เพียงกระซิบ

เพียงกระซิบ
ตอนที่ 4 โพล้เพล้

เข้าสู่การทำงานเต็มวันในวันที่สอง ทุกอย่างดูเหมือนจะราบรื่นดี การไม่มีพนักงานใหม่มากวนใจ ช่างเป็นอะไรที่สบายหูยิ่งนัก เพราะเจ้าตัวถูกคุณซอล (ตัวปลอม) เรียกเข้าไปพบในห้องทำงานส่วนตัวตั้งแต่เช้าแล้ว
เห็นผู้จัดการสาวบอกว่าคุณซอล (ตัวปลอม) มาประเมินพนักงานใหม่ แต่หลงก็ไม่เข้าใจว่าการประเมินพนักงานใหม่นั้นทำไมถึงเรียกเข้าไปในห้องทำงานส่วนตัวมาเป็นชั่วโมงแล้ว ไม่เหมือนกรณีของเธอที่เข้ามาทำงานวันแรก จะเป็นการประเมินในส่วนของการทำงานและการจัดการปัญหาเฉพาะหน้าเสียส่วนใหญ่
คงจะสอบถามประวัติโน่นนี่ล่ะมั้ง... หลงคิดในใจพลางกับชะเง้อหน้าผ่านชั้นวางหนังสือเพื่อมองไปยังประตูไม้ที่มีการทาสีเดียวกับสีผนังของร้านให้ดูเรียบเป็นแนวเดียวกัน นั่นก็คือสีครีมโทนอบอุ่นสบายตา
"ขอโทษนะคะน้อง เล่มนี้ขายไหมคะ" 
ลูกค้าสาวเอ่ยถามพร้อมกับชี้ไปที่หนังสือนวนิยายแฟนตาซีแบบปกแข็งเล่มหนึ่งที่วางอยู่บนชั้นหนังสือสำหรับอ่านฟรี หลงจึงเอื้อมมือไปหยิบมาเปิดดูแผ่นรองปกซึ่งมีลายเซ็นต์แสดงความเป็นเจ้าของเอาไว้อย่างชัดเจน
"ต้องขอโทษด้วยนะคะ พอดีว่าเล่มนี้เป็นของเจ้าของร้านน่ะค่ะ เห็นบอกว่าให้อ่านฟรีเท่านั้น ไม่ได้ขายนะคะ" เธอตอบด้วยท่าทีสุภาพนอบน้อม
"ในเมื่อตั้งใจจะให้อ่านฟรีอยู่แล้ว งั้นส่งต่อได้ไหมคะ คือพี่อยากได้มากจริง ๆ ค่ะ เสนอราคามาก็ได้ เพราะเล่มนี้มันเป็นลิมิเต็ด มันหาซื้อไม่ได้แล้ว"
"ไม่ได้จริง ๆ ค่ะคุณลูกค้า เจ้าของร้านเธอรักหนังสือมากค่ะ แต่ที่ให้เอามาอ่านฟรีเพราะอยากแบ่งปันหนังสือดี ๆ ให้ทุกคนได้อ่านกันค่ะ แล้วยิ่งเป็นลิมิเต็ดแล้วด้วยก็ยิ่งขายไม่ได้เลยค่ะ"
"พี่ก็รักหนังสือไม่แพ้เจ้าของร้านของน้องหรอกนะคะ เท่าไหร่พี่ก็จ่ายได้ค่ะ!!" ลูกค้าสาวตอบแบบไม่สบอารมณ์นัก ก่อนจะเอื้อมมือมาจับที่หนังสือ ทำให้หลงได้ยินความคิดของเธอเข้า
'อีโง่! เดี๋ยวมึงเจอกู ไม่ขายใช่ไหม...ได้...กูจะขโมยกลับบ้านแน่!! ที่ผ่านมาก็ขโมยมาไม่รู้กี่เล่มต่อกี่เล่มแล้วมันก็ไม่รู้ตัว พนักงานร้านนี้มันโง่ที่สุด!!'
หลงชะงักและถือหนังสือเอาไว้แน่นจนเกิดการยื้อยุดฉุดกระชากหนังสือกันเกิดขึ้น ต่างคนต่างดึงหนังสือราวกับเป็นสมบัติล้ำค่าที่ต้องแย่งชิงมาให้ได้ คำครหาต่าง ๆ ก็ดังออกมาปะทะกับโสตประสาทของคนที่ได้ยินเสียงความคิดของผู้อื่นจนเธอแทบจะทนไม่ไหว เพราะแต่ละคำนั้นกระแทกแดกดันบาดลึกถึงหัวใจ และเธอก็ต้องปล่อยมือในที่สุดเมื่อเจอคำพูดที่ทำให้หลงแทบสะอึก
'โอ๊ยอีเด็กเวรนี่!!! พ่อแม่ไม่รักเหรอ ถึงได้ทำตัวทรามกับลูกค้าแบบนี้!!'
ตุ๊บ!!!
"โอ๊ย!!!" เพราะการที่จู่ ๆ หลงก็ปล่อยมือจากหนังสือ เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ลูกค้าสาวตั้งใจจะกระชากกลับจึงทำให้เธอเสียหลักล้มลงไปกองกับพื้น
"แก!!! ผลักฉันเหรอ!!?"


ทางด้านของซอลนั้น ผู้ที่มาเป็นคุณซอล (ตัวปลอม) ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นหนึ่งในบรรดาพี่น้องของเธอนั่นเอง และเรื่องที่คุยกันจะเป็นเรื่องอะไรเสียอีก หากไม่ใช่...
"ซอลแน่ใจจริง ๆ ใช่ไหมว่าเป็นเด็กคนนั้น"
"แน่ใจค่ะ ยังไงก็ต้องเป็นหลงแน่ ๆ แต่แบบ...ซอลจะพูดยังไงดี มันดูเป็นไปได้ยากกว่าทุกคนที่ผ่านมา หลงดูเข้าถึงยาก ดูไม่มีปฏิกิริยาอะไรกับซอลเลยด้วย เฮ้อ..." หญิงสาวตัวเล็กถอนหายใจเฮือก จนคนเป็นพี่เป็นต้องถอนหายใจตาม
"เฮ้อ...พี่ว่าซอลเลิกยึดติดกับไอ้ภาพที่เห็นเถอะ แล้วก็เลิกตามหาคนในภาพนั้นด้วย กี่ครั้งแล้วล่ะซอลที่มันเหมือนจะดี แต่สุดท้ายซอลก็เป็นฝ่ายเจ็บปวดตลอดเพราะเชื่อมั่นในภาพที่เห็น"
"แต่ภาพที่เห็นมันคือสิ่งที่จะเกิดขึ้นจริงในอนาคตนะพี่ฟา ซึ่งที่ผ่านมามันก็เป็นจริงตลอด"
"พี่รู้ว่าซอลสามารถเห็นเหตุการณ์ล่วงหน้าได้ แต่ที่พี่จะบอกน่ะซอล คือพี่อยากให้ทุกอย่างมันดำเนินไปตามทางของมัน อย่าไปเร่งรัด อย่าไปฝืน อย่างก่อนหน้านี้ไง ถ้ามันยังไม่ถึงเวลาซอลก็ไม่ได้เจอหลง ทั้ง ๆ ที่อยู่ใกล้กันแค่นี้เอง" คนเป็นพี่แย้ง น้องสาวตัวเล็กจึงถอนหายใจเฮือกอีกครั้งพร้อมกับฟุบหน้าลงกับโต๊ะทำงานของเธอเอง
"เฮ้อ..."
"เลิกงอแงได้แล้ว แล้วสรุปที่ให้พี่มาจะให้พี่ช่วยอะไร"
"อยากให้พี่เล่นเป็นซอลน่ะ เพราะตอนนี้ซอลปลอมตัวเป็นพนักงานชื่อซอด้วง เพราะอยากใกล้ชิดกับหลงมากขึ้น อยากรู้การเป็นอยู่ของเขา อยากรู้นิสัยใจคอของเขา" 
"หยุดการกระทำแบบนั้นเดี๋ยวนี้เลยนะซอล อยากรู้นิสัยใจคอของเขาแต่ตัวเองยังไม่จริงใจกับเขาเลย ทำไมไม่แสดงตัวล่ะว่าตัวเองเป็นใคร ถ้าหลงรู้ทีหลังจะทำยังไง" เมื่อถูกพี่สาวเอ็ดเข้าให้ เจ้าตัวจึงได้แต่ทำหน้ายู่
"ฮือ...ซอลลืมคิดไปเลย แต่ภาพที่เห็นคือเราสองคนรักกันดีมากเลยนะพี่ฟา หลงไม่น่าจะโกรธหรอกมั้ง หลงต้องเข้าใจในสิ่งที่ซอลทำสิ"
"เมื่อไหร่ซอลจะโตสักที ภาพที่เห็นมันก็เป็นแค่ช่วงเวลาหนึ่งแค่นั้น ถ้ามันเป็นช่วงเวลาที่เกิดก่อนหลงจะรู้ความจริงล่ะ หลังจากที่หลงรู้ความจริงจะเป็นยังไง คิดสิซอล!!"
"ฮือ! อย่าดุหนู ขอเวลาพิสูจน์อีกหน่อยได้ไหม แล้วซอลจะรีบบอกความจริงกับหลงทุกอย่าง"
"ในเมื่อรู้แล้วว่าเป็นหลงแล้วซอลจะพิสูจน์อะไรอีก"
"อยากรู้ว่าถ้าซอลไม่มีอะไรเลย หลงจะรักซอลไหม"
"เฮ้อ...ไร้สาระ รีบบอกความจริงแล้วก็เปิดอกคุยกันว่าเรื่องราวมันเป็นยังไง จะได้เรียนรู้กันและกัน"
"พี่ฟาคิดว่าหลังจะเชื่อเหรอคะ ขนาดพี่ ๆ ยังไม่มีใครเชื่อซอลเลยว่าซอลสามารถเห็นเหตุการณ์ล่วงหน้าได้ ทั้งครอบครัวก็มีแค่พี่ฟาอะพี่ซอลสามารถคุยได้ทุกเรื่อง และก็เชื่อด้วยว่าซอลไม่ได้โกหก ส่วนหลงน่ะเหรอ อย่าไปคิดเลยว่าจะเชื่อในสิ่งที่ซอลพูด"
"ลองพูดดูก่อนไหม ก่อนที่จะตัดสินใครน่ะ"
"ก็เพราะพูดไปแล้วโดนด่ากลับมาไง แถมหลงยังไม่มีท่าทีว่าจะชอบซอลด้วย อะไร ๆ ก็ดูยากไปหมด..."
"แก!!! ผลักฉันเหรอ!!?"
ทันทีที่มีเสียงหนึ่งดังแทรกเข้ามาขัดจังหวะการสนทนาระหว่างสองพี่น้อง ทำเอาสาวสวยทั้งสองถึงกับหันขวับอย่างพร้อมเพรียง
"เสียงเอะอะโวยวายอะไรน่ะซอล" คนเป็นพี่เอ่ยถามพลางกับทำหน้าฉงน
"เจ้าของร้านอยู่ไหน!!? ผู้จัดการอยู่ไหน!!? ฉันจะให้ไล่แกออกวันนี้นี่แหละ!!" สิ้นเสียงตวาดลั่น หญิงสาวตัวเล็กจึงรีบวิ่งออกไปจากห้องทันที พร้อมกับที่พี่สาวของเธอก็วิ่งตามออกไปแบบติด ๆ
ภาพที่เห็นคือ ลูกค้าสาวสะพายกระเป๋าผ้าใบใหญ่พาดที่บ่ากำลังยืนชี้หน้าต่อว่าพนักงานของตน และมีผู้จัดการสาวช่วยควบคุมสถานการณ์อยู่ข้าง ๆ แต่ดูท่าลูกค้าสาวจะไม่ยอมง่าย ๆ ซอลจึงรีบเข้าไปคลี่คลายสถานการณ์ทันที
"สวัสดีค่ะคุณลูกค้า ไม่ทราบว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นคะ ฉันเป็นเจ้าของร้านเองค่ะ" คนตัวเล็กพูด จึงทำให้หลงขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ แต่เมื่อเห็นคนที่ยืนอยู่ข้างหลังคือคุณซอล (ตัวปลอม) เธอจึงคิดว่าหรือนี่จะเป็นการประเมินพนักงานใหม่กันนะ
"อ้อ! คุณเองเหรอคะที่เป็นเจ้าของร้าน ขอโทษนะคะ คุณรับพนักงานนิสัยเสียแบบนี้มาได้ยังไงคะ" ลูกค้าสาวพูดอย่างหัวเสีย
"พนักงานของฉันทำอะไรเหรอคะ"
"ฉันกำลังเลือกหนังสืออยู่ดี ๆ แล้วเห็นว่าที่ร้านคุณมีหนังสือลิมิเต็ดเล่มนี้ที่ฉันอยากได้มานานแล้ว ฉันก็เลยถามยัยพนักงานนี่ว่าขายไหม มันบอกฉันว่าไม่ขาย ฉันก็บอกว่ายืนยันที่จะซื้อ แพงแค่ไหนก็จ่ายได้ แล้วมันก็แย่งหนังสือจากมือฉันแล้วก็ผลักฉันล้ม คือมันสมควรไหม!!? บอกฉันดี ๆ ก็ได้!!!" ซอลสังเกตเห็นว่าหลงไม่ได้มีปฏิกิริยาใด ๆ กับคำพูดของลูกค้าใจร้อนผู้นี้ เธอเอาแต่ยืนเงียบไม่โต้ตอบ ซอลจึงผายมือออกด้านหน้าด้วยท่าทีนอบน้อม
"ขอฉันดูหนังสือเล่มที่ว่าหน่อยได้ไหมคะ" พูดจบ ลูกค้าสาวจึงยื่นหนังสือลิมิเต็ดปกแข็งให้กับคนเป็นเจ้าของที่แท้จริง
"อ๋อ...เล่มนี้นี่เอง เป็นหนังสือที่ดีมากเลยนะคะ แถมยังเป็นเล่มที่ผลิตออกมาแค่ห้าเล่มเท่านั้น กว่าฉันจะได้มาก็ลำบากมากเลยค่ะคุณลูกค้า และเพราะฉันเห็นว่ามันเป็นหนังสือที่ดี ฉันจึงอยากให้ทุกคนได้อ่านและได้สัมผัสหนังสือเล่มนี้กับตาตัวเองน่ะค่ะ ทางเราต้องขออภัยจริง ๆ นะคะที่ไม่สามารถขายเล่มนี้ได้"
"ค่ะ ฉันเข้าใจค่ะ บอกฉันดี ๆ ก็ได้ ไม่เห็นต้องแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวกับฉันเลย คุณจะจัดการเด็กคนนี้ยังไง!?"
"ต้องขออภัยกับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของพนักงานด้วยนะคะ เดี๋ยวฉันจะจัดการในส่วนนั้นเองค่ะ วันนี้ฉันขออนุญาตให้สิทธิพิเศษคุณลูกค้าเลือกหนังสือสำหรับจำหน่ายในร้านได้ฟรีสามเล่มเลย ดีไหมคะ"
"ดีค่ะ แต่ห้าเล่มนะคะ เพราะสามเล่มมันน้อยเกินไปกับความรู้สึกของฉันที่เสียไป เพราะฉันก็มาร้านคุณบ่อยน่ะนะ เลยจะไม่เอาเรื่อง และฉันก็ไม่อยากมีเรื่องด้วย ยังดีที่คุณเจ้าของร้านแสดงความรับผิดชอบแบบนี้"
"ได้ค่ะ คุณลูกค้าจะได้รับหนังสือสำหรับจำหน่ายเล่มใดก็ได้ ฟรีห้าเล่มเลยนะคะ ฉันต้องขออภัยจริง ๆ นะคะ และฉันจะอบรมพนักงานให้ดี ไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกแน่นอนค่ะ"
"ดีค่ะ ฝากจัดการต่อด้วยนะคะ"
"ได้ค่ะคุณลูกค้า เดี๋ยวฉันจะให้ผู้จัดการดูแลแทนนะคะ"
"ค่ะ" 
เมื่อการประนีประนอมเป็นไปอย่างราบรื่น ผู้จัดการสาวจึงรับช่วงต่อในการดูแลลูกค้าผู้ไม่หวังดี หญิงสาวเจ้าของนัยน์ตาสีดำก็ยังคงยืนนิ่ง ก่อนดวงตาคู่นั้นจะสบประสานกับดวงตาสีน้ำตาอ่อนจนทำให้ซอลถึงกับชะงัก
ท่าทีดูนิ่งเฉย...แต่แววตาที่แสดงความเจ็บปวดแบบนั้นมันหมายความว่ายังไง... ซอลไม่อาจหาคำตอบจากนัยน์ตาสีดำนั้นได้เลย
"ขอโทษนะคะคุณซอล หนูไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น" หลงเอ่ยพร้อมกับยกมือไหว้แสดงความขอโทษคนเป็นนายตัวปลอมด้วยท่าทีสำนึกผิด แต่เพราะเจ้าตัวไม่ได้ชื่อซอล เธอจึงเอาแต่ยืนเฉย ไม่ได้สนใจคำพูดของเธอแม้แต่น้อย
เราต้องโดนคุณซอลไล่ออกแน่ ๆ
หลงคิดในใจพลางกับถอนหายใจเฮือก และก้มหน้าสำนึกผิด ก่อนคุณซอลตัวจริงจะสะกิดคนเป็นพี่ จนเจ้าตัวถึงกับสะดุ้ง
"ฮะ!? อะไรนะ!?" เธอตอบอย่างลนลาน
"หนูขอโทษนะคะ"
"เข้าไปรอฉันในห้อง เรามีเรื่องต้องคุยกัน!" สิ้นคำพูดของเจ้านายตัวปลอม หลงถึงกับเดินคอตกเข้าไปในห้องทำงานอย่างว่าง่าย
"เข้าไปเคลียร์กันเองนะซอล"
"เฮ้ย!! พี่ฟา!! ทำไมโยนมาให้กันแบบนี้ล่ะ วันนี้คือช่วยตามน้ำซอลไปก่อนได้ไหม!?"
"พี่บอกว่ายังไง ซอลไม่ควรปลอมตัวหรือทำอะไรแบบนี้นะ ความรู้สึกคนเราไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะซอล ถ้าวันหนึ่งเกิดหลงเชื่อใจซอด้วงแล้วมารู้ความจริงว่าคือคุณซอลเจ้าของร้านจะทำยังไง คิดสิคิด ถ้าเราไม่ชอบให้ใครมาหลอก ซอลก็ไม่ควรหลอกใคร เข้าใจไหม" คนเป็นพี่ร่ายยาว 
"โอเค ๆ ซอลสำนึกผิดไม่ทันแล้ว เฮ้อ..."
"อย่ามางอแง ไม่ต้องมาเฮ้อด้วย พี่ต้องกลับแล้ว"
"ฮือ...อยู่ช่วยซอลอีกหน่อยได้ไหม"
"ไปจัดการต่อเองเลย ทำอะไรไม่เข้าเรื่อง!"
"ฮือ!! พี่ฟาชอบดุซอลอะ!!"
"มันน่าดุไหมล่ะ!!?" 
คนตัวเล็กได้แต่ทำหน้าหงอยเมื่อถูกพี่สาวดุเข้า ใจจริงเธอก็ไม่ได้อยากโกหกหรือปิดบังตัวตนอะไรนักหรอก แต่เธอแค่อยากให้หลงสามารถเข้าหาเธอได้มากขึ้นโดยไม่มีการแบ่งแยกความเป็นนายกับลูกน้องก็เท่านั้น เพราะแม้แต่ผู้จัดการสาวหรือจิ้งหรีด หลงยังไม่กล้าเข้าหา แล้วนับประสาอะไรกับเจ้าของร้านอย่างเธอ
ระหว่างที่ซอลครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี ผู้จัดการสาวและลูกค้าสาวก็เดินกลับมาพร้อมกับหนังสือในมือห้าเล่มที่ล้วนแล้วแต่เป็นหนังสือปกแข็งที่มีราคาสูงทั้งนั้น ก่อนเธอจะเร่งฝีเท้าเดินออกจากร้านไป จนซอลอดคิดไม่ได้เลยว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้น มันเป็นความตั้งใจของเจ้าตัวหรือไม่
"พี่จิ้งหรีด ยอดเท่าไหร่คะ" ซอลกระซิบถาม
"หนังสือทั้งหมดที่ลูกค้าเลือกรวม ๆ แล้ว เกือบสามพันค่ะคุณซอล" จิ้งหรีดตอบ
"อืม...เปิดไฟล์กล้องวงจรปิดในร้านให้เราดูหน่อย"
"คุณซอลก็คิดว่ามันแปลกเหมือนกับที่พี่คิดใช่ไหมคะ"
"ใช่" ทั้งสองไม่ว่าเปล่า ก่อนจะเดินเข้าไปในเคาน์เตอร์เพื่อตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด หลังจากนั้นไม่นาน พนักงานหนุ่มก็เดินเข้ามาพร้อมกับลังหนังสือที่เขาแบกขึ้นบ่ามาด้วย
"คุณซอลครับ ผมไปรับหนังสือมาแล้วนะครับ ให้ผมกับหลงจัดขึ้นชั้นเลยไหมครับ"
"..." ซอลและจิ้งหรีดเงียบเพราะวุ่นกับการเปิดหาไฟล์จากกล้องวงจรปิดด้วยความขะมักเขม้นจนเป็นเขาเองที่ต้องเดินเกาศีรษะจากไปด้วยความมึนง
ภาพจากกล้องวงจรปิดแสดงให้เห็นว่า แท้จริงแล้วนั้นหลงไม่ได้ผลักลูกค้าอย่างที่ถูกกล่าวหาแต่อย่างใด นอกจากยืนอยู่นิ่ง ๆ ให้ลูกค้าต่อว่าเท่านั้น จนเป็นซอลเองที่เหลืออดเมื่อเห็นเหตุการณ์ต่าง ๆ ด้วยตาของตัวเอง ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องทำงานของตนด้วยความโกรธ
ตึ้ง!!
"หลง!! ทำไมถึงเอาแต่เงียบล่ะ!!? ทำไมไม่พูดออกมา ทำไมถึงไม่พูดความจริงว่าไม่ได้ทำ!!?" คนเป็นนายต่อว่าทันทีที่เปิดประตูได้ แต่เจ้าตัวกลับนั่งหันหลังอยู่บนเก้าอี้ด้านหน้าโต๊ะทำงานโดยไม่หันมามองเธอแม้แต่น้อย
"หลง!! เราพูดน่ะได้ยินไหม!!?"
พรึบ!
ทันทีที่ซอลกระชากแขนของหลงให้หันมาทางเธอ ทำให้เห็นนัยน์ตาสีดำขลับที่เต็มไปด้วยประกายของน้ำตาจนทำให้ซอลถึงกับชะงัก
"ล...หลง..." เธอเอ่ยเสียงแผ่ว หลงจึงเบือนหน้าหลบไปทางอื่นพร้อมกับก้มหน้าเอาไว้ราวกับกลัวว่าเธอจะเห็นน้ำตาเข้า
"คุณซอลจะไล่หลงออกไหม"
"ม...ไม่หรอก แต่ทำไมหลงถึงไม่เถียงล่ะ มัวยืนเฉยอยู่ทำไม"
"หลงไม่กล้า หลงกลัวทุกคนจะลำบากถ้าเถียงลูกค้า"
"แต่คือหลงไม่ได้ทำอะไรผิดนี่! มันก็ต้องโต้ตอบบ้างนะหลง"
"หลงขอโทษค่ะ หลงแค่คิดว่ายอม ๆ ไปมันก็คงจบ แล้วค่าหนังสือที่ลูกค้าคนนั้นเลือกไปรวม ๆ แล้วเป็นเท่าไหร่ หลงจะจ่ายเอง"
"ไม่ต้องหรอก คุณซอลไม่ได้ว่าอะไร แต่แค่ไม่เข้าใจว่าทำไมหลงถึงไม่ตอบโต้อะไรเลย จะยอมให้คนอื่นเขาเอาเปรียบแบบนี้ไม่ได้นะหลง" หลงไม่ตอบอะไรและเลี่ยงที่จะสบตากับคนเป็นพี่เพราะตอนนี้น้ำตาเจ้ากรรมไม่อาจกักเก็บเอาไว้ได้อีกแล้ว
มือเล็กข้างซ้ายเอื้อมมาวางบนบ่าข้างขวาของคนตัวสูงเอาไว้ ก่อนจะออกแรงบีบเบา ๆ เพื่อปลอบประโลมเจ้าตัวที่เอาแต่นั่งเงียบและเบือนหน้าหลบไปอีกทาง ท่าทีของหลงคล้ายคนปัดความรำคาญและไม่ต้องการคนปลอบโยนในสถานการณ์แบบนี้ แต่หลงกลับเอื้อมมือข้างหนึ่งมาจับที่ชายกระโปรงของคนตัวเล็กเอาไว้ ราวกับเด็กน้อยกำลังโกรธคนเป็นแม่อยู่แต่ก็กลัวว่าจะถูกทิ้งเอาไว้ให้อยู่คนเดียวอย่างไรอย่างนั้น
ตอนนี้หลงต้องกำลังรู้สึกแย่อยู่แน่ ๆ หลงเป็นคนยังไงกันนะ ต้องเคยเจออะไรมาก่อนแน่ ๆ ถึงได้ชอบเก็บตัวและดูเข้าถึงยากแบบนี้ วันนี้เรารู้สึกว่าความจริงแล้ว หลงน่ะ...เปราะบางมาก มากเสียจนต้องสร้างกำแพงเพื่อปิดกั้นตัวเองเอาไว้แน่นหนา และการที่หลงดูอ่อนแอขนาดนี้คือคงเก็บเอาไว้ไม่ไหวแล้วแน่ ๆ
ซอลคิดในใจพลางกับตบที่บ่าของหลงเบา ๆ จริงอย่างที่เธอคิด หลงชอบเก็บตัว แต่ก็ไม่ได้ปิดกั้นทุกคนเสียทีเดียว เพราะเธอยังต้องการใครสักคนที่จะคอยอยู่เคียงข้างและไม่ตัดสินเธอก็เท่านั้น
"เคยอ่านหนังสือเล่มที่ลูกค้าคนนั้นอยากได้ไหม" ซอลเปลี่ยนเรื่องเพื่อที่จะผ่อนคลายสถานการณ์ในตอนนี้ลง หลงจึงส่ายหน้าช้า ๆ แต่ก็ยังไม่หันกลับมามองผู้พูด
"เดี๋ยวเราจะเล่าให้ฟังเอาไหม ว่าเรื่องมันเกี่ยวกับอะไร" 
"..." หลงพยักหน้า รอยยิ้มเล็ก ๆ จึงผุดขึ้นบนใบหน้าของหญิงสาวตัวเล็กอย่างนึกเอ็นดู
"มันเป็นนวนิยายแนวแฟนตาซีลึกลับที่เราชอบมาก ๆ เลยล่ะ ตัวเอกของเรื่องน่ะมีความคิดว่าอยากถอดวิญญาณเพื่อที่จะสื่อสารกับคนรักที่จากไปแล้ว เขาพยายามหาวิธีต่าง ๆ นานาเพื่อที่จะถอดวิญญาณแต่ก็ทำไม่สำเร็จ จนกระทั่งวันหนึ่ง...เป็นช่วงเวลาโพล้เพล้ที่คนโบราณเรียกว่าผีตากผ้าอ้อม คือท้องฟ้าจะเปลี่ยนเป็นสีส้ม เพราะอาทิตย์กำลังจะตกดินแล้ว ว่ากันว่าเป็นช่วงคาบเกี่ยวระหว่างโลกมนุษย์และโลกวิญญาณ ตัวเอกของเรื่องเหนื่อยจากการทดลองและพิสูจน์วิธีต่าง ๆ จึงผล็อยหลับไป แล้วเขาก็รู้สึกได้กลิ่นหอมลอยมาแตะจมูก พอเขาตื่นมา เขาเห็นคนรักที่จากไปแล้วกำลังนั่งทับส้นเท้าอยู่ข้าง ๆ ร่างของผู้หญิงส่องแสงเป็นประกายวิบวับและมีปีกเหมือนกับนางฟ้า สิ่งที่เขาทำสำเร็จไม่ใช่การถอดวิญญาณ แต่เป็นการเรียกวิญญาณของคนรัก ซึ่งก็คือนางเอกนั่นแหละกลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง..."
"แล้ว...เป็นยังไงต่อคะ" หลงหันมาถามด้วยความสนใจ ทั้งที่ความจริงแล้วเธอกลัวเรื่องอย่างนี้ยิ่งกว่าอะไรดี แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าเธอสนใจเพราะคนเล่าทำให้เธอลืมเรื่องแย่ ๆ ต่างหาก
รอยยิ้มเล็ก ๆ แต้มบนใบหน้าของหญิงสาวตัวเล็กอีกครั้งเมื่อเห็นอีกคนให้ความสนใจแต่ใบหน้ายังเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา
"การที่นางเอกกลับมา ไม่ใช่กลับมาอยู่กับพระเอก แต่เป็นการกลับมาแก้ไขสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่งพระเอกจะได้เจอกับนางเอกตั้งแต่ช่วงเวลาโพล้เพล้เท่านั้น พอพระอาทิตย์เริ่มขึ้น นางเอกก็จะหายไป และสิ่งที่แลกมาก็คือ พระเอกได้เจอกับวิญญาณมากหน้าหลายตาที่เข้ามาขอความช่วยเหลือ ทำให้พลังของพระเอกลดลง..."
"ต่อสิพี่ซอ"
"ไม่ดีกว่า...ถ้าอยากฟังต่อ เย็นนี้ต้องไปกินข้าวกับเรา ตกลงไหม" 
คนตัวเล็กพูดพลางกับอมยิ้มอย่างมีเลศนัย หลงตึงปาดน้ำตาก่อนจะพ่นลมหายใจออกมา เธอนี่มันเจ้าเล่ห์เสียจริง...
"ว่าไง จะไปไม่ไป ถ้าไม่ไปเราไม่เล่าให้ฟัง"
"หลงไปอ่านเองก็ได้"
"ว้า...คงไม่ได้หรอก เห็นคุณซอลบอกว่าจะเอากลับไปไว้บ้านแล้วนะ เพราะไม่อยากให้มีปัญหาอีกน่ะ"
"ไหงงั้นล่ะ!!!?" 
"ก็แค่ยอมไปกินข้าวกับเราเอง เดี๋ยวเราเลี้ยง"
"ไม่" ปากว่า แต่มือก็ยังคงจับที่ชายกระโปรงของอีกคนไม่ยอมปล่อย จนซอลถึงกับหลุดขำพรืด
"จะดึงกระโปรงเราอีกนานไหมหลง" ทันทีที่ได้สติ หลงจึงชักมือกลับอย่างทันควัน นี่เธอกำที่กระโปรงสีชมพูจนยับยู่ยี่ไปหมด แต่เจ้าตัวก็ดูไม่มีทีท่าว่าจะโกรธแต่อย่างใด กลับอมยิ้มดูมีความสุขเสียด้วยซ้ำ
"พี่ยิ้มอะไร"
"ยิ้มที่เธอดูเหมือนเด็ก"
"พี่ดูเหมือนเด็กมากกว่าหลงอีกเถอะ ตัวเล็กนิดเดียว"
"ตัวเล็ก ๆ น่ารักจะตาย เธอไม่ชอบเหรอ" 
ก็จริงอยู่ที่เธอน่ะหน้าตาน่ารัก แต่การถูกถามแบบนี้ ใครล่ะจะทำตัวถูก
"แล้ว...คุณซอลไม่เข้ามาคุยกับหลงเหรอคะ ไหนบอกว่ามีเรื่องจะคุยกับหลงไง"
"ไม่มีหรอก คุณซอลให้เรามาปลอบเธอน่ะ"
"อ้าว...หลงไม่โดนไล่ออกเหรอ"
"ใครจะไปไล่ออก ก็บอกแล้วไงว่าแค่ไม่เข้าใจว่าถ้าไม่ได้ผิดแล้วทำไมถึงไม่ตอบโต้ ดีนะที่ไม่มีใครเป็นอะไร"
"หลงขอโทษค่ะ ขอบคุณนะคะพี่ซอที่ช่วยคุยกับลูกค้าให้"
"อืม ไม่เป็นไร ยังไงมันก็หน้าที่เราอยู่แล้ว"
"อ๋อ...งั้นเย็นนี้หลงขอเลี้ยงพี่บ้างได้ไหม" ซอลแปลกใจเล็กน้อยที่หลงเป็นฝ่ายขอเลี้ยงมื้อเย็นเธอ และแววตาของหลงก็ดูเปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน คล้ายกับว่าเธอกำลังรู้สึกอุ่นใจ...
"อืม เอาที่เธอสบายใจนะหลง เรายังไงก็ได้"
"โอเคค่ะ งั้นหลงว่าเรากลับไปทำงานดีกว่า เข้ามานั่งอยู่ในห้องคุณซอลแบบนี้เหมือนหนีมาอู้งานเลย ถ้าคุณซอลรู้เข้าคงโกรธหลงน่าดู" พูดจบหลงก็ลุกขึ้นยืดตัวตรงพร้อมกับจัดปกเสื้อให้เข้าที่ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปเหลือแค่เพียงหญิงสาวตัวเล็กอยู่ภายในห้อง
พอเห็นแววตาที่หลงมองมาแล้ว...มันทำให้เราไม่กล้าพูดความจริงออกไปเลย... ซอลคิดในใจ

เวลาล่วงเลยผ่านไปจนถึงเวลาเลิกงาน วันนี้หลงไม่ได้ดูรีบกลับอย่างเช่นทุกครั้งจนคนอื่น ๆ อดสงสัยไม่ได้ ยิ่งเธอเดินขึ้นรถยนต์ของคนเป็นนาย ยิ่งทำให้คนอื่นสงสัยหนักขึ้นไปอีก จากที่หลงไม่เคยเข้าหาใครก่อนเลย แต่ไฉนเธอถึงได้ดูตื่นเต้นที่จะได้เดินขึ้นรถเสียด้วยซ้ำ
"พี่จิ้ง ผมถามจริง ๆ นะ ตอนนี้คุณซอลกำลังทำอะไรอยู่กันแน่" ฮัคเอ่ยถามพลางกับมองไปที่หญิงสาวทั้งสองที่กำลังเดินขึ้นรถไปพร้อมกัน
"แกจะรู้ไปทำไม"
"ผมว่ามันแปลก ผมต้องรู้ให้ได้ว่าคุณซอลคิดที่จะทำอะไร"
"ประเมินพนักงานไง"
"มันไม่เห็นจะเหมือนการประเมินเลยนะพี่จิ้ง เหมือนกับ...คุณซอลกำลังจีบเจ้าหลงเลย" ผู้จัดการสาวชะงักเล็กน้อย การที่เขาดูออกมันไม่แปลกหรอก ถ้าเขาดูไม่ออกน่ะสิถึงจะแปลก
"จีบบ้าจีบบออะไรวะ ไร้สาระ!! แกหึงหรือไง"
"..." เขายักไหล่ก่อนจะเดินไปคว้าสายกระเป๋าของตนและเดินขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์คู่ใจ แต่ผู้จัดการสาวกลับหัวใจสั่นไหวเพราะท่าทีของเขาทั้งที่เจ้าตัวก็ไม่รู้ตัวเสียด้วยซ้ำ
แกคงไม่ได้ชอบเจ้าหลงหรอกใช่ไหมฮัค...ทำไมทุกครั้งที่ฉันถามแบบนี้ แกต้องเดินหนีฉันตลอดเลย... จิ้งหรีดคิดในใจพลางกับถอนหายใจเฮือก


"พี่ชอบกินบะหมี่เกี๊ยวเหรอพี่ซอ" หลงเอ่ยถามพลางกับมองหญิงสาวตัวเล็กกำลังใช้ตะเกียบไม้คีบเส้นบะหมี่ลงบนช้อนก่อนจะนำเข้าปากแบบคำโต ๆ
"อื้อ" ต่อให้ไม่บอกหลงก็รู้ เพราะท่าทางเธอดูเอร็ดอร่อยเชียวล่ะ
"พี่ซอ หลงขอถามจริง ๆ นะ"
"ว่าไง"
"พี่ก็ดูมีทุกอย่างนะ มองผ่าน ๆ พี่เหมือนคุณหนูด้วยซ้ำ พี่จะมาทำงานแบบนี้ทำไมเหรอ พี่มีรถยนต์ขับ ข้าวของบนรถและของที่พี่ใช้ก็ดูแพง ๆ ทั้งนั้น และที่หลงแปลกใจคือ ทำไมพี่ถึงรู้ว่าหนังสือเล่มนั้นมันเป็นรุ่นลิมิเต็ด แล้วทำไมพี่ถึงเคยอ่านทั้ง ๆ ที่มันเป็นรุ่นที่ผลิตออกมาแบบจำกัดแค่ห้าเล่มเท่านั้น ที่สำคัญ...มันเป็นหนังสือของคุณซอล และพี่เพิ่งจะได้มาทำงานที่ร้าน พี่ไปอ่านมาจากไหน" คำถามของหลงทำเอาซอลถึงกับชะงัก เพราะเธอไม่คิดว่าหลงจะเก็บรายละเอียดทุกสิ่งทุกอย่างได้ถึงเพียงนี้ เพราะแม้แต่เธอเองยังมองข้ามสิ่งต่าง ๆ เสียด้วยซ้ำ 
"เราเคยอ่านที่เขารีวิวน่ะ รีวิวแบบละเอียดเลย ก็เลยได้รู้เนื้อเรื่องมาบ้าง" ซอลยังเลี่ยงที่จะบอกความจริงไปอยู่ดี
"เหรอคะ แต่ก็ช่างเถอะ มันชีวิตของพี่นี่เนอะ หลงไม่ขอก้าวก่าย" ว่าพลางกับคีบเกี๊ยวหมูในถ้วยไปวางไว้บนถ้วยของหญิงสาวตัวเล็กถึงสองชิ้น จนเจ้าตัวเงยหน้ามามองด้วยความฉงน
"หลงเอาเกี๊ยวมาให้เราทำไม"
"กินเยอะ ๆ นะ จะได้โตไว ๆ"
"..." รอยยิ้มผุดบนใบหน้าของหลงเล็กน้อยอย่างไม่รู้ตัว 
ตึกตัก! ตึกตัก! ตึกตัก!
นี่เรา...ได้เห็นรอยยิ้มนั่นจากหลงแล้ว...
จู่ ๆ หัวใจก็เต้นโครมครามขึ้นมาเสียอย่างนั้น คงจะเป็นเพราะได้เห็นรอยยิ้มจากคนหน้าดุ ที่แม้แต่เจ้าตัวคงยังไม่รู้ตัวเสียด้วยซ้ำ ต่อให้มันจะเป็นแค่การกระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อย แต่แววตาที่สื่อออกมานั้นมันชัดเจนยิ่งกว่าคำพูดเสียอีก ว่าตอนนี้คนตรงหน้ากำลังมีความสุขอยู่น่ะสิ
"พี่เล่าเรื่องนั้นให้ฟังต่อหน่อยสิ"
"เล่าตอนกินข้าวเนี่ยนะ จะดีเหรอ"
"ดีสิ"
"ตอนนั้นเล่าถึงไหนแล้วนะ"
"เล่าถึงตอนที่มีวิญญาณมากหน้าหลายตามาขอความช่วยเหลือ ทำให้พลังงานของพระเอกลดลง" 
ใช่...หลงน่ะ เก็บรายละเอียดและจดจำทุกอย่างได้ดีอย่างน่าเหลือเชื่อจริง ๆ
"อ๋อ...หลังจากนั้นมันก็เป็นการช่วยเหลือวิญญาณเร่ร่อนที่มาขอความช่วยเหลือน่ะ โดยมีนางเอกคอยปกป้อง เพราะมันมีทั้งวิญญาณที่ดีและไม่ดี ที่หนักสุดนะ มาขี่คอพระเอก และก็มาเหยียบที่กลางอกจนสะดุ้งตื่นเพราะหายใจไม่ออก แบบ...จินตนาการตามดูนะ มันเป็นช่วงเวลาโพล้เพล้เหมือนตอนนี้เลย" ว่าพลางกับแหงนหน้ามองบนท้องฟ้า ซึ่งตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่อาทิตย์อัสดงกำลังจะลาลับขอบฟ้าไปแล้ว ทำให้หลงเข้าใจถึงบรรยากาศในเนื้อเรื่องมากยิ่งขึ้น
"คิดดูว่า ตัวเองกำลังนอนอยู่ก็รู้สึกแน่นหน้าอกจนหายใจไม่ออก พอลืมตาขึ้นมาแทนที่จะเห็นคนรักตัวเอง แต่มันกลับไม่ใช่อย่างนั้น เพราะภาพที่เห็นคือมีร่างผู้หญิงคนหนึ่งตัวเปื้อนเลือดตั้งแต่หัวจรดเท้า กำลังยืนอยู่บนอกเรา แล้วก็ก้มหน้ามามองเราอยู่..."
"พอแล้วพี่!!! ไม่ต้องละเอียดขนาดนั้นก็ได้!!!"
"อ้าว...ไหนบอกอยากให้เล่าไง"
"ก็นึกว่ามันจะเป็นพวกแฟนตาซี มีพลังวิเศษอะไรแบบนี้อะ นี่มันนิยายผีชัด ๆ"
"ใช่ไง เรายังเล่าไม่จบไง พระเอกจะสามารถใช้พลังได้นะ แต่ก็ต้องเจอผีด้วย"
"พอ ๆ ไม่ฟังแล้ว ไม่อยากฟัง" หลงมีท่าทีกระฟัดกระเฟียดเล็กน้อย เพราะเธอกลัวผีขึ้นสมอง แถมคืนนี้ยังต้องนอนคนเดียวอีก ไม่น่าเลยจริง ๆ ไม่น่าอยากให้เล่าต่อเลย!
ซอลแอบอมยิ้มมุมปากที่เห็นปฏิกิริยาของหลงที่เป็นไปตามคาดหมาย แท้ที่จริงแล้ว เรื่องที่เธอเล่าน่ะ มันเรื่องโกหกทั้งเพ เพราะเธอมีจุดประสงค์อื่นแอบแฝงอยู่ต่างหาก


เมื่อรถเก๋งสีขาวมาจอดยังลานจอดรถของหอพักที่วันนี้รู้สึกว่ามันน่ากลัวกว่าทุกวัน เพราะกว่าจะกลับมาถึงหอพัก เจ้าตัวเล่นขับวนรอบเมือง อ้างอยากซื้อนั่นอยากซื้อนี่เยอะแยะเต็มไปหมด จนเวลาล่วงเลยมาถึงสองทุ่มเข้าไปแล้ว หลงจึงได้แต่นั่งมองออกไปยังนอกหน้าต่างรถด้วยความหวาดผวาจนไม่กล้าที่จะเปิดประตูลงจากรถ
"อ้าว ไม่ลงรถเหรอ" ซอลเอ่ยถาม
"พี่..."
"ว่าไง"
"เอ่อ..."
"มีอะไรก็พูดมาสิหลง"
"คือ..." หลงยังคงอ้ำอึ้งและบีบมือตัวเองเอาไว้แน่นเพราะไม่กล้าที่จะถามออกไป
"ถ้าไม่มีอะไรเรากลับแล้วนะ"
"เดี๋ยวสิ!!!"
"อะไรหลง มีอะไรก็พูดมา"
"คืนนี้นอนเป็นเพื่อนหลงหน่อยได้ไหมอะ..."
ในที่สุด...หลงก็ยอมให้ค้างด้วยจนได้ หึหึ...