แผนเกมรักไม่รู้ลืม (เร็ว ๆ นี้ที่ readAwrite)

แผนเกมรักไม่รู้ลืม (เร็ว ๆ นี้ที่ readAwrite)
ตอนที่ 14 ผู้ต้องสงสัย

1 เดือนผ่านไป
"ตรวจสอบดีแล้วใช่ไหมกุลสินี"
"ฉันตรวจสอบดูหลายรอบแล้วค่ะ ยอดเงินมันหายไปจริง ๆ ฝ่ายบัญชีก็เร่งตรวจสอบหลายครั้งเหมือนกัน แต่ยอดก็แสดงเหมือนเดิมค่ะ"
"มันเป็นไปได้ยังไง...เงินตั้งเกือบแสนไม่ใช่น้อย ๆ เลยนะ!! ทำไมถึงไม่มีใครเอะใจ ทำงานกันยังไง!!"
"คุณภิญญาลองดูเอกสารนี่ก่อนนะคะ"
"บ้าอะไรเนี่ย!!" เมื่อกุลสินียื่นเอกสารบางอย่างให้กับประธานสาว เธอรับไปอ่านก็ต้องคิ้วขมวดด้วยความตกใจ
"ทุกฝ่ายเบิกเงินในช่วงเวลาเดียวกัน มันเป็นไปไม่ได้เลย แถมยังมีลายเซ็นของคุณภิญญาอนุมัติอีก"
ขณะที่ประธานสาวกำลังพินิจพิเคราะห์ถึงที่มาที่ไปของเงินในบัญชีที่หายไปอย่างปริศานา รวมทั้งการเซ็นอนุมัติเงินในโครงการที่มีการลงลายมือชื่ออย่างถูกต้อง ทั้ง ๆ ที่ประธานสาวไม่รู้เรื่องเสียด้วยซ้ำ จู่ ๆ โทรศัพท์มือถือของเธอก็สั่นครืดอยู่บนโต๊ะขัดจังหวะการสนทนา ภิญญาจึงรีบกดรับโดยพลัน เพราะคนที่โทรศัพท์เข้ามา ไม่อาจปล่อยให้รอสายนานได้
อืด อืด อืด~ 
"ค่ะพ่อ"
"..."
"แต่อุ่นไม่ได้เซ็นนะคะพ่อ!! อุ่นจะเอาเงินไปทำอะไร พ่อ!! พ่อเดี๋ยว!! บ้าเอ๊ย!!!" เมื่อถูกปลายสายกดตัดสายไป ภิญญาถึงกับนั่งกุมขมับ ก่อนจะลุกเดินไปเดินมาอย่างกระวนกระวายใจ เลขาสาวก็อดห่วงไม่ได้ แต่เธอกลับทำได้เพียงแค่ยืนดูอยู่ห่าง ๆ เท่านั้น
'ฉันจะทำยังไงดี...ฉันจะช่วยคุณภิญญายังไงดี'
"เก็บเอกสารนี่ไว้ดี ๆ นะกุลสินี อย่าให้ใครเห็นเด็ดขาด แล้วก็อย่าให้ใครรู้เรื่องนี้ด้วย เดี๋ยวคนทำมันจะไหวตัวทัน ฉันมีวิธีหาตัวเจอแน่ เธอไม่ต้องห่วง"
"คุณภิญญาคะ…"
"อืม...ว่าไง"
"ฉันเชื่อนะคะ ว่าคุณจัดการปัญญานี้ได้" เมื่อได้ยินเช่นนั้น ภิญญาจึงหันมาหน้ามองเลขาสาวช้า ๆ ก่อนจะยิ้มออกมา
"ขอบคุณนะกุลสินี...ขอบคุณจริง ๆ"
"ไม่เห็นต้องขอบคุณขนาดนั้นเลยนี่คะ"
"อืม กลับไปทำงานของเธอได้แล้ว"
"ค่ะคุณภิญญา"
ทั้งสองยิ้มให้กันและกัน ก่อนเลขาสาวจะแยกตัวออกมาจากห้อง เมื่อเปิดประตูออกมา เธอเห็นว่าผู้จัดการหนุ่มยืนอยู่หน้าห้องแบบพอดิบพอดี ก่อนที่ชายหนุ่มจะรีบเดินออกไปอย่างรวดเร็ว ราวกับกำลังตกใจและรีบเร่งฝีเท้าเดินหนีอย่างไรอย่างนั้น เธอจึงมองตามด้วยความสงสัย
'คุณก้องภพมาทำอะไรหน้าห้องคุณภิญญานะ…'
 

 
"กลับกันเถอะกุลสินี"
"ค่ะ" เมื่อพนักงานในบริษัทคนอื่น ๆ กลับกันหมดจนเหลือแต่เพียงแสงไฟที่หน้าห้องประธานสาวและตามโถงทางเดินเท่านั้น ภิญญาจึงยื่นมือมาทางเลขาสาว จนเธอถึงกับเอียงคอด้วยความฉงน
"อะไรคะ"
"ส่งมือมา"
"ทำไมคะ"
"ส่งมาเถอะน่า!" เมื่อกุลสินียื่นมือไป ภิญญาจึงจับเอาไว้ แล้วเดินจูงมือเธอเดินไปตามทางอย่างอารมณ์ดี
'วันนี้มาอ้อนฉันที่ทำงานอีกแล้วเหรอเนี่ย…' ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ประธานสาวเข้าไปเสพสุขกับเธอและนอนค้างที่คอนโดมิเนียมแทบทุกคืนแม้จะไม่ใช่วันเสาร์ก็ตาม ด้วยความใกล้ชิดจึงทำให้ทั้งสองเริ่มสนิทกันมากขึ้น ราวกับไม่เคยมีปัญหากันมาก่อน รวมถึงหัวใจดวงน้อยของเลขาสาวที่เริ่มหวั่นไหวให้กับประธานของเธอเข้าจนได้ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอถูกดูแลเอาใจใส่อย่างดี อย่างที่ไม่คิดว่าจะได้รับจากคนใจร้ายอย่างภิญญาได้ เธอได้รับอิสระในการไปไหนมาไหนมากขึ้น แต่คนที่พาเธอออกไปที่ต่าง ๆ ก็คือประธานสาวอยู่ดี แต่ถึงกระนั้น กุลสินีก็ไม่ได้รู้สึกถึงการกักขังหน่วงเหนี่ยว หรือรู้สึกหวาดระแวงอย่างเช่นในตอนแรก ดู ๆ แล้วเรียกได้ว่าเธอกำลังถูกตามใจก็คงจะใช่
"อ๊ะ!! แย่แล้ว!! คุณภิญญาคะ ฉันลืมเอกสารสำคัญไว้ที่โต๊ะ ขอกลับเข้าไปเอาก่อนนะคะ"
"เอกสารอะไร"
"หลักฐานการเซ็นอนุมัติเงินค่ะ พอดีฉันถ่ายเอกสารไว้เป็นสองชุด กันพลาดน่ะค่ะ"
"อะไรนะ!!? เอกสารสำคัญแบบนี้อย่าเอาทิ้งไว้มั่วสิกุลสินี!!"
"ขะ...ขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ทิ้งไว้มั่วนะคะ ฉันเก็บไว้ในลิ้นชักอย่างดีเลย"
"เฮ้อ...รีบกลับเข้าไปเอาเถอะ ให้ไปเป็นเพื่อนหรือเปล่า"
"ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวรีบมานะคะ"
"อืม…"
ใช่...แม้แต่เรื่องใหญ่แบบนี้ ประธานสาวยังไม่ด่าทอเธออะไรมากนัก อาจมีดุบ้าง แต่มันก็เพียงเล็กน้อย แม้จะดูน่าแปลกใจก็เถอะ แต่มันก็ดีกว่าประธานสาวผู้เลือดเย็นคนนั้นเป็นไหน ๆ
 

 
"ฮึย...ไม่คิดว่าไม่เปิดไฟจะน่ากลัวขนาดนี้...รู้งี้ให้คุณภิญญามาด้วยก็ดี อย่างน้อยก็มีคนที่กลัวกว่าฉัน ฮือ ๆ" กุลสินีใช้โทรศัพท์มือถือเปิดไฟฉายเพื่อนำทาง แม้โถงทางเดินจะมืดและเงียบสงัดจนดูน่ากลัว แต่เธอก็ต้องฝืนใจไปเอาเอกสารสำคัญที่ใต้ลิ้นชักให้ได้ 
ตลอดโถงทางเดินนั้นเงียบสงัดจนได้ยินเสียงฝีเท้าของเธอได้อย่างชัดเจน บวกกับเสียงหัวใจที่เต้นแรงด้วยความกลัว หากประธานสาวมาด้วยคงช่วยให้อุ่นใจบ้างไม่มากก็น้อย
ในขณะที่เธอพยายามก้าวขาเดินไปตามทางช้า ๆ นั้น สายตาของเธอเหลือบไปเห็นรัศมีของแสงที่ส่องออกมาจากโต๊ะทำงานของเธอ พร้อมกับเงาตะคุ่ม ๆ ของใครบางคน ทำเอาหัวใจของเธอหล่นฮวบ เธอรู้ดีว่านั่นไม่ใช่เงาของวิญญาณหรืออะไรเทือกนั้นหรอก แต่หากเป็นคนต่างหากที่ดูน่ากลัว เธอจึงรีบไปหลบที่หลังเสา แล้วปิดไฟฉายจากโทรศัพท์มือถือเอาไว้เพื่อดูว่าใครกัน มาทำลับ ๆ ล่อ ๆ ที่โต๊ะทำงานของเธอ
'ใครกันนะ...ป่านนี้แล้วยังไม่กลับ แล้วเขาไปทำอะไรที่โต๊ะฉัน' กุลสินีคิดในใจ ก่อนจะค่อย ๆ ชะโงกหน้าออกมาช้า ๆ เธอพยายามเพ่งมองใครบางคนที่ก้ม ๆ เงย ๆ อยู่บริเวณโต๊ะทำงานของเธออยู่นาน เมื่อสายตาจับได้ว่าเป็นเงาของใคร เธอถึงกับตกใจ จนดวงตาทั้งสองเบิกโพลง
'นั่นมันคุณก้องภพนี่!!!'
กึก!!
ด้วยความตกใจทำให้หญิงสาวพลาดทำโทรศัพท์ร่วงลงจากมือ เจ้าของเงาในความมืดจึงรู้ตัว แล้วรีบลุกขึ้นทันที ก่อนจะรีบเดินตรงมาทางเธอ กุลสินีปิดปากตัวเองเอาไว้แน่น พร้อมกับค่อย ๆ นั่งลงช้า ๆ เพื่อที่จะเก็บโทรศัพท์ของตนขึ้นมาให้เบาเสียงที่สุด ทว่า...
"ยังไม่กลับอีกเหรอครับคุณกุลสินี เข้ามาในบริษัทมืด ๆ แบบนี้ ระวังจะถูกใครเขาว่าเป็นขโมยนะครับ" เมื่อได้ยินเสียงทุ้มใหญ่ดังข้าง ๆ พร้อมกับแสงไฟที่ส่องมา หัวใจของกุลสินีเต้นแรงราวกับจะทะลักออกมา ก่อนจะพยายามตั้งสติตัวเองแล้วรีบแก้ไขสถานการณ์เพื่อที่จะเอาตัวรอดจากคนผู้นี้
"พอดีฉันลืมของไว้น่ะค่ะ เลยจะกลับมาเอา ว่าแต่คุณเถอะค่ะ ทำไมยังไม่กลับคะ ฉันนึกว่ากลับกันหมดแล้วซะอีก"
"ผมทำโอทีน่ะครับ กำลังจะกลับแล้ว ว่าแต่ลืมอะไรไว้เหรอครับ"
"เปล่าค่ะ ขอตัวนะคะ" เมื่อพูดจบกุลสินีรีบวิ่งมาที่โต๊ะทำงานของเธอทันที ในขณะที่เธอกำลังจะใช้กุญแจไขเปิดลิ้นชักเธอก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าตรงเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ เขาจะเดินตามเธอมาทำไมกัน มันยิ่งทำให้หัวใจของกุลสินีทวีความรุนแรงขึ้น
"ยะ...ยังไม่กลับอีกเหรอคะ!?"
"มีคนอยู่เป็นเพื่อนไม่ดีเหรอครับ มีคนช่วยส่องไฟ ไม่ดีเหรอ"
"เอ่อ...ขอบคุณนะคะ แต่ว่า ของที่ฉันลืมมันน่าอายนะคะ"
"ต่อให้เป็นผ้าอนามัยก็ไม่ต้องอายหรอกนะครับ"
'บ้าเอ๊ย...เหมือนเขาจะรู้ทันฉันนะ ทำยังไงดี จะให้เขาเห็นเอกสารนี่ไม่ได้เด็ดขาด'
"เร็วสิครับ! มันดึกแล้วนะคุณกุลสินี"
"เอ่อ...ถ้าคุณยังอยู่ฉันก็ไม่กล้าสิคะ"
"งั้นผมจะหันหลัง โอเคไหมครับ"
'โอ๊ย!! ไปสักทีสิ ทำยังไงดี...จะโทรไปขอความช่วยเหลือคุณภิญญาดีไหมนะ…'
"ถ้าคุณไม่เปิดเอาของสักที ผมจะมองว่าคุณเป็นขโมยแล้วนะ สรุปลืมของหรืออะไร!!?"
"ละ...ลืมของค่ะ! หันหลังไปสิคะ!!"
"เฮ้อ…" ก้องภพถอนหายใจเฮือก ก่อนจะหันหลังกลับไป ส่วนมือยังคงถือไฟฉายส่องให้กับเธออยู่ กุลสินีจึงรีบไขกุญแจอย่างร้อนรน แต่ก็ยังไม่วายชำเลืองมองอีกคนอย่างระมัดระวัง เมื่อเธอเปิดลิ้นชักออกมาได้ เธอเอื้อมมือเข้าไปพับกระดาษแล้วรีบสอดเข้าไปในเสื้อของเธอทันที
"เสร็จแล้วค่ะ กลับกันเถอะค่ะ"
"สรุปลืมอะไรครับ"
"เอ่อ...เซ็กซ์ทอยค่ะ!" เมื่อพูดจบ กุลสินีรีบวิ่งหนีออกมาทันที เพราะชินกับทางเดินของบริษัทบ้างแล้ว และเพื่อไม่ให้อีกคนรู้ว่าเธอได้กลับกับประธานบริษัทอีกด้วย
'โอ๊ย!!! ฉันพูดบ้าอะไรออกไปเนี่ย!!!! คุณก้องภพต้องมองฉันไม่ดีแน่ ๆ ทำไมไม่คิดถึงอย่างอื่นที่มันดีกว่านี้นะ ฮือ ๆ'
 

 
"คุณภิญญาคะ!! รีบขับออกไปเร็วค่ะ!!"
"ดะ...เดี๋ยวกุลสินี หนีอะไรมา!?"
"เซ็กซ์ทอยค่ะ เฮ้ย!!!! ไม่ใช่!!! หนีคุณก้องพับ โอ๊ย!!! ไปค่ะ ไป ๆ ๆ ๆ" ภิญญาถึงกับคิ้วขมวดเมื่อเห็นท่าทีของกุลสินีที่ดูตื่นตระหนกจนพูดผิด ๆ ถูก ๆ ราวกับคนไม่มีสติ ก่อนจะรีบขับรถสปอร์ตคันหรูออกมา เมื่อขับรถออกจากบริษัทได้ไกลในระยะหนึ่งแล้วจนดูเหมือนทุกอย่างเริ่มสงบลง จู่ ๆ ภิญญาก็ลั่นเสียงหัวเราะออกมา
"ฮ่า ๆ ๆ"
"หัวเราะอะไรคะคุณอุ่น"
"ฮ่า ๆ โอ๊ย...ปวดท้อง...ฮ่า ๆ"
"ฮ่า ๆ คุณอุ่น!! ตั้งใจขับรถสิคะ!! โอ๊ย!! กุลจะหัวเราะตามแล้วนะ! ฮ่า ๆ" ทั้งสองหัวเราะกันจนน้ำหูน้ำตาเล็ด แม้จะเพิ่งผ่านเหตุการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานมาก็ตาม
"อะไรของเธอเนี่ย ฮ่า ๆ อะไรเซ็กซ์ทอย อะไรก้องพับ เป็นตลกคาเฟ่เหรอ ฮ่า ๆ"
"พอเถอะค่ะ กุลอายนะ!!"
"อึก...อึก!! ฮ่า ๆ ๆ" ภิญญาพยายามกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้ แต่ก็ต้องหลุดขำออกมาอีกครั้ง จนหญิงสาวที่นั่งมาด้วยกระตุกแขนเสื้อเธอแรง ๆ หลายทีเพื่อห้ามเธอไม่ให้หัวเราะ
"โอ๊ยคุณอุ่น!!! หยุดหัวเราะเดี๋ยวนี้เลยนะคะ!"
"โอ๊ย ขอโทษ ๆ ก็มันขำนี่ เฮ้อ...ใจจะขาด น้ำตาจะหมดตัวแล้ว"
"เวอร์แล้วคุณน่ะ ได้รู้เรื่องแล้วจะขำไม่ออก ชิ!!" เลขาสาวถึงกับนั่งหน้ามุ่ย ก่อนจะล้วงเอกสารออกมาจากเสื้อ จนประธานสาวถึงกับตกใจ
"เฮ้ย ๆ ทำไมล้วงออกมาจากในนั้นล่ะกุล!?"
"ก็แอบคุณก้องภพน่ะสิคะ กว่าจะหนีออกมาได้ หัวใจกุลแทบวาย!"
"ฮะ? ก้องภพ?"
"ใช่ค่ะ น่าสงสัยนะคะ ที่คุณก้องภพยังไม่กลับ แถมกุลยังเห็นเหมือนเขาไปค้นอะไรที่โต๊ะกุลด้วย ตอนที่เราคุยกันตอนกลางวันเรื่องเอกสาร กุลออกมาจากห้องก็เห็นเขายืนทำลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่หน้าห้องอีก แปลกจริง ๆ" กุลสินีพูดพร้อมกับนั่งกอดอกทำหน้าครุ่นคิด ประธานสาวจึงหันมามองเธอพร้อมกับขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
"เธอกำลังสงสัยคุณก้องภพเหรอกุล"
"จะว่าอย่างนั้นก็ใช่ค่ะ แต่กุลไม่กล้ากล่าวหาใครหรอกค่ะคุณอุ่น กุลยังด้อยประสบการณ์อยู่"
"เด็กดื้อเอ๊ย!!" ภิญญาพูดพร้อมกับเอื้อมมือมาจับศีรษะของเลขาสาวโยกไปมาด้วยความมันเขี้ยว
"อะไรคะคุณอุ่น นี่กุลจริงจังนะคะ"
"อืม...ถึงจะไม่ค่อยอยากจะเชื่อเท่าไหร่ก็เถอะ ว่าคนจริงจังกับการทำงานอย่างคุณก้องภพจะทำอะไรแบบนั้นได้ เพราะเขาอยู่กับฉันมานาน แต่ก็จะรับไปพิจารณานะคะเด็กดี ขอบคุณที่ช่วยเป็นหูเป็นตานะ"
"ยินดีค่ะ"
"ว่าแต่...เซ็กซ์ทอยนี่คืออะไร อยากลองใช้อุปกรณ์เหรอ"
"เปล่าค่ะ!! พอดี...ตอนที่คุณก้องภพถามว่าลืมอะไร สมองมันสั่งให้พูดว่าเซ็กซ์ทอยออกมา...ฮือ ๆ น่าอายสุด ๆ เลย คุณก้องภพคงมองกุลเสีย ๆ หาย ๆ แล้วแน่ ๆ"
"ฮ่า ๆ ๆ โอ๊ยกุล! ลามกนะเราเนี่ย ถึงได้พูดออกมาแบบนั้นน่ะ"
"คุณอุ่น!! คุณนั่นแหละลามก!! ฮึ่ย!! อย่าให้ได้พูดนะคะ ตอนอยากนอนกับกุลก็ใช้เสียงสองเรียก กุลคะ! กุลขา! แค่ก ๆ คุณอุ่นทำอะไรคะเนี่ย!?" เมื่อกุลสินีพูดล้อเลียนเธอ ภิญญาจึงแหย่นิ้วเข้าไปในปากของหญิงสาวทันที ก่อนจะลั่นเสียงหัวเราะออกมาอีกครั้ง เจ้าตัวได้แต่หันมามองตาขวาง
"เฮ้อ...อยู่กับเธอ ฉันมีความสุขจัง"
"จริงเหรอคะ"
"อืม...ไม่ว่าจะเหนื่อยแค่ไหน หรือเจอเรื่องเครียดยังไงก็ตาม พอได้มาอยู่กับเธอ ฉันก็รู้สึกดีขึ้นทุกครั้ง"
"แหงแหละ...ถ้าไม่รวมวันที่กุลเป็นประจำเดือน คุณก็แทบจะมีอะไรกับกุลทุกคืน คุณคงคิดแต่เรื่องแบบนี้สินะคะ วันไหนไม่ได้มีคุณคงนอนไม่หลับ"
"ใช่...ฉันคิดถึงเธอทุกคืนเลยล่ะรู้ไหม"
"ติดใจอะไรขนาดนั้นคะ ไหนบอกว่าหาคนแบบกุลได้ทั่วไปไง"
"ฉันหาคนหน้าตาแบบเธอได้ทั่วไปต่างหาก แต่หาคนแบบเธอไม่ได้อีกแล้วน่ะสิ"
"แล้วคนแบบกุลมันเป็นยังไงคะ"
"เธอดูแลฉันดี อยู่ด้วยแล้วสบายใจ ฉันได้เป็นตัวของตัวเอง แล้วฉันจะมีอะไรกับเธอบ่อยแค่ไหนเธอก็ไม่ขัด"
"โอ๊ยคุณอุ่น!! อันหลังไม่ใช่แล้วค่ะ!!!"
"ฮ่า ๆ ล้อเล่นน่ะ...แต่ฉันมีความสุขจริง ๆ นะ"
"เราเหมือน...เป็นแฟนกันเลยนะคะ"
"อืม...แต่ไม่ใช่หรอก ไม่มีทางใช่ด้วย ฉันเคยบอกแล้วไง ว่าฉันจะไม่คบกับคนที่ฉันนอนด้วย เข้าใจไหมคะคนดี เป็นแบบนี้มันดีแล้วล่ะ" ภิญญาพูดพร้อมกับลูบศีรษะกุลสินีอย่างแผ่วเบา เลขาสาวจึงยิ้มกลับไป แต่ในใจเธอกลับรู้สึกเจ็บแปลบ ราวกับมีกระแสไฟฟ้าช็อตที่หัวใจ
'ไม่มีวันที่คุณจะรักฉันได้เลยเหรอคุณอุ่น...ในขณะที่ฉันรู้สึกดีกับคุณมากขึ้นทุกวัน แต่คุณกลับยังยืนอยู่ตรงที่เดิม ไม่เคยก้าวเข้ามาหาฉันเลยสักนิด…'
"วันนี้อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหมกุล"
"ไม่ค่ะ กุลกินอะไรก็ได้ แล้วคุณล่ะคะ อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม"
"อืม...อยากกินเธอล่ะมั้ง"
"เฮ้อ...จริงจังหน่อยได้ไหมคะคุณอุ่น"
"แล้วฉันไม่จริงจังตรงไหน ที่ฉันกินเธอทุกคืน ฉันจริงจังนะ"
"เฮ้อ...เปลี่ยนเรื่องบ้างเถอะค่ะ"
"ฮ่า ๆ ล้อเล่นน่ะ อยากกินสเต็กไหม มีร้านอร่อย ๆ จะพาไป"
"เลิกพากุลไปกินร้านอาหารหรู ๆ สักทีเถอะค่ะคุณอุ่น กุลเกรงใจจนไม่รู้จะเกรงใจยังไงแล้วนะคะ"
"เธอนี่นะ แล้วจะให้ฉันไปนั่งกินอาหารบ้าน ๆ หรือไง"
"ถ้ากินไม่ได้ก็กลับไปกินที่คอนโดแล้วกันค่ะ สั่งแม่บ้านง่ายดี"
"ทำให้กินหน่อยสิ"
"กุลก็ทำเป็นแต่อาหารเดิม ๆ คุณไม่เบื่อเหรอคะ"
"อยากกินไข่ตุ๋นฝีมือเธออีก"
"กุลทำอร่อยเหรอคะ"
"ไม่อร่อย แต่เป็นเมนูเดียวที่เธอทำแล้วฉันพอกินได้ อันอื่นกินไม่ได้เลย ฮ่า ๆ"
"โอ๊ยคุณอุ่น!!! โทรสั่งแม่บ้านเองเลย!!" เลขาสาวถึงกับนั่งกอดอกทำหน้ามุ่ยเมื่อได้ยินคำตอบ ประธานสาวจึงเอื้อมมือมาจับศีรษะเธอโยกไปมาอีกครั้งพร้อมกับลั่นเสียงหัวเราะออกมาไม่หยุด
 
 
 
"กุล...จะไม่ทำให้ฉันกินจริง ๆ เหรอ"
"ก็คุณบอกไม่อร่อยจะให้ทำทำไมล่ะคะ"
"ฉันพูดเล่น! เธอนี่ก็เชื่อคนง่ายจริง!"
"เฮ้อ...กุลจะไปรู้ไหมล่ะคะว่าอันไหนคุณพูดเล่นพูดจริง"
"ฮ่า ๆ เด็กน้อย...ทำไมใสซื่อแบบนี้นะ สรุปทำให้กินได้ยัง"
"ก็ได้ค่ะ ทำให้กินก็ได้" เมื่อพูดจบกุลสินีเดินตรงไปที่ครัว ก่อนจะเปิดตู้เย็นดูวัตถุดิบแล้วเริ่มประกอบอาหารโดยมีประธานสาวนั่งเท้าคางอมยิ้มดูเธออยู่ที่โต๊ะกินข้าวแบบไม่ละสายตา
'เฮ้อ...เด็กน้อย...บอกอะไรก็เชื่อ บอกอะไรก็ฟังแบบนี้สิค่อยน่ารักหน่อย'
"ยิ้มอะไรคะคุณอุ่น"
"เปล๊า"
"เปล่าก็มาช่วยทำสิคะ"
"ฉันบอกตอนไหนว่าจะช่วยทำ"
"เนี่ยไงคะ คุณพูดแล้ว"
"เฮ้ย! อะไรเนี่ย! แบบนี้ก็ได้เหรอ"
"มาหั่นแครอทช่วยเลย"
"ไม่"
"งั้นกุลไม่ทำให้กินนะคะ"
"อ้าว! ทำให้กินหน่อยไม่ได้หรือไงฮะ!?"
"เฮ้อ...รู้แล้วค่ะ กุลแค่อยากรู้ว่าคุณจะมีน้ำใจไหม กุลทำเองได้ค่ะ ไม่ต้องมาช่วยหรอก"
'เฮ้อ...ขอถอนความคิดเมื่อกี้! ประชดเก่ง!' ภิญญาคิดในใจพลางเดินตรงเข้าไปล้างมือที่ครัวพร้อมกับเดินเข้าไปสวมกอดเลขาสาวจากทางด้านหลังแล้วเอื้อมมือมาจับมือของกุลสินีที่กำลังถือมีดหั่นแครอทอยู่ ทำเอาหัวใจเลขาสาวถึงกับเต้นตึกตัก
"ช่วยแบบนี้แล้วกัน"
"คะ...คุณอุ่นคะ! ถ้าจะช่วยแบบนี้ไปนั่งรอเลยค่ะ"
"ไม่…"
'โอ๊ย!! คนฉวยโอกาส!! ทำไมฉันไม่เคยขัดขืนอะไรเขาได้เลยนะ!!'
"วันนี้ไข่ตุ๋นต้องอร่อยเป็นพิเศษแน่เลย"
"ทำไมคะ"
"เพราะฉันจับมือเธอทำไง"
"ยังไงกุลก็เป็นคนปรุงเองอยู่ดี"
"ใส่ใจด้วยนะคะ จะได้อร่อยขึ้น"
"กุลก็ใส่ใจกับทุกอย่างที่ทำนั่นแหละค่ะ คุณอุ่นถอยออกไปก่อนนะคะ กุลทำกับข้าวไม่ถนัด"
"อืม โอเค ๆ จะรอกินฝีมือไข่ตุ๋นที่คุณเลขาคนสวยใส่ใจลงไปนะคะ" ภิญญาพูดจบก็ก้มลงจูบที่บ่าของเลขาสาวอย่างแผ่วเบา ก่อนจะเดินออกมานั่งที่โต๊ะกินข้าวเช่นเดิม กุลสินีเม้มปากตัวเองเอาไว้เพราะหัวใจยังคงเต้นโครมครามไม่หยุดจากการกระทำของอีกคน
'เฮ้อ...นี่เขาจะรู้ตัวไหมนะ ว่าสิ่งที่เขาพูด สิ่งที่เขาทำแต่ละอย่างมันทำให้ฉันหวั่นไหว ทั้ง ๆ ที่ไม่คิดที่จะรักก็อย่ามาทำแบบนี้ได้ไหม บ้าที่สุดเลย…'
ม้า
ไรท์แวะมาคุย~`

“เมื่อก่อนใจร้ายกับเค้าไว้เยอะ ตอนนี้มาอ้อนอะไรคะคุณอุ่น // จ้องเขม็ง...”