บ้านนี้แฝด 4

บ้านนี้แฝด 4
#ลูกหลง | กระแต

แนะนำตัวละคร
เราจะสามารถคบกับใครไปนาน ๆ โดยไม่มีวันเลิกกันได้ไหมนะ...
เวลาที่เรารักใครสักคนมาก ๆ ยิ่งคบกันนานวันเข้า เชื่อเถอะว่าไม่มีใครอยากเลิกหรอก และถ้าหากคนรักของเราเป็นคนที่ทำให้เรามีความสุข คอยดูแลใส่ใจเราอย่างดีมาตลอด ใครจะไปอยากเลิกกันล่ะ
"ทำไมพวกมึงสองคนคบกันนานจังวะ" 
คำถามที่ฉันมักจะได้ยินเหล่าเพื่อน ๆ มหาประลัยและเหล่าพี่น้องฝาแฝดถามบ่อยจนขี้เกียจจะตอบ ก็เราสองคนรักกันมากและไม่เคยมีสักครั้งที่ เปิ้ล ทำให้ฉันต้องเสียใจเลย จะให้ฉันตอบว่ายังไงดีล่ะ ฉันได้แต่ตอบไปแบบส่ง ๆ ว่า
"ผัวกูมันแซบและจัดจ้าน ดีเด่นเรื่องบนเตียง"
พอฉันตอบไปแบบนั้น ทุกคนก็มีปฏิกิริยาเหมือนกันหมดโดยการเบะปากเป็นรูประฆังคว่ำเหมือนคุณกิ๊ก สุวัจนีอัพเลเวล ยิ่งกว่าเบลล่าอีกมั้ง อยากเอาน้องแตงโม (รองเท้า) ตบปากมันจริง ๆ แต่ทำไงได้...ฉันตอบไปว่าเรารักกันมากมันก็ไม่มีใครเชื่อนี่สิ ถ้าจะถามว่าเราสองคนเจอกันได้ยังไง และรักกันได้ยังไง ทำไมฉันถึงเอาเปิ้ลได้แบบอยู่หมัด ก็คงต้องย้อนกลับไปเมื่อตอนงานเลี้ยงฉลองหลังจากประกาศผลยื่นคะแนนเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยในฝัน... 


"ห้องเรามีที่เรียนกันครบทุกคนแล้วโว้ย!!! ชน!!" เพื่อนร่วมห้องคนหนึ่งพูดพลางกับชูแก้วเบียร์ขึ้น ก่อนที่คนอื่น ๆ จะยกแก้วขึ้นไปชนกันเสียงดังก๊องแก๊ง ยกเว้นฉันที่ยังก้มหน้าก้มตาอ่านนิยายตอนจบในโทรศัพท์มือถืออย่างเอาเป็นเอาตาย จน เจน เพื่อนคนสวยของฉันต้องแย่งโทรศัพท์จากมือฉันไปเพราะกลัวว่าจะทำเสียบรรยากาศ
"อิแต!! มาร้านเหล้าทั้งทีมึงจะเอาแต่นั่งอ่านนิยายไม่ได้!!"
"เอาของกูมา!! แม่งจะจบแล้วเนี่ยอีกแป๊บเดียว กูอ่านไม่ถึงสิบนาทีก็จบ"
"อ่านเรื่องอะไรวะ เดี๋ยวค่อยอ่านวันหลังก็ได้ไหม"
"ดวงพุดตาน มึงรู้จักไหม นิยายยูริกลับชาติมาเกิด วันนี้อัพตอนจบแล้วด้วย กูต้องได้อ่านภายในวันนี้เท่านั้นจะได้คอมเมนท์เป็นคนแรก ๆ"
"โอ๊ย! กูรำคาญมึงจังวะ งั้นมึงไปนั่งอ่านที่อื่นไป! มึงอ่านนิยายทีไรแม่งต้องนั่งร้องไห้ทุกที เสียบรรยากาศหมด!!"
"เอ้าอิห่า!! กูก็อ่านของกูดี ๆ จะมาไล่กูเพื่อ คือแค่ปล่อยให้กูอ่านอีกไม่กี่นาทีก็จบแล้ว"
"ไป ๆ กูเห็นมึงก้มหน้าก้มตาอ่านแล้วกูหงุดหงิด"
มันนี่ไร้เหตุผลสิ้นดี ขอเวลาแค่แป๊บเดียวเองแท้ ๆ แต่มันกลับไล่ฉันไปนั่งอ่านที่อื่น หงุดหงิดชะมัด ฉันจึงได้แต่เดินกระฟัดกระเฟียดไปที่หน้าร้านเพราะคงเป็นที่ที่สงบที่สุดแล้วมั้ง ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งที่ริมฟุตบาทอย่างหัวเสีย แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือมาอ่านต่อจากเดิม
ฉันอ่านไปได้สักพัก อารมณ์อ่อนไหวของฉันก็ทำงาน เรื่อง 'ดวงพุดตาน' เป็นนิยายที่ทำให้ฉันน้ำตาไหลเป็นหนองน้ำเลย พระเอกกับนางเอกอุตส่าห์ได้กลับมาเจอกันชาติใหม่แล้วแท้ ๆ ก็ยังมีอุปสรรคอะไรก็ไม่รู้เยอะแยะเต็มไปหมด ยิ่งจะจบยิ่งโหดร้ายทารุณ จะย่ำยีหัวใจตัวละครไปถึงไหนกันคะ อยากเหมาน้องแตงโม (รองเท้า) ไปขว้างใส่บ้านไรท์เตอร์จริง ๆ อย่าให้รู้นะว่าคือใคร แม่จะไปเผาบ้านให้วอด!!!
"ฮึก ๆ" เป็นเพราะฉันอินกับนิยาย ฉันจึงนั่งอ่านไปร้องไห้ไป แล้วอยู่ดี ๆ ก็มีใครก็ไม่รู้นั่งลงข้าง ๆ ฉันพร้อมกับยื่นกระดาษทิชชู่มาให้ ฉันจึงหันไปมองก็พบว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ตัวสูงมาก สวมหมวกแก๊ปสีดำ เสื้อตัวโคร่งและกางเกงยีนส์แบบขาด ๆ มันทำให้เธอดูเท่เป็นบ้าเลย เธอตรงสเปคฉันทุกอย่างเลย
"ขอบคุณนะคะ"
"อืม ชีวิตคนเรามันสั้นนะอย่าจมอยู่กับอดีตที่ทำให้เสียใจเลย เมื่อวานเธออาจจะโดนทิ้งมา วันนี้เธออาจจะได้เจอคนใหม่ที่ดีกว่าเดิมก็ได้นะใครจะไปรู้ ใช้ชีวิตให้มีความสุขดีกว่านะ" เหมือนจะมีสาระนะ แต่มันพูดพล่ามอะไรของมันวะ ฉันมองเธอแบบงง ๆ ก่อนจะใช้กระดาษทิชชู่มาซับน้ำตา แต่กระดาษทิชชู่นี่มันคุ้น ๆ แหะ
"เธอเอากระดาษทิชชู่นี่มาจากไหนน่ะ"
"ในห้องน้ำไง ข้างโถส้วมนั่นแหละ พอดีเอาออกมาเยอะแล้วใช้ไม่หมดก็เลยเอามาห...แอ๊ก!!!" ยังไม่ทันที่เธอจะพูดได้จบประโยคฉันก็ใช้สองเท้าถีบแบบเต็มแรงจนเธอกลิ้งขลุก ๆ ไปกองอยู่บนถนน
"อ๊าก!! อิบ้า!! มึงจะถีบกูทำไมเนี่ย!!?"
"กรี๊ด!!! มึงนั่นแหละบ้า!! มึงทำแบบนี้กับกูได้ยังไง!? แทนที่มึงจะเอากระดาษเช็ดปากมาให้กู แต่นี่มันกระดาษเช็ดตูดนะ!!"
"เอ้า!! แล้วกระดาษเช็ดตูดมันไม่ดียังไง ตูดมึงก็เป็นส่วนที่บอบบางเหมือนกัน จิมิมึงก็ต้องได้สัมผัสที่อ่อนโยนและถูกสุขอนามัย นั่นก็แปลว่ากระดาษเช็ดตูดมันก็สะอาดพอที่จะเช็ดหน้ามึงได้นั่นแหละ!!!!"
"กรี๊ด!!! พูดมาได้ เฮ็งซวย!!!!"
"มึงก็ถีบกูมาได้ อิตูดหมา!!!"
"อิปลาดุกชนเขื่อน!!!"
"อินมแบน!!!"
"นมแบนพ่อมึงสิ!!!"
และนั่นแหละค่ะ...จุดเริ่มต้นของเรามันไม่ได้สวยหรูเลย มันเกือบจะดีอยู่แล้วเชียว ถ้าฉันไม่ได้รู้ว่าเธอเอากระดาษทิชชู่มาจากห้องน้ำน่ะนะ อยากจะบ้าตาย!!
พอฉันเดินกระฟัดกระเฟียดกลับไปที่โต๊ะด้วยความหงุดหงิด ฉันก็เห็นเพื่อน ๆ ทั้งโต๊ะมีสีหน้าที่โกรธจัดราวกับจะไปฆ่าใครตาย และกระเต็นกำลังนั่งลูบหลังปลอบขวัญเจนที่กำลังนั่งร้องไห้ยกใหญ่ อารมณ์ฉันก็เดือดอีกครั้ง!
"พวกมึงเป็นไรกันวะ แล้วเจนเป็นอะไร!!!?"
"ก่อนหน้านี้มีคนมาพูดแทะโลมเจนอยู่หน้าห้องน้ำ เจนมันก็วิ่งหนีมาหาพวกกูนี่แหละ กูจะตามไปสั่งสอนมัน แม่งโคตรเหี้ย ทำกับเพื่อนกูแบบนี้ได้ยังไง!!?" เพื่อนผู้ชายหนึ่งในวงพูดขึ้น ทำเอาฉันถึงกับมือไม้สั่น มันเป็นใครกัน บังอาจมาทำเพื่อนสุดที่รักของฉันได้ฉันจะไปตบสั่งสอนมัน!! (พฤติกรรมไม่เหมาะสม อย่าลอกเลียนแบบนะคะ)
"มันเป็นใคร!!?"
"กูก็ไม่รู้ แต่มันใส่หมวกแก๊ปสีดำ มึงเห็นมันไหม" 
"อิปลาดุกชนเขื่อน!!!" สิ้นคำพูดของฉันเท่านั้นแหละ ยัยคนที่ให้ทิชชู่ฉันคือเป้าหมายในเรดาร์ของฉัน เตรียมเจอองค์แม่ลงได้เลย เมื่อกี้แค่ถีบแต่ตอนนี้มันต้องเจอขวด!! ฉันคว้าขวดเปล่าขึ้นมาแล้วเดินดุ่ม ๆ กลับไปที่หน้าร้าน เหอะ...มันยังนั่งลูบแขนป้อย ๆ ส่วนที่โดนบาทาของฉัน ฉันเดินเข้าไปพร้อมกับขวดในมือก่อนจะฟาดหัวมันแบบเต็มแรง (พฤติกรรมไม่เหมาะสมอย่าลอกเลียนแบบนะคะ)
เพล้ง!!
ร่างของมันนอนแน่นิ่งไปกับพื้นทันที ใจจริงฉันอยากกระทืบให้ตายคาตีนไปเลย จะได้รู้ว่ามันไม่มีสิทธิ์มาคุกคามเพื่อนของฉัน ไม่ว่าจะทางวาจาหรือการกระทำ อิเลว!!!
แต่เมื่อเลือดสีแดงฉานไหลออกมาจากหัวของมัน ฉันก็ต้องมือไม้สั่นอีกครั้งเพราะเป็นคนอ่อนไหว แล้วเมื่อกระเต็นน้องสาวฝาแฝดของฉันวิ่งออกมา ทำให้ฉันได้รู้ว่า...ความบรรลัยที่แท้จริงกำลังจะเกิดขึ้นแล้ว
"กระแต!!! พวกเราเจอตัวมันแล้ว!! มึงไปห้ามพวกมันช่วยกูหน่อย มันจะกระทืบให้เหี้ยนั่นคาร้านแล้วเนี่ย เฮ้ย!!! เกิดอะไรขึ้นวะเนี่ย!!? มึงเรียกรถพยาบาลให้เขายัง"
"ย...ยังมึง เจอคนที่คุกคามเจนแล้วเหรอ" ฉันถามเสียงสั่น
"เออ!! ไปช่วยห้ามพวกมันหน่อย กูกลัวมันจะทะเลาะกันในร้าน ตำรวจได้มาลากคอพวกมันแน่ ๆ"
"อิเหี้ยเอ๊ย!! ปล่อยมันไป!! มึงไปโรงบาลกับกู!! ช่วยกูหามเขาไปส่งโรงบาลหน่อย" ฉันพูดพลางกับชี้ไปที่ผู้หญิงที่โดนฉันตีหัวจนสลบไปหมาด ๆ อย่างลุกลน
"ทำไมมึงไม่โทรเรียกรถมารับวะ"
"โอ๊ย! ไม่ต้องถาม ช่วยกูด้วย!! แง!!"
และนั่นเป็นสาเหตุที่ฉันต้องตามดูแลผู้หญิงคนนี้และช่วยค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดเพื่อเป็นการไถ่โทษ และฉันก็ให้เหตุผลไปว่า เธอโดน 'ลูกหลง' จากกลุ่มเพื่อนฉันที่ทะเลาะกันอยู่ในร้านจนขวดลอยมาใส่หัวเธอที่นั่งอยู่หน้าร้าน
"เราก็ว่าหน้าร้านกับในร้านมันไกลกันอยู่น้า...ทำไมขวดมันถึงลอยมาใส่หัวเราได้" เธอพูดพลางกับทำหน้าครุ่นคิด หัวใจของฉันเต้นแทบไม่เป็นจังหวะ ความจะแตกไหมเนี่ย
"แสดงว่าคนปาต้องแรงเยอะมากแน่ ๆ สุดยอดเลยว่ะ น่าจะเป็นนักกีฬาทุ่มน้ำหนักนะ ควรส่งแข่งโอลิมปิก" มันดันเชื่อเฉยเลย เออ...โง่ดี
"ไม่ต้องพูดเพราะกับกูก็ได้นะ จำไม่ได้หรือไงว่ามึงสร้างวีรกรรมอะไรไว้"
"จำได้ดิ มึงนั่นแหละสร้างวีรกรรมกับกู ถีบกูมาได้"
"มึงอยากโดนตบอีกไหมล่ะ!!?" 
"ไม่เอาแล้วจ้า เปิ้ลเข็ดแล้ว" ฉันเพิ่งจะรู้ชื่อเธอก็ตอนนี้ เธอพูดพร้อมกับกุมมือของฉันเอาไว้แล้วเอาไปแนบที่แก้ม ฉันจึงกระชากมือกลับทันที ไม่ใช่เพราะโมโหหรืออะไร แต่การกระทำของเธอมันทำให้ใจฉันสั่น บ้าน่า...ทำไมใจสั่นล่ะ
"ชื่อเปิ้ลเหรอ"
"อืม มึงล่ะชื่ออะไร"
"กระแต มีพี่น้องฝาแฝดชื่อกระติก กระเต็น กระต่าย บอกเอาไว้เผื่อเจอแฝดกูแล้วมึงจะคิดว่าผีหลอก"
"เชี่ย!! แฝดสี่เหรอ!!? อยากให้แฝดสี่มายืนล้อมเตียงกูแบบพร้อมหน้าพร้อมตากันจัง"
"ทำไม?"
"จะได้เจอคนสวย ๆ แบบมึงพร้อมกันถึงสี่คนเชียวนะ"
ตึกตัก...ตึกตัก...
บ้าน่า...คำพูดแค่นี้ทำไมถึงทำให้ใจฉันเต้นแรงได้ล่ะ
"กระแต"
"อะไร"
"อาการมึงเป็นยังไงบ้าง"
"อาการอะไรวะ"
"อกหักไง เมื่อวานยังเห็นร้องไห้ฟูมฟายอยู่เลย ทำไมวันนี้ดูปกติวะ ได้ผัวใหม่แล้วเหรอ"
"ปากมึงนี่นะเปิ้ล เหมือนนรกส่งมึงมาเกิด กูไม่ได้อกหัก!! แต่กูอินกับนิยาย!"
"โถ!! อิ..." เปิ้ลไม่ได้ด่าฉันออกมาตรง ๆ แต่ฉันก็พออ่านปากออกว่าคำที่เธอเซ็นเซอร์น่ะ มันคือคำว่า...ดอก
"กูอุตส่าห์เป็นห่วง เห็นมึงนั่งหน้าเครียดตั้งแต่อยู่ในร้านแล้ว กูก็เลยตามออกไปดู"
"นี่มึงเป็นห่วงกูเหรอ"
"ห่วงสิ เห็นคนสวย ๆ แบบมึงร้องไห้แล้วหัวใจกูเจ็บอะ" บ้า...คำก็สวย สองคำก็สวย
"ทำไม? มึงชอบกูเหรอ ฮ่า ๆ" ฉันก็แกล้ง ๆ ถามไปอย่างนั้นแหละ ไม่คิดว่าคำตอบนั้นจะทำให้ฉันใจเต้นแรงจนยืนเหวอไปเลย
"ชอบสิ ไม่ชอบจะไปคุยด้วยเหรอ"


กรี๊ด!!! เจอคนในสเปคบอกชอบ!! ฉันแทบกินไม่ได้นอนไม่หลับ จะกินข้าวก็คิดถึงแต่หน้าเปิ้ล จะข่มตานอนก็เห็นเป็นหน้าเปิ้ล ฉันอยากจะบ้าตาย!! นี่ฉันคลั่งรักยัยนั่นเหรอเนี่ย บ้าน่า...ปากหมาขนาดนั้นใครจะไปชอบมันลง เอ๊ะ!!? แต่ฉันเป็นคนบอกให้เปิ้ลพูดแบบนั้นเองนี่นา... โอ๊ย ไม่ไหว ๆ คิดถึงเปิ้ลจัง ป่านนี้จะหลับหรือยังนะ หรือจะนอนโอดครวญเพราะปวดแผลอยู่ ฮือ ๆ ไม่ได้การล่ะ!!
"กระติก!! กระเต็น!!! กระต่าย!!! ตื่น!!!!" ฉันวิ่งไล่ทุบประตูทั้งสามห้องและส่งเสียงเอะอะโวยวายยกใหญ่ราวกับบ้านกำลังจะไฟไหม้ และคนที่งัวเงียออกมาก่อนก็คือกระต่ายที่กำลังทำหน้ามุ่ยใส่ฉันอยู่ตอนนี้
"อะไรพี่แต อีกไม่กี่ชั่วโมงต่ายต้องไปขึ้นเครื่องแล้วนะ ขอนอนพักก่อนได้ไหม"
"มึงเป็นอะไรกระแต อายมาหากูเหรอ!!?" ตามด้วยกระติก
"มีอะไร หมาในปากตายเหรอ" และนั่นคือกระเต็น น้องเวร...บัดซบ!!!
"มีเรื่องจะขอร้องให้ช่วย"
"ว่ามา!" ทุกคนตอบกันอย่างพร้อมเพรียง


ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
ฉันผลักประตูห้องพิเศษของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งเข้าไป ก่อนที่คนป่วยในห้องจะหันมาอ้าปากเหวอเมื่อได้เห็นบรรดาแฝดมหาประลัยเดินเรียงกันเข้าไปในห้อง พร้อมกับถือสัมภาระของฉันคนละไม้ละมือ
"คุณพระ!!! เปิ้ลตายตาหลับแล้วค่ะ!!"
"หลับให้สบายนะ" อิกระติก!!! บัดซบ!!!!
"แล้วทุกคนมาทำอะไรกันเนี่ย หมดเวลาเยี่ยมแล้วนะ"
"กระแตมันอยากมานอนเฝ้าเธอน่ะ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องหอบมาทั้งโขยงขนาดนี้ แค่ให้มาส่งเฉย ๆ มันไม่พอใจ มันบอกว่าต้องขึ้นมาส่งเท่านั้น" กระติก!! บางทีก็อย่าพูดมากเกินไปได้ไหม พี่เวร... ฉันหันไปจ้องกระติกตาเขม็ง
"กระแตมันเป็นห่วงเธอมากเลย ถึงขั้นกระวนกระวายใจนอนไม่หลับ จนต้องมาปลุกพวกเรามาส่ง หอบข้าวหอบของมาอย่างกับจะย้ายบ้าน" กระเต็น...ฉันคาดหวังว่ามันจะไม่พูดอะไรแบบนี้ออกมาแต่มันดันพูดเยอะกว่ากระติกอีก บัดซบ!! เปิ้ลได้ยินแบบนั้นจึงหันมาอมยิ้มให้กับฉัน
"โอ๊ย! พูดอะไรกันวะ เพ้อเจ้อ!! พวกมึงกลับไปได้แล้ว"
"เออดูดิกระติก พอหมดประโยชน์ก็ไล่เรากลับ แล้วจะให้หอบมาอะไรกันเยอะแยะวะ"
"ก็ได้ไปส่งกระต่ายขึ้นเครื่องไหมล่ะ!!? แค่แวะมาส่งกูด้วยแค่นี้ทำเป็นอิดออด!"
"มึงหอบของมาเยอะกว่ากระต่ายไปต่างประเทศอีกนะแต กูนึกว่ามึงจะบินแทนกระต่ายด้วยซ้ำ"
"อิกระติก!! โอ๊ย!! ไสหัวกลับบ้านไปเลยไป!!"
"อะไรของมึงวะ งั้นพวกกูกลับแล้วนะ เธอก็หายไว ๆ ล่ะ" กระติกพูดก่อนจะหันไปโบกมือลาเปิ้ลที่นั่งอยู่บนเตียง
"อื้อ ขอบคุณนะทุกคน"
เมื่อทุกคนเดินออกจากห้องไป ความเงียบเหงาก็เข้ามาแทนที่ ฉันจึงนั่งร้องไห้อยู่บนโซฟาเพราะอดเป็นห่วงกระต่ายไม่ได้ และจู่ ๆ คนป่วยที่นั่งอยู่บนเตียงก็ลากเสาน้ำเกลือมานั่งข้าง ๆ ฉัน ก่อนจะดึงฉันเข้าไปกอด 
นี่เป็นอ้อมกอดที่อบอุ่นที่สุดที่ฉันเคยเจอมาเลย และมันยิ่งทำให้ฉันร้องไห้โฮกอดตอบเปิ้ลเอาไว้แน่น เธอลูบหัวฉันช้า ๆ อบอุ่นหัวใจจัง...
"ไม่รู้นะว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมมึงถึงร้องไห้ แต่พอจับใจความได้ว่าคนที่ชื่อกระต่ายที่เป็นแฝดอีกคนแต่ไม่ได้มาด้วยเพราะกำลังจะเดินทางไปที่ไหนสักแห่งใช่ไหม อย่าร้องไห้เลยนะ รู้แหละว่าเป็นห่วง รู้แหละว่าคิดถึง แต่การไปอยู่ที่ไกล ๆ มันจะทำให้กระต่ายเติบโตและเข้มแข็งขึ้นนะ"
"ทำไมฉลาดจังล่ะ สมองกระทบกระเทือนเลยกลายเป็นคนที่ฉลาดขึ้นเหรอ"
"เฮ้!!" ฉันได้แต่หัวเราะในลำคอเบา ๆ เธอคนนี้ทำให้ฉันอบอุ่นหัวใจอย่างบอกไม่ถูก ดู ๆ แล้วเธอก็ไม่ได้เป็นคนเลวร้ายอะไร ออกจะเปิ่น ๆ ด้วยซ้ำ ฉันจึงผละจากอ้อมกอดด้วยรอยยิ้มก่อนที่เปิ้ลจะใช้นิ้วโป้งเช็ดน้ำตาให้กับฉัน
"ขี้แยจัง เจอกันครั้งแรกก็ร้องไห้"
"กูเป็นคนอารมณ์อ่อนไหวนี่ ชอบเป็นห่วงทุกคนแบบเกินความจำเป็น"
"เหมือนที่เป็นห่วงกูถึงขั้นย้ายสัมโนครัวมานอนเฝ้ากูเลยสินะ"
"หลงตัวเอง...กูแค่กลัวมึงจะตายและตอบแทนที่เอากระดาษทิชชู่มาให้หรอกนะ" ถ้าบอกว่าไถ่โทษที่ตีหัวถึงจะถูก แต่เรื่องอะไรฉันจะบอกแบบนั้นล่ะ
"จะว่าไป...ถึงจะเป็นแฝดก็มีความแตกต่างอยู่นะ"
"ก็ต้องมีสิ ไม่มีใครเหมือนกันเป๊ะขนาดนั้นหรอก ไม่ใช่ร่างโคลนนิ่งนะ แล้วมึงว่าใครสวยสุด"
"ไม่รู้สิ แต่มึงน่ะขี้เหร่สุดเลย"
"อิเปิ้ล!!" อีกครั้งที่ฉันถีบเปิ้ลขาคู่จนกลิ้งขลุก ๆ อยู่บนพื้น ตายล่ะ!! ลืมไปว่ามีเข็มสายน้ำเกลือเสียบอยู่มือ ฉันจึงรีบพุ่งตัวไปด้วยความเป็นห่วง แต่ฉันดันโง่สะดุดขาเสาน้ำเกลือจนตัวฉันพุ่งไปทับตัวเปิ้ลแบบพุ่งหลาวเลยล่ะ
"อุ๊บ!!!" ต่างคนต่างจุกแต่เปิ้ลน่าจะจุกมากกว่าเพราะถูกฉันนอนทับอยู่บนตัว แต่มันไม่ใช่ฉากสวีทหวานจนต้องมีประกายวิบวับเหมือนในละครหรอกนะ เพราะความบรรลัยกำลังจะเกิดขึ้นกับฉันอีกครั้ง
ก๊อก! ก๊อก!
พรืด!!
"วัดความด..." จู่ ๆ พยาบาลก็เปิดประตูพรวดเข้ามาแล้วก็รีบวิ่งออกไปทันที คาดว่าจะเข้ามาวัดความดันล่ะมั้ง แต่คือเคาะประตูแล้วช่วยเว้นระยะให้หน่อยไม่ได้หรือไง!!? เคาะปุ๊บเปิดปั๊บแบบนี้ก็เห็นสภาพที่ฉันนอนทับตัวคนป่วยอยู่บนพื้นแบบนี้น่ะสิ!! กรี๊ด!!! สภาพฉันเหมือนโรคจิตเข้ามาปล้ำคนป่วยก็ไม่ปาน คุณพยาบาลขา...คุณกำลังเข้าใจผิด แงงงง...
คืนนั้นคุณพยาบาลกลับมาวัดความดันให้เปิ้ลอีกครั้งแบบไม่กล้าสบตาเราทั้งสองคนแม้แต่น้อย ฉันเองก็แทบอยากจะพุ่งหลาวออกจากระเบียงห้องด้วยความอับอาย ส่วนเปิ้ลน่ะเหรอ นั่งยิ้มหน้าระรื่นคงพอใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากสินะ
ฉันคอยดูแล (ไถ่โทษนั่นแหละ) เปิ้ลไม่ห่างจนถึงวันที่เปิ้ลได้ออกจากโรงพยาบาล แล้วฉันก็อาสาขับรถไปส่งเธอที่บ้านเพราะเป็นห่วง บ้า...ใครจะไปห่วงมัน ก็แค่...อยากจะไถ่โทษน่ะ ใช่ ๆ ฉันไม่ได้ชอบเปิ้ลสักหน่อย และฉันก็แวะเวียนคอยไปดูแล (ไถ่โทษ) เปิ้ลที่บ้านจนเธอหายดีและหลังจากนั้นเราก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย (ฉันชิ่งหนีเธอนั่นเอง เพราะไถ่โทษเสร็จแล้ว โฮะ ๆ) แต่ก็นะ...คิดถึงจัง จะไปหาดีไหมนะ
และไม่คิดเลยว่าทุกอย่างจะบังเอิญขนาดนั้นที่เปิ้ลดันเรียนสาขาเดียวกับฉันและกระเต็น วันปฐมนิเทศฉันแทบช็อกที่เห็นเปิ้ลวิ่งหอบแฮก ๆ มาลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรมต่อจากชื่อฉันพอดี จะว่าดีใจจนอยากพุ่งไปกอดเลยก็ได้ แต่ฉันก็มีตราบาปปั๊มที่หน้าผากตัวเองอยู่ว่าฉันโกหกเธอว่าโดนลูกหลง ทั้ง ๆ ที่ฉันนี่แหละคือตัวการ แง...เค้าขอโทษ
เราได้มาอยู่แก๊งเดียวกันแบบเลี่ยงไม่ได้ เพราะกระเต็นดันจำหน้าเปิ้ลได้ แถมยังมีเพื่อนอีกคนที่ท่าทางเด๋อ ๆ ด๋า ๆ ชื่อว่าลูกหมูเข้ามาร่วมก๊วนด้วย เราสี่คนสนิทกันเร็วจนน่าตกใจเพราะเปิ้ลกับลูกหมูคอยสร้างสีสันให้เราตลอด แม้กระทั่งวันรับน้องก็ทำให้เพื่อน ๆ และพี่ ๆ เอกเดียวกันสนุกสนานกันมากและในคืนนั้นหลังจากรับน้องเสร็จ...มันทำให้ฉัน...ต้องเสียตัวเป็นครั้งแรก กรี๊ด!!!!
"พ่อกับแม่มึงไปไหนวะ มาหาทีไรไม่เคยเจอ" ฉันถามก่อนจะตะแคงหันหน้าไปทางเปิ้ลที่กำลังนอนมองบนเพดานอยู่
เป็นเพราะมันดึกมากแล้วและต่างคนต่างเหนื่อยล้าจากกิจกรรมรับน้อง เปิ้ลเลยอาสาขับรถไปส่งเพื่อน ๆ ทุกคนเพราะลูกหมูขับมอเตอร์ไซค์ แต่ฉันก็เป็นห่วงเปิ้ลไม่อยากให้นอนคนเดียวเลยอาสาจะมานอนเป็นเพื่อน
"พ่อกับแม่กูไม่เคยมีเวลาให้หรอก ซื้อบ้านให้แล้วก็ไปทำงานต่างจังหวัด นาน ๆ จะติดต่อมาครั้งหนึ่ง จนกูคิดว่ากูไม่ใช่ลูกพวกเขา แต่กูคือไข่ศักดิ์สิทธิ์ที่ตกลงมาจากฟากฟ้าแล้วฟักออกมาเป็นคนสวยแซบเบอร์หนึ่งเจนสี่"
"ไข่ศักดิ์สิทธิ์นี่ฟักออกมาเป็นตัวเหี้ยได้ด้วยเหรอ"
"โอ๊ยอิกระแต!!!" 
"ฮ่า ๆ มึงนี่มันหลงตัวเองชะมัด"
"กูสวยจะตาย ซิกแพ็กกูก็มี ดูไหมจะเปิดให้ดู" 
"กรี๊ด!! หยุดนะ!! มึงจะมาเปิดให้กูดูทำไม!!?" ฉันพูดพร้อมกับรีบดึงเสื้อของเปิ้ลลงเพราะเธอกำลังจะเลิกเสื้อขึ้นเพื่อจะโชว์หุ่น แต่ฉันก็สุดแสนจะตาดีเหลือเกินเลยได้บังเอิญเห็นหน้าท้องเป็นร่องสิบเอ็ดจนเผลอกลืนน้ำลายดังอึก
"กลืนน้ำลายดังจัง อยากกินกูเหรอ กูอร่อยนะ"
"อิเปิ้ล!!! มึงนี่มัน!!"
"ทำไม...มึงมานอนบ้านกูแบบนี้คิดว่ากูจะปล่อยให้คืนนี้มันผ่านไปเฉย ๆ เหรอ" เปิ้ลพูดจบก็ยื่นหน้าเข้ามาหาฉันจนหัวใจของฉันเต้นแรงและรัวจนแทบจะทะลุออกมาจากอก
"มึงจะทำอะไรกู!!? มึงออกไปเดี๋ยวนี้!!!" เมื่อเปิ้ลยื่นหน้ามาใกล้ ๆ แทนที่ฉันจะผลักเธอออกแต่ฉันกลับหลับตาปี๋และกำมือเอาไว้บนอกแน่น ฉันรู้สึกได้ว่ามีแขนข้างหนึ่งวางทับบนตัวฉันเอาไว้ก่อนจะออกแรงดึงฉันเข้าไปกอด ฉันรีบลืมตาด้วยความตกใจจนได้เห็นต้นคอขาว ๆ ของเจ้าตัวก่อนเธอจะประคองให้ฉันซบหน้าลงไปที่หน้าอกจนฉันได้ยินเสียงหัวใจของเปิ้ลที่เต้นรัว ๆ ไม่ต่างจากฉัน
"ขอนอนกอดได้ไหม มึงทำให้กูรู้สึกอบอุ่น เหมือนมึงเข้ามาเติมเต็มให้บ้านหลังนี้ไม่ว่างเปล่าอีกแล้ว ขอบคุณจริง ๆ นะกระแตที่คอยดูแลกูอย่างดีมาตลอด หลังจากนี้ขอกูดูแลมึงบ้างได้ไหม" น้ำเสียงของเปิ้ลดูอ่อนโยนมาก ๆ จนฉันได้ยินเสียงหัวใจของเราสองคนเต้นแข่งกันแบบไม่มีใครยอมใคร ถ้าฉันบอกความจริงไปว่าเปิ้ลไม่ได้โดนลูกหลง แต่คนที่ทำร้ายเธอมันคือฉัน...เปิ้ลจะยังกอดฉันเอาไว้แบบนี้ไหมนะ ฉันได้แต่คิดในใจและก็กอดตอบเธอช้า ๆ
"เปิ้ล...กูมีเรื่องจะบอก"
"อะไรเหรอ" จะบอกไปดีไหมนะ ไม่ดีกว่า...ยังไม่พร้อมจะเสียเปิ้ลไปเลย กลัวโดนเกลียดอะ ฮือ ๆ
"ไม่มีอะไรแล้ว"
"เอ้า!! ต้องมีสิ ถ้าไม่มีก็คงไม่พูดหรอก" เปิ้ลผละออกจากอ้อมกอดและก้มมองฉันด้วยความสงสัย แต่แววตาของเธอที่ก้มมองฉันมันทำให้ฉันไปไม่เป็นเลย บ้าเอ๊ย...ทำไมฉันต้องเขิน ทำไมฉันถึงรู้สึกวูบวาบแบบนี้นะ 
"คือ...ความจริงกูก็ไม่ต่างจากมึงเท่าไหร่หรอก ส่วนใหญ่กูก็อยู่กันแบบสี่คนพี่น้องเพราะพ่อแม่ของกูไม่ค่อยว่างอยู่บ้านน่ะ จะบอกว่าโดนโยกย้ายบ่อยมากเลยแหละ แต่เพราะพวกเราทุกคนไม่อยากย้ายไปไหนเพราะมีเพื่อนที่ดีอยู่แล้ว ก็เลยบอกว่าขออยู่ดูแลกันเอง คิดถึงเมื่อไหร่ค่อยมาเจอกันก็ได้ เรานี่เหมือนกันเลยนะ"
"ไม่เลย ไม่เหมือน มึงยังมีครอบครัว แต่กูไม่มีใครเลย"
"ก็มีกูนี่ไง กูเป็นครอบครัวให้มึงได้นะ" ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมฉันรีบตอบไปอย่างนั้นราวกับกลัวว่าเปิ้ลจะร้องไห้เพราะคิดถึงครอบครัว เพราะฉันแพ้น้ำตามาก ๆ เลยล่ะ ไม่อยากให้คนที่ชอบต้องร้องไห้เลย บ้า...ฉันไม่ได้ชอบมันนี่!!
"ขอบคุณนะกระแต...คือ...กูขอจูบมึงได้ไหม"
"ได้! เฮ้ย!!! ไม่ได้!! มึงจะมาจูบกูทำไม!!?"
"กูเชื่อคำตอบแรกนะ เพราะมันมักจะถูกเสมอ" เปิ้ลพูดพลางกับยื่นหน้ามาใกล้ ๆ และฉันควรที่จะผลักออกแต่ฉันกลับหลับตาและแหงนหน้าขึ้นเฉยเลย จ้า...ฉันนี่มันใจง่ายจริง ๆ 
ฉันรู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่างนุ่ม ๆ ประกบลงที่ปากของฉันและลมหายใจอุ่น ๆ กำลังรดที่ใบหน้าของฉันอยู่ หัวใจก็ยิ่งเต้นโครมครามทวีความรุนแรงขึ้นและสัมผัสวูบวาบที่ช่วงท้องจนปั่นป่วนไปหมด
"กระแต...เปิดปาก" เสียงแหบพร่าร้องบอกอย่างเว้าวอนฉันจึงเผยอเปิดริมฝีปากอย่างอัตโนมัติราวกับถูกสะกดก่อนที่จะรู้สึกได้ว่าเปิ้ลกำลังดูดริมฝีปากล่างของฉันจนรู้สึกได้ถึงน้ำลายเปียก ๆ รู้สึกดีจัง มันเป็นจูบที่ดีมาก ๆ 
เธอค่อย ๆ เร่งจังหวะขึ้นอีกและฉันเองก็คล้อยตามราวกับช่ำชองเรื่องการจูบทั้ง ๆ นี่เป็นจูบแรกของฉันด้วยซ้ำ เปิ้ลจูบเก่งมาก จนฉัน...รู้สึก...ร้อนวูบวาบไปทั้งตัว และหลังจากนั้นเปิ้ลก็สอดลิ้นเช้ามาในปากของฉัน ฉันไม่ได้รู้สึกรังเกียจอะไรเลย แถมยังใช้ลิ้นตอบกลับมันยิ่งทำให้สติของฉันแทบกระเจิง 
"ป...เปิ้ลหยุดก่อน! แฮก ๆ" ฉันหอบแฮก ๆ เพราะรสจูบที่ดูดดื่มของเปิ้ล พร้อมกับหัวใจที่เต้นรัว ๆ คือฉันไม่ได้อยากหยุด แต่ฉันรู้สึกแปลก ๆ ที่ตรงนั้น...
"ทำไมเหรอกระแต"
"คือ...กูรู้สึกว่าตรงนั้นกูมันเปียก ๆ"
"ขอกูจับดูหน่อยได้ปะ"
"มึงจะบ้าเหรอ!!?"
"เถอะน่า...แล้วกูจะบอกให้ว่ามึงเป็นอะไร" เปิ้ลไม่ได้ฟังคำตอบอะไรจากฉันเลยแต่เธอก็เอื้อมมือมาจับน้องสาวของฉันจนฉันถึงกับสะดุ้ง แต่สัมผัสของเปิ้ลมันทำให้ฉันแทบบ้า มัน...เสียว ๆ ยังไงก็ไม่รู้
"ป...เปิ้ล พอได้แล้ว..." ฉันตอบเสียงกระเส่า
"กระแต มึงมีอารมณ์นะรู้ตัวไหม ขนาดกูจับผ่านกางเกงยังรู้สึกเลยว่ามันแฉะมาก"
"มึง...อย่าพูดแบบนั้น ท...ทำไมกูต้องมีอารมณ์กับมึงด้วย"
"มึงชอบกูไหมกระแต"
"มึงถามอะไรของมึงเนี่ย"
"กูชอบมึงนะ กูไม่เคยคิดกับมึงแค่เพื่อน แล้วมึงล่ะชอบกูไหม ถ้าเราคิดเหมือนกันกูจะได้ช่วยมึง ถ้ามึงไม่ได้คิดอะไรกูจะได้ไปนอนข้างนอก"
"ไม่!!" ฉันรีบตอบแบบทันควันพร้อมกับกำคอเสื้อเปิ้ลเอาไว้ เธอดูหน้าเสียเล็กน้อยกับคำตอบของฉัน
"ไม่เปิ้ล กูไม่ให้มึงไปนอนข้างนอก! คือ...ที่กูยอมให้มึงกอด ยอมให้มึงจูบก็ไม่ใช่เพราะ...กูชอบมึงเหรอวะ"
"แล้วสรุปว่าชอบหรือไม่ชอบ มึงไม่รู้ใจตัวเองเหรอ"
"ก็กูไม่เคยชอบใครนี่! กูไม่เคยมีแฟน ถึงจะมีคนตามจีบกูเยอะก็เถอะ แต่กูไม่รู้สึกแบบนี้กับใครเลย แต่กับมึงมันไม่ใช่ กูใจเต้นแรงตั้งแต่เจอมึงครั้งแรก อยากอยู่ใกล้ ๆ เป็นห่วงจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ ความรู้สึกแบบนี้คืออะไรวะ"
"มึงตกหลุมรักกู"
"เหรอ..."
"เป็นแฟนกันไหมกระแต เพื่อนกันเขาไม่ทำแบบนี้หรอกนะ และกูจะช่วยมึงด้วย แต่ถ้ามึงไม่คบกับกู กูก็ช่วยมึงไม่ได้ เพราะกูไม่ทำกับคนที่ไม่ใช่แฟน"
"ช่วยที่ว่าคือมีอะไรกันใช่ปะ"
"อืม มึงกำลังมีอารมณ์ และร่างกายมึงต้องการกู ถ้ามึงตกลงคบกับกู กูสัญญาว่าจะช่วยมึงทุกครั้ง และจะคอยดูแลมึงอย่างดี"
"อืม...กูให้มึงเป็นคนแรกของกูทุกอย่างเลยนะเปิ้ล" 
"งั้นตอนนี้เราเป็นแฟนกันแล้วนะ"
พูดจบเธอก็ค่อย ๆ ดึงกางเกงขาสั้นของฉันลง ซึ่งฉันก็ยอมแต่โดยดีเพราะฉันต้องการเธอจริง ๆ เธอแทรกตัวเข้ามาอยู่ตรงกลางระหว่างขาแล้วก้มลงโลมเลียจุดที่อ่อนไหวที่สุดราวกับผึ้งกำลังดูดดื่มน้ำหวานจากเกสรดอกไม้อย่างไรอย่างนั้น ฉันใช้สองมือขยุ้มผมของเธอเอาไว้ เพราะมันเสียวซ่านจนฉันแทบบ้า ทุกจังหวะการตวัดเลียมันรู้สึกดีจนฉันถึงกับครางเสียงหลง 
"อือ...อื๊อ!!" ฉันปิดปากตัวเองเอาไว้แน่น เพราะเสียงครางของฉันมันน่าอายนี่นา
"เปิดปากกระแต ครางออกมา"
"ม...ไม่...อ๊ะ! น่าอาย"
"ถ้ามึงไม่ครางกูจะรู้ไหมว่ากูทำให้มึงมีความสุขหรือเปล่า"
"แค่มันเป็นมึงกูก็มีความสุขแล้ว อ๊า...ซี๊ด...มึง...กู...ส...เสียว...อ๊า!!" ยิ่งฉันไม่ร้องออกมา เปิ้ลยิ่งดูดเน้น ๆ ตรงที่อ่อนไหวที่สุดจนฉันถึงกับกระตุก ปลายเท้าของฉันจิกเกร็งกับที่นอนจนต้องปลดปล่อยเสียงครางออกมาจนได้ และหลังจากนั้นไม่นาน ฉันแทบจะดิ้นพล่านเมื่อเธอสอดนิ้วเข้ามาควบคู่กับลิ้นที่ยังตวัดเลียอยู่ อายก็อายเถอะ แต่การที่เธอเห็นของฉันหมดแล้วมันไม่ใช่เวลาจะมาอายอะไรอีกแล้ว
"มึง...ซี๊ด...กู...เสียว อ๊า...ขอเร็วอีกหน่อย"
"เรียกกูว่าที่รัก"
"ที่รัก...เร็วค่ะ เร็ว ๆ ขอเร็วอีก!! อ๊า...อ๊า...อื๊อ!!" เสียงดังเฉอะแฉะดังออกมาตามจังหวะที่ริ้วเรียวเร่งจังหวะเข้ามาแบบเร็วขึ้น อีกไม่นาน...ฉันจะ...ฉันจะ...
"อ๊า!!!!" ร่างของฉันกระตุกเกร็งก่อนจะนอนหอบแฮกแบบไร้เรี่ยวแรง ไม่ไหว...มันรู้สึกดีมาก เปิ้ลทำให้ฉันราวกับขึ้นสวรรค์
"กูรักมึงนะเปิ้ล...ที่รัก..."
"กูก็รักมึงเหมือนกัน ที่รักของเปิ้ล ขอต่อนะจ๊ะคนดี"
"อื๊อ...ท...ที่รักขา..."


ฉันไม่ได้โง่ถึงขั้นไม่รู้ว่าตัวเองมีอารมณ์ และไอ้อาการต่าง ๆ มันคืออะไร แต่ฉันเอาแต่ปฏิเสธหัวใจตัวเองมาตลอด หรือที่ฉันไม่เคยตกลงคบกับผู้ชายที่เข้าหาฉันเลยเพราะฉันชอบผู้หญิง และเปิ้ลคือคนแรกที่ทำให้ฉันรู้สึกแบบนั้น อยากอยู่ใกล้ ๆ ตลอดเวลา จะทำอะไรก็คิดถึงเปิ้ลตลอด เป็นห่วงว่าเปิ้ลจะอยู่ยังไง ฉันไม่อยากให้หลังจากนี้เปิ้ลต้องเดียวดายเลย
ขอบคุณที่วันนั้นยื่นกระดาษทิชชู่มาให้นะ ถึงมันจะเกิดเรื่องมากมายก็เถอะ แต่เปิ้ลก็เป็นแฟนที่ดีมาตลอด ไม่เคยทำให้ฉันเสียใจเลยสักครั้ง ปากหมาเป็นสีสัน เหมือนจงใจจะยั่วโมโหให้ฉันด่าแล้วก็แกล้งง้องอนด้วยการปลุกปล้ำฉันทุกคืน ยัยบ้าเอ๊ย...แต่ก็นะ มันก็เพราะลูกหลง (แบบตั้งใจ) ในวันนั้น ทำให้ฉันได้มีแฟนที่แสนดีอย่างเปิ้ล เธอเป็นคนที่ปลอบคนเก่งมาก ๆ และมักจะกอดปลอบฉันเวลาที่ฉันร้องไห้ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม แม้แต่ร้องไห้เพราะนิยาย และเปิ้ลน่ะ...เด็ดมากเลยล่ะ โฮะ ๆ


#ลูกหลง | กระแต
ม้า
ไรท์แวะมาคุย~`

“คู่นี้ก็แอบมีมุมโรแมนติกนะคะเนี่ย 55555”