บ้านนี้แฝด 4

บ้านนี้แฝด 4
#นิสัยไม่ดี | กระต่าย

แนะนำตัวละคร
คุณเคยตกหลุมรักรอยยิ้มของใครซ้ำ ๆ หรือเปล่า...
ชีวิตของฉันที่พบเจอผู้คนมากมายจากการได้เปิดโลกกว้างขึ้นกว่าเดิมที่ไม่ใช่เพียงแค่ใช้ชีวิตอยู่ในประเทศเท่านั้น แต่ก็ยังไม่เคยมีใครทำให้ฉันตกหลุมรักกับรอยยิ้มได้เลยสักครั้ง จนฉันเองก็แอบคิด ว่ามันจะมีจริง ๆ เหรอ คนที่จะตกหลุมรักรอยยิ้มของใครได้
อันที่จริงต้องยกความดีความชอบให้กับคุณหมอที่พาฉันออกมาจากท้องแม่เป็นคนสุดท้าย ฉันเลยได้เป็นน้องเล็กที่น่ารักที่สุดในบรรดาแฝดทั้งสี่คน และพี่ ๆ ต่างดูแลประคบประหงมฉันอย่างดีมาตลอด เวลามีอะไรดี ๆ ฉันก็มักจะได้รับก่อนใครเพื่อนจากการเสียสละของพี่ ๆ เอง แล้วสามคนที่เหลือก็จะทะเลาะกันเองว่าเสียสละให้ฉันทำไม ฉันเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ว่าพี่ ๆ จะทะเลาะกันทำไม ในเมื่อแต่ละคนก็ยินยอมที่จะเสียสละเพื่อฉันอยู่แล้ว
"กระต่าย เอาลูกชิ้นไหมพี่ให้" พี่กระติกถามพลางกับคีบลูกชิ้นเนื้อในถ้วยก๋วยเตี๋ยวมาใส่จานผัดกะเพราของฉัน และสิ่งที่ตามมาคือ...
เพี้ยะ!!!
"กระติก!! น้องมันไม่กินเนื้อ!!" พี่กระแตตบมือพี่กระติกแล้วก็ขโมยลูกชิ้นในจานของฉันไปต่อหน้าต่อตา ก่อนจะคีบหมูแดงที่ตัวเองไม่ชอบมาใส่คืนในจานของฉัน
"แต มึงนี่! คิดเองเออเองตลอด กูก็เห็นต่ายมันกินเนื้อตลอด มึงอยากแย่งน้องล่ะไม่ว่า น้องมันไม่กินหมูแดงหรอก ขนาดมึงยังไม่ชอบเลย" ค่ะ และคนที่ขาดไม่ได้คือพี่กระเต็น ที่คิดแทนคนอื่น ๆ ไม่ต่างกัน ที่คีบหมูแดงไปต่อหน้าต่อตาอีกครั้ง แล้วจึงคีบผักมาคืน...ถามฉันกันบ้างไหมนะ ว่าฉันอยากกินอะไรพวกนั้นที่พี่ ๆ สละมาให้หรือเปล่า
"โอ๊ยกระเต็น!! น้องมันไม่กินผัก!! มึงถามน้องไหมว่าน้องอยากกินหรือเปล่า มึงจะไปแย่งน้องทำไม!!? เอาผักมานี่!!"
"พอกันทุกคนนั่นแหละค่ะ พี่กระติก ตัวเองน่ะตัวดีเลย พี่นั่นแหละที่ไม่กินเนื้อ ทีหลังอย่าลืมสั่งคุณป้าสิคะว่าเอาลูกชิ้นหมู ส่วนพี่กระแต ตัวเองชอบกินเนื้อทำไมไม่สั่งเนื้อ ไม่ต้องแกล้งมาเสียสละหมูแดงที่ตัวเองไม่ชอบให้ต่ายเลย พี่กระเต็นก็เหมือนกัน! ไม่ชอบกินผักก็ไม่ต้องยัดเยียดผักให้ต่ายนะ คือต่ายกันข้าวเนอะ พี่ ๆ แลกกันเองเถอะค่ะ ไม่ต้องใช้ต่ายเป็นตัวกลางแลกเปลี่ยน" 
เอาจริง ๆ พี่ ๆ จะแลกกันเองเลยก็ได้เพราะเวลาสั่งอะไรมาก็จะเรียกได้ว่าสั่งเผื่อกันและกันด้วยซ้ำ แต่ไม่ยอมแลกกันเองเพราะกลัวเสียฟอร์ม อยากเป็นพี่ที่แสนดีเสียสละให้น้องว่างั้นเถอะ จานข้าวของฉันจึงกลายเป็นศูนย์กลางแลกเปลี่ยนของโปรดปรานของพี่ ๆ เสมอ มันมักจะเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วแหละ จะบอกว่าปากแข็งและฟอร์มจัดทั้งบ้านเลยก็ได้ ยกเว้นฉัน ที่มีอะไรก็บอกตรง ๆ ตลอด 
พี่ ๆ เสียสละทุกอย่างให้กับฉัน แม้กระทั่งเรื่องเรียน ที่ให้โอกาสฉันไปเรียนต่างประเทศเพียงแค่คนเดียว เพราะพี่กระติกเสพติดอาย เพื่อนของฉันมาก ถึงขั้นอยากตามไปเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันเลยก็ว่าได้ แต่ดันเรียนคนละสายและสมองอันชาญฉลาดของพี่กระติกเลยทำให้สอบติดมหาวิทยาลัยชื่อดังที่มีแต่คนเก่ง ๆ เขาเรียนกัน
ส่วนพี่กระเต็นกับพี่กระแต จะเรียกว่าเป็นราหรือแบคทีเรียที่อยู่ในพืชที่ต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน พี่กระแต ทฤษฎีแน่น แต่ปฏิบัติแป้กตลอด พี่กระเต็นดันเป็นคนที่ปฏิบัติได้ทุกอย่างราวกับอัจฉริยะ แต่สอบตกแบบกวาดไข่ (คะแนน 0) แทบทุกครั้งที่มีการสอบแบบข้อเขียน จะบอกว่าส่งกระดาษเปล่าเลยจะถูกมากกว่า ไม่รู้ขี้เกียจหรือรักสะอาดที่ไม่ยอมเขียนอะไรลงไปในข้อสอบเลยนอกจากชื่อแบบตวัดหางไกลจากภาคเหนือไปภาคใต้ถึงขั้นที่อาจารย์ต้องขอร้องให้พี่กระเต็นเลิกเขียนตัวหนังสือแบบตวัดเสียที เพราะมันอ่านยาก!! และพี่กระเต็นก็ต้องอาศัยมันสมองของพี่กระแต ทำให้สองคนนี้แยกจากกันไม่ได้เลย ฉันก็ไม่เข้าใจว่าทำไมพระเจ้าถึงไม่แบ่งให้ทั้งสองมีอะไรเท่า ๆ กัน จะได้มีอิสระเป็นของตัวเองและไม่ต้องตีกันทุกวันด้วย ต่ายงง...


และแล้ววันที่ฉันต้องกลับมาเหยียบแผ่นดินไทยอีกครั้งหลังจากที่เรียนจบก็วนมาถึง ฉันคาดหวังว่าจะได้วิ่งเข้าไปสวมกอดพี่สาวฝาแฝดอีกสามคนด้วยความดีใจหลังจากที่ไม่ได้เจอกันมานานหลายปี แต่เมื่อฉันมาถึงสนามบิน กลับไม่พบพี่สาวของฉันสักคน และมีใครก็ไม่รู้ยืนอ้าปากค้างมองมาทางฉัน จนฉันต้องหันซ้ายแลขวาว่าเธอมองใครอยู่กันแน่
"เฮ้ย...พวกแฝดมีแฝดสี่เหรอเนี่ย อู๊ดไม่เห็นรู้เรื่องเลย" ดูเหมือนเธอจะรู้จักพี่ ๆ ของฉันนะ ลองถามเธอดูแล้วกัน
"Hello, Have you seen my siblings? Pee Kraten, Pee Kratik, and Pee Kratae. Our faces are identical. I'm a little bit smaller than them, so that's the difference. (สวัสดีค่ะ คุณเห็นพี่ ๆ ของฉันไหม พี่กระติก พี่กระแต และพี่กระเต็น เราหน้าตาเหมือนกันเลย ต่างกันที่ฉันตัวเล็กกว่านิดหน่อย)" ฉันถามเป็นภาษาอังกฤษด้วยความเคยชิน ซึ่งคนตรงหน้าก็พยักหน้ารับ
"สวัสดี เราชื่อลูกหมูนะ" ทันทีที่ได้เห็นรอยยิ้มของผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าทำเอาข้าวของที่ฉันถืออยู่ในมือร่วงลงพื้นทันที
"อ๊ะ!" ขณะที่ฉันกำลังจะก้มลงหยิบของก็เป็นจังหวะเดียวกับที่เธอก็ก้มลงเก็บพร้อม ๆ กัน ทำให้หัวเราโขกกันอย่างแรง
โป๊ก!!
"โอ๊ย!!" ต่างคนต่างนั่งลูบหน้าผากตัวเองป้อย ๆ ด้วยความเจ็บปวด และผละออกจากกันไปคนละทิศละทาง เจ็บเป็นบ้าเลย ฮือ...
"ซอรี่ ๆ ยูอาบิวตี้ฟูล" 
"..." ฉันควรจะขอบคุณไปดีไหมนะ อยู่ดี ๆ ก็ชมว่าฉันสวยเฉยเลย ต่ายงง...
"เอ่อ...ว้อท อิส มาย เนม?"
"คะ!?" ไม่อยากจะเชื่อว่าแค่เราหัวโขกกันครั้งเดียว ทำเอาเธอถึงกับลืมชื่อของตัวเองไปเลย
"ลูกหมูไง" ฉันตอบ
"ใช่ ๆ เราชื่อลูกหมู เธอก็พูดไทยได้นี่นา"
"พูดได้สิ เราก็เป็นคนไทยนะ"
"นั่นสิเนอะ แล้ว...เธอชื่ออะไรเหรอ"
"กระต่ายค่ะ"
"ว้าว...ตื่นเต้นอะ ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าพวกนั้นมีแฝดอีกคน" ลูกหมูดูแปลกใจมากที่ได้เจอฉัน เพราะเธอเอาแต่มองแล้วมองอีกจนฉันแทบจะตัวลีบหมดแล้ว คนอะไรก็ไม่รู้...ยิ้มสวยจัง เธอสวยมาก และก็สูงมากเช่นกัน ร้อยวันพันปีไม่เคยชอบรอยยิ้มของใคร เพิ่งจะมีลูกหมูนี่แหละ ฮือ...น่ารัก
"ลูกหมูคะ แล้วพี่ ๆ ของเราไปไหนเหรอ"
"พวกแฝดมันไปหาซื้ออะไรมาให้เธอกินนั่นแหละเพราะกลัวว่าเธอมาถึงแล้วจะหิว ก็เลยให้เรารอที่นี่ เดี๋ยวอีกสักหน่อยก็กลับมาแล้วล่ะ"
"อ๋อ...นึกว่าพี่ ๆ ให้ลูกหมูมารับเราซะอีก" 
"เปล่า ๆ ว่าแต่ ก่อนหน้านี้พูดอะไรเหรอ ที่เป็นภาษาอังกฤษน่ะ"
"อ๋อ พอดีเราถามหาพี่ ๆ น่ะ"
"เหรอ ๆ กระต่ายเก่งภาษาอังกฤษสินะ"
ฉันได้แต่ยืนยิ้มเพราะไม่รู้จะตอบเธอไปว่ายังไงดี แถมยังมัวแต่เขินรอยยิ้มของเธออยู่ด้วยและหลังจากนั้นไม่นาน พี่ ๆ ฉันก็วิ่งมากอดฉันพร้อมกับถุงขนมคนละไม้ละมือ และแน่นอนค่ะ...ทุกอย่างที่พี่ ๆ ซื้อมา มันคือของชอบของบรรดาพี่ ๆ ฝาแฝดเอง ไม่ใช่สิ่งที่ฉันชอบแม้แต่ชิ้นเดียว แต่โชคดีที่ฉันบังเอิญกินได้ทุกอย่างที่ซื้อมาก็แค่นั้น และฉันก็ได้กลับบ้านไปพร้อมกับผู้หญิงที่ชื่อลูกหมู ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ารอยยิ้มนั้นทำให้ฉันเก็บไปฝันในคืนนั้นเลยล่ะ...บ้าน่า...รอยยิ้มนั่นตามไปหลอกหลอนแม้กระทั่งในฝัน 


ผ่านไป 2 วัน ฉันก็ได้เจอกับลูกหมูอีกครั้ง เพราะบ้านของฉันคือสตูดิโอสำหรับทำงานของพี่กระแต พี่กระเต็นและเพื่อน ๆ นั่นก็รวมไปถึงลูกหมูกับเปิ้ลด้วย ฉันเพิ่งรู้ว่าพี่กระแตเองก็ชอบผู้หญิงเหมือนกับพี่กระติก เธอกับเปิ้ลเข้ากันได้ดีมาก...(มั้ง) จีบกันแทบจะตลอดเวลาที่ทำงานเลยก็ว่าได้ แต่คนที่ฉันให้ความสนใจและมองบ่อยเป็นพิเศษก็คือเจ้าของรอยยิ้มที่สดใสนั่น เราบังเอิญหันมาสบตากันบ่อยมาก ไม่รู้ว่าเป็นความตั้งใจหรืออย่างไร แต่สำหรับฉัน คือฉันตั้งใจมองลูกหมู เพราะอยากเห็นรอยยิ้มที่สดใสนั้นอีกครั้ง แต่เธอเอาแต่ทำหน้าเคร่งเครียดจดจ่อกับการถ่ายภาพสินค้า แบบนี้ก็มีเสน่ห์และน่ารักไปอีกแบบแฮะ...จะบอกว่าลูกหมูทำอะไรก็ดูดีไปหมดเลยคงจะถูกมากกว่า
"นี่...ทำไรอยู่เหรอ" ขณะที่ฉันกำลังมองลูกหมูพลางกับอมยิ้ม ฉันก็ต้องสะดุ้งโหยงเพราะจู่ ๆ เธอก็หันมาถามฉันแบบไม่ทันได้ตั้งตัว ก่อนจะรีบกลับมาดูหนังในโทรศัพท์ด้วยท่าทีเลิ่กลั่ก หวังว่าลูกหมูจะไม่รู้นะว่าฉันแอบมองอยู่
"ดูหนังอยู่ค่ะ"
"เหรอ...ชอบดูหนังเหรอ"
"อะ...อืม" ความจริงก็เปล่าหรอก ถ้าชอบดูหนังจริง ๆ ฉันไปนอนดูในห้องนอนจะสงบมากกว่า แต่ฉันแค่แกล้งดูหนังเพื่อที่จะได้แอบมองลูกหมูยังไงล่ะ...
"ว่างเหรอ"
"คะ? ก็...ว่างนะ ช่วงนี้ยังไม่มีงานทำน่ะ"
"ไม่ หมายถึงว่าว่างไหม มาช่วยถือสินค้าหน่อยได้ไหม"
"ทำไมไม่วางถ่ายล่ะคะ"
"เรารู้สึกว่าปากเธอสวยน่ะ ถ้ามาช่วยถือลิปสติกมันต้องสวยมากแน่เลย"
"แต่ว่า...เราไม่ได้แต่งหน้านะคะ สภาพไม่ได้เอื้อต่อการถ่ายแบบเลย"
"ไม่เป็นไร ถ่ายแค่ปาก"
ถึงจะบอกว่าถ่ายแค่ปากก็เถอะ แต่การที่ลูกหมูเป็นคนมาทาลิปให้กับฉัน มันทำให้หัวใจของฉันสั่นไหวราวกับแผ่นดินไหวและตามด้วยอาฟเตอร์ช็อก ถึงแผ่นดินจะไหว แต่ใจฉันไม่ไหวค่ะ ฉันเขินจนทำตัวไม่ถูกเลย ฉันได้แต่กรีดร้องอยู่ในใจ ดวงตาคู่นั้นที่จ้องมองที่ริมฝีปากของฉัน มันสะกดฉันจนต้องเผยอปากอย่างอัตโนมัติและเธอก็รีบลั่นชัตเตอร์ทันที
"อืม...สวยมาก ปากสวยน่าจุ๊บมากเลยอะกระต่าย"
"บ้า...ใครบอกให้พูดแบบนี้กัน นิสัยไม่ดีเลยนะคะ"
"ทำไมอะ นิสัยไม่ดีตรงไหน แค่บอกว่าปากน่าจุ๊บ ขนาดเปิ้ลกับกระแตมันยังพูดแบบนี้แล้วก็จุ๊บกันโชว์เราบ่อย ๆ เลย"
"พอแล้วค่ะ! ไม่ต้องพูดแล้ว!!" จะบอกว่าลูกหมูไร้เดียงสาก็ใช่ จะว่าใสซื่อก็ถูก การที่พูดอะไรออกมาแบบหน้าซื่อ ๆ แบบนั้นแต่เหมือนกับยิงปืนกลใส่ฉันนับครั้งไม่ถ้วนจนฉันพรุนไปทั้งตัว เขินค่ะ...รู้ตัวหรือเปล่า
ลูกหมูมักจะทำอะไรเปิ่น ๆ ให้ฉันได้เห็นตลอด ไม่ว่าจะเป็นการเดินชนประตูกระจก ประตูหนีบมือ เดินเตะขาเก้าอี้ ขาโต๊ะทั้ง ๆ ที่มันก็อยู่ของมันดี ๆ แต่การกระทำเหล่านั้นกลับทำให้ฉันหลงลูกหมูหนักขึ้นไปอีก มันน่าเอ็นดูมากเลยล่ะ เหมือนลูกหมู 3 ขวบ ที่มักจะโดนคุณป้าใจร้าย (พี่กระแตและเปิ้ล) ดุตลอด ดูแล้วก็ตลกดีและก็เอ็นดูมากด้วยเช่นกัน


"พี่กระเต็น ลูกหมูมีแฟนยัง!?" 
"ถามทำไม ชอบมันเหรอ"
"ใช่" ทันทีที่ฉันตอบไปแบบนั้น พี่กระเต็นจึงหันมามองหน้าฉันด้วยความตกใจราวกับเห็นผี และรีแอคชั่นเหมือนคนถูกล็อตตารี่รางวัลที่ 1 อย่างไรอย่างนั้น 
"ตกใจอะไรขนาดนั้น"
"ชอบอะไรมันอะ มันซื่อบื้อจะตาย"
"ทำไมว่าเพื่อนแบบนั้นล่ะคะ เพราะแบบนั้นแหละที่ทำให้ต่ายชอบ"
"ชอบความซื่อบื้อ ๆ ของมันเนี่ยนะ"
"พี่กระเต็น!! ลูกหมูยิ้มสวยจะตาย ยิ้มทีเป็นต้องหลงเลยอะ"
"ชอบก็บอกมันสิ"
"บ้าเหรอ..."
"แอบมองแล้วก็ยิ้มเป็นบ้าอยู่คนเดียวอยู่ได้ พี่เห็นนะ"
"เฮ้ย!! เห็นเหรอ!?"
"อือ ชอบก็ไปหามันที่บ้านสิ ลุยเลยอย่ามัวแต่แอบเดี๋ยวไม่ได้แดกนะ"
"บ้าปะ!! แดกเดิกอะไร นิสัยไม่ดี!!"
"พี่หมายถึงกินก๋วยจั๊บ ไม่ได้กินลูกเจ้าของร้านก๋วยจั๊บ บ้านมันขายก๋วยจั๊บญวน อร่อยนัมเบอร์วัน ลองไปกินสักวันสิ"
"เหรอคะ..."
และนี่คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ฉันต้องตามลายแทงที่พี่กระเต็นวาดแผนที่ร้านของลูกหมูให้กับฉัน สาเหตุที่ไม่พาฉันไปกินก็เพราะขี้เกียจออกจากบ้าน และบ้างานจนอุดอู้แต่ในห้องทำงานของตัวเอง ฉันไปกินก๋วยจั๊บทุกวันเพียงเพราะต้องการเจอลูกหมู แต่ไม่ว่าฉันจะไปกี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็ไม่เคยได้เจอหน้าเลย เจอก็เพียงน้องสาวหรือน้องลูกหมีที่มาต้อนรับฉันเท่านั้น และหนึ่งอาทิตย์หลังจากนั้น เพื่อนรักจากออสเตรเลียก็มาเที่ยวที่ประเทศไทย และแน่นอนค่ะ...ฉันพาเพื่อนรักไปเที่ยวที่ร้านก๋วยจั๊บ เพราะมีสิ่งที่ควรค่าแค่การถ่ายรูปกลับไปแปะผนังบ้าน นั่นก็คือลูกหมู ฮุฮุ
"Sarah, what is this? (ซาร่า นี่คืออะไร)"  จอร์จเอ่ยถามฉันพลางกับชี้ไปที่เส้นก๋วยจั๊บในถ้วย ฉันจึงสาธยายให้ฟังว่ามันคืออะไร เราสองคนจะเรียกกันว่าจอร์จกับซาร่า และเราซี้กันถึงขั้นสามารถกอดและหอมแก้มกันได้เลย เพราะจอร์จก็เป็นหนึ่งในคนที่หวีดเหล่าผู้ชายกล้ามโต ๆ ผิดจากฉันที่หวีดรอยยิ้มของลูกหมูแค่เพียงคนเดียว
และไม่รู้อะไรดลใจหรือลมอะไรหอบลูกหมูเดินลงมาจากชั้นสองเพื่อมาช่วยงานที่ร้าน ทำให้จอร์จได้เจอลูกหมูตัวเป็น ๆ จากที่ฉันคอยเล่า (ขาย) ให้จอร์จฟังในเฟซบุ๊กอยู่บ่อย ๆ ซึ่งจอร์จก็เอาแต่จ้องหน้าลูกหมูแบบไม่ละสายตาเพราะต้องการล้วงลับให้ถึงแก่นว่าลูกหมูชอบฉันบ้างหรือเปล่า เพราะลูกหมูมักจะชอบชวนฉันไปดูหนังบ่อย ๆ หรือไม่ก็หาเรื่องหนังมาคุยกัน ซึ่งฉันไม่ค่อยดูหนังเลยต้องแกล้งบอกไปว่าฉันดูแต่หนังฝรั่งแล้วก็ชักแม่น้ำทั้งห้า อ้างชื่อหนังที่ไม่มีอยู่จริงมาคุยด้วย และลูกหมูก็เชื่ออย่างนั้นจริง ๆ ซะด้วย กับคนนี้...มีอะไรให้ฉันว้าวได้ตลอดเลย
"How is George? Do you feel that she likes me? (เป็นไงบ้างจอร์จ เธอว่า หล่อนชอบฉันบ้างไหม)"
"She definitely likes you, Sarah. (หล่อนต้องชอบเธอแน่ ๆ ซาร่า).
"Why? (ทำไมอะ)"
"When she sees you, she looks so happy. (ตอนที่หล่อนเห็นเธอ หล่อนดูมีความสุขมาก)"
"It's impossible. (เป็นไปไม่ได้น่า)"
"But I think she dislikes me. Oops! Chilli on your lips, I'll take it out. (แต่ฉันคิดว่าหล่อนไม่ชอบฉันนะ อุ๊บส์! พริกติดปากเธอแน่ะ เดี๋ยวฉันเอาออกให้นะ" พูดจบจอร์จก็เอื้อมมือมาเขี่ยเศษพริกป่นที่มุมปากให้กับฉันด้วยนิ้วโป้ง ก่อนจะผลักหัวฉันเบา ๆ ด้วยความมันเขี้ยว จอร์จจะเอ็นดูฉันเป็นพิเศษเวลากิน เพราะชอบมีอะไรเลอะปากฉันตลอด 
"หวัดดีลูกหมู" ฉันรีบทักทายลูกหมูทันทีที่เธอเดินมาทางนี้ แล้วจอร์จก็ใช้แขนคล้องคอฉันแล้วพูดกับลูกหมูอย่างเป็นมิตรว่า
"Hi, my name is George, I'm friends with Sarah. Nice to meet you. She really likes you. (สวัสดี ฉันชื่อจอร์จ เป็นเพื่อนกับซาร่า ยินดีที่ได้รู้จักนะ นี่...เพื่อนฉันชอบเธอมากเลยล่ะ)" ฉันหันไปฟาดจอร์จเล็กน้อยที่พูดแบบนั้นออกไป แล้วลูกหมูก็ยิ้มตอบกลับมา ก่อนจะเดินขึ้นบ้านไปเลย ทำเอาฉันและจอร์จต่างหันมามองหน้ากันแบบงง ๆ
"Did I do something wrong? (ฉันทำอะไรผิดไปหรือเปล่า)"
"No, She's shocked, you say that. (ไม่หรอก หล่อนคงตกใจน่ะที่เธอพูดแบบนั้น)"
"Sarah, you're so cute. You'll definitely find who adores you. (ซาร่า เธอน่ารักมากนะ ยังไงก็ต้องได้เจอคนที่รักเธออย่างแน่นอน)"
"Thanks. (ขอบคุณนะ)"
ฉันรู้ว่ายังไงฉันก็จะได้เจอคนที่รักฉัน แต่ทำยังไงได้ล่ะ ในเมื่อฉันชอบลูกหมู และก็หวังว่าสักวันว่าลูกหมูจะหันมามองฉันบ้าง ฉันยังคงไปกินก๋วยจั๊บที่ร้านลูกหมูทุกวัน แต่ตั้งแต่วันนั้นฉันก็ไม่เจอลูกหมูที่ร้านอีกเลย นอกเสียจากว่าลูกหมูไปทำงานที่บ้านกับพี่ ๆ ถามว่าเสียใจไหมมันก็ต้องแน่นอนอยู่แล้ว เพราะเหมือนลูกหมูพยายามหลบหน้าฉัน นิสัยไม่ดีเลยนะคะ...มาทำให้ตกหลุมรักแล้วก็หายไปดื้อ ๆ แบบนี้ 
หลังจากที่จอร์จกลับจากออสเตรเลียไปได้ 3 เดือน ฉันพยายามบอกตัวเองมาตลอดว่าลูกหมูแค่เป็นคนมีมารยาท และเป็นคนใจดีที่ชอบเลี้ยงหนังฉันอยู่บ่อย ๆ ไหนจะคอยเอาก๋วยจั๊บมาฝากฉันเพราะรู้ว่าฉันชอบกิน เธอใส่ใจฉันทุกอย่าง เอาใจฉันยิ่งกว่าแฟนซะอีก แต่ก็นั่นแหละ เพราะฉันเป็นฝาแฝดของพี่กระแตกับพี่กระเต็นหรือเปล่า ถึงต้องเอาใจฉันขนาดนี้ มาทำดีกับฉันแบบนี้ฉันจะตัดใจยังไงไหวล่ะ...ในเมื่อมันเป็นแบบนี้ ฉันก็ชอบลูกหมูในที่ของฉันต่อไปแล้วกัน ขอแค่ลูกหมูยังไม่มีใครก็พอ...


"กรี๊ด!!!!!!" ฉันถึงกับกรี๊ดลั่นบ้านเมื่อรู้ว่าลูกหมูเองก็ชอบฉันเหมือนกัน แถมยังมาชวนฉันไปเที่ยวทะเลแบบสองต่อสองอีกด้วย นี่มันปาฏิหาริย์ หรือพลังแห่งก๋วยจั๊บญวนแผลงฤทธิ์เมื่อกินครบ 365 วันแล้วจะสมหวังกับลูกสาวเจ้าของร้าน แบบนี้ต้องบันทึกลงประวัติศาสตร์โลกแล้วล่ะ และมันเป็นเหตุที่ฉันต้องโกหกอายและพี่ ๆ เป็นครั้งแรกว่าวันหยุดจะอยู่เฝ้าบ้านให้ แล้วให้พี่ ๆ แยกย้ายไปเที่ยวและไปทำหน้าที่ของตัวเอง แต่ความจริงแล้วฉันมีแผนหนีเที่ยวกับลูกหมูต่างหาก ดูนิสัยไม่ดีเลยเนอะ แต่ถ้าฉันไม่ไป ฉันก็จะไม่มีโอกาสที่จะได้เที่ยวกับลูกหมูน่ะสิ
และแล้ว...พลังแห่งแฝดก็ดึงดูดเรามาหากัน ไม่คิดว่าเราทั้ง 4 คนจะใจตรงกันขนาดนี้ที่มาเจอกันอยู่ ภูเก็ตบีชบ็อกซ์กันแบบพร้อมหน้าพร้อมตาราวกับเป็นวันมาฆบูชาที่มีพระภิกษุ 1,250 รูปมารวมตัวกันแบบไม่ได้นัดหมาย แต่นี่มันคือ "แฝดมาคะชาบู" ที่แฝดทั้ง 4 มารวมตัวกันโดยไม่ได้นัดหมายตามที่เปิ้ลได้ตั้งชื่อวันแล้วลูกหมูก็ดูชอบใจซะด้วยกับชื่อนี้ ไม่ได้รู้สึกรู้ร้อนรู้หนาวอะไรเลยว่าตัวเองทำอะไรลงไป 
จะว่างอนก็ได้ที่ลูกหมูไปปรึกษาเปิ้ลเรื่องที่จะจีบฉัน เอาจริง ๆ แค่เป็นลูกหมูก็จีบฉันติดแล้ว ไม่เห็นต้องไปขอวิธีจีบจากเปิ้ลเลย เพราะคำแนะนำนั้นมันคือการแนะนำให้ลูกหมูปิดเกมกับฉันน่ะสิ แต่โชคดีนะที่ลูกหมูเป็นคนซื่อ ๆ เลยไม่รู้ว่าเปิ้ลหมายความว่ายังไง หรือรู้แต่แกล้งไม่รู้กันนะ...ฉันจะเชื่อใจลูกหมูได้ไหมนะ
"เธอ...คือเค้าไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมต้องด่าเค้าว่านิสัยไม่ดีอะ" ลูกหมูหันมาถามฉันที่นั่งอยู่บนเตียง หน้าตาของเธอเหมือนเด็กขี้สงสัยกำลังถามแม่ว่าตนทำอะไรผิดไป ไร้เดียงสาอะไรขนาดนี้คะว่าที่แฟนในอนาคตของฉัน
"ลูกหมูคะ เค้าถามจริง ๆ นะ เธอชวนเค้ามาเที่ยวทะเลแบบสองต่อสองเนี่ย เธอหวังอะไรหรือเปล่า"
"หวังสิ"
"หวังอะไรคะ"
"ก็จะขอกระต่ายเป็นแฟนไงคะ"
"เป็นแฟนแล้วยังไงต่อคะ"
"พาไปกินกุ้งไงคะ เพราะเปิ้ลบอกว่าต้องใช้มือกับลิ้นให้เป็นประโยชน์ เดี๋ยวเค้าจะแกะกุ้งให้กินนะ" เฮ้อ...ไม่เข้าใจมันก็ดีอยู่หรอก แต่คนอื่นเขาเข้าใจผิดกันหมดแล้ว ลูกหมูบ้าที่สุดเลย!! ฮือ...
"ถ้าอยากชวนเค้าไปกินกุ้ง เธอไม่ต้องพาเค้ามาไกลถึงภูเก็ตก็ได้ไหมคะลูกหมู"
"ก็บรรยากาศมันดีนี่นา เค้าอยากขอเธอเป็นแฟนที่นี่ เค้าอยากให้เธอมีความสุขที่สุดที่ได้คบกับเค้า"
"แค่มันเป็นลูกหมู เค้าก็มีความสุขแล้วค่ะ เพราะเค้ารอลูกหมูมานานเป็นปี วันนี้เหมือนกับฝันเลยค่ะ"
"เค้าก็เหมือนกัน เค้าไม่คิดเลยว่ามันจะมีวันนี้ แต่อุตส่าห์จะมาเที่ยวกันแค่สองคนอ่าเนอะ ดันมารวมตัวกันแบบพร้อมหน้าพร้อมตาซะได้ อัศจรรย์ใจจริง ๆ"
"ฮ่า ๆ ทำยังไงได้ล่ะคะ ในเมื่อมากันครบแก๊งพร้อมหน้าพร้อมตากันขนาดนี้ เราก็ไปเล่นน้ำทะเลกับคนอื่น ๆ กันเถอะ"
"ขอเค้าอยู่กับกระต่ายก่อนได้ไหม" พูดจบลูกหมูจึงเดินมาทิ้งตัวลงบนเตียง ก่อนจะเอาหัวมาหนุนที่ตักของฉัน ฉันจึงลูบหัวเธอช้า ๆ พลางกับอมยิ้ม 
"เค้าชอบปากเธอมากเลย มันน่าจุ๊บมาก ๆ"
"เธอเคยคิดว่าจะจุ๊บเค้าจริง ๆ อย่างที่พูดไหมคะ"
"เคยนะ แต่แบบ...ใครจะกล้าอะ มันต้องเป็นแฟนกันก่อนถูกไหม แต่ว่านะ กระเต็นกับพี่เวนิสก็เคยจูบกันมาแล้ว ถึงจะเป็นบทก็เถอะ แต่มันทำให้เค้าอินมากเลยนะ เค้าคิดถึงปากเธอตลอดเลย"
"นี่แอบคิดอกุศลกับเค้าตลอดเลยเหรอคะลูกหมู"
"ใช่"
"เอ่อ..."
"เค้าอยากจุ๊บปากเธอ...ได้ไหม หรือต้องคบกันก่อน หรือเค้าต้องไปแปรงฟันก่อนไหม"
"บ้า!! ลูกหมู ใครเขาขอกันคะ"
"อ้าว...งั้นก็หมายความว่าเค้าจะจุ๊บเธอตอนไหนก็ได้แบบไม่ต้องขอใช่ไหม" เฮ้อ...ลูกหมูคะ...คือแบบ เธอโตมายังไงกัน
"ไปเดินเล่นกันไหม"
"ไม่ให้เค้าจุ๊บก่อนเหรอ"
"โอ๊ยลูกหมู!! คือจะจุ๊บให้ได้เลยใช่ไหมเนี่ย"
"ใช่"
"พาไปเดินเล่นก่อนค่ะ แล้วก็ขอคบแบบจริงจังนะคะ เค้าถึงจะให้จุ๊บ"
"ว้าว...ปะ งั้นไปตอนนี้เลย" พูดจบลูกหมูก็รีบจูงมือฉันออกจากห้องทันที ดูไม่กระตือรือร้นเล๊ย...ไม่รู้ว่าอยากคบกับฉันหรืออยากจุ๊บฉันกันแน่ แต่ก็นะ...จะแบบไหนฉันก็ดีใจทั้งนั้น


ฉันและลูกหมูจูงมือกันวิ่งหนีกลุ่มคนที่วุ่นวายอยู่บริเวณโถงของโรงแรม (กลุ่มคนพวกนั้นก็คือเหล่าพี่ ๆ และเพื่อน ๆ ฉันนั่นแหละ) เราจูงมือกันเดินสำรวจรอบ ๆ ที่พักเพราะตอนนี้เป็นเวลากลางคืนแล้ว ทำให้น้ำขึ้นมาเกือบจะถึงโรงแรมเลย เราจึงเดินได้แค่บริเวณที่ทางโรงแรมจัดเอาไว้ให้เท่านั้น แต่แสงไฟยามค่ำคืน กลิ่นทะเล และสายลมที่พัดมานั้น มาทำให้ค่ำคืนนี้ดูพิเศษกว่าคืนไหน ๆ เพราะที่นี่ตอนนี้ ฉันอยู่กับคนพิเศษ คนที่ฉันแอบรักมาตลอด 1 ปี เพียงเพราะรอยยิ้มของเธอในวันนั้น
"ที่นี่ตอนกลางคืนอากาศดีเนอะ" ลูกหมูพูดพลางกับมองไปที่ผืนน้ำที่ถอดยาวออกไปแบบสุดสายตา และแสงจันทร์ที่สาดส่องลงมา ถ้าลูกหมูขอคบกับฉันที่นี่ก็คงจะโรแมนติกน่าดู
"กระต่ายคะ"
"คะลูกหมู"
"เราสองคนก็แอบชอบกันมานานแล้วเนอะ"
"ค่ะ"
"วันนี้...เราได้มาอยู่ด้วยกันที่นี่"
"ค่ะ"
"เอ่อ...เค้าขอโทษนะ คือเค้าก็พูดไม่เก่งน่ะ แล้วแบบ...มันเขินอะ เธอจับดูหัวใจของเค้าสิ" พูดจบลูกหมูก็จับมือฉันไปวางที่หน้าอกข้างซ้ายของเธอ ฉันรับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือนตามจังหวะการเต้นของหัวใจที่มันสั่นระรัวราวกับจะทะลุออกมาเอาให้ได้ ซึ่งใจฉันเองก็ไม่ต่างกัน
"หัวใจเค้าเต้นแรงมากเลยใช่ไหม"
"ค่ะ เค้าก็เหมือนกัน"
"เรา...เป็นแฟนกันไหม เค้าสัญญาว่าจะเป็นแฟนที่ดีของเธอ"
"แค่เป็นลูกหมูอย่างที่เคยเป็นมันก็เพียงพอแล้วค่ะ เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีสักครั้งเลยที่ลูกหมูทำให้เค้าเสียใจ เค้าดีใจมากเลยนะคะที่ได้เจอลูกหมู"
"เค้าก็เหมือนกัน คบกันนะคะ"
"ค่ะ" ทันทีที่ฉันตอบตกลง เราต่างก็ตัวบิดเป็นเกลียวด้วยความเขินอาย ใบหน้าของฉันร้อนผ่าวไปหมด หากเป็นเวลากลางวัน เธอคงได้เห็นใบหน้าของฉันขึ้นสีเป็นสีแดงแน่ ๆ 
"เอ่อ...เราเป็นแฟนกันแล้วเนอะ แล้ว...เค้าจุ๊บเธอได้หรือยังคะ"
"อย่าถามสิคะลูกหมู มันเขินนะ คือถ้าเธออยากจุ๊บก็จุ๊บเลยไม่ต..." ฉันยังพูดไม่จบเลยด้วยซ้ำ ลูกหมูก็โน้มตัวลงมาจุมพิตที่ริมฝีปากของฉัน เราทั้งสองต่างหลับตาพริ้มรับสัมผัสนุ่ม ๆ จากริมฝีปากที่กำลังประกบเข้าด้วยกัน หัวใจของฉันแทบทะลุออกจากอกเอาให้ได้ มันเต้นแรงราวกับแผ่นดินไหวอย่างไรอย่างนั้น ลูกหมูค่อย ๆ ถอนริมฝีปากออกช้า ๆ และมันเป็นจังหวะเดียวกับที่ฉันมองขึ้นไปบนชั้นสองของโรงแรมทำให้เห็นเหล่าเพื่อน ๆ และพี่ ๆ ต่างถือกล้องและโทรศัพท์หันมาทางเราสองคน รู้ได้ทันทีว่ากำลังถ่ายรูปและถ่ายวิดีโออยู่แน่ ๆ และเสียงโหร้องแซวก็ดังขึ้นพร้อมกับที่ต่างคนต่างปรบมือดีใจกันยกใหญ่ราวกับลูกหมูขอฉันแต่งงาน
"ฮิ้ว!!!! น้องกูสละโสดแล้วโว้ย!!!" พี่กระติก...นิสัย...
"กรี๊ด!! อิลูกอู๊ดจู๊ดมู๊ดเบบี๋ทำสำเร็จแล้วโว้ย!!!" เปิ้ล...เรารู้นะว่าเธอคิดอะไร
"ลูกหมู!! อุ้มกระต่ายเข้าห้องเลย!!!" อาย!!! นี่เราเป็นเพื่อนกันนะ!!!
โอ๊ย...อายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ลูกหมูเองก็หน้าแดงเป็นลูกเชอร์รี่แต่กลับดูชอบใจที่ถูกแซวซะงั้น ฮือ...บ้าที่สุดเลย ทำไมฉันต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย แงงงงงง


#นิสัยไม่ดี | กระต่าย
ม้า
ไรท์แวะมาคุย~`

“กรี๊ดดดดด ในที่สุดทั้งสองคนก็ได้คบกันแล้วค่าาาา คู่อื่นว่าไงคะ ><”