4 ห้องหัวใจ

4 ห้องหัวใจ
#เรามีแค่เธอ | omelet.

แนะนำตัวละคร
ภายในห้องนอนที่ถูกประดับตกแต่งใหม่ทั้งหมดเป็นโทนสีฟ้ารับกับสีขาวทำให้ดูสบายตามากยิ่งขึ้น จากเดิมที่ผนังห้องนอนเคยเป็นสีเทาและผ้าม่านสีทึบที่ไม่เคยเปิดรับแสงเลยสักครั้ง ทำให้บรรยากาศดูอึมครึม แต่ตอนนี้ห้องนอนราวกับเนรมิตขึ้นมาใหม่ ข้าวของทุกอย่างถูกจัดเก็บให้เข้าที่เป็นระเบียบเรียบร้อย
20:21
หญิงสาวผมสีบลอนด์นั่งมองตัวเลขสีแดงจากไฟ LED สีน้ำเงินที่แสดงเวลาอยู่บนนาฬิกาดิจิตอลเรือนไม้ตั้งโต๊ะ ตอนนี้ความรู้สึกโดดเดี่ยวกำลังครอบงำจิตใจของเธอ จากก่อนหน้านี้ภายในบ้านของเธอเต็มไปด้วยเหล่านักดนตรีและนักร้องนำคนใหม่ที่เธอเพิ่งจะได้ร่วมงานด้วย แต่ตอนนี้เหลือเพียงความเงียบสงัดเพราะทุกคนแยกย้ายไปทำหน้าที่กันหมดแล้ว
ตื๊ด...ตื๊ด...ตื๊ด...ตรู๊ด ตรู๊ด ตรู๊ด ตรู๊ด ~
ตื๊ด...ตื๊ด...ตรู๊ด ตรู๊ด ตรู๊ด ตรู๊ด ~
รับสายสักทีสิคัพ...เราขอโทษ เราไม่ได้ตั้งใจ
ตื๊ด...ตื๊ด...ตรู๊ด ตรู๊ด ตรู๊ด ตรู๊ด ~
บริการฝากหมายเลขโทรกลับ welcome to call back service~
เมื่อไม่สามารถติดต่อปลายสายได้อีก ไข่เจียว จำต้องถอดใจในที่สุด ก่อนจะวางโทรศัพท์ลงที่ข้างตัว แล้วใช้มือทั้งสองข้างสอดเข้าใต้โคนผมสีบลอนด์ทองและใช้ปลายนิ้วจิกที่ศีรษะอย่างแรงเพื่อบรรเทาอาการปวดศีรษะอย่างหนักที่ไม่มีทีท่าว่าจะลดลง ซึ่งอาการเจ็บปวดนั้นลามมาถึงเบ้าตาข้างขวาทำให้เธอต้องทิ้งตัวลงนอนบนฟูกพร้อมกับขดตัวด้วยความทรมาน
"คัพ ฮึก ๆ เราขอโทษ..."
ผ้าปูที่นอนสีฟ้าเปียกปอนไปด้วยหยดน้ำตา เธอไม่อาจกักเก็บความเสียใจและความรู้สึกผิดเอาไว้ได้อีกแล้ว เธอใช้มือยันร่างของตนลุกขึ้นจากที่นอน ก่อนจะพยายามประคองร่างที่โซซัดโซเซไปคว้าคอกีต้าร์หลังเต่าสีปีกแมลงทับที่ได้รับเป็นของขวัญวันเกิดมานั่งลงที่บนเตียงอีกครั้ง
แต่ง ~ แต่ง ~
เสียงสายกีต้าร์ถูกปรับอย่างชำนาญโดยไม่มีผิดเพี้ยน ซึ่งสภาพกีต้าร์นั้นยังดูใหม่ราวกับไม่เคยถูกใช้งาน แม้แต่สายกีต้าร์ยังคงสภาพเดิมเพราะเจ้าของนั้นดูแลและทำความสะอาดเป็นอย่างดี
"บอกจริง ๆ ว่าฉันไม่อยากทำตัวไม่ดี และฉันไม่อยากเป็นคนไม่ดี ทุกอย่างลวงตา...ฮึก ๆ" ไข่เจียวพยายามร้องเพลงควบคู่กับเล่นกีต้าร์เพื่อที่จะบันทึกเสียงส่งไปหาใครบางคนที่เธอคิดถึง แต่เพราะมีเสียงสะอื้นติดไปด้วย เธอจึงรีบกดยกเลิกการส่งทันที ก่อนจะพยายามรวบรวมสติตัวเองอีกครั้ง
"บอกจริง ๆ ว่าฉันไม่อยากทำตัวไม่ดี... ฮึก ๆ แม่งเอ๊ย!!! นี่มันไม่ใช่เวลาจะมาทำแบบนี้!!" สิ้นคำพูด ไข่เจียวรีบนำกีต้าร์หลังเต่าสีปีกแมลงทับใส่ลงไปในกระเป๋ากีต้าร์ ก่อนจะเดินไปหลังบ้านโดยใช้มือขวากุมที่ศีรษะตัวเองเอาไว้ แม้จะทรมานจากการปวดศีรษะมากแค่ไหนก็ตาม แต่ตอนนี้เธอควรที่จะอยู่หน้าร้าน '4 Clover' ได้แล้ว


ไข่เจียวพยายามพาร่างของตนเดินไปตามถนนหนทางยามค่ำคืนพลางกับใช้มือขวากุมศีรษะเอาไว้ ส่วนมือด้านซ้ายนั้นมีก้านต้นโหระพาถูกมัดรวบด้วยหนังยางสีแดง พร้อมทั้งสะพายกระเป๋ากีต้าร์เอาไว้ด้านหลัง
รอก่อนนะคัพ...เราจะถึงแล้ว...
เธอคิดในใจพลางกับเหลียวมองไปยังจุดหมายปลายทางที่อยู่อีกฟากของถนน ซึ่งไฟ LED จากป้ายหน้าร้านนั้นถูกปิดเอาไว้แล้ว แต่ยังคงมีแสงไฟสลัว ๆ ส่องออกมาจากในร้าน คาดว่าเจ้าของร้านคงกำลังปิดร้านอยู่เป็นแน่ แต่เมื่อเธอเดินใกล้เข้าไปยังไม่ทันที่จะได้ข้ามถนน เธอก็ได้เห็นสาวสวยคนหนึ่งที่เธอรู้สึกคุ้นตาเดินออกมาจากในร้าน ก่อนคนในร้านจะโบกมือลา พลางกับยืนส่งสาวสวยคนนั้นขึ้นรถเก๋งสีขาวขับออกไปจนลับตา
ทำไมทั้งสองถึงได้ดูสนิทสนมกันนัก แถมยังอยู่ด้วยกันจนร้านปิด ที่มือสาวสวยคนนั้นก็ไม่เห็นมีช่อดอกไม้ติดมือออกมาสักช่อ เธอได้แต่คิดในใจด้วยความสับสน พลางกับยืนมองเจ้าของร้านอยู่อีกฟากของถนน ก่อนจะรีบวิ่งข้ามถนนไปทันทีที่ คัพเค้ก เดินกลับเข้าไปในร้าน
กริ๊ง!
"ขอโทษนะคะ พอดีว่าร้านป..." 
ทันทีที่เสียงกระดิ่งหน้าประตูดังส่งเสียงเตือนว่ามีใครบางคนเปิดประตูร้านเข้ามา คัพเค้กถึงกับหันขวับ แต่เธอก็ต้องชะงักเมื่อคนที่ยืนอยู่ต่อหน้านั้นไม่ใช่ลูกค้าแต่อย่างใด แต่กลับเป็นคนที่เธอต้องการหลบหน้ามากที่สุด
"ไข่เจียว เธอมาทำไม แล้วทำไมเธอมาอยู่ที่นี่ได้ ไม่ไปทำงานหรือไง!?" ถามด้วยท่าทีที่เย็นชา
"เรามาง้อเธอ"
"ง้อทำไม เราไม่ได้เป็นอะไรกัน" ไข่เจียวไม่ตอบอะไร แต่กลับถือมัดโหระพาไปยัดใส่มือคัพเค้ก ก่อนจะเปิดกระเป๋ากีต้าร์แล้วคว้าสายขึ้นมาสะพายพาดบ่า ทำเอาคัพเค้กถึงกับมองคิ้วขมวด
"เธอจะทำอะไร กลับไปเถอะไข่เจียว เราไม่อยากเห็นหน้าเธอ"
"ขอโทษ...ขอโทษที่ทำเธอเสียใจ ฉันทำผิดไปแล้วจริง ๆ ฉันทำพลาดไป ~" เสียงร้องเพลงควบคู่กับเสียงดีดกีต้าร์ที่ครั้งนี้ฟังดูซึ้งกินใจต่างไปจากเดิม ทำเอาคัพเค้กถึงกับอึ้ง เธอไม่คิดว่าคนอย่างไข่เจียวจะกล้าร้องเพลงเล่นกีต้าร์ง้อใคร แถมยังเป็นกีต้าร์ที่เธอเป็นคนซื้อให้เองกับมือแบบนี้ ต่อให้กำแพงที่ก่อไว้สูงแค่ไหนก็ถูกพังทลายลงอย่างง่ายดาย
ใช่...มีแค่เพียงไข่เจียวเท่านั้น ที่ทลายกำแพงทุกอย่างของเธอมาตลอด 1 ปีที่ผ่านมา
คัพเค้กยังคงยืนอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก โดยที่มือก็ยังคงถือมัดโหระพาเอาไว้อย่างนั้น ไข่เจียวจึงก้าวเข้าไปหาเธอช้า ๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปกุมมือของเธอเอาไว้
"เราขอโทษนะคัพ เรายอมรับผิดทุกอย่าง คือเรามันปากหมาเองอะ เธอก็รู้ว่าเราชอบประชด เธอจะไม่ยกโทษให้เราก็ได้นะ แต่อยากให้เธอรู้ไว้ว่า เรามีแค่เธอ..."
"เธอพูดอะไรออกมาน่ะรู้ตัวไหม"
"รู้สิ เราพูดเอง ทำไมเราจะไม่รู้ เรามีแค่เธอจริง ๆ นะ เราไม่ได้ไปมีอะไรกับใครอย่างที่เธอเข้าใจนะคัพ"
"ต่อให้เธอจะมีหรือไม่มีมันก็ไม่เกี่ยวกับเราปะ เราไม่ได้เป็นอะไรกัน"
"เป็นสิ เราเป็นส่วนหนึ่งของกันและกันอะ เธอขาดเราไม่ได้ เราก็ขาดเธอไม่ได้ เราขอโทษนะคัพ ต้นโหระพานี่เราปลูกเองเลยนะ เราแอบปลูกเอาไว้หลังบ้านตั้งแต่ที่เธอบอก กีต้าร์ตัวนี้เราไม่ให้ใครจับเลยนะ เพราะเธอเป็นคนซื้อให้เรา เราหวงมันมาก ๆ อะ เพราะมันเป็นเธอ เพราะเรามีแค่เธอ เธอเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเราจริง ๆ"
"ถ้าไม่รักก็อย่าทำแบบนี้เถอะนะไข่เจียว เราเจ็บอะ เธอกลับไปเถอะ" พูดพร้อมกับสะบัดมือออก ก่อนจะวางมัดโหระพาเอาไว้บนโต๊ะสำหรับจัดดอกไม้ แต่ยังไม่ทันที่คัพเค้กจะได้เดินไปไหนได้ ไข่เจียวจึงเข้าไปสวมกอดเธอจากด้านหลังพร้อมกับซบหน้าลงที่บ่าข้างซ้ายเอาไว้
"คัพ...ฮึก ๆ เราเองก็รู้สึกกับเธอนะ แต่เรากลัวจะเสียเธอไป เราเลยไม่กล้าใช้คำว่ารักอะ ฮึก ๆ ขอร้องล่ะ...อย่าทิ้งเราไปอีกคน เราไม่เหลือใครแล้ว...เราไม่เหลือใครแล้วจริง ๆ ฮึก ๆ"
ขอร้องล่ะคัพ...อย่าทิ้งเราอีกคนเลยนะ ชีวิตเราถูกคนที่รักทอดทิ้งมาตลอด เธออย่าเป็นอีกคนที่ทิ้งเราไป...จะได้ไหม...


16 ปีก่อน...
"เจียว!! พี่กลับมาแล้ว!!"
"เย่!! พี่แพรกลับมาแล้ว!!" เด็กหญิงวัย 7 ขวบส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวพร้อมกับวิ่งไปสวมกอดคนเป็นพี่ทันทีเมื่อได้พบหน้ากัน
"วันนี้คุมคูสอนบวกเลขด้วยน้า เจียวจาบวกให้ดู"
"ไหน...โชว์ให้พี่ดูหน่อยเร็ว"
"ดูนะ หนึ่ง...บวก หนึ่ง เป็นฉอง ฉอง บวก ฉอง เป็นห้า!" เสียงพูดเจื้อยแจ้วของเด็กหญิงตัวเล็กที่กำลังชูมือน้อย ๆ ขึ้นมาข้างหน้า พร้อมกับพยายามนับนิ้วไปด้วยแบบผิด ๆ ถูก ๆ ทำเอาคนเป็นพี่ที่สวมชุดนักศึกษาอมยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู ก่อนจะอุ้มเด็กน้อยมาอยู่ในอ้อมกอดแล้วจึงเดินไปนั่งบนเก้าอี้ที่อยู่ระเบียงหน้าบ้าน
"ผิดแล้ว มานี่ เดี๋ยวพี่พานับใหม่นะคะ"
เธอใช้มือขวาจับที่มือน้อย ๆ ทั้งสองข้างชูขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะใช้นิ้วจิ้มไล่ไปทีละนิ้วเพื่อสอนเด็กน้อยให้บวกเลขตามเธอ
"พูดตามพี่นะคะ หนึ่งบวกหนึ่ง เท่ากับสอง"
"หนึ่ง...บวกหนึ่งเท่ากับฉอง..."
"สองบวกสองเท่ากับสี่"
"ฉองบวกฉองเท่ากับสี่..."
"สามบวกส..."
"อ๊าย!!!!!"
ยังไม่ทันที่หญิงสาวชุดนักศึกษาจะนับเลขได้จบก็ได้ยินเสียงกรีดร้องดังออกมาจากในบ้าน ทำเอาทั้งสองถึงกับหันขวับไปตามต้นตอของเสียงอย่างพร้อมเพรียง เธอจึงรีบอุ้มน้องสาวไปนั่งอยู่บนโต๊ะทันที
"อยู่บนนี้นะไข่เจียว ถ้าพี่ยังไม่ออกมาอย่าลงจากโต๊ะนะคะคนเก่ง"
"ทำไมอ่าพี่แพร ทำไมเจียวลงจากโต๊ะไม่ด้าย"
"ข้างล่างมีสัตว์ประหลาดเยอะเลย เดี๋ยวพี่ไปจัดการสัตว์ประหลาดก่อนนะ"
"สู้ ๆ นะคะ"
"ค่ะ"? ??????หญิงสาวตอบรับด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปในบ้านทันทีหลังจากที่พูดจบ แต่เด็กน้อยกลับหันซ้ายหันขวาเพื่อหาอาวุธเพราะหวังจะไปจัดการเหล่าร้ายช่วยพี่สาวของเธอ
"อ๊ะ!! ดาบเรืองแสง!!" เด็กน้อยรีบเอื้อมมือไปคว้าดาบเรืองแสงมาไว้ในมือ ก่อนจะพยายามปีนลงจากโต๊ะด้วยความทุลักทุเล แต่แล้วเธอก็พลาดท่าหงายหลังตกลงจากโต๊ะจนได้
ตุบ!!!
"ฮึก!! อึก!!"
แม้จะเจ็บปวดมากจนอยากจะร้องไห้ระบายออกมา แต่เด็กน้อยกลับพยายามลุกขึ้นนั่งพลางกับเอามือลูบแขนข้างซ้ายที่กระแทกพื้นอย่างแรงจากการพลัดตกโต๊ะเมื่อสักครู่ เธอพยายามกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้ ก่อนจะลุกไปคว้าดาบเรืองแสงเอาไว้ในมืออีกครั้ง
"อึ๊บ!! เจียว! อย่าร้องนะ พี่แพรบอกว่าเป็นเด็กดีต้องไม่ขี้แยนะรู้เป่า" พูดจบเธอจึงรีบวิ่งตามคนเป็นพี่เข้าไปในบ้านพร้อมกับชูดาบเรืองแสงขึ้นเหนือศีรษะ ราวกับกำลังจะออกรบ
"ย๊า!!!"


"พ่อ!! หยุด!! อย่าตีแม่นะ!!! แพรบอกให้หยุด!!!" แพรไหมพยายามฉุดรั้งคนเป็นพ่ออย่างทุลักทุเลในขณะที่เขากำลังง้างหมัดจะต่อยภรรยาอีกครั้ง ซึ่งตอนนี้สภาพของคนเป็นแม่สะบักสะบอมจนเลือดอาบหน้า คนที่แสนเจ็บกว่าจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากลูกสาวที่เห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง
"แพร!!! ปล่อยกู!!!"
"พ่อ!!! พ่อเป็นบ้าไปแล้วเหรอ!!? พ่อโกรธอะไรแม่นักหนา ทำไมต้องลงไม้ลงมือกับแม่ด้วย!!!"
"แม่มึงมีชู้!!! กูจะกระทืบมันให้ตายคาตีนกูนี่แหละ!!! มึงไม่เกี่ยวก็ออกไป!!!"
"ไม่จริง!!! แพรไม่เชื่อ!!! พอสักทีเถอะ!!"
"หนอย...ทีมึงมีเมียน้อยกูยังไม่เห็นว่าอะไร กูเลี้ยงลูกเมียน้อยจนมันโตมาขนาดนี้ มึงไม่รู้จักสำนึกบุญคุณกูอีกนะ!!" คนเป็นแม่หาได้ยอมเจ็บตัวเพียงฝ่ายเดียว เธอลุกขึ้นมาได้ก็คว้าสากขึ้นมาฟาดสามีของตนทันที
"โอ๊ย!!!"
"แม่!!! หยุด!!! พอได้แล้ว!!! พอกันทั้งคู่นั่นแหละ!!!"
"มึงน่ะมันร่าน!!! กูหามาให้ขนาดนี้มึงยังไม่รักดีอีก มึงจะไปเอากับมันก็ไปเลยไป!!!"
"กูก็เก็บของเตรียมจะออกไปแล้วนี่ไง มีไอ้เหี้ยตัวไหนมันมาขวางกูล่ะ!!!"
"มึงเก็บเสื้อผ้าของมึงออกไปจากบ้านกูเดี๋ยวนี้!! แล้วมึงอย่ามาให้กูเห็นหน้าอีก อีชิบหาย!!!"
"มึงนั่นแหละชิบหาย!!! มึงอย่ามาวิ่งตามกูก็แล้วกัน!!" เมื่อพูดจบคนเป็นแม่จึงเดินไปคว้ากระเป๋าใบใหญ่ที่คาดว่าข้างในนั้นบรรจุเสื้อผ้าจนเต็ม แพรไหมเห็นอย่างนั้นจึงรีบวิ่งไปคว้าข้อมือคนเป็นแม่ไว้ทันที
"แม่!! แม่จะไปไหน!?"
"กูไม่อยู่กับไอ้ผัวเหี้ย ๆ แบบนี้หรอก วัน ๆ มันมีแต่ตบตีกู กูไปอยู่กับผัวใหม่ยังจะดีกว่า!!!"
"แม่!! อย่าไปนะ!! ถ้าแม่ไปแล้วแพรกับน้องจะอยู่ยังไง!!?"
"มึงก็ไปเอาผัวสักที ให้ผัวมาเลี้ยงดูมึงซะสิ!! ส่วนอีเด็กเหี้ยนั้นมันก็แค่ลูกเมียน้อย มันจะตายห่ายังไงกูไม่สน!!!"
"แม่!!! อย่าไปนะ!!"
"แพร!! ปล่อยอีระยำนี่ไป!!!"
"แม่!!! อย่าไป!! ฮึก ๆ ถ้าแม่ไปแล้วแพรกับน้องจะอยู่ยังไง ฮึก ๆ" เด็กน้อยร่างเล็กที่วิ่งเข้าไปกอดขาคนเป็นแม่พร้อมกับพูดประโยคเดียวกันกับที่พี่สาวพูดก่อนหน้า ทำเอาแพรไหมถึงกับหลั่งน้ำตาออกมาทันที
"แม่อย่าไป ฮึก ๆ ถ้าแม่ไปแล้วแพรกับน้องจะอยู่ยังไง ฮือ ๆ"
"มึงพูดเหี้ยอะไรอีเจียว มึงปล่อยขากูเดี๋ยวนี้!!!"
"เจียว!!! กลับมา!! อย่าไปรั้งคนเหี้ย ๆ อย่างมัน!!!"
"ไม่...แม่เป็นคนดี แม่รักเจียว แม่รักพี่แพรกับน้องเจียว ฮือ ๆ" เมื่อเห็นว่าน้องสาวเอาแต่กอดขาคนเป็นแม่เอาไว้แน่น แพรไหมจึงเดินมานั่งคุกเข่าลงต่อหน้า พร้อมกับพนมมือทั้งสองข้างไว้ที่กลางอก เสียงสะอื้นของลูกสาวทั้งสองนั้นไม่สามารถบรรยายความเจ็บปวดภายในใจได้แม้แต่น้อย
"แม่คะ ฮึก ๆ แม่อย่าไปเลยนะ ให้หนูกราบเท้าแม่ก็ได้ ฮือ ๆ แพรกับน้องรักแม่มากนะ ฮึก ๆ"
"แม่คะ ฮึก ๆ แม่อย่าไปเลยนะ ให้หนูกราบเท้าแม่ก็ได้  แพรกับน้องรักแม่มากนะ ฮือ ๆ" เด็กน้อยเห็นพี่สาวนั่งคุกเข่าอ้อนวอน เธอจึงรีบวิ่งไปนั่งคุกเข่าลงข้าง ๆ พร้อมกับพูดประโยคเดียวกับคนเป็นพี่อีกครั้ง เพราะเธอจำได้ดีว่าหากพูดตามพี่สาว เธอจะได้รับคำชมเสมอ
"แม่อย่าไปนะคะ หนูขอร้อง ฮือ"
"ฮึก! ฮือ!! แม่ อึก!! อย่าไป อึก!! อย่าไปนะคะ หนูขอร้อง ฮึก ๆ"
"พวกมึงเป็นเหี้ยอะไรกัน!!!?"
"แพร!! เจียว!! กลับมาหาพ่อ!!"
"ไม่ค่ะ จนกว่าแม่จะเปลี่ยนใจ เจียวก้มลงกราบแม่เร็ว" ลูกสาวทั้งสองก้มลงกราบลงที่พื้น แต่หาได้ฉุดรั้งคนเป็นแม่ได้ เพราะเธอเดินจากไปอย่างไม่ไยดี มิหนำซ้ำยังใช้เท้ายันเด็กน้อยจนล้มพับไปกองกับพื้น
"อีลูกเมียน้อย!!! กูเกลียดมึง!!!
"ฮือ ๆ แม่! เจียวเจ็บ!! ฮือ ๆ"
"เจียว!! คนเก่งของพี่ ไม่เป็นอะไรนะ ฮึก ๆ ไม่เป็นไรนะเจียว!!"
????.
.
.
.
.
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
เสียงจากประตูหน้าบ้านดังขึ้น แพรไหมที่กำลังสอนการบ้านน้องสาวอยู่ที่โต๊ะญี่ปุ่นขนาดเล็กถึงกับหันขวับ
"ใครอะพี่แพร"
"ไม่รู้สิ เจียวขึ้นไปเรียกพ่อหน่อย เดี๋ยวพี่ไปเปิดประตูเอง"
"โอเคค่ะ" เมื่อได้รับคำสั่งจากคนเป็นพี่ ไข่เจียวจึงวางดินสอลงบนสมุด ก่อนจะรีบวิ่งขึ้นบันไดไปตามพ่อของเธอทันที
ตึก ตึก ตึก!
เสียงฝีเท้าจากเด็กหญิงวัย 9 ปี วิ่งขึ้นบันไดอย่างเร่งรีบ แม้คนเป็นพี่จะเคยบอกเอาไว้ ว่าหากเดินขึ้นบันไดไม้แบบนี้ต้องเดินลงส้นให้เบาที่สุดเพื่อไม่ให้ส่งเสียงดังรบกวนผู้อื่น แต่การต้องรีบวิ่งขึ้นบันไดแบบนี้ จะให้ลงส้นเบา ๆ คงทำไม่ได้
เอี๊ยด...~
ในขณะที่มือน้อย ๆ กำลังจะเอื้อมไปเคาะประตู คนเป็นพ่อก็เปิดประตูห้องออกมาพอดีพร้อมกับกระเป๋าใบใหญ่ ทำเอาไข่เจียวถึงกับเอียงคอด้วยความสงสัย
"พ่อจะไปไหนคะ"
ไม่มีเสียงตอบรับใด ๆ จากคนเป็นพ่อ นอกจากเขาจะเอี้ยวตัวหลบลูกสาวแล้วเดินลงบันไดไปด้วยท่าทีเมินเฉย ไข่เจียวจึงรีบวิ่งตามเขาไปแบบติด ๆ 
ทันทีที่ไข่เจียวเห็นพ่อของเธอเดินเข้าไปสวมกอดผู้หญิงหน้าตาสละสลวยคนหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าประตูบ้านพร้อมกับอุ้มเด็กผู้หญิงตัวเล็กคนหนึ่งเข้ามาอยู่ในเรียวแขน หัวใจของเธอกลับรู้สึกเจ็บแปลบปนสับสนว่าภาพที่เห็นตรงหน้านั้นคืออะไร เธอจึงเดินเข้าไปสวมกอดพร้อมกับหลบอยู่ข้างหลังคนเป็นพี่เพื่อแอบมองท่าทีของทั้งสามด้วยหัวใจที่เต้นตึกตัก
"แพร ดูแลน้องนะลูก"
"พ่อหมายความว่าไง" ลูกสาวคนโตเอ่ยถามด้วยความสับสนไม่ต่างกัน
"นี่เมียใหม่ของพ่อเอง เรามีลูกที่น่ารักด้วยกัน สวัสดีคุณเพ็ญซะสิ"
"อะไรนะ!!!? ตั้งแต่เมื่อไหร่!!!? พ่อไปมีเมียใหม่ตั้งแต่เมื่อไหร่!!!?'
"ก็จนตอนนี้ลูกสาวพ่ออายุ 3 ขวบแล้ว"
"พ่อ!!! ตอนนั้นพ่อยังไม่หย่ากับแม่เลยนะ!!!'
"แล้วจะทำไม พ่อจะย้ายไปอยู่กับเมียใหม่ที่ต่างจังหวัด แพรก็ดูแลน้องดี ๆ แล้วกัน เดี๋ยวพ่อจะส่งเงินมาให้"
"พ่อ!! แล้วแพรกับน้องล่ะ!? ทำไมพ่อไม่ให้หนูสองคนไปอยู่ด้วย"
"เราอยากมีครอบครัวที่สมบูรณ์น่ะค่ะ ที่ไม่ต้องมีคนอื่น" คำตอบจากหญิงวัยกลางคนทำเอาแพรไหมถึงกับจุกอยู่ในอก เธอเจ็บราวกับถูกสายฟ้าผ่าลงที่กลางใจ ซึ่งไข่เจียวที่ยืนหลบอยู่หลังพี่สาวก็เจ็บปวดไม่ต่างกัน เพราะแม้เธอจะยังเด็ก แต่เธอก็รู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้
"พ่อไปนะ" พูดจบคนเป็นพ่อจึงหันหลังเดินจากไปโดยไม่แม้แต่จะหันหลังกลับมามองลูกสาวทั้งสองที่เขาเคยบอกว่ารักนักรักหนา แพรไหมยืนกำมือแน่นเจ็บปวดกับสิ่งที่เกิดขึ้น แค่การสูญเสียแม่ไปมันยังเจ็บไม่พออย่างนั้นหรือ
"พ่อ!!! อย่าไป!! ฮึก ๆ ฮือ ๆ แล้วหนูกับพี่แพรล่ะ!!? แล้วหนูกับพี่แพรล่ะ!! ฮือ ๆ" แพรไหมถึงกับหลั่งน้ำตาออกมาในที่สุดเมื่อได้เห็นน้องสาววิ่งไปกอดขาฉุดรั้งพ่อเอาไว้ ภาพทุกอย่างราวกับถูกฉายซ้ำอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันเจ็บปวดยิ่งกว่าเพราะคนเป็นพ่ออุ้มเด็กอีกคนที่ไม่ใช่น้องสาวของเธอ แถมยังสะบัดขาออกอย่างไม่ไยดีราวกับเป็นแค่ขยะ
"พ่อ!!! ฮือ ๆ พ่ออย่าทิ้งหนูไป!! ฮือ!! พ่อ!!!"
"ไข่เจียว!!! ปล่อยมันไป!! คนอย่างมันไม่ใช่พ่อของเราอีกแล้ว!!!"
"ไม่เอา!! เจียวไม่ให้พ่อไป!! พ่อให้หนูกับพี่แพรไปด้วย!!!"
"ไข่เจียว!!! พี่บอกให้พอ!!!"
เด็กน้อยนั่งร้องไห้กับถนนหน้าบ้านด้วยความเจ็บปวด เธอนั่งมองทั้งสามเดินจากไปจนลับตา เป็นอีกครั้งที่เธอต้องสูญเสียคนที่รักไป 
นี่น่ะหรือ...ครอบครัว...
นี่น่ะหรือ...ความรัก...
สุดท้ายแล้วมันจะจบที่ตรงไหน ทำไมคนมันถึงได้เห็นแก่ตัวกันแบบนี้นะ...


"ทำไม...เธอไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้เราฟังเลยล่ะไข่เจียว" คัพเค้กถามพลางกับลูบผมสีบลอนด์ของคนที่กำลังนอนซบหน้าอกของเธออยู่บนเตียงนอนสีฟ้าขนาดสามฟุตครึ่ง
"เราไม่อยากพูดถึงมัน เราเกลียดทุกคนอะที่ทิ้งเราไป"
"ไม่เป็นไรนะ แล้วพี่สาวของเธอล่ะ"
"ไม่ได้อยู่ด้วยกันตั้งแต่ตอนเราอยู่ปี 3 แล้ว เพราะเราทะเลาะกับพี่แพรจนถูกไล่ออกจากบ้าน"
"เรื่องอะไร เล่าได้ไหม"
"อืม วันนั้นเรากลับหอแล้วเห็นพี่แพรพยายามจะกินยาฆ่าตัวตายเพราะจับได้ว่าแฟนนอกใจไปนอนกับผู้หญิงคนอื่น ดีที่หอที่พี่แพรอยู่ใกล้โรงพยาบาล เราเลยอุ้มไปหาหมอทัน คือตอนนั้นเราโกรธจนขาดสติ เลยเอากีต้าร์ไปฟาดไอ้ผู้ชายเฮงซวยนั่นจนมันก็เกือบตายไม่ต่างจากพี่เราเลย พอพี่แพรรู้ พี่แพรโกรธมาก ที่เราไปทำร้ายคนอื่น เพราะพี่แพรเกลียดความรุนแรงมาก ๆ จากการเห็นพ่อตีแม่ทุกวัน เราก็เข้าใจนะว่าทำไมพี่แพรถึงโกรธเราขนาดนั้น ต่อให้จะเกลียดแค่ไหนเราก็ไม่ควรไปทำร้ายใครจริง ๆ นั่นแหละ"
"ไม่ทำแบบนั้นอีกได้ไหมไข่เจียว พยายามใจเย็นและมีสติกว่านี้ได้ไหม เธอเห็นผลที่ตามมาแล้วใช่ไหมว่ามันเป็นยังไง"
"ใช่ เราเห็นแล้ว เราสูญเสียจนไม่เหลือใครแล้ว เพราะแบบนี้แหละคัพ เราถึงไม่เชื่อว่าความรักมันจะมีอยู่จริง แต่พอเรารู้ว่าเธอรักเรา คือเรารู้สึกว่าตัวเองเหี้ยไปเลยอะ ที่ทำร้ายเธอ เราขอโทษจริง ๆ นะ เราไม่กล้ารักใคร เพราะเราไม่อยากเสียใครไปอีกแล้ว"
"ช่างมันเถอะ เราให้อภัยเธอนะ และตอนนี้เราเข้าใจเธอทุกอย่างแล้ว เธอรู้เอาไว้เลยนะไข่เจียว ว่าเรานี่แหละที่รักเธอมาก ๆ และไม่เคยคิดที่จะทิ้งเธอไปไหนเลย"
"ขอบคุณนะคัพ...คืนนี้เธอนอนที่นี่กับเราได้ไหม"
"ก็มาอยู่ด้วยขนาดนี้เราคงไม่กลับแล้วไหม"
"จริงนะ นอนนี่จริง ๆ นะ"
"อือ..." พูดจบคัพเค้กจึงประทับรอยจูบที่กลางศีรษะก่อนจะกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น 
"แล้วหายปวดหัวยัง ทีหลังถ้าเป็นไมเกรนก็อย่าหอบสังขารตัวเองไปหาเรานะ ถ้าเธอเป็นอะไรขึ้นมา เราจะทำยังไง"
"ดีขึ้นแล้ว พี่หมอพิชเอายาไมเกรนมาให้แล้ว"
"หือ? เธอรู้จักพี่หมอพิชด้วยเหรอ"
"เราสิต้องถามเธอ ทำไมพี่หมอพิชถึงเดินออกจากร้านเธอตอนดึก ๆ ได้"
"พอดีน้องอิมซื้อต้นโหระพามาเยอะ เราเลยจัดเป็นช่อให้พี่หมอพิชน่ะ"
"ทำไมอะ ทำไมต้องต้นโหระพา"
"ก็ที่เราเคยบอกไง ว่ามีลูกค้ามาถามเรื่องดอกไม้ แต่เราแนะนำต้นโหระพาเพราะมันช่วยคลายเครียดได้"
"เหรอ...นึกว่าเธอจะบอกแค่เราคนเดียวซะอีก"
"ไม่งอนนะไข่เจียว คือเราแค่คุยกันถูกคออะ แล้วเวลาเราคุยกับพี่หมอพิชทีไร เราจะคิดถึงเธอตลอดเลย"
"แน่ใจเหรอ ว่าคิดถึงเรา"
"แน่ใจสิ ก็เรารักเธอปะ มีแต่เธอนั่นแหละ ที่อะไร ๆ ก็พี่ยา เห็นเธอมองพี่ยาตาหวานเยิ้มเลย"
"เราก็มองพี่ยาแล้วคิดถึงเธอเหมือนกัน พี่ยาใส่ใจทุกอย่างเหมือนเธอเลย จนเรารู้สึกว่าพี่หมอพิชโชคดีอะ ที่มีพี่ยาเป็นแฟน"
"ฮะ!!? แฟนพี่หมอพิชคือพี่ยาเองเหรอ อ๋อ...งั้นเราก็ว่าเหมาะสมกันดีนะ ดูรักกันมาก ๆ เลยอะ"
"อืม เราถึงบอกไง ว่ามันทำให้เราคิดถึงเธอ" เมื่อพูดจบ ไข่เจียวจึงผละออกจากอ้อมกอด ก่อนจะโน้มตัวเข้าไปจุมพิตที่ริมฝีปากนุ่มอย่างอ่อนโยน
"เราทำได้ไหม เธอหายโกรธเราหรือยัง"
"จะเอาเราอีกแล้วเหรอ"
"อืม...จะใช้ลิ้นให้เลยก็ได้"
"ไม่เป็นไร ถ้าไม่ชอบก็ไม่ต้องทำ ใช้แค่นิ้วก็ได้ ถ้ามันเป็นเธอเราชอบหมดแหละ"
"อืม...งั้นเราขออนุญาตเอาเธอนะคืนนี้"
"อื้อ..." สิ้นคำตอบ ไข่เจียวจึงก้มลงจูบคนใต้ร่างอย่างดูดดื่มทันที พร้อมกับที่มือข้างขวาล้วงเข้าไปบีบคลึงหน้าอก ก่อนร่างของเธอจะถูกผลักออกอย่างแรง
"ท...ทำไมอะคัพ" ไม่มีเสียงตอบรับจากอีกฝ่ายนอกจากออกแรงพลิกตัวเธอให้นอนลงไปกับที่นอน จากนั้นคัพเค้กจึงลุกขึ้นมานั่งคร่อมร่างของเธอเอาไว้ แล้วจึงก้มลงซุกไซร้ที่ซอกคออุ่น ๆ เพื่อกระตุ้นอารมณ์ของคนใต้ร่างให้สูงขึ้น เพราะเธอรู้จุดอ่อนของอีกคนดีกว่าใคร
"วันนี้จัดเราหนัก ๆ ให้สมกับที่ทำเราร้องไห้ได้ปะ" เสียงกระซิบที่ข้างหูชวนให้ขนทั่วทั้งตัวลุกซู่ ก่อนลิ้นอุ่น ๆ จะเลียที่ใบหูสร้างเสียงครางอย่างพึงพอใจได้ในทันที
"อา...อืม...เราจะจัดจนเธอหนัก ๆ จนลุกไปเปิดร้านไม่ไหวเลย"
"ไม่เป็นไร พรุ่งนี้เราปิดร้าน เราจะอยู่เอากับเธอทั้งวันเลยไข่เจียว"
"เธอนี่มันแซ่บจริง ๆ ไม่แปลกใจว่าทำไมเราถึงหลงเธอนักหนา"
"ก็ลองไปหลงคนอื่นดูสิ..."
"ไม่ล่ะ...คงไม่มีใครเด็ดเท่าเธออีกแล้ว มานั่งคร่อมปากเราหน่อย เราจะเลียให้"
"อืม..."

#เรามีแค่เธอ | omelet.
ม้า
ไรท์แวะมาคุย~`

“ตอนนี้มาดูในมุมมองของไข่เขียวกันบ้างนะคะ ว่าทำไมไข่เจียวถึงไม่เชื่อในความรัก และตัวไข่เจียวเองก็รักคัพเค้กไม่ต่างกันเลย แต่เพราะปมในอดีตทำให้ยากที่จะเปิดใจนั่นเองค่ะ”