เพียงกระซิบ

เพียงกระซิบ
ตอนที่ 28 เด็กมีปัญหา

หลังจากที่หลงกลับมาที่ห้อง เธอก็เอาแต่นั่งเงียบไม่พูดไม่จา จากเดิมที่เคยเข้าหายากอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งรู้สึกว่ากำแพงที่ลูกสาวได้สร้างเอาไว้นั้นดูจะก่อตัวหนาและสูงขึ้นเป็นเท่าตัว คนเป็นแม่รับรู้ได้ถึงท่าทีที่เปลี่ยนไป แต่เธอก็ทำได้แค่เหลือบมองเป็นครั้งคราว การจะเริ่มต้นบทสนทนากับลูกสาวคนโตนั้นมันยากเสียเหลือเกิน
"ไหน วันนี้วาดอะไรคะคนเก่ง" เธอเอ่ยถามลูกสาวคนเล็กที่ขึ้นไปนั่งวาดรูปเคียงข้างเธออยู่บนเตียง ก่อนเจ้าตัวจะนำสมุดวาดภาพมาอวดคนเป็นแม่ด้วยรอยยิ้ม
"หนูวาดรูปครอบครัว"
"หือ? ทำไมสมาชิกในครอบครัวเยอะจังล่ะ"
เพราะภาพวาดที่ลูกสาวบรรจงวาดด้วยความตั้งใจนั้นมีสมาชิกถึงเจ็ดคน ทำเอาคนเป็นแม่ถึงกับคิ้วขมวด ก่อนที่เด็กน้อยจะไขกระจ่างข้อสงสัยทั้งหมดด้วยการอธิบายโดยการเรียงลำดับไปทีละคน
"คนนี้พ่อเสริฐ คนนี้แม่วา อันนี้หนูเอง เพราะหนูตัวเล็กที่สุด คนนี้พ่อมี คนนี้แม่ปราณ ส่วนสองคนนี้พี่หลงกับพี่ซอลค่ะ เนี่ยแม่เห็นไหม หนูพยายามวาดให้เป็นคนสองคนกำลังยื่นหัวใจให้กัน เพราะหัวใจของพี่หลงอยู่กับพี่ซอล หัวใจของพี่ซอลก็อยู่กับพี่หลงด้วย" 
สิ้นคำพูดของน้องสาวทำเอาหลงถึงกับหันขวับ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่คนเป็นแม่เงยหน้ามองเธอเช่นกัน ตอนนี้เธอพอจะเข้าใจอะไรหลาย ๆ อย่างแล้ว ว่าทำไมท่าทีของหลงถึงได้ดูแปลกไป ตั้งแต่ออกไปคุยกับหญิงสาวตัวเล็กเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา
"ลูกจ๋ายังจำที่พี่บอกที่สวนสนุกได้อยู่เหรอ"
"จำได้ค่ะ หนูความจำดีจะตาย" เด็กน้อยตอบเสียงใส
"อืม เก่งมากค่ะ"
บรรยากาศภายในห้องกลับมาอึดอัดอีกครั้งราวกับถูกปกคลุมด้วยเมฆสีดำ จะมีแค่เพียงเด็กน้อยที่ยังคงความสดใสร่าเริงอย่างไม่รู้ประสีประสา คนเป็นแม่เองก็ไม่กล้าที่จะเอ่ยถามอะไรมากนัก เพราะหลงเอาแต่นอนหันหลังอยู่บนโซฟาทำทีว่าง่วงนอนตั้งแต่กลับมาแล้ว แต่เจ้าตัวกลับมีท่าทีตอบสนองกับคำพูดของน้องสาวที่พูดถึงหญิงสาวตัวเล็กนี่สิ แม้ไม่ต้องบอกก็พอจะคาดเดาได้ว่าทั้งสองต้องมีปัญหากันเป็นแน่
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
ทันทีที่ได้ยินเสียงเคาะประตูปลุกทุกคนให้ตื่นจากภวังค์ ผู้ต้อนรับตัวน้อยก็รีบปีนลงจากเตียงแล้ววิ่งไปที่ประตูด้วยความตื่นเต้นตามประสาของเธอ พร้อมกับที่หลงก็ยันตัวลุกขึ้นจากโซฟาด้วยเช่นกัน
"คุณแม่! คุณพ่อ!!"
"เป็นยังไงบ้างลูก ทานข้าวเย็นกันหรือยังคะ"
คนที่มาหาไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นคู่สามีภรรยาที่ต้องการอุปการะน้องสาวของเธอนั่นเอง หลงจึงลุกขึ้นจัดแจงเสื้อผ้าของตน ก่อนจะยกมือไหว้ทั้งสองด้วยความสุภาพ
"สวัสดีค่ะคุณมี คุณปราณ"
"สวัสดีครับ วันนี้ผมจะขอพาตัวลูกสาวไปช้อปปิ้งที่ห้างได้ไหมครับคุณวา เตรียมตัวเข้าโรงเรียนใหม่กัน"
"เอาเลยค่ะ ตามสบายเลย คุณต้องหาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกสาวฉันนะคะ โรงเรียนก็ต้องเป็นโรงเรียนที่ดีที่สุดด้วย ให้ลูกจ๋าได้ใช้ศักยภาพได้อย่างเต็มที่ ไม่เอาโรงเรียนปลายแถวเด็ดขาด"
"แม่!!" หลงรีบหันไปเอ็ดคนเป็นแม่ทันที เพราะสิ่งที่เธอกลัวที่สุดก็คือการที่แม่เรียกร้องเกินความจำเป็นจนสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่นนี่แหละ
"ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะคุณวา พี่สะใภ้ฉันเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนเอกชนที่ดีที่สุดติดอันดับต้น ๆ เลย แถมลูกจ๋ายังจะได้เรียนกับหลาน ๆ ของพวกเราด้วย ได้ทั้งการศึกษาที่ดี ได้ทั้งสังคมที่ดีแน่นอนค่ะ" หญิงสาวตอบด้วยรอยยิ้ม
"ดีค่ะ นั่นแหละที่ฉันต้องการ ก่อนกลับก็พาลูกจ๋ากินอะไรอร่อย ๆ ก่อนเข้ามาด้วยนะ"
"แม่พอได้แล้วน่า..." หลงหันไปปรามเธออีกครั้ง จนถูกคนเป็นแม่มองค้อนกลับมา
"ได้เลยครับ แล้วหลงล่ะ จะไปกับเราไหม" 
"ไม่ดีกว่าค่ะ หลงขออยู่ดูแลแม่ที่นี่ดีกว่า"
"อยากทานอะไรเป็นพิเศษไหมครับ ขากลับผมจะซื้อมาฝาก"
"ไม่เป็นไรค่ะ หลงลงไปซื้อข้างล่างได้ ขอบคุณนะคะ"
"คุณวาล่ะคะ อยากทานอะไรนอกเหนือจากข้าวที่โรงพยาบาลไหม"
"ไม่ค่ะ มีหวังโดนพยาบาลด่าตายเลย" 
หญิงสาวทั้งสองต่างยิ้มให้กันและกันอย่างเป็นมิตร ซึ่งมันทำให้หลงนึกแปลกใจอย่างไรชอบกล บทจะเป็นเรื่องของตัวเอง ไฉนเจ้าตัวไม่เรียกร้องอะไรเลย ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้เรียกร้องเสียจนขายหน้า 
"ถ้าอย่างนั้นพวกเราขอตัวก่อนนะคะ" สาวสวยพูดด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะจูงมือลูกสาวในอุปการะออกจากห้องไปพร้อมกับสามีของเธอ
"แม่ยกน้องลูกจ๋าให้พวกเขาดูแลแล้วเหรอ" ครั้งนี้หลงไม่ปล่อยให้ความเงียบเข้ามาปกคลุมบรรยากาศภายในห้อง เธอรีบไขข้อข้องใจทันทีเมื่อมีโอกาส
"เออ ทำไม"
"ไปตกลงกันตั้งแต่เมื่อไหร่"
"ก็ตั้งแต่แกหายหัวไปไม่มาดูแลฉันน่ะสิ!"
"คงดีใจจนออกนอกหน้าเลยสิท่า ที่มีคนรวย ๆ อยากได้น้องลูกจ๋าเป็นลูกบุญธรรม ไม่ต้องเหนื่อยเลี้ยงเองแล้ว"
"แกพูดแบบนั้นหมายความว่าไงวะ!!?" คนเป็นแม่เริ่มขึ้นเสียง แต่ลูกสาวยังแสดงสีหน้าเรียบเฉยอย่างคนไร้ความรู้สึก
"ไม่ใช่เพราะแม่จงใจเอาน้องลูกจ๋ามาทิ้งไว้กับหลงเหรอ เหนื่อยจะดูแลลูกแล้วสิถึงได้ทำแบบนี้"
"ฉันเคยดีในสายตาแกบ้างไหมหลง ฉันคงเป็นแม่ที่เลวมากสินะ" หลงเงียบไม่ได้ตอบอะไรกลับไป อยากจะรู้นักว่าแม่จะหาเหตุผลร้อยแปดอะไรมาเป็นข้ออ้าง
แต่ทว่าคนเป็นแม่ก็หาได้ตอบโต้อะไร เธอใช้ความเงียบเข้าสู้เช่นกัน ไม่ได้หาเหตุผลใด ๆ มาหักล้างข้อกล่าวหาทั้งสิ้น เธอเงียบ...เงียบเกินไป แต่ความรู้สึกนี้ราวกับเป็นสงครามประสาทก็ว่าได้ ใครที่ใจเย็นมากกว่า คนนั้นคือผู้ชนะ
"แล้วแต่แกจะคิดยังไงนะ สำหรับฉัน ลูกจ๋าต้องได้รับสิ่งที่ดีที่สุด ใครจะมาขอเลี้ยงเฉย ๆ ไม่ได้ ต้องเป็นลูกบุญธรรมเท่านั้น ถึงจะมีโอกาสได้รับมรดก"
"ว่าแล้วเชียว...คนไม่รู้จักพอแบบแม่ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องเงิน"
"มันก็เรื่องของฉัน แล้วแกไปทะเลาะอะไรกับน้องสาวเขาล่ะ อย่าหาเรื่องใส่ตัวเชียวนะ ถ้าเขาไม่อุปการะลูกจ๋าแล้ว ฉันจะตามล้างตามผลาญแกแน่หลง"
"เหอะ...เพราะแม่เป็นแบบนี้แหละ ในใจหลงก็คิดนะ ว่าอย่าให้มีใครมาแบ่งเบาภาระแม่เลย แม่ต้องเจอความลำบากแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะกลับตัวกลับใจได้ ลูกจ๋าไม่น่าเกิดกับแม่แย่ ๆ แบบนี้เลย"
"ไอ้หลง!! ปากมึงน่ะมีแต่จะต่อว่ากู สมองมึงก็คิดแต่กดให้กูตกต่ำ ที่ผ่านมากูยังลำบากไม่พออีกเหรอ มึงนี่มันลูกไม่รักดีจริง ๆ กูไม่น่าเบ่งมึงออกมาเลย"
"ไม่ใช่หลงถูกเก็บมาเลี้ยงแล้วใช่ไหม"
"มึงไสหัวไปเลย!!! กูเบื่อหน้ามึง!!!"
"ไม่ ยิ่งแม่เบื่อ หลงยิ่งจะอยู่กวนใจแม่แบบนี้แหละ ถ้าทนไม่ได้ก็นอนหลับไป ไม่ต้องตื่นมามองหน้าหลง"
"แม่งเอ๊ย!!"
คนเป็นแม่สบถออกมาอย่างหัวเสีย ก่อนจะกอดอกและพลิกตัวหันหลังใส่เธอด้วยท่าทีกระฟัดกระเฟียด ความจริงหลงแค่ต้องการให้แม่พักผ่อนก็เท่านั้น เพราะตั้งแต่เช้าแม่ยังไม่ได้หลับเลยสักครั้ง ก็น้องสาวเล่นขึ้นไปนั่งวาดรูปอยู่บนเตียงเสียขนาดนั้น ไหนจะรอดูละครที่ตนชอบอีก แต่การจะเข้าหาคนเป็นแม่ด้วยความพูดดี ๆ คงเป็นไปได้ยากนัก เพราะทั้งสองไม่เคยคุยดี ๆ กันเลยตั้งแต่เกิดมา หากนี่คือเกม เธอทั้งสองคงมีค่าประทับใจต่อกันติดลบเลยกระมั้ง
เวลาผ่านไปไม่นานนัก หลงได้ยินเสียงกรนดังออกมาเบา ๆ คนเป็นแม่คงจะอ่อนเพลียมากเป็นแน่ถึงได้หลับง่ายถึงเพียงนี้ เธอจึงคว้าผ้าห่มมาห่มให้ความอบอุ่นแก่คนเป็นแม่ ก่อนจะเอื้อมมือสัมผัสที่ต้นคออย่างแผ่วเบาเพื่อวัดอุณหภูมิร่างกาย
"อืม...วันนี้ตัวไม่ร้อนแล้ว" หลงพึมพำเบา ๆ ก่อนจะเดินกลับไปทิ้งตัวลงนอนที่โซฟาดังเดิม 
พี่ซอลจะเป็นยังไงบ้างนะ...หลงขอโทษนะพี่ซอล ตอนนี้หลงทำได้แค่นี้จริง ๆ 
หลงผ่อนลมหายใจออกมาด้วยความรู้สึกที่หนักอึ้ง ทุกอย่างดูมืดบอดไปเสียหมด แม้ในใจจะเจ็บปวดมากเพียงใดแต่เธอก็ต้องยอมรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ ชีวิตเธอก็แบบนี้...มันเคยโรยด้วยกลีบกุหลาบที่ไหนกันล่ะ มันมีแต่ความขมขื่น และความมืดมนแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว...
ละทิ้งแล้วทุกสิ่ง...ยอมแพ้แล้วทุกอย่าง...


"ไหนลูกจ๋า ได้อะไรกลับมาเยอะแยะเลย เอามาอวดแม่หน่อยซิ"
"พ่อมีกับแม่ปราณซื้อของเล่นให้หนูเยอะแยะเลยค่ะ แล้วแม่ดูนี่สิ กล่องสีกล่องใหญ่มาก!!! หนูจะใช้ยังไงหมดเนี่ย" เด็กน้อยว่าพลางกับรื้อข้าวของในถุงมาอวดคนเป็นแม่ทีละชิ้น หลงจึงได้แต่เหลือบมองด้วยความเอ็นดู
"เดี๋ยวพรุ่งนี้คุณแม่จะมาหาใหม่นะลูก วันนี้หมดเวลาเยี่ยมแล้ว"
"ค่า! ขอบคุณสำหรับวันนี้นะคะ"
"ตายจริง ดูพูดเข้าสิ!" 
ใครกันล่ะที่จะไม่เอ็นดู ก็เด็กน้อยเล่นไหว้แบบถอนสายบัวและใช้ประโยคที่ดูโตเกินวัยเสียขนาดนั้น เรียกได้ว่าเธอมีพัฒนาการที่โตกว่าเด็กวัยเดียวกันเป็นไหน ๆ
"เดี๋ยวหลงลงไปส่งข้างล่างนะคะ"
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ส่งแค่นี้ก็ได้"
"ไม่เป็นไรค่ะ พอดีว่าหลงมีเรื่องอยากคุยกับพวกคุณด้วย"
"ได้เลยค่ะ งั้นเราไปกันดีกว่า คุณวาเขาจะได้พักผ่อน"
"ค่ะ"


"พอได้เจอน้องลูกจ๋าแล้วเป็นยังไงบ้างคะ"
เมื่อทั้งสามเดินมาถึงมุมอาคารที่อยู่ไม่ไกลจากลานจอดรถของทางโรงพยาบาลมากนัก มุมนี้เป็นที่ห่างไกลผู้คน เหมาะแก่การพูดคุยเป็นอย่างยิ่ง หลงจึงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่แสดงความนอบน้อม
"ลูกจ๋าเขาน่ารักมากเลย แถมยังฉลาดด้วยค่ะ" สาวสวยตอบด้วยรอยยิ้ม
"แล้วเรื่องที่จะรับน้องลูกจ๋าเป็นบุตรบุญธรรมดำเนินการเรียบร้อยแล้วเหรอคะ"
"ยังเลยค่ะ เราแค่มาคุยกับคุณวาก่อน คงต้องรอให้คุณวาเขาออกจากโรงพยาบาลก่อนค่ะ อะไร ๆ จะได้สะดวกขึ้น แต่เธอก็ตกลงทันทีเลยนะคะ คุณหลงไม่ต้องกังวลค่ะว่ามันจะไม่ราบรื่น" ดูเหมือนเธอจะมองออกว่าหลงกำลังมีเรื่องกังวลในใจ แต่เธอก็ไม่ได้เดาถูกเสียทีเดียว
"คุณทั้งสองคงทราบแล้วใช่ไหมคะ ว่าน้องลูกจ๋าคือน้องสาวของหลงเอง" ทั้งสองพยักหน้า
"จะว่าอะไรไหมคะ ถ้าหลงขอเป็นคนดูแลน้องเอง ขอโทษที่ต้องพูดแบบนี้นะคะ แต่หลงก็ถือว่าหลงเป็นคนในครอบครัวของน้อง และตอนนี้หลงก็พอจะหาเลี้ยงตัวเองได้แล้ว หลงไม่อยากลำบากพวกคุณค่ะ"
"คุณหมายความว่า จะไม่ให้พวกเราอุปการะลูกจ๋าอย่างนั้นเหรอ" ชายหนุ่มเอ่ยถาม หลงจึงพยักหน้าตอบรับ
"ค่ะ"
"เหตุผลคืออะไร"
"คือ..." หลงอึกอัก เพราะเธอไม่รู้ว่าจะตอบเขาว่าอย่างไรดี ก็เธอทำน้องสาวของเขาเสียใจน่ะสิ จะให้เธอรับโอกาสจากเขาได้อย่างไรกัน
"ถ้าเหตุผลคือเรื่องที่คุณกับซอลเลิกกันแล้วน่ะ คุณไม่ต้องกังวลหรอก นั่นมันคือเรื่องของคุณ ส่วนนี่คือเรื่องของผมกับภรรยา มันไม่เกี่ยวกันอยู่แล้ว"
"แต่ว่า...ไม่ใช่เพราะพี่ซอลขอร้องให้พวกคุณอุปการะน้องเหรอคะ ตอนนี้เราเลิกกันแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องทำตามคำขอของพี่ซอลก็ได้ค่ะ และหลงคงรับโอกาสนี้จากพวกคุณไม่ได้จริง ๆ"
"คุณทิ้งโอกาสของตัวเองไปแล้ว ทำไมคุณยังจะทิ้งโอกาสของน้องสาวคุณอีก นี่คุณเป็นพี่ภาษาอะไร" สิ้นคำของเขา ทำเอาหลงถึงกับเจ็บแปลบ คำพูดนี้ทิ่มแทงหัวใจของเธอจนแทบกระอัก
"พี่มีคะ พี่ไปรอปราณอยู่ที่รถนะ เดี๋ยวปราณขอคุยกับคุณหลงเองค่ะ" คนเป็นภรรยารีบขัดจังหวะ เพราะกลัวว่าเขาจะใช้คำพูดรุนแรงมากกว่านี้
"ผมกับปราณอยากมีลูกมาก นี่คือทางออกเดียวที่เรามี ถ้าคุณไม่เห็นแก่พวกเรา คุณก็ควรเห็นแก่น้องสาวนะ"
"พี่มี ไปได้แล้วค่ะ"
"ครับ"
ดูเหมือนเขาจะรักและให้เกียรติภรรยามาก เพราะสาวสวยใช้ถ้อยคำที่สุภาพ ไม่ได้มีการใช้อารมณ์แต่อย่างใด แต่เขาก็รับฟังและเดินจากไปอย่างว่าง่าย หลงจึงผ่อนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เธอน่ะเก่งเรื่องสร้างปัญหาอยู่แล้ว การโดนต่อว่าหรือเข้าใจผิดมันเป็นเรื่องที่เธอพบเจอมาตลอดชีวิต เธอก็แค่ยอมรับกรรมกับสิ่งที่ตัวเองกระทำ และไม่อาจรับโอกาสจากครอบครัวคนที่เธอทำร้ายก็เท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาอย่างที่เขาว่าเลย
"คุณหลงกำลังกังวลเรื่องอะไรอยู่เหรอคะ"
"หลงก็แค่...ไม่กล้ารับโอกาสจากคุณมี ในขณะที่หลงทำให้น้องสาวของเขาเสียใจ การที่พวกคุณจะรับอุปการะน้องลูกจ๋า มันก็เพราะพี่ซอลขอร้องด้วย พอเราสองคนเลิกกันแล้ว หลงไม่รู้จะเอาหน้าที่ไหนมารับโอกาสนี้จริง ๆ ค่ะ หลงขอดูแลน้องเองดีกว่า"
"คุณหลงคะ มองให้กว้าง ๆ ค่ะ" 
"คะ?" หลงหันไปหาเธอด้วยสีหน้าฉงน แต่รอยยิ้มยังคงแต้มอยู่บนใบหน้าสาวสวยดังเดิม
"คุณจะมองแค่นั้นไม่ได้ค่ะ เพราะนี่คืออนาคตของเด็กคนหนึ่ง ลูกจ๋าควรได้รับสิ่งดี ๆ ในชีวิตนะคะ อ้อ...แล้วอีกอย่าง น้องซอลไม่ได้ขอร้องเราหรอกค่ะ แต่เราอยากมีลูกเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และฟ้าก็ทำให้เราพบทางออกด้วยการมาเจอเด็กคนหนึ่ง ที่ควรได้รับสิ่งดี ๆ ควรมีอนาคตที่สดใส นี่คือเหตุผลของเราค่ะ ส่วนเหตุผลของคุณ คุณก็มองแค่เบื้องหน้าและปัญหาที่คุณเจอ แต่โลกเรามันกว้างใหญ่ไพศาลมากค่ะคุณหลง เด็กคนหนึ่งไม่จำเป็นต้องเสียโอกาสเพียงพอคุณกับน้องซอลเลิกกันหรอกนะคะ อันนั้นมันปัญหาของคุณค่ะ ซึ่งเราคงไม่เข้าไปก้าวก่ายอยู่แล้ว"
หลงหลุบตาลงต่ำและก้มหน้าเงียบ สิ่งที่สาวสวยพูดมันก็ถูกทั้งหมด ทุกคนล้วนแล้วแต่มีเหตุผลเป็นของตัวเองกันทั้งนั้น และตอนนี้เธอรู้สึกว่าตนช่างเห็นแก่ตัวนักที่เกือบจะทำให้น้องสาวเสียโอกาสและสิ่งดี ๆ ที่ควรจะได้รับในชีวิตไป
"หลง...ไม่รู้ว่าควรจะจัดการอะไรก่อนดี หลงไม่รู้จริง ๆ ว่าควรจะทำยังไงต่อจากนี้ สิ่งที่หลงคิดและตัดสินใจดูเหมือนว่ามันจะผิดไปหมด หลงทำพลาดทุกอย่างเลย" หลงพูดทั้งที่ยังก้มหน้าอยู่ หญิงสาวจึงมองเธออยู่เงียบ ๆ และรอให้เธอระบายสิ่งที่เก็บไว้ในใจออกมาให้หมดเสียก่อน
"หลงควรจะทำยังไงดีคะ ฮึก ๆ พี่ซอลคงจะเกลียดหลงไปแล้ว หลงกลัวพี่ซอลจะพาลโกรธน้องลูกจ๋าไปด้วย ฮึก ๆ" หลงเริ่มร้องไห้เพราะไม่อาจปกปิดบาดแผลภายในหัวใจได้อีกต่อไปแล้ว
"น้องซอลไม่พาลโกรธลูกจ๋าหรอกค่ะ เธอเป็นคนมีเหตุผลในระดับหนึ่ง และเธอก็จะไม่มีวันเกลียดคุณด้วย แต่เธอก็คงจะสับสนน่ะค่ะ ว่าทำไมคุณถึงไม่ให้โอกาสเธอ เหมือนที่เธอให้โอกาสคุณ"
"หลงไม่คู่ควรกับพี่ซอลเลย ฮึก ๆ พี่ซอลมีพร้อมทุกอย่าง แต่ชีวิตหลงมันยุ่งเหยิงมากเลยค่ะคุณปราณ ไม่ว่าจะมองไปทางไหนมันก็มีแต่ปัญหา หลงเหมือนเด็กที่ไม่รู้จักโต แก้ปัญหาอะไรไม่ได้สักอย่าง  ฮึก ๆ"
"ปัญหาทุกอย่างมันมีทางออกนะคะ เพียงแค่คุณอาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อย"
"ใช่ค่ะ เพราะมันต้องใช้เวลา หลงเลยไม่อยากให้พี่ซอลมาลำบากด้วย หลงรักพี่ซอลมาก แต่หลงไม่รู้ว่าจะทำให้พี่ซอลมีความสุขได้ยังไง ในขณะที่ชีวิตหลงเองก็มีแต่ความมืดมน ไม่ใช่ว่าหลงไม่อยากให้โอกาสพี่ซอลค่ะ แต่หลงนี่แหละที่ไม่ควรได้รับโอกาส หลงไม่กล้าแม้แต่จะรั้งพี่ซอลเอาไว้ ฮึก ๆ พี่ซอลควรได้เจอคนดี ๆ คนที่คู่ควร ไม่ใช่เด็กมีปัญหาแบบหลง" เธอยกมือปาดน้ำตาและสะอึกสะอื้นราวกับเด็ก สาวสวยจึงค้นหากระดาษทิชชู่ในกระเป๋าถือของตนมายื่นให้กับเธอ
"ขอบคุณค่ะ ฮึก ๆ"
"เอาจริง ๆ นะคะคุณหลง บนโลกใบนี้ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบหรอกค่ะ แม้แต่น้องซอลเองก็ไม่ได้มีชีวิตที่สมบูรณ์แบบขนาดนั้น เท่าที่รู้จักมาน้องซอลเป็นคนที่ดื้อรั้นและเอาแต่ใจมากค่ะ แต่ตอนนี้น้องซอลกลับเอาแต่คิดเพื่อคนอื่น น้องซอลอยากมอบโอกาสให้กับลูกจ๋า น้องซอลอยากช่วยแก้ปัญหาที่ฉันกับพี่มีหาทางออกไม่เจอ ซึ่งน้องซอลไม่ได้ต้องการอะไรตอบแทนเลย กลับกัน...พอเป็นเรื่องตัวเอง น้องซอลก็ไม่ได้ขอความช่วยเหลือจากใคร แถมยังกล้าเปิดเผยเรื่องความรักของตัวเองกับคุณพ่อคุณแม่ด้วย น้องซอลกล้าเผชิญหน้ากับทุกอย่าง แต่ทำไมคุณถึงเอาแต่หนีปัญหาล่ะคะ"
"ฮึก ๆ ใช่ค่ะ...หลงเอาแต่หนีปัญหา ฮึก! เพราะหลง...ฮึก! เพราะหลงไม่คู่ควรกับพี่ซอล"
"เลิกบอกว่าไม่คู่ควรเถอะค่ะ อะไรคือคำว่าคู่ควรและไม่คู่ควรคะ ในเมื่อน้องซอลรักคุณ นั่นก็คือคำตอบทั้งหมดแล้วนะคะ ถ้าคุณยังดูถูกตัวเองแบบนี้ โลกของคุณมันก็จะมืดมนตามที่คุณมองตัวเองเลยค่ะ แต่ถ้าคุณพยายามมองหาทางออก และมองหาโอกาส คุณก็จะได้พบเจอแสงสว่างของทางออก ก่อนอื่นเลยคือคุณต้องสร้างกำลังใจให้ตัวเองก่อนค่ะ กล้าเผชิญกับปัญหา และค่อย ๆ แก้ไปทีละอย่าง แล้วมันจะค่อย ๆ ลดลงเอง พยายามมองปัญหาให้เหมือนเม็ดทรายนะคะ ถึงมันจะมากมายแต่มันก็เล็กนิดเดียว ที่ฉันกล้าพูดแบบนี้ก็เพราะฉันก็เคยหนีปัญหามาก่อนค่ะ มันมีแต่แย่กับแย่ แต่พอฉันกับพี่มีกล้าสารภาพกับคุณพ่อคุณแม่ตรง ๆ ท่านก็เข้าใจและเห็นใจเราด้วยซ้ำ และแน่นอนว่าท่านรอคอยที่จะได้เจอหน้าหลาน หรือน้องสาวของคุณด้วย เห็นไหมคะ...การหนีปัญหาไม่ใช่ทางออกที่ดีเลย" สาวสวยร่ายยาว แม้หลงจะยังร้องไห้สะอึกสะอื้นแต่เธอก็ตั้งใจฟังทุกประโยค 
"หลงอยากคืนดีกับพี่ซอลค่ะ แต่หลงรู้สึกว่าตอนนี้ตัวเองยังไม่โตพอที่จะรักใคร เพราะหลงไม่เคยรับความรักจากใครมาก่อน หลงยังเด็กเกินไปและคงประคับประคองความรักครั้งนี้ไม่ได้ ฮึก ๆ พี่ฟาบอกว่ามันคงไปไม่รอด หลงก็คิดแบบนั้นเหมือนกันค่ะ"
"ใช่ค่ะ ถ้าคืนดีกันตอนนี้ก็คงไปกันไม่รอดเหมือนเดิม เพราะคุณยังแบกปัญหาเอาไว้อยู่เลย คุณจะเอามือข้างไหนไปคว้าความรักที่น้องซอลหยิบยื่นให้ล่ะคะ"
"ค่ะ...หลงรู้ ฮึก! หลงรู้ค่ะ หลงทำให้ทุกอย่างพังแล้ว เรื่องน้องลูกจ๋า หลงจะเคารพการตัดสินใจของพวกคุณ แต่เรื่องหลงกับพี่ซอลมันคงกลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้อีกแล้ว"
"ได้สิคะ เพียงแต่ว่าไม่ใช่ตอนนี้ คุณต้องโตมากกว่านี้ โตที่ว่าฉันไม่ได้หมายถึงอายุนะคะ แต่เป็นความคิด" หลงเงยหน้ามองสาวสวยตรงหน้าทั้งน้ำตา ก่อนที่เธอจะรีบปาดน้ำตาออกไป
"หลงต้องทำยังไงคะ"
"อันดับแรกคือให้กำลังใจตัวเองให้เป็นก่อนนะคะ อย่าจมปรักกับปัญหาขนาดนั้น ออกมามองโลกให้กว้างขึ้นแล้วคุณจะเจอกับทางออกในทุก ๆ ปัญหาเลยค่ะ คุณต้องพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น มองหาข้อบกพร่องของตัวเองให้เจอแล้วก็อุดรูรั่วนั่นซะ แล้วคุณจะได้ความสุขมาเติมเต็มชีวิตเองค่ะ อาจจะไม่ใช่จากน้องซอล หรือใครคนใดคนหนึ่ง แต่มันคือความสุขจากตัวคุณเอง ลองไปคิดทบทวนดูดี ๆ นะคะคุณหลง ฉันเองก็บอกไม่ได้ว่าคุณควรอุดรูรั่วที่ตรงไหนบ้าง เพราะตัวคุณจะรู้ดีที่สุดค่ะ ฉันต้องกลับแล้วนะคะ ต้องไปทานข้าวกับคุณพ่อคุณแม่พี่มี ไว้พรุ่งนี้ฉันจะมาใหม่นะคะ"
"ข...ขอบคุณมากนะคะคุณปราณ" สาวสวยเพียงแค่ยิ้มตอบและยื่นห่อทิชชู่ให้หลงอีกครั้ง แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้เดินออกไป เธอก็ต้องหยุดชะงัก
"เดี๋ยวค่ะคุณปราณ!"
"คะ?" เธอเลิกคิ้วขึ้นด้วยความฉงน
"ที่คุณมีอยากให้หลงไปทำงานด้วยน่ะค่ะ คือเป็นงานแบบไหนเหรอคะ" สาวสวยยิ้มออกมาเล็กน้อย ดูเหมือนหลงจะคิดอะไรได้บ้างไม่มากก็น้อยจากสิ่งที่เธอพูดมาทั้งหมด
"เป็นผู้ช่วยงานวิจัยของเขาน่ะค่ะ"
"หลงจะมีโอกาสก้าวหน้าในงานนี้ไหมคะ"
"เอ๊ะ?"
"หลงอยากทำงานที่จะก้าวหน้าในหน้าที่การงานได้ในอนาคตค่ะ เผื่อว่าวันนั้น...หลงจะกลับมาหาพี่ซอลด้วยความภาคภูมิใจ" สาวสวยหลุดขำเล็กน้อย เพราะเธอไม่คิดว่าจะได้ผลตอบรับที่เกินคาดแบบนี้ หลงดูจะคิดอะไรหลาย ๆ อย่างได้แล้วจริง ๆ และมันก็เร็วเกินคาดเสียด้วย
"ก็ถ้าทำงานกับพี่มีอาจจะได้เงินเดือนเยอะกว่าที่เดิมนิดหน่อยค่ะ แต่ถ้าพูดถึงเรื่องความก้าวหน้า ก็คงจะยากหน่อย เพราะคุณหลงต้องไปสอบค่ะ หลังจากนี้ก็เก็บตัวอ่านหนังสือเยอะ ๆ อีกสักปีสองปีก็สมัครสอบแล้วก็รอเรียกบรรจุถ้าสอบผ่าน ฉันเชื่อว่าคุณทำได้แน่นอนค่ะ"
"ไม่ค่ะ หลงไม่มีเวลาขนาดนั้น หลงต้องการหนทางที่เร็วกว่านี้ จริงอยู่ค่ะที่หลงร่นระยะเวลาไม่ได้ แต่หลงอยากให้ผลลัพธ์ออกมาชัดเจนเร็วที่สุด"
"อ่า...ถ้างั้นก็...ลองสมัครเป็นพนักงานฝ่ายการตลาดที่บริษัทพี่โดหรือพี่ชายคนโตของสามีฉันดูนะคะ เขากำลังรับสมัครพนักงานค่ะ ถ้าคุณมีความสามารถมากพอ ดีไม่ดี คุณอาจจะได้เลื่อนตำแหน่งเร็วกว่าใครก็ได้ ฉันขอตัวก่อนนะคะ ใกล้ถึงเวลาอาหารเย็นแล้วค่ะ"
ก่อนที่สาวสววจะจากไป เธอรีบค้นหานามบัตรในกระเป๋ามายืนให้หลงด้วยรอยยิ้ม หลงจ้องมองนามบัตรในมือ บริษัทของพี่ชายอดีตคนรักคือบริษัทเฟอร์นิเจอร์อันดับต้น ๆ ที่ใครต่างก็รู้จัก ผู้ที่สามารถเข้าทำงานที่บริษัทแห่งนี้ได้ต่างก็ขึ้นชื่อว่าเก่งพอสมควร
จู่ ๆ หลงก็รู้สึกมองเห็นความหวังขึ้นมา ถึงแม้สองเส้นทางมันจะดูเป็นหนทางที่ยาวไกลไม่ได้ต่างกันมากนัก แต่หากเธอได้เป็นพนักงานฝ่ายการตลาดแล้วล่ะก็...เธอจะมีโอกาสพบปะผู้คนมากขึ้น เธอจะได้เรียนรู้การอยู่ร่วมกันในสังคม เธอจะได้เรียนรู้การปฏิสัมพันธ์ เธอจะได้เรียนรู้วิธีการแก้ปัญหา และอื่น ๆ อีกมากมายที่จะนำไปสู่การเติบโตเป็นผู้ใหญ่อย่างแท้จริง ที่เธอจะได้มีโอกาสกลับมาหาหญิงสาวที่เธอรักทั้งหัวใจด้วยความภาคภูมิใจอย่างที่ตนต้องการ
จนกว่าจะถึงวันนั้น...เธอคงโตพอที่จะประคับประคองความรักอีกครั้งแล้ว หรือหากจะต้องล้มอีกกี่ครั้งกว่าจะเติบโตพร้อมที่จะกลับมา เธอก็พร้อมที่จะเรียนรู้มันด้วยตัวเอง เพราะปลายทางของเธอคือหญิงสาวตัวเล็กที่ชื่อ 'ซอล' เท่านั้น...


เมื่อหลงเดินกลับมาที่ห้อง คนเป็นแม่ยังประจำอยู่ที่เตียงและดูละครที่ตนชื่นชอบอย่างเช่นทุกครั้ง แต่น้องสาวกลับหมดฤทธิ์ไปเพราะความเหนื่อยล้า เธอนอนขดตัวอยู่บนโซฟาและกอดตุ๊กตาหมีที่คนตัวเล็กเคยให้มา หลงจึงลูบศีรษะเธออย่างแผ่วเบา จนเธองัวเงียตื่นขึ้นมา
"พี่หลง พี่ซอลไม่มาหาหนูอีกเหรอคะ" หลงยิ้มพลางกับลูบศีรษะน้องสาวอยู่อย่างนั้น
"คงไม่ได้มาแล้วค่ะ ช่วงนี้พี่ซอลยุ่งมากเลย"
"เหรอ พี่ซอลคงคิดถึงพี่หลงแย่เลย"
"ทำไมล่ะ ไม่ใช่เราหรอกเหรอที่คิดถึงพี่ซอลน่ะ"
"พี่ซอลเอาแต่บ่นคิดถึงพี่หลง เฮ้อ...อะไรก็ไม่รู้ มาหาหนูแต่ถามหาแต่พี่หลง" เด็กน้อยว่าพลางกับทำหน้ามุ่ยจนหลงถึงกับหลุดขำพรืด 
"ฮ่า ๆ ก็เจอลูกจ๋าแล้วไง พี่ซอลก็ต้องถามถึงพี่สิ"
"พี่เนี่ยไม่รู้เรื่องเลย ทำไมต้องหายไปให้พี่ซอลคิดถึงด้วย ไม่น่ารักเลยนะรู้ตัวไหม" เด็กน้อยพูดด้วยท่าทีไร้เดียงสา หลงจึงได้แต่ทำหน้ายู่กลับไป
"ว้า...พี่หลงเนี่ยนิสัยไม่ดีเลยเนอะ ไปอาบน้ำด้วยกันไหม เดี๋ยวพี่หลงอาบให้"
"ไปค่ะ!! สระผมให้หนูด้วยนะ แม่ชอบนวดหัวให้หนูตอนสระผม! สบ๊ายสบาย..." 
หลงหันไปมองคนเป็นแม่ด้วยความเหลือเชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน ซึ่งเจ้าตัวยังคงนอนดูทีวีไม่ได้ยี่หระกับบทสนทนาของลูกสาวทั้งสองเสียด้วยซ้ำ หลงจึงจูงมือน้องสาวเข้าไปในห้องน้ำ และพยายามปล่อยผ่านสิ่งที่ได้ยินแม้เธอจะรู้สึกสับสนก็ตาม

ซ่า ~ ซ่า ~
สายน้ำจากฝักบัวช่วยชะล้างแชมพูบนผมของเด็กน้อยออกช้า ๆ พร้อมกับที่หลงใช้มืออีกข้างนวดที่ศีรษะของน้องสาวเบา ๆ จนเจ้าตัวถึงกับยืนนิ่ง
"พี่หลงนวดไม่ดีเลย แม่นวดดีกว่าตั้งเยอะ"
"พี่ขอโทษค่ะ พี่ไม่เคยนวดหัวให้ใครมาก่อนเลย ครั้งแรกเลยนะเนี่ยที่พี่สระผมให้คนอื่น"
"หัดไว้นะพี่หลง เผื่อพี่เอาไปสระให้พี่ซอล"
"ทำไมถึงพูดถึงแต่พี่ซอลล่ะ พี่หลงจะน้อยใจแล้วนะ"
"อ้าว! ก็พี่ซอลไม่อยู่ หนูก็ต้องพูดถึงแต่พี่ซอลสิ เหมือนที่พี่ซอลเอาแต่พูดถึงพี่ตอนที่พี่ไม่อยู่"
"โอเค ๆ ยอมแล้วจ้า" หลงตอบปนขำ แต่รอยยิ้มก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว ถ้าหากคนตัวเล็กไม่มาหาน้องสาวของเธออีกจะเป็นอย่างไรกันนะ ดูน้องสาวจะติดเธอเสียขนาดนั้น คงคิดถึงมากเป็นแน่
และใช่...เธอเองก็คิดถึงคนตัวเล็กเช่นกัน
"ลูกจ๋า ที่ผ่านมาแม่ดุหรือเปล่า"
"ไม่ค่อยดุค่ะ แม่ใจดีจะตาย"
"จริงเหรอ แม่เนี่ยนะใจดี"
"ช่าย...แต่แม่ไม่ค่อยว่างเล่นกับหนูเลย แม่เอาแต่ทำงานหาเงินเพราะอยากให้หนูได้เรียนโรงเรียนดี ๆ"
"โกหกปะเนี่ย!?"
"หนูพูดจริง ๆ นะ หนูไม่ได้โกหก แม่บอกว่าการโกหกเป็นสิ่งที่ไม่ดี" เด็กน้อยรีบค้าน
"ถ้าแม่ทำงานหาเงินเก่งขนาดนั้น ทำไมเงินถึงไม่พอใช้ล่ะ"
"หนูป่วยบ่อย แม่ก็เลยเอาเงินมาจ่ายค่ายาให้ ไม่ชอบเลยอะ ยาไม่เห็นจะอร่อยเลย ขมก็ขม ให้แม่เอาไปซื้อขนมยังอร่อยกว่าอีก"
"ไม่ได้นะ ป่วยก็ต้องกินยาน่ะถูกแล้ว จะกินแต่ขนมไม่ด..." หลงชะงักเล็กน้อย เพราะจู่ ๆ เธอก็เห็นภาพตัวเองในตัวน้องสาวเสียอย่างนั้น พี่น้องคู่นี้คงเกลียดการกินยาเข้าไส้ ช่างเหมือนกันไม่มีผิด
"แม่เคยพูดถึงพี่บ้างไหม" หลงรีบเปลี่ยนเรื่อง
"เคยสิ แม่ก็เหมือนพี่ซอลแหละ พูดถึงพี่หลงตลอด หนูอยากเจอพี่หลงมาตั้งนานแล้ว แต่แม่จะชอบบอกว่ากลัวจะทำให้พี่หลงลำบาก ก็เลยไม่พามาเจอสักที"
"เหรอ แม่พูดแบบนั้นเหรอ"
"ช่ายค่ะ"
"แล้วทำไมวันนั้นถึงพาลูกจ๋ามาหาพี่ล่ะ"
"แม่บอกว่ามันถึงเวลาที่พี่กับน้องต้องได้มาเจอกันแล้ว แล้วแม่ก็ให้หนูอยู่กับคุณป้าเพื่อรอพี่หลงกลับหอ ส่วนแม่จะไปหาซื้อขนมมาให้พี่"
เป็นไปได้ไหมนะ ว่าแม่จะคิดได้แล้ว แม่คงไม่ได้จงใจจะทิ้งให้น้องลูกจ๋าอยู่กับเราหรอกนะ...
ถึงแม้จะรู้ว่าเด็กไม่พูดโกหก แต่สิ่งที่ได้ยินก็ใช่ว่าหลงจะยอมรับได้เสียทีเดียวว่าแม่ของเธอจะกลับตัวกลับใจแล้ว ก็การแสดงออกระหว่างเธอกับคนเป็นแม่ราวกับมีกระแสไฟฟ้าปะทะกันทุกครั้งที่ได้พูดคุยกัน แถมคำพูดแต่ละครั้งก็ดูรุนแรงและเห็นแก่ประโยชน์ของตัวเองไม่เปลี่ยนแปลง มันช่างสวนทางกับคำพูดของน้องสาวเสียนี้กระไร...


ตกดึกคืนนั้นเอง หลงเอาแต่จับจ้องไปที่เตียงนอนเพื่อที่จะดูอาการของคนเป็นแม่ เพราะกลัวว่าจะรู้สึกตัวตื่นกลางดึกและปลุกน้องสาวให้มาดูแล ซึ่งมันก็เป็นอย่างที่เธอคิดจริง ๆ ร่างบนเตียงนอนค่อย ๆ พลิกตัวมาทางโซฟาช้า ๆ ก่อนจะใช้ดินสอสีที่ลูกสาวคนเล็กวางเอาไว้บนโต๊ะข้างกับหัวเตียงมาเคาะราวเหล็กที่กั้นขอบเตียง
กึก! กึก! กึก!
"ลูกจ๋า..." เสียงที่เอ่ยเรียกนั้นแผ่วเบาแต่ก็พอส่งเสียงมาถึงโซฟาได้
"แม่จะปลุกน้องทำไม หลงบอกแม่แล้วไม่ใช่เหรอว่ามีอะไรให้เรียกหลง" 
"อ๊ะ!" คนเป็นแม่สะดุ้งโหยง เพราะคิดว่าลูกสาวคนโตนั่งหลับอยู่ที่โซฟาอย่างในคืนก่อน แต่เจ้าตัวกำลังนั่งมองเธออยู่ต่างหาก หลงจึงประคองศีรษะน้องสาวที่กำลังหนุนขาเธออยู่ออก ก่อนจะก้าวไปหาคนเป็นแม่อย่างเบาเสียงที่สุด
"เป็นอะไรแม่ ก่อนนอนหลงปรับแอร์ให้แล้วนะ ไข้ขึ้นอีกเหรอ"
"เปล่า แม่หิวน้ำ" 
"อ๋อ...ขอโทษค่ะที่ลืมตั้งไว้ให้ใกล้ ๆ" หลงว่าพลางกับเดินไปคว้าเหยือกน้ำและแก้วน้ำที่ตั้งอยู่บนโต๊ะอีกมุมหนึ่งของห้อง เพราะกลัวว่าน้องสาวจะชนล้มตอนที่นั่งวาดรูปอยู่บนเตียงนั่นเอง
หลงรินน้ำใส่แก้ว และประคองศีรษะคนเป็นแม่ให้สามารถดื่มน้ำได้โดยที่ไม่ต้องปรับองศาส่วนหัวเตียงใหม่ แต่เจ้าตัวกลับจิบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
"ทำไมกินน้อยจังล่ะ ไหนบอกหิวน้ำไง กินแค่นี้เองเหรอ"
"กินเยอะมันก็จะปวดฉี่น่ะสิ"
"ปวดฉี่ก็เรียกหลงสิ แม่จะอดทำไม"
"ไม่อยากรบกวนแกไง"
"รบกวนก็รบกวนไปสิ ก็ตั้งใจมาดูแลไหม ขนาดตอนกลางวันหลงยังพาแม่ไปเข้าห้องน้ำได้เลย ทำไมตอนนี้จะพาไปไม่ได้"
"ก็มันเวลานอนไง ใครจะไปอยากรบกวนเวลานอนลูกล่ะ" 
"เฮ้อ...ทำไมแม่ดื้อจัง"
"แม่ไม่ได้ดื้อสักหน่อย ลำพังแกก็ไม่ได้ชอบแม่อยู่แล้วนี่ ใครจะกล้ารบกวนกันล่ะ"
"ใครบอกว่าหลงไม่ชอบแม่ ยังไงแม่ก็คือแม่ปะ"
"อ๋อเหรอ แล้วที่แกด่าแม่ บ่นแม่ทั้งวันมันคืออะไร"
"แล้วแม่เคยพูดดีกับหลงที่ไหนล่ะ ลองพูดคะขากับหลงเหมือนน้องลูกจ๋าดูสิ หลงจะพูดดี ๆ กับแม่บ้าง"
"ฝันไปเถอะ"
"หึ..."
จู่ ๆ ก็นึกขำ คำพูดและนิสัยของเธอก็ไม่ได้ต่างกับคนเป็นแม่เท่าไหร่นัก โดยเฉพาะเรื่องความปากแข็งและฟอร์มจัด เธอเหมือนกับแม่ไม่มีผิด แม้แต่คำที่ใช้พูดเพื่อหลีกเลี่ยงที่จะทำเรื่องน่าอายก็ยังเป็นคำเดียวกัน หรือตอนนี้แม่จะเปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ
"ขำอะไรหลง"
"ขำที่หลงปากแข็งเหมือนแม่"
"ฉันไม่ได้ปากแข็งนะ เวลาฉันต้องการอะไรฉันก็พูดตรง ๆ ตลอด"
"แล้วตอนนี้แม่ต้องการอะไรจากหลง แม่ลองพูดตรง ๆ หน่อยสิ"
"ต้องกาารให้แกไปไกล ๆ เพราะฉันเบื่อแกมาก" 
"เหรอ ให้โอกาสพูดอีกที"
"ทำไม!?"
หลงหลือบตามองต่ำลง ซึ่งมือข้างซ้ายของเธอที่กำลังถือแก้วอยู่ มีมือเย็น ๆ อีกข้างหนึ่งของคนเป็นแม่จับเอาไว้แน่น ราวกับว่ากลัวลูกสาวจะทิ้งให้เธอนอนเพียงลำพังอย่างไรอย่างนั้น ก่อนเจ้าตัวจะรีบปล่อยมืออย่างรวดเร็ว
"ได้ข่าวว่าคิดถึงหลงเหรอ"
"แกไปเอามาจากไหน"
"น้องลูกจ๋าบอก เด็กน่ะไม่โกหกหรอกนะแม่"
"ฝันไปเถอะ ใครจะไปคิดถึงแก"
"อ๋อเหรอ สงสัยต้องให้น้องลูกจ๋าอัดเสียงแม่ไว้แล้วแหละ อยากได้ยินจัง คำว่าแม่คิดถึงหลงเนี่ย" คนเป็นแม่นิ่งเงียบไปชั่วขณะ แต่เธอก็ยังอึกอักไม่ยอมพูดสิ่งที่อยู่ในใจว่าเธอคิดถึงลูกสาวคนนี้มากเพียงใด
"วันนั้นที่แม่เข้ามาเอาเงินกับหลง แม่เอาไปจ่ายค่ารักษาพยาบาลน้องลูกจ๋าเหรอ"
"แกไปเอามาจากไหน!?" 
"เลิกถามกลับแล้วก็ช่วยตอบคำถามหลงได้ไหมแม่ หลงอยากปรับความเข้าใจกับแม่นะ แต่ดูเหมือนแม่จะไม่ค่อยเปิดรับหลงเท่าไหร่เลย"
"ก็แกดูไม่ชอบฉัน ไม่สิ...แกเกลียดฉันมากไม่ใช่เหรอ ตั้งแต่ยายแกเสีย แกก็ไม่สนใจแม่อีกเลย"
"แม่ถามตัวเองก่อนเถอะ ว่าแม่รักลูกคนนี้บ้างไหม ทำไมถึงได้เอาแต่บอกว่าเก็บหลงมาเลี้ยง หลงโกรธแม่ก็จริง แต่หลงไม่ได้เกลียดแม่"
"ตอนนั้นฉันหน้ามืดตามัว เห็นดีเห็นงามกับพ่อแกนั่นแหละ ไอ้บ้านั่นมันมีอะไรดีวะ ฉันรักมันไปได้ยังไง มันทำให้ฉันเสียผู้เสียคน"
"ไม่ต้องไปโทษคนอื่นเลย"
"ก็ตอนนั้นฉันยังเด็ก ฉันคิดอะไรไม่ได้หรอกหลง"
"ตอนนี้แม่โตแล้วงั้นสิ"
"ไม่รู้ว่าโตหรือยัง แต่ฉันก็กล้าเผชิญหน้ากับแกในตอนนี้แล้วนะ ทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนฉันกลัวการเจอหน้าแกมาตลอด"
"ทำไมต้องกลัวด้วย"
"ที่ผ่านมาฉันเป็นแม่ที่น่าเคารพไหมล่ะ ฉันคิดว่าแกคงเกลียดฉันมาก กว่าจะรู้ตัวฉันก็สูญเสียทุกสิ่งไปแล้ว ทั้งแม่ ทั้งลูก ทั้งไอ้ผัวเฮงซวยนั่น ชีวิตฉันเหมือนไร้ที่พึ่ง ที่ฉันยังมีชีวิตรอดจนถึงตอนนี้ก็บุญแล้ว" หลงเงียบ ก่อนจะนำเก้าอี้มานั่งข้างเตียง จนคนเป็นแม่ถึงกับคิ้วขมวด
"อะไรของแกน่ะหลง ไม่หลับไม่นอนหรือไง"
"อยากคุยด้วยไง เห็นลูกจ๋าบอกว่าแม่คิดถึงหลงมาก ก็เลยจะยอมใจอ่อนให้แล้วกัน"
"เหอะ! แกก็คิดถึงฉันใช่ไหมล่ะ"
"ฝันไปเถอะ" คนเป็นแม่หน้ามุ่ย แต่ลูกสาวกลับหลุดขำพรืด
"หัวเราะอะไรนักหนาเหรอ"
"แค่รู้สึกว่าหลงก็มีอะไรเหมือนแม่เหมือนกันนะเนี่ย ปากแข็งเหมือนกันเลยอะ ว้าว...มหัศจรรย์"
"ไปไกล ๆ ไป ไสหัวไปนอนได้แล้ว"
"ก็แกล้ง ๆ พูดว่า ไปนอนพักผ่อนได้แล้ว มันดึกมากแล้วนะลูก แค่นี้พูดไม่ได้เหรอคะ"
"แกฝันอยู่หรือไง"
"ฮ่า ๆ คิดถึงก็บอก อย่ามาทำเป็นไล่ ถ้าหลงไปนอนจริง ๆ แม่เหงาน้า...ไม่มีใครให้คุยด้วยนะจะบอกให้"
"เหอะ! สบายหูจะตายชัก"
"โอเคค่ะ งั้นฝันดีนะแม่" เมื่อหลงยืนขึ้นทำทีจะเดินออกไป คนเป็นแม่ก็รีบคว้าเสื้อเธอเอาไว้ทันที
"เดี๋ยว! มาทำให้ฉันตื่นแล้วแกจะหนีฉันไปนอนได้ยังไง"
"พูดดี ๆ กับน้องหลงหน่อยสิคะ โธ่..."
"ชิ...อยู่คุยกับแม่ก่อน แม่นอนไม่หลับ" เธอพูดด้วยท่าทีกระฟัดกระเฟียด แต่หลงกลับเห็นรอยยิ้มจาง ๆ บนใบหน้าคนเป็นแม่ แม้จะเป็นเพียงเสี้ยววินาที แต่เธอก็รับรู้ได้ว่าแม่ของเธอก็พยายามปรับตัวเข้าหาเธอเช่นกัน
"แม่คิดถึงหลงไหม"
"ไม่อะ จ้างสิบล้านก็ไม่คิดถึง"
"ไม่คิดถึงหน่อยเหรอ สิบล้านเลยนะ"
"ก็บอกว่าไม่ไง!"
"อะ ๆ ยอมแล้ว แต่หลงคิดถึงแม่นะ" 
ใครกันจะไปคาดคิดว่าลูกสาวหน้าดุผู้นี้จะพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม ทำเอาคนเป็นแม่ถึงกับอ้าปากเหวอ 
"สมองกลับแน่ลูกฉัน"
"ไม่...หลงคิดถึงแม่จริง ๆ"
"ลมอะไรหอบให้แกคิดถึงแม่เนี่ยหลง"
"บอกแล้วไง ยังไงแม่ก็คือแม่ หลงไม่มีวันเกลียดแม่หรอก ถ้าแม่ปรับปรุงตัวใหม่ตอนนี้มันก็ยังไม่สายนะคะ หลงให้อภัยแม่ได้ แล้วแม่ล่ะ ให้อภัยหลงได้หรือเปล่า"
"ทำไมแม่ต้องให้อภัยแกด้วย ในเมื่อแกไม่เคยทำอะไรผิด จะมีก็แต่...ไม่เคยพูดดี ๆ กับแม่เลย"
"หลงขอโทษนะคะที่มาดูแลแม่เอาป่านนี้ หลังจากนี้หลงจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ หลงจะเผชิญหน้ากับทุกสิ่งทุกอย่าง หลงไม่อยากมีเรื่องอะไรติดค้างอีกแล้ว แม่ให้อภัยน้องหลงไหมในส่วนที่น้องหลงทำผิดพลาด"
"แม่ไม่เคยโกรธหลงเลย แม่ขอโทษนะหลง แม่อยากเป็นแรงผลักดันให้หลงนะ แต่แม่ก็ยังไม่โตพอที่จะรู้ว่าคนเป็นแม่ต้องทำยังไงบ้าง ถึงจะดีที่สุด แล้วถ้าจะให้แม่เปลี่ยนแบบปุบปับแม่ก็ทำไม่ได้ อะไรที่หลงว่าดี หรืออะไรที่หลงอยากให้แม่ทำก็บอกแล้วกัน แม่จะพยายาม"
"ไม่เป็นไรแม่ เราค่อย ๆ เรียนรู้มันไปด้วยกันก็ได้ เราเองต่างก็เด็กในเรื่องความสัมพันธ์กันทั้งคู่ น้องหลงก็จะพยายามเข้าหาแม่มากกว่าเดิมนะ แต่ว่าอาจจะต้องให้น้องลูกจ๋าช่วยเป็นตรงกลางให้ เพราะน้องหลงก็ไม่รู้ว่าทำแบบไหนแม่จะพอใจเหมือนกัน"
"อะไรที่แม่ทำไม่ดี หลงก็บอกแม่แล้วกัน อยากให้ปรับตรงไหนก็บอก เพราะแม่ก็ไม่รู้"
"งั้นหลังจากนี้เรามาคุยกันให้มาก ๆ นะคะ"
"อืม..." คนเป็นแม่ตอบด้วยรอยยิ้ม ซึ่งมันเป็นรอยยิ้มที่จริงใจที่สุดตั้งแต่หลงเคยพบเจอมา
"เรามากอดกันหน่อยไหม"
"ฝันไปเถอะ"
"อ้าวแม่!! ไหงงั้นล่ะ!!?"
"ฮ่า ๆ มันยังเร็วไป แม่ตั้งตัวไม่ทัน"
"ก็แค่กอดปะ"
"แน่จริงก็ให้แม่หอมแก้มแกด้วยสิหลง"
"ฝันไปเถอะ"
"แน่ะ!!!!"
"ฮ่า ๆ"
ห้องที่เคยอึมครึมราวกับถูกปกคลุมไปด้วยเมฆสีดำ ตอนนี้ถูกแทนที่ด้วยเสียงหัวเราะแห่งความสุขไปเสียแล้ว...แม้มันจะเป็นเพียงการพูดคุยกันเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ถึงกับเป็นการปรับความในใจกันถึงปัญหาเสียทีเดียว แต่มันก็ถือว่าเป็นการเริ่มต้นใหม่ที่ดีที่สุดที่หลงต้องการมากที่สุด
ถึงหนทางชีวิตของหลงจะอีกยาวไกลก็เถอะ แถมหลงยังรู้สึกว่ามันยังดูมืดบอดอยู่เลย แต่หลงก็จะก้าวเดินต่อไปให้มั่นคงที่สุดจนกว่าจะถึงวันนั้น...วันที่เป็นวันของเรานะพี่ซอล ช่วยรอวันที่หลงเติบโตมากกว่านี้ก่อนนะ แล้วหลงจะกลับมาอยู่ในอ้อมกอดของพี่อีกครั้ง...