แผนเกมรักไม่รู้ลืม (เร็ว ๆ นี้ที่ readAwrite)

แผนเกมรักไม่รู้ลืม (เร็ว ๆ นี้ที่ readAwrite)
ตอนที่ 12 อภัยอีกครั้ง

ครืด! ครืด!
เสียงโทรศัพท์มือถือที่กำลังสั่นครืดอยู่บนโต๊ะในเช้าวันใหม่ ทำหญิงสาวสะดุ้งเล็กน้อยด้วยความตกใจ เพราะเหตุการณ์ในวันก่อนทำให้เธอหวาดระแวงประธานสาวไปเสียแล้ว แม้วันนี้พนักงานสาวที่ชื่อกานต์ดาจะเป็นคนมาแจ้งเธอเองว่า ท่านประธานให้เธอหยุดพักผ่อนหนึ่งวันเพราะรู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำกับเธอเอาไว้ แต่เธอก็ไม่แน่ใจเท่าไรนักว่ามันคือความรู้สึกผิดจริง ๆ หรือหวังอะไรในช่วงที่เธออยู่คอนโดมิเนียมตามลำพังกันแน่
"ฮัลโหลน้องไพลิน"
"พี่กุล!! พี่เป็นยังไงบ้างคะ ท่านประธานบอกว่าพี่ป่วยหนักจนมาทำงานไม่ได้ ต้องเพราะพี่เครียดเรื่องเมื่อวานแน่เลยใช่ไหมคะ ตอนนี้พี่ดีขึ้นหรือยังคะ" ปลายสายรัวคำถามใส่เธอทันทีเมื่อได้ยินเสียงตอบรับ
"ใจเย็น ๆ ค่ะ พี่ไม่เป็นอะไรมาก แค่นอนพักเดี๋ยวก็หายแล้วล่ะ"
"เฮ้อ…ได้ยินเสียงก็สบายใจแล้วค่ะ พักผ่อนเยอะ ๆ นะคะพี่กุล เดี๋ยวลินไปทำงานก่อนนะคะ ไว้จะโทรหาใหม่ หายไว ๆ นะคะ"
"ขอบคุณนะคะ" เมื่อคุยโทรศัพท์เสร็จกุลสินีวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะกินข้าว ในขณะที่เธอกำลังตักข้าวต้มขึ้นมากินนั้น เธอก็ได้ยินเสียงเปิดประตูเข้ามา แต่เธอไม่ได้หันไปที่ต้นเสียง เพราะคิดว่าเป็นคนที่มาดูแลเธอทั้งคืน
"คุณกานต์ดา วันนี้มาแต่เช้าเลยเหรอคะ"
"เป็นยังไงบ้าง…" เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ช้อนที่ถืออยู่ในมือถึงกับหลุดมือทันที เธอไม่กล้าแม้แต่จะหันไปมอง ไปกล้าแม้แต่จะก้มลงเก็บช้อนที่ตกพื้นเสียด้วยซ้ำ เจ้าของเสียงจึงเดินเข้ามาหาเธอช้า ๆ พร้อมกับก้มลงเก็บช้อนแล้วเดินไปวางไว้ที่อ่างล้างจาน ก่อนจะหยิบคันใหม่แล้วเดินมานั่งลงข้าง ๆ ซึ่งกุลสินียังคงนั่งเงียบอยู่อย่างนั้น
"กินเยอะ ๆ นะกุล" ภิญญาตักข้าวต้มขึ้นมาเพื่อหวังจะป้อนเลขาสาว แต่กุลสินีกลับนั่งนิ่งไม่หันมามองหน้า เธอจึงค่อย ๆ เอื้อมมือไปกุมมือของเลขาสาวเอาไว้
"ฉันขอโทษนะกุล...ฉันขอโทษจริง ๆ กินข้าวเถอะนะ"
"คุณมาทำไม…" เธอถามด้วยน้ำเสียงและใบหน้าที่เรียบนิ่ง
"ฉันเป็นห่วงเธอนะกุล"
"คนแบบคุณเป็นห่วงใครเป็นด้วยเหรอคะ" กุลสินีพูดพร้อมกับสะบัดมือออก ก่อนจะลุกเดินหนีออกมา จังหวะที่เธอเดินอ้อมอีกคนเพื่อที่จะกลับเข้าไปในห้อง ภิญญาก็รีบคว้าข้อมือของเธอแล้วดึงกลับ จนตัวของเลขาสาวเซล้มมาที่ตักของเธอ
"หยุดนะ!!! คุณจะทำอะไรฉัน!!?"
"ฉันขอโทษจริง ๆ ฉันยอมรับผิดทุกอย่าง ยกโทษให้ฉันเถอะนะ ฉันจะไม่ทำรุนแรงแบบนั้นกับเธออีกแล้ว" ภิญญาพูดพร้อมกับกอดกุลสินีเอาไว้แน่น
"ตอนนั้นคุณก็พูดแบบนี้นี่? แต่คุณก็ยังทำ!! คนแบบคุณไม่ควรได้รับการให้อภัยอีกหรอกค่ะ ปล่อย!!!"
"ไม่...ฉันขอโทษ...เธออยากได้อะไร ฉันจะหามาให้เธอทุกอย่างเลยกุล ยกโทษให้ฉันเถอะนะ"
"10 ล้านค่ะ! ที่ฉันอยากได้!! แล้วก็ปล่อยให้ฉันเป็นอิสระ คุณให้ฉันได้ไหมล่ะ!?"
"กุล…"
"ถ้าให้ไม่ได้ก็อย่าพูดอีกเลยค่ะ คำพูดของคุณมันไม่มีความน่าเชื่อถือเลยสักนิด!!"
"ตบหน้าฉัน…"
"อะไรคะ!!?"
"ตบหน้าฉัน...ลงโทษฉัน...จนกว่าเธอจะหายโกรธ ฉันยอมแล้วกุล จะตบแรงแค่ไหนก็ได้ ขอร้องล่ะ ยกโทษให้ฉันเถอะนะ"
"ได้!!!" เมื่อกุลสินีพูดจบ เธอลุกขึ้นออกจากตักของประธานสาว เจ้าตัวนั่งหลับตายินยอมที่จะถูกลงโทษตามที่ต้องการ เลขาสาวจึงง้างมือตั้งท่าแบบสุดแขน ทว่า...
เพี๊ยะ!!!!
ประธานสาวสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงดังลั่นออกมา พร้อมกับรู้สึกได้ถึงลมที่ผ่านหน้า แต่เธอไม่ได้รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ใบหน้าของเธอแต่อย่างใด ก่อนจะค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาช้า ๆ เห็นมือของเลขาสาวที่พนมอยู่ตรงหน้าเธอ
"ทำไมล่ะกุล"
"ฉันเกลียดการใช้ความรุนแรง และฉันจะไม่ทำแบบนั้นกับใคร ฉันแค่อยากตบมือเรียกสติคุณกลับมา เลิกสักทีเถอะค่ะ การกระทำบ้า ๆ แบบนั้น ถ้าเป็นคนอื่น คุณคงโดนตบไปแล้ว ใช่...มันก็อย่างที่คุณเคยพูด คุณสามารถหาผู้หญิงหน้าตาแบบฉัน หรือสวยกว่าฉันที่ไหนก็ได้ คุณหาได้อีกเป็นร้อย ๆ เลยล่ะ แต่คนแบบฉัน คุณหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้วคุณภิญญา เพราะคนแบบฉัน มันมีแค่คนเดียว" กุลสินีพูดจบเธอก็หันหลังเดินหนีออกมาทันที ภิญญาได้แต่นั่งสำนึกผิดอยู่อย่างนั้น ก่อนจะลุกเดินตามเธอเข้าไปในห้องนอน
"เธอยังไม่ได้กินข้าวใช่ไหม"
"กินแล้วค่ะ คุณไปทำงานเถอะค่ะ อย่าให้ใครมาว่าคุณอีกเลย"
"ไม่…วันนี้ฉันจะอยู่ดูแลเธอ"
"ไม่จำเป็นค่ะ ฉันดูแลตัวเองได้ คุณไปดูแลแฟนเก่าคุณเถอะค่ะ"
"ฮะ? แฟนเก่า!? ใครเป็นคนบอกเธอ ไพลินใช่ไหม"
"ช่างเถอะค่ะ"
"เธอกับไพลินมีอะไรกันแล้วเหรอ"
"จะบ้าเหรอคะ!!!? ฉันไม่ไปทำแบบนี้กับใครหรอกนะคะคุณภิญญา ฉันไม่ใช่คุณ!! ที่แม้แต่ในห้องทำงานก็ไม่เว้น ไม่ใช่แค่กับฉัน แต่คุณยังทำกับคนอื่นอีก!!"
"กุล...เธอกำลังหึงฉันใช่ไหม"
"ฉันรังเกียจ!"
"กุลสินี!!"
"ทำไมคะ!!? อยากจะทำอะไรฉันอีกล่ะ!? เอาเลยสิ ให้มันสาแก่ใจคุณเลย ยังไงฉันก็เป็นแค่ของเล่นคุณอยู่แล้วนี่!! แค่นี้ฉันยังเจ็บไม่พอหรอกค่ะ คุณยังทำได้อีกนะ เอาให้ฉันทรมานจนขาดใจตายไปเลย!!" กุลสินีพูดประชดออกมาด้วยความโกรธ มือทั้งสองกำเอาไว้แน่น แต่แล้วก็ต้องคลายออกทันที เมื่อคนที่เธอกำลังด่าทออยู่นั้นโผเข้ามากอดเธอเอาไว้พร้อมกับปล่อยโฮออกมาจนเธอถึงกับตกใจ
"ฮึก ๆ กุล...ฉันขอโทษ…"
"คะ...คุณภิญญาคะ คุณร้องไห้ทำไม!?"
"ฉันรู้สึกผิดจริง ๆ ฮือ ๆ ยกโทษให้ฉันเถอะนะ ฉันจะไม่ทำรุนแรงกับเธอแบบนี้อีกแล้ว ฉันสัญญา ฮึก ๆ ฉันไม่ได้ตั้งใจ"
"คุณภิญญาคะ...ยะ...อย่าร้องไห้สิคะ ไม่สมกับเป็นคุณเลย" กุลสินีใจอ่อนยวบทันทีเมื่ออีกคนร้องไห้กอดเธอแน่น แม้ไม่รู้ว่าจะเป็นลูกไม้อะไรหรือไม่ แต่เธอก็กอดปลอบอีกคนไปเสียแล้ว
'เฮ้อ...นี่มันเรื่องบ้าอะไรเนี่ย แกโกรธเขาอยู่นะกุล ทำไมใจอ่อนง่ายแบบนี้นะ…'
"คุณอุ่น…"
"ฮึก ๆ ฮือ ๆ ๆ ฉันขอโทษ...ฉันขอโทษ"
"หยุดร้องก่อนนะคะ"
"ยกโทษให้ฉันได้ไหมกุล"
"ค่ะ...กุลยกโทษให้คุณแล้ว อย่าร้องไห้เลยนะคะ เหมือนไม่ใช่คุณเลยคุณอุ่น"
"ฉันแพ้ให้เธออีกแล้ว...ไม่เคยมีใครได้เห็นน้ำตาของฉันมาก่อนเลยนะกุล ฮึก ๆ"
"ถ้ามีอะไรไม่สบายใจก็ร้องไห้กับกุลได้นะคะคุณอุ่น" กุลสินีพูดพร้อมกับดันร่างภิญญาออกเบา ๆ ก่อนจะเช็ดน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน ซึ่งเธอไม่ชอบตัวเองในตอนนี้เลยจริง ๆ ที่ใจอ่อนง่าย ๆ แบบนี้ แต่ยิ่งเห็นอีกคนร้องไห้จนทั้งเนื้อทั้งตัวสั่นเทา มันทำให้เธอรู้สึกว้าวุ่นในใจอย่างไรชอบกล จนเธอเผลอทำตัวอ่อนโยนกับคนที่ทำร้ายเธอเสียด้วยซ้ำ
"ฉันขอโทษจริง ๆ นะกุล ฉันไม่ได้ตั้งใจ"
"ช่างมันเถอะค่ะ" กุลสินีตอบพร้อมกับค่อย ๆ นั่งลงที่เตียงช้า ๆ ภิญญาจึงล้วงเอากระปุกยาออกจากกระเป๋าแล้วนั่งลงกับพื้น จากนั้นเธอก็จับขาทั้งสองข้างของเลขาสาวมาวางที่ตักของเธอ ก่อนจะเปิดยาออกมาทาที่ข้อเท้าให้ ทั้งที่ยังคงร้องไห้อยู่อย่างนั้น ซึ่งกุลสินีก็ได้แต่นั่งมองอีกคนโดยไม่ได้ขัดขืนอะไร
'คุณทำแบบนี้กับฉันเพื่ออะไร…คุณอุ่น'
"เจ็บมากไหมกุล"
"เจ็บค่ะ"
"แล้วตรงนั้น...ยังเจ็บอยู่หรือเปล่า"
"เจ็บค่ะ คุณคงต้องงดไปอีกนาน"
"แต่ฉันยังนอนกอดเธอ ยังจูบเธอได้ใช่ไหม"
"คุณอยากทำอะไรก็ทำเถอะค่ะ กุลห้ามคุณได้ที่ไหนล่ะคะ"
"อืม...แล้วที่ข้อมือเจ็บไหมคะ"
"เจ็บกว่าข้อเท้าค่ะ"
"อืม...เดี๋ยวฉันทายาให้นะ" กุลสินีนั่งมองประธานสาวที่ลุกขึ้นมานั่งข้าง ๆ เธอ พร้อมกับจับมือของเธอแล้วทายาให้อย่างตั้งอกตั้งใจ กุลสินีถึงกับขมวดคิ้วด้วยความสงสัย เมื่อเห็นภิญญาดูอ่อนโยนผิดไปจากเดิมมาก
'เขารู้สึกผิดจริง ๆ ไหมนะ...หวังว่าจะไม่มาใช้ความอ่อนโยนให้ฉันตายใจแล้วก็มาทำร้ายฉันอีกนะ เฮ้อ…'
"คิดอะไรอยู่กุล"
"เปล่าค่ะ"
"แน่ใจเหรอ...เธออยากได้อะไรไหม ขอให้ฉันได้ไถ่โทษให้เธอเถอะนะ แต่เรื่อง 10 ล้าน ฉันคงให้เธอไม่ได้"
"ต่อให้คุณให้ 100 ล้าน กุลก็ไม่เอาหรอกค่ะ"
"แล้วเธออยากได้อะไร"
"ถ้ากุลอยากได้ใจคุณ...คุณให้ได้ไหมล่ะคะ" เมื่อได้ยินคำตอบแบบนั้น ภิญญาถึงกับชะงักทันที ไม่ใช่แค่ประธานสาวหรอกที่ตกใจ แม้แต่ผู้พูดเองก็ชะงักที่เผลอพูดอะไรออกไปโดยไม่คิด ราวกับมันถูกสั่งการด้วยหัวใจอย่างไรอย่างนั้น
"ที่คุณบอกว่าไม่เคยรักใคร กุลไม่เชื่อหรอกนะคะ คุณแค่ยังไม่ลืมคุณเขม ใช่ไหมคะ"
"อืม…"
"แล้วการที่คุณทำแบบนี้กับกุล เพราะคุณต้องการที่จะลืมเขาใช่ไหมคะ"
"อืม…"
"แล้วคุณไม่คิดเหรอคะ ว่าการที่คุณทำแบบนี้มันจะสร้างบาดแผลให้กับคนอื่น!?"
"เธอรักฉันใช่ไหมกุล"
รัก...งั้นเหรอ เธอจะรักคนที่ทำร้ายเธอทั้งร่างกายและจิตใจลงได้อย่างไรกัน แต่หัวใจของเธอกลับว้าวุ่นกว่าเดิมเมื่อได้ยินคำถามเช่นนั้น
"อย่าเข้าข้างตัวเองสิคะ กุลแค่บอกคุณเอาไว้ ว่าการกระทำแบบนี้ของคุณ มันอาจจะไปทำร้ายใครเข้า หยุดเถอะนะคะ...ลืมไม่ได้ ไม่เห็นต้องไปมีอะไรกับใครเลยคุณอุ่น" กุลสินีพูดพร้อมกับกุมมือของภิญญาเอาไว้ ประธานสาวจึงเงยหน้ามองเธอช้า ๆ ก่อนจะหลบสายตา และเบือนหน้าหนีไปอีกทาง
"ฉันกับเขม...เคยหนีไปใช้ชีวิตที่เกาหลีด้วยกัน 2 ปี พ่อของเขาก็ตามไปเจอแล้วจับเราแยกจากกัน ฉันรักเขามาก แต่เรื่องของเรามันเป็นไปไม่ได้ ฉันไม่เคยลืมเขาได้เลย เราตัดกันไม่ขาด เลยแอบมาเจอกันบ่อย ๆ แล้วที่คอนโดนี้ ฉันก็เคยอยู่กับเขามาก่อน เราเคยมีความสุขด้วยกันที่นี่" กุลสินีได้ยินเรื่องราวต่าง ๆ ถึงกับเจ็บแปลบในใจ ที่ที่เธออยู่ตอนนี้ คือวิมารแห่งความสุขของคนทั้งสอง ที่เธอเหมือนเป็นตัวแทนที่ใช้เป็นที่ระบายอารมณ์เท่านั้น
"คุณเอาแต่จมอยู่กับอดีตไม่ได้นะคะคุณอุ่น...ชีวิตคุณยังต้องได้เจอใครอีกเยอะ ถ้าคุณลองเปิดใจ คุณก็จะได้เจอคนดี ๆ นะคะ"
"ไม่...ฉันจะไม่รักใครอีกนอกจากเขม ไม่มีใครแทนที่เขาได้ หลังจากที่เราเลิกกัน ฉันก็นอนกับผู้หญิงมากมายเพื่อความสนุก ฉันไม่รู้สึกว่ารักใครอีกแล้วล่ะ"
"เข้าใจแล้วค่ะ...คุณกลับไปทำงานเถอะค่ะคุณอุ่น กุลโอเคแล้ว"
โอเคงั้นเหรอ...ไม่เลย...ไม่เลยสักนิด ยิ่งได้ยินเรื่องราวต่าง ๆ มันยิ่งทำให้กุลสินีรู้สึกอึดอัดจนอยากจะหนีออกไปให้พ้น ๆ ซึ่งเธอเองก็ไม่เข้าใจความรู้สึกแบบนี้เลย
"ฉันขอโทษนะ ฉันคิดว่าเธอกับไพลิน…"
"ถึงกุลจะไปมีอะไรกับน้องไพลินจริง ๆ ทำไมคุณถึงต้องโกรธล่ะคะ ในเมื่อคุณไม่ได้คิดอะไรกับกุลซะหน่อย"
"ไม่รู้สิ...ฉันหวงร่างกายของเธอ ฉันไม่อยากให้ใครได้เสพสมกับเธอ ฉันไม่อยากให้ใครมาสัมผัสเธอนอกจากฉัน"
'คุณนี่มันเห็นแก่ตัวชะมัด…'
"ตัวเองไปมีอะไรกับใครก็ได้ แต่กุลไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะมีเพื่อนเนี่ยนะคะ คุณทำไมถึงใจร้ายกับกุลแบบนี้"
"มีแค่ฉันก็พอแล้วล่ะกุล ฉันขอล่ะ อย่าไปมีอะไรกับใครนะ...ได้ไหม"
"เฮ้อ…ใครจะไปทำแบบนั้นได้ล่ะคะ กุลเกลียดคุณชะมัด…"
เกลียดงั้นเหรอ...ไม่เลย เธอพูดคำนี้ได้ออกมาไม่เต็มปากด้วยซ้ำ
"อย่าเกลียดฉันเลยนะคนดี…" ภิญญาเอื้อมมือมาสัมผัสคางเลขาสาวเอาไว้แล้วเชยคางขึ้นมา ก่อนจะโน้มตัวเข้ามาแล้วก้มลงจูบอย่างอ่อนโยน ซึ่งอีกคนก็ไม่ได้มีท่าทีปฏิเสธเธอแม้แต่น้อย แต่กลับตอบรับจูบของเธอด้วยเช่นกัน
ทั้งสองจูบตอบรับกันช้า ๆ พร้อมกับลิ้นที่ตวัดรัดกันไปมาเป็นจังหวะ จนสมองเริ่มว่างเปล่า ภายในห้องเงียบสงัดจนได้ยินเสียงเครื่องปรับอากาศที่กำลังทำงานอยู่ และเสียงจูบที่ดังออกมาเป็นจังหวะ มือเรียวที่จับปลายคางค่อย ๆ เลื่อนลงมาปลดกระดุมเลขาสาวช้า ๆ พร้อมกับลูบไล้ที่ต้นคออย่างแผ่วเบาด้วยมืออีกข้าง ก่อนจะเลื่อนจูบลงมาที่ต้นคอระหง กุลสินีค่อย ๆ ถอดเสื้อของตนออกช้า ๆ จากนั้นก็เอื้อมมือไปด้านหลังเพื่อปลดตะขอให้อีกคนได้เสพสุขกับเรือนร่างของเธอได้เต็มที่
ใช่...ทุก ๆ การกระทำของเธอราวกับถูกสะกด ทำไมเธอถึงได้ยอมอีกคนง่ายถึงเพียงนี้ แม้จะสับสน แต่กุลสินีก็ไม่มีการขัดขืนใด ๆ
ริมฝีปากอุ่น ๆ ครอบครองที่ยอดปทุมถันทันทีเมื่อมันชูชันเรียกอารมณ์อยู่ตรงหน้า ส่วนมือเล็กทั้งสองก็เอื้อมมาปลดกระดุมให้กับประธานสาวด้วยเช่นกัน ก่อนจะถูกเจ้าตัวถอดออกด้วยตัวเอง แล้วโน้มตัวขึ้นมาคร่อมร่างของเธอเอาไว้
เมื่อมือเล็กเอื้อมมาหวังจะสัมผัสที่หน้าอก ภิญญาจึงรีบคว้าข้อมือเอาไว้อย่างรวดเร็ว
"อย่าซนสิคะคนดี"
"กุลขอสัมผัสคุณบ้างไม่ได้เหรอคะ"
"อยากจับหน้าอกฉันขนาดนั้นเลยเหรอ"
"เปล่าค่ะ...กุลแค่อยากเป็นคนทำให้คุณมีความสุขบ้าง"
"ไม่เอาน่า...ฉันไม่ยอมให้ใครทำหรอกนะ"
"แต่ให้กุลเป็นฝ่ายถูกกระทำฝ่ายเดียวแบบนี้ไม่แฟร์เลยนะคะ ไหนบอกว่ากุลมีหน้าที่ทำให้คุณมีความสุขไงคะ แต่คุณไม่ยอมให้กุลสัมผัสตัวคุณแบบนี้ คุณจะมีความสุขได้ยังไงคะคุณอุ่น"
"แค่ได้เสพร่างกายเธอ ฉันก็มีความสุขแล้วล่ะ…" เธอพูดจบก็โน้มตัวลงจูบที่ต้นคออีกครั้ง แล้วจูบไล่ลงมาที่หน้าท้อง ก่อนจะใช้ลิ้นเลียช้า ๆ จนร่างของกุลสินีกระตุก เธอจึงค่อย ๆ พลิกร่างของกุลสินีให้นอนคว่ำลง แล้วจูบที่แผ่นหลังเนียน จนอีกคนแอ่นตัวรับทุก ๆ การสัมผัสที่ทำให้เธอเสียวสะท้านไปทั่วทั้งร่าง
"อา…"
"รู้สึกดีไหมคนดี…"
"คุณอุ่นคะ ขนลุกหมดแล้ว จะทำอะไรก็รีบทำสักทีสิคะ กุลจะไม่ไหวแล้วนะ"
"อย่ารีบสิคะ ถ้าไม่เล้าโลมก่อน เดี๋ยวก็เจ็บตัวอีกหรอก ฉันไม่อยากให้เธอเจ็บอีกแล้วนะ"
"อื๊อ...แต่...กุลไม่ไหวแล้วนะคะ"
"อดทนนะคะ"
"อ๊า…" ประธานสาวใช้ลิ้นเลียที่แผ่นหลังหยอกเย้าอารมณ์อีกคนไม่หยุด พร้อมกับใช้มือข้างหนึ่งบีบที่ก้นอย่างเพลินมือ ก่อนจะใช้มือตบดังเพี๊ยะแล้วก็หัวเราะออกมาเบา ๆ
"ตีกุลทำไมคะคุณอุ่น!"
"โทษฐานที่ชอบดื้อกับฉัน"
"ชิ...ตัวเองเพิ่งทำผิดไปแท้ ๆ อย่าให้ถึงคิวของกุลบ้างนะคะ จะทำให้ร้องขอชีวิตเลย"
"ฮ่า ๆ เด็กดื้อ...ไม่มีวันนั้นหรอก"
"อ๊า…คุณอุ่นคะ…" เมื่อนิ้วเรียวค่อย ๆ ลูบไล้ผ่านกางเกงขาสั้นลงไป อีกคนถึงกับร้องครางออกมาทันที ภิญญาจึงยิ้มออกมาด้วยความพอใจ ก่อนจะยกสะโพกของกุลสินีให้แอ่นขึ้น แล้วดึงกางเกงลงช้า ๆ พร้อมกับก้มลงโลมเลียระหว่างร่องจนเสียงครางกระเส่าดังออกมา มือทั้งสองของกุลสินีกำหมอนเอาไว้แน่น เพราะเสียวจนแทบจะทนไม่ไหว
"อืม…น้ำเยอะขนาดนี้คงไม่ไหวจริง ๆ แล้วใช่ไหม..."
"อย่าถามสิคะคุณอุ่น…"
"จะเริ่มแล้วนะคนดี…"
"ซี๊ด...อ๊ะ!! โอ๊ย!! เจ็บค่ะคุณอุ่น! อย่าสอดเข้ามานะ!" กุลสินีสะดุ้งโหยงเพราะความเจ็บแปลบจากบาดแผลที่ประธานสาวฝากเอาไว้ให้ในคืนก่อน ทำเอาภิญญาถึงกับชะงัก
"ขะ...ขอโทษ ถ้างั้นวันนี้พักเถอะ"
"คุณอุ่น!! ทำขนาดนี้แล้วจะทิ้งกลางคันเหรอคะ"
"ฉันไม่อยากให้เธอเจ็บ"
"เฮ้อ...งั้นพอก่อนเถอะค่ะ ก่อนที่จะ อ๊ะ!" ยังไม่ทันที่กุลสินีจะพูดได้จบลิ้นอุ่น ๆ ก็ตวัดเลียอีกครั้งจนเจ้าตัวถึงกับลั่นเสียงครางออกมาทันที พร้อมกับจิกที่หมอนแน่น
"มะ...อ๊ะ อ๊า...อ๊า อ๊า…"
"แบบนี้เจ็บไหม"
"ซี๊ด...เสียวค่ะคุณอุ่น อ๊า อ๊ะ!"
"อืม...ฉันหลงเสียงครางของเธอจังคนดี…"
"อ๊ะ...อ๊า..คุณอุ่นคะ ช้า ๆ สิคะ…อื๊อ อื๊อ…"


"อืม...เสียงครางดังออกมาแบบนี้ การง้อคงผ่านไปได้ด้วยสิดีนะอุ่น เฮ้อ...อยากพากุลสินีหนีจริง ๆ จะได้รู้ใจตัวเองสักที...ยัยบ้าเอ๊ย!!" กานต์ดาที่เปิดประตูเข้ามาพร้อมกับถือถุงโจ๊กมาวางบนโต๊ะกินข้าว เธอส่ายศีรษะไปมาเมื่อได้ยินเสียงครางดังออกมาจากห้องนอนน้องสาวของเธอ ก่อนจะรีบเดินออกจากห้องไป
ม้า
ไรท์แวะมาคุย~`

“คุณอุ๊นนนนน ทำไมง้อน้องแบบนี้ #;')@;")@:;*)_-”