~
ขณะที่ซอลกำลังสงบสติอารมณ์อยู่นั้น โทรศัพท์มือถือก็สั่นครืดอยู่ในกระเป๋ากางเกงยีนส์ขาสั้นที่สวมอยู่ เธอจึงล้วงขึ้นมาดูและพบว่าเป็นคนที่เธอกำลังรออยู่ ช่างโทรศัพท์มาได้ถูกเวลาราวกับรู้ใจอย่างไรอย่างนั้น
"เฮ้อ...กำลังอยากคุยกับเธออยู่พอดีเลย วันนี้ทำอะไร จะออกไปไหนหรือเปล่า กินข้าวเช้าหรือยัง ไม่ใช่กินแต่ลูกชิ้นนะ แล้วเมื่อคืนโทรหาทำไมไม่ติด ดึก ๆ ก็ไม่รับสาย นี่เธอไม่อยากคุยกับเราขนาดนั้นเลยเหรอ"
"ใจเย็น ๆ ค่ะ ให้หลงตอบคำถามไหนก่อน"
"ตอบมาให้หมด"
"โห...พี่รัวใส่ขนาดนี้คิดว่าหลงจะฟังทันเหรอ พี่ไปเป็นแร็ปเปอร์ไหม"
"ไม่ต้องมากวนเลยนะ!"
"หลงมีเรื่องจะขอร้องให้พี่ช่วย" ปลายสายไม่ตอบคำถามแต่กลับเปลี่ยนเรื่อง
"ขอร้องให้ช่วยเหรอ เรื่องอะไรคะ"
"พี่มาที่หอหลงเดี๋ยวก็รู้เองค่ะ"
"บอกก่อนไม่ได้เหรอ ถ้าบังเอิญว่าเป็นเรื่องที่เราช่วยไม่ได้ล่ะ"
"พี่ช่วยได้แน่ค่ะ"
"แล้วถ้าไม่ล่ะ"
"ถ้าช่วยไม่ได้แต่ก็ได้เจอหลงนะ ไม่ดีเหรอ" ซอลทำหน้ายู่ อย่างไรเสียเธอก็ต้องยอมจำนนให้กับเด็กที่ชื่อหลงวันยังค่ำ
"ก็ได้ ๆ งั้นอีกสักหน่อยเราจะเข้าไปหาแล้วกัน"
"แต่งตัวน่ารัก ๆ นะ"
"ทำไมอะ จะพาไปเดตเหรอ"
"เถอะน่า..."
แม้จะไม่รู้ว่า 'มีเรื่องให้ช่วย' จะหมายถึงเรื่องอะไร แต่คนตัวเล็กก็รีบวิ่งกลับเข้าบ้านของตนด้วยความตื่นเต้นไปเสียแล้ว เพราะประโยคที่ว่า 'แต่งตัวน่ารัก ๆ นะ' โดยแท้


"หือ...ให้เราช่วยเลี้ยงเด็กเนี่ยนะ!?" ซอลถึงกับอ้าปากเหวอเมื่อได้ยินคนรักบอกถึงเรื่องที่ต้องการให้เธอช่วย
เจ้าตัวก็อุตส่าห์เปลี่ยนเป็นชุดน่ารัก ๆ ตามคำขอด้วยการสวมเป็นเสื้อสายเดี่ยวปาดไหล่สีขาวรับกับกระโปรงชีฟองสีชมพูราวกับคุณหนูผู้รากมากดี ส่วนหลงยังคงคุมโทนออลแบล็กตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าเช่นเดิม ทั้งเสื้อยืด กางเกง รองเท้า รวมถึงเสื้อฮู้ดมีซิปสีดำทับอีกชั้น ซอลจึงมองหลงสลับกับเด็กน้อยที่ยืนกะพริบตาปริบ ๆ อยู่ข้าง ๆ 
"น้องลูกจ๋าอยากไปเที่ยวสวนสนุกน่ะ พี่พาไปได้ไหม"
"เรื่องที่จะให้ช่วยคือเรื่องนี้เองเหรอ"
"ค่ะ" หลงตอบด้วยใบหน้าเรียบเฉยตามแบบฉบับของตน ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลย จะให้ต่างไปก็คงซอลที่ดูสูงกว่าเดิมเป็นพิเศษเพราะรองเท้าส้นสูงนั่นเอง
"พี่สวยเหมือนนางฟ้าเลยค่ะ" เด็กน้อยเอ่ยชมด้วยใบหน้าสดใสจึงทำให้ซอลยิ้มร่าออกมาทันที
"อุ๊ย...งั้นเราไปกันเลยไหมคะ"
"บ้ายอ" คำพูดของหลงที่ดังไล่หลังมาทำเอาซอลเป็นต้องมองค้อนกลับไป
"หุบปากไปเลย เรื่องเมื่อคืนเรายังไม่เคลียร์นะ เธอไม่รอรับโทรศัพท์จากเรา"
"เดี๋ยวหลงอธิบายให้ฟังทีหลังนะคะ"
"เชอะ แล้วทำไมวันนี้ไม่ใส่เสื้อเราล่ะ เราเอาไว้ให้ตั้งหลายตัว"
"พี่เลิกบังคับให้หลงใส่เสื้อสีชมพูบ้า ๆ นั่นสักทีเถอะ"
"หยาบคายมากเลยเออ สีชมพูสวยจะตายเถอะ"
"มันคือสีกาลกิณีของหลง"
"หยาบคาย!!"
"อ่า...พี่ ๆ คะ หนูหิวข้าว" เพราะพี่สาวทั้งสองเอาแต่ต่อปากต่อคำกันอยู่อย่างนั้น เด็กน้อยจึงต้องกระตุกชายเสื้อของหลงเพื่อเป็นการห้ามปราม ก่อนเสียงท้องของเธอและหลงต่างดังโครกครากแข่งกันเสียอย่างนั้น
จ๊อก...
"ยังไม่ได้กินข้าวกันเหรอ งั้นไปกินที่สวนสนุกทีเดียวเลยแล้วกัน โอเคไหม"
"โอเคค่า!" เด็กน้อยตอบด้วยความตื่นเต้น
"ปะ ขึ้นไปรอพี่ซอลบนรถเลยนะคะ" 
"โอเคค่า" สิ้นคำตอบ เด็กน้อยจึงรีบวิ่งขึ้นไปบนรถเก๋งที่เครื่องยนต์ยังคงทำงานอยู่ ก่อนซอลจะรีบคว้าแขนของหลงเอาไว้จนเจ้าตัวถึงกับชะงัก
"หลง เอาลูกใครมาเลี้ยงเนี่ย"
"หลงก็ไม่รู้เหมือนกัน"
"อะไรนะ!!?" ใครล่ะจะไม่ตกใจ คำตอบที่ได้ยินทำเอาซอลอ้าปากเหวออีกครั้ง แต่หลงกลับมีสีหน้าเรียบเฉย ไม่ได้แสดงอาการใด ๆ ออกมา 
"เธอจะบ้าเหรอหลง!! ไปเอาลูกใครมา ถ้าพ่อกับแม่เขาตามหาจะทำยังไง"
"เถอะน่า ขึ้นรถกัน" ขณะที่หลงกำลังเอี้ยวตัวหลบ ซอลก็รีบคว้าแขนเธอเอาไว้อีกครั้ง
"เดี๋ยว!! อธิบายมาเดี๋ยวนี้ นี่มันเรื่องอะไร เด็กคนนั้นคือใคร มาจากไหน"
"หลานสาวเจ้าของหอน่ะ"
"แล้ว?"
"ก็ไม่แล้วไง ก็หลงอยากพาน้องลูกจ๋าไปเที่ยวแค่นั้นเอง เรื่องค่าใช้จ่ายเดี๋ยวหลงจัดการเอง หลงไม่ให้ลำบากพี่หรอก"
"หลง เรื่องนั้นเราไม่ได้อะไรหรอก แต่เธอไม่ใช่คนที่จะเข้ากับใครง่าย ๆ นะ ยิ่งให้เลี้ยงเด็กเนี่ย เราไม่อยากจะเชื่อเลย สรุปว่าเรื่องมันเป็นมายังไง ทำไมถึงได้เลี้ยงเด็ก" หลงนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่งพลางกับมองเด็กน้อยที่กำลังนั่งกวักมือเรียกเธออยู่บนรถ ก่อนจะถอนหายใจเฮือกออกมา
"เฮ้อ...แม่ของน้องลูกจ๋าถูกรถชนน่ะพี่ซอล ส่วนพ่อก็น่าจะเสียไปแล้ว ตอนนี้หลงยังไม่ได้บอกความจริงเรื่องแม่ของน้อง หลงอยากให้น้องได้มีความสุขก่อนที่จะรู้ความจริง"
"แต่ทำแบบนี้มันไม่ถูกต้องนะ เธอควรจะพาน้องไปหาแม่ก่อนไม่ใช่เหรอ"
"แม่น้องปลอดภัยค่ะ"
"แล้วยังไง เธอก็ควรพาลูกเขาไปอยู่เคียงข้างแม่เขาสิหลง"
"หลงเข้าใจพี่ซอล แต่ขอให้น้องได้มีความสุขก่อนสักครั้งไม่ได้เหรอ เด็กที่ไม่เคยไปเที่ยวสวนสนุกเหมือนครอบครัวอื่น ๆ เพราะยากจน หลงเข้าใจดีเลยพี่ซอลว่าน้องรู้สึกยังไง พี่ก็เห็นว่าน้องตื่นเต้นแค่ไหนที่รู้ว่าจะมีคนพาไปเที่ยวสวนสนุก พี่จะขับรถพาเขาไปพบความจริงว่าแม่กำลังนอนอยู่ที่โรงพยาบาลงั้นเหรอ" น้ำเสียงและแววตาของหลงนั้นบ่งบอกได้ทันทีว่าเจ้าตัวเป็นห่วงเด็กน้อยผู้นั้นมากเพียงใด แม้ในใจลึก ๆ ซอลจะไม่เห็นด้วย แต่เธอก็เข้าใจว่าเด็กควรได้มีความสุขให้สมวัยบ้าง
"อืม...เธอน่าจะบอกเราแต่แรกนะว่าจะให้พาไปสวนสนุก ดูชุดเราสิ มันไม่พร้อมเล่นอะไรเลย"
"ไม่เห็นต้องเล่นเลยนี่ แค่พาไปก็พอ ขึ้นรถกัน น้องรอนานแล้ว....แต่พี่แต่งตัวแบบนี้น่ารักดีนะ" คำพูดทิ้งท้ายของหลงที่พูดออกมาแบบไม่เต็มเสียงนักก่อนจะเดินจากไปทำให้ซอลตกตะลึงไม่น้อย
น้อยครั้งจริง ๆ ที่หลงจะเอ่ยชมเธอออกมา แม้แต่คำบอกรักยังแทบจะไม่ได้ยิน ทำเอาเธอถึงกับยิ้มแป้นด้วยความดีใจ ก่อนจะเดินขึ้นรถด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข เธอคงจะบ้ายออย่างที่หลงว่าจริง ๆ กระมัง


"กินเยอะ ๆ เลยนะคะน้องลูกจ๋า วันนี้พี่ซอลคนสวยจะเลี้ยงเอง" ซอลว่าพลางกับนั่งมองเด็กน้อยจัดการไก่ทอดตรงหน้าอย่างเอร็ดอร่อย ส่วนหลงก็เอาแต่นั่งกินอยู่เงียบ ๆ โดยไม่พูดอะไรมากนัก
"ขอบคุณนะคะพี่ซอล พี่ซอลนอกจากจะสวยเหมือนนางฟ้าแล้วยังใจดีอีก" เธอว่าพลางกับยกมือไหว้เป็นการขอบคุณ ยิ่งทำให้ซอลเคลิบเคลิ้มหนักขึ้นไปอีก
"อุ๊ย...ทำไมหนูพูดถูกใจพี่ซอลจังเลยล่ะคะ พี่ซอลน่ะคือนางฟ้าที่สวยที่สุด"
"จริงค่ะ พี่หลงบอกว่าให้ชมพี่เยอะ ๆ เพราะมันจะทำให้พี...อุ๊บ!" ยังไม่ทันที่เด็กน้อยจะได้พูดจบประโยคก็ถูกมือเรียวปิดปากเสียสนิท ทำเอาซอลถึงกับมองเธอคิ้วขมวด
"ลูกจ๋า อย่าบอกพี่ซอลสิ" หลงกระซิบบอกเบา ๆ เด็กน้อยจึงพยักหน้าหงึก ๆ เป็นการตอบรับ แต่มันก็ไม่ทันเสียแล้ว
"อ๋อ...รวมหัวกันหลอกล่อให้เราตายใจสินะ"
"เปล่านะคะ หลงแค่อยากมาเที่ยวกับพี่"
"เชอะ! แต่เอาเถอะ เราจะถือว่านี่เป็นการเดตกับเธอแล้วกัน แล้วก็ซ้อมมีลูกกับเธอไปในตัว"
"พี่...พูดอะไรน่ะ" หลงแทบจะแยกเขี้ยวใส่คนตัวเล็ก แต่ซอลหาได้ยี่หระไม่ ก่อนจะให้ความสนใจกับเด็กน้อยด้วยการเอาอกเอาใจเธอแบบยกใหญ่ หลงจึงผ่อนลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่งก่อนรอยยิ้มจะเผยออกมาจากใบหน้าของเธอโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันจะได้เห็นเสียด้วยซ้ำ
"อยากกินอะไรอีกบอกพี่ซอลได้เลยนะคะ"
"พี่ซอลไม่กินเหรอคะ"
"ไม่ล่ะค่ะ พี่กินข้าวเช้ามาแล้ว แต่พี่เห็นหนูกับพี่หลงกินก็อิ่มใจอีกเป็นเท่าตัวเลย"
"พี่ซอลกินหัวใจพี่หลงเหรอคะ" คำถามที่ไร้เดียงสาของเด็กน้อยทำให้ซอลยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู แม้แต่หลงเองก็แอบอมยิ้มด้วยเช่นกัน
"ใช่ค่ะ พี่ซอลกินหัวใจพี่หลง เพราะพี่ซอลกลัวว่าพี่หลงจะเอาหัวใจให้คนอื่น"
"พี่หลงไม่มีหัวใจแล้วใช่ไหมคะ"
"มีสิคะ มีหัวใจของพี่อยู่ในนั้นแทน เพราะพี่ให้หัวใจพี่หลงไปหมดแล้วค่ะ"
"อ้าว...งั้นก็หมายความว่าพี่ซอลไม่มีหัวใจ"
"มีสิ" คนที่ตอบกลับกลายเป็นหลง ทำเอาทั้งสองถึงกับหันขวับ
"จะมีได้ยังไงคะ ก็ในเมื่อพี่ซอลให้หัวใจพี่ไปแล้ว" เด็กน้อยถามพลางกับเอียงศีรษะด้วยสีหน้าฉงน
"เพราะพี่หลงก็ให้หัวใจพี่ซอลไปแล้วเหมือนกัน"
คำตอบธรรมดา ๆ จากสีหน้าที่เรียบนิ่งของหลงแต่มันกลับกระตุ้นให้หัวใจของซอลเต้นตึกตัก เธอสัมผัสได้ถึงความจริงใจของน้ำเสียงและแววตาที่หลงจ้องมองมา จนใบหน้าของเธอถึงกับร้อนผ่าวและขึ้นสี สิ่งที่จะหลบซ่อนอาการเหล่านี้ได้คงเป็นการรีบเบือนหน้าหลบไปอีกทาง แต่หลงน่ะเห็นสีหน้าของเธอไปแล้วน่ะสิ รอยยิ้มจึงปรากฏบนใบหน้าคนหน้าดุผู้นี้เล็กน้อย
"หนูไม่เห็นจะเข้าใจที่พี่ ๆ พูดเลย อะไรก็ไม่รู้" เด็กน้อยทำหน้ายู่
"เดี๋ยวหนูโตมาก็เข้าใจเองค่ะ" ซอลตอบพลางกับลูบศีรษะเด็กน้อยเพราะอดเอ็นดูไม่ได้ 
"วันนี้อยากเล่นอะไรบอกพี่ได้เลยนะลูกจ๋า เดี๋ยวพี่หลงจะพาเล่นเอง"
"หนูอยากเล่นกับพี่ซอลด้วย"
"ชุดพี่ซอลไม่พร้อมกับเครื่องเล่นเท่าไหร่นะ"
"ต้องหาเครื่องเล่นที่พี่ซอลสามารถเล่นด้วยได้นะคะถ้าหนูอยากให้พี่ซอลเล่นด้วย" ซอลพูดด้วยรอยยิ้ม
"มีอะไรบ้างคะที่พี่ซอลเล่นด้วยได้" เด็กน้อยหันไปถามหลงด้วยความสนอกสนใจ เธอจึงทำหน้าครุ่นคิด
"ม้าหมุนล่ะมั้ง บ้านยักษ์ อะไรพวกนี้"
"แต่พี่ซอลว่ามีอีกอย่างนะ ที่พี่เล่นด้วยได้"
"อะไรเหรอคะพี่ซอล"
"ไปบ้านผีสิงไง"
"ฝันไปเถอะ!!!"

หลายชั่วโมงผ่านไป...
การมาสวนสนุกในครั้งนี้นั้นคนที่สนุกที่สุดคงจะเป็นหญิงสาวเจ้าของผมสีบลอนด์ทอง ส่วนคนที่รู้สึกว่าคิดผิดถนัดที่มาที่นี่ก็คือคนหน้าดุ เพราะถูกเจ้าตัวน้อยบังคับเล่นเครื่องเล่นผาดโผนให้ดูแต่เจ้าตัวนั้นกลับยืนดูและหัวเราะร่ากับนางฟ้าผู้ใจดีแทบจะทุกเครื่องเล่นเลยก็ว่าได้ 
ทุกครั้งที่หมดรอบ หลงแทบจะคลานออกจากเครื่องเล่นเพราะเวียนศีรษะจนคอพับ แต่เพราะเสียงหัวเราะของเด็กน้อยแล้วนั้นเธอต้องสู้เท่านั้น
ต้องสู้...ต้องสู้ถึงจะชนะ!!
"พี่...หลงจะอ้วก"
"ไหวไหมหลง ดมยาดมก่อนเร็ว" ซอลรีบประคองร่างของหลงให้ไปนั่งที่ม้านั่งด้วยความทุลักทุเล โดยมีเจ้าตัวน้อยคอยพัดให้ แต่สีหน้าของเธอดูสนุกเสียอย่างนั้น
"ฮ่า ๆ พี่หลงไม่เห็นร้องเหมือนคนอื่นเลย พี่หลงเก่งจัง"
"ไม่ร้องแต่เกือบอ้วกแตกนี่ไม่เรียกว่าเก่งนะลูกจ๋า พอก่อนนะไอ้เครื่องเล่นโหด ๆ น่ะ"
"ฮ่า ๆ ๆ"
"ให้พี่หลงพักก่อนนะคะ พี่หลงไม่น่าจะเล่นไหวแล้ว หนูอยากเล่นอะไรเบา ๆ ไหม เดี๋ยวพี่จะพาไป"
"เอาม้าหมุนตรงนั้นก็ได้ค่ะ ครั้งนี้เดี๋ยวหนูไปกับพี่ซอลก็ได้" เด็กน้อยว่าพลางกับชี้ไปที่เครื่องเล่นม้าหมุนที่อยู่ตรงข้ามกับที่พวกเธอนั่ง
"เธอนั่งรออยู่นี่ก็ได้นะหลง เดี๋ยวเราพาน้องลูกจ๋าไปเล่นเอง"
"ไม่เป็นไรค่ะ หลงจะไปเล่นด้วย"
"ไหวเหรอ"
"อืม" หลงไม่ว่าเปล่า เธอลุกขึ้นยืนด้วยใบหน้าที่ซีดเผือดราวกับจะเป็นลมล้มพับเสียให้ได้ ซอลจึงรีบประคองเอวของเธอเอาไว้
"หลง อย่าฝืนสิ ไม่ไหวก็รออยู่นี่แหละ เราพาน้องไปเล่นแป๊บเดียว"
"แต่..."
"พักนะคะ เธอคงไม่ได้อยากเล่นเครื่องเล่นน่ารัก ๆ แบบนั้นหรอกใช่ไหม เรารู้" หลงนิ่งเงียบไม่ตอบอะไร ก่อนจะผงกศีรษะและนั่งลงที่ม้านั่งดังเดิม 
"อืม"
"ไม่ต้องห่วงหรอก เรากับน้องลูกจ๋าอยู่ในสายตาเธอตลอดอยู่แล้ว มองไว้อย่าให้คลาดสายตาล่ะ"
"ค่ะ พี่พาน้องไปเล่นเถอะ หลงรออยู่นี่นะ"
"อืม ปะลูกจ๋า ไปเล่นม้าหมุนกัน"
"ค่ะพี่ซอล!!"
หลงได้แต่มองตามแผ่นหลังของคนทั้งสองด้วยรอยยิ้ม นอกจากอยากเติมเต็มความสุขให้กับเด็กน้อยผู้นี้แล้ว แต่สิ่งที่แฝงในใจลึก ๆ นั้นคือรอยยิ้มคนรักของเธอต่างหาก รอยยิ้มที่สดใสนั้นทำให้เธอมีความสุขและมีแรงลุกขึ้นเล่นเครื่องเล่นเสียทุกอย่าง เพียงแต่เจ้าตัวปากแข็งเกินไปก็เท่านั้น
เมื่อม้าหมุนได้เคลื่อนตัวหมุนไปเป็นวงกลมแบบเอื่อย ๆ ทั้งรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของคนทั้งสองทำให้หลงอิ่มเอมจนเธอยิ้มตามโดยไม่รู้ตัว ซอลทำหน้าที่เป็นผู้ปกครองคอยดูแลเด็ก ๆ โดยการยืนประกบข้างเพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้นจากการพลัดตกจากม้าหมุน แต่คนทั้งสองก็ดูมีความสุขจนลืมความกังวลไปเสียหมด
เฮ้อ...คิดไม่ผิดจริง ๆ ที่ชวนพี่ซอลมา คนที่ดูแลเด็กได้ดีก็คงเป็นพี่ซอลนี่แหละ ขอบคุณที่มาสร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้กับน้องลูกจ๋านะพี่ซอล... หลงคิดในใจ อย่างน้อยก็ขอให้เด็กน้อยผู้นี้มีความสุขก่อนที่จะได้พบกับความจริงที่เจ็บปวดมันก็คงจะดีเสียกว่า
"พี่หลง!!!" ทั้งซอลและเด็กน้อยต่างโบกมือให้เธอเมื่อม้าหมุนวนกลับมาอีกครั้ง หลงจึงโบกมือกลับไปด้วยรอยยิ้ม
เวลาผ่านไปไม่นานนัก เมื่อเครื่องเล่นหมดรอบแล้ว ซอลจึงจูงมือเด็กน้อยกลับมาหาหลงเช่นเดิม ทั้งสองดูสนิทสนมกันเสียจนน่าแปลกใจ แต่หากเป็นซอลแล้วไม่ว่าใครต่างก็รักใคร่เธอ มันเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว หลงน่ะรู้ดี...แม้แต่เธอเองก็หลงรักหญิงสาวผู้นั้นทั้งหมดของหัวใจเช่นกัน
"หนูเริ่มเหนื่อยแล้วอ่า..."
"เราไปเติมพลังกันไหม" ซอลเสนอ
"ก็ดีเหมือนกันนะคะ หลงก็เริ่มหิวแล้ว"
"อืม เราก็เหมือนกัน หนูอยากกินอะไรคะ บอกนางฟ้าได้เลย"
"หนูอยากกินพิชซ่าค่ะ"
"ได้เลยค่ะ เดี๋ยวนางฟ้าคนนี้จะพาหนูไปกินทุกอย่างที่อยากกินเลย" พูดจบซอลจึงจูงมือเด็กน้อยเดินไปที่ร้านพิซซ่าทันที ก่อนที่หลงจะเดินตามทั้งสองไปแบบเงียบ ๆ
พี่ซอลน่ะ...คือนางฟ้าจริง ๆ นั่นแหละ...

"สวัสดีค่ะ สนใจร่วมกิจกรรมจดหมายรักกับทางเราไหมคะ" เสียงหนึ่งดังขัดจังหวะเมื่อซอลกำลังจะเดินเข้าไปยังร้านพิซซ่าทำให้เธอหยุดเพื่อให้ความสนใจกับบูธกิจกรรมข้าง ๆ เสียก่อน
"กิจกรรมอะไรนะคะ"
"กิจกรรมจดหมายรักค่ะ เพราะใกล้จะถึงวันแห่งความรักแล้ว พวกเราเลยจัดทำกิจกรรมจดหมายรักเพื่อที่จะส่งจดหมายหาคนที่คุณรักในวันแห่งความรักค่ะ แน่นอนว่าส่งฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายนะคะ" หญิงสาวตอบด้วยความกระตือรือร้น แต่หลงกลับยืนมองเงียบ ๆ เท่านั้น
"ว้าว...แล้วกิจกรรมนี้ต้องทำยังไงบ้างคะ"
"เพียงแค่ซื้อชุดจดหมายรัก จากนั้นเขียนข้อความหาคนที่คุณรักพร้อมกับเขียนชื่อ ที่อยู่ผู้รับหน้าซองจดหมาย แค่นี้ก็เป็นอันเรียบร้อยแล้วค่ะ ชุดจดหมายรักมีให้เลือกหลายแบบเลยนะคะ"
"พี่...พวกต้มตุ๋นหรือเปล่า" หลงกระซิบถามซอลเบา ๆ เพราะกลัวว่าสมาชิกในบูธจะได้ยินเข้า แต่ซอลกลับมีท่าทีตื่นเต้นเสียอย่างนั้น
"ไม่หรอก เดี๋ยวเราจะเขียนจดหมายรักส่งไปให้เธอนะ ขอชื่อ ที่อยู่เธอหน่อยสิ"
"ไม่เอาอะ ไม่ชอบ ถ้าจะเขียนก็เขียนให้หลงเลยไม่ดีกว่าเหรอ ทำไมต้องเสียเงินซื้อและเสียเวลาส่งด้วย"
"พี่หลงน่ะไม่เข้าใจอะไรซะเล้ย...ที่โรงเรียนเคยให้หนูคัดไทยแล้วส่งจดหมายหาพ่อด้วย ตอนที่คุณครูส่งจดหมายมาหาพ่อ พ่อหนูดีใจมากเลยนะ" เด็กน้อยเสริม
"ใช่ ๆ การรอคอยอะไรแบบนี้มันน่าสนุกดีออก"
"ไม่เอาอะ อย่าส่งมานะ ไม่เปิดอ่านแน่นอน"
"ใจร้ายมากเลยเออ"
"หลงไม่ชอบอะไรแบบนี้พี่ก็รู้"
"เธอไม่ชอบแต่เราชอบ น้องลูกจ๋าอยากเขียนให้คุณแม่ไหมคะ"
"อยากค่ะ!!"
"'งั้นเอาแบบนี้สามชุดนะคะ" ซอลไม่ได้ฟังสิ่งที่หลงพูดแต่อย่างใด แต่ทั้งสองกลับเลือกชุดจดหมายรักกันคนละชุดไปเสียแล้ว และแน่นอนว่า อีกชุดนั้นก็เผื่อเธอด้วยเช่นกัน
"โคตรจะไร้สาระเลย ไม่ต้องส่งมานะ หลงไม่เปิดอ่าน บอกไว้ก่อน"
"ก็ไม่ได้จะเขียนส่งให้เธอนี่ ก็จะเขียนให้ตอนนี้นี่แหละ เธอก็รีบ ๆ เขียนให้เราซะสิ"
"ทำไมหลงต้องเขียนด้วย"
"โอ๊ย! เลิกดื้อสักทีได้ไหม เราบอกให้เขียนก็ต้องเขียน" ซอลว่าพลางกับยัดปากกาเมจิกหลากสีและกระดาษให้กับหลง ก่อนเธอจะก้มหน้าก้มตาเขียนด้วยความตั้งใจ ทำเอาหลงถึงกับถอนหายใจเฮือก
หลงหยิบปากกาและก้มลงเขียนยิก ๆ อย่างเสียไม่ได้ ซึ่งสิ่งที่เธอเขียนคือคำสั้น ๆ พยางค์เดียวว่า 'หลง' เท่านั้น ผิดกับซอลที่ตั้งใจเขียนยาวราวกับเรียงความอย่างไรอย่างนั้น 
"เรียบร้อย!!"
"เขียนชื่อที่อยู่ที่หน้าซองด้วยนะคะ"
"ไม่เป็นไรค่ะ คนที่อยากให้เขียนถึงก็อยู่ข้าง ๆ นี่แหละ คงจะให้เขาเลย" ซอลไม่ว่าเปล่า เธอพับกระดาษให้ขนาดเล็กลง ก่อนจะยัดใส่ลงไปในกระเป๋ากางเกงของหลงหน้าตาเฉย ซึ่งหากจะขัดขืนก็คงโดนดุเป็นแน่ หลงจึงได้แต่ยืนนิ่งและใช้สายตาดุดันมองกลับไปยังเหล่าชายหนุ่มประจำบูธ ก่อนจะใช้นิ้วชี้ที่คนตัวเล็กแล้วจึงชี้เข้าหาตัว ราวกับจะบอกเป็นนัยว่า
'คนนี้ของฉัน!'
"ไหนของเรา" ซอลแบมือขอราวกับเด็ก หลงไม่ได้ยื่นกระดาษให้กับเธอ แต่กลับจูงมือเธอและเด็กน้อยเดินเข้าไปในร้านแทน
"หลงหิวแล้ว"
"อ๊ะ! หลง!!"
"พี่หลง หนูยังเขียนไม่เสร็จเลย!"


จนในที่สุดดวงตะวันเริ่มคล้อยต่ำลง การเที่ยวเล่นที่สวนสนุกนั้นสูบเรี่ยวแรงของทุกคนไปเสียหมด โดยเฉพาะเด็กน้อยที่นอนหลับอยู่บนหลังของคนหน้าดุ เธอคงจะเหน็ดเหนื่อยจากการวิ่งเล่นเสียจนหมดแรง
"เปลี่ยนเราไหมหลง หนักหรือเปล่า"
"ไม่เป็นไรค่ะ แค่นี้เอง"
"วันนี้สนุกมากเลยเนอะ"
"เหนื่อยด้วย"
"อืม...ก็จริง แต่ขอแค่น้องลูกจ๋ามีความสุขก็พอใช่ไหม"
"ค่ะ" หลงตอบ ทำให้ซอลอมยิ้มออกมา
"เธอนี่อ่อนโยนกับเด็กจังเลยนะ"
"อ่อนโยนตรงไหน หลงแทบไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากเล่นเครื่องเล่น"
"บอกว่าอ่อนโยนก็คืออ่อนโยนสิ ทำไมเธอชอบดื้อชอบเถียงเราจัง" หลงเงียบไม่ได้ตอบอะไรกลับมา ก่อนที่เรียวแขนของเธอจะถูกมือทั้งสองข้างของคนตัวเล็กคล้องเอาไว้ ตามด้วยศีรษะของเจ้าตัวที่เอนซบแขนของเธอราวกับกำลังออดอ้อน
"เดินดี ๆ สิพี่ซอล"
"อยากอ้อนแฟนไม่ได้เหรอ"
"คนเยอะ"
"เยอะแล้วยังไง ก็เราอยากอ้อนแฟน"
"พี่ไม่อายคนอื่นเขาหรือไง"
"ทำไมต้องอายด้วย มีแฟนเป็นเธอน่ะน่าภูมิใจจะตาย"
"อะไรทำให้พี่ภูมิใจในตัวหลงขนาดนั้น"
"เธอมักจะคิดถึงคนอื่นก่อนเสมอไงหลง ความอ่อนโยนจากตัวตนของเธอน่ะ มันสื่อออกมาที่การกระทำหมดแล้วโดยที่ไม่ต้องพูดอะไรเราก็สัมผัสได้"
"เพ้อเจ้อ"
"คิกคิก...เธอไปนั่งพักรอที่ตรงนั้นนะ เดี๋ยวเราแวะซื้อน้ำก่อน"
"โอเคค่ะ" หลงละสายตาจากเธอก่อนจะไปนั่งที่ม้านั่งเพื่อพักผ่อน เพราะเธอเดินแบกเด็กน้อยมาเป็นชั่วโมงแล้ว ทำให้หลังและขาของเธอเริ่มล้าเต็มทน
หลงประคองให้เจ้าตัวเล็กนั่งเอนพิงม้านั่งเอาไว้ ก่อนจะเอียงศีรษะซ้ายทีขวาทีจนได้ยินเสียงดังกรอบแกรบ แต่เมื่อเธอยืดเส้นยืดสายไปได้สักพักใหญ่ ก็มีบางอย่างที่มีสัมผัสเย็น ๆ มาแตะที่ต้นคอทำเอาเธอถึงกับสะดุ้งโหยงและหันขวับโดยพลัน เป็นคนรักของเธอนั่นเองที่กำลังยื่นกระป๋องน้ำองุ่นของโปรดมาให้ด้วยรอยยิ้ม
"รางวัลเด็กดี"
"ของน้องลูกจ๋าเหรอ"
"เปล่า ของเธอนั่นแหละ"
"ขอบคุณนะคะ แต่เดี๋ยวกลับหอแล้วหลงจะจ่ายคืนให้นะ แล้วก็ค่าใช้จ่ายทั้งหมดของวันนี้ด้วย"
"ไม่เป็นไร จ่ายด้วยรอยยิ้มเราก็พอใจแล้ว" พูดจบเธอจึงนั่งลงเคียงข้างกับหลงด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเปิดกระป๋องน้ำองุ่นอัดก๊าซยกกระดก ทำให้หลงแปลกใจไม่น้อย
"ไหนบอกว่ามันไม่อร่อยไง"
"มันอร่อยตั้งแต่กินกับเธอ"
"แบบนี้ก็ได้เหรอ"
"ได้สิ ตั้งแต่เจอเธอ อะไรที่ดูเป็นไปไม่ได้ มันก็เป็นไปได้ทุกอย่างนั่นแหละ"
เมื่อหลงได้ยินเช่นนั้น เธอจึงนั่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของตนและหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมา ซึ่งมันเป็นกระดาษขนาดเท่าฝ่ามือที่ได้จากบูธกิจกรรมจดหมายรักนั่นเอง 
"ให้" หลงพูดพลางกับยื่นกระดาษแผ่นนั้นให้กับซอลโดยไม่แม้แต่จะหันมาสบตาคู่สนทนา
"อะไร"
"อ่านดู เดี๋ยวก็รู้" ซอลหยิบกระดาษขึ้นมาอ่านที่เป็นชื่อของผู้ให้ เธอจึงขมวดคิ้วด้วยสีหน้าฉงน ก่อนหลงจะไขกระจ่างความสงสัยนี้ด้วยตัวเองโดยที่เธอยังไม่ทันที่จะได้เอ่ยปากถามเสียด้วยซ้ำ
"หลงอาจจะบอกรักพี่ไม่บ่อย แต่อยากให้พี่รู้ไว้นะ ว่าหลงจะอยู่เคียงข้างพี่เสมอ กระดาษใบนี้คือตัวแทนของหลง ที่จะอยู่กับพี่เท่าที่พี่ต้องการ"
คำตอบง่าย ๆ จากปากคนหน้าดุทำให้ซอลอึ้งอยู่ชั่วขณะ หลงคือบุคคลที่ทำให้หัวใจของเธอสั่นไหวได้อยู่เสมอ แม้จะไม่มีคำพูดหวาน ๆ จากเจ้าตัวบ่อยนัก แต่สิ่งที่หลงกระทำออกมานั้น คือสิ่งที่ล้วนแล้วแต่ออกมาจากหัวใจทั้งสิ้น ซึ่งซอลรับรู้ได้ด้วยหัวใจเช่นกัน เธอจึงยิ้มออกมา
"หลง"
"คะ..." ทันทีที่หลงหันหน้ามา แก้มของเธอก็ถูกอีกคนจุมพิตเข้าให้จนดวงตาของเธอเบิกโพลงด้วยความตกใจ
"พ...พ...พี่ซอล!! พี่ทำอะไรเนี่ย!!?"
"จุมพิตจากนางฟ้า คิกคิก"
"โอ๊ย!! พี่ซอล!!"
"ฮ่า ๆ ไม่จุมพิตนางฟ้าคืนหน่อยเหรอคะน้องหลง"
"ฝันไปเถอะ!!!!!"