เพียงกระซิบ

เพียงกระซิบ
ตอนที่ 26 จดหมายรัก

ช่วงเวลาที่ท้องฟ้าสีอ่อนถูกแทนที่ด้วยสีแดงของอาทิตย์อัสดง หญิงสาวร่างสูงโปร่งเดินกวาดสายตามองตึกรามบ้านช่องในละแวกอยู่อาศัยที่เธอคุ้นเคยเป็นอย่างดี พร้อมกับกระเป๋าสะพายพาดบ่าสีดำใบไม่ใหญ่มากนัก เพราะกระเป๋าเป้ใบโปรดของเธออยู่ที่คอนโดมิเนียมที่เธอเพิ่งจะหนีออกมาเมื่อวันก่อนนั่นเอง โชคดีนักที่มีโทรศัพท์มือถือและเงินบางส่วนที่เก็บเอาไว้ในกระเป๋าใบนี้หลงเหลืออยู่บ้าง
ใช่...ยอมรับก็ได้...ฉันกำลังหนีปัญหา
หลงรู้ดีว่าสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่ตอนนี้ไม่ใช่วิธีการที่ดีนัก แต่เธอก็ยังไม่เห็นหนทางที่จะต้องเดินต่อแม้แต่น้อย เธอไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าทางไหนที่ทำแล้วมันจะถูกหรือผิด เธอรู้แค่เพียงว่าตอนนี้เธอยังไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับความจริงที่กำลังรอเธออยู่ การเติบโตเป็นผู้ใหญ่ มันไม่ง่ายสำหรับเธอเลย
หลงเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง เดิมทีบ้านหลังนี้เคยเป็นบ้านไม้หลังเล็ก แต่ตอนนี้มันถูกสร้างใหม่ให้เป็นบ้านปูนไปเสียแล้ว อาจจะเป็นเพราะเปลี่ยนเจ้าของใหม่กระมั้ง บ้านจึงดูน่าอยู่มากขึ้น รวมถึงละแวกนี้ก็ดูเจริญหูเจริญตาผิดไปจากเดิม แต่กลิ่นอายความอบอุ่นก็ยังคงไม่จางหายไปเสียทีเดียว
แสงไฟจากบ้านแต่ละหลังส่องสว่างจ้า บ้างก็มีเสียงจอแจจากสมาชิกในครอบครัวพูดคุยกันดังออกมา บ้างก็มีลูกเล็กเด็กแดงเพิ่งจะกลับเข้าบ้านหลังจากที่ไปวิ่งเล่นกันเสียจนมอมแมม แต่เหลือแค่เพียงหลังเดียวที่หลงกำลังยืนอยู่ในขณะนี้ ยังดูมืดสนิทราวกับไม่มีใครอยู่ ก่อนแสงไฟจากรถมอเตอร์ไซค์จะสาดมาทางเธอ หลงจึงก้าวหลบรถ แต่ทว่ารถมอเตอร์ไซค์คันนั้นกลับมาจอดข้าง ๆ ทำให้หลงแปลกใจไม่น้อย
"มีอะไรหรือเปล่าคะ" เสียงที่เอ่ยถามฟังดูคุ้นหูอย่างไรชอบกล ทั้งสองต่างพยายามเพ่งมองกันและกัน ก่อนจะเอ่ยทักทายกันอีกครั้ง
"อ้าว! คุณครู!?"
"อ้าว! คุณนั่นเอง ทำไมมายืนอยู่หน้าบ้านครูคะเนี่ย มีอะไรหรือเปล่าคะ" เธอว่าพลางกับถอดหมวกกันน็อกมาวางไว้ที่ตะกร้าหน้ารถ หลงจึงหันไปมองที่บ้านสลับกับคุณครูสาวด้วยความตกใจ
"คะ? นี่บ้านคุณครูเหรอคะ"
"ใช่ค่ะ เดี๋ยวเข้าไปคุยกันในบ้านดีกว่าค่ะ ข้างนอกยุงมันเยอะ ครูขอไปเปิดไฟในบ้านก่อนนะคะ"
หลงยืนมองคุณครูสาวจูงรถมอเตอร์ไซค์เข้าไปในบ้าน สักพักดวงไฟก็ส่องสว่างให้เห็นความสวยงามของบ้านได้ชัดเจนขึ้น ก่อนเจ้าของบ้านจะวิ่งออกมาต้อนรับเธออีกครั้ง
"เข้ามาก่อนค่ะ ๆ"
"เอ่อ...ขอบคุณค่ะ"

"บ้านน่าอยู่มากเลยค่ะคุณครู" หลงพูดด้วยรอยยิ้ม ขณะมองสำรวจรอบ ๆ บ้านด้วยความตื่นตาตื่นใจ
"ขอบคุณค่ะ พอดีแฟนครูเขาเรียนด้านนี้มาค่ะ เขาเป็นคนออกแบบเองหมดเลยนะคะ"
"โอ้โห สุดยอดเลยค่ะ จากบ้านไม้เก่า ๆ กลายเป็นบ้านหลังใหม่ที่สวยได้ขนาดนี้ นับถือฝีมือเลยค่ะ"
"คะ? คุณรู้ได้ยังไงคะว่าบ้านหลังนี้เคยเป็นบ้านไม้เก่า ๆ" คุณครูสาวหันมาถามด้วยสีหน้าฉงน
"อ๋อ หลงเคยอยู่บ้านหลังนี้มาก่อนน่ะค่ะ" หลงตอบด้วยรอยยิ้ม แต่รอยยิ้มมันกลับจางหายไปอย่างรวดเร็ว เพราะเธอคิดถึงบ้านหลังเดิมที่เคยอยู่กับคนที่เป็นดั่งดวงใจของเธอเหลือเกิน
"อ๋อ คุณเป็นญาติของคุณวาเหรอคะ"
"ค่ะ"
"แบบนี้นี่เอง เดี๋ยวครูเอาน้ำมาให้นะคะ คุณนั่งรอตรงนี้ก่อนนะคะ" คุณครูสาวว่าพลางกับจัดแจงเก้าอี้ให้หลงด้วยท่าทีที่เป็นมิตร
"อ๊ะ! ไม่ต้องลำบากหรอกค่ะคุณครู หลงแค่กลับมาเยี่ยมบ้าน เดี๋ยวก็ไปแล้วค่ะ ขอบคุณมาก ๆ เลยนะคะ"
"อ้าว อยู่ดื่มน้ำก่อนสิคะ"
"ไม่เป็นไรจริง ๆ ค่ะ ขอบคุณค่ะคุณครู"
"แล้วพักที่ไหนยังไงคะ ให้ครูไปส่งไหมคะ เห็นคุณเดินตั้งแต่อยู่โรงเรียนแล้ว"
หลงได้แต่ยิ้มเจื่อน ๆ กลับไปแทนคำตอบ ก็เพราะเธอไม่ได้หาที่พักเลยน่ะสิ และก็ไม่ได้คาดการณ์ล่วงหน้าว่าตนจะดื่มด่ำกับบรรยากาศเดิม ๆ เพลินเสียจนพระอาทิตย์ตกดิน
"อย่าบอกนะคะว่าไม่ได้จองที่พักเลย"
"ค่ะ ตอนแรกคิดว่าคงไม่น่าจะอยู่นาน แต่ดันอยู่จนขนาดนี้ซะงั้น ขอบคุณสำหรับการต้อนรับนะคะ"
"อยู่ค้างที่นี่ก็ได้นะคะ วันนี้แฟนครูไม่อยู่บ้านหรอกค่ะ เขาไปทำงานที่ต่างจังหวัด ที่พักแถวนี้ก็ไม่มีด้วย จะให้มีก็ต้องเข้าไปหาถึงในเมืองเลยนะคะ"
"เอ่อ...แต่ว่า...หลงเกรงใจค่ะ"
"ไม่ต้องเกรงใจหรอกค่ะ ครูก็มีหน้าที่ช่วยเหลือเด็ก ๆ อยู่แล้ว แถมคุณยังเคยเป็นคนที่นี่ด้วย มันก็คงเหมือน ๆ กันแหละค่ะ"
"ขอบคุณนะคะคุณครู แต่หลงเกรงใจจริง ๆ"
"บอกแล้วไงคะว่าไม่ต้องเกรงใจ ถึงคุณจะอยากกลับไปก็ไม่มีรถหรอกค่ะ รถเที่ยวสุดท้ายหมดตั้งแต่ห้าโมงเย็นแล้ว"
หลงยืนเงียบอยู่ครู่หนึ่งพร้อมกับความรู้สึกที่ทำให้เธอแปลกใจไม่น้อย ทำไมกันนะ...ทำไมคนแปลกหน้าถึงได้ดูเป็นมิตรกับเธอถึงเพียงนี้ ไม่ได้ดูหวาดกลัวกับท่าทีของเธอ ไม่ได้หวาดระแวงว่าจะเป็นคนไม่ดีแต่อย่างใด 
คุณครูสาวส่งยิ้มที่จริงใจกลับมาเพราะรู้ว่าอย่างไรเสียหลงก็คงไม่กล้าที่จะค้างที่นี่เป็นแน่ เธอจึงเดินเข้าไปหยิบกรอบรูปขนาดเท่าฝ่ามือมายื่นให้กับหลง
"อะไรเหรอคะ" หลงรับมาด้วยสีหน้าฉงน และความสงสัยก็ไขกระจ่างทันทีเมื่อรูปภาพในกรอบรูปคือคุณครูสาวกับน้องสาวของเธอนั่นเอง
"ครูเคยสอนน้องลูกจ๋าด้วยเหรอคะ"
"จะบอกว่าสอนเฉย ๆ ก็คงไม่ใช่ค่ะ ต้องบอกว่าคอยเลี้ยงดูตลอดที่อยู่อนุบาลเลยมากกว่าค่ะ เพราะฉะนั้นนะคะ ไม่ต้องเกรงใจครูหรอกค่ะ ลูกจ๋าครูก็เคยดูแลมาแล้ว ดูแลญาติของลูกจ๋าสักคน ครูก็ยินดีมากค่ะ"
"ความจริง...หลงเป็นพี่สาวของน้องลูกจ๋าน่ะค่ะ"
"เอ๊ะ!?" 
สิ่งที่ทำให้คุณครูสาวตกใจก็คงเป็นเรื่องที่หญิงสาวที่ยืนตรงหน้าเธอคือพี่สาวของเด็กนักเรียนในการดูแลของเธอเอง ก็เพราะที่ผ่านมาเธอไม่เคยเห็นหลงมาก่อน และไม่เคยทราบมาก่อนว่าเด็กนักเรียนของตนจะมีพี่สาว
"พี่สาวที่หมายถึงเป็นญาติกันน่ะเหรอคะ" เธอยังถามด้วยสีหน้าฉงน
"เปล่าค่ะ หลงและน้องลูกจ๋าคือลูกสาวของคุณวาน่ะค่ะ"
"คะ!? จริงเหรอคะเนี่ย ครูไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าคุณวามีลูกสาวสองคน"
"หลาย ๆ คนคิดว่าหลงเป็นลูกของยายด้วยซ้ำค่ะ เพราะส่วนใหญ่หลงจะอยู่กับยายมากกว่าแม่"
"แบบนี้นี่เอง งั้นคืนนี้ก็ค้างที่นี่ดีกว่าค่ะ ไม่ต้องออกไปหาที่พักหรอก"
"หลงขอรบกวนด้วยนะคะ หลงมีเรื่องอยากถามคุณครูเยอะเลย"
"ยินดีมาก ๆ ค่ะ วางกระเป๋าก่อนดีกว่าค่ะ เดี๋ยวครูหาน้ำมาให้นะคะ"
"ขอบคุณมากเลยนะคะคุณครู คือ...หลงจะขอรบกวนยืมที่ชาร์จแบตโทรศัพท์ด้วยได้ไหมคะ"
"อ้อ! ได้เลยค่ะ ได้ ๆ" สิ้นคำพูดเธอจึงรีบเข้าไปในห้องครัวเพื่อตระเตรียมน้ำมาต้อนรับแขก 
หลงผ่อนลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง อย่างน้อยการกลับมาบ้านครั้งนี้ก็ไม่ได้เปล่าประโยชน์ ขอให้ได้รู้เรื่องราวของน้องสาวกลับไปก็ยังดีกว่าไม่รู้อะไรเลย เวลาผ่านไปไม่นานนักคุณครูสาวจึงกลับมาพร้อมกับถาดขนมและแก้วน้ำพร้อมกับสายชาร์จแบตโทรศัพท์ ก่อนจะนำเก้าอี้อีกตัวมานั่งลงตรงข้ามกัน เธอดูเป็นมิตรและจิตใจดี สมกับเป็นครูปฐมวัยเสียจริง
"ตามสบายเลยนะคะ"
"ขอบคุณมากเลยค่ะ ขอโทษที่มารบกวนนะคะ"
"ก็บอกว่าไม่ต้องเกรงใจไงคะ มีอะไรให้ช่วยบอกครูได้เลยค่ะ"
"ขอบคุณค่ะ เอ่อ...คุณครูพอจะรู้จักพ่อของน้องลูกจ๋าไหมคะ"
"พ่อลูกจ๋าเหรอคะ เคยเห็นบ่อยกว่าคุณวานะคะ ส่วนใหญ่พ่อจะเป็นคนไปรับที่โรงเรียนน่ะค่ะ ช่วงนั้นครูยังอยู่บ้านพักครู เลยได้เห็นพ่อน้องบ่อย ๆ"
"พ่อน้องชื่ออะไรเหรอคะ"
"เอ๊ะ? ทำไมถึงถามแบบนี้ล่ะคะ"
"หลงคิดว่าเราน่าจะเป็นลูกคนละพ่อกันค่ะ"
"อ๋อ...พ่อลูกจ๋าเหมือนจะชื่อประเสริฐนะคะ ถ้าครูจำไม่ผิด" 
"อ๋อ...งั้นก็คงใช่ค่ะ เพราะพ่อหลงชื่อสมบัติ แล้วตอนนี้แม่ก็กลับไปใช้นามสกุลยายแล้ว"
"ได้ยินมาบ้างเหมือนกันค่ะว่าคุณวาเคยถูกสามีทิ้งไปมีครอบครัวใหม่ เลยได้มาเจอคุณเสริฐที่คอยดูแลทุก ๆ อย่าง ไม่คิดเลยว่าจะเป็นเรื่องจริง"
"ตอนนั้นแม่เป็นยังไงเหรอคะ ดูแลน้องลูกจ๋าดีหรือเปล่า พอดีหลงก็เพิ่งรู้เรื่องเมื่อไม่นานนี่เองค่ะ ว่าแม่มีลูกอีกคน"
"ก่อนหน้านั้นครูเองก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ แต่ช่วงที่ครูได้ดูแลลูกจ๋า คุณวาเขาทำงานหนักมาก เลยไม่มีเวลาเลี้ยงลูก ส่วนพ่อเขาก็ขายกับข้าวที่ตลาดค่ะ"
"คะ? แม่เนี่ยนะคะทำงาน" สิ่งที่ได้ยินทำให้หลงตกใจและแปลกใจไม่น้อย
"ใช่ค่ะ ทำทุกอย่างที่ทำได้ อะไรได้เงินคุณวาเขาทำหมดเลย ยิ่งตอนที่พ่อลูกจ๋าเขาเสีย คุณวาก็ทำงานหนักมากขึ้น แล้วอยู่ดี ๆ ก็ประกาศขายบ้านนี่แหละค่ะ แฟนครูเขารู้ก็รีบซื้อไว้เลยเพราะเผื่อว่าจะมาสร้างครอบครัวกันที่นี่"
"แม่ได้บอกไหมคะว่าทำไมถึงขายบ้าน"
"ไม่ได้บอกค่ะ แต่ครูคิดว่าคุณวาคงมีเหตุผล"
ทั้ง ๆ ที่ดูเหมือนจะมีความหวังแล้วแท้ ๆ แต่ตอนนี้หลงกลับรู้สึกว่ามันไม่ต่างจากการไม่รู้ เธอไม่เข้าใจในสิ่งที่คนเป็นแม่ทำเลยสักนิด จากคนที่ไม่เคยทำงาน ไฉนมาตั้งใจทำงานหาเงิน และทำไมถึงได้ละทิ้งทุกอย่างที่นี่ไป การปรากฏตัวของแม่ในวันนั้น การกระทำของแม่ในวันนั้น ยิ่งทวีความสับสนขึ้นเป็นเท่าตัว
เพราะจู่ ๆ หญิงสาวก็เงียบไปด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก คล้ายกับคนมีเรื่องรบกวนจิตใจ คุณครูสาวจึงคว้าจานขนมมายื่นให้กับเธอด้วยรอยยิ้ม
"ลองชิมดูค่ะ คุกกี้นี้ครูทำเองเลยนะคะ เด็ก ๆ ชอบมากเลย"
"ขอบคุณนะคะ" หลงกล่าวขอบคุณพร้อมกับหยิบคุกกี้มาชิมหนึ่งชิ้น แต่สีหน้าของเธอก็ยังดูเรียบนิ่งไม่ได้แสดงอาการใด ๆ ออกมา
"ขอถามได้ไหมคะ คุณกับคุณวาไม่ค่อยสนิทกันเหรอคะ" หลงชะงัก ก่อนจะพยักหน้าช้า ๆ
"เรียกว่าไม่ลงรอยกันเลยคงจะถูกมากกว่าค่ะ"
"ทำไมถึงว่าแบบนั้นล่ะคะ"
"อาจจะฟังดูแย่นะคะถ้าหลงจะพูดถึงแม่แบบนั้น หลงไม่เคยได้รับความรักจากแม่กับพ่อเลยค่ะ ทั้งชีวิตหลงมีแค่ยายที่คอยเลี้ยงดูและประคับประคอง แม้แต่ชื่อของหลง มันไม่ได้มีความหมายดี ๆ ที่แปลว่ามังกรในภาษาจีนหรอกนะคะ แต่หลงถูกแม่ตราหน้าว่าเป็นเด็กที่ถูกเก็บมาเลี้ยง มันเลยทำให้หลงฝังใจและไม่ลงรอยกับแม่เท่าไหร่" คุณครูสาวมองเธอด้วยความเห็นใจ ก่อนจะหยิบคุกกี้ในจานขึ้นมากินบ้าง
"และการที่หลงกลับมาบ้าน เพราะหลงคิดถึงยายค่ะ หลงเหมือนสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตไป อยู่ ๆ แม่ก็มาหาที่หอและสร้างบาดแผลเอาไว้อีกครั้ง และอยู่ ๆ หลงก็ได้รู้ว่าตัวเองมีน้องสาวพร้อมกับที่แม่ประสบอุบัติเหตุที่โรงพยาบาล หลงไม่กล้าแม้แต่จะเผชิญหน้ากับคนที่ทำให้หลงเจ็บปวด ใคร ๆ ก็บอกว่าแม่เป็นคนไม่ดี และหลงก็รู้มาตลอดเพราะแม่ทำแบบนั้นกับหลงจริง ๆ ไหนจะทำกับน้องลูกจ๋าอีก แม่ทิ้งขว้างลูกทุกคนแบบนี้ได้ยังไง หลงจะให้อภัยผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแม่ได้ยังไงคะคุณครู"
สิ่งที่พลั่งพรูออกมานั้นคุณครูสาวรู้ดีว่าเจ้าตัวเจ็บปวดมามากเพียงใด เพราะน้ำตาที่เปรอะอยู่เต็มใบหน้ามันอธิบายทุกอย่างที่หญิงสาวแบกรับมาทั้งชีวิตแล้ว มันคือน้ำตาแห่งความเจ็บปวด หลงยกมือปาดน้ำตาออก แต่มันก็ยังคงไหลออกมาไม่หยุด
"สำหรับครูแล้ว คุณวาเป็นแม่ที่ดีมากนะคะ"
"หลงทำใจเชื่อลำบากมากเลยค่ะกับประโยคนั้น"
"ครูเข้าใจค่ะ แต่สิ่งที่คุณได้รับมันอาจจะเป็นช่วงเวลาที่คุณวายังเป็นเด็กไม่เดียงสา และการสุญเสียแม่หรือยายของคุณไป พร้อมกับถูกสามีทิ้ง มันเลยทำให้คุณวาคิดได้และหันมามองครอบครัวมากขึ้นก็ได้นะคะ เธอจะมาที่โรงเรียนในทุก ๆ วันแม่ และฝากฝังให้ครูช่วยดูแลลูกสาวอยู่เสมอ ตัวลูกจ๋าเองก็เคยบ่นกับครูตลอดว่าแม่เอาแต่ทำงาน ครูว่าสิ่งที่คุณวาทำต้องมีเหตุผลแน่นอนค่ะ"
"คนเราจะคิดได้จริง ๆ เหรอคะคุณครู" หลงว่าพลางกับปาดน้ำตาอีกครั้ง
"ได้สิคะ ทุกคนต่างก็เคยได้รับบทเรียนจากการกระทำของตัวเองกันทั้งนั้น เมื่อเราโตขึ้น เราจะยิ่งรู้และเข้าใจค่ะว่าสิ่งที่ตัวเองเคยกระทำลงไปนั้นมีเรื่องไหนบ้างที่มันผิด และมีเรื่องไหนบ้างที่มันถูก ประสบการณ์ในชีวิตจะช่วยสอนอะไรหลาย ๆ อย่างเองค่ะคุณหลง แม้แต่ตัวครูเอง เมื่อก่อนก็ไม่ได้คิดที่จะเป็นครูเลยนะคะ และก็ไม่ได้คิดว่าอยากจะมีลูกด้วย อยากใช้ชีวิตวัยรุ่นให้เต็มที่ จะว่ายังไงดีล่ะ...ครูค่อนข้างเอาแต่ใจและเคยใช้ชีวิตเสเพลมาก่อนค่ะ"
"จ...จริงเหรอคะ" คุณครูสาวยิ้มอย่างเหนียมอายเมื่อถูกถาม หลงเองก็ไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้ยินแม้แต่น้อย เพราะคุณครูสาวนั้นมีจิตใจดี และออกจะเรียบร้อยเสียด้วยซ้ำ
"สมัยเรียนมัธยมเรื่องตบดีน่ะถนัดเลยค่ะ แอบเข้าผับเข้าบาร์ทั้งที่อายุยังไม่ถึง เที่ยวไม่เว้นวันจนแม่เอือมเลย จนวันที่ครูต้องเสียแม่ไป วันนั้นแหละค่ะถึงได้รู้ว่าชีวิตได้สูญเสียสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตไปแล้ว อยากจะย้อนเวลากลับไปแก้ไขสิ่งต่าง ๆ ก็ไม่สามารถทำได้แล้ว ช่วงเข้ามหา'ลัย ครูเลยทิ้งตัวเองคนเก่าไปให้หมด ลบภาพที่เลวร้ายออกไป แต่สิ่งที่ตัวเองเคยทำมันก็ยังเป็นตราบาปในใจจนถึงทุกวันนี้ค่ะ สาเหตุที่มาเป็นครูปฐมวัยเพราะอยากรู้ว่าที่ผ่านมาแม่ลำบากมากแค่ไหน และก็เพื่อที่จะได้เตรียมพร้อมที่จะมีครอบครัวด้วยค่ะ กว่าจะเป็นครูที่ดีของนักเรียนจนถึงทุกวันนี้ ก็ผ่านอดีตที่อยากจะทิ้งมันไปเหมือนกัน ครูเองก็เชื่อนะคะว่าคุณวาอาจจะคิดได้แล้วก็ได้ ประสบการณ์ชีวิตของครูมันบอกน่ะค่ะ"
"หลงก็อยากให้แม่คิดได้ค่ะ เผื่อว่าเราจะกลับมาเป็นครอบครัวอีกครั้ง แต่หลงไม่รู้จริง ๆ ว่าจะเข้าหาแม่ยังไง เพราะหลงไม่เคยได้รับความรักเลย มันคงจะกระอักกระอ่วนน่าดู"
"ครูเข้าใจนะคะ คุณหลงต้องให้เวลาตัวเองค่ะ เวลาจะช่วยเยียวยาทุกอย่าง และเวลาอาจจะช่วยให้คุณหลงเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่สามารถให้อภัยคุณวาได้ รวมถึงให้อภัยตัวเองด้วย"
"ทำไมหลงต้องให้อภัยตัวเองด้วยคะ"
"ก็อย่างที่ครูบอกไปค่ะ ว่าถ้าหากโตขึ้น คุณจะรู้และเข้าใจว่าตัวเองทำอะไรถูกหรือผิด ตอนนี้เราจะยังมองไม่เห็นความผิดของตัวเองหรอกค่ะ แต่พอผ่านช่วงเวลานี้ไปได้สักระยะหนึ่งแล้ว ประสบการณ์จะช่วยบอกคุณเอง ดีไม่ดีคุณอาจจะเคยทำให้แม่เสียใจ หรือเคยทำร้ายใครสักคนแบบไม่รู้ตัวก็ได้ คุณต้องให้เวลาตัวเองได้ทบทวนด้วยนะคะ แล้วช่วงเวลานั้นต้องรีบปรับปรุงตัวซะใหม่ ทำตัวเองให้ดีขึ้น"
เมื่อได้ยินเช่นนั้น จู่ ๆ ใบหน้าของหญิงสาวผมสีบลอนด์ก็ผุดเข้ามาในความคิดพร้อมกับคำพูดทิ้งท้ายจากพี่สาวของเจ้าตัวทำให้หัวใจของเธอหล่นฮวบจนเย็นวาบไปทั้งตัว การที่เธอหนีปัญหามาแบบนี้อาจจะเป็นการทำร้ายเจ้าตัวก็เป็นได้
ติ๊ด ๆ ติ๊ด ๆ
เมื่อจู่ ๆ เสียงนาฬิกาดังขัดจังหวะ ทำเอาทั้งสองถึงกับสะดุ้งโหยง
"อ๊ะ! ถึงเวลาที่ครูต้องโทรหาแฟนแล้วค่ะ เดี๋ยวครูขอเวลาสักครู่นะคะ กลัวว่าเขาจะเป็นห่วงน่ะค่ะ"
"ตามสบายเลยค่ะ ขอบคุณมาก ๆ เลยนะคะที่รับฟังหลง"
"ยินดีค่ะ คุณก็ตามสบายเลยนะคะ คิดซะว่ากลับมานอนบ้านนี่แหละค่ะไม่ต้องเกรงใจเลย ยังไงเดิมทีบ้านหลังนี้ก็เคยเป็นของคุณมาก่อน" เธอพูดทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนจะรีบเดินไปหยิบโทรศัพท์ของตนด้วยความเร่งรีบ
หลงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ด้วยความรู้สึกที่หนักอึ้ง คืนนี้คงเป็นคืนที่เธอจะได้ทบทวนเรื่องราวต่าง ๆ และเตรียมพร้อมที่จะออกไปเผชิญกับความจริงอีกครั้ง...


วันรุ่งขึ้น
"ขอบคุณสำหรับทุก ๆ อย่างนะคะคุณครู" หลงเอ่ยขอบคุณพร้อมกับยกมือไหว้ด้วยความนอบน้อม ก่อนคุณครูสาวจะโบกมือปฏิเสธแบบยกใหญ่
"ไม่เป็นไรค่ะ ๆ ดีใจที่ได้พูดคุยนะคะ ฝากความคิดถึงไปหาลูกจ๋าด้วยนะคะ ว่าครูเดือนคิดถึงมาก ๆ" หลงยิ้มออกมาด้วยความจริงใจ เธอเพิ่งจะได้รู้จักชื่อคุณครูสาวก็ตอนจะได้ร่ำลากันเสียแล้ว
"ค่ะ เดี๋ยวไว้มีโอกาสจะพาน้องลูกจ๋ามาเยี่ยมโรงเรียนนะคะครูเดือน"
"ได้เลยค่ะ มานอนบ้านครูก็ได้ แต่ต้องโทรมาบอกก่อนนะคะจะได้จัดห้องไว้ให้ เมื่อคืนไม่ได้เตรียมอะไรสักอย่าง คุณเลยได้นอนที่หน้าทีวีเลย"
"ไม่เป็นไรค่ะ แค่ให้ที่พักก็เกรงใจมาก ๆ แล้ว ขอบคุณจริง ๆ นะคะ"
"ไม่ต้องขอบคุณแล้วค่ะ เดินทางปลอดภัยนะคะคุณหลง" 
หลงยกมือไหว้เธออีกครั้งด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเดินขึ้นรถประจำทางเพื่อที่จะเดินทางกลับไปเผชิญหน้ากับสิ่งที่เธอได้หนีมา 
เมื่อรถประจำทางเคลื่อนที่ไปตามทาง หลงได้แต่นั่งมองดูวิวทิวทัศน์รอบข้างด้วยความรู้สึกหวิว ๆ ในใจ สิ่งที่เธอได้รับมานั้นมันมากกว่าที่เธอต้องการเสียอีก ทั้งการต้อนรับที่อบอุ่นและจริงใจของผู้คน ทั้งเรื่องราวต่าง ๆ เกี่ยวกับน้องสาวและแม่ของเธอที่ได้รับรู้มาจากปากของคนที่ใกล้ชิดน้องสาวมากที่สุด แต่ถึงกระนั้นเหตุผลของการกระทำของคนเป็นแม่ยังรอให้เธอกลับไปไขข้อข้องใจด้วยตัวเอง
ยายคงต้องการให้น้องหลงมาเจอครูเดือนแน่ ๆ เลยใช่ไหม...ขอบคุณนะยาย น้องหลงจะกลับไปเผชิญหน้ากับความจริงแล้วนะ...
หลงคิดในใจพลางกับเปิดโทรศัพท์มือถือที่ตอนนี้ชาร์จจนเต็มแล้ว ทำให้ข้อความการติดต่อแจ้งเตือนไม่หยุด คนที่ติดต่อเข้ามาล้วนแล้วแต่เป็นคนที่เธอคุ้นเคยเป็นอย่างดี ก่อนที่เธอจะสะดุ้งโหยงเมื่อมีสายเรียกเข้าได้ถูกจังหวะพอดี
"สวัสดีค่ะพี่จิ้งหรีด"
"หลง!!! ทำไมถึงปิดโทรศัพท์หายไปแบบนี้ล่ะ ทุกคนเป็นห่วงมากนะรู้ไหม!!?"
"ขอโทษค่ะ หลงแค่อยากอยู่กับตัวเองน่ะ"
"เฮ้อ...เป็นห่วงแทบแย่ ทีหลังจะทำอะไรก็บอกหน่อยสิ คุณซอลแทบอยู่ไม่เป็นสุข!" เพียงแค่ได้ยินชื่อ มันก็ทำให้หลงเงียบไปครู่หนึ่ง
"พี่บอกคุณซอลไปหรือยังคะว่าหลงลาออกแล้ว"
"บอกไปแล้ว"
"คุณซอลได้ว่าอะไรไหมคะที่หลงลาออกแบบปุบปับโดยไม่แจ้งอะไรล่วงหน้าแบบนี้"
"ไม่ว่าอะไรนะ คุณซอลบอกว่าเข้าใจ เอ้อ! คุณซอลฝากกระเป๋าไว้ให้ ว่างแล้วก็เข้ามาเอาที่ร้านนะ"
"ได้ค่ะ เดี๋ยวหลงจะเข้าไปเอานะคะ"
"หลง พี่ถามจริง ๆ นะ มีปัญหาอะไรกับคุณซอลหรือเปล่า" 
"เปล่าหรอกค่ะ ตอนนี้หลงกำลังเดินทางกลับ ขออนุญาตวางสายก่อนนะคะ กลัวจะไปรบกวนคนอื่น ๆ"
"อ...อ๊ะ! หลง!" 
ยังไม่ทันที่ปลายสายจะได้ถามอะไร หลงก็ชิงวางสายไปเสียก่อนเพราะเธอยังไม่พร้อมกับการตอบคำถามนี้เลย แต่ตอนนี้เธออยากเจอหน้าคนตัวเล็กเหลือเกิน อยากปรับความเข้าใจ อยากจะขอโทษในสิ่งที่เธอทำให้อีกฝ่ายต้องเสียน้ำตา ภาพหญิงสาวคนรักร้องไห้ราวจะขาดใจมันยังคงติดเป็นภาพจำ
อยากจะหายตัวไปหาตั้งแต่ตอนนี้... แต่หลงต้องเฝ้ารอให้รถเคลื่อนตัวไปอย่างเชื่องช้า แต่ข้อดีของมันคือ มันจะช่วยขยายเวลาให้เธอได้ทบทวนตัวเองมากขึ้น


"สวัสดีค่ะพี่จิ้งหรีด หลงมาเอากระเป๋าค่ะ"
"อยู่คุยกันก่อนไหมหลง มันเกิดอะไรขึ้น" ผู้จัดการสาวยื่นกระเป๋าเป้ใบสีดำให้กับเธอด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก อาจจะเพราะเป็นห่วงเรื่องความสัมพันธ์ของทั้งสองก็เป็นได้
"ไม่มีอะไรค่ะ ขอหลงเคลียร์ปัญหานี้เองนะคะ"
"หลง วันนั้นหลงได้ยินที่พี่คุยกับฮัคใช่ไหม" หลงนิ่งเงียบไม่ตอบอะไรกลับไป ซึ่งแน่นอนว่าผู้จัดการสาวรู้ได้ทันทีว่าเธอก็มีส่วนผิด
"พี่พร้อมจะอธิบายในสิ่งที่พูดไปทุกประโยค"
"ไม่เป็นไรค่ะ หลงไม่ได้ติดใจอะไรกับคำพูดของพี่เลย มันเป็นเพราะหลงไม่เชื่อใจคุณซอลมากกว่า"
"คือพี่ก็มีส่วนผิดไง พี่รู้สึกผิดนะหลง ช่วยฟังพี่อธิบายหน่อยได้ไหม"
"ไม่เป็นไรพี่ หลงไม่ติดใจไงคะ พี่ไปอธิบายให้คุณซอลฟังเถอะ ว่าพี่ไปแจ้งเรื่องความสัมพันธ์ของหลงให้พ่อคุณซอลฟังทำไม"
"เรื่องนั้นพี่เปิดใจคุยกับคุณซอลแล้ว เหลือแค่อธิบายกับหลง"
"ถ้าพี่เปิดใจกับคุณซอลแล้วก็ไม่มีอะไรให้ต้องกังวลค่ะ หลงโอเค หลงขอตัวนะคะ"
"เดี๋ยวสิหลง!!"
หลงรีบคว้าสายสะพายกระเป๋าและเร่งฝีเท้าเดินออกจากร้านทันที ก็เพราะคุณซอลไม่ได้อยู่ที่ร้านน่ะสิ 
"พี่ซอลอยู่ไหนนะ..."
ใช่...หลงไปที่คอนโดมิเนียมมาแล้ว และเธอเดินดูจนทั่วลานจอดรถก็ไม่พบรถเก๋งสีขาวของเจ้าตัวแต่อย่างใด คุณซอลไปอยู่ที่ไหนกัน...
หลงรีบเดินกลับหอพักของเธอด้วยความกระวนกระวายใจ โดยที่เธอไม่รู้ตัวเลยว่ามีสายตาคู่หนึ่งกำลังมองเธอจากรถยนต์ที่จอดเยื้องกับร้านขายหนังสือ มันคือรถเก๋งสีขาวที่หลงกำลังตามหานั่นเอง
"เธอคงไม่อยากเจอหน้าเราแล้วสินะหลง..." เสียงที่เอ่ยออกมานั้นทั้งสั่นเครือและแผ่วเบา มันเป็นเสียงพูดที่ปนกับเสียงสะอื้นของหญิงสาวตัวเล็กที่ตอนนี้ผมของเธอได้เปลี่ยนเป็นสีดำไปเสียแล้ว...


เมี้ยว...
เสียงแหลมเล็กที่ดังแว่วมาตามลม ก่อนเจ้าของเสียงจะกระโจนมาคลอเคลียที่ขาของหญิงสาวเมื่อเธอกำลังจะเปิดประตูเข้าหอพัก
เพราะเธอไม่ได้ค่อยได้อยู่หอพัก ถึงกลับมาก็ไม่ได้ตามหาเจ้าแมวลายสลิด จึงทำให้หลงตกใจกับขนาดตัวมันไม่น้อย ตอนนี้หากมันเป็นมนุษย์เฉกเช่นเดียวกัน มันคงจะกำลังเป็นหนุ่ม เธอจึงก้มลงเกาคางของมันด้วยความเคยชิน จนได้ยินเสียงครางครืด ๆ ดังออกมาจากลำคอ
"ไงสีเทา หลอกกินของฟรีจนโตเป็นหนุ่มขนาดนี้เลยนะแก"
เมี้ยว...
"ขอโทษนะ วันนี้ยังไม่มีเวลาจะเล่นด้วย ฉันขอนอนพักเอาแรงก่อน"
เมี้ยว...
มันเดินจากไปราวกับรับรู้สิ่งที่เธอบอก หลงจึงรีบเปิดประตูเข้าไปในห้องนอน ก่อนจะทิ้งตัวลงบนฟูกด้วยความเหนื่อยล้าจากการเดินทางมาตลอดทั้งวัน ซ้ำยังต้องเดินตามหาใครอีกคนด้วย เป็นเพราะเธอไม่กล้าที่จะโทรศัพท์หาโดยแท้ ทำให้เธอคลาดกับคนที่กำลังตามหาโดยที่เธอไม่รู้ตัวเสียด้วยซ้ำ
หลงนอนมองโทรศัพท์และรวบรวมความกล้าอยู่นาน หมายเลขโทรศัพท์ที่พยายามติดต่อเธอเป็นร้อย ๆ สายทำให้เธอไม่กล้าที่จะโทรกลับ 
"ประโยคแรกที่คุยกันจะพูดว่ายังไงดี..."
หลงก็ยังคงเป็นเด็กที่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรจึงจะถูกต้องและถูกใจ ประสบการณ์ในชีวิตของเธอมันช่างน้อยนิดเสียเหลือเกิน เธอจึงดีดตัวขึ้นมาค้นในกระเป๋าเป้ ของข้างในนั้นเป็นเสื้อผ้าและของใช้ของเธอทั้งหมด มันยิ่งทำให้หลงกังวลใจขึ้นเป็นเท่าตัว พี่ซอลคงโกรธเธอไปแล้วเป็นแน่...
"อ๊ะ!!" 
จู่ ๆ หลงก็คิดขึ้นมาได้ว่า เคยมี 'จดหมายรัก' ที่เจ้าตัวเคยเขียนให้ตั้งแต่วันที่ไปเที่ยวสวนสนุก และก่อนจะนำเสื้อผ้าไปซักเธอก็ได้นำจดหมายฉบับนั้นเก็บใส่ในกระเป๋าสตางค์เอาไว้โดยที่ไม่ได้เปิดอ่าน นี่คงเป็นเวลาอันสมควรแล้วที่เธอจะได้รู้ว่าอีกคนเขียนให้เธอว่าอย่างไร เธอจึงรีบคลี่กระดาษออกทันที ก่อนจะตั้งใจอ่านข้อความที่เขียนด้วยตัวบรรจงตั้งแต่บรรทัดแรกยันบรรทัดสุดท้าย

ไอ้หมาหลง แบร่!! :P
คนอะไรก็ไม่รู้ หน้าดุอย่างกับร็อตไวเลอร์ แบร่!! :P
ดูเหมือนจะเป็นเสือยิ้มยากนะเราอะ แต่รู้ไหมว่าตอนเธอยิ้มน่ะ สวยกระชากใจจริง ๆ (พี่ซอลตายแล้วค่ะ เอื้อ....ตายเพราะรอยยิ้มของหมาหลง ><)

หลงถึงกับหลุดขำพรืดกับข้อความที่ได้อ่าน นี่น่ะหรือจดหมายรักที่เจ้าตัวเขียน ทั้งโดนด่าทั้งโดนหยอดในคราวเดียวกัน เธอจึงกวาดสายตาอ่านบรรทัดต่อไปด้วยรอยยิ้ม

การที่เธอไม่ได้ยินเสียงความคิดของเรามันก็ดีเหมือนกันนะ เพราะอะไรรู้ไหม? เพราะเธอจะได้ยินเสียงเรากรีดร้องเวลาได้เห็นรอยยิ้มของเธอน่ะสิ คนอะไรก็ไม่รู้ ขนาดหน้าดุเหมือนร็อตไวเลอร์ยังสวยและมีเสน่ห์ได้ขนาดนี้ อยากจะจีบเธอทุกวันเลย ไอ้บ้า...เขินอะ มีแฟนสวยคือลาภอันประเสริฐของพี่ซอล แต่การมีแฟนที่อ่อนโยนแบบเธอน่ะ เขาเรียกว่านิพพาน 
ตอนได้อ่านจดหมายฉบับนี้เธอคงคิดว่าเรากำลังจีบเธออยู่ล่ะสิ ก็ใช่น่ะสิ ก็บอกแล้วไงว่าอยากจีบทุกวันเลย เราว่า เราต้องคลั่งรักเธอมากแน่ ๆ
ตั้งแต่เจอเธอ เรามีความสุขมากเลยนะหลง เธอได้เข้ามาสอนเราว่าการรักใครสักคนมันเป็นยังไง เราอยากทำเพื่อเธอ เราอยากให้รอยยิ้มของเธอคงอยู่แบบนี้ตลอดไปเลย อย่าให้ใครมาพรากรอยยิ้มของเธอไปนะ เข้าใจไหมไอ้หมา
เราไม่เคยเชื่อในความรักมาก่อนเลย เพราะเรารู้จุดจบของความสัมพันธ์มาโดยตลอด ทำให้เราเผื่อใจเอาไว้ทุกครั้ง และทำในสิ่งที่เราสามารถทำได้โดยที่เราไม่ต้องลงแรงใจมากจนเกินไป การเห็นภาพในอนาคตแบบนี้ มันไม่ดีเลยเนอะว่าไหม แต่กับเธอมันไม่ใช่ เราไม่รู้อะไรเลย เราไม่เห็นภาพอะไรทั้งนั้น แต่เราพร้อมที่จะลงแรงลงใจ เราพร้อมที่จะเสี่ยงกับความรักในครั้งนี้ และสิ่งที่เราได้รับมันก็คุ้มค่าจริง ๆ
ขอบคุณที่คอยดูแลเราอย่างดีมาโดยตลอด ถึงแม้เธอจะปากแข็ง และไม่ค่อยบอกรักเรา แต่เราก็รู้ว่าเธอรักเรามาก และใช่...เราก็รักเธอมากเหมือนกัน รักมากที่สุดในชีวิตเลยมั้ง ถึงเราจะไม่เห็นภาพอนาคตของพวกเรา แต่เราก็อยากเป็นคนสร้างภาพอนาคตที่สดใสร่วมกับเธอนะ
ถ้าหากเรามีพลังวิเศษเหมือนกับที่เธอมี เราอยากให้พลังนั้นคือการที่สามารถเสกให้ใครก็ได้มีความสุขไปตลอดชีวิต คนคนนั้นก็คือเธอ ขอให้เธอได้พบเจอแต่คนดี ๆ จะทำอะไรก็ประสบผลสำเร็จ เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ สุขสมหวังในทุก ๆ เรื่อง สิ่งร้าย ๆ ในอดีตของเธอ เราจะขอเยียวยาและรักษาหัวใจของเธอเองนะหลง เราจะโอบกอดเธอเอาไว้ และจะอยู่เคียงข้างเธอตลอดไป รักที่เราให้เธอจะไม่มีวันลดลง มีแต่จะเพิ่มขึ้นทุก ๆ วัน
การได้เห็นเธอมีความสุข เติบโตและประสบผลสำเร็จในชีวิต คือสิ่งที่เราหวังจะได้เห็น เพราะเราเชื่อว่าวันหนึ่งเธอก็จะต้องได้งานดี ๆ ทำ ที่ไม่ใช่เพียงการเป็นพนักงานร้านหนังสือของเรา เธอน่ะเก่งที่สุดในโลกเลยนะรู้ไหม เราจะคอยเป็นกำลังใจให้กับเธอในทุก ๆ ย่างก้าวนะ และเราจะคอยซัพพอร์ตในเส้นทางชีวิตที่เธอเลือกเสมอ
เติบโตไปด้วยกันนะหลง คนที่แสนวิเศษที่สุดในชีวิต...
พี่ซอลรักน้องหลงนะคะ

"ฮึก ๆ"
เมื่ออ่านถึงบรรทัดสุดท้าย ไม่รู้ว่าน้ำตามันมาจากไหนถึงได้ทะลักออกมาถึงเพียงนี้ ทุกประโยคนั้นล้วนแล้วแต่เป็นความรักความหวังดีที่อีกฝ่ายมอบให้เธอเสมอมา ไม่เคยหวังใช้ประโยชน์จากความสามารถของเธอแม้แต่น้อย
แม้แต่สิ่งที่เธอเกลียดนักหนา สิ่งที่เธอเคยปรามาสว่าตนคือตัวประหลาด แต่คนคนนี้กลับเห็นคุณค่าของมันและเรียกมันว่า 'พลังวิเศษ'
พี่ซอลน่ะ...รักและหวังดีกับเธอมากจริง ๆ
ใช่...เธอก็รักพี่ซอลมากเช่นกัน...