'510'
'วารุณี ถิ่นถลุง'
หมายเลขตัวสีเงินตัดกับประตูสีขาวดูสะอาดสะอ้าน พร้อมกับป้ายชื่อผู้ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลแห่งนี้ หลงเอาแต่จ้องมองตัวเลขแบบไม่ละสายตา แต่ในใจของเธอนั้นกลับว่างเปล่า ไร้ซึ่งความคิดใด ๆ มันดูเป็นสีขาวโพลน ไม่รู้แม้กระทั่งว่าควรที่จะรู้สึกอย่างไร หรือจะกล่าวทักทายคนเป็นแม่อย่างไรดี
ก็เพราะเธอไม่มีความผูกพันกับแม่เลยน่ะสิ เรียกได้ว่าไม่ลงรอยกันเลยก็ว่าได้
วันนี้เราจะไม่หนีปัญหาอีกแล้ว... หลงคิดในใจ และผ่อนลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง ก่อนจะเอื้อมมือเคาะประตูด้วยความประหม่า
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
ยังไม่ทันที่หลงจะได้ผลักประตูเข้าไปเสียด้วยซ้ำ บานประตูสีขาวก็ถูกดึงพรวดจากด้านในปรากฏให้เห็นร่างเด็กผู้หญิงที่ดูยิ้มแย้มแจ่มใสสมวัย แต่ทว่ารอยยิ้มก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เธอจะรีบวิ่งหนีไปหลบที่หลังหญิงวัยกลางคนด้วยความตื่นตระหนก 
ใจของหญิงสาวหล่นฮวบราวกับถูกผลักให้ตกเหว อาจจะเป็นเพราะวันก่อนที่เธอตกใจกับการได้เห็นหน้าคนเป็นแม่แบบไม่ทันได้ตั้งตัว ทำให้เธอเผลอเหวี่ยงแขนและสะบัดไปโดนน้องสาวโดยไม่ได้ตั้งใจ ภาพเหตุการณ์ในวันนั้นฉายซ้ำอีกครั้ง หลงจึงเข้าใจปฏิกิริยาของน้องสาวที่ได้เห็นเธอและมีอาการตื่นตระหนกเช่นนั่น
หลงเหลือบมองร่างที่นั่งมองมาทางเธอจากบนเตียงด้วยสายตาที่เรียบเฉย หัวใจของเธอก็เริ่มเต้นแรงขึ้นอย่างอัตโนมัติ ทั้งประหม่า ทั้งสับสน ทั้งหวาดกลัว แต่เธอจะไม่หนีปัญหาอีกต่อไปแล้ว อันดับแรกเลยคือการต้องให้น้องสาวรู้สึกปลอดภัยกับเธอเสียก่อน หลงจึงก้าวเช้าไปในห้องช้า ๆ ก่อนจะย่อตัวลงและกางแขนอ้ารับ
"ลูกจ๋า มานี่มา มาให้พี่หลงกอดหน่อยเร็ว"
"ไม่เอา!" เด็กน้อยยังมีท่าทีหวาดกลัวและหลบอยู่ข้างหลังหญิงวัยกลางคนเสียจนหลงเริ่มหวั่นใจ
"ลูกจ๋าไปหาพี่หลงสิลูก"
"ไม่เอา"
"ปะ เดี๋ยวพี่จะพาไปกินบะหมี่เกี๊ยว"
"ไม่เอา วันนี้พี่ซอลพาหนูไปกินมาแล้ว" หลงถึงกับชะงักเมื่อได้ยินเช่นนั้น
ก็เธอเล่นตามหาหญิงสาวผมบลอนด์เสียจนหมดแรงแต่กลับไร้วี่แวว ที่แท้ก็มาอยู่กับน้องสาวเธอนั่นเอง
"ไหน อยากกินอะไร พี่หลงจะพาไปกิน แต่ต้องให้พี่หลงกอดก่อนนะ"
"ไม่เอา ไม่กอดพี่หลงแล้ว หนูไม่รักพี่หลงแล้ว" เด็กน้อยกอดคุณป้าเจ้าของหอพักแน่น แต่หญิงสาวไม่ได้ยอมแพ้แต่อย่างใด หลงจึงฉีกยิ้มออกมาช้า ๆ
"แต่พี่หลงรักน้องลูกจ๋านะ"
"กรี๊ด!!! คุณป้า!! หนูกลัวพี่หลง!!" ทันทีที่หลงฉีกยิ้ม เด็กน้อยก็หวีดร้องลั่นและซบหลังคุณป้าด้วยความหวาดกลัวทำเอาหลงถึงกับชะงักและเกาศีรษะอย่างมึนงง
ไหนพี่ซอลบอกว่าเรายิ้มแล้วสวยจนกระชากใจไง พี่ซอลคงอวยเราแบบผิดมนุษย์มนาสินะ...
"ลูกจ๋า!! หยุดร้องเดี๋ยวนี้นะ! ถ้าจะเสียงดังแบบนี้ออกไปข้างนอกเลย แม่หนวกหู!!" 
หลงหันขวับไปมองคนเป็นแม่ที่ใช้น้ำเสียงและคำพูดได้ไม่เหมาะสมเลยสักนิด แต่ถึงกระนั้นเด็กน้อยก็สงบเสงี่ยมท่าทีลงทันทีราวกับสัตว์ตัวน้อยเวลาเชื่อง ๆ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ดีเลย หลงรู้ดีว่าน้องสาวของเธอกำลังหวาดกลัว เธอจึงล้วงเอาห่อขนมในกระเป๋าเป้มายื่นให้น้องสาว
"ไหนคนเก่ง อยากกินขนมไหมคะ พี่ซื้อขนมมาฝากด้วยนะ"
"พี่หลงจะตีหนูไหม"
"ไม่ตีค่ะ ไม่แน่นอน มาให้กอดหน่อยเร็วคนเก่ง เดี๋ยวพี่จะให้ขนมด้วย แต่กินเสร็จแล้วต้องแปรงฟันให้สะอาด โอเคไหม" หลงว่าพลางกับชูมือขึ้นเป็นสัญลักษณ์โอเค น้องสาวของเธอจึงผงกศีรษะด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะโผเข้ามากอดเธอแน่น
"เก่งมากเลย อะนี่ของรางวัล คนเก่งของพี่รับไปเล้ย!!"
"เย่!! ขอบคุณค่ะพี่หลง" 
หลงยิ้มอย่างนึกเอ็นดูเมื่อได้เห็นน้องสาวไหว้ขอบคุณด้วยการถอนสายบัวก่อนจะรับห่อขนมไป คงจะถูกคุณครูสอนมาดีเป็นแน่ หลงจึงลูบศีรษะเจ้าตัวอีกครั้ง
"ครูเดือนฝากความคิดถึงมาให้ด้วยนะ"
"ไหนคะ!?" เด็กน้อยถามเสียงใส
"อ้อมกอดเมื่อกี้ไง ครูเดือนฝากมาให้"
"หนูคิดถึงครูเดือนจัง หนูฝากความคิดถึงไปหาครูเดือนด้วยได้ไหมคะ"
"ได้สิ จะฝากอะไรให้ครูเดือนคะ" สิ้นคำถาม เด็กน้อยก็ใช้แขนคล้องคอเธอเอาไว้ ก่อนจะหอมแก้มเธอไปฟอดใหญ่ ทำเอาหลงและหญิงวัยกลางคนที่นั่งดูเหตุการณ์อยู่ได้แต่อมยิ้มด้วยความเอ็นดู
"หอมฟอดใหญ่เลยนะ เมื่อกี้ยังกลัวพี่หลงอยู่เลย" หญิงวัยกลางคนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
"ฮ่า ๆ หลงจะขอรบกวนป้าพาน้องไปเดินเล่นข้างนอกสักพักได้ไหมคะ พอดีว่าหลงมีเรื่องต้องคุยกับแม่น่ะค่ะ"
หญิงวัยกลางคนแสดงสีหน้าฉงนออกมาเล็กน้อย แต่เธอก็ไม่ได้ถามอะไรมากนักนอกจากจูงมือเจ้าตัวน้อยเดินออกจากห้องไป 
บรรยากาศในห้องตอนนี้ราวกับถูกปกคลุมด้วยเมฆหมอกจนดูอึมครึมไปหมด ความกระอักกระอ่วนจากการเผชิญหน้ากันระหว่างแม่และลูกประดังเข้าใส่หญิงสาวเข้าอย่างจัง เพราะคนเป็นแม่ไม่ได้ยี่หระกับการพบหน้าลูกสาวคนโตแม้แต่น้อย เธอเอาแต่นอนดูทีวีสบายใจเฉิบ ก่อนที่หน้าจอจะดับพรึ่บด้วยน้ำมือของลูกสาวเอง
"เอ๊ะ!! อะไรของแกเนี่ยหลง!!?"
"แม่ขายบ้านทำไม" หลงไม่พูดพร่ำทำเพลงใด ๆ เธอยิงคำถามเข้าใส่คนเป็นแม่ทันที แต่เจ้าตัวกลับแสดงสีหน้าบึ้งตึงและคว้ารีโมททีวีที่อยู่ข้าง ๆ ตัว มาเปิดดูอีกครั้งอย่างไม่ยี่หระ และทำราวกับว่าลูกสาวเป็นแค่อากาศ
"แม่! หลงถามว่าแม่ขายบ้านทำไม"
"อย่ามายุ่งเรื่องของฉัน ไม่เคยส่งเงินให้ใช้เลยสักบาท ฉันจะเอาปัญญาจากไหนส่งค่าเทอมลูกจ๋าล่ะ"
"ไม่เคยส่งเงินให้ใช้เหรอ? แม่พูดมาได้ยังไง หลงให้เท่าไหร่ก็ไม่เคยพอ แถมยังมาขโมยเงินหลงบ่อย ๆ อีก แม่เอาเงินไปทำอะไรนักหนา"
"รำคาญว่ะ แทนที่แกจะห่วงฉันและถามว่าฉันเป็นยังไงบ้าง แต่คำถามแรกที่ถามฉันคือ ขายบ้านทำไมเนี่ยนะ แกเป็นไรหลง อยากได้เงินขายบ้านเหรอ"
"ไม่! หลงหาเงินเองได้ แต่แม่ขายบ้านทำไม บ้านหลังนั้นคือบ้านของยายนะ!!"
"ยายก็ตายไปแล้ว แกจะหวงทำซากอะไร!!? ไม่มีเงินใช้ก็ต้องขายทิ้งนั่นแหละ!!"
หลงกัดฟันกรอด มือทั้งสองข้างที่กำแน่นก็เริ่มสั่นเทา การโกรธจนสั่นมันเป็นแบบนี้นี่เอง ดูเหมือนความหวังที่เธอแบกมาจากบ้านเกิด เดิมทีมันก็น้อยนิดอยู่แล้ว ตอนนี้มันได้พังทลายลงอีกครั้ง คนเป็นแม่ไม่ได้เปลี่ยนไปเลยสักนิด ไม่ได้เหมือนคำที่คุณครูสาวชื่นชมเธอเลย 
"แม่จะใช้เงินเยอะอะไรขนาดนั้น ค่าเทอมลูกจ๋าก็ไม่ได้แพงขนาดนั้น บ้านไหนที่ยากจนก็แทบจะไม่ได้เสียอะไรเลยด้วยซ้ำ"
"โอ๊ยหลง! ถ้าแกจะถามอะไรไร้สาระแบบนี้ก็ไสหัวไปเถอะ รำคาญว่ะ คนจะดูละครก็ดูไม่รู้เรื่อง"
"แม่เอาเงินไปทำอะไร!!?" หลงขึ้นเสียงด้วยความโกรธ พร้อมกับเอื้อมมือกดปิดทีวีอีกครั้ง ก่อนที่เธอจะยืนปังหน้าจอเอาไว้ แต่การกระทำแบบนั้นกลับทำให้คนเป็นแม่ฉุนจัด ในที่สุดรีโมททีวีก็พุ่งเข้าใส่หน้าอกอย่างจัง จนหลงถึงกับต้องใช้มือกุมด้วยความเจ็บปวด
แม่ขว้างรีโมทใส่ฉัน...เหมือนตอนเด็ก ๆ ไม่มีผิด
"มึงเป็นอะไร!!!?"
แม่ยังปากร้าย และไม่มีความอ่อนโยนเลยสักนิด...แม่ไม่ได้ครึ่งหนึ่งของยายเลย...ไม่เลยสักนิด...
"มึงจะไปไหนก็ไปนะหลง กูเบื่อหน้ามึงเต็มทนแล้ว!!!"
"หลงไปแน่ และหลงจะพาน้องลูกจ๋าไปด้วย"
"เชิญ!!! เบื่อจะเลี้ยงดูมันแล้วเหมือนกัน ภาระกูจริง ๆ"
"แม่ไม่มีความเหมาะสมที่จะเป็นแม่คนเลยรู้ตัวไหม ถ้าไม่พร้อมแล้วจะมีลูกทำไม จะนอนกับใครทำไมไม่รู้จักป้องกัน ก็ในเมื่อรู้ว่าถ้ามีลูกแล้วจะเป็นภาระ ก็อย่าปล่อยให้ตัวเองมีลูกสิแม่!!"
"กูจะนอนจะเอากับใครแบบไม่ป้องกันแล้วมึงมายุ่งอะไรหลง กูแค่อยากได้ค่าเลี้ยงดูกับพ่อมันไง แต่มันก็เสือกตายเร็ว สมบัติก็ไม่ยกให้กูสักอย่าง เขียนพินัยกรรมยกให้ลูกหมด แม่งเอ๊ย!! กูถึงต้องขายบ้านนั้นไง!!"
"เหอะ..." หลงหัวเราะในลำคอและยิ้มมุมปากช้า ๆ นัยน์ตาสีดำคู่นี้จ้องมองหน้าคนเป็นแม่อย่างเย้ยหยัน แต่หัวใจของเธอกลับเจ็บปวดจนไม่เหลือเศษเสี้ยวชิ้นดี 
"แม่ยังมีความเป็นคนอยู่ไหม อกตัญญูกับยายยังไม่พอ ยังมาทำกับหลงเหมือนหลงเป็นลูกหมาจรจัด ถ้าแม่ยังจะทำกับน้องลูกจ๋าอีก แม่ก็ไร้ความเป็นคนแล้ว!!"
"หลง!!!"
"ก็ดีเหมือนกันที่วันนี้หลงกล้าเผชิญหน้ากับแม่ ถึงได้รู้ว่าแม่ยังเหมือนเดิม แม่ไม่ได้เปลี่ยนไปเลย มันจะได้ง่ายต่ออะไรหลาย ๆ อย่าง"
"แกพูดแบบนั้นหมายความว่ายังไง" 
"หลังจากนี้หลงจะเป็นคนดูแลน้องลูกจ๋าเอง และแม่ไม่มีสิทธิ์อะไรในตัวน้องอีก สมบัติทุกสิ่งทุกอย่างที่พ่อน้องลูกจ๋ายกให้ลูก รวมถึงเงินเก็บที่หลงทำงานระหว่างเรียน มันจะตกเป็นของน้องลูกจ๋าแต่เพียงผู้เดียว แม่จะไม่มีสิทธิ์แม้แต่บาทเดียว!"
"แกว่าอะไรนะ!!? นี่ฉันเป็นแม่แกนะหลง!!!"
"ตอนนี้ยอมรับแล้วเหรอคะว่าเป็นแม่ เมื่อก่อนยังบอกว่าเก็บหลงมาเลี้ยงอยู่เลย"
"แก!!!"
"หลงจะไม่ยอมให้น้องลูกจ๋าอยู่กับแม่แบบนี้หรอก อนาคตของน้องมันสวยงามกว่านั้นมาก ตอนนี้ก็ถือว่าแม่กำลังรับกรรมกับสิ่งที่แม่ทำแล้วกัน ถ้าแม่คิดได้เมื่อไหร่ หลงจะพิจารณาอีกทีเรื่องเลี้ยงดูแม่ตอนแก่"
หลงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งที่แฝงไปด้วยความกดดันจนคนเป็นแม่ถึงกับดวงตาเบิกโพลง และอ้าปากพะงาบไม่กล้าที่จะตอบโต้ ก่อนที่หลงจะก้มลงเก็บรีโมทที่ถูกขว้างใส่เสมือนเป็นที่ระบายอารมณ์แล้วนำไปวางที่ปลายเท้าข้างขวาที่ถูกดามด้วยเฝือก
"ความสูญเสียที่ผ่านมาไม่ได้สอนให้แม่มีความเป็นคนขึ้นมาเลยใช่ไหม ตอนนี้แม่รอดตายมาได้ แม่ก็ควรที่จะทบทวนตัวเองสักนิดนะ ตอนที่แม่เสียพ่อของน้องลูกจ๋าไป ครูเดือนบอกว่าแม่เสียหลักไปช่วงหนึ่ง แม่จะต้องสูญเสียอีกกี่ครั้งแม่ถึงจะคิดได้ ตอนนี้มันยังไม่สายนะคะถ้าอยากกลับตัวกลับใจ แม่โชคดีกว่าคนอื่นมากที่ยังมีโอกาสได้แก้ตัว โชคดีที่มีคนใจดีให้แม่มานอนสบาย ๆ ที่ห้องพิเศษ มีแอร์เย็น ๆ มีทีวีให้ดู ลองกลับไปอยู่ห้องรวมโดยที่ไม่มีใครคอยดูแลดีไหมคะ ไปเห็นการเวียนว่ายตายเกิด เห็นความทุกข์ทรมานของผู้ป่วยคนอื่น ๆ แม่อาจจะตาสว่างขึ้นมาบ้าง เผื่อความรักความห่วงใยที่ครอบครัวอื่นมีให้กันจะจุดไฟในใจแม่ขึ้นมา ทำให้แม่มองเห็นว่ายังมีลูกสองคนที่รอความรักจากแม่อยู่"
คำพูดที่กลั่นออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจพรั่งพรูออกมาทั้งน้ำตา ก่อนที่หยาดน้ำตาจะถูกปาดออกไปอย่างรวดเร็ว แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังคงไหลออกมาอย่างต่อเนื่องราวกับสายน้ำ หลงไม่ได้คาดหวังที่จะเปลี่ยนคนเป็นแม่ในทันทีทันใด แต่เธอหวังเพียงแค่การหยดน้ำลงไปยังโอ่งขนาดใหญ่จนกว่ามันจะเต็ม หรือขัดเกลาหัวใจที่แข็งกระด้างของคนเป็นแม่ให้อ่อนโยนในสักวันหนึ่ง 
สิ่งที่ทำให้หลงชะงักและทวีความเจ็บปวดมากขึ้น คือการที่จู่ ๆ คนเป็นแม่ก็ยกมือปาดน้ำตาของตัวเอง ก่อนจะหลบสายตาไปทางอื่นและปล่อยโฮออกมาอย่างหนักจนร่างกายสั่นเทา การตอบสนองแบบนี้หมายความว่าอย่างไรกัน หลงจึงสัมผัสที่ข้อเท้าอีกข้าง แต่มันกลับเงียบสนิทไร้เสียงความคิดใด ๆ 
...
...
...
แม่กำลังคิดอะไรอยู่...แม่ร้องไห้ทำไม...มันเกิดอะไรขึ้น!?
ทำไมวะ...ทำไมไม่ได้ยินเสียงของแม่ ได้ยินสิ...ได้ยินสิวะ!!
อีกครั้ง...ที่หลงพยายามเรียกร้องหาพลังที่เธอเคยเกลียดนักหนา อยากจะรู้เหลือเกินว่าแม่กำลังคิดอะไรในใจ ไฉนถึงไม่ตอบโต้กลับมาอย่างเช่นทุกครั้ง ซ้ำยังร้องไห้ออกมาอย่างหนักราวกับว่า สิ่งที่เธอพูดไปนั้นทำร้ายหัวใจคนเป็นแม่จนไม่เหลือชิ้นดี
"วันนี้ก็พาลูกจ๋ากลับไปนอนที่หอแล้วกัน ฮึก ๆ น่าจะนอนสบายกว่านอนโซฟา" คนเป็นแม่พูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ หลงถึงกับยืนนิ่งราวกับโดนไฟฟ้าช็อตจนชาไปทั้งตัว
"แล้วใครจะอยู่ดูแลแม่"
"ไม่เป็นไร แม่ดูแลตัวเองได้ ฮึก ๆ น้องยังเด็ก น้องต้องพักผ่อนให้เพียงพอ นอนหลับให้เต็มอิ่ม"
"เดี๋ยวให้น้องกลับไปกับป้าเจ้าของหอแล้วกัน วันนี้หลงตั้งใจจะมานอนเฝ้าแม่"
"สนใจแม่คนนี้ด้วยเหรอ"
"ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว แม่กินยาหรือยัง จะได้นอนพัก"
"กินแล้ว"
"งั้นก็นอนพัก ไม่ต้องดูหรอกละครน่ะ"
"อืม"
จู่ ๆ บทสนทนาก็สิ้นสุดลงเสียดื้อ ๆ ท่าทีของคนเป็นแม่ก็ดูแปลกไป เธอโน้มตัวลงนอนอย่างว่าง่าย แต่ยังคงนอนสะอึกสะอื้นและน้ำตาก็ไหลออกมาไม่หยุด สิ่งที่เห็นทวีความสับสนจนทำให้หลงแทบทำตัวไม่ถูก เพราะพฤติกรรมของแม่นั้นราวกับถูกปิดสวิตซ์
นี่มันอะไรกัน...ไม่เข้าใจเลย


กึก! กึก! กึก! เอี๊ยด...เอี๊ยด...
กลางดึกคืนนั้นเอง ห้องพักผู้ป่วยที่เหลือแค่เพียงแสงไฟบริเวณทางเดินสำหรับให้พยาบาลเข้ามาตรวจสอบความเรียบร้อยต่าง ๆ ทำให้พอมีแสงสลัวสาดมายังบริเวณเตียงนอนที่มีร่างหญิงสาวนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย แต่เสียงเอี๊ยดอ๊าดของเตียงเหล็กส่งเสียงดังออกมาเป็นระยะ หลงจึงค่อย ๆ เปิดเปลือกตาขึ้นเพื่อมองหาต้นตอของเสียง
ภาพที่ปรากฏในเงาสลัวนั้น คือร่างบนเตียงค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่งด้วยการปรับองศาเตียงส่วนศีรษะ ก่อนจะมีร่างหนึ่งคาดว่าเป็นเด็กผู้หญิงวิ่งไปทางห้องน้ำและวิ่งกลับมาที่เตียงอีกครั้ง หลงที่นั่งหลับอยู่บนโซฟาตั้งแต่ต้นยังคงหรี่ตาเพ่งมองฝ่าความมืดและเงาสลัว ซึ่งน้องสาวของเธอที่เดิมทีเคยนอนหนุนตัก ตอนนี้ก็หายไปเสียแล้ว
"เช็ดตัวก่อนนะคะ"
เสียงใสของเด็กน้อยดังแว่วมา พร้อมกับที่เงาในความมืดมีการขยับปรับเปลี่ยนท่าทางอีกครั้งโดยการพลิกตะแคงไปด้านข้าง และมีเด็กน้อยนำผ้าชุบน้ำซับที่แผ่นหลัง หลงจึงค่อย ๆ ลุกเดินไปอย่างเบาเสียงที่สุด ก่อนจะวางมือลงบนผ้าขนหนูที่เปียกชุ่มอย่างแผ่วเบาจนร่างเด็กน้อยถึงกับสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ
"อ๊ะ!!" หลงรีบใช้มืออีกข้างปิดปากน้องสาวของตนเอาไว้ ก่อนจะนำนิ้วชี้มาจ่อที่ปากบอกเป็นสัญญาณว่าให้เงียบเสียง เจ้าตัวจึงผงกศีรษะหงึก ๆ ตอบรับทันที 
"เป็นอะไรลูก"
"แม่ตัวร้อนมากเลย" เด็กน้อยตอบออกไป ในขณะที่ผ้าขนหนูชุบน้ำก็ยังคงซับลงที่แผ่นหลังด้วยมือเรียวของคนเป็นพี่
"แม่ไม่เคยนอนห้องแอร์นี่คะ" แม้แต่น้ำเสียงของคนเป็นแม่ก็ดูอ่อนโยนผิดไปจากตอนกลางวันราวกับคนละคน ยิ่งทำให้หลงรู้สึกแปลกใจขึ้นเป็นเท่าตัว หลงจึงส่งสัญญาณให้น้องสาวกลับไปนอนที่โซฟาดังเดิม และใช้มืออีกข้างสัมผัสลงที่แผ่นหลังที่มีอุณหภูมิร่างกายสูงกว่าปกติมาก
"อย่าเสียงดังนะลูก เดี๋ยวพี่หลงเขาจะตื่น"
"ให้หลงปรับแอร์ให้ไหมแม่ ถ้าหนาวทำไมถึงไม่บอก" 
ทันทีที่ได้ยินน้ำเสียงที่ผิดไปจากเดิม ทำเอาร่างที่นั่งอยู่บนเตียงถึงกับสะดุ้งโหยงและหันขวับด้วยความตกใจ แต่หลงก็ยังคงจับที่เรียวแขนของคนเป็นแม่ขึ้นและบรรจงใช้ผ้าขนหนูซับอย่างอ่อนโยน
"ให้หลงขอยากับพยาบาลให้ไหม"
"ม...ไม่เป็นไร หลงไปนอนเถอะ จะลุกมาทำไม"
"ไหนบอกว่าเด็กต้องนอนหลับให้เต็มอิ่มไง ทำไมแม่ไม่ปลุกหลงล่ะ แม่จะไปปลุกน้องมาเช็ดตัวให้แม่ทำไม"
"น้องมันอยากตื่นมาดูแลแม่เองนี่ ช่วยไม่ได้"
หลงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ บทสนทนาระหว่างเธอกับคนเป็นแม่ก็สิ้นสุดลงเพียงเท่านี้ แม้จะยังมีความกระอักกระอ่วนอยู่บ้าง แต่หลงกลับรู้สึกถึงความผิดปกติจากน้ำเสียง ท่าที และสรรพนามที่แม่ใช้แทนตัวเอง 
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้ทำให้หลงเต็มไปด้วยคำถาม เพราะน้องสาวของเธอก็ดูรักและดูแลแม่เป็นอย่างดี ไม่ได้มีความจงเกลียดจงชัง หรือดูโกรธคนเป็นแม่แม้แต่น้อย การที่เธอไม่ได้ยินเสียงความคิดมันทำให้หลงอึดอัดเหลือเกิน อยากจะรู้นักว่าแม่กำลังคิดอะไรอยู่ แต่เธอกลับทำได้แค่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่อีกครั้ง
"ถ้าลำบากใจที่จะดูแลฉันขนาดนั้นก็ไปนอนเถอะ"
สรรพนามกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกแล้ว...
"ชอบไล่จังนะ ตื่นมาแล้วนี่ จะให้ทำไงได้ล่ะ"
"มองข้ามฉันเหมือนที่แกเคยทำไง"
"แม่เลิกพูดมากสักทีเถอะ อยู่เงียบ ๆ หลงจะเช็ดตัวให้"
คนเป็นแม่นั่งเงียบ และแอบยิ้มมุมปากเล็กน้อยในขณะที่ลูกสาวคนโตยังคงก้มหน้าก้มตาเช็ดตัวให้ด้วยท่าทีขึงขัง
"ปล่อยให้ตัวเองไข้ขึ้นแบบนี้ได้ยังไง ทำไมไม่กดเรียกพยาบาล หรือไม่ก็เรียกหลงก็ได้"
"ทำไมแกขี้บ่นจังวะ ถ้าจะทำแล้วมาบ่นให้ฉันแบบนี้ก็กลับไปนอนเถอะไป"
"หลงก็ขี้บ่นได้แม่นั่นแหละ รู้เอาไว้ด้วย"
แม้ปากจะบ่นพึมพำไม่เลิก แต่แววตาดุดันคู่นั้นกลับแสดงความห่วงใยออกมาอย่างชัดเจน จนคนเป็นแม่ได้แต่แอบอมยิ้มด้วยความชื่นชมและเอือมระอาในคราวเดียวกัน ก่อนจะหุบยิ้มอย่างรวดเร็วเมื่อลูกสาวเงยหน้าขึ้นและใช้หลังมือสัมผัสที่หน้าผากอย่างแผ่วเบา
"เช็ดตัวแล้วก็น่าจะดีขึ้นมั้ง แม่ปวดเมื่อยตรงไหนไหม"
"ไม่"
"กินยาอีกไหม"
"ไม่"
"อือ งั้นแม่นอนเถอะ หลงจะไปปรับแอร์ให้"
"ถ้ามันลำบากมากก็ไม่ต้อง"
หลงไม่ได้ตอบอะไรกลับไปนอกจากคว้าผ้าห่มมาห่มให้คนเป็นแม่แล้วเดินไปปรับแอร์ให้มีอุณหภูมิสูงขึ้น ก่อนจะเดินกลับไปนั่งบนโซฟาและประคองศีรษะของน้องสาวให้มาหนุนที่ขาของตนอีกครั้ง และเธอไม่ลืมที่จะกระพือผ้าห่มผืนเล็กห่มให้ความอบอุ่นแก่น้องสาวด้วย
หลงไม่รู้ตัวเลยว่าการกระทำของเธออยู่ในสายตาของใครบางคนตั้งแต่ต้น จนรอยยิ้มจาง ๆ แต้มอยู่บนใบหน้าคนเป็นแม่ ก่อนที่เธอจะตบปากตัวเองไปหนึ่งที
ทำไมเมื่อกี้ไม่พูดไปว่า ถ้ามันร้อนลูกก็ไม่ต้องปรับแอร์หรอก แม่นอนได้...เฮ้อ...การเข้าหาลูกสาวคนโตนี่ทำไมถึงได้ยากนักนะ...


วันต่อมา
วันนี้การสนทนาระหว่างแม่กับลูกสาวคนโตก็ยังไม่ราบรื่นเท่าไรนัก มีแต่ความแข็งกระด้างและคำพูดเสียดสีทิ่มแทงหัวใจกันและกันอย่างที่เคยเป็น แต่ถึงกระนั้นหลงก็แอบเห็นรอยยิ้มของคนเป็นแม่ตอนที่เธอบังเอิญหันไปหาเจ้าตัว ก่อนที่รอยยิ้มจะจางหายไปอย่างรวดเร็วราวกับต้องการปิดบังไม่ให้เธอได้เห็น
ความสับสนยังไม่หมดไป และดูเหมือนมันจะเพิ่มขึ้นแบบไม่รู้จบ ไม่เข้าใจการกระทำของคนเป็นแม่เลยจริง ๆ นี่มันหมายความว่าอย่างไรกัน ถึงจะสับสนแต่หลงก็ยังคงนั่งเฝ้านอนเฝ้าอยู่ที่โซฟา บ้างก็ดูละครตามแม่ของเธอ และเผลอพูดคุยกันโดยไม่ได้ตั้งใจอยู่หลายครั้ง และการสนทนาการจะจบลงอย่างรวดเร็วเมื่อใครคนใดคนหนึ่งเรียกสติกลับมาได้ก่อน ส่วนน้องสาวนั้นก็เอาแต่นั่งระบายสีตัวการ์ตูนด้วยความตั้งอกตั้งใจ ไม่ได้รู้ตัวเสียด้วยซ้ำ ว่าบรรยากาศในห้องนั้นมันเต็มไปด้วยความกระอักกระอ่วน
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
เมื่อเสียงเคาะประตูดังขึ้น เด็กน้อยก็รีบวางดินสอสีและวิ่งไปที่ประตูด้วยความตื่นเต้น ซึ่งเหตุการณ์คล้ายกับที่หลงได้พบเจอเมื่อวันก่อน คงจะตื่นเต้นตามประสาเด็กเมื่อมีแขกมาหากระมั้ง แต่ทว่า...
"แท่นแท๊น!! พี่ซอลเอาขนมมาฝาก!!"
"เย่!!! พี่ซอลมาแล้ว!!!"
หลงถึงกับหันขวับและลุกขึ้นพรวดด้วยความตกใจ ก่อนที่ทั้งสองจะดวงตาเบิกโพลงกันทั้งคู่เมื่อได้พบหน้ากัน หญิงสาวตัวเล็กที่เคยมีผมสีบลอนด์ดูแพรวพราวและมีออร่าจับ ตอนนี้กลับเป็นผมสีดำสั้นประบ่า แต่ถึงกระนั้นเธอก็ยังสวยและดูดีในสายตาของหลงไม่เคยลดน้อยลง
หลงได้แต่กลืนน้ำลายดังอึกเพราะไม่คิดว่าจะได้เจอคนที่กำลังตามหาง่ายถึงเพียงนี้ แถมยังเป็นเวลาที่เธอไม่ทันได้ตั้งตัวอีกด้วย แต่เมื่อหญิงสาวตัวเล็กกำลังจะหันหลังเดินออกจากห้อง หลงก็รีบคว้าที่ข้อมือของเธอเอาไว้เสียก่อน
"อ...เอ่อ...พี่ซอลมีธุระพอดีค่ะ พี่ซอลขอกลับก่อนนะคะน้องลูกจ๋า"
"พี่ซอล!! เดี๋ยว!!"
เพราะความตื่นเต้น ทำให้หลงเผลอกระชากข้อมืออย่างแรงและพูดโพล่งออกมาเสียจนทุกคนถึงกับสะดุ้ง คนตัวเล็กดวงตาเบิกโพลงอีกครั้งและกลืนน้ำลายดังอึกด้วยความตกใจ หลงจึงรีบจัดเสื้อผ้าและผมเผ้าของตนเสียใหม่ ก่อนจะลดน้ำเสียงลงให้ดูอ่อนโยนมากขึ้น
"หลงมีเรื่องจะคุยด้วย"
"ไว้วันหลังได้ไหม วันนี้เราแค่แวะเอาขนมมาให้น้องลูกจ๋าน่ะ"
"พี่รีบเหรอ หรือไม่อยากคุยกับหลง"
"เปล่า ทำไมเราต้องไม่อยากคุยกับเธอล่ะ เราอยากคุยกับเธอจะตาย"
"ถ้างั้นอยู่คุยกันก่อนได้ไหม"
"อ...เอ่อ...อืม..." คนตัวเล็กพยักหน้าช้า ๆ ก่อนจะเดินนำออกไปก่อน หลงจึงรีบวิ่งไปคว้าโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโซฟา แล้ววิ่งตามออกไปด้วยหัวใจที่เต้นระรัว ทั้งคิดถึง ทั้งตื่นเต้น อยากจะโผเข้าไปกอดเจ้าตัวเต็มแก่แล้ว


"คุยกันที่ไหนดี"
"ดาดฟ้าดีไหมคะ"
"ต้องขนาดนั้นเลยเหรอ"
"อืม มันเป็นเรื่องส่วนตัวนี่คะ ตรงนี้คนเยอะจะตาย" 
"อืม" ซอลตอบพร้อมกับเดินนำไปยังบันไดหนีไฟโดยมีอีกคนเดินตามไม่ห่าาง
ระหว่างเดินขึ้นบันไดหนีไฟนั้น มีแค่เพียงเสียงฝีเท้าและเสียงหัวใจที่กำลังเต้นโครมครามเท่านั้น ไร้บทสนทนาใด ๆ ราวกับคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ต่างคนต่างหวาดหวั่นว่าตนจะถูกเกลียดไปเสียแล้ว จนไม่มีใครกล้าที่จะเอ่ยปากทักทายกันก่อน จนกระทั่งทั้งสองเดินขึ้นมาถึงชั้นดาดฟ้าที่ไร้ผู้คน
หากมองทอดยาวออกไปตอนนี้พระอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำจวนจะตกดินแล้ว สายลมยามเย็นที่พัดโชยมาเอื่อย ๆ นั้นไม่ได้ทำให้รู้สึกผ่อนคลายความกังวลในใจหญิงสาวตัวเล็กแต่อย่างใด หลงต้องการที่จะคุยอะไรกับเธอกันนะ ยิ่งเงียบก็ยิ่งรู้สึกอึดอัด ยิ่งเดินเข้าใกล้ขอบดาดฟ้าเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งหวาดกลัว
"พี่ทำผมใหม่เหรอ" หลงเป็นฝ่ายทำลายความเงียบก่อน ซอลจึงจับผมของตนทัดที่หลังหูเอาไว้เพื่อไม่ให้สายลมพัดพาผมของเธอจนยุ่งเหยิง
"อืม"
"ไหนบอกว่าอยากทำผมสีชมพูไงคะ ทำไมถึงย้อมดำแล้วก็ตัดสั้นล่ะ"
"เราเห็นคนอกหักแล้วชอบตัดผมสั้นกัน เราก็เลยลองตัดดู เธอว่ามันเข้ากับเราไหม"
"ไม่เลย" ซอลยิ้มเมื่อได้ยินคำตอบ แววตาของเธอมันฟ้องว่าตอนนี้เธอไม่ได้มีความสุขแม้แต่น้อย มันดูเศร้าหมองจนหลงถึงกับเจ็บแปลบ
"นั่นสิเนอะ...ก็คิดแหละ ว่าเราตัดสั้นคงไม่เหมาะ"
"เปล่าเลย พี่ดูดีมาก ไม่ว่าพี่จะทำผมทรงไหน หรือทำผมสีไหนก็ตาม แต่ที่หลงบอกว่าไม่น่ะ หมายถึงแววตาที่เศร้าหมองของพี่ มันดูไม่เหมาะกับพี่เลย" 
น้ำตาเริ่มเอ่อล้นออกมาช้า ๆ อย่างไม่อาจกักเก็บเอาไว้ได้ ซอลใช้มือทั้งสองข้างปิดหน้าร้องไห้จนร่างกายสั่นเทา เสียงสะอื้นนั้นช่างบีบหัวใจเหลือเกิน แต่ขาทั้งสองข้างของหลงกลับแข็งทื่อ อยากจะก้าวเข้าไปโอบกอดอีกคนมากเพียงใดเธอก็ทำได้เพียงยืนมองคนตัวเล็กร้องไห้อยู่อย่างนั้น
"เราขอโทษนะหลง ฮือ ๆ ระหว่างเรากับจีนมันไม่มีอะไรจริง ๆ ฮึก ๆ เราขอโทษ ฮือ ๆ"
"ถ้ามันไม่มีอะไรพี่ก็เลิกขอโทษหลงได้แล้ว"
"ฮือ ๆ หลง...เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ได้เหรอ ฮือ ๆ เราขอโทษ เรารักเธอมากนะ ฮึก ๆ" หลงกำมือแน่น และกลั้นใจยืนมองหญิงสาวตัวเล็กด้วยท่าทีเมินเฉย ทั้งที่หัวใจของเธอนั้นอยากจะโผเข้าไปกอดอีกคนเหลือเกิน
"พี่ซอล..."
"ฮือ ๆ เชื่อเรานะหลงว่ามันไม่มีอะไรจริง ๆ ฮึก ๆ"
"หลงรู้แล้ว หลงเข้าใจแล้วว่ามันไม่มีอะไร ขอโทษนะคะที่หลงไม่ฟังพี่ หลงไม่โกรธพี่แล้วนะ แต่ว่า..."
"แต่ว่าอะไรคะ เธอต้องการอะไร ฮึก ๆ เธอบอกเราได้นะ เราจะหามาให้เธอทุกอย่าง ฮึก ๆ" หลงสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะกัดฟันและผ่อนลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง
"เลิกกันแบบนี้นั่นแหละดีแล้ว..."
"ทำไมล่ะหลง ฮือ ๆ ทำไม...ฮึก! ทำไมต้องเลิกกันด้วย ฮือ ๆ"
ยิ่งคนตัวเล็กร้องไห้หนักขึ้นเท่าไหร่ มันยิ่งบีบหัวใจของหลงเท่านั้น แต่เธอกลับทำได้แค่ข่มอารมณ์ของตนเอาไว้ ข่มแม้กระทั่งเสียงสะอื้นและน้ำตา เธอจะแสดงความอ่อนแอตอนนี้ไม่ได้...
"มันก็จริงอย่างที่พี่ฟาพูด เราสองคนไปกันไม่รอดหรอกพี่ซอล เพราะหลงยังเด็ก หลงเพิ่งจะมีความรักเป็นครั้งแรก หลงไม่รู้วิธีการรักษาความรัก หลงไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้ว่าควรที่จะทำตัวยังไงให้ความรักของเรามันดำเนินต่อไปได้ พี่ดูสิ...ที่ผ่านมาเราตัวติดกันแทบจะตลอดเวลา คำพูดของคนอื่นที่มองมามันสะท้อนอะไรหลาย ๆ อย่างได้ หลงเริ่มเปลี่ยนไป ไม่ตั้งใจทำงานเหมือนเมื่อก่อน อะไร ๆ ก็พี่ซอล ๆ ตลอด หลงจะพึ่งพาอาศัยแต่พี่ตลอดไปไม่ได้ ไหนจะแม่ของหลงอีก ชีวิตของหลงมันดูยุ่งเหยิงไปหมด หลงไม่มีเวลาให้มาคิดอะไรทั้งนั้น เพราะลำพังแค่เรื่องครอบครัวหลงก็เอาตัวไม่รอดแล้ว"
"แต่เรื่องครอบครัวเราช่วยเธอได้นะหลง ฮึก ๆ พี่ชายเราจะรับเลี้ยงน้องลูกจ๋าแล้วนะ ฮึก!"
"พี่ซอลฟังหลงนะ อย่างที่หลงบอกไป หลงพึ่งพาพี่ตลอดไปไม่ได้ หลงไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย ครอบครัวก็แย่ ฐานะก็ไม่ดี ทำอะไรเองก็ไม่เป็น หลงเหมือนเด็กสามขวบที่ยังไม่มีประสบการณ์การใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่นเลย หลงไม่อยากดึงพี่มาลำบากด้วย และจะไม่มีวันทำให้พี่ต้องมาลำบากหรือรับผิดชอบชีวิตของหลงเด็ดขาด ตอนนี้หลงไม่ได้ยินเสียงความคิดของใครแล้ว หลงอยากเรียนรู้การใช้ชีวิตให้มากกว่านี้ หลงอยากลองใช้ชีวิตเหมือนคนธรรมดาทั่วไป หลงอยากเรียนรู้การได้รับและมอบความรักให้กับผู้อื่น เหมือนที่พี่หยิบยื่นความรักความหวังดีให้หลงตลอดมา หลงจะเอาแต่รับไม่ได้พี่ซอล ถ้าหลงไม่เรียนรู้ ถ้าหลงไม่รู้จักการให้ที่ถูกวิธี หลงจะดูแลพี่ได้ยังไง ที่ผ่านมาหลงคิดแค่ว่าเซ็กซ์มันจะช่วยให้พี่มีความสุข แต่ความจริงมันไม่ใช่ ชีวิตคู่มันไม่ได้มีแค่เซ็กซ์ และรักอย่างเดียวมันไม่พอที่จะประคับประคองความรักให้ไปได้ตลอดรอดฝั่ง"
แม้หลงจะพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้แต่เธอก็ไม่อาจเก็บซ่อนความรู้สึกภายในใจได้ เธอพยายามสื่อสารกับคนตรงหน้าด้วยความจริงใจ แววตาที่เคยดุดัน วันนี้มันแฝงไปด้วยความเจ็บปวดและความขมขื่นที่เธอแบกเอาไว้ทั้งชีวิต
ภาพแห่งความฝัน และภาพแห่งความสุขที่เป็นดังวิมานค่อย ๆ พังทลายลงช้า ๆ จนเหลือแค่เพียงเศษซากปรักหักพัง หลงเองก็เสียใจ หลงเองก็เจ็บปวดไม่น้อยไปกว่าเธอ แต่หลงก็ไม่บังอาจให้เธอมาแบกรับชะตากรรมและชีวิตที่ไร้ซึ่งความสมบูรณ์นี้ได้จริง ๆ
"ปล่อยมือกันตั้งแต่วันนี้ มันยังดีกว่าที่เราสองคนไปถึงทางตันจนไม่เหลือความรักความหวังดีให้กันแล้วนะพี่ซอล อย่าให้ถึงขั้นที่เราต้องเกลียดกันเลย เพราะยิ่งคบกันไป หลงยิ่งมีแต่ความน้อยเนื้อต่ำใจ ชีวิตของหลงมันไม่มีค่าอะไรให้พี่รักเลยสักนิด แถมเรายังดูไม่เดียงสากับเรื่องความรักกันทั้งคู่ ขอแค่ได้อยู่ใกล้กันเหมือนคนติดสารเสพติด พอห่างกันไม่ทันไร ความเชื่อใจก็ลดลงแล้วทั้ง ๆ ที่อีกฝ่ายไม่ได้ทำอะไรผิดด้วยซ้ำ มีคนบอกว่ากาลเวลามันจะช่วยให้เราโตขึ้นนะพี่ซอล"
"เราไม่เข้าใจเธอเลยหลง ฮึก ๆ ทำไมเธอต้องเอาเรื่องนั้นเรื่องนี้มาเป็นข้ออ้างในการเลิกกันด้วย ไม่รักก็แค่พูดออกมาตรง ๆ ฮึก ๆ มันจะพอให้เราตัดใจได้ง่ายกว่านะ ฮือ ๆ เราบอกแล้วไงว่าเราจะดูแลเธอ ซึ่งมันก็รวมครอบครัวของเธอด้วย ทำไมเธอต้องบอกว่าตัวเองไม่มีค่าให้รัก ก็ในเมื่อเรารักเธอ มันก็ต้องแปลว่าเธอมีค่าในสายตาของเราสิ!" คนตัวเล็กพรั่งพรูออกมาทั้งน้ำตา ก่อนจะใช้กำปั้นทุบลงที่หน้าอกของหลงครั้งแล้วครั้งเล่า แต่หลงกลับยืนนิ่งให้เจ้าตัวระบายความเจ็บปวดออกมา โดยที่เธอไม่แม้แต่จะตอบโต้
ตุบ!! ตุบ!! ตุบ!!
"ฮือ ๆ ทำไมต้องคิดเองเออเอง ทำไมถึงไม่ปรึกษาเราบ้าง ฮือ ๆ เรารักเธอจนไม่รู้จะรักยังไงแล้วนะ! เรายังรักเธอไม่มากพอเหรอ เรายังเด็กเรื่องความรักงั้นเหรอหลง!!?"
"พี่ซอล...อย่าลืมสิ ว่าพี่ก็เข้าหาหลงเพราะหลงหน้าตาเหมือนคนที่พี่กำลังตามหา พี่เคยเห็นภาพในอนาคตใช่ไหม พี่เคยเห็นหลงมาก่อนใช่ไหม ตอบหลงสิ"
"ใช่ ฮึก ๆ แล้วยังไงล่ะหลง...ฮึก ๆ"
"ตอนนั้นพี่แค่อยากทำให้ภาพที่พี่เห็นมันเกิดขึ้นจริง แต่พี่บอกหลงเองไม่ใช่เหรอ ว่าภาพที่เห็นกับความเป็นจริงมันกลับตาลปัตรไปหมด หลงไม่ได้เป็นคนในภาพอนาคตที่พี่เห็น และตอนนี้พี่ก็มองไม่เห็นภาพอนาคตอีกแล้ว เหมือนกับที่หลงไม่ได้ยินเสียงความคิดของใครแล้ว มันไม่ได้แปลว่าเราต้องเรียนรู้และหาประสบการณ์ชีวิตด้วยตัวเองเหรอ ถ้าความสามารถของเรามันคือไกด์นำทางชีวิต ตอนนี้เราต่างก็สูญเสียมันไปทั้งคู่ตั้งแต่ที่เราได้เจอกัน นี่แหละ...มันคือจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้โดยไร้ไกด์นำทางอย่างแท้จริง"
"ทำไมเราไม่เรียนรู้มันไปด้วยกันล่ะหลง ฮึก ๆ"
"เรียนรู้ไปด้วยกันมีแต่จะพังไม่เป็นท่านะพี่ซอล ตอนนี้เราไม่เข้าใจความรักกันเลยด้วยซ้ำ พี่เองก็เพิ่งเข้าใจความรักเองไม่ใช่เหรอ เราแยกกันไปเติบโตดีกว่านะคะ และตอนนี้หลงต้องดูแลแม่ด้วย หลงคงไม่มีเวลาให้พี่หรอกพี่ซอล ชีวิตหลงตอนนี้มันยุ่งเหยิงจนหลงไม่รู้จะก้าวไปทางไหนแล้ว ทางออกที่ดีที่สุดคือการวางเรื่องหนึ่งเอาไว้เพื่อที่จะแก้ไขอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งนั่นก็คือเรื่องแม่ หวังว่าพี่จะเข้าใจนะคะ"
"เธอใจร้ายกับเรามากเลยนะหลง ทั้ง ๆ ที่เราพร้อมที่จะเคียงข้างเธอ เราพร้อมที่จะซัพพอร์ตเธอในทุก ๆ เรื่อง แต่เธอกลับเลือกที่จะวางเรื่องของเราเอาไว้...ฮึก ๆ เธอไม่ได้รักเราเลยใช่ไหม..."
"..." หลงกัดฟันเงียบไม่ได้ตอบอะไรกลับไป 
"ตอบสิหลง!! เธอไม่รักเราแล้วเหรอ ฮือ ๆ"
หลงยังคงยืนเงียบอยู่อย่างนั้น แต่หัวใจของเธอมันบอบช้ำเกินจะทนไหวแล้ว อยากคว้าร่างคนตรงหน้าเข้ามากอดเอาไว้เหลือเกิน แต่ทางออกในตอนนี้ คือการปล่อยมือเท่านั้น...เธอเห็นทางออกนี้ทางเดียวจริง ๆ
"ฮึก ๆ เข้าใจแล้ว...งั้นก็โชคดีนะหลง"
มือที่สั่นเทาปาดน้ำตาออกไปด้วยหัวใจที่แตกสลาย ก่อนที่ร่างคนตัวเล็กจะวิ่งหนีออกไปพร้อมกับเสียงสะอื้น ตอนนี้ถึงเวลาที่หลงจะได้ปลดปล่อยความอ่อนแอของตนบ้างแล้ว
ร่างของเธอค่อย ๆ ทรุดลงกับพื้น น้ำตาและเสียงสะอื้นต่างโหมกระหน่ำราวกับคลื่นทะเลที่ซัดเข้าสู่ชายฝั่ง ครั้งแล้ว...ครั้งเล่า...ครั้งแล้ว...ครั้งเล่า...
ใครบอกล่ะ...เพราะรัก หลงถึงต้องปล่อยมือพี่...