เพียงกระซิบ

เพียงกระซิบ
ตอนที่ 30 เพียงกระซิบ (จบ)

ในเช้าวันถัดมาที่หญิงสาวหน้าดุควรจะตื่นเต้นกับการเริ่มงานใหม่เป็นวันแรก แต่เธอกลับตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกที่หนักอึ้ง เพราะเหตุการณ์ในวันก่อนมันยังติดตามเป็นภาพหลอน แม้ข่มตาหลับก็ยังฝันถึงการจากลา ก็เธอยังไม่ได้เอ่ยคำลาสักประโยคเลยน่ะสิ แม้แต่คำว่ารักเธอก็ยังไม่ได้บอกอีกฝ่าย เพราะมัวแต่ใจหายกับการที่จะต้องแยกย้ายกันไปเติบโตโดยที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว ทำให้เธอนึกเสียใจ
ตอนที่มีโอกาสพูด แต่เธอกลับไม่ได้พูดออกไป...
เธอทำได้เพียงนอนมองเพดานห้องและฟังเสียงพัดลมตั้งพื้นเครื่องเก่าที่กำลังหมุนไปทางคนเป็นแม่ที่กำลังนอนหลับอยู่บนฟูก สลับกับหันมาทางเธอที่นอนอยู่บนพื้นโดยอาศัยเบาะรองบาง ๆ ก่อนเธอจะลุกขึ้นมาปิดเสียงนาฬิกาปลุกเอาไว้ 
ใช่...เธอกังวลและนึกเสียดายจนตื่นก่อนนาฬิกาปลุกเสียอีก แต่ตอนนี้มันก็ทำให้เธอรู้และเข้าใจอะไรบางอย่าง ว่าเธอยังไม่โตพอที่จะรักษาใครสักคนได้
เมื่อมีโอกาสพูดจงพูด เมื่อมีโอกาสฟัง จงฟัง เพราะว่าบางที...โอกาสอาจจะไม่วนกลับมาอีกแล้ว และมันจะทำให้เธอต้องเสียใจไปตลอดชีวิตก็เป็นได้
"ทำไมตื่นเร็วจังล่ะ ตื่นเต้นเหรอ" เสียงงัวเงียเอ่ยถาม หลงจึงหันไปตามต้นตอของเสียง 
"คงงั้นมั้งคะ..." หลงตอบพลางกับมองคนเป็นแม่ที่ยังคงนอนมองเพดานในสภาพที่ไม่ต่างกันเท่าไรนัก 
"ทะเลาะกับหนูซอลเหรอ เมื่อวานแม่เห็นว่าออกไปข้างนอกพร้อมกัน แต่หลงกลับเดินเข้าบ้านแค่คนเดียว" หลงชะงักเล็กน้อย
"เอ่อ...ก็ไม่เชิงว่าทะเลาะหรอกแม่ พอดีว่าพี่ซอลกลับไปนอนที่คอนโดน่ะ"
"อืม..."
"น้องหลงอาบน้ำไปทำงานก่อนนะ"
"อาบน้ำให้แม่หน่อยสิ แม่ก็ต้องไปเหมือนกัน"
"หือ? แม่จะไปไหน"
"แม่จะไปเป็นพี่เลี้ยงลูกจ๋า" สิ่งที่ได้ยินทำเอาลูกสาวถึงกับคิ้วขมวด
"เดี๋ยวนะ นี่แม่จะตามติดน้องขนาดนั้นเลยเหรอ น้องลูกจ๋าไปอยู่กับคุณมีคุณปราณแล้วก็ให้เป็นหน้าที่เขาเถอะแม่"
"ไม่ใช่เถอะ! ก็คุณสายป่านเมียของคุณโดอะไรนั่นน่ะ เป็นผู้อำนวยการโรงเรียนไง แม่ก็เลยขอไปทำงานเป็นพี่เลี้ยงเด็ก แล้วเขาก็รับแม่แล้วด้วย" เธอพูดพร้อมกับยิ้มร่า แต่มันกลับทำให้หลงประหลาดใจหนักขึ้นเป็นเท่าตัว
"ฮะ!? แม่เนี่ยนะ จะไปเป็นพี่เลี้ยงเด็ก"
"ไม่ได้หรือไงเล่า!!?"
"จะว่าได้มันก็ได้แหละ แต่ปกติแม่ไม่ค่อยมีเวลาให้น้องด้วยซ้ำ แม่รับมือกับเด็ก ๆ ไหวเหรอ เด็กแต่ละคนนิสัยต่างกันมาก และทุกคนอาจจะไม่ได้รับมือง่ายเหมือนลูกจ๋านะ"
"ก็เพราะแบบนี้แหละ แม่ถึงอยากไปทำงานเป็นพี่เลี้ยงเด็ก แม่อยากรู้ว่าเขาเลี้ยงเด็กกันยังไง ต้องเอาใจใส่แบบไหน แม่จะได้เอามาทำกับหลงบ้างไง ไม่ดีเหรอ"
"หึ!! หลงโตขนาดนี้แล้ว ไม่ต้องเอามาทำกับหลงเลยนะ"
"นี่แม่กำลังปรับตัวเข้าหาแกอยู่นะ หอมแก้มก่อนนอน ตบก้นกล่อมนอนทุกคืนอะไรแบบนี้"
"โอ๊ย!! ไม่เอา!!!"
"ฮ่า ๆ ๆ น่ารักจะตายชัก!"
"ม่าย!!!!!"


"สวัสดีค่ะ มารายงานตัวค่ะ" ทันทีที่เธอพูดจบ พนักงานสาวก็เงยหน้ามองเธอโดยไม่มีการกล่าวต้อนรับหรือพูดอะไรออกมา อีกทั้งยังแสดงท่าทางราวกับไม่สบอารมณ์ด้วยการยกหูโทรศัพท์และกดหมายเลขเสียงดังกึก ๆ จนหลงแทบทำตัวไม่ถูก
กึก! กึก! กึก! กึก!
นี่เรามาสายเกินไปเหรอ... หลงอดที่จะกังวลไม่ได้ จึงได้แต่ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู ซึ่งเธอมาก่อนเวลาถึงสิบห้านาทีเสียด้วยซ้ำ
"ฮัลโหล! พี่บิวมารับพนักงานใหม่ด้วยค่ะ!!" พนักงานสาวพูดแบบกระแทกแดกดันจนหลงได้แต่กลืนน้ำลายดังอึก เธอทำอะไรผิดอย่างนั้นหรือ...
เวลาผ่านไปไม่นานนัก มีหญิงสาวสวมแว่นตาทรงกลมเดินออกมาจากห้องที่อยู่ไม่ไกลจากบริเวณที่หลงยืนอยู่ เธอแต่งตัวกึ่งทางการและสวมรองเท้าแตะสีฟ้าลายการ์ตูน ทำเอาหลงถึงกับเอียงคอด้วยความฉงน
"สวัสดีค่ะ น้องหลงใช่ไหม" เธอเอ่ยถามอย่างเป็นมิตรพร้อมกับจับขาแว่นตาเพื่อสำรวจดูรอบ ๆ ตัว
"ใช่ค่ะ สวัสดีค่ะ"
"ชื่อจริงกับชื่อเล่นเป็นชื่อเดียวกันเหรอ"
"ใช่ค่ะ"
"อืม...ชื่อน่ารักดีนะ เรียกง่ายด้วย ส่วนพี่ชื่อบิวนะ รับหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงคอยสอนงานให้หลงนั่นแหละ ปะ...เดี๋ยวพี่จะพาไปแนะนำพนักงานที่แผนกเรา" หลงโค้งตัวลงเล็กน้อยก่อนจะรีบเดินตามพนักงานรุ่นพี่ไป และเธอก็ไม่ลืมที่จะหันมาโค้งให้กับหญิงสาวที่คาดว่าจะเป็นฝ่ายประชาสัมพันธ์เพราะเธอนั่งประจำอยู่ที่หน้าลิฟต์ แต่ท่าทีที่พนักงานสาวคนนั้นแสดงออกกับเธอ มันทำให้หลงรีบหลบสายตาทันที เพราะเธอดูไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย...

หลังจากที่ได้ทำความรู้จักกับพนักงานในแผนกและเรียนรู้งานในเบื้องต้นแล้ว ดูเหมือนเธอจะตกเป็นเป้าสายตาโดยไม่ทราบสาเหตุ บ้างก็เข้าหาอย่างเป็นมิตร บ้างก็แสดงท่าทีเมินเฉย ที่หนักสุดคือการโดนเขม่นทั้งที่เธอยังไม่รู้ตัวเสียด้วยซ้ำว่าตนทำอะไรผิด การทำงานกับคนหมู่มากมันต้องกดดันขนาดนี้เชียวหรือ แม้หลงจะไม่เข้าใจมันมากนัก แต่เธอก็พร้อมที่จะเผชิญกับทุกสถานการณ์แล้ว
เมื่อถึงเวลาพักกลางวัน หลงรีบคว้าข้าวกล่องที่คนเป็นแม่เตรียมเอาไว้ให้ในกระเป๋าหนังสีดำ พร้อมกับกระป๋องน้ำองุ่นแบบอัดก๊าซที่เธอชื่นชอบติดมือไปด้วย โดยการเปิดประตูออกไปนั่งกินข้าวที่ระเบียงเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงการตกเป็นเป้าสายตา
สายลมพัดโชยมาปะทะกับใบหน้าเบา ๆ มันทั้งสงบและผ่อนคลาย อยากหนีความวุ่นวายและปัญหาทุกอย่างออกมานั่งทำงานที่บริเวณนี้เพียงลำพังเหลือเกิน การเข้าหาผู้อื่นมันยากกว่าที่เธอคิดเอาไว้มาก หนำซ้ำยังโดนเขม่นอีกนี่สิ เธอยังไม่รู้ว่าจะรับมือกับสถานการณ์นี้อย่างไรดี
แก๊ก! ซ่า ~
เมื่อกระป๋องน้ำอัดลมถูกเปิด ก๊าซก็ส่งเสียงซู่ซ่าออกมา ก่อนที่หญิงสาวจะกระดกขึ้นดื่มแทนน้ำเปล่า อย่างน้อยระหว่างวันเธอได้มาพักผ่อนหรือนั่งคิดอะไรเพลิน ๆ คนเดียวก็ดีแล้ว เพราะเธอไม่รู้ว่าจะหาเพื่อนจากที่นี่อย่างไรจริง ๆ
รู้สึกว่าทุกอย่างมันยังคงเดิม...ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ก่อนเคยโดดเดี่ยวอย่างไร ตอนนี้เธอก็เป็นเช่นนั้น แต่ทว่า...
แก๊ก!! เอี๊ยด...
ดูเหมือนกับว่าจะมีใครเปิดประตูระเบียงออกมาเช่นกัน แต่เพราะหลงนั่งอยู่บนม้านั่งที่ตั้งชิดกับผนังข้างกับประตู ทำให้ทั้งผู้ที่เปิดประตูออกมาและหลงต่างก็มองไม่เห็นกันและกันเนื่องจากประตูบังเธอเสียสนิท ก่อนจะมีกลุ่มควันพวยพุ่งออกมาช่างประจวบเหมาะกับสายลมที่พัดมาพอดี ทำให้กลุ่มควันนั้นลอยมาปะทะกับโสตประสาทจนหลงถึงกับสำลัก
"แค่ก ๆ ๆ"
"เฮ้ย!! มีคนอยู่เหรอวะ!?" เสียงหนึ่งดังตามมาติด ๆ ก่อนบานประตูจะถูกปิดลงจนปรากฏร่างหญิงสาวสูงโปร่ง เธอปล่อยผมยาวสลวยสีน้ำตาลประกายเทา ใบหน้าของเธอสละสลวยจนหลงเองก็ตกตะลึง เธอดูตกใจไม่น้อยกับการพบใครอีกคนที่ระเบียงแห่งนี้ ก่อนเธอจะนำมวนบุหรี่ทิ้งลงในกระถางเขี่ยบุหรี่ทันที
"เฮ้ย!! ขอโทษนะ ไม่รู้ว่ามีคนอยู่ แพ้บุหรี่หรือเปล่า"
"ไม่ถึงกับแพ้ค่ะ แต่ก็...เหม็นอยู่เหมือนกัน แฮะ ๆ" 
"อ่า ๆ ขอโทษจริง ๆ ขออมลูกอมแป๊บ" สิ้นคำพูด เธอจึงล้วงเข้าไปในกางเกงสแล็กส์และแกะลูกอมเข้าปาก ก่อนจะยื่นให้กับหลงด้วยเช่นกัน
"ขอบคุณค่ะ" หลงรับมาถือไว้ในมือ แต่เธอก็ยังไม่แกะห่อพลาสติกจนหญิงสาวอีกคนนึกแปลกใจแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกมา
"ขอโทษจริง ๆ นะ ไม่รู้ว่ามีคนอยู่ ปกติก็หนีมาสูบที่นี่ตลอดน่ะ เพราะไม่ค่อยมีคนมา"
"ไม่เป็นไรค่ะ พี่ขอโทษหลงหลายรอบแล้ว หลงมารุกล้ำพื้นที่ส่วนตัวของพี่มากกว่า หลงสิคะที่ต้องขอโทษ"
"พื้นที่ส่วนตัวอะไรกัน ที่นี่ไม่ได้สร้างให้พี่คนเดียวสักหน่อย ครั้งต่อไปพี่จะระวังกว่าเดิมแล้วกันก่อนที่จะสูบ จะได้ไม่เดือดร้อนน้อง เอ๊ะ!!? เดี๋ยวนะ น้องชื่อหลงเหรอ"
"ค่ะ" หลงพยักหน้าด้วยสีหน้าฉงน
"โอ้โห!! นี่น่ะเหรอคนที่เขาพูดกันว่าเป็นเด็กน้องสาวประธานน่ะ เห็นบอกว่าได้สี่จุดศูนย์ศูนย์ทุกเทอมเลยเหรอ น้องโคตรเก่งเลย ทำได้ไงเนี่ย"
ตอนนี้หลงพอจะเข้าใจอะไรหลาย ๆ อย่างแล้ว ว่าทำไมพนักงานบางคนถึงได้แสดงท่าทีที่ไม่เป็นมิตรกับเธอ การที่เธอได้ทำงานที่นี่แบบง่ายดายมันไม่ใช่เพราะโชคช่วย ไม่ใช่เพราะความสามารถ แต่มันเพราะคำว่า
'เด็กน้องสาวประธาน'
เด็กคุณซอล...คำนี้เธอก็พยายามหลีกเลี่ยงมาแทบตาย ตอนที่อยากพัฒนาตัวเองก็ยังเข้าสู่อีหรอบเดิม มันไม่น่าภูมิใจเลยสักนิด หลงจึงได้แต่กัดฟันข่มอารมณ์ตัวเองเอาไว้ แต่เพราะสีหน้าของเธอดูผิดไปจากเดิมจึงทำให้พนักงานสาวรุ่นพี่สังเกตเห็นได้
"เอ่อ...พี่พูดอะไรผิดไปหรือเปล่า"
"เปล่าหรอกค่ะ"
"เอ่อ..."
"พี่จะสูบบุหรี่ต่อก็ได้นะคะ เดี๋ยวหลงก็กลับเข้าไปแล้ว หลงกินข้าวเสร็จพอดีค่ะ"
"ทำไมหนีออกมากินข้าวคนเดียวแบบนี้ล่ะ วันหลังไปกับพวกพี่ก็ได้นะ"
"ไม่ดีกว่าค่ะ หลงกลัวทำให้พี่ ๆ เดือดร้อน"
"เดือดร้อน? เป็นอะไรหรือเปล่า คุยกันได้นะ ใครทำให้รู้สึกไม่ดีหรือเปล่าหลง"
"ไม่มีค่ะพี่...เอ่อ..." หลงชะงักเพราะตอนนี้เธอยังไม่รู้ชื่อของรุ่นพี่สาวสวยผู้นี้เสียด้วยซ้ำ และเธอก็ไม่รู้ว่าควรจะเล่าสิ่งที่เก็บเอาไว้ในใจให้ผู้อื่นฟังดีหรือไม่ การจะไว้ใจใครสักคนมันไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะตอนที่เธอไว้ใจและพูดความลับให้กับผู้อื่นฟัง มันก็จบไม่สวยนัก 
"อ้อ! ขอโทษที พี่ลืมแนะนำตัว พี่ชื่อเพียวนะ อยู่ทีมออกแบบ เราจะได้ทำงานร่วมกัน มาสนิทกันไว้ดีกว่า" เธอพูดพร้อมกับยื่นมือออกมาข้างหน้า หลงจึงเอื้อมไปจับด้วยรอยยิ้ม
"ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะพี่เพียว"
อยากได้ยินเสียงความคิดจริง ๆ ...อยากรู้ว่าพี่เพียวคิดยังไงกับการที่เราเข้ามาทำงานที่นี่โดยอาศัยเส้นสายน้องสาวประธาน
"ไม่สบายใจอะไรก็คุยกับพี่ได้นะ พี่เก็บความลับเก่งมาก ไม่เอาเรื่องเราไปพูดกับใครหรอก ดูจากปฏิกิริยาแล้วคงจะโดนพวกพนักงานเขม่นมาแน่ ๆ ใช่ไหม"
"เอ่อ...ค่ะ..."
"ว่าแล้วเชียว เข้ามาใหม่ ๆ ก็แบบนี้แหละ เป็นกันทุกคนเพราะที่นี่ใช้ระบบรับพนักงานแบบอุปถัมภ์น่ะ พนักงานส่วนใหญ่เลยเอาลูกหลานพี่น้องเพื่อนฝูงตัวเองมาสมัคร แต่ก็เฉพาะในส่วนของสำนักงานใหญ่แหละ พนักงานหน้าร้านก็รับทั่วไปเลย อย่าไปคิดมาก อย่างพี่น่ะ แม่ฝากเข้าโดยอาศัยผู้จัดการฝ่ายการตลาดนี่แหละ เพราะแม่กับผู้จัดการเป็นเพื่อนกัน ช่วงแรก ๆ งานกองเต็มเลยแหละ แต่พี่ก็พิสูจน์ตัวเองให้ทุกคนเห็นนะว่าเรามีดี หลงก็อย่าไปคิดมากล่ะ ลำพังก็เก่งอยู่แล้ว เขาก็เขม่นเพราะลูกหลานพี่น้องตัวเองไม่ได้มาทำงานนั่นแหละ ช่วยไม่ได้ล่ะนะ ต่อให้เส้นสายใหญ่แค่ไหนถ้าไม่เจ๋งจริงก็ใช่ว่าจะได้ทำงานที่นี่ ภูมิใจในตัวเองเถอะ" รุ่นพี่สาวสวยร่ายยาวพร้อมกับตบบ่าเพื่อให้กำลังใจ แต่หลงก็ยังไม่มั่นใจว่าสิ่งที่เธอพูดคือคำชมหรืออย่างไร
"แล้วพี่เพียวรู้ได้ยังไงคะว่าหลงเป็นเด็กน้องสาวประธาน"
"แหม ก็วันที่ได้เห็นเรซูเม่ คุณโดเขามาประกาศทั่วเลยว่าถ้าเด็กที่ชื่อหลงเข้ามาทำงานที่นี่ ก็ให้ทุกคนดูแลให้ดี น้องสาวเขาฝากดูแล ทุกคนก็รู้สิว่าหลงน่ะเด็กใคร"
"เฮ้อ...หลงรู้สึกว่าไม่น่าภูมิใจเลยค่ะ หลงควรจะได้เข้ามาทำงานที่นี่เพราะความสามารถมากกว่า"
"พี่ก็บอกไปแล้วนี่ ต่อให้จะเส้นสายใหญ่แค่ไหนถ้าไม่เจ๋งจริงก็ใช่ว่าจะได้ทำงานที่นี่นะ คุณโดเขาจะให้สืบประวัติพอสมควร ภูมิใจในตัวเองเถอะน่า เชื่อพี่ แล้วถ้าเป็นน้องสาวคุณโดฝากดูแลขนาดนี้แสดงว่าหลงมีของน่ะสิ"
"ขอบคุณนะคะพี่เพียว"
"ไม่เอาน่า...สดชื่นหน่อย ทำงานแบบมีความสุขเถอะ ที่นี่สวัสดิการดีมาก แต่งตัวยังไงก็ได้ อิสระสุด ๆ มีมุมให้พักผ่อนเยอะแยะเต็มไปหมด จะเหนื่อยแค่ช่วงแรกเท่านั้นแหละที่ต้องพิสูจน์ตัวเองว่าเราคู่ควรที่จะได้ทำงานที่นี่ เรื่องอิจฉา เรื่องเขม่นถือว่าเป็นเรื่องปกติมาก ถ้าโดนใครหาเรื่องก็มาบอกพี่ เดี๋ยวพี่บวกให้ อยากซัดปากพวกปากไม่อยู่สุขเหมือนกัน"
"ม...ไม่ต้องขนาดนั้นหรอกค่ะพี่เพียว!" เพราะหลงรีบปฏิเสธแบบทันควันทำเอารุ่นพี่สาวสวยถึงกับหลุดขำพรืด
"ฮ่า ๆ ๆ ล้อเล่น!!! ใครจะกล้าทำตัวแบบนั้นล่ะ มีหวังโดนไล่ออกแน่"
"เอ่อ...ค่ะ..."
"นี่!! ทำตัวให้มันสดชื่นหน่อยได้ไหม เย็นนี้ไปร้านวิสเปอร์กัน จะได้ละลายพฤติกรรม"
"มันคือร้านอะไรเหรอคะ"
"ร้านเหล้าน่ะ การละลายพฤติกรรมก็ต้องร้านเหล้านี่แหละจะได้สนุก"
"เอ่อ...พอดีแม่หลงไม่สบายน่ะค่ะ หลงคงไม่สะดวกไป"
"ไม่สะดวกวันนี้ก็ไว้ไปวันหลังก็ได้"
"แม่หลงเพิ่งออกจากโรงพยาบาลมาน่ะค่ะ คงจะอีกนานกว่าจะสะดวก หลงขอตัวก่อนนะคะพี่เพียว ต้องโทรหาแม่พอดี"
"อ...อ้าว! เดี๋ยวสิหลง!"
หลงรีบคว้ากล่องข้าวและกระป๋องน้ำอัดลมก่อนจะเอี้ยวตัวหลบรุ่นพี่สาวสวยผู้นี้ทันที เพราะเธอไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจที่จะไปร่วมสังสรรค์กับที่ทำงาน แม้เธอจะรู้ว่าวันหนึ่งเธอก็ต้องไปร่วมอยู่ดี แต่ตอนนี้มันดูก้าวกระโดดเกินไป จากเด็กที่ไม่เคยดื่มแอลกอฮอล์และเข้าหาผู้อื่นไม่เป็น วันนี้ต้องรับมือกับเพื่อนร่วมงาน มันจึงทำให้เธอรู้สึกกดดันและประหม่าจนต้องรีบหนีออกมาสงบสติอารมณ์เสียก่อน
เฮ้อ...ทำตัวไม่ถูกเลย เราควรจะทำยังไงดีนะ...

ตกเย็น
"ปะหลง กลับบ้านกัน" เมื่อพี่เลี้ยงสาวเดินมาให้สัญญาณเวลาเลิกงาน หลงจึงรีบเก็บข้าวของใส่ลงในกระเป๋าอย่างรวดเร็ว แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังช้ากว่าอีกคนอยู่ดี
"โย่วหลง!" 
"อะไร แกรู้จักเด็กใหม่ได้ไงเพียว" 
ใช่...สาวสวยรุ่นพี่ผู้นั้นที่ลมควันเธอที่ระเบียงตอนนี้มายืนรอเธออยู่ที่โต๊ะทำงานเสียแล้ว และยังมีชายหนุ่มรุ่นพี่ที่สูงมากกว่าสาวสวยเล็กน้อย มีเคราแพะประดับบนใบหน้าทำให้ดูคมเข้ม เขากำลังยืนส่งยิ้มที่เป็นมิตรมาให้ หลงจึงได้แต่ยิ้มเจื่อน ๆ กลับไป
"เพียวออกไปชมวิวที่ระเบียงแล้วไปเจอน้องนั่งกินข้าวอยู่คนเดียวพอดี ก็เลยได้ทักทายกันน่ะ" 
"แน่ใจเหรอว่าไปชมวิว แกคงไม่ได้แอบไปสูบบุหรี่ใช่ไหม"
"บ้า! เจ๊น่ะคิดมาก!" เธอว่าพลางกับขยิบตาส่งสัญญาณมาทางหลงเพื่อบอกเป็นนัยว่าให้เก็บเรื่องสูบบุหรี่เป็นความลับ หลงจึงพยักหน้ากลับไป
"อย่าให้ฉันรู้นะ ว่าแกแอบไปสูบบุหรี่ แกรับปากฉันแล้วนะเพียวว่าจะเลิก ปีหน้าแกเข้าเบญจเพสนะอย่าลืม อะไรลดได้ก็ควรลด อะไรเลิกได้ก็ควรเลิก"
"รู้แล้วน่าเจ๊ บ่นจังวะ"
"เจ๊ก็อย่าไปกดดันมัน มันบอกแล้วไงว่าจะเลิก ถ้าจะให้เพียวมันหักดิบขนาดนั้นก็ไม่ไหวไหม ต้องค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปสิ" ชายหนุ่มอีกคนเสริม
"เออ เสือมันพูดถูก ให้เวลาเพียวหน่อยเจ๊บิว" 
หลงได้แต่กะพริบตาปริบ ๆ มองดูรุ่นพี่ทั้งสามยืนสนทนาข้ามไปมา เธอจึงค่อย ๆ สไลด์ตัวลงจากเก้าอี้ในสภาพไม่ต่างจากของเหลวเพื่อที่จะหนีไปให้พ้นจากตรงนี้โดยเร็วที่สุด แต่ทว่าก็มีฝ่ามือข้างหนึ่งวางแหมะที่บ่าจนเธอถึงกับสะดุ้ง
"คลานหาอะไรน่ะหลง"
"เอ่อ...ปากกาค่ะ แฮะ ๆ" หลงว่าพลางกับชูปากกาขึ้นเพื่อที่จะเอาตัวรอด แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้เธอจะหนีไม่พ้นเสียแล้ว
"เราไปกินข้าวกันไหมหลง เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง พี่ไม่คุยเรื่องงานตอนอยู่ข้างนอกหรอก" พี่เลี้ยงสาวเสนอ
"เอ่อ...ไม่เป็นไรค่ะพี่บิว พอดีว่าหลงต้องรีบกลับหอ"
"ไปเถอะน่า เราจะได้ละลายพฤติกรรมกันไง" รุ่นพี่หนุ่มเสริมบ้าง
"พอ ๆ น้องไม่สะดวกก็อย่าไปบังคับน้อง ช่วงนี้น้องต้องรีบกลับไปดูแลแม่ ถ้าเราจะละลายพฤติกรรม ก็มากินข้าวด้วยกันมื้อเที่ยงก็ได้นะหลง พวกพี่ยินดีต้อนรับเสมอ"
"ขอบคุณค่ะพี่เพียว งั้นหลงขอตัวกลับก่อนนะคะ"
เมื่อหลงกำลังจะรีบเดินจากไป แต่จู่ ๆ เธอก็ต้องชะงัก ความจริงแล้วเธอไม่จำเป็นต้องรีบกลับบ้านเสียด้วยซ้ำ เพราะวันนี้แม่ของเธอจะได้ย้ายไปอยู่ที่บ้านหลังใหม่เพื่อดูแลลูกสาวคนเล็กที่ย้ายไปตั้งแต่คืนก่อนแล้ว นั่นก็หมายความว่าเธอแค่ปฏิเสธเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงการพบเจอผู้คนมากหน้าหลายตาที่ไม่คุ้นเคย หากเธอยังหนีปัญหาอยู่แบบนี้ แล้วเมื่อไหร่กันที่เธอจะโตเสียที
เราอยากเรียนรู้การเข้าสังคม และอยากเติบโตเป็นผู้ใหญ่ไม่ใช่เหรอ... หลงคิดในใจ ก่อนจะหันกลับมาหารุ่นพี่ทั้งสามอีกครั้ง
"คือ...พี่ ๆ คะ อันที่จริงวันนี้หลงก็ไปได้นะคะ แต่ว่า...หลงยังไม่เคยดื่มเหล้ามาก่อน เลยจะขอเลื่อนการละลายพฤติกรรมไปเป็นวันหยุดที่ไม่ต้องตื่นมาทำงานได้ไหมคะ หลงจะไปกับพี่ ๆ แน่นอนค่ะ"
"เดี๋ยวนะ พี่ไม่ได้จะชวนไปดื่ม เพราะพี่ก็ไม่ดื่มเหล้าเหมือนกัน" พี่เลี้ยงสาวตอบด้วยสีหน้าฉงน แต่สาวสวยอีกคนกลับดวงตาเบิกโพลงและขยิบตาส่งสัญญาณรัว ๆ ให้หลงอีกครั้ง
"อ้าว...ก็พี่เพียวบอกว่าละลายพฤติกรรมต้องเป็นร้านเหล้านี่คะ พี่เพียวเพิ่งจะชวนหลงไปร้านวิสเปอร์เลย"
"อีเพียว!!!" สิ้นคำพูดของหลง พี่เลี้ยงสาวก็หันไปฟาดสาวสวยอีกคนแบบไม่ยั้ง จนเจ้าตัวโอดครวญยกใหญ่
"โอ๊ย!!! เจ๊บิว!!! เจ็บ!! โอ๊ย!!!"
"หลง! อย่าไปฟังมันมากนะ ถ้าไม่ดื่มก็ไม่ต้องไปตามใจมัน เพียวมันคอแข็งมาก ดื่มให้ตายมันก็ไม่เมา หลงน่ะจะโดนมันมอมเอา อยู่ใกล้ ๆ พี่ไว้ มันบังคับให้หลงดื่มไม่ได้หรอก"
"โอ๊ยเจ๊!! เพียวก็ไม่ได้บังคับน้องสักหน่อย ใครจะไปรู้ล่ะว่าน้องจะไม่ดื่มเหมือนเจ๊ ถ้าเพียวรู้เพียวไม่ชวนน้องไปร้านเหล้าหรอก"
"เพียว มึงนี่น้า...ล่อมือล่อตีนเจ๊บิวทุกวัน รีบไปกินข้าวเถอะ กูหิวแล้ว"
"สรุปไปได้ใช่ไหมหลง"
"ได้ค่ะพี่บิว"
"โอเคค่ะ อยู่กับพี่ไม่ต้องกลัว พี่ไม่ให้ใครมารังแกหรอก โดยเฉพาะอีเพียว ถ้าแกล้งเด็กฉันเมื่อไหร่ ฉันกระโดดถีบขาคู่แน่"
"โหดจังวะ แก่ขนาดนี้กระโดดขึ้นไหมเถอะ"
"อีเพียว!!!"
ป้าบ!!!!
"อ๊าก!!!"
ในที่สุดหลงก็หลุดขำพรืดออกมาจากการหยอกล้อกันของรุ่นพี่ บางที...การลองเข้าหาและให้ความไว้เนื้อเชื่อใจใครมันก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องจบไม่สวยเสียทุกครั้ง เพียงแค่เธอต้องเรียนรู้ให้มากขึ้น แต่ท่าทีของรุ่นพี่ทั้งสามมันก็ทำให้หลงรู้สึกอุ่นใจอย่างไม่ทราบสาเหตุ อยากจะไว้ใจใครดูอีกสักครั้ง หากเธอทำสำเร็จเธอก็จะได้เพื่อนใหม่ แต่หากจะต้องล้มเหลวอีกครั้ง มันก็จะเป็นบทเรียนที่มีค่าที่สุดให้กับเธอ...


"อา...อิ่มจังตังค์อยู่ครบ กราบขอบพระคุณเจ๊บิวสุดสวยที่เลี้ยงข้าวมื้อเย็นนะคะ" เมื่อสาวสวยพูดจบ ทั้งเธอและชายหนุ่มอีกคนก็กราบลงกับโต๊ะพร้อมกันราวกับนัดกันเอาไว้ หลงเห็นอย่างนั้นจึงรีบทำตามทันที
"เฮ้ย ๆ พวกแก!! อย่าพาน้องทำอะไรบ้า ๆ แบบพวกแกได้ไหม หลงจำไว้นะ ว่าอย่าเดินตามรอยอีสองตัวนี้ พวกมันจะพาหลงตกคลองแน่ อย่าสรรหาอะไรมามอมเมาน้องฉันนะยะ!?" เธอบ่นสลับหันมาคุยกับหลงอย่างกับหน้ามือเป็นหลังมือส่อถึงความสองมาตรฐานจนเจ้าตัวต่างก็เบ้ปากมองบน
"เจ๊อย่าใส่ร้ายพวกเราสิวะ รุ่นพี่แบบเราน่ะ น่าเคารพที่สุดแล้ว" ชายหนุ่มว่าพลางกับยืดอกแสดงความมั่นใจ ก่อนสาวสวยอีกคนจะใช้เรียวแขนคล้องคอเขาเอาไว้
"ใช่ ๆ ที่ไอ้เสือพูดก็มีเหตุผล พี่กับไอ้เสือจะปกป้องหลงจากการถูกรังแกเอง"
"พวกแกนั่นแหละที่จะหาเรื่องน้อง ไปจ่ายเงินได้แล้วไป ก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจเลี้ยงแค่หลงคนเดียว" ทันทีที่พูดจบ ทั้งสองก็รีบหยิบเงินและวิ่งออกไปอย่างรวดเร็วราวกับติดจรวด จนทำให้พี่เลี้ยงสาวได้แต่ส่ายศีรษะด้วยความเอือมระอา
"เฮ้อ...พวกมันอาจจะกวนประสาทแล้วก็พูดมากหน่อยนะหลง แต่พี่ยืนยันว่าทั้งเสือและเพียวต่างก็พึ่งพาได้"
"ค่ะพี่บิว ว่าแต่...พี่เสือกับพี่เพียวเป็นแฟนกันเหรอคะ"
"เปล่า ๆ มันสนิทกันเพราะอยู่ทีมออกแบบด้วยกันน่ะ แต่เสือมันมีแฟนอยู่แล้ว ส่วนเพียวมันชอบผู้หญิง" เมื่อได้ยินเช่นนั้นทำเอาหลงถึงกับชะงัก
"สวย ๆ แบบพี่เพียว คงมีผู้หญิงมาติดเยอะแน่เลย"
"เยอะไหมอันนี้พี่ไม่รู้ แต่ถ้ามันได้จีบคือติดทุกคน เพียวมันชอบหว่านเสน่ห์คนเขาไปทั่ว อย่าไปหลงกลมันเชียวนะหลง"
"ไม่หรอกค่ะพี่บิว หลงมีคนในใจอยู่แล้ว"
"อิจฉาพวกวัยรุ่นชะมัด ความรักนี่ทำให้กระชุ่มกระชวยหัวใจดีจริง ๆ แต่พี่ก็อายุตั้งขนาดนี้แล้ว สงสัยจะได้ขึ้นคานแน่ ๆ"
"พี่บิวอายุเท่าไหร่เหรอคะ"
"สามสิบหกย่างสามสิบเจ็ดค่ะ"
"โห...พี่บิวยังสวยและดูวัยรุ่นอยู่เลยนะคะ อายุแค่สามสิบเจ็ดเอง ยังมีเวลาค่ะ"
"แหม...พูดเอาใจเก่งจริง ๆ นะ เราคงจีบสาวเก่งน่าดูเลยสิ" เมื่อได้ยินคำถาม ทำเอาหลงถึงกับคิ้วขมวดด้วยความฉงน
"คะ? พี่บิวรู้ได้ยังไงคะว่าหลงชอบผู้หญิง"
"เซ้นต์มันบอกค่ะ อย่างเพียวเนี่ย พี่เห็นมันแว้บแรกก็มองออกแล้วว่ามันชอบผู้หญิงแน่ ๆ หลงก็น่าจะไม่ต่างกัน"
"อันที่จริงหลงก็ไม่รู้หรอกค่ะว่าตัวเองชอบผู้หญิงหรือเปล่า รู้แค่ว่าคนที่หลงรัก เขาคือผู้หญิง และเขาก็สวยที่สุดบนโลกใบนี้เลย"
"ฮู้ว...รู้สึกอิจฉาตาร้อนแฮะ วันหลังก็ชวนแฟนมากินข้าวด้วยกันสิ จะได้รู้จักกันไว้ พวกพี่ไม่ถือหรอก" หลงยิ้มตอบกลับไปพลางกับคิดถึงใบหน้าหญิงสาวที่เธอรักทั้งหัวใจ 
"ตอนนี้เราลดสถานะลงเพื่อแยกย้ายกันไปเติบโตน่ะค่ะพี่บิว เพราะตอนนี้เราต่างคนต่างยังเด็กกับเรื่องความรัก อาจจะไม่ได้เจอกันสักพัก แต่หลงก็จะรีบพัฒนาตัวเองระหว่างรอเขากลับมา เผื่อว่าวันนั้นหลงจะรักเขาได้มากขึ้นกว่าเดิม และรักษาเขาเอาไว้ได้ ถึงตอนนั้นหลงจะไม่ยอมปล่อยให้เขาหลุดมืออีกเด็ดขาด" 
"..." จู่ ๆ พี่เลี้ยงสาวก็เงียบไป ราวกับตกใจกับสิ่งที่หลงพูด แล้วเธอก็ยิ้มออกมาพร้อมกับตบบ่าหลงเบา ๆ
"พี่เชื่อนะว่าถ้าวันหนึ่งเราโตพอที่จะรักใครสักคนได้แบบไม่มีเงื่อนไข มีแต่ความรักความหวังดีมอบให้อีกฝ่าย และหลงสามารถมีความสุขได้ด้วยตัวเอง ตอนนั้นความรักมันจะไม่ลอยหายไปไหนแน่นอน และพี่ก็เชื่อเรื่องเนื้อคู่ทางจิตวิญญาณนะ ทั้งสองจะวนกลับมาเจอกันเมื่อต่างคนต่างเติบโตและเรียนรู้มากพอแล้ว วันไหนที่เราหมดทุกข์ วันนั้นเขาจะกลับมาค่ะ มีความสุขในทุก ๆ วันนะหลง การพัฒนาตัวเองเป็นสิ่งที่ดี แล้วหลังจากนี้สิ่งดี ๆ จะตามมาแน่นอน มีอะไรปรึกษาพี่ได้เสมอ ถึงตอนนี้พี่จะโสดแต่ที่ผ่านมาพี่ก็มีประสบการณ์เรื่องความรักมาพอสมควร พี่ให้คำแนะนำหลงได้แน่นอน"
เมื่อพูดจบเธอก็มอบรอยยิ้มที่จริงใจกลับมา ซึ่งหลงสัมผัสได้ถึงความหวังดีและความชื่นชม คนผู้นี้อ่อนโยนเสียจริง ช่างโชคดีเสียนี้กระไรที่เธอมีพี่เลี้ยงที่แสนดีถึงเพียงนี้ นี่คือสัญญาณของการเริ่มต้นที่ดี เพราะเธอได้ที่ปรึกษาที่จะคอยเป็นไกด์นำทางให้ชีวิตของเธอแล้ว
"ขอบคุณนะคะพี่บิว หลังจากนี้หลงต้องขอฝากตัวด้วยนะคะ..." 


"เริ่มงานวันแรกเป็นยังไงบ้างหลง!?" เสียงจากปลายสายฟังดูตื่นเต้นเป็นพิเศษ เพราะนี่ถือเป็นครั้งแรกที่ลูกสาวคนโตโทรศัพท์หาเธอก่อน
"ก็ดีนะแม่ พี่เลี้ยงหลงเขาดีมากเลย อธิบายงานเข้าใจง่ายมาก ใจเย็นด้วย น่าจะเพราะมีวุฒิภาวะมากแล้วมั้ง พี่เขาดูเข้าใจทุกคนเลย"
"เหรอ งั้นก็ดีแล้ว เป็นห่วงอยู่เหมือนกันว่าจะเข้ากับคนอื่นยาก"
"แม่ไม่ต้องห่วงนะ น้องหลงจะค่อย ๆ ปรับตัวให้เข้ากับทุกคน และก็จะทำให้ทุกคนยอมรับน้องหลงให้ได้"
"ดีมาก เก่งแบบนี้แหละค่อยสมกับเป็นลูกแม่หน่อย"
"หึ...แล้วแม่เป็นไง ทำงานเป็นพี่เลี้ยง หัวหมุนไหม"
"จะเหลือเหรอ เด็กอยู่เฉย ๆ ไม่เป็นเลย แม่จะลมจับ รู้ซึ้งแล้วตอนนี้ว่ายายต้องเหนื่อยแค่ไหนที่ดูแลแม่คนเดียวแบบนี้"
"เห็นไหมน้องหลงบอกแล้ว แม่จะไหวไหม ยายน่ะดูแลทั้งแม่ ดูแลทั้งน้องหลงเลยนะ ยายน่ะเก่งที่สุดในโลกเลย"
"ก็จริง...ไม่ไหวก็ต้องไหวแล้วล่ะหลง แม่พลาดมาทั้งชีวิตแล้ว ตอนนี้แม่มีโอกาสได้แก้ตัว แม่ก็จะทำให้ดีที่สุด"
"น้องหลงดีใจนะที่ได้ยินแบบนี้ แล้วย้ายไปอยู่บ้านคุณมีแล้วเป็นยังไงบ้าง"
"ก็ดีนะ สองคนนั้นเขาใส่ใจลูกจ๋ามากกว่าแม่อีก คงอยากมีลูกกันจริง ๆ นั่นแหละ โลกเรานี่ก็แปลกนะ คนอยากมีลูกแทบตายกลับไม่มี คนที่ไม่อยากมีดันมีคนมาเกิดซะได้"
"เหมือนที่แม่ยังไม่ต้องการน้องหลง แต่น้องหลงดันไปเกิดกับแม่ใช่ไหม" 
"..." ทั้งปลายสายและหลงต่างก็เงียบกันทั้งคู่ เพียงเพราะความปากไวที่เธอชอบโต้ตอบคนเป็นแม่มาแต่ไหนแต่ไรโดยแท้ แต่ตอนนี้ทุกอย่างไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว การได้ยินคำพูดที่แทงใจแบบนี้คงไม่ใช่เรื่องดีแน่
"น้องหลงขอโทษนะแม่ น้องหลงไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้นออกไป"
"อื้อ ไม่เป็นไร มันก็จริงอย่างที่หลงว่านั่นแหละ ขอโทษนะที่ตอนนั้นไม่ดูแล ตอนนี้ยังดูแลแต่น้องอีก"
"น้องหลงโตแล้วน่า แม่ไม่ต้องดูแลหรอก แค่รู้ว่าที่ผ่านมาแม่ไม่เคยลืมน้องหลงเลย น้องหลงก็ดีใจแล้ว"
"แม่รักหลงนะ"
"น้องหลงก็รักแม่เหมือนกัน"
"อืม...เดี๋ยวแม่ไปเรียนหนังสือกับลูกจ๋าก่อนนะ"
"โอเคค่ะ"
"ดูแลตัวเองดี ๆ นะลูก แม่เป็นกำลังใจให้นะ ขอให้ได้เพื่อนเยอะ ๆ แล้วก็มีคนรักคนเอ็นดูหลงเยอะ ๆ เลย"
"ขอบคุณนะคะ แม่ไม่ต้องห่วงนะ ตอนนี้น้องหลงมีเพื่อนแล้ว..."
ใช่...ตอนนี้เธอมีเพื่อนแล้ว และกราฟชีวิตของเธอในตอนนี้ราวกับขั้นบันไดที่จะนำพาไปสู่จุดที่สูงขึ้น เติบโตขึ้น และมีความสุขมากขึ้น 
หวังว่าจุดหมายที่เธอกำลังก้าวไปนี้ จะมีคนคนหนึ่งรออยู่ที่ปลายทาง ซึ่งนั่นไม่ใช่ใครที่ไหน นอกจาก 'ซอล' เพียงคนเดียวเท่านั้น...
.
.
.
6 เดือนผ่านไป
วันเวลาล่วงเลยผ่านไปนานนับหกเดือน หญิงสาวที่เคยใช้ชีวิตท่ามกลาง 'เสียง' ของความสับสนวุ่นวาย โลกที่ไร้ซึ่งแสงสว่างและความโดดเดี่ยว แต่ตอนนี้เธอราวกับได้ชีวิตใหม่ ไม่ต่างจากยอดอ่อนที่แตกหน่อใหม่หลังจากผ่านมรสุมเพลิงที่ลุกโชนจนเป็นผืนป่าผืนใหม่ที่เขียวชอุ่มขึ้นกว่าเดิม
ผู้คนต่างก็รักใคร่และเอ็นดูเธอ มิตรไมตรีที่ได้รับหนุนนำให้เธอเติบโตขึ้นอย่างมีคุณภาพ อีกทั้งความรู้ความสามารถที่สั่งสมมาก็สามารถทำให้เธอเป็นที่ยอมรับภายในเวลาอันรวดเร็ว 
ไม่มีใครที่ไม่รู้จัก 'น้องหลง' ไม่ใช่ในนามของ 'เด็กน้องสาวประธาน' แต่เพราะความเป็นมิตรและจริงใจของเธอนั่นเอง รวมถึงความสามารถที่ใคร ๆ ต่างก็ยอมรับ ทำให้คนที่เคยมองเธอในแง่ร้ายต่างก็ละลายพฤติกรรมเพื่อเข้าหาเธอด้วยตัวเอง
ตอนนี้ไม่มีคนเกลียดเธออีกแล้ว
ตอนนี้เธอไม่ได้เป็นเพียงเงาในความมืดอีกต่อไปแล้ว
ตอนนี้เธอไม่ได้เป็นส่วนเกินในชีวิตใครแล้ว
แต่เธอล้วนแล้วเป็น 'คนสำคัญ' ของทุก ๆ คนที่นี่อย่างสมภาคภูมิด้วยตัวของเธอเอง
"น้องหลง!! วันนี้มีลูกค้ารายใหญ่มา!! ไปช่วยปิดการขายหน่อยค่ะ!!"  พนักงานสาวคนหนึ่งวิ่งหน้าตั้งเข้ามาในห้องทำงานของฝ่ายการตลาด ทำเอาคนอื่น ๆ ถึงกับมองเธอคิ้วขมวด
"เดี๋ยวนะ มันไม่ใช่หน้าที่น้องหลงไหมคะ" พี่เลี้ยงสาวเอ็ดเสียงแข็งพร้อมกับขยับขาแว่นเพื่อจ้องมองอีกคนด้วยแววตาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อกันเสียให้ได้
"ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่บิว ตอนนี้หลงกำลังว่าง ๆ อยู่พอดี"
"ไม่ได้นะหลง!! หน้าที่ปิดการขายก็ต้องเป็นของฝ่ายขายสิ หลงจะเข้าไปช่วยเหลือทุกคนไม่ได้นะ!"
"น่าเจ๊บิว...น้องหลงเก่งแทบทุกอย่างแบบนี้ ให้ไปช่วยแค่นี้คงไม่เป็นไรหรอก ไม่ใช่อะไรนะ ลูกค้าคนนี้เขาบอกว่าอยากเจอพนักงานที่ชื่อหลงน่ะ ถ้าน้องหลงไม่ลงไปดีลเองก็ดูเหมือนจะไม่ยอม" พนักงานสาวฝ่ายขายแย้ง แต่นั่นกลับทำให้หลงและพี่เลี้ยงสาวคิ้วขมวดหนักขึ้นไปอีก
"ใครเหรอคะ ทำไมถึงอยากเจอหลง"
"ลูกค้าชื่อรมณค่ะ พี่เองก็ทราบแค่นี้ค่ะน้องหลง ขอยืมตัวน้องหน่อยนะเจ๊บิว จะรีบเอามาส่งค่ะ"
"แหม ทำเหมือนกับน้องเป็นสิ่งของเลยนะ แล้วแต่เจ้าตัวแล้วกันค่ะ พี่ไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจแทน"
"งั้นเดี๋ยวหลงลงไปช่วยที่หน้าร้านเดี๋ยวมานะคะพี่บิว"
"อืม ตามสบายเลยนะ" 
หลงยิ้มให้แทนคำตอบ ก่อนจะเดินตามพนักงานสาวไปด้วยความสงสัย 
'รมณ' ใครกันนะ ทำไมถึงอยากเจอเธอ แม้จะสงสัยแต่หลงก็เดินต่อไปโดยปราศจากความกลัว เพราะไม่มีสิ่งใดที่เธอต้องกลัวอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้เธอโตพอที่จะเผชิญหน้าทุกอย่างแล้วจริง ๆ


หลงติดกระดุมเสื้อสูทสีดำของเธอระหว่างเดินตามรุ่นพี่เพื่อให้ตนดูสุภาพมากขึ้น หากมองจากไกล ๆ ลูกค้าสาวผู้นั้นกำลังนั่งหันหลังอยู่บนโซฟารับรองแขก เธอแต่งกายดูมีภูมิฐานด้วยชุดกระโปรงแบบกึ่งทางการ เพียงแค่มองข้างหลังก็สัมผัสได้ว่าเป็นลูกค้าคนสำคัญที่ต้องอาศัยทักษะการพูดเป็นแน่ แต่ในเมื่อที่ผ่านมาเธอได้เรียนรู้การทำงานมามากและสะสมประสบการณ์มาถึงหกเดือนแล้ว มีอะไรที่เธอจะต้องกลัวกันล่ะ
"คุณรมณคะ ดิฉันไปตามน้องหลงมาให้แล้วค่ะ" พนักงานสาวเอ่ยขึ้น ในขณะที่หลงยังคงเดินไปไม่ถึงตัวลูกค้าเสียด้วยซ้ำ และเธอก็รีบเดินจ้ำอ้าวจากไปอย่างรวดเร็ว คงจะเพราะมอบหน้าที่ให้กับหลงแล้วกระมั้ง
เธอยังคงนั่งหันหลังจิบชาโดยไม่แสดงท่าทีตื่นเต้นที่จะได้พบกับพนักงานที่ตนเป็นคนร้องขอเองเสียด้วยซ้ำ และหลงก็หาได้ยี่หระไม่ เมื่อลูกค้าร้องขอ เธอก็แค่ทำตาม...มันก็เท่านั้นเอง 
แต่ทว่า...
"สวัสดีค่ะคุ..." ยังไม่ทันที่หลงจะได้กล่าวทักทายได้จบประโยค ทันทีที่ลูกค้าสาวหันหน้ามาทำเอาหลงถึงกับชะงัก
หญิงสาวที่ดูสวยสง่าตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ผมสีบลอนด์ทองทำให้ใบหน้าของเธอดูแพรวพราวดุจเจ้าหญิงที่เดินทางมาจากดินแดนอันไกลโพ้น เธอสวย...สวยเสียจนหลงตกตะลึง
นี่ไม่ใช่มนุษย์แล้ว...นี่มันนางฟ้าชัด ๆ
หลงคิดในใจขณะที่ยังอ้าปากเหวอราวกับตกอยู่ในภวังค์ แต่เมื่อเธอเรียกสติของตนกลับมา มันก็ต้องเตลิดไปอีกครั้งเพียงแค่ลูกค้าสาวส่งยิ้มหวานมาให้ ช่างแพรวพราวเสียนี้กระไร รอบ ๆ ตัวราวกับมีแสงระยิบระยับอย่างไรอย่างนั้น
"สวัสดีค่ะคุณหลง" เธอยังคงยิ้ม...ยิ้มพิฆาตหัวใจ
เอื้อ........
"ส...สวัสดีค่ะคุณรมณ"
แม้แต่ความมั่นใจที่พกมาก่อนหน้าก็กระเจิงไปเสียหมด เหลือแค่เพียงพนักงานสาวที่มีท่าทีเงอะงะ ไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าลูกค้าสาวสุดแพรวพราวผู้นี้เสียด้วยซ้ำ
"เป็นอะไรหรือเปล่าคะ"
"อ๋อ เปล่าค่ะ ไม่ทราบว่าคุณรมณมีอะไรให้หลงช่วยคะ"
"พอดีว่าจะปรับปรุงร้านใหม่น่ะค่ะ แล้วจะเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ในร้านใหม่หมด แต่พนักงานแนะนำให้ไม่ถูกใจเลย แล้วเห็นว่าที่นี่มีพนักงานเก่ง ๆ อยู่คนหนึ่ง ฉันก็เลยอยากให้คุณช่วยแนะนำหน่อย เผื่อจะตอบโจทย์ฉันมากกว่าคนอื่น ๆ"
เธอยิ้ม...ยิ้มอีกแล้ว จะฆ่าจะแกงกันเลยหรืออย่างไร!!?
"เอ่อ...คุณรมณต้องการสไตล์ไหนคะ ทางเรามีเฟอร์นิเจอร์หลากหลายสไตล์มากค่ะ"
"อยากได้แบบมินิมอลค่ะ อยากให้รู้สึกสบาย ่ผ่อนคลายเหมือนอยู่ที่บ้าน"
"อ๋อ ได้เลยค่ะ รบกวนคุณรมณรอสักครู่นะคะ เดี๋ยวหลงจะช่วยหาโทนสีกับดีไซน์ที่คุณน่าจะชอบให้" พูดจบหลงจึงนั่งลงที่โซฟาฝั่งตรงข้ามด้วยรอยยิ้มและหัวใจที่เต้นระรัว
บนโต๊ะรับแขกมีกาน้ำชาตั้งอยู่ตรงหน้าลูกค้าสาว ส่วนด้านหน้าหลงมีแฟ้มเล่มหนาวางอยู่ ซึ่งหลงรู้ดีว่ามันคือแฟ้มข้อมูลเฟอร์นิเจอร์หมวดหมู่ต่าง ๆ เป็นแคตตาล็อกไว้สำหรับให้ลูกค้าดูเป็นเบื้องต้นนั่นเอง แต่เมื่อเธอเปิดแฟ้มขึ้นมา กลับมีเอกสารฉบับหนึ่งแนบอยู่ที่หน้าแรก มันคือข้อมูลเบื้องต้นของลูกค้าสาวผู้นี้นั่นเอง หลงเอียงศีรษะเล็กน้อยด้วยความฉงน นี่เธอจะต้องซักประวัติลูกค้าอย่างนั้นหรือ? แต่เพื่ออะไรกัน ที่ผ่านมายังไม่เคยเจอกรณีแบบนี้มาก่อนเลย
"ไม่ทราบว่าคุณรมณกำลังจะปรับปรุงร้านอะคะ แล้วกำลังมองหาสินค้าแบบไหนอยู่"
"ร้านขายหนังสือค่ะ เลยจะหาชั้นวางหนังสือใหม่ให้เป็นสีโทนอบอุ่นสบายตาที่สุด รวมถึงโซนนั่งเล่นด้วยค่ะ เพราะหลังจากนี้จะขายกาแฟเพิ่มด้วย อยากให้ร้านออกมาสบายตา เหมาะสำหรับมานั่งทำงาน อ่านหนังสือ หรือจิบกาแฟก็ได้ ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ที่บ้าน ประมาณนั้นเลยค่ะ" 
"ฟังดูเป็นร้านที่อบอุ่นมากเลยนะคะ"
"ขอบคุณค่ะ"
ยิ้มอีกแล้ว!! จะตายแล้วโว้ย!!!
หลงพยายามที่จะเลี่ยงรอยยิ้มนั้นด้วยการเปิดหาภาพสินค้า จนในที่สุดเธอก็พบสิ่งที่ต้องการ เธอจึงยื่นแฟ้มให้กับลูกค้าสาวทันที
"นี่เลยค่ะคุณรมณ โทนนี้สวยและให้ความรู้สึกที่อบอุ่นเหมือนอยู่ที่บ้านเลยค่ะ"
"ขอดูก่อนนะคะ" เธอรับไปด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะก้มหน้าก้มตาเปิดดูสินค้า จนหลงถึงกับถอนหายใจเฮือก เอกสารใบนั้นก็ยังคงอยู่ในมือของหลง เธอจึงสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่เพื่อเรียกความมั่นใจของตนอีกครั้ง
"คุณรมณคะ หลงขออนุญาตสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมระหว่างที่คุณเลือกสินค้านะคะ"
"ได้ค่ะ ถามมาได้เลยค่ะ"
"เอ่อ...คุณรมณมีแฟนหรือยังคะ" สิ้นคำถาม ทำเอาลูกค้าสาวถึงกับชะงักและเงยหน้ามองเธอด้วยสีหน้าฉงน
"คะ? นี่คุณกำลังจีบฉันอยู่เหรอคะ"
"ป...เปล่าค่ะ เอ่อ...มันเป็นแบบฟอร์มน่ะค่ะ" หลงยิ้มเจื่อน ๆ กลับไปพร้อมกับชูเอกสารในมือขึ้น ลูกค้าสาวกระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนจะพูดออกมาแบบชัดถ้อยชัดคำว่า...
"โสดค่ะ แต่มีคนในใจแล้วนะคะ"
"เอ่อ...คนในใจที่ว่า...คนใหม่หรือคนเก่าคะ" แม้หลงจะถามแบบตะกุกตะกัก แต่ทุกคำถามก็ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่เธอต้องการรู้คำตอบทั้งสิ้น
"คนใหม่ค่ะ แต่ว่า...คนใหม่ที่เป็นคนเก่านะคะ"
"หมายความว่ายังไงคะ คนใหม่ที่เป็นคนเก่า"
"ก็คนเก่า ที่เปลี่ยนเป็นคนใหม่แล้วยังไงล่ะ"
"พี่ซอล! ตอบดี ๆ สิ" 
"อะไรเนี่ย ไม่สนุกเลย นึกว่าจะได้เล่นสวมบทบาทนานกว่านี้ซะอีก อุตส่าห์ทำคำถามมาให้ เพราะกลัวว่าเธอจะไม่รู้ว่าจะคุยอะไรกับเรา ใจร้อนจังเลยนะคะน้องหลง" หลงทำหน้ายู่ 
"คนใหม่ที่เป็นคนเก่าอะไรของพี่น่ะพี่ซอล"
"ยังต้องถามอีกเหรอคะ ไม่รู้จริง ๆ เหรอว่าเราหมายถึงใคร"
"..."
"..."
ต่างฝ่ายต่างนั่งเงียบ คนตัวเล็กก็เอาแต่อมยิ้มราวกับกำลังมีความสุขที่ได้แกล้งเธออย่างไรอย่างนั้น หลงนำปากกาจากในกระเป๋าเสื้อของตนมาขีดฆ่าคำถามที่เธอถามไป ก่อนจะก้มลงเขียนหยิก ๆ ลงไปในกระดาษ โดยมีทั้งคำถาม และเว้นที่ว่างหน้าตัวเลือกสำหรับตอบหลายต่อหลายข้อแล้วยื่นให้กับหญิงสาวตรงหน้า
"รบกวนช่วยกากบาทรายละเอียดสิ่งที่คุณรมณต้องการให้หลงทีนะคะ หลงจะได้รู้สเปกของคุณค่ะ ว่าต้องการสินค้าแบบไหน"
คนตัวเล็กรับไปทั้งที่ยังไม่เข้าใจ แต่เมื่อเธอก้มลงอ่าน ทำเอาเธอถึงกับหลุดขำพรืด กับคำถามไม่กี่ข้อพร้อมช่องวางให้เธอสามารถกากบาทลงไปหน้าตัวเลือกที่ต้องการได้ สิ่งที่หลงทำมันเหนือความคาดหมายของเธอจริง ๆ ราวกับว่า...หลงเชี่ยวชาญในการจีบสาวอย่างไรอย่างนั้น
หลงนั่งมองหญิงสาวค่อย ๆ ขีดเขียนลงไปในกระดาษอย่างใจจดใจจ่อ เจ้าตัวจะรู้ไหมนะ ว่าหัวใจของเธอเต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมาจากอกอยู่แล้ว คิดถึงเหลือเกิน...อยากจะคว้าตัวเข้ามาสวมกอดเหลือเกิน... แต่สิ่งที่หลงทำได้คือการอดทนรอเท่านั้น
"เรียบร้อยค่ะ" 
"ขอบคุณค่ะ" หลงยิ้มรับ ท่าทีของเธอดูใจเย็นอย่างน่าเหลือเชื่อ แต่มือที่เอื้อมไปรับกระดาษแผ่นนั้นกลับสั่นพั่บ ๆ อย่างคนเก็บอาการไม่อยู่ ทำเอาคนตัวเล็กถึงกับหลุดขำพรืดอีกครั้ง

จงกากบาท (X) หน้าข้อที่ถูกต้องที่สุด
1. สเปกของคุณรมณ  
    น้องหลง
    ไอ้หมาหลง
X  ถูกทุกข้อ
2. คิดถึงน้องหลงไหมคะ
    คิดถึงมาก
    คิดถึงที่สุดในโลก 
X  ถูกทุกข้อ
3. อยากกอดน้องหลงไหมคะ
    อยากกอดมาก
    อยากจุ๊บมากกว่า
X  ถูกทุกข้อ
4. จะกลับมาหาน้องหลงแล้วใช่ไหมคะ 
    ใช่
    ใช่
X  ถูกทุกข้อ
5. ขอจีบได้ไหมคะ 
    ได้
    ได้
X  เป็นแฟนกันเลยแล้วกัน

"รู้สึกว่าจะจีบสาวเก่งขึ้นเยอะเลยนะคะคุณหลง" 
"ม...ไม่เลยค่ะ ท...ท...ทั้งชีวิตก็รอแค่คุณรมณคนเดียว" เธอตอบแบบตะกุกตะกักอีกครั้ง เพราะคำตอบที่ได้นั้นทำเอาเธอดีใจจนแทบจะลมจับ แต่ต้องเก็บอาการเอาไว้
"รอคุณรมณเหรอคะ รู้สึกว่าคุณไม่รู้จักชื่อจริงฉันด้วยซ้ำค่ะคุณหลง"
"อ...เอ่อ...ขอโทษค่ะ ต่อไปนี้จะจำให้ขึ้นใจ จะบันทึกไว้ในหัวใจตัวโต ๆ เลยค่ะ ว่าแฟนชื่อรมณ"
"ห้ามลืมชื่อนี้นะคะ เผื่อว่าวันหนึ่งจะได้เอาไปตกแต่งบนแบล็กดรอปงานแต่งงานของเราน่ะค่ะ"
"เฮือก!!!"
ครั้งแรกได้เจอกันอย่างไร ตอนนี้หลงก็ยังคงเดิม
ครั้งแรกเคยหมดสติอย่างไร ตอนนี้หลงก็ยังเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน
เพียงแค่หลงหมดสติหน้าคะมำลงกับโต๊ะรับแขก ทำเอาคนตัวเล็กถึงกับพุ่งพรวดเข้าไปหาเธอด้วยความตกใจ
"ว๊าย!!! หลง!!!!!"


"อ๊า...เจ็บ ๆ ๆ" 
เสียงโอดครวญดังออกมาจากร่างที่เพิ่งได้สติเพราะหน้าผากของเธอบวมเป่งและยังเป็นรอยช้ำจากการกระแทกกับโต๊ะอย่างแรง แต่สิ่งที่ทำให้เธอตกใจคือบริเวณโดยรอบนั้นเงียบสงัด พร้อมอากาศที่เย็นฉ่ำจากเครื่องปรับอากาศ คาดว่าจะเป็นห้องรับรองแขก โชคดีนักที่มีกลิ่นกายหอมอ่อน ๆ โชยมาแตะจมูก จึงช่วยควบคุมสติเธอได้ว่าตอนนี้เธอกำลังนอนหนุนตักนุ่ม ๆ ที่เธอคิดถึงและโหยหาการพบหน้าที่สุด หลงจึงค่อย ๆ ยันตัวขึ้นช้า ๆ พร้อมกับลูบหน้าผากตัวเองป้อย ๆ
"เจ็บมากไหมหลง ทำไมเป็นลมต่อหน้าเราอีกแล้วล่ะ" คนตัวเล็กเอ่ยถามด้วยสีหน้าที่เป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด
"น้องหลงเก็บทรงไม่อยู่..." หลงตอบด้วยท่าทีที่เคอะเขิน ทำเอาอีกคนถึงกับลั่นเสียงหัวเราะออกมาทันที
"ฮ่า ๆ ๆ อะไรคือเก็บทรงไม่อยู่คะน้องหลง"
"น้องหลงดีใจมาก ๆ ที่ได้เจอพี่ซอล ดีใจจนอยากวิ่งเข้าไปกอด น้องหลงคิดถึงพี่ซอลมากนะ แล้วตอนนี้พี่ซอลก็สวยมากเลย เหมือนเป็นพี่ซอลในเวอร์ชันที่สวยกว่าเดิม นึกว่สเป็นนางฟ้าตกสวรรค์นะเนี่ย"
"แหม...พูดเก่งขึ้นเยอะเลยนะ คงไปฝึกสกิลมาเยอะเลยสิ"
"ใช่ ที่ผ่านมาน้องหลงได้พัฒนาตัวเองหลายด้านมากเลยนะ เผื่อว่าวันหนึ่งเราได้กลับมาเจอกันอีก พี่ซอลจะภูมิใจในตัวน้องหลงบ้าง อ๊ะ!!" 
เพียงแค่สิ้นเสียง คนตัวเล็กก็โผเข้าไปสวมกอดเธอเอาไว้แน่นจนเกิดเป็นความเงียบ แต่มันคือความเงียบของความอบอุ่นและความคำนึงหาที่ต่างฝ่ายต่างมีให้กัน ทั้งสองกระชับอ้อมกอดแน่นเสียจนไม่มีใครสามารถผละออกได้ 
"คิดถึง...เราคิดถึงเธอเหลือเกิน" เสียงกระซิบที่แผ่วเบาแต่มันราวกับดังก้องอยู่ในโสตประสาท หลงหลับตาพริ้มและโอบกอดร่างอีกคนเอาไว้แน่น ก่อนจะกระซิบตอบกลับไป
"น้องหลงก็คิดถึงพี่ซอลเหลือเกิน..."
"ไม่ปล่อยมือกันไปไหนแล้วได้ไหม ตอนนี้เราโตพอที่จะรักเธอแล้วนะหลง"
"ไม่แล้ว...ไม่อีกแล้ว น้องหลงจะไม่ปล่อยมือพี่ซอลอีกแล้ว เพราะตอนนี้น้องหลงได้เรียนรู้อะไรมากพอแล้ว เด็กปากแข็งคนนั้น...จะบอกรักพี่ทุก ๆ วัน เด็กที่แสดงความรู้สึกไม่เก่งคนนั้น...จะโอบกอดพี่ทุกวัน จะจูบพี่ทุกครั้งที่พี่ต้องการ และจะทำทุกอย่างเพื่อที่จะให้พี่มีความสุขที่สุดที่ได้อยู่กับน้องหลง..."
"ขอบคุณนะหลง...ขอบคุณที่ยังไม่ไปไหน ขอบคุณที่เติบโตเพื่อกลับมาหาเราอีกครั้งนะ"
"เด็กคนนั้น...โตแล้วนะพี่" 
ทั้งสองค่อย ๆ ผละออกจากกันช้า ๆ ก่อนที่หลงจะโน้มตัวเข้าหาราวกับมีแรงดึงดูดบางอย่างที่ทำให้เธอลืมคิดไปว่าตอนนี้เธอกำลังอยู่ในห้องรับรองแขกที่มีกล้องวงจรปิดติดไว้ทั่วทุกมุมห้อง ความคิดถึงทำให้เธอราวกับตกอยู่ในภวังค์ แต่ทว่าเธอก็ต้องชะงักเมื่อมีฝ่ามืออุ่น ๆ สัมผัสที่ริมฝีปากแทน 
"น้องหลงคะ ห้องนี้มีกล้องวงจรปิด"
"เฮ้ย!! น้องหลงขอโทษค่ะ!!!" หลงรีบผละออกทันที พร้อมกับกระเด้งตัวลุกออกจากโซฟาอย่างร้อนรน 
"เฮ้อ...โดนพนักงานที่นี่ลวนลามจนได้ สงสัยต้องแจ้งท่านประธาน ตามเราไปที่ห้องท่านประธานเดี๋ยวนี้!!"
"เห!!??"


"ไหนบอกว่าจะพาไปห้องประธานไงคะคุณรมณ ทำไมถึงพามาดาดฟ้าล่ะ"
"เพราะที่นี่คือจุดสูงสุดของบริษัทไง มันคือห้องประธานสำหรับเรา"
"อะไรของพี่เนี่ย"
ทั้งสองเดินจูงมือกันท่ามกลางสายลมที่พัดมาทำให้ผมสีบลอนด์ทองที่ปล่อยเอาไว้พริ้วสยายไปตามแรงลม พระอาทิตย์เริ่มฉายแสงอำพัน เตรียมตัวบอกลาวันนี้ที่แสนราบเรียบ แต่วันนี้กลับพิเศษกว่าทุก ๆ วัน เพราะมีหญิงสาวที่สวยงดดุจเจ้าหญิงกลับมามอบรอยยิ้มให้เธอได้อบอุ่นหัวใจอีกครั้ง
บรรยายกาศในตอนนี้ราวกับย้อนกลับไปในวันนั้น...วันที่หลงได้ด่วนตัดสินใจและตัดรอนไปด้วยอารมณ์ วันที่เธอปล่อยมือคนที่รักดั่งดวงใจให้ออกห่างจากชีวิต แต่ถึงกระนั้นมันก็เพื่อที่ต่างคนต่างได้แยกย้ายกันไปเติบโต เพียงแค่เธอยังเด็กเกินกว่าจะรู้ว่าต้องใช้คำพูดอย่างไรที่จะรักษาน้ำใจอีกคนได้มากที่สุด
เหมือนสวรรค์รอคอยวันนี้เช่นกัน วันที่เธอเติบโตขึ้น และสามารถมีความสุขได้ด้วยตัวเองแล้ว ทำให้เธอได้รับของขวัญที่มีค่าที่สุดในชีวิตเป็นรางวัล ในใจลึก ๆ เธออยากอุ้มหญิงสาวตัวเล็กกลับบ้านเสียตอนนี้เลย แต่เธอกลับต้องใจเย็น และอดทนรอเวลาที่หมาะสมเสียก่อน
"สบายดีไหมหลง เราคิดถึงและอยากมาเจอเธอมากเลยนะรู้ไหม" หญิงสาวเอ่ยถามเมื่อเดินมาถึงขอบกั้นริมดาดฟ้า ก่อนจะใช้แขนเท้าไปกับราวเพื่อรับสายลมที่พัดมาปะทะกับใบหน้า
"หลงมีความสุขดีค่ะ ทุกอย่างรอบ ๆ ตัวหลงค่อย ๆ ดีขึ้นตามกาลเวลาค่ะพี่ซอล ทั้งชีวิตหลง ชีวิตแม่ แล้วก็ลูกจ๋าด้วย"
"อืม เราได้ยินข่าวจากพี่ ๆ ตลอด ว่าทุกคนมีความสุขและมีชีวิตที่ดีขึ้น"
"ค่ะ แล้วพี่ล่ะคะ สบายดีไหม" หลงว่าพลางกับใช้แขนเท้าไปที่ราวกั้นเคียงข้างกับหญิงสาวเช่นกัน
"เราก็สบายดีนะ เราคอยถามไถ่เรื่องเธอจากพี่ ๆ ตลอด แต่ช่วงนี้เราไม่ค่อยว่างน่ะ เพราะกำลังเรียนทำกาแฟ ก็ถือว่าเป็นการพัฒนาตัวเองไปอีกขั้นเหมือนกันนะ เราจะได้ไม่มีเวลาว่างมาคิดถึงเธอ ไม่งั้นเราคงกินไม่ได้ นอนไม่หลับอีกแน่ ๆ"
เธอพูดด้วยรอยยิ้ม ราวกับไม่มีความทุกข์ภายในใจ มันช่างเป็นรอยยิ้มที่อบอุ่นเสียนี้กระไร แม้บทสนทนาจะจบลงเพียงเท่านี้ แต่ทั้งสองกลับไม่ได้รู้สึกว่ามันน่าอึดอัดอย่างเช่นในวันนั้นอีกแล้ว แม้แต่แสงแดดสีอำพันมาก็ยังอบอุ่น ทั้งสายลมที่พัดโชยมาโอบอุ้มและทำให้ทั้งสองราวกับอยู่ในภาพวาดที่เป็นตอนจบที่แสนอบอุ่นในละครเรื่องหนึ่ง แต่มันคือเรื่องจริง...เรื่องจริงที่คนทั้งสองได้หวนกลับมาหากันอีกครั้งในเวลาที่เหมาะสมแล้ว
"เราได้ข่าวจากพี่โดว่า พนักงานที่นี่รักและเอ็นดูเธอมากเลย เห็นไหมเราบอกแล้ว ว่าเธอเป็นเด็กดี ใคร ๆ ต่างก็ต้องรักใคร่เอ็นดูเธอกันทั้งนั้น"
"มันอาจจะเพราะพี่ก็ได้นะคะ ที่ทำให้ทุกคนปฏิบัติกับหลงแบบนี้"
"หือ? จะเพราะเราได้ยังไง"
"ก็พี่เล่นฝากหลงกับคุณโดขนาดนั้น แถมคุณโดยังไปประกาศบอกทุกคนว่าให้ดูแลหลงให้ดีเพราะน้องสาวฝากดูแล ใคร ๆ ก็พูดว่าน้องหลงน่ะเด็กน้องสาวประธาน เลยปฏิบัติตัวดีกับหลงกันล่ะมั้ง" 
"หือ!!?" คนตัวเล็กชะงักพร้อมกับทำหน้าครุ่นคิด
"ไม่นะ เราไม่ได้ฝากพี่โดกับเธอเลย เราได้รู้ทีหลังด้วยซ้ำว่าเธอมาทำงานที่นี่"
"พี่อย่ามาอำน่า ถ้าไม่ใช่พี่แล้วจะเป็นใคร น้องสาวประธานก็มีแค่พี่เนี่ย...เอ๊ะ! เฮ้ย!!!"
จู่ ๆ หลงก็อุทานลั่น เพราะเมื่อมาคิดดูดี ๆ แล้ว น้องสาวประธานมีถึงสองคนเลยน่ะสิ
"อย่าบอกนะว่าเป็นพี่ฟา!!? จริงสิ...พี่ฟาเคยบอกให้หลงมาทำงานที่นี่ครั้งหนึ่ง หลงก็คิดว่าพี่ฟาแค่อยากให้หลงอยู่ห่าง ๆ จากพี่แค่นั้น" เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทำเอาคนตัวเล็กนิ่งไปครู่หนึ่ง
"นี่เธอไม่ได้อยู่ในแผนการของครอบครัวเราใช่ไหม"
"แผนการอะไรคะ"
"แผนการดัดนิสัยเด็กเอาแต่ใจ"
"หือ!!? คืออะไรคะ"
"เฮ้อ!!!" คนตัวเล็กถอนหายใจเฮือกใหญ่ พร้อมกับนั่งยอง ๆ ทำหน้ามุ่ยเกาะราวกั้นอย่างกับเด็กน้อย หลงจึงนั่งยอง ๆ ลงเคียงข้างกับเธออย่างไม่เข้าใจนัก
"เป็นอะไรคะหนูน้อย" หลงว่าพลางกับเอื้อมมือลูบศีรษะอีกคนอย่างอ่อนโยน
"ฮือ...เธอรู้ไหมหลง ว่าที่ผ่านมา ครอบครัวเราทดสอบเราหนักมาก"
"เรื่องอะไรคะ"
"ความจริงแล้วครอบครัวเรารู้ว่าเราสองคนคบกันตั้งนานแล้ว"
"หือ!!? จริงอะ!?"
"อืม...วันที่เราไปกินเลี้ยงกัน พี่ฟาจงใจมอมเหล้าเรา เพราะไม่อยากให้เรากลับบ้าน เพื่อที่พี่ฟาจะได้ไปวางแผนกับทุกคนในครอบครัวเรื่องจะคอยจับตาดูเราและจะคอยคุมความประพฤติไม่ให้เราหลอกเธอหรือทำให้เธอเสียใจ พี่จิ้งหรีดก็คอยรายงานพ่อเราตลอด และสาเหตุที่พี่ชายเราผลัดกันมาที่ร้านก็เพราะอยากดูความประพฤติเรานั่นแหละว่าปฏิบัติตัวกับเธอดีไหม ที่ผ่านมาทุกคนเล่นละครตบตาเราหมดเลย เด็กน่ารักนิสัยดีแบบเธอน่ะใคร ๆ ก็รัก ทั้งพี่โดและพี่มีต่างอยากได้เธอไปทำงานด้วย ดูเหมือนทุกคนรักเธอมากกว่าเราซะอีก เชอะ!!" เธอยังคงทำหน้ามุ่ยและเกาะราวกั้นอย่างกับลูกลิง หลงเห็นอย่างนั้นก็อดเอ็นดูไม่ได้ จะขำก็เกรงว่าอีกฝ่ายจะโกรธให้
"ถึงว่าล่ะ...ทำไมวันที่ไปกินข้าวบ้านพี่ครั้งแรก ทุกคนถึงได้ต้อนรับครอบครัวหลงดีขนาดนั้น"
"เธอน่ะเป็นลูกและน้องสะใภ้คนโปรดของบ้านเราเลยล่ะ ลูกจ๋าก็ดันเป็นเด็กฉลาดและก็นิสัยดีเหมือนเธอด้วย เชอะ! เธอกำลังแย่งความรักของทุกคนไปจากเรา"
"เปล่านะคะ...น้องหลงไม่ได้ทำอะไรเลย"
"เชอะ!!! ทุกคนมองเธอเป็นลูกรัก ส่วนเราน่ะ ทุกคนมองว่าเป็นเด็กเอาแต่ใจ เชอะ!!!"
"โอ๋ ๆ น้องซอลคนเก่ง ไม่งอนนะคะ"
"ไม่ต้องเลย!! บอกเลิกเราไม่พอ ยังหนีมาทำงานกับพี่ชายเราจนได้เป็นว่าที่น้องสะใภ้คนโปรดอีก เธอมันน่าหมั่นไส้จริง ๆ"
"ตัวเองนั่นแหละทิ้งเค้าไปอยู่อเมริกา เค้าก็รอตัวเองและไม่หันไปมองใครเลยนะ"
"เดี๋ยวนะ เราก็อยู่ไทย ใครบอกว่าเราทิ้งเธอไปอยู่อเมริกา" ต่างคนต่างหันขวับมามองหน้ากันโดยไม่ได้นัดหมาย ก่อนจะดวงตาเบิกโพลงราวกับไข่ห่านกันทั้งคู่
"อย่าบอกนะว่า...ตลอดเวลาหกเดือนที่ผ่านมาพี่อยู่ที่ร้าน?"
"เปล่า นาน ๆ เราเข้าร้านทีเพราะเราไปเรียนทำกาแฟมา แต่เราก็อยู่ที่คอนโดเหมือนเดิม"
"เฮ้ย!!! แล้วไหนบอกวว่าทำวีซ่าไปอเมริกาไง!?"
"หลง!! เราไปงานแต่งจีน!! ไม่งั้นเราจะชวนเธอไปด้วยทำไม!"
"เฮ้ย!!!" หลงรีบลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจ ที่ผ่านมาที่เธอต้องทนทรมานกับการไม่ได้พบกันมันคืออะไร...
"พี่แค่ไปงานแต่งคุณจีนเหรอ"
"อื้อ พอดีว่าแฟนจีนใจร้อนน่ะ ก็เลยจัดงานแต่งแบบมีแค่ครอบครัวและเพื่อนคนสนิท จีนบอกให้ชวนเธอไปด้วยนะ แต่ตอนนั้น...เธอบอกเลิกเราแล้ว"
"..."
นี่มัน...อะไรกันเนี่ย...
"มานี่เลย!!" 
หลงกระชากแขนคนตัวเล็กอย่างแรงจนร่างพุ่งทะยานมาอยู่ในอ้อมกอด ก่อนที่เธอจะกระหน่ำหอมแก้มไปฟอดใหญ่หลายต่อหลายครั้ง จนเจ้าตัวได้แต่พยายามดิ้นเพื่อที่จะให้หลุดพ้นจากการกระทำของเธอ
"อื๊อ!!! หลง!!! อ๊าย!! เราจั๊กจี้ คิก ๆ ฮ่า ๆ ปล่อยนะ!!"
"คิดถึงจนใจจะขาดอยู่แล้ว ไม่คิดจะโผล่หน้ามาหาหน่อยเหรอ!!?"
"ก็ใครจะไปรู้เล่า!! ก็วันนั้นเธอไม่พูดอะไรกับเราสักคำ เราก็คิดว่าเธอไม่อยากเจอเราแล้ว หรือไม่ก็ไม่รักเราแล้ว"
"น้องหลงรักพี่ซอล!!!!!" 
คนตัวเล็กสะดุ้งโหยงจนสติแทบเตลิด เมื่อจู่ ๆ หลงก็ตะโกนลั่นดาดฟ้า แม้แต่ฝูงนกต่างก็พากันบินนี้กระเจิงด้วยความตกใจราวกับหนีเสียงระเบิดอย่างไรอย่างนั้น
"หลง!! เธอทำบ้าอะไรเนี่ย!?"
"น้องหลงรักพี่ซอล!!!!!!!"
"ว๊าก!! จะเสียงดังทำไมเนี่ย!!!?"
"น้องหลงรักพี่ซอล" หลงเปลี่ยนจากการตะโกนลั่นเป็นบีบเสียงให้เล็กยิ่งกว่าคุยกับเจ้าแมวลายสลิด ใครกันล่ะที่จะอดเอ็นดูเธอไหว
"ฮ่า ๆ ๆ รักเราเท่ามดเหรอ เสียงเล็กเสียงน้อยเชียว"
"จะให้ตะโกนอีกรอบไหมล่ะ ว่าน้องหลงน่ะรักพี่เท่าจักรวาลเลย"
"ขี้โม้"
"ไม่ได้โม้ จับดูหัวใจน้องหลงสิ มันเต้นแรงมากเลยนะ น้องหลงอยากให้พี่ซอลรู้ว่าน้องหลงไม่เคยไม่รักพี่ซอลเลย น้องหลงจะตะโกนบอกรักพี่ซอลทุกวัน เพราะน้องหลงกลัวพี่ซอลไม่ได้ยินและไม่รู้ว่าน้องหลงรักพี่ซอลมากแค่ไหน"
"คำบอกรักน่ะ พูดเบา ๆ แค่เพียงเสียงกระซิบก็พอแล้ว เพราะเราใช้หัวใจฟัง" เธอพูดด้วยรอยยิ้ม
"พร้อมที่จะรับความรักที่น้องหลงเก็บไว้รอมอบให้พี่ซอลหรือยังคะ แล้วพี่ซอลจะได้รู้ว่าน้องหลงคิดถึงพี่ซอลมากแค่ไหน"
"พร้อมแล้วค่ะ"
"หลับตาค่ะ"
"ทำไมต้องหลับตาด้วย"
"คำว่ารักมันต้องใช้หัวใจฟัง"
ซอลยิ้มร่าก่อนจะหลับตาลงอย่างว่าง่าย แม้เธอจะหลับตาแต่การเคลื่อนไหวของคนตรงหน้ามันก็พอที่จะทำให้รับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายกำลังโน้มตัวลงมาใกล้ ๆ ลมหายใจอุ่น ๆ กำลังรดที่ใบหูของเธอ พร้อมกับเสียงกระซิบที่ดังก้องเข้าไปในโสตประสาท
"น้องหลงรักพี่ซอลนะคะ..."
สิ้นเสียงพูด ลมหายใจก็ค่อย ๆ เลื่อนผ่านใบหน้าของเธอ ก่อนที่จะได้รับสัมผัสที่นุ่มนวลและอ่อนโยนที่ริมฝีปาก เธอจึงเอียงศีรษะเพื่อปรับองศาให้ได้รับสัมผัสที่แนบแน่นขึ้นพร้อมกับใช้สองแขนโอบรอบท้ายทอย ในขณะที่เรียวแขนของอีกคนก็โอบรอบเอวของเธอเอาไว้เช่นกัน
ท่ามกลางสายลมยามเย็นและอาทิตย์อัสดงส่องเป็นสีอำพัน ส่องกระทบกับเรือนร่างทั้งสองคนสร้างบรรยากาศให้ดูอบอุ่นหัวใจมากยิ่งขึ้น แม้ความรักที่ทั้งสองเก็บเอาไว้และเฝ้ารอการที่จะได้กลับมาพบเจอกันอีกครั้งมันจะมากมายมหาศาลดั่งมหาสมุทร แต่จังหวะการจูบมันกลับอ่อนโยนและนุ่มนวลราวกับต้องการจะทะนุถนอมเอาไว้ให้ดีที่สุด 
ขอให้กาลเวลาและทุกสิ่งทุกอย่างที่สอนให้เราเติบโตจนวันนี้ ช่วยโอบอุ้มความรักของเราทั้งสองเอาไว้ที...อย่าให้มีสิ่งใดมาพรากเราจากกันอีกเลย...
น้องหลงจะไม่มีวันปล่อยมือจากพี่ซอลอีก น้องหลงขอสัญญาด้วยหัวใจ...
ยาย...ตอนนี้น้องหลงมีความสุขจริง ๆ แล้วนะ...
"เรารักเธอนะหลง..."
"น้องหลงก็รักพี่ซอลค่ะ..."
.
.
.
จบบริบูรณ์....
ม้า
ไรท์แวะมาคุย~`

“เย่~ เรื่อง เพียงกระซิบ ก็จบลงไปแล้วนะคะ และในที่สุดพี่ซอลและน้องหลงก็ได้กลับมาเจอกัน การรอคอยช่างมีความหมายจริง ๆ หวังว่าทุกคนจะชอบเรื่องนี้กันนะคะ”