เพียงกระซิบ

เพียงกระซิบ
ตอนที่ 21 คนธรรมดา

ทันทีที่หลงได้รู้ว่าชายดูมีภูมิฐานที่เธอได้ร่วมประลองฝีมือในการเล่นหมากรุกผู้นี้คือใคร จู่ ๆ หัวใจของเธอก็เต้นระรัวและรู้สึกหวาดหวั่นอย่างไม่ทราบสาเหตุ แม้จะคาดการณ์ล่วงหน้าแล้วว่าชายผู้นี้ต้องมีความเกี่ยวข้องกับหญิงสาวคนรักมาก่อนแล้วก็ตาม แต่ก็ใช่ว่าเธอจะเตรียมตัวเตรียมใจกับการเผชิญหน้าแบบกะทันหันเช่นนี้
เป็นเพราะหวาดกลัวกับการเผชิญหน้าครอบครัวคนรักของเธออย่างนั้นหรือ แต่มันก็ไม่ใช่เสียทีเดียว...หรืออาจจะเป็นเพราะเธอกำลังถูกทดสอบ... หลงไม่อาจเข้าใจความคิดที่กำลังประเดประดังเข้ามาในตอนนี้เสียด้วยซ้ำ
"อ...เอ่อ..." หลงชักมือออกจากกระดานหมากรุกและวางประสานกันที่หน้าตัก สีหน้าของเธอดูไม่สู้ดีนักจนหญิงสาวที่คาดว่าจะเป็นภรรยาของเขาจะสังเกตเห็น
"เป็นอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมถึงหน้าซีดแบบนั้น" เธอพูดพร้อมกับเอื้อมมือมา หลงจึงรีบลุกขึ้นพรวดออกจากเก้าอี้ ก่อนร่างของเธอจะพาเซถลาไปด้านหลัง โชคดีนักที่หญิงสาวคว้าที่แขนของเธอได้ทัน
"ค...คุณคะ!!"
"อา..." 
สีหน้าของหลงซีดราวกับไก่ต้ม สาวสวยจึงพยายามประคองให้เธอไปนั่งที่เก้าอี้หุ้มเบาะสีชมพูสดใสในโซนที่จัดเอาไว้สำหรับให้ลูกค้ามานั่งอ่านหนังสือในร้าน มือข้างหนึ่งของหลงกุมศีรษะของตัวเองเอาไว้ส่วนมืออีกข้างกำแน่น แต่สิ่งที่ผิดสังเกตคงจะเป็นมือเย็น ๆ และชุ่มไปด้วยเหงื่อที่สาวสวยสัมผัสได้
"ทำไมมือเหงื่อออกเยอะแบบนี้ล่ะคะ แถมยังเย็นเฉียบเลย" เธอถามด้วยความร้อนใจ
"สงสัยจะเครียดนะ" ชายผู้เป็นพี่ของซอลเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนกเล็กน้อย
"เห็นไหม ปราณบอกพี่แล้วว่าให้แนะนำตัวตั้งแต่แรก พี่เล่นมาแนะนำตัวตอนนี้น้องหลงเขาก็ตกใจสิ!" คนเป็นภรรยาใช้มือพัดให้กับหลงและก็ยังไม่วายหันไปดุสามีของตนเสียงแข็ง
"ม...ไม่เป็นไรหรอกค่ะ สงสัยใช้สมองเยอะไปหน่อยเลยรู้สึกหน้ามืดน่ะค่ะ ขอบคุณนะคะ"
กะแล้วเชียว...ว่าต้องเป็นใครสักคนที่เกี่ยวข้องกับพี่ซอลแน่ ๆ แต่ช่วงนี้รู้สึกว่าพี่ชายของพี่ซอลจะมาหาเราบ่อยไปนะ หรือทุกคนจะรู้อยู่แล้วว่าเรากับพี่ซอลคบกันอยู่ แต่ทุกคนรู้ได้ยังไง... หลงคิดในใจด้วยความหวาดหวั่น
"ว่าแต่น้องซอลไปไหนคะเนี่ย จนป่านนี้ยังไม่กลับเลย"
"เห็นคุณซอลบอกว่าจะกลับบ้านไปหาพี่สะใภ้นะคะ" 
สิ้นคำตอบของหลง ทั้งสองจึงขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะหันมามองหน้ากันด้วยสีหน้าฉงน แต่ยังไม่ทันที่จะได้ไขข้อข้องใจ ประตูหน้าร้านก็ส่งเสียงดังกรุ๊งกริ๊งจากกระดิ่งที่แขวนเอาไว้กับประตูปรากฏเป็นร่างหญิงสาวตัวเล็กผมสีบลอนด์ทองเดินเข้ามาในร้านด้วยสีหน้าบึ้งตึง ก่อนจะเบิกตาโพลงและรีบเดินเข้ามายังโซนสำหรับอ่านหนังสืออย่างรวดเร็ว
"หลงเป็นอะไรหรือเปล่า!?"
ประโยคแรกที่เธอพูดนั้นไม่ใช่คำทักทายพี่ชายและพี่สะใภ้แต่อย่างใด เธอรีบเข้ามาจับหมับที่ใบหน้าของหลงให้หันซ้ายหันขวาเพื่อสำรวจเพราะสีหน้าของเธอซีดกว่าปกติมาก จนคนเป็นพี่ต้องกระแอมไอเพื่อเรียกสติน้องสาว
"อะแฮ่ม!"
"ทำไมหน้าซีดแบบนี้ล่ะหลง ปวดท้องประจำเดือนเหรอ จะเป็นลมใช่ไหม วันนี้กลับไปพักกันเถอะ ไม่ต้องทำงานหรอก เรากลับมาแล้วเดี๋ยวเราดูแลเธอเอง"
"อะแฮ่ม!!"
เพราะคนตัวเล็กยังคงสนใจแต่เพียงคนรักของตน แม้คนเป็นพี่จะกระแอมไปถึงสองครั้งแล้วก็ตาม หลงจึงได้แต่ยิ้มเจื่อน ๆ กลับไป ก่อนจะสะกิดเธอให้หันไปมองด้านหลัง
"พี่ซอล...พี่ชายพี่มาหา"
"อ้าวพี่มี! พี่ปราณ มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ" 
"โอ้โห...นี่เห็นพี่เป็นแค่อากาศเหรอซอล พี่กับปราณยืนอยู่ตรงนี้ตั้งแต่แรกแล้วนะ" คนเป็นภรรยาแอบขำเล็กน้อยโดยไม่ได้มีปฏิกิริยาว่าจะโกรธเธอแต่อย่างใด
"ขอโทษค่ะ ซอลเห็นหลงหน้าซีดเลยมัวแต่ตกใจ พวกพี่มาทำอะไรกันคะเนี่ย"
"เรามีเรื่องจะคุยกับซอลน่ะ แต่โทรหาตอนเช้าแล้วไม่รับสาย ก็เลยคิดว่ามาที่ร้านก็คงเจอ" พี่สะใภ้ตอบ
"พอดีเลย ซอลก็มีเรื่องจะคุยกับพี่ ๆ เหมือนกัน ไปคุยกันในห้องทำงานซอลดีกว่าค่ะ"
"อืม" คนเป็นพี่ตอบ
"พี่มีพาพี่ปราณไปรอที่ห้องทำงานซอลเลยนะคะ เดี๋ยวซอลจะตามไป"
ทั้งสองพยักหน้าให้กับเธอ ก่อนจะเดินแยกออกไปก่อน ซอลจึงหันกลับมาให้ความสนใจคนรักอีกครั้งพร้อมกับประคองใบหน้าหันซ้ายหันขวาเพื่อสำรวจอาการดูรอบ ๆ ด้วยความเป็นห่วง
"เป็นลมเหรอ"
"เปล่าค่ะ หลงหน้ามืดนิดหน่อยแต่ตอนนี้โอเคแล้ว พี่ไปคุยกับพี่ชายพี่เถอะ"
"งั้นรอเราคุยกับพี่ชายก่อนนะ คุยเสร็จเดี๋ยวเราพากลับ"
"ไม่เป็นไรพี่ซอล หลงไม่อยากได้อภิสิทธิ์ พี่ ๆ ทุกคนก็ยังทำงานกันอยู่ จะให้หลงกลับเลยก็คงไม่ได้"
"ได้สิ ในเมื่อเราอนุญาตยังไงก็กลับได้"
"พี่ซอล...เดี๋ยวคนอื่นเขาก็ว่าพี่ให้ท้ายหลงจนเกินพอดีหรอก หลงไม่อยากให้ใครว่าพี่นะ แล้วตอนนี้หลงก็ไม่ได้เป็นอะไรด้วย" หลงทำเสียงดุ 
"ก็ได้ ๆ แต่ถ้าไม่ไหวก็ให้รีบบอกเรานะ ตกลงไหม"
"ตกลงค่ะ"
"ดีมากค่ะ" พูดจบ ซอลจึงก้มลงจูบที่หน้าผากของเธอไปหนึ่งทีทำเอาเจ้าตัวถึงกับดวงตาเบิกโพลงและหันไปมองรอบ ๆ ด้วยความตื่นตระหนก
"พ...พี่ซอล! ทำอะไรเนี่ย นี่มันในร้านนะ!"
"ก็ใช่น่ะสิ"
"รีบไปคุยกับพี่ชายพี่ได้แล้ว"
"โอเค ๆ ไปนะ" 
ก่อนจากไป คนตัวเล็กก็ยังไม่วายหยิกแก้มเธอหนึ่งทีจนหลงได้แต่ทำหน้ามุ่ย คนอะไร...ชอบทำตามใจตัวเองอยู่เรื่อย


"พี่มีกับพี่ปราณมีอะไรจะคุยกับซอลเหรอคะ" เมื่อซอลเอ่ยถาม คนเป็นพี่จึงแสดงสีหน้าจริงจังทันที ผิดกับก่อนหน้าราวกับเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ
"พี่มีข้อเสนอ" เขาไม่พูดพร่ำทำเพลง ไม่แม้แต่จะเกริ่นใด ๆ
"ข้อเสนออะไรคะ"
"พี่กับปราณจะไม่บอกความจริงกับพ่อเรื่องที่ซอลมีแฟนแล้ว และซอลก็ห้ามพูดเรื่องที่ปราณไม่สามารถมีลูกได้เด็ดขาด ซอลต้องเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ และพี่จะไม่มาก้าวก่ายชีวิตของซอลอีก"
"เรื่องซอลน่ะ พี่ไม่จำเป็นต้องปิดบังหรอก เพราะซอลบอกพ่อกับแม่ไปแล้ว" เขาและภรรยาถึงกับคิ้วขมวด
"พ่อกับแม่ว่ายังไงบ้าง"
"เรามีปากเสียงกันนิดหน่อย ก็คงต้องใช้เวลาค่ะ พ่อกับแม่เป็นยังไงพี่ก็น่าจะรู้ แต่ซอลก็ไม่ยอมแพ้หรอก ซอลมีสิทธิ์เลือกคู่ชีวิตเองไม่ใช่เหรอ"
"พี่รู้ว่าพ่อกับแม่เป็นยังไง เพราะเหตุผลนี้แหละที่พี่ต้องเก็บเรื่องที่ปราณมีลูกไม่ได้เป็นความลับ"
"ทำไมต้องเก็บเป็นความลับด้วยคะ มันก็ไม่ได้เสียหายอะไรนี่นา"
"เสียหายสิ เสียหายมากด้วย เพราะพี่โดประสบผลสำเร็จในชีวิตทุกอย่างจนสร้างมาตรฐานให้พ่อไปแล้ว ส่วนพี่เรก็มีลูกสาวที่น่ารักให้พ่อได้อุ้มถึงสามคน แต่พี่กลับยังไม่มีหลานให้อุ้มเลยสักคน พอจะมาทิ้งความหวังไปที่ลูกสาวทั้งสองก็ดันคบกับผู้หญิง ซอลคิดดูสิว่าพี่จะลำบากใจแค่ไหน พ่อกับแม่พูดกรอกหูปราณอยู่ทุกวัน ว่าอยากอุ้มหลานก่อนตาย ถ้าท่านรู้ว่าปราณมีลูกไม่ได้นะ ท่านคงช็อกมากแน่ ๆ" เขาพูดด้วยสีหน้าที่เป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด แต่คนเป็นภรรยาที่นั่งอยู่ข้าง ๆ กลับนั่งเงียบและควบคุมอารมณ์ได้เป็นอย่างดี
"ที่ผ่านมาพี่ต้องบอกพ่อกับแม่ว่าพี่ทำงานหนักจนไม่มีเวลา แต่ซอลเข้าใจไหมว่าบางทีได้ยินบ่อย ๆ มันก็อึดอัด ในเมื่อเรื่องของซอลพ่อกับแม่ก็รู้ไปแล้ว งั้นพี่ขอร้องได้ไหม ช่วยเก็บเรื่องปราณเป็นความลับที อย่าให้ท่านรู้"
"ทำไมพี่มีกับพี่ปราณไม่รับเด็กสักคนมาเลี้ยงไปเลยล่ะคะ จะได้ไม่ต้องรับฟังคำพูดกดดันจากพ่อกับแม่ด้วย พี่ทนคำพูดแบบนั้นตลอดไปไม่ได้หรอกนะ"
"พี่ก็เคยคิดเรื่องนี้นะซอล แต่ซอลคิดว่าท่านจะยอมเหรอ ไม่ยอมมีลูกสักที แต่อยู่ดี ๆ ก็ไปเอาเด็กที่ไหนมาเลี้ยงก็ไม่รู้"
"ไม่ลองก็ไม่รู้นี่นา มันต้องคุยกันนะคะ เรื่องของซอลก็เหมือนกัน ไม่ใช่ว่าพ่อแม่ไม่ไฟเขียวแล้วซอลจะปล่อยให้มันจบไปแบบนี้สักหน่อย ซอลจะคุยจนกว่าท่านจะยอมรับในตัวหลง ส่วนเรื่องของพี่มันก็มีทางออกนะ เช่น หาแม่มาอุ้มบุญให้ หรือรับเด็กสักคนมาเป็นลูกบุญธรรม หรือไม่ก็คิดหาทางออกอื่น ๆ ที่พี่กับพี่ปราณยินยอมร่วมกัน เรื่องต่าง ๆ มันแก้ไขได้ค่ะ แต่ก่อนอื่นคือพี่เองนั่นแหละที่ต้องเปิดใจหากจะดูแลเด็กสักคนที่ไม่ได้เกิดจากพี่ปราณ พี่ต้องไม่มีข้อแม้ในตัวเขา" 
ทั้งพี่ชายและคนเป็นภรรยาต่างหันมามองหน้ากันอย่างอัตโนมัติเมื่อซอลพูดจบ จากสีหน้าที่ดูเป็นกังวลก่อนหน้าก็เริ่มคลายลง ก่อนเขาจะถอนหายใจเฮือกใหญ่
"คุณว่ายังไงบ้างครับ" เขาเอ่ยถามภรรยาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
"ปราณอยากมีลูกค่ะพี่มี และปราณคิดว่าปราณสามารถดูแลใครสักคนได้ จากประสบการณ์ที่ช่วยพี่ป่านกับพี่นิดดูแลลูก"
"แล้วคุณโอเคกับวิธีที่ซอลพูดมาหรือเปล่า"
"ปราณโอเคค่ะ ปราณพร้อม"
"ถ้าคุณโอเค พี่ก็จะลองให้เพื่อนช่วยติดต่อหาเด็กสักคนดู"
"ถ้าซอลมีเด็กคนหนึ่งอยากแนะนำให้พี่ ๆ รู้จักล่ะคะ" เมื่อซอลเอ่ยขึ้น คนทั้งสองถึงกับหันขวับ
"ใครเหรอคะน้องซอล"
"วันก่อนซอลมีโอกาสได้ดูแลเด็กคนหนึ่ง เขาเป็นเด็กที่ฉลาดและน่ารักมากค่ะพี่ปราณ แต่ว่าพ่อของเขาเสียไปแล้ว และแม่ของเขาเพิ่งจะประสบอุบัติเหตุเมื่อวันก่อนนี่เอง เขาไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนแล้ว ซอลก็เลยมีความคิดหนึ่งผุดเข้ามาในหัวว่าอยากจะอุปการะเด็กคนนี้ อยากให้เขาได้มีโอกาสเหมือนเด็กคนอื่น ๆ แล้วถ้า...พี่มีกับพี่ปราณอยากมองหาเด็กสักคน ซอลคิดว่าทุกอย่างไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอนค่ะที่ซอลได้เจอกับเขา" ทั้งสองหันมามองหน้ากันอีกครั้ง ใบหน้าของเขาและเธอเริ่มมีรอยยิ้มเผยออกมาบ้างแล้ว ดูเหมือนเรื่องนี้จะยังไม่หมดหวัง เรียกได้ว่าเริ่มมองเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ก็คงจะถูกมากกว่า
"พี่มีคะ ปราณอยากรับอุปการะเด็กคนนี้"
"คุณแน่ใจแล้วใช่ไหม ถ้าคุณแน่ใจ พี่ก็พร้อมที่จะไปคุยกับแม่ของเขา"
"ปราณแน่ใจค่ะพี่มี" ซอลอมยิ้มพลางกับมองทั้งสองสลับไปมา
"วันนี้ซอลว่าจะเข้าไปเยี่ยมแม่น้องที่โรงพยาบาลพอดี สนใจไปด้วยกันไหมคะ"
"วันนี้เหรอ...อืม...พี่ยังไม่สะดวกน่ะ เอาไว้เรานัดกันวันหลังก็ได้"
"เอาแบบนั้นก็ได้ค่ะ แต่เดี๋ยวซอลจะพูดกับแม่น้องให้"
"ไม่เป็นไรค่ะน้องซอล พี่ขอเป็นคนจัดการเรื่องทั้งหมดด้วยตัวเองนะคะ พี่อยากเริ่มต้นเอง พี่อยากคุยกับแม่ของเขาด้วยตัวเอง" เธอพูดด้วยสายตาที่มุ่งมั่น ซอลจึงพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
"ได้ค่ะพี่ปราณ ขอบคุณพี่ปราณกับพี่มีมากนะคะที่รับฟังซอล เรามาช่วยกันหาทางออกไปด้วยกันนะคะ"
"พี่สิคะที่ต้องเป็นฝ่ายขอบคุณ เรากังวลกับเรื่องนี้มาโดยตลอด บางที...ทางออกมันก็ง่ายนิดเดียวเหมือนเส้นผมบังภูเขานะว่าไหม"
"คนเจอปัญหาก็มักจะมืดแปดด้านแบบนี้แหละค่ะ ซอลเข้าใจ ยังไงก็...ขอให้เรื่องทุกอย่างมันผ่านไปได้ด้วยดีนะคะ" 
"อ้อ! พี่มีอีกเรื่อง"
"อะไรคะพี่มี" 
"พี่อยากได้หลงไปทำงานด้วย ได้หรือเปล่า" สิ้นคำพูดของคนเป็นพี่ ทำเอาซอลถึงกับชะงัก
"เอ่อ...เรื่องนั้น มันก็ต้องแล้วแต่เจ้าตัวนะคะ แฮะ ๆ"
"ช่วยพูดหน่อยสิ ดูหลงติดซอลมากเลยนะ"
"ซอลเนี่ยแหละค่ะที่ติดหลงจนไม่อยากห่างกันเลย ไม่งั้นซอลไม่เข้ามาทำงานที่ร้านหรอก แต่ว่านะคะ ทำไมพี่มีถึงอยากให้หลงไปทำงานด้วยล่ะ" เขายิ้มก่อนจะโน้มตัวเข้ามาประสานมือกันที่บนโต๊ะ ท่าทีของเขาราวกับคนกำลังตื่นเต้นที่ได้ค้นพบสิ่งใหม่ ๆ อย่างไรอย่างนั้น
"พี่ชอบหลงมากเลย"
"เดี๋ยวนะคะพี่มี!!! นั่นแฟนซอล!!" น้องสาวถึงกับหน้าเหวอเมื่อได้ยินเช่นนั้น พี่สะใภ้จึงใช้มือป้องที่ปากแอบหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะรีบขยายความคำพูดของสามี เพราะกลัวว่าจะเข้าใจผิดไปกันใหญ่
"ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะน้องซอล พอดีว่าก่อนหน้านี้พี่มีเขาได้เล่นหมากรุกกับหลงน่ะ ซอลรู้ไหม ไม่เคยมีใครดักทางพี่มีได้ทุกทางแบบหลงมาก่อนเลย"
"ใช่ เอาจริง ๆ นะซอล ความจริงพี่จะแพ้ทุกตานั่นแหละ แต่อยู่ดี ๆ หลงก็เปิดทางให้พี่ชนะ แล้วซอลรู้ไหม ก่อนจะเปิดทางหลงเงยหน้ามามองพี่เหมือนกำลังอ่านใจพี่อยู่เลย แล้วเขาก็ค่อยเดินหมาก เหมือนตลอดเกมเขารู้ว่าพี่กำลังคิดอะไรอยู่ สงสัยพี่คิดดังเกินไปมั้งว่าอยากจะเอาชนะหลงให้ได้ เขาเลยเลือกที่จะยอมแพ้ทั้ง ๆ ที่ตัวเองมีสิทธิ์ชนะสูงขนาดนั้น" เมื่อได้ยินเช่นนั้น ซอลจึงอมยิ้มออกมาด้วยความภาคภูมิใจ
ก็ใช่น่ะสิ...หลงน่ะรู้หมดแหละว่าพี่คิดอะไรอยู่ คิกคิก...
"พี่ชอบนะ อะไรยอมได้ก็ยอม แบบนี้สิถึงจะร่วมงานกันได้"
"แหม...คำพูดแบบนี้เหมือนจะใช้แรงงานหลงจนปางตายเลย พี่กะจะควบคุมหลงถูกไหม"
"ไม่ใช่แบบนั้นซะหน่อย"
"งั้นซอลไม่มีทางให้หลงไปทำงานกับพี่แน่ ๆ อยู่กับซอลน่ะสบายที่สุดแล้ว ซอลจะไม่ให้หลงต้องเหนื่อยแม้แต่นิดเดียว"
"ถ้าจะทำแบบนั้นก็อย่าให้หลงมาทำงานดีกว่าไหม"
"ซอลก็ต้องการแบบนั้นนะ แต่หลงน่ะดื้อสุด ๆ หลงไม่มีวันยอมอยู่ให้ซอลเลี้ยงเฉย ๆ โดยที่ตัวเองไม่ได้ทำอะไร และก็ไม่ยอมให้ซอลใช้อภิสิทธิ์ความเป็นแฟนด้วย เนี่ย...เห็นไหม หลงดีขนาดนี้ยังไงซอลก็จะสู้จนกว่าพ่อกับแม่จะยอมรับในตัวหลง คนนี้แหละคู่ชีวิต!!" 
เมื่อได้เห็นสายตาอันมุ่งมั่นของน้องสาว ใครกันล่ะจะไม่ภูมิใจ ก็เพราะเขาดูแลประคบประหงมน้องสาวตัวเล็กมาตั้งแต่เกิด ที่ผ่านมาเธอเอาแต่ดื้อรั้น เอาแต่ใจตัวเอง เคยคิดถึงใครที่ไหนกันนอกจากตัวเอง แต่ตอนนี้เธอเปลี่ยนไปแล้ว อาจจะเพราะหลงก็เป็นได้ และเขายังสัมผัสได้อีกว่าน้องสาวของเขานั้นดูมีความสุขมากกว่าที่ผ่านมาเสียอีก เขาจึงผ่อนลมหายใจออกมาพลางกับอมยิ้ม
โตขึ้นเยอะแล้วนะซอล... เขาคิดในใจ
"งั้นพี่คงต้องขอตัวแล้วล่ะ พี่คงไม่ต้องห่วงเราแล้ว"
"ห่วงเรื่องอะไรกันคะ ซอลน่ะไม่มีเรื่องให้ห่วงหรอก อยู่กับหลงน่ะซอลมีความสุขจะตายไป"
"อืม พี่เห็นแล้ว"
"หวังว่าพี่โดจะไม่แอบมาทดสอบอะไรหลงอีกนะ วันก่อนพี่เรก็มา ดีนะไม่ยกมากันทั้งบ้าน"
"อ้าว พี่โดเขายังไม่เข้ามาเหรอ ก็พี่โดนั่นแหละที่บอกพี่เรื่องที่ซอลมีแฟน" 
"คะ!!!?" ซอลถึงกับดวงตาเบิกโพลงด้วยความตกใจ
"พี่โดเขารู้ก่อนเพื่อนเลยแหละค่ะว่าน้องซอลมีแฟนแล้ว เขาเลยให้พี่เรกับพี่มีเข้ามาดูว่าน้องสาวของเขามีความสุขดีไหม อยู่สบายหรือเปล่า แฟนของน้องซอลเป็นคนยังไง แต่ดูจากท่าทีแล้วก็คงวางใจได้ล่ะนะ เพราะน้องหลงเป็นเด็กดีจริง ๆ" พี่สะใภ้ตอบด้วยรอยยิ้ม
"งั้นก็หมายความว่า...ทุกคนรู้อยู่แล้วเหรอคะว่าซอลอยู่กับแฟน"
"อืม" คนเป็นพี่พยักหน้า
"แล้วพี่โดเป็นคนบอกพ่อกับแม่เหรอคะ ทำไมท่านถึงรู้" เขาส่ายศีรษะ
"ไม่นะ ตอนที่เราสามคนคุยกัน พ่อกับแม่ยังไม่รู้เรื่องนี้เลย"
"อ้าว!! แล้วใครเป็นคนบอกพ่อกับแม่คะเนี่ย!?"
"ฟาหรือเปล่า ได้ข่าวว่าเข้ามาหาที่ร้านบ่อยไม่ใช่เหรอ"
"ไม่ค่ะ พี่ฟาไม่บอกแน่ ๆ"
"ก็ไม่แน่นะ ฟาห่วงซอลจะตายไป"
"ไอ้ห่วงก็รู้ค่ะว่าห่วง แต่ถ้าซอลขอร้องไม่ให้บอกพ่อกับแม่ ยังไงพี่ฟาก็ไม่บอก"
"หรือพี่โดอาจจะบอกก็ได้ ซอลลองไปคุยกับพี่โดดูแล้วกัน"
"เฮ้อ...ช่างเถอะค่ะ จะใครบอกมันไม่สำคัญหรอก ซอลไม่ได้อยากปิดบังอยู่แล้ว และยังไงพ่อกับแม่ท่านก็รู้แล้วด้วย ก็ดีเหมือนกัน  ซอลจะได้ไม่ต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ" ซอลตอบด้วยรอยยิ้ม แต่ทว่า...
เป็นไปได้ยังไง...ทำไมพี่โดถึงรู้เรื่องนี้ล่ะ ต้องมีใครสักคนเอาไปบอกพี่โดแน่ ๆ แล้วจุดประสงค์ที่บอกคืออะไร...


ตกดึกคืนนั้นเอง...
ปุด ๆ ๆ ๆ กึก!
ถุงน้ำร้อนที่เริ่มขยายตัวจนหมีสีชมพูพองขึ้น ก่อนระบบไฟฟ้าจะตัดอัตโนมัติเมื่ออุณหภูมิได้ที่แล้ว หญิงสาวตัวเล็กจึงปลดปลั๊กไฟออกและแขวนสายไฟเอาไว้ให้เข้าที่ แล้วจึงเดินไปหย่อนก้นนั่งแหมะข้างฟูกนอนที่มีหญิงสาวอีกคนกำลังนอนอยู่
เธอใช้ถุงน้ำร้อนประคบที่ท้องให้ช้า ๆ ดูจากสีหน้าที่ซีดเผือดของหลงนั้นรับรู้ได้ทันทีว่าเจ้าตัวต้องทรมานมากเป็นแน่ ซอลจึงใช้มือข้างหนึ่งสัมผัสที่ใบหน้าของหลงอย่างแผ่วเบา ก่อนที่เจ้าตัวจะลืมตาขึ้นช้า ๆ
"ไหวไหมหลง ถ้าปวดท้องมากก็ไว้ไปเยี่ยมแม่น้องลูกจ๋าวันหลังก็ได้"
"หลงไม่อยากผิดคำพูดเลย หลงกลัวว่าน้องจะรอ"
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ดูแลตัวเองก่อนดีกว่านะเราว่า เราบอกให้เธอกลับตั้งแต่กลางวันก็ไม่ยอม เป็นยังไงล่ะ ดื้อดีนัก เกือบจะเป็นลมอยู่แล้ว"
"หลงไหว"
"ไม่ต้องมาอวดเก่งเลยนะ เรารู้ว่าตอนเป็นประจำเดือนมันทรมาน คือถ้าจะลาเราก็อนุญาตอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเธอหรือพี่จิ้งหรีด เพราะงั้นนะหลง...อย่าคิดว่าเราจะให้อภิสิทธิ์เธอเหนือคนอื่นเลยนะ เราเป็นห่วงเธอมากจริง ๆ" ซอลพูดพลางกับใช้นิ้วโป้งไล้ที่ใบหน้าของหลงช้า ๆ ก่อนจะก้มลงจูบที่หน้าผากอย่างแผ่วเบาจนเจ้าตัวหลับตาพริ้มรับสัมผัสที่อ่อนโยนนี้
"แล้วก็ห้ามไล่เรากลับนะวันนี้ เราไม่สนหรอกว่าเธอจะหงุดหงิดใส่เรา หรือจะดุเรายังไงก็ช่าง เราจะอยู่ดูแลเธอที่นี่ และนี่ก็ไม่ถือว่าเธอผิดคำพูดด้วย เพราะคืนนี้เรานอนที่หอเธอ"
"พี่นี่ดื้อเนอะ" หลงพูดพลางกับอมยิ้ม
"แล้วยังไง เธอจะไม่รักคนดื้อแบบเราเหรอ"
"รักก็เพราะดื้อนั่นแหละ"
ใครกันจะไปคาดคิดว่าคนหน้าดุจะบอกรักออกมาทั้งอย่างนั้น ทำเอาซอลถึงกับชะงัก ก่อนจะเม้มปากเอาไว้เพื่อปิดบังท่าทีเขินอายของตน แต่ใบหน้าของเธอที่ขึ้นสีเป็นสีแดงระเรื่อไปแล้ว ใครกันที่จะไม่รู้
"หึ...เขินเหรอ"
"เปล่าซะหน่อย ทำไมเราต้องเขินเธอด้วย"
"ก็พี่หน้าแดง"
"เราจับถุงน้ำร้อนประคบท้องให้เธออยู่ไง มันร้อนน่ะ หน้าเราก็เลยแดง"
"พี่ซอลเนี่ยโกหกไม่เนียนที่สุดเลยรู้ตัวไหม" หลงพูดพลางกับอมยิ้ม คนตัวเล็กจึงมองค้อนกลับไปก่อนจะเบือนหน้าหลบไปอีกทาง
"รู้ดีจังนะ..."
"แค่หลงบอกรักแค่นี้ทำไมต้องเขินด้วยล่ะคะ"
"ก็...เธอชอบดุเรานี่นา...เธอไม่ค่อยบอกรักเราเลย พอมันออกมาจากปากเธอบ้าง เราก็ต้องเขินอยู่แล้วไหมล่ะ"
"งั้นถ้าหลงบอกรักพี่บ่อย ๆ พอพี่ชิน หลงก็จะไม่ได้เห็นพี่หน้าแดงอีกแล้วน่ะสิ ถ้าเป็นแบบนั้นไม่เอาด้วยหรอก หลงอยากเห็นพี่หน้าแดง"
"ไม่ใจร้ายไปหน่อยเหรอคะน้องหลง พี่อยากได้ยินคำว่ารักจากปากน้องหลงนี่นา..." คนตัวเล็กทำหน้ายู่
"หลงแค่อยากรู้ว่าพี่ยังรู้สึกกับหลงอยู่ เพราะหลงไม่ได้ยินเสียงของพี่ มันเลยทำให้หลงกลัวว่าพี่จะไม่รู้สึกอะไรกับหลงแล้ว การที่พี่หน้าแดง มันคือสิ่งที่หลงสบายใจ" เมื่อได้ยินเช่นนั้น ซอลจึงนั่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะโน้มตัวลงนอนหนุนแขนและโอบกอดหลงเอาไว้
"หลง...ต่อให้เธอจะไม่ได้ยินเสียงความคิดเรา แต่เราอยากให้เธอฟังเสียงหัวใจของเรานะ แล้วเธอจะรู้...ว่าเราไม่มีวันที่จะไม่รักเธอ"
"เราไม่รู้อนาคตหรอกพี่ซอล วันหนึ่งพี่อาจจะเลิกรักหลงก็ได้"
"ไม่มีวันนั้นหรอก..."
ทั้งสองนอนสบตากันอยู่อย่างนั้น ก่อนที่ซอลจะโน้มตัวเข้าไปจุมพิตที่ริมฝีปากอย่างแผ่วเบา แต่หลงกลับไม่มีทีท่าว่าจะจูบตอบเธอแต่อย่างใด นอกจากนอนนิ่ง ๆ อยู่อย่างนั้นจนกระทั่งซอลผละริมฝีปากออก ทำให้ซอลได้เห็นแววตาของเธอคล้ายกับคนกำลังมีเรื่องกวนใจอยู่จนสังเกตเห็นได้
"เป็นอะไรหรือเปล่าหลง"
"เปล่านี่คะ" หลงยิ้ม แต่แววตาของเธอใช่ว่าจะยิ้มตามไปด้วย
"โกหก"
หลงยังคงเงียบ และหลุบตาลงต่ำเพื่อหลบสายตา แต่คนตัวเล็กหาได้ยอมไม่ เธอพลิกตัวลุกขึ้นคร่อมตัวของหลงเอาไว้พร้อมกับใช้แขนล็อกบริเวณศีรษะไม่ให้หันหน้าหนีได้ ซอลจ้องเข้าไปยังนัยน์ตาสีดำเขม็งราวกับจ้องจะจับผิดอย่างไรอย่างนั้น
"เป็นอะไร พูดออกมาเดี๋ยวนี้" เธอโน้มตัวใช้หน้าผากของตนแตะกับหน้าผากของหลงเอาไว้ จนเจ้าตัวพยายามที่จะเบือนหน้าหนี แต่เพราะโดนล็อกเอาไว้เช่นนี้ ทำให้เธอทำได้เพียงหลับตาเสียสนิท
"พี่...จะสิงหลงเหรอ ลงไปเลยนะ หลงปวดท้องอยู่"
"เราไม่ได้ทับท้องเธอซะหน่อย บอกมานะ มีเรื่องอะไรกวนใจอยู่ ไม่งั้นเราจะสิงเธอจริง ๆ ด้วย"
"พี่น่ากลัวกว่าผีอีก"
"หลง!!!" หลงสะดุ้งโหยง
"จะบอกหรือไม่บอก!!?"
"ไม่มีอะไรจริง ๆ"
"ไม่เชื่อหรอก แววตาเธอมันฟ้องว่าเธอมีเรื่องอะไรในใจ เรารู้สึกได้"
"คิดมากน่า..."
"คิดมากสิ เพราะเรารักเธอนะ!!"
หลงถึงกับถอนหายในเฮือก ก่อนจะลืมตาขึ้นในที่สุด แต่เธอยังคงนอนนิ่งและสบตากับคนตัวเล็กอยู่อย่างนั้นจนเจ้าตัวลงจากตัวเธอแต่โดยดี
"เรื่องที่กวนใจเธออยู่ เรารู้ไม่ได้เหรอ"
"ไม่ใช่ว่ารู้ไม่ได้ค่ะ แต่ว่า...หลงไม่รู้ว่าถ้าหลงพูดออกไป พี่จะรับได้หรือเปล่า"
"พูดมาก่อนสิ เราพร้อมที่จะรับฟังเธอนะ"
หลงเงียบ ก่อนจะลุกขึ้นมานั่งเอนพิงผนังห้องนอนเอาไว้ แม้เดิมทีเธอจะมีใบหน้าดุดัน แต่ช่วงเวลาที่เธอมีเรื่องอะไรในใจนั้น ช่างน่าสงสารจับใจ ซอลจึงเขยิบไปนั่งเคียงข้างกับเธอและโน้มศีรษะซบที่ไหล่เอาไว้
"พูดมาเลย เราพร้อมรับฟัง"
"หลง...ไม่ได้ยินเสียงความคิดของใครแล้วนะ"
"ฮะ!!!?" สิ้นคำของหลง ทำเอาซอลถึงกับหันขวับด้วยความตกใจ
"หลงไม่ได้ยินเสียงความคิดของใครแล้วนะ" เธอทวนคำพูดอีกครั้ง
"ม...หมายความว่ายังไง ตั้งแต่เมื่อไหร่"
"ตั้งแต่คืนนั้น...วันที่เราคบกัน"
"อะไรนะ!!? แล้วทำไมเธอเพิ่งมาบอกเราล่ะหลง!?"
"หลงเองก็ตกใจค่ะ ที่วันนั้นคุณจีนมาหาแล้วเราจับมือกัน แต่หลงกลับไม่ได้ยินเสียงความคิดของคุณจีนเลย มันทำให้หลงตกใจมาก และคิดว่ามันอาจจะเป็นเหมือนพี่ก็ได้ แต่พอได้สัมผัสตัวพี่จิ้งหรีด พี่ฮัค หรือแม้แต่น้องลูกจ๋า หลงก็ไม่ได้ยินเสียงความคิดใครทั้งนั้น"
ซอลอ้าปากพะงาบเพราะเรื่องที่ได้ยินมันยากเกินกว่าที่จะยอมรับให้เชื่อได้ในทันที สีหน้าของเธอดูตกใจจนความกังวลประเดประดังเข้าใส่หลงอีกครั้ง
"งั้นก็หมายความว่า ตั้งแต่คืนนั้นเธอไม่ได้ยินเสียงของใครแล้วงั้นเหรอ"
"ค่ะ"
"มันเพราะอะไรกันนะ..." ซอลทำหน้าครุ่นคิด
"หลงก็ไม่รู้ค่ะ หลงไม่อยากจะเชื่อเหมือนกัน ได้ยินเสียงความคิดของคนอื่นมาทั้งชีวิต จู่ ๆ โลกก็มืดดับไปเหลือแต่ความเงียบ มันทำให้หลงเครียดและเป็นกังวลมาตลอด ฮึก...หลงขอโทษนะพี่ซอล ฮึก ๆ หลงไม่สามารถไปฟังเสียงความคิดของครอบครัวพี่ได้อีกแล้ว ฮึก! หลงไม่รู้เลยว่าทุกคนคิดยังไงกับเราสองคน หลงไม่รู้ว่าพี่ชายพี่จะมา ฮือ ๆ หลงไม่รู้ หลงไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย ฮือ ๆ"
อาจเพราะเป็นความอ่อนไหวในช่วงประจำเดือนก็เป็นได้ ทำให้เธอโผเข้ากอดคนรักและปล่อยโฮออกมาราวกับเด็ก ซอลจึงได้แต่ลูบศีรษะเธอช้า ๆ เพื่อปลอบประโลม ที่ผ่านมาหลงคงจะแบกรับความกังวลใจนี้แต่เพียงผู้เดียวมาตลอด ถึงได้ระเบิดน้ำตาออกมาได้ถึงเพียงนี้
"หลงขอโทษ ฮือ ๆ"
"เธอจะขอโทษเราทำไม เธอไม่ได้ทำอะไรผิดนะหลง"
"ฮึก ๆ พี่ฝากความหวังไว้ที่หลงมาก หลงรู้สึกผิดที่ทำอะไรไม่ได้แล้ว ฮือ ๆ หลงกลัว...หลงกลัวว่าเรื่องของเรามันจะจบแค่นี้"
"เธอไม่ได้ยินเสียงความคิดของคนอื่นแล้วยังไง? เราไม่ได้รักเธอเพราะเรื่องนี้นะ ต่อให้เธอจะไม่มีพลังวิเศษ เธอก็เป็นคนพิเศษสำหรับเราอยู่ดี" หลงผละออกทั้งน้ำตา มือน้อย ๆ ข้างหนึ่งจึงเช็ดน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน
"หลงเป็นแค่คนธรรมดา ฮึก ๆ"
"แต่เรารักคนธรรมดาคนนี้มาก และคนธรรมดาคนนี้แหละที่ทำให้เรามีความสุขในทุก ๆ วัน เท่านี้มันเพียงพอไหมคะ..." เธอถามด้วยรอยยิ้ม หลงจึงพยักหน้าช้า ๆ
"ที่ผ่านมากังวลกับเรื่องนี้มาตลอดเลยเหรอ" หลงพยักหน้าอีกครั้ง
"ต่อไปอย่าแบกอะไรไว้คนเดียวอีกเข้าใจไหม มีอะไรก็บอกเรา เราพร้อมที่จะรับฟังเธอเสมอไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม เราสองคนเป็นแฟนกันนะ"
"หลงขอโทษค่ะพี่ซอล หลงแค่อยากพยายามดูอีกครั้ง แต่ไม่ว่าจะทำยังไง หลงก็ไม่ได้ยินเสียงใครเลย ฮึก ๆ"
"ไม่เป็นไรนะ ดีซะอีกที่เธอไม่ต้องได้ยินเสียงความคิดลบ ๆ จากใครอีก ต่อไปนี้ฟังแค่เสียงเราบอกรักก็พอ ดีไหม" หลงพยักหน้าด้วยรอยยิ้มทั้งน้ำตา
"โธ่เอ๊ย...น้องหลงของพี่ซอล นี่อย่าบอกนะที่ผ่านที่แผนของเรามันไม่ราบรื่นสักทีเพราะเธอมัวแต่ไปกังวลเรื่องนี้น่ะ"
"เปล่าซะหน่อย ที่ผ่านมาหลงตื่นเต้นจริง ๆ"
"ทำอย่างกับไม่เคย" เมื่อถูกแฟนสาวพูดแหย่ หลงจึงได้แต่ทำหน้ามุ่ย ก่อนจะเอนหลังพิงผนังห้องอีกครั้ง และครั้งนี้เธอเป็นฝ่ายโน้มศีรษะไปซบไหล่อีกคนบ้าง
น้ำตาสามารถแห้งเหือดไปได้ในเวลาเพียงไม่นาน ตอนนี้หลงราวกับถูกโอบอุ้มด้วยความรักที่แสนอบอุ่นที่เธอโหยหาและเฝ้ารอคอยมาทั้งชีวิต ในที่สุดก็พบเจอเสียที...คนที่รักเธอแม้เธอจะเป็นเพียงแค่ 'คนธรรมดา' คนหนึ่ง 
ใครล่ะจะไปคาดคิด....ว่าชีวิตหนึ่งของเธอจะถูกปลดปล่อยจากห้องขังที่มืดมิด...เงียบงัน...และโดดเดี่ยว คนตัวเล็กเสมือนแสงแดดอันอบอุ่นที่สาดส่องเข้ามาให้เธอได้พานพบกับความสุขอีกครั้ง เธอไม่ต้องอยู่แบบโดดเดี่ยวอีกต่อไปแล้ว ห้องสี่เหลี่ยมที่เดิมทีเคยเงียบงันถูกแทนที่ด้วยเสียงหวานของคนที่เป็นดั่งดวงใจ ใบหน้าที่เคยเศร้าหมอง ถูกแต่งแต้มด้วยรอยยิ้ม พี่ซอลนั้นราวกับนางฟ้าที่มามอบแสงสว่างให้กับเธอ และแน่นอนว่า...ชีวิตของเธอหลังจากนี้ไม่มีวันมืดดับลงอีกแล้ว
รักเหลือเกิน...พี่ซอล...
"ขอบคุณนะคะพี่ซอล ที่รักคนธรรมดาอย่างหลง"
"เธอเป็นคนพิเศษของเรา จำคำนี้ไว้"
"ทั้ง ๆ ที่หลงไม่มีอะไรเลย ทำไมถึงทำให้พี่รักหลงได้"
"คนมันจะรักต้องมีเหตุผลด้วยเหรอ" เธอพูดพลางกับลูบศีรษะอีกคน ก่อนที่หลงจะคว้ามือของเธอและกุมเอาไว้
"เราลองมา...ทบทวนเรื่องของเรากันไหม"
"ทบทวนเรื่องอะไรเหรอ"
"เรื่องที่พี่ต้องการมันมาตลอด"
"เรื่องที่เราต้องการมาตลอด? เรื่องไหนล่ะ หลายเรื่องเลยนะ" 
เมื่อซอลหันหน้ามาพร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม หลงกลับไม่ตอบอะไรและผละตัวออกจากไหล่เสียดื้อ ๆ สีหน้าของเธอคล้ายคนมีเรื่องกวนใจอีกครั้ง จนซอลถึงกับคิ้วขมวด เพิ่งจะสบายใจไปเปราะหนึ่ง มีเรื่องอะไรในใจอีกแล้วอย่างนั้นหรือ
"หลง เธอคิดอะไรอยู่"
"ที่ผ่านมาพี่คิดอะไร หลงก็คิดแบบพี่นั่นแหละ"
"หือ?...อะไร เราคิดอะไร?"
พี่ซอลก็เป็นเสียแบบนี้...
"พี่นี่บื้อเนอะ ไม่เคยรู้ใจหลงเลย"
"อ้าวหลง ทำไมเธอดุเราอีกแล้ว!?"
"เฮ้อ..." หลงถอนหายใจเฮือก ก่อนจะเอนพิงผนังอย่างคนสิ้นหวัง คงต้องจำนนต่อโชคชะตาสินะ...
"มีอะไร ทำไมไม่พูดออกมาตรง ๆ ล่ะ"
"พี่บื้อ..."
"หลง!!!"
"หลงอยากทำอะไรบางอย่างกับพี่"
"ก็ทำสิ!" คนตัวเล็กยังคงไม่เข้าใจสิ่งที่หลงกำลังจะสื่อสารกับเธอเสียด้วยซ้ำ
"งั้นครั้งนี้พี่เป็นคนไปปิดไฟนะ"
"ทำไม? ทำไมต้องปิดไฟด้วย จะนอนแล้วเหรอ เพิ่งสองทุ่มเองนะ"
หลงพ่นลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่อีกครั้ง ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนกอดอกด้วยใบหน้าดุดัน จนคนตัวเล็กได้แต่เกาศีรษะแกรก ๆ และโน้มตัวโอบกอดเธอช้า ๆ
"เป็นอะไรคะ"
"ช่างเถอะ หลงปวดท้อง ขอโทษที่หงุดหงิดใส่นะ"
"ไม่เป็นไร เราไม่ได้โกรธเธอซะหน่อย แล้วไอ้ทำอะไรบางอย่างที่ว่า...เธอหมายถึงอะไรอะ"
"ไปปิดไฟก่อน เดี๋ยวก็รู้เอง"
"ต้องปิดไฟด้วยเหรอ"
"หรือพี่จะเปิดไฟ? ได้นะ หลงไม่ติด หลงจะได้มองเห็นหน้าพี่ได้แบบชัด ๆ"
"อืม งั้นเปิดไฟนี่แหละ เราก็อยากเห็นหน้าเธอเหมือนกัน"
"พี่พูดแล้วนะ...ห้ามเปลี่ยนใจแล้วนะ"
"อื้อ ไม่เปลี่ยนใจ"
"งั้นหลงก็ตกลงค่ะ..."