แผนเกมรักไม่รู้ลืม (เร็ว ๆ นี้ที่ readAwrite)

แผนเกมรักไม่รู้ลืม (เร็ว ๆ นี้ที่ readAwrite)
ตอนที่ 13 สรุปงาน

เช้าวันรุ่งขึ้น ร่างเปลือยเปล่าภายใต้ผ้าห่มผืนหนาสีขาวยังคงนอนหลับตาพริ้มพร้อมกับสวมกอดร่างหญิงสาวอีกคนเอาไว้แน่น แม้โทรศัพท์มือถือที่มีการตั้งเวลาปลุกเอาไว้จะแจ้งเตือนหลายครั้งแล้ว แต่เธอก็ไม่มีทีท่าว่าจะตื่น คงจะเป็นเพราะเธอต้องคอยตามเอาใจอีกฝ่ายทั้งวัน และบทเพลงเสน่หาในค่ำคืนที่ผ่านทำให้เธออ่อนเพลียจนไม่อยากตื่น
"คุณอุ่นคะ ตื่นได้แล้วค่ะ ไม่ไปทำงานเหรอคะ" เสียงหวานเอ่ยเรียก ก่อนที่จะจับแขนของคนที่นอนกอดร่างเธอจากทางด้านหลังเขย่าเบา ๆ เพื่อปลุกให้ตื่น เพราะใกล้ถึงเวลาทำงานแล้ว แต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะลุกไปอาบน้ำแต่อย่างใด
"อืม...ไม่ล่ะ ฉันบอกทุกคนว่าจะพาเธอไปดูงาน" เสียงพูดแบบงัวเงียเอ่ยบอก เลขาสาวถึงกับถอนหายใจเฮือก
"เฮ้อ...ทำไมคุณไม่มีความรับผิดชอบแบบนี้ล่ะคะ บอกว่าไปดูงาน แต่มานอนกอดกุลอยู่แบบนี้เนี่ยนะคะ"
"อืม...ตื่นเช้ามาก็บ่นให้ฉันฟังเลยหรือไง เมื่อวานฉันอุตส่าห์คอยเอาใจเธอทั้งวันเลยนะ"
"ก็คุณทำผิดนี่คะ แถมวันนี้ยังทำตัวแบบนี้ จะไม่ให้กุลบ่นคุณได้ยังไง ถ้างั้นก็ปล่อยกุลเถอะค่ะ กุลจะไปอาบน้ำแล้วไปทำงาน"
"ไม่เอา...บอกแล้วไงคะว่าจะพาไปดูงาน" เมื่อกุลสินีพยายามที่จะจับแขนที่กำลังสวมกอดเธอออก แต่เรียวแขนกลับกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น จนเจ้าตัวต้องยินยอมและนอนนิ่งให้อีกคนกอดอยู่อย่างนั้น
"คุณอุ่น…"
"อืม...ตัวเธออุ่นจัง อุ่นเหมือนชื่อฉันเลย"
"ตัวคุณก็อุ่นสมชื่อเลยค่ะ"
"ขอนอนกอดแบบนี้ไม่ไปไหนได้ไหม"
"อ้อนอะไรแต่เช้าคะคุณอุ่น ไปหาอะไรกินกันเถอะค่ะ ข้าวเช้าสำคัญนะคะ กุลเห็นคุณกินแต่กาแฟ"
"กินเธอแทนได้หรือเปล่าคนดี"
"เฮ้อ...คนลามก…"
"ฮ่า ๆ วันนี้อยากไปไหนไหม"
"ไม่ค่ะ เจ็บตัวอยู่แบบนี้ยังจะไปไหนได้ล่ะคะ"
"เดี๋ยวฉันคอยดูแลเธอเอง ไปสวนสนุกกัน"
"ไม่ค่ะ! ก็บอกว่าเจ็บอยู่ไงคุณอุ่น กุลเดินไม่ไหวหรอก"



"อ๊าย!! เจ้าหญิง!!!!"
"ไหนบอกว่าเดินไม่ไหวไง!! เฮ้อ!!" ประธานสาวถอนหายใจเฮือกเมื่อเห็นหญิงสาววิ่งไปกอดมาสคอตเจ้าหญิงในการ์ตูนเรื่องโปรดของเธอราวกับว่าไม่มีอาการเจ็บปวดใด ๆ ทั้งสิ้น เธอได้แต่เดินตามต้อย ๆ พร้อมกับสะพายกระเป๋าเจ้าหญิงไว้ข้างหลัง ซึ่งมันคือกระเป๋าที่เลขาสาววิ่งไปซื้อตั้งแต่มาถึง
การมาสวนสนุกในครั้งนี้ ภิญญาสวมชุดสไตล์เกาหลีจนทิ้งภาพท่านประธานบริษัทไปเสียหมด โดยเธอเลือกสวมเสื้อฮู้ดตัวใหญ่สีดำ กางเกงสีครีมขายาวแบบพับขาขึ้น รองเท้าผ้าใบสีขาวเพื่อให้เดินได้อย่างกระฉับกระเฉง พร้อมกับหมวกแก๊ปและแว่นตากันแดด ส่วนกุลสินี สวมเสื้อฮู้ดตัวเล็กสีขาว ที่ประธานสาวซื้อให้ใส่คู่กัน พร้อมกับกางเกงขาสั้นสีดำ รองเท้าผ้าใบสีขาว กับหมวกแก๊ปและแว่นตากันแดดด้วยเช่นกัน
"อุ่น!! ถ่ายรูปให้กุลหน่อย!! " กุลสินีหันมากวักมือเรียกประธานสาวที่ยืนอมยิ้มดูเธอกอดตุ๊กตามาสคอตอยู่อย่างนั้น ก่อนจะเดินเข้าไปแล้วล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาถ่ายรูปให้อย่างว่าง่าย


30 นาทีก่อน
"ว้าว!!! สวนสนุก!!! ตั้งแต่เกิดมากุลเคยมาแค่ครั้งเดียวเองค่ะคุณอุ่น!!" เมื่อรถเก๋งสีขาวมาจอดที่ลานจอดรถ กุลสินีแสดงท่าทีตื่นเต้นราวกับเด็ก ๆ จนคนที่พามาถึงกับส่ายศีรษะไปมาอย่างนึกเอ็นดู ในขณะที่เลขาสาวกำลังจะเปิดประตูลงจากรถ ภิญญาก็รีบคว้าข้อมือเอาไว้เสียก่อน
"เดี๋ยว!!!"
"อ๊ะ!! คะ!?"
"ก่อนลงไป มีกฏอยู่สามข้อ!!"
"เอ่อ...จะมาสวนสนุกทั้งที ทำไมต้องมีกฎล่ะคะคุณอุ่น"
"ทำตามเถอะน่า เธอไม่มีสิทธิ์ขัดคำสั่ง!!"
"เข้าใจแล้วค่ะ" เลขาสาวถึงกับนั่งหงอยทันทีเมื่ออีกคนทำเสียงดุดันใส่เธอ
"หนึ่ง...เธอต้องเรียกชื่อฉันว่าอุ่นเฉย ๆ ไม่ต้องเรียกคุณนำหน้า อย่าให้ใครรู้ว่าฉันเป็นใคร ไม่ต้องพยายามให้เกียรติฉัน ทำตัวตามสบาย เหมือนมาเที่ยวกับแฟน เพราะฉันซื้อเสื้อคู่ให้ใส่แล้ว สอง...พยายามอยู่ใกล้ ๆ ฉันตลอด ห้ามหลุดพ้นจากสายตาฉันเด็ดขาด สาม...มีความสุข และสนุกให้เต็มที่ ทำได้ใช่ไหม"
"เอ๊ะ!? กฎอะไรของคุณคะเนี่ย!!" เมื่อได้ยินกฎสามข้อ กุลสินีถึงกับคิ้วขมวด กฎแบบนี้มันไม่น่าจะออกมาจากปากของประธานสาวที่เคร่งครัดได้เลยจริง ๆ แต่อีกคนกลับเลิกคิ้วเป็นเชิงถามแทนการให้คำตอบ
"ว่าไง ทำได้ใช่ไหม"
"เอ่อ...เข้าใจแล้วค่ะ ที่ต้องยืมรถคุณกานต์ดามา เพราะหน้าที่การงานและชื่อเสียงของคุณ คุณกลัวตกเป็นข่าวใช่ไหมคะ"
"อืม"
"รับทราบค่ะคุณอุ่น"
"หืม?"
"ให้เริ่มตั้งแต่ตอนนี้เลยเหรอคะ"
"อืม"
"เอ่อ...เข้าใจแล้วค่ะ...อุ่น"
"ดีมากเด็กดี อะนี่หมวก ใส่ไว้" ภิญญาไม่ว่าเปล่า เธอตอบรับก่อนจะโน้มตัวไปหยิบหมวกที่วางเอาไว้ที่เบาะหลังมาสวมให้เลขาสาวพร้อมกับอมยิ้มอยู่อย่างนั้นราวคนอารมณ์ดี การกระทำแบบนี้ของเธอทำให้กุลสินีถึงกับงงหนักเข้าไปอีก
'อะไรของเขานะ วันนี้มาไม้ไหนอีกเนี่ย...แต่ก็ช่างเถอะ ได้มาสวนสนุกทั้งที ฉันจะเต็มที่ให้สุด ๆ ไปเลย!!!'



หลังจากที่ทั้งสองเล่นเครื่องเล่นกันอย่างเต็มที่ทั้งวันแล้ว ภิญญาเดินมาทิ้งตัวลงที่ม้านั่งพร้อมกับถอนหายใจเฮือกด้วยความเหนื่อยล้า ใครจะไปคาดคิดว่าเลขาสาวจะพลังเหลือล้นได้ถึงเพียงนี้ เพราะดู ๆ แล้วเธอไม่เหน็ดเหนื่อยแม้แต่น้อย ทั้งที่วิ่งแจ้นไปที่นั่นที ที่โน่นทีตลอดทั้งวัน ผิดกับเธอที่เพียงแค่สะพายกระเป๋าเดินตามก็หมดแรงแล้ว
"เฮ้อ...เหนื่อยชะมัด!!!"
"เหนื่อยแล้วเหรอคะคุณอุ่น" เลขาสาวเดินมานั่งลงข้าง ๆ พร้อมกับจับแขนของเธอเอาไว้ และใช้มืออีกข้างหยิบหมวกมาพัดให้ ภิญญาจึงรีบคว้าหมวกจากมือเธอแล้วสวมคืนให้ทันที
"ใส่ไว้มันร้อน! แล้วกฎข้อที่หนึ่ง ลืมแล้วหรือไง"
"เอ่อ...อืม...ไหวไหมอุ่น"
"ไหว...แต่ขอพักก่อนนะ วิ่งเร็วแบบนั้นใครจะตามทัน อุ่นอายุเยอะแล้วนะกุล"
"28 เอง ไม่เยอะหรอกน่า"
"เฮ้อ...28 ก็เกือบจะ 30 แล้วนะ แล้วอยากเล่นเครื่องเล่นไหนอีกไหม ให้เป็นที่สุดท้ายแล้วนะ นี่ก็เริ่มเย็นแล้ว"
"อยากเข้าบ้านผีสิง"
"ฮะ!! อุ่นไม่เข้านะ!!!"
"ไหนว่าไม่ให้กุลพ้นสายตาอุ่นไง อุ่นต้องเข้าไปด้วยสิ น้า…พากุลเข้าไปหน่อยนะคะ" เมื่อกุลสินีทำเสียงออดอ้อนแล้วดึงแว่นลงให้เห็นแววตาของเธอ ภิญญาจึงรีบเบือนหน้าหนีทันที
'บ้าเอ๊ย!! อย่ามาทำท่าทางน่ารักแบบนี้นะ เดี๋ยวก็อดใจไม่ไหวหรอก!!' ภิญญาคิดในใจ
"โอเค ๆ ไปก็ไป แต่อย่ามาร้องไห้กอดอุ่นก็แล้วกัน"


30 นาทีผ่านไป
"กรี๊ด!!!!!"
"อุ่น!! อย่าจิกแขนกุลสิ!! เจ็บนะ!!!"
"เมื่อกี้ผีโผล่อะ!!!" ภิญญาจิกที่แขนของกุลสินีแน่นพร้อมกับกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ เธอมีท่าทีหวาดกลัวจนอีกคนกลั้นขำเอาไว้ไม่ไหว
"ฮ่า ๆ ๆ ๆ อุ่น! โธ่เอ๊ย นึกว่าจะเก่ง!"
"ก็มันตกใจนี่!! รีบเดินเร็ว ๆ อยากออกไปแล้ว!"
"อุ่น! อย่าดัน!!"
"เร็วสิกุล!!"
"กรี๊ด!!!"
"กรี๊ด!!!!" เมื่อกุลสินีแกล้งร้องออกมา ภิญญาก็ร้องตามเธอทันทีทั้ง ๆ ที่ยังหลับตาปี๋จนไม่เห็นอะไรด้วยซ้ำ
"ฮ่า ๆ ๆ โอ๊ย ฮ่า ๆ ๆ"
"กุล!! แกล้งอุ่นเหรอ!!"
"ฮ่า ๆ ๆ กลัวก็บอกว่ากลัวสิอุ่น ไม่เห็นต้องปากแข็งเลย กุลก็กลัว แต่มาเห็นอุ่นกลัวกว่าแบบนี้ กุลเลยต้องเป็นผู้นำเลยเนี่ยเห็นไหม ฮ่า ๆ"
"เฮ้อ!! กลัวแล้วไง ก็บอกแล้วไงว่าไม่อยากเข้ามา รีบพาออกไปสักทีเถอะ"
"โอเค ๆ เกาะไว้แน่น ๆ นะคะ"
"อืม…" ภิญญากอดกุลสินีเอาไว้แน่น โดยที่มือทั้งสองข้างประสานกันบริเวณหน้าท้อง พร้อมกับซบลงที่แผ่นหลังของเลขาสาวเดินไปตามทางอย่างทุลักทุเล เพราะบริเวณทางเดินนั้นมืดมาก อาศัยแค่เพียงแสงไฟเพียงน้อยนิดเท่านั้น
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความตื่นเต้น ความกลัว หรือความตื่นตระหนก ที่ทำให้หัวใจของกุลสินีเต้นแรงจนเธอแทบจะก้าวขาไม่ออก และรู้สึกว่าหายใจไม่สะดวกเอาเสียเลย ยิ่งอีกคนกอดเธอแน่นเท่าไหร่ หัวใจพลันเต้นโครมครามหนักขึ้นเท่านั้น
'ความรู้สึกหวิว ๆ แบบนี้...มันคืออะไรนะ' ขณะที่คิดหาคำตอบอยู่นั้น จู่ ๆ เธอก็หยุดเดินเพราะความสับสนอลหม่านภายใจทำให้การสั่งการของสมองหยุดลงไปชั่วขณะ
"หยุดเดินทำไมเหรอกุล!! ผีอยู่ข้างหน้าเหรอ!!!" 
"คุณอุ่นปล่อยกุลหน่อยได้ไหมคะ กุลหายใจไม่ออก
"ไม่ ถ้าฉันปล่อยเธอ เธอก็จะทิ้งฉันไว้ในนี้น่ะสิ"
"กุลจะทิ้งคุณไปไหนได้ล่ะคะ เราก็เข้ามาด้วยกัน"
"ไม่หนีแน่นะ"
"ค่ะภิญญายอมคลายอ้อมกอดอย่างว่าง่าย และเธอไม่ลืมที่จะควานหามือของเลขาสาวทั้งที่ยังคงหลับตาอยู่อย่างนั้น ภายในบ้านผีสิงเงียบสงัด แต่เพราะเป็นจุดพักก่อนถึงทางออก จึงทำให้มีแสงสลัว ๆ พอให้มองเห็นกันได้ ซึ่งกุลสินีหันกลับมามองคนตรงหน้าที่วันนี้ไม่เหลือภาพลักษณ์ประธานบริษัทจึงทำให้ดูแปลกตาไปจากเดิม ก่อนจะเอ่ยเรียกอย่างแผ่วเบา
"คุณอุ่น…"
"หือ?
เพราะคนตรงหน้าไม่ได้อยู่ในคราบประธานใจร้ายหรืออย่างไร ถึงทำให้เลขาสาวโน้มตัวเข้าไปประทับริมฝีปากเข้าด้วยกันอย่างแผ่วเบาราวกับถูกสะกด หรือเพราะตอนนี้สติของเธอเลือนรางเกินกว่าจะรู้ตัวว่ากำลังทำอะไรลงไป ยิ่งบริเวณโดยรอบเงียบสงัด มันยิ่งทำให้เธอได้ยินเพียงแค่เสียงหัวใจของตัวเองที่กำลังเต้นโครมครามจนดังก้องอยู่ในโสตประสาท ทว่าขณะที่ทั้งสองเปิดปากตอบรับจูบกันอยู่นั้น ประธานสาวเคลิบเคลิ้มจนเผลอบีบข้อมือของเลขาสาวแน่นขึ้น จนเจ้าตัวสะดุ้งเฮือก เมื่อสติคืนกลับมา กุลสินีจึงผลักร่างของอีกคนออก ก่อนจะรีบวิ่งหนีออกไปทันที
"กุล!!! รอด้วย!!!"
'บ้าเอ๊ย!!! นี่ฉันทำอะไรลงไป!! ฉันจูบเขาทำไมเนี่ย!!' กุลสินีวิ่งไปตามทางด้วยความสับสนพร้อมกับกุมที่หน้าอกตัวเองเอาไว้ เพราะหัวใจเธอกำลังเต้นโครมครามจากการเผลอทำอะไรลงไปแบบไม่รู้ตัว ส่วนภิญญาก็พยายามวิ่งตามเธอออกมาพร้อมกับรีบโทรศัพท์หาลูกน้องอย่างร้อนรน
"ฮัลโหลกรรชัย! ไปลบไฟล์กล้องวงจรปิด ในบ้านผีสิงให้ฉันด่วน!!"
"ผมอยู่ในห้องกล้องวรจรแล้วครับ กำลังลบครับคุณภิญญา"
"อืม! ดีมาก!!"
'เฮ้อ...อยู่ดี ๆ ก็มาจูบกันดื้อ ๆ ถ้าใครมาเห็นเข้าจะทำยังไง เด็กดื้อเอ๊ย!!'


ระหว่างทางกลับคอนโดมิเนียมทั้งสองนั่งเงียบไม่พูดอะไรออกมาสักคำ มีแค่เพียงเสียงเพลงที่ดังภายในรถเท่านั้น กุลสินีนั่งบีบมือตัวเองแน่นพร้อมกับเม้มปากตัวเองเอาไว้ด้วยความกังวล
'คุณอุ่นต้องโกรธฉันแน่ ๆ ที่ฉันไปจูบเขาแบบนั้น แม้แต่ตัวยังไม่เคยให้สัมผัส เฮ้อ...ฉันจะทำยังไงดี วันนี้จะถูกทำโทษอีกไหมนะ วันนี้ฉันปล่อยให้เขาสะพายกระเป๋าให้ เล่นเครื่องเล่นทุกอย่างที่ฉันอยากเล่น แถมยังวิ่งตามฉันทั้งวันอีก นี่ฉันทำอะไรลงไปเนี่ย ฮือ ๆ' กุลสินีคิดในใจ
'เธอเป็นอะไรของเธอเนี่ยกุลสินี...ทำไมจูบฉันแล้วไม่พูดกับฉันอีกเลยล่ะ เธอโกรธอะไรฉันหรือเปล่านะ…' ภิญญาคิดในใจ


เมื่อรถเก๋งสีขาวเข้ามาจอดที่ลานจอดรถคอนโดมิเนียม กุลสินีก็รีบเปิดประตูรถแล้ววิ่งขึ้นห้องไปทันที ส่วนภิญญาเดินถือกุญแจรถไปคืนให้กานต์ดาที่เคาน์เตอร์ด้วยความสับสนไม่ต่างกัน
"ขอบคุณนะพี่ไอ"
"เธอไปรังแกอะไรเขาอีกแล้วเนี่ยอุ่น!!"
"เปล่าซะหน่อย"
"ถ้าเปล่าแล้วทำไมกุลวิ่งหนีไปแบบนั้นล่ะ!!?"
"ไม่รู้สิคะ พอเขาจูบอุ่นเขาก็ไม่พูดไม่จาอะไรเลย แล้วก็เป็นอย่างที่เห็นนี่แหละ"
"ฮะ!!? จูบเธอ? กุลเนี่ยนะจูบเธอ"
"อืม...เขาโกรธอะไรอุ่นหรือเปล่าก็ไม่รู้ อยู่ดี ๆ ก็มาจูบ แล้วอยู่ดี ๆ ก็เงียบใส่"
'โอ๊ย...ทำไมเธอถึงโง่แบบนี้นะอุ่น กุลกลัวว่าเธอจะรู้ไงว่าเขารู้สึกยังไงกับเธอ!!!' กานต์ดาคิดในใจ
"แล้ววันนี้จะกลับบ้านไหม เมื่อคืนก็ไม่กลับ"
"ยังก่อน ขอไปเคลียร์กับกุลให้รู้เรื่องก่อน"
"อย่ารุนแรง!!!"
"รู้แล้วน่า…"



"กุลสินี"
"อ๊ะ!!! คุณอุ่น!! ยังไม่กลับเหรอคะ!!?" เมื่อประธานสาวเปิดประตูเข้ามาในห้อง กุลสินีที่นอนหันหลังอยู่บนเตียงก็ลุกขึ้นพรวดทันทีเมื่อได้ยินเสียงเรียกของอีกคน
'ตายแน่...ฉันตายแน่ ๆ จะทำยังไงดี คิดสิกุล!...เขาต้องมาทำโทษฉันแน่ ๆ'
"เหนื่อยเหรอคะ" เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่ถามแบบอ่อนโยน กุลสินีถึงกับคิ้วขมวด ทั้งที่ก่อนหน้านี้เธอเอาแต่คิดมากและกระวนกระวายใจมาตลอดทางว่าจะถูกทำโทษแท้ ๆ
"เอ่อ...นิดหน่อยค่ะ"
"ไม่เหนื่อยสิแปลก วิ่งแจ้นทั้งวันขนาดนั้น ไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนหืม?"
"ขอโทษนะคะคุณอุ่น ที่ปล่อยให้คุณต้องสะพายกระเป๋าให้ทั้งวัน แถมยังต้องตามใจกุลทั้งวันอีก ขอโทษจริง ๆ นะคะ"
"ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรเธอสักหน่อย ไปอาบน้ำกันเถอะ"
"คะ!?"
"ตกใจอะไร เหนื่อยมาทั้งวัน ก็ต้องอาบน้ำสิ จะได้สดชื่น" ภิญญาพูดพลางดึงมือของอีกคนให้ลุกขึ้นแล้วจูงเข้าไปในห้องน้ำ ซึ่งอีกคนก็เดินตามแรงจูงอย่างว่าง่ายเพราะกลัวว่าจะต้องถูกลงโทษ
ภิญญาเดินไปเปิดน้ำอุ่นที่อ่างอาบน้ำเอาไว้ ก่อนจะถอนผ้าคลุมอาบน้ำของตนออก กุลสินีที่เปลื้องผ้ารอก่อนแล้วจึงเบือนหน้าหนีด้วยความเขินอาย เพราะเธอไม่ชินเลยจริง ๆ กับเรือนร่างอันงดงามไร้ที่ติแบบนี้
"มาลงอ่างได้แล้วกุล"
"เอ๊ะ!? จะอาบให้กุลเหรอคะ"
"อืม…" กุลสินีก้าวขาลงอ่างอาบน้ำอย่างว่าง่าย ก่อนจะนั่งลงและยังคงใช้มือปิดหน้าอกของตัวเองเอาไว้อยู่อย่างนั้น ภิญญาจึงนั่งลงที่ขอบอ่างแล้วเอื้อมไปปิดน้ำ พร้อมกับกวักน้ำลูบที่ตัวของเลขาสาวอย่างแผ่วเบา
'อะไรของเขาเนี่ย...นี่เขาไม่ได้จะลงโทษฉันเหรอ'
"เธอโกรธอะไรฉันหรือเปล่ากุล"
"เอ๊ะ!? เปล่านะคะ!"
"แล้วทำไมเธอถึงไม่คุยกับฉัน"
"กุลสิคะ ที่คิดว่าคุณโกรธ ที่กุลเอาแต่ใจทั้งวันแบบนี้ แถมกุลยัง…เอ่อ...จูบคุณอีก"
"แล้ววันนี้...ทำไมเธอถึงจูบฉันล่ะ"
"เอ่อ...กุลก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ อารมณ์มันพาไป ขอโทษนะคะที่ทำให้คุณไม่พอใจ"
"ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย แต่ครั้งหน้าอย่าจูบอยู่บ้านผีสิงนะ ไม่โรแมนติกเลย กลัวก็กลัว"
"ขอโทษนะคะ"
"อืม...ช่างเถอะ" เมื่อพูดจบ ประธานสาวก็ก้าวขาลงอ่างอาบน้ำช้า ๆ จนอีกคนรีบเบือนหน้าหนีทันที ใบหน้าของเลขาสาวแดงก่ำ จนไม่สามารถเก็บอาการเขินอายได้ มือเรียวทั้งสองจึงประคองใบหน้าให้หันกลับมาช้า ๆ จนกุลสินีต้องรีบหลับตาปี๋
"อ๊ะ!! ทำอะไรคะคุณอุ่น!!?"
"ลืมตาขึ้นคนดี แล้วมองหน้าฉัน"
"แต่คุณโป๊อยู่นะคะ"
"เห็นบ่อยแล้วยังไม่ชินหรือไงหืม? ลืมตาสิคะ" กุลสินีหรี่ตาขึ้นช้า ๆ แล้วรีบเหลือบสายตาไปทางอื่นเพราะตอนนี้หัวใจเธอเต้นแรงและรัวราวกับเสียงกลอง
"สบตาฉัน"
"ค่ะ…" แม้อีกคนจะใช้น้ำเสียงอ่อนโยนแค่ไหน แต่กุลสินีก็ทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย ดวงตาของทั้งสองจ้องมองประสานกัน จนเลขาสาวถึงกับกลืนน้ำลายดังอึก เธอไม่ควรรู้สึกหวามไหวกับคนตรงหน้าเลยแท้ ๆ แต่วันนี้เหมือนร่างกายของเธอจะขัดคำสั่งเสียทุกอย่าง ตั้งแต่เผลอจูบประธานสาวที่บ้านผีสิงแล้ว จนตอนนี้...เธอรู้สึกโหยหาการสัมผัสจนแทบจะควบคุมสติตัวเองไม่อยู่ อยากให้มือเรียวคู่นั้นของประธานสาวสัมผัสที่เรือนร่างของเธอเหลือเกิน แต่อีกความคิดหนึ่งกลับตีรวนสวนทางกัน ว่ามันไม่ควรที่จะเป็นแบบนี้
'ไม่นะกุล...ไม่นะ...แกจะมีอารมณ์แบบนี้ไม่ได้นะ...'
"ถ้าอยากจูบฉัน...ก็จูบฉันตอนนี้สิ ตอนนี้ฉันอยู่ต่อหน้าเธอแล้วนะ แล้วตอนนี้ฉันก็ไม่กลัวด้วย"
"ตะ...แต่ว่า คุณอุ่นคะ กุลไม่กล้าหรอกค่ะ"
"ทีตอนนั้นเธอยังกล้าเลย"
"ตอนนั้น...ความกลัวมันทำให้กุลเผลอตัวมั้งคะ"
"อืม...งั้นก็ลองจูบฉันแบบที่เธอไม่เผลอตัวดูสิกุล"
"เอ่อ…"
"เข้ามาหาฉันคนดี...เข้ามาใกล้ ๆ แล้วจูบฉัน" ยิ่งภิญญาใช้น้ำเสียงและแววตาที่อ่อนโยนมากเท่าไหร่ หัวใจของกุลสินียิ่งเต้นแรงมากเท่านั้น
'อะไรกัน...นี่เขาเรียกร้องจูบจากฉันงั้นเหรอ...ทำไมวันนี้คุณถึงอ่อนโยนแบบนี้นะ...คุณกำลังทำฉันสับสนไปหมดนะรู้ตัวไหม' กุลสินีคิดในใจพลางโน้มตัวเข้าไปใกล้อีกคนช้า ๆ ดวงตาของทั้งสองค่อย ๆ ปิดลงก่อนที่จะได้รับสัมผัสริมฝีปากนุ่มและลมหายใจอุ่น ๆ ของกันและกัน ริมฝีปากเริ่มเปิดออกรับกันช้า ๆ พร้อมกับลิ้นที่ตวัดทักทายภายในอย่างเคลิบเคลิ้ม
'ทำไม...รู้สึกดีแบบนี้นะ…' สิ้นเสียงคิดภิญญาก็เร่งจังหวะจูบขึ้นอย่างดูดดื่มจนทั้งสองเริ่มหายใจติดขัด พร้อมกับดึงร่างของเลขาสาวขึ้นมานั่งคร่อมบนตักของเธอ กุลสินีจึงประคองศีรษะของภิญญาให้เอนหนุนกับขอบอ่างอาบน้ำช้า ๆ ก่อนจะเร่งจังหวะจูบอย่างดูดดื่มอย่างที่ใจต้องการ เธอไม่อาจต้านทานความโหยหาได้เลยจริง ๆ
"อืม…" ความหวามไหวที่ก่อตัวขึ้นนั้น ทำให้เลขาสาวอยากครอบครองเรือนร่างตรงหน้าเหลือเกิน เธอก้มลงซุกไซ้ที่ต้นคอระหงจนเจ้าตัวแหงนหน้ารับ ทว่าทุกอย่างก็หยุดชะงักอยู่เพียงแค่นั้น เพราะประธานสาวจับหมับที่ต้นแขนทั้งสองข้างและดันร่างที่คร่อมอยู่บนตักให้ผละออก
"กุล...เดี๋ยวก่อน...ได้เวลาสรุปงานแล้ว" ภิญญาเอื้อมมือมาประคองใบหน้าเลขาสาวเอาไว้ เพื่อหยุดการกระทำเมื่อสักครู่ แต่ดวงตาของทั้งสองเรียกร้องและโหยหากันและกัน พร้อมกับลมหายใจหอบถี่ของทั้งคู่ กุลสินีจึงเม้มริมฝีปากของตัวเองเอาไว้เพื่อข่มอารมณ์ของตัวเอง และพยายามเรียกสติให้กลับมาตั้งใจฟังอีกคนพูด
"สรุปงานอะไรคะ…"
"ไปดูงานวันนี้ไง"
"คือยังไงคะ...กุลไม่เข้าใจ" เลขาสาวทำหน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยความสงสัย ภิญญาจึงจับประคับร่างของอีกคนให้ไปนั่งที่ขอบอ่างอาบน้ำแล้วดันให้แผ่นหลังพิงกับผนังเอาไว้ ก่อนจะค่อย ๆ นั่งคุกเข่าลงในอ่างอาบน้ำแล้วจับขาทั้งสองข้างแยกออกจากกันช้า ๆ
"ถ้าวันนี้เธอสนุก ให้เรียกชื่อฉัน...ถ้าวันนี้เธอมีความสุข ให้ครางออกมาดัง ๆ ยิ่งดังมากแค่ไหน เท่ากับว่า เธอมีความสุขมากเท่านั้น นี่แหละ...การสรุปงานของเธอ" เมื่อพูดจบภิญญาก็ก้มลงโลมเลียความสาวของอีกคนทันทีโดยไม่พูดพร่ำทำเพลงใด ๆ จนสะโพกแอ่นลอยพร้อม ๆ กับเสียงครางกระเส่า มือทั้งสองข้างของกุลสีนีพยายามควานหาที่ยึดเกาะแต่กลับมีแค่เพียงขอบอ่างที่เธอสามารถเกาะเอาไว้
"อือ...อา..." 
"มีความสุขแค่นี้เองเหรอคนดี" ภิญญาไม่ว่าเปล่า เธอเร่งจังหวะเลียให้เร็วและดูดดื่มขึ้นอีกจนในที่สุดกุลสินีก็ลั่นเสียงครางออกมาจนดังไปทั่วบริเวณ ก่อนที่เธอจะจับหมับที่ศีรษะและขยุ้มผมของประธานสาวเอาไว้
"ฮือ...ฮือ...อ๊า!!! คุณอุ่นคะ...ซี๊ด!! อ๊า!!!"
"อืม…"
"คุณอุ่น...อ๊า...อ๊าย!!! อย่าดูดแรงสิคะ อื๊อ!!! ฮือ ๆ"
"เจ็บเหรอ"
"อ๊า! มันเสียวค่ะ อื๊อ!!!! ..."



"ไหนดูซิ วันนี้เด็กหญิงกุลสินีซื้ออะไรไว้บ้างน้า...กระเป๋าถึงได้หนักขนาดนี้" ภิญญาพูดด้วยท่าทางราวกับเด็ก สวนทางกับอายุเป็นไหน ๆ พลางเปิดซิปกระเป๋าสะพายรูปเจ้าหญิงจากการ์ตูนเรื่องโปรดที่กุลสินีซื้อเอาไว้ กุลสินีที่นั่งทับส้นมองเธออยู่ข้าง ๆ จึงมีท่าทีราวกับเด็กนั่งสำนึกผิด
"กระบอกน้ำเจ้าหญิง แก้วน้ำเจ้าหญิง พวงกุญแจเจ้าหญิง หมวกเจ้าหญิง ขวดน้ำเปล่าลายเจ้าหญิงก็ยังซื้อมาเหรอกุล!!" ภิญญาหยิบของออกจากกระเป๋าทีละอย่าง อีกคนก็ได้แต่นั่งกะพริบตาปริบ ๆ ดูเท่านั้นพร้อมกับยิ้มเจื่อน ๆ ออกมา
"แฮะ ๆ"
"ทำไมซื้อมาเยอะแยะแบบนี้น่ะฮะ!?"
"ก็คุณอุ่นให้เงินติดตัวไว้ตั้งพันนึง กุลอดใจไม่ได้นี่นา ก็เลยซื้อมา แฮะ ๆ"
"แล้วตุ๊กตา กับพวงกุญแจพวกนี้ซื้อมาอะไรเยอะแยะ จะเอาไปแจกใคร"
"เปล่าค่ะ กุลอยากได้"
"กุล!!! ตอนฉันจะซื้อของจำเป็นให้ทำไมไม่เอา ทีของไร้สาระแบบนี้ทำไมถึงกล้าซื้อ!!?"
"ขอโทษค่ะ…" เมื่อประธานสาวทำเสียงดุใส่ กุลสินีถึงกับหงอยทันที ก่อนที่ภิญญาจะหยิบของทั้งหมดที่ซื้อมาเก็บกลับเข้าไปในกระเป๋าดังเดิม
"ไหนบอกซิ อยากได้มากไหม อยากได้มากแค่ไหน"
"ตอนนั้นก็มากค่ะ แต่ตอนซื้อมาแล้วไม่ได้ใช้ เลยรู้สึกว่าไม่อยากได้แล้วค่ะ แฮะ ๆ"
"เฮ้อ…ว่าแล้วเชียว งั้นตามฉันมา"
"ไปไหนคะ"
"เถอะน่า" ประธานสาวสะพายกระเป๋าแล้วเดินนำออกไปจากห้อง กุลสินีจึงได้แต่รีบวิ่งตามไปแม้ไม่รู้ว่าอีกคนจะพาไปไหนก็ตาม เมื่อเดินลงมาถึงบริเวณล็อบบี้คอนโดมิเนียม ประธานสาวจึงเรียกแม่บ้านให้เดินเข้ามาหาเธอก่อนจะยื่นกระเป๋าสะพายให้
"ให้ฉันเหรอคะคุณหนู"
"เอาไปให้ลูกนะคะ วัยกำลังโตเลย คงชอบของพวกนี้"
"ขอบคุณนะคะคุณหนู ขอบคุณมากจริง ๆ ค่ะ"
"ไม่เป็นไรค่ะ คนที่ให้คือเขาต่างหาก" ภิญญาพูดพลางหันหน้ามาทางเลขาสาวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ แม่บ้านจึงหันมายกมือไหว้ขอบคุณเธอยกใหญ่ กุลสินีจึงโผเข้าไปคว้ามือแม่บ้านทันที
"ขอบคุณมากเลยนะคะ ขอบคุณจริง ๆ ค่ะ หนูเป็นคนดีมากเลย"
"เปล่านะคะ! อย่าไหว้ฉันสิคะ คุณภิญญาซื้อมาต่างหากค่ะ ไม่ใช่เงินของฉัน"
"รีบ ๆ รับไปเถอะค่ะ ขาดเหลืออะไรก็บอกฉันได้นะคะ ป้าไปทำงานเถอะ"
"ขอบคุณอีกครั้งนะคะคุณหนู" กุลสินีได้แต่ยืนยิ้มที่เห็นประธานสาวที่เปลี่ยนจากคนใจร้ายเป็นคนที่มีเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ก่อนจะหันไปยิ้มให้กับแม่บ้านแล้วโค้งตัวให้เมื่อเธอเดินจากไป
"ปะ กลับขึ้นห้องกันเถอะ"
"เอ๊ะ!? คุณไม่กลับบ้านเหรอคะคุณอุ่น"
"อยากให้ฉันกลับขนาดนั้นเลยหรือไง"
"เปล่าค่ะ ก็วันนี้ไม่ใช่วันเสาร์นี่คะ"
"ไม่ใช่วันเสาร์แล้วฉันจะมาค้างที่นี่ไม่ได้เหรอ!?"
"เอ่อ...ได้สิคะ ก็มันห้องของคุณนี่คะ"
"ปวดไหล่จะแย่!! สะพายกระเป๋าบ้านั่นทั้งวัน ขึ้นไปนวดให้ฉันเดี๋ยวนี้!!"
"เอ่อ…"
"เร็วสิ!!!"
"ค่ะ!"
'คุณก็เป็นคนดีเหมือนกันนี่นาคุณอุ่น...แล้วทำไมถึงได้ใจร้ายแค่กับฉันนะ เฮ้อ…'
ม้า
ไรท์แวะมาคุย~`

“คุณอุ่นของเราปากแข็งจริง ๆ นอกจากจะไม่รู้ใจตัวเองแล้ว ยังไม่สังเกตคนใกล้ตัวอีกว่ารู้สึกยังไง น่าลงโทษซะจริงเลยเชียววว ฮืมมมม!”