คืนในความลับ

คืนในความลับ
Special เกลียด [แฟนxมิ้ว]

แนะนำตัวละคร
ภายในห้องนอนหมายเลข 12-11 ของหอพักในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง กลิ่นอาหารที่คละคลุ้งตลบอบอวลโชยออกมาที่หน้าห้องจนใครที่เดินผ่านหน้าห้องนี้ไปต่างก็น้ำลายสอ
หญิงสาวที่เป็นคนประกอบอาหารง่าย ๆ ตามแบบฉบับของเด็กหอทำอาหารไปด้วยพลางกับอมยิ้มจนเห็นเขี้ยวแหลม 2 ซี่โผล่ออกมาเล็กน้อยคล้ายกับเขี้ยวแมว แถมชื่อของเธอยังมีชื่อเลียนแบบเสียงลูกแมวอีกด้วย
ส่วนสาวสวยอีกคนเอาแต่นอนเล่นโทรศัพท์บนเตียง 2 ชั้นแสดงท่าทีเมินเฉย แต่ก็แอบเหลือบมองอีกฝ่ายเป็นพัก ๆ สลับกับกลืนน้ำลายดังอึกไปหลายครั้ง เพราะหิวจนไส้จะกิ่ว กลิ่นอาหารก็มีพลังทำลายล้างสูงเสียจริง
"แฟน เสร็จแล้วนะ มากินได้เลย" เสียงหวานเอ่ยเรียก เมื่อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปสูตรเกาหลีเป็นอันเสร็จสิ้น เธอจึงเอื้อมมือปิดสวิตซ์หม้อไฟฟ้าเอาไว้ ก่อนจะจัดชาม ตะเกียบ และช้อน เป็น 2 ที่สำหรับเธอและรูมเมท
ทำไมวันนี้ฉันต้องได้อยู่กับเธอ 2 ต่อ 2 ด้วย มิ้นต์นะมิ้นต์ ไม่น่ามีกิจกรรมที่คณะวันนี้เลย สักวันจะบุกไปดูหน้ารุ่นพี่ที่คณะให้ได้ ว่าทำไมต้องนัดน้องบ่อยขนาดนี้ ไหนจะตั้งกฎบ้าบอ ไม่ให้เด็กต่างคณะเข้าไปดูอีก... หญิงสาวบ่นในใจและยังนอนหันหลังไม่สนใจอีกฝ่าย
"แฟน มากินข้าวกัน" เสียงหวานเอ่ยเรียกอีกครั้ง
"กินเหอะ ไม่หิว!" 
จ๊อก ~
"ไม่หิวแล้วทำไมท้องร้องแบบนี้ล่ะ" เมื่อได้ยินคำถามที่ใกล้หูจนเจ้าตัวถึงกับสะดุ้งโหยง เธอรีบพลิกตัวหันกลับมาก็พบว่า รูมเมทของเธอยื่นหน้ามาใกล้ ๆ ด้วยใบหน้าที่แสดงความสงสัย เธอจึงรีบลุกขึ้นและเขยิบตัวถอยห่างจนแผ่นหลังชิดกับผนังห้อง
"มิ้ว!! เธอทำอะไรของเธอเนี่ย!!?"
"มาเรียกเธอไปกินข้าวไง"
"ก็บอกว่าไม่หิวไง!!"
"อืม" พูดจบจึงเดินจากไปดื้อ ๆ จนแฟนถึงกับงง แต่สิ่งที่มิ้วทำไม่ได้หมายความว่าเธอยอมถอดใจแต่อย่างใด เพราะเธอเดินไปตักบะหมี่กลิ่นหอมฉุยใส่ชาม และเดินมานั่งกินบนเตียงคนอื่นอย่างหน้าตาเฉย แถมยังแสดงท่าทีเอร็ดอร่อยอย่างน่าหมั่นไส้ จนเจ้าของเตียงถึงกับกำหมัดมองค้อนเธอทันที
"ออกไป!! มากินอะไรตรงนี้ ถ้ามันหกใส่ที่นอนฉันนะ ฉันไล่เธอไปนอนในห้องน้ำแน่"
"ซู้ด...อาหย่อย..." นอกจากจะไม่ไปไหนแล้ว ยังซดน้ำซุปเสียงดังจนอีกคนกลืนน้ำลายตาม แถมท้องก็ดันส่งเสียงร้องออกมาอีก ช่างน่าอายจริง ๆ
จ๊อก ~
"เนี่ย ถ้าเธอไม่กิน ก็เอาให้กระเพาะน้อย ๆ เธอกินก็ได้ มันบอกเราว่าหิวจนจะย่อยตัวเธอลงไปทั้งตัวแล้วนะแฟน"
"ตลกละ!!"
"ไม่ตลกสักหน่อย ไม่ได้หัวเราะเลย"
"มิ้ว! เธอนี่มันกวนประสาทฉันไม่เลิกจริง ๆ เคยมีใครบอกเธอไหม ว่าเธอมันเป็นคนกวนตีนอะ!!"
"ไม่เคยเลย"
"เหอะ!! บอกให้ออกไปกินที่อื่นไง!!"
"ถ้าเราออกไป เธอก็ต้องไปกินกับเรา โอเคไหม"
"เออ ๆ รู้แล้ว!!" เมื่ออีกฝ่ายตบปากรับคำ เขี้ยวน้อย ๆ จึงโผล่ออกมาแทรกกับรอยยิ้มทันที


"อร่อยไหม"
"ก็งั้น ๆ อะ" ปากที่ตอบไปแบบส่ง ๆ แต่มือกลับยกชามบะหมี่ซดน้ำซุปดูเอร็ดอร่อยจนปิดความรู้สึกไม่มิด ทำเอาคนที่ทำให้กินถึงกับอมยิ้มจนตาหยีและมีเขี้ยวแหลม ๆ โผล่ออกมา
"เออนี่ เธอเคยได้ยินตำนานหอในปะ" ถามพลางกับใช้ตะเกียบคีบเส้นบะหมี่มาใส่ชามเป็นรอบที่ 3 ก่อนจะเงยหน้าและเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม อีกฝ่ายจึงอมยิ้มและส่ายหน้าไปมา
"เมื่อคืนนี้ฉันไปนอนกับพี่สาวมา แล้วพี่ฉันเล่าให้ฟังว่า ที่นี่อะ มันมีประวัติด้วย"
"ประวัติอะไรเหรอ"
"เค้าว่ากันว่า ที่นี่อะมีกฎเหล็กอยู่ข้อนึง คือห้ามออกไปนอกระเบียงตอนดึก ๆ เพราะจะได้ยินเสียงร้องโหยหวนของผู้หญิง แต่พี่ฉันอะไม่เชื่อ เลยลองพิสูจน์ด้วยการไปนั่งอยู่นอกระเบียงคนเดียวตอนเที่ยงคืน แล้วเธอรู้ปะ ว่าพี่ฉันได้ยินเสียงอะไร" 
"เสียงอะไรเหรอ"
"พี่ฉันบอกว่า เค้าได้ยินเสียงร้องของผู้หญิงจริง ๆ แบบโหยหวนอะ ว่า ไม่...ไหว...แล้ว..." แฟนพยายามเลียนแบบเสียงร้องโหยหวนให้ดูน่ากลัวพร้อมกับเล่าด้วยสีหน้าที่ดูจริงจัง แต่มิ้วกลับพยายามกลั้นขำเอาไว
"ฮึฮืม...เราว่าเรื่องมันแปลก ๆ นะแฟน"
"แปลกยังไงอะ มันน่ากลัวมากเลยนะ"
"อืม แล้วพี่สาวเธอทำยังไง"
"พี่ฉันก็เลยรีบวิ่งกลับเข้ามาในห้อง แล้วคืนนั้นอะ บังเอิญว่าพี่ฉันอยู่หอคนเดียวด้วยน่ะสิ พี่เค้าได้ยินเสียงเหมือนมีคนมาเคาะรอบ ๆ ห้อง ก๊อก...แก๊ก...ก๊อก...แก๊ก...แล้วเสียงผู้หญิงก็ร้องดังขึ้น เสียงเคาะผนังห้องก็ดังถี่ขึ้น แล้วอยู่ดี ๆ ก็ได้ยินเสียงกรี๊ดดังลั่นเลย พี่ฉันตกใจก็เลยกรี๊ดตาม ฉันว่านะ มันต้องมีคนได้ยินเหมือนพี่ฉันแน่ ๆ"
"เหรอ อืม...คิก!" ในที่สุด มิ้วก็หลุดขำออกมาจนได้ ทำให้แฟนหันมามองเธอตาขวางทันที
"นี่เธอขำอะไรอะ มันตลกมากเหรอ"
"ปะ...เปล่า แค่เห็นหน้าเธอตอนเล่าเรื่องมันดูจริงจังอะ เราก็เลยขำ"
"ไม่เห็นน่าขำเลยสักนิด!!"
"อืม ๆ ขอโทษ แล้วสรุปพี่เธอรู้ไหม ว่าเสียงนั่นมันคือเสียงอะไร"
"ไม่รู้อะ เออแต่มันมีอีกเรื่องนึงนะ เรื่องนี้เพื่อนพี่สาวฉันเล่าให้ฟัง เธอก็เห็นใช่ไหม ว่าเตียงนอนน่ะมันมี 2 ชั้น ซึ่งพี่เค้าอะ นอนอยู่ชั้นบน แล้ววันนั้นพี่เค้าก็หลับไป แต่คืนนั้นไม่รู้เป็นอะไร รูมเมทปีนเตียงมาสะกิดทั้งคืนเลย พี่เค้าก็ใช้มือปัด ๆ ออก แต่พอปัดยังไงก็ยังโดนสะกิดอยู่ พี่เค้าเลยรำคาญแล้วจะลุกขึ้นมาด่า แต่พี่เค้าเพิ่งคิดได้ว่า คืนนั้นพี่เค้าอยู่ที่หอคนเดียว รูมเมทคนอื่น ๆ ไปร่วมกิจกรรมที่คณะหมด"
"โห...เรื่องนี้น่ากลัวอะ"
"ใช่ พี่เค้าบอกว่า ตอนนั้นอะจะหลับต่อก็กลัว จะออกไปหาเพื่อนก็ไม่มีรถ ก็เลยต้องลุกมานั่งสวดมนต์ทั้งคืนเลย"
"เพราะแบบนี้ใช่ไหม เธอถึงเลือกนอนข้างล่าง"
"ใช่! เธอลองคิดดูนะ ถ้าสมมติว่ามีใครมาสะกิดจริง ๆ แล้วฉันอยู่ข้างบนอะ กว่าจะปีนลงมา ได้ แล้วถ้าระหว่างปีนอยู่มีคนมายืนรออยู่ข้าวล่างจะทำยังไง แต่ถ้าอยู่ข้างล่าง ถ้ามีใครมาสะกิด เราก็วิ่งออกจากห้องไปได้เลย"
"อืม...ก็ถูกของเธอ" มิ้วตอบพลางกับอมยิ้มไม่เลิก จนคนที่เล่าอยู่มองค้อนเธออีกครั้ง
"แล้วเธอจะยิ้มอะไรนักหนาเนี่ย!!"
"วันนี้เป็นวันแรกเลยมั้ง ที่เราได้คุยกันเยอะขนาดนี้ ได้เห็นเธอเล่าอะไรให้ฟังแบบนี้ เรามีความสุขจริง ๆ" เมื่อมิ้วพูดจบ แฟนจึงวางตะเกียบและชามลงกับพื้นห้องทันที เพราะทั้งสองนั่งล้อมวงกินข้าวกันกับพื้น ก่อนจะลุกเดินไปคว้าผ้าเช็ดตัวแล้วเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ ปล่อยให้อีกคนมองตามเธอแบบงง ๆ
นี่มิ้วมันใส่อะไรลงไปในหม้อหรือเปล่าวะเนี่ย ทำไมเราพูดจนลืมตัวขนาดนี้นะ...


หลังจากที่แฟนอาบน้ำเสร็จแล้วนั้น เธอนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวเดินออกจากห้องน้ำ ก็พบว่า จานชาม ข้าวของทุกอย่างถูกเก็บให้เข้าที่หมดแล้ว รวมไปถึงชุดนอนของเธอก็ถูกนำมาวางไว้ให้ที่บนเตียงอีกด้วย ส่วนเจ้าตัวนั้นกำลังนั่งจัดหมอนบนเตียงชั้น 2
"นี่เธอเตรียมชุดนอนให้ฉันอีกแล้วเหรอ"
"อืม"
"ไม่ต้องทำแบบนี้ได้ปะ ฉันทำเองได้"
"แต่เราอยากทำให้"
"ทำเพื่ออะไร ฉันไม่ใช่แฟนเธอนะ"
"ก็ไม่ใช่ไง หรืออยากเป็นล่ะ"
"มิ้ว!! ตลกละ!!"
"รีบใส่เสื้อผ้าได้แล้ว นุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวยืนคุยกับเราแบบนั้น ถ้าผ้าหลุดเราไม่รับผิดชอบความปลอดภัยเธอนะ"  เมื่อแฟนได้ยินแบบนั้น เธอจึงคว้าหมอนที่เตียงของเธอขว้างไปใส่คนที่พูดออกมาได้อย่างหน้าตาเฉยทันที
"อ๊ะ! อะไรเนี่ยแฟน ขว้างหมอนใส่เราทำไม"
"เธอนี่มัน!!!"
"เราทำไม"
"โธ่เว้ย!! ทำไมฉันต้องได้มาอยู่ห้องเดียวกับเธอด้วย!!"
"ถามคำถามนี้อีกแล้ว จะให้เราอธิบายกี่รอบเนี่ยแฟน"
"ฉันไม่ได้ถาม!! แต่ฉันบ่น รู้จักไหมคำว่าบ่นน่ะ!!"
"เธอนี่ขี้บ่นเหมือนน้องสาวเราเลย"
"ชิ! ก็เธอมันน่าบ่นไงมิ้ว"
"อืม แต่ที่น้องสาวบ่นเราน่ะ เพราะรักเรานะ" เมื่อพูดจบ แฟนจึงหยิบหมอนอีกใบที่เป็นอาวุธชิ้นสุดท้ายขว้างใส่มิ้วอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เจ้าตัวกลับรับได้แล้วนำไปวางไว้บนเตียงของตัวเองอย่างหน้าตาเฉย ราวกลับไม่รู้สึกรู้สาอะไร
"มิ้ว!! เอาหมอนฉันคืนมา!!"
"ถ้าอยากได้ก็ปีนขึ้นมาเอาสิ"
"โอ๊ย!! นี่มันเวรกรรมอะไรของฉันเนี่ย!!"
"เลิกบ่นแล้วใส่เสื้อผ้าสักทีเถอะ เราจะอดใจไม่ไหวแล้วนะ"
"โธ่เว้ย!!" เพราะมิ้วเอาแต่อมยิ้มกวนประสาทไม่เลิก แฟนจึงต้องรีบคว้าชุดนอนของเธอวิ่งกลับเข้าไปในห้องน้ำอีกครั้ง นี่มันนรกของเธอชัด ๆ จะแกล้งอะไรกันนักกันหนา แม้จะขึ้นมหาวิทยาลัยแล้วก็ยังโดนแกล้งไม่เลิก นี่สินะ ที่เรียกว่า เจ้ากรรมนายเวรที่ยังมีลมหายใจ


บรู๊ว....โฮ่ง ๆ บรู๊ว ~
เสียงหมาหอนรับกันระงมราวกับกำลังประสานเสียงบทเพลงชวนขนหัวลุก แม้คืนนี้จะมีเพื่อนร่วมห้องอยู่ด้วย แต่กลับรู้สึกว่า เตียงนอน 2 เตียงที่อยู่ชิดกับผนังห้องคนละฝั่งมันไกลเกินไป ไม่ได้ช่วยให้อุ่นใจขึ้นมาแม้แต่น้อย
เสียงเครื่องปรับอากาศที่ส่งเสียงลมพ่นออกมาเป็นพัก ๆ บวกกับอุณหภูมิภายในห้องนอน 24 องศาเซลเซียสทำให้เย็นยะเยือกสร้างบรรยากาศให้น่ากลัวขึ้นไปอีก คนที่ฟังนอนหลับสบายใจเฉิบ ส่วนคนที่เล่ากลับนอนผวาไม่กล้าแม้แต่จะข่มตาให้นอนลงได้
แฟนนอนพลิกไปพลิกมาเพราะหวาดผวากับเรื่องที่ฟังมาจากพี่สาว บรรยากาศตอนนี้ไม่ต่างกับหนังผีที่ไปนั่งดูในโรงหนัง ไม่กล้าแม้แต่จะให้ปลายเท้าพ้นออกจากผ้าห่ม ถึงขั้นต้องนอนคลุมโปงจนแทบจะหมดอากาศหายใจอยู่แล้ว
บ้าเอ๊ย...กลัวก็กลัว แต่ตอนนี้หายใจไม่ออก ใจจะขาดตายอยู่แล้ว! 
"มิ้ว" เธอพยายามส่งเสียงร้องเรียกเพื่อนร่วมห้องอีกคนแต่กลับไม่มีเสียงตอบรับใด ๆ ทั้งสิ้น
"มิ้ว!" ไม่มีเสียงตอบรับอีกครั้ง นอกจากเสียงเครื่องปรับอากาศที่กำลังทำงานอยู่เท่านั้น
เธอค่อย ๆ เปิดผ้าห่มออกช้า ๆ พร้อมกับกลอกตาซ้ายขวามองไปรอบ ๆ ทำไมเตียงนอนอีกฝั่งมันถึงได้ไกลนัก
ถ้าลองคำนวณระยะทางดูแล้ว ถ้าผีโผล่มาตอนนี้ล่ะก็ กว่าฉันจะวิ่งไปถึงเตียงนอนของมิ้วได้ ก็ต้องวิ่งผ่านผีไปก่อน แล้วกว่าจะปีนขึ้นไปบนเตียงชั้น 2 ได้ แล้วถ้าผีมันนั่งรออยู่ที่เตียงมิ้นต์ล่ะ ฉันจะทำยังไงดีเนี่ย แล้วถ้าฉันตะโกนเรียกมิ้ว ผีมันจะตกใจแล้วพุ่งมาหาฉันไหม โอ๊ย!! ไม่ไหวแล้วโว้ย!! อย่างน้อยก็ขอให้มิ้วตื่นมาอยู่เป็นเพื่อนเถอะ ถ้าผีมันพุ่งมาหา มิ้วจะได้มาช่วยทัน อืม ๆ ความคิดล้ำเลิศ...แฟนคิดในใจ
"มิ้ว!!!" 
ดูเหมือนกับว่า ตอนนี้มิ้วจะนอนหลับฝันดีไปแล้ว เพราะแม้แฟนจะตะเบงเรียกเธอเสียงดังแค่ไหน เธอก็หลับเป็นตาย ไม่ยอมตื่นมาสักที จากความกลัวแปรเปลี่ยนเป็นความโมโห ตอนนี้เธอไม่สนอะไรอีกแล้ว ผีก็ผีเถอะ ตอนนี้ขอทุบคนที่มันหลับสบายใจอยู่ฝ่ายเดียวก่อนแล้วกัน!!
แฟนคว้าหมอนขึ้นมาได้ แล้วตรงดิ่งไปที่เตียงนอนอีกฝั่งหนึ่งทันที ก่อนจะปีนขึ้นไปบนชั้น 2 แล้วใช้หมอนฟาดอีกคนไม่ยั้งอย่างหัวเสีย
"ตื่น!! สัก!! ที!! สิ!! โว้ย!!"
"หือ? อะไรอะแฟน" 
"โอ๊ย!! นอนหรือซ้อมตายห๊ะ!!?"
"นอนสิ แล้วปลุกเราทำไมเนี่ย"
"เขยิบไป!" พูดพลางกับใช้มือข้างหนึ่งเกาะที่ขอบบันได ส่วนมืออีกข้างใช้หมอนดันร่างมิ้วให้เขยิบไปติดผนังห้อง เธอจึงได้แต่งัวเงียเขยิบไปตามคำสั่งและเกาศีรษะด้วยความมึนงง
แฟนพยายามปีนขึ้นไปบนเตียงชั้น 2 ที่มิ้วนอนอยู่ ก่อนจะใช้มือดันหมอนเจ้าของเตียงออกไปให้พ้น ๆ แล้วจึงนำหมอนของตัวเองไปวางเอาไว้แทน จนเจ้าตัวต้องลุกขึ้นมานั่งมองการกระทำของเธอผ่านแสงสลัว ๆ นอกหน้าต่างที่สาดส่องเข้ามาเพียงน้อยนิด
"ทำอะไรของเธอน่ะแฟน"
"จะมานอนด้วย"
"นี่ไม่ได้เรียกว่านอนด้วยนะ เค้าเรียกว่ายึดเตียง"
"จะทำไม ก็พยายามเรียกตั้งหลายครั้งแต่เธอไม่ตื่นเองหนิ ฉันก็ต้องมานอนเตียงเธอแทนสิ"
"กลัวเหรอ"
"เออสิ ถามได้!"
"นึกว่าจะตอบว่าไม่กลัวซะแล้ว เพราะถ้าเธอตอบแบบนั้น เราจะได้ย้ายไปนอนอีกเตียง"
"ไม่ได้นะ! กว่าฉันจะรวบรวมความกล้าแล้ววิ่งมาหาเธอได้มันยากมากเลยนะมิ้ว เธอห้ามหนีฉันไปไหนเข้าใจไหม ถ้าตื่นมาแล้วเธอไม่อยู่ข้างฉัน ฉันจะไล่เธอไปอยู่ที่อื่นแน่!!"
"พูดเหมือนกับว่าจะไล่เราไปไหนได้งั้นแหละ ย้ายห้องก็ไม่ได้ นอกจากเราจะย้ายไปอยู่หอกับน้อง"
"ใช่!! อยากไปไหมล่ะ!!?"
"ไม่ไปอะ จะอยู่สร้างความรำคาญใจให้เธออยู่นี่แหละ"
"ชิ! ทำไมฉันต้องได้มาอยู่ห้องเดียวกับเธอด้วยก็ไม่รู้!!" พูดจบเธอจึงทิ้งตัวลงนอนทันที โดยไม่เหลือที่นอนให้เจ้าของเตียงแม้แต่น้อย แถมยังเขยิบไปเบียดให้อีกคนนั่งติดกับผนังห้องอีก
"แฟน"
"อะไร!?"
"ไม่เหลือที่ให้เรานอนเลยเหรอ"
"นั่งอยู่นั่นแหละ"
"เฮ้อ...ทำไมเธอถึงได้ใจร้ายกับเราขนาดนี้นะ"
"เข้าใจความรู้สึกฉันหรือยังล่ะ ว่าตอนโดนแกล้งมันเป็นยังไง"
"อืม" มิ้วตอบเพียงแค่สั้น ๆ และเธอก็นั่งมองอีกคนที่กำลังนอนเบียดเธออยู่ เพียงเพราะกลัวมากจนต้องให้ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายสัมผัสกันและกันเอาไว้ จะได้มั่นใจว่าเธอยังอยู่ข้าง ๆ 
แต่เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก ไม่มีทีท่าว่ามิ้วจะโน้มตัวลงนอน แฟนจึงค่อย ๆ ลืมตาขึ้นช้า ๆ ก็พบว่ามิ้วกำลังนั่งเอาพิงผนังสัปหงกอยู่ 
นี่เธอจะเชื่อฟังคำสั่งฉันเกินไปแล้วนะ ทีเรื่องแบบนี้ทำไมถึงไม่ยอมขัด! 
"มิ้ว มานอนดี ๆ" พูดพร้อมกับกระตุกชายเสื้อปลุกอีกคนให้ตื่น ก่อนจะเขยิบตัวไปชิดกับเหล็กกั้นเตียงเพื่อเหลือช่องว่างให้เจ้าของเตียงได้นอนสบาย ๆ
"ถ้าเธอกลัวก็มานอนติดผนังก็ได้นะ เดี๋ยวเรานอนฝั่งนั้นเอง"
"อืม ก็ดีเหมือนกัน"
ในขณะที่แฟนกำลังจะเขยิบตัวไปทางผนังห้อง มิ้วจึงโน้มตัวลงแล้วใช้แขนทั้ง 2 ข้างค้ำกับที่นอนคร่อมร่างของแฟนเอาไว้ ทำเอาต่างฝ่ายต่างหัวใจเต้นตึกตักเพราะใบหน้าของทั้งคู่ห่างกันเพียงแค่คืบเดียวเท่านั้น
"มะ...มิ้ว!! เธอจะทำอะไร!?"
"จะข้ามไปนอนอีกฝั่งไง ทำไม...กลัวเราจะจูบเธอเหรอ" สิ้นคำถามแฟนจึงคว้าหมับที่คอเสื้อแล้วจับเหวี่ยงร่างให้ทิ้งตัวลงนอนอีกฝั่งหนึ่งทันที ไม่รู้ว่าคืนนี้เธอควรจะกลัวผี หรือกลัวผู้หญิงคนนี้ดี เพราะน่ากลัวไม่ต่างกัน
"หันหลังไป แล้วอย่าหันหน้ามาทางฉันนะ ห้ามกอด ห้ามจูบ ห้ามทำอะไรฉันทั้งนั้น!!"
"ทำไมต้องกลัวเราจะทำอะไรเธอด้วย ถ้าเราจะทำ เราทำไปตั้งนานแล้ว"
"โอ๊ย!! บอกให้หันไปไง"
"เฮ้อ...มานอนเตียงเค้าแท้ ๆ ยังจะสั่งเค้าทำนั่นทำนี่อีก"
"หันไป!!"
"รู้แล้วน่า..." พูดจบจึงพลิกตัวหันหลังให้แต่โดยดี พร้อมกับที่แฟนก็หันหลังด้วยเช่นกัน แต่เพราะเตียงมีขนาดสามฟุตครึ่ง บวกกับความกลัว แฟนจึงค่อย ๆ เขยิบเอาแผ่นหลังไปสัมผัสกันเอาไว้เพื่อความอุ่นใจ แต่ในขณะเดียวกัน เธอก็รู้สึกอึดอัดใจที่ต้องนอนร่วมเตียงกับคนที่เคยแกล้งเธอมาสารพัด แถมเธอยังเคยถูกจูบมาก่อนด้วย ทำให้เธอหลับไม่ลงเช่นเดิม ราวกับหนีเสือปะจระเข้
"แฟน"
"อือ"
"ตอนนี้เธอเกลียดเราน้อยลงหรือยัง"
"ไม่ บอกแล้วไง ว่ามันจะไม่ลดลง มีแต่ไม่เกลียดเพิ่ม"
"อืม ขอบคุณนะ"
"ขอบคุณฉันทำไม"
"ขอบคุณที่...ถึงเธอจะเกลียด แต่เธอก็ยังยอมคุยกับเรา วันนี้ที่เราบอกว่ามีความสุขน่ะ เราพูดจริง ๆ นะ" 
ตอนนี้เธอทั้ง 2 นอนบนหมอนใบเดียวกัน เตียงเดียวกัน และแผ่นหลังสัมผัสกันเอาไว้ จากก่อนหน้าที่รู้สึกอึดอัด กลับถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกหวิว ๆ ในใจ แฟนกอดหมอนของมิ้วเอาไว้แน่น ก่อนจะสูดดมกลิ่นแชมพูที่ติดอยู่กับหมอนทำให้เธอรู้สึกอุ่นใจอย่างไรชอบกล ความรู้สึกแบบนี้มันคืออะไรกันนะ...
"มิ้ว ฉันถามอะไรหน่อยสิ"
"อืม"
"ทำไมเธอถึงเลือกเรียนเอกฟิล์มเหรอ ทั้ง ๆ ที่เธอเป็นคนทำอาหารเก่ง ทำไมไม่เลือกเรียนเอกที่เกี่ยวกับการทำอาหารล่ะ"
"การทำอาหารมันก็เป็นแค่สิ่งที่ชอบน่ะ ทำแล้วมีความสุข ยิ่งได้เห็นคนกินมีความสุข เราก็ยิ่งมีความสุข แต่การถ่ายรูปกับถ่ายวิดีโอมันคือสิ่งที่รัก และอยากต่อยอดเป็นอาชีพ เราเลยเลือกเรียนสายนี้"
"เหรอ"
"อืม แล้วเธอล่ะ ทำไมเลือกเรียนบัญชี"
"เอาจริง ๆ ฉันก็ไม่รู้หรอก ว่าอยากเรียนหรืออยากเป็นอะไร แต่เพราะครอบครัวฉันมีธุรกิจที่ต้องดูแลอยู่แล้ว ฉันก็เลยเรียนสายนี้เผื่อไปช่วยงานที่บ้านน่ะ อิจฉาเธอเหมือนกันนะ มีเป้าหมายชีวิต รู้ว่าตัวเองชอบอะไร รักอะไร เลยเลือกต่อยอดสิ่งนั้นได้ ผิดกับฉัน ที่เรียนเพราะไม่รู้ว่าจะเรียนอะไร"
"อย่าอิจฉาเราเลย ทุกคนมีจังหวะชีวิตและเวลาไม่เท่ากัน บางทีเธอจบไป อาจจะค้นพบว่าตัวเองรักอะไรหรือชอบอะไรก็ได้ และเธออาจจะเอาไปต่อยอดและทำได้ดีกว่าเราก็ได้นะ เธอดูเป็นคนเก่งออก"
"ไม่เห็นจะเก่งตรงไหนเลย"
"เก่งสิ เรามองดูเธอมาตลอดนะรู้ไหม"
"หมายความว่าไง"
"ที่เราเอาแต่แกล้งเธอน่ะ เพราะเราไม่รู้ว่าจะเข้าหาเธอยังไงดี แต่คงเพราะตอนนั้นเรายังเด็กมั้ง ถึงอยากเรียกร้องความสนใจจากคนที่ชอบด้วยการแกล้ง แต่เราคิดผิด เพราะสิ่งที่เราทำไปทั้งหมด มันทำให้เธอร้องไห้และเกลียดเราไปแล้ว"
"ห๊ะ!? เธอว่าอะไรนะ" แฟนถึงกับรีบพลิกตัวกลับมา เพราะนอนหันหลังให้กันอาจจะทำให้เธอหูเพี้ยนและฟังผิดพลาดได้ มิ้วจึงพลิกตัวหันหน้าเข้าหาแฟนด้วยเช่นกัน ก่อนจะนอนสบตากันและกันผ่านแสงไฟที่สาดส่องเข้ามาแบบสลัว ๆ
"เราชอบเธอนะแฟน"
"ห๊ะ!!?"
"เราชอบเธอ"
"นี่เธอจะแกล้งอะไรฉันอีกเนี่ยมิ้ว!!"
"ถึงเราจะชอบแกล้งเธอ แต่เราเคยโกหกเธอสักครั้งไหม"
"ฉันจะไปรู้ได้ยังไง!?"
"เชื่อเถอะ ว่าเราพูดจริง ๆ" มิ้วพูดจบก็เอื้อมมือไปจับมือของแฟนมาวางที่หน้าอกข้างซ้ายของตนเอาไว้ มันเต้นแรงจนรับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือน
"ทำไมหัวใจเต้นแรงจังล่ะ แบบนี้คือโกหกใช่ไหม"
"เปล่าเลย ที่มันเต้นแรง เพราะเราอยากจูบเธอต่างหาก"
"มิ้ว เธออย่านะ! ครั้งนั้นฉันยังไม่เคลียร์เลยนะ เธอทำแบบนั้นทำไม!!?"
"เราบอกเธอไปแล้วไง ว่าเราชอบเธอ"
"ตั้งแต่เมื่อไหร่"
"ม.ต้น"
"แล้วตอนนี้ล่ะ"
"ตอนแรกเราก็นึกว่าเราเลิกชอบเธอไปแล้ว แต่พอเราได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง มันเลยช่วยตอกย้ำว่า เราไม่เคยเลิกชอบเธอได้เลย"
"มิ้ว! ฉันไม่ตลกนะ"
"เราไม่เคยจูบใครนะแฟน เธอคือจูบแรกของเรา"
"ฉันก็เหมือนกันนั่นแหละ"
"แล้วเธอจะว่าอะไรไหม ถ้าเราจะขอให้มันมีครั้งที่ 2"
"ฉันเกลียดเธอ! ทำไมฉันต้องให้มันเกิดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 ด้วย!" พูดจบก็สะบัดมือออกแล้วชักกลับทันที จนได้เห็นแววตาที่เศร้าหมองของอีกฝ่ายผ่านแสงไฟสลัว จนเป็นเธอเองที่รู้สึกผิด
"อืม...เธอคงเกลียดเรามากสินะ" น้ำเสียงแผ่วเบาที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน ก่อนที่เธอจะพลิกตัวหันหลังให้ดังเดิม แต่หัวใจของแฟนกลับเต้นตึกตัก ความรู้สึกผิดหวังและอยากอธิบายมันท่วมท้นจนความรู้สึกอึดอัดกลับมาอีกครั้ง เธอโผเข้าไปสวมกอดอีกคนจากทางด้านหลังพร้อมกับซบหน้าลงที่ท้ายทอยสูดกลิ่นแชมพูกลิ่นเดียวที่ติดกับหมอนช้า ๆ 
ความรู้สึกแบบนี้มันคืออะไร...ทำไม...ฉันถึงต้องการให้เธอจูบฉันนะมิ้ว ทั้ง ๆ ที่ฉันเกลียดเธอ ฉันควรจะผลักไสเธอสิ...
ความคิดที่ตีรวนสวนทางทำเธอรู้สึกสับสนใจใน มือข้างขวาของเธอค่อย ๆ สอดแทรกประสานตามซอกนิ้วมือของอีกคนเอาไว้แน่น ก่อนที่เธอจะลุกขึ้นแล้วใช้มือซ้ายจับร่างให้นอนหงาย เมื่อดวงตาของทั้งคู่ผสานกันในความมืด มิ้วใช้มือขวาที่ยังว่างอยู่จับปรอยผมที่ปรกลงมาให้อยู่ในอุ้งมือก่อนจะเอื้อมไปสัมผัสที่แก้มเนียนเอาไว้
"เธอใส่อะไรลงไปในอาหารใช่ไหมมิ้ว"
"ทำไมเหรอ"
"เธอใส่ยาสั่งให้ฉันยอมจูบเธอใช่ไหม"
"ถ้าเราทำแบบนั้นได้ก็คงดีสิ เราจะได้สั่งให้เธอชอบเราคืนบ้าง"
"เธอชอบฉันจริง ๆ เหรอ"
"เราไม่เคยโกหกเธออยู่แล้ว"
"ชอบมากแค่ไหน"
"ไม่รู้สิ แต่ก็มากจนเราไม่หันไปมองใคร แบบนี้มันมากแค่ไหนเหรอ"
"แต่ฉันเกลียดเธอจริง ๆ ฉันเกลียดเธอ ได้ยินปะ"
"อืม...รู้แล้ว ไม่ต้องย้ำ"
"และตอนนี้ฉันกำลังจะเกลียดเธอเพิ่ม"
"ทำไมล่ะแฟน"
"เพราะเธอ...เอาแต่ทำตามคำสั่งฉัน"
"แล้วมันไม่ดียังไง เธอต้องการแบบนั้นไม่ใช่เหรอ"
"ฉันไม่ชอบที่เธอฟังคำสั่งฉัน ทำไมครั้งนี้เธอถึงไม่ดื้อดึงที่จะจูบฉันเหมือนคืนนั้น ทำไมเธอต้องหันหลังให้ฉันด้วย"
"นี่เธออยากให้เราจูบเธอเหรอแฟน"
"อืม..."
"คนบ้า...เป็นคนปากไม่ตรงกับใจเหรอ"
"อืม..."
สิ้นสุดคำพูด มือข้างขวาของมิ้วจึงคล้องอ้อมท้ายทอยแล้วดึงลงมาประกบริมฝีปากเข้าด้วยกันทันที รสจูบครั้งนี้ไม่เหมือนกับครั้งก่อน เพราะครั้งนี้ไม่มีการต่อต้านหรือขัดขืนใด ๆ แต่เป็นความเต็มใจของทั้ง 2 ฝ่าย ที่สร้างความทรงจำดี ๆ ในค่ำคืนนี้ให้เป็นที่น่าจดจำ
รสจูบที่หอมหวานค่อย ๆ ขยับรับกันช้า ๆ ลบความกลัวให้หายไปเป็นปลิดทิ้ง ความกลัวถูกแทนที่ด้วยความสุขล้น ลมหายใจอุ่น ๆ ของทั้งคู่สลับรดใบหน้าของกันและกัน ก่อนที่แฟนจะผละริมฝีปากออกช้า ๆ จึงเผยให้เห็นรอยยิ้มของคนที่มีฟันเขี้ยวแหลม 2 ซี่ และเธอก็ก้มลงจุมพิตที่ริมฝีปากนุ่มอีกครั้ง
"นอนลงดี ๆ สิแฟน คร่อมบนตัวเราแบบนี้ เราคิดไปไกลนะ"
"ฉันเกลียดเธอ"
"เฮ้อ...จูบเค้าแล้วมาบอกว่าเกลียดแบบนี้ มันใช้ได้ที่ไหน" มิ้วพูดพลางกับอมยิ้ม ก่อนจะบังคับร่างที่คร่อมบนตัวเธอให้นอนลงข้าง ๆ แล้วเธอจึงเข้าไปสวมกอดเอาไว้แน่น
"นอนได้แล้ว คืนนี้มีเราอยู่ข้าง ๆ ไม่ต้องกลัวอะไรแล้วนะ"
"อืม"
"ฝันดีนะแฟน"
"อืม...ฝันดี"
ขอบคุณนะแฟนที่เล่าเรื่องผีให้เราฟัง จนเราได้จูบกันอีกครั้ง แต่เรื่องผีที่เธอเล่าน่ะ เธอไม่รู้จริง ๆ เหรอ ว่าพี่สาวเธอได้ยินเสียงอะไร คิกคิก แต่เพราะเธอเป็นแบบนี้นั่นแหละ เราถึงชอบเธอ...
ม้า
ไรท์แวะมาคุย~`

“ปากบอกเกลียดมิ้ว แต่การกระทำมันไม่ใช่เลยยยย ><”