A BAD Bodyguard | รอยแค้นบอดี้การ์ดสาว

A BAD Bodyguard | รอยแค้นบอดี้การ์ดสาว
ตอนที่ 17 ณิชา

1 ปีก่อน...
"อิจฉาคุณหนูณิชาชะมัด มีแฟนดี๊ดี เอาใจก็เก่ง ทำยังไงฉันจะมีแฟนดีเหมือนพี่แอนนาบ้างอะ"
"นั่นสิ พี่แอนนานี่ตัวท็อปเลยนะ มีสาว ๆ ให้เลือกตั้งเยอะตั้งแยะ แต่พี่เขาดันมาคบกับคุณหนูณิชาที่เอาแต่นั่งอ่านหนังสือในห้องสมุดแบบนี้ได้ยังไงเนี่ย เธอแอบไปหว่านเสน่ห์พี่แอนนาใช่ไหม"
"ถ้าอย่างเธอค่อยว่าไปอย่างนะพิงกี้ อย่าไปว่าณิชาแบบนั้นสิ ณิชาเรียบร้อยจะตาย"
"โอ๊ย! ก็เพราะณิชามันเรียบร้อยนี่แหละ ฉันเลยสงสัยไงวาว ว่าทำไมพี่แอนนาถึงมาหลงรักเพื่อนเราได้"
"ช้างพรายมันก็ต้องตามหาในป่าลึกแบบนี้แหละ คุณหนูน่ารัก นิสัยดีอย่างณิชาก็ต้องมาตามหาที่ห้องสมุด พี่แอนนาอาจจะตามหาผู้หญิงดี ๆ แบบนี้ก็ได้ไหมพิงกี้!"
"เลิกเถียงกันได้ไหม นี่มันห้องสมุดนะ"
ทันทีที่ฉันทักท้วงเพื่อนทั้งสอง พวกเธอจึงสงบเสงี่ยมท่าทีลงเพราะที่นี่คือห้องสมุด หากยังคุยกันเสียงดังเดี๋ยวจะไปรบกวนคนอื่นเข้า ฉันมักจะได้ยินพิงกี้กับวาวเถียงกันเพราะเรื่องฉันกับพี่แอนนาอยู่บ่อย ๆ ฉันเองก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไมคนที่ฮอตมาก ๆ อย่างพี่แอนนาถึงมาชอบฉันได้ คนไม่มีสีสันและเอาแต่อยู่ที่ห้องสมุดอย่างฉัน มันน่าหลงใหลตรงไหนกัน
ทุกคนมักจะพูดเสมอว่าฉันเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดที่ได้คบกับพี่แอนนา ซึ่งเธอก็ทำให้ฉันรู้สึกแบบนั้นจริง ๆ เธอเป็นแฟนคนแรกของฉัน ที่ไม่ว่าฉันจะขออะไร หรือจะทำอะไร เธอก็ไม่เคยขัดและคอยดูแลฉันอย่างดีมาตลอด หากฉันอยากอ่านหนังสือ พี่แอนนาก็จะมานั่งเฝ้าจนหลับไปทุกครั้ง และวันนี้ก็เช่นกัน เธอมานั่งเฝ้าฉันตั้งแต่เช้าจนฟุบหลับไปกับโต๊ะ เมื่อฉันเดินแยกออกมาเพื่อที่จะหาหนังสือเล่มใหม่อ่าน เพื่อน ๆ ก็เดินตามมาแซวฉัน แต่ทำไมกันนะ...ฉันกลับรู้สึกว่ามันเป็นการเหน็บแนม เหมือนเพื่อน ๆ จะอิจฉาฉันจริง ๆ
พี่แอนนาคอยดูแลฉันอย่างดี และคอยเอาใจฉันตลอดเวลาที่เราคบกัน จะว่าตั้งแต่ที่พี่แอนนาตามจีบฉันเลยก็ได้ การที่มีคนมามอบความรักให้แบบนี้มันทำให้หัวใจของฉันพองโตมากเลยล่ะ วัน ๆ เอาแต่อยู่ห้องสมุด แต่ดันได้เจอกับผู้หญิงสูงโปร่ง ใบหน้าสวยคมราวกับเป็นเจ้าหญิงมาจากดินแดนอันไกลโพ้นเพราะเธอเป็นลูกครึ่ง ทำให้เธอสวยสะดุดตากว่าทุกคนที่เรียนอยู่ที่นี่ นัยน์ตาสีน้ำตาลธรรมชาติแบบไม่ได้แต่งเติมมันทำให้ฉันหลงใหลจนละสายตาไม่ได้หากเราได้สบตากัน อีกทั้งรอยสักรูปเข็มทิศที่ข้อมือข้างขวา ยิ่งทำให้เธอดูดีและน่าค้นหากว่าคนไหน ๆ
"รอยสักของพี่แอนนามีความหมายว่าอะไรเหรอคะ"
"เข็มทิศนี่เหรอคะ"
"ใช่ค่ะ"
"เข็มทิศคือพลังแห่งการนำทางน่ะ เพราะเข็มทิศจะชี้ไปทางทิศเหนืออยู่เสมอ และพี่รักการเดินทางมาก ๆ เข็มทิศเลยจะคอยช่วยนำทางให้พี่ไปยังจุดหมายอยู่เสมอ เชื่อไหมคะ ว่าพี่ไม่เคยหลงทางเลย แต่มีครั้งหนึ่งที่พี่หลง...หลงจนหาทางออกไม่เจอเลย"
"จริงเหรอคะ พี่แอนนาไปหลงที่ไหนมาเหรอคะ"
"หลงฮันนี่ค่ะ ฮันนี่ทำให้พี่หลงรัก หลงจนหาทางออกไม่เจอ แม้แต่เข็มทิศยังช่วยนำทางไม่ได้เลย"
"บ้า..."
ยิ่งโดนคำพูดหวาน ๆ หยอดบ่อยเข้า หัวใจของฉันยิ่งพองโต เหมือนต้นไม้ที่กำลังจะตายถูกรดน้ำด้วยน้ำวิเศษที่ทำให้เบ่งบานในชั่วพริบตาอย่างไรอย่างนั้น ไม่คิดว่าชีวิตนี้จะได้เจออะไรแบบนี้เสียด้วยซ้ำ แต่สุดท้าย...มันกลับเป็นเพียงภาพลวงตา เมื่อฉันบังเอิญไปได้ยินพี่แอนนาคุยโทรศัพท์กับเพื่อน...
"ว่าไงมึง"
"ไปดิ! เพื่อนจัดสาวมาให้ขนาดนี้ ไม่ไปได้ไงวะ"
"ห้าทุ่มที่ยูนิเวิร์สนะ เดี๋ยวกูไปดื่มรอ เปิดห้องให้กูด้วย"
"เค ดีล! ขอบคุณมากเพื่อน"
ฉันเองก็อยากจะปลอบใจตัวเองว่าสิ่งที่ได้ยินมันเป็นการเข้าใจผิด ฉันไม่คิดว่าคนดี ๆ อย่างพี่แอนนาจะทำเรื่องแบบนั้นได้ ใช่...ฉันคงเข้าใจผิด แต่ฉันคงไม่ปล่อยให้มันค้างคาเป็นแน่
"คุณเกริกพลคะ คืนนี้ช่วยเตรียมรถให้ณิหน่อยนะคะ" ฉันหันไปพูดกับคุณเกริกพล บอดี้การ์ดส่วนตัวของคุณพ่อที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ฉัน เขาคงได้ยินเต็มสองรูหูเหมือนกับฉันแน่
"คุณหนูจะตามคุณแอนนาไปเหรอครับ"
"ค่ะ แค่อยากไปดูให้เห็นกับตาน่ะค่ะ ว่าพี่แอนนาไม่ได้นอกใจณิ และไม่ได้ทำเรื่องอะไรแบบนั้นแน่ ๆ"
"ได้ครับ เดี๋ยวผมจะแจ้งคุณท่านไว้ให้ ว่าคุณหนูจะใช้รถ"
"ห้ามบอกนะคะว่าณิจะไปผับ บอกแค่ว่าไปหาพิงกี้กับวาวก็พอ"
"รับทราบครับ"
ในคืนนั้นเอง ฉันรีบขับรถสปอร์ตคันหรูสีเทาที่คุณเกริกพลเตรียมไว้ให้เพื่อไปยังผับชื่อดังที่เป็นสถานที่นัดเจอกันระหว่างคนรักของฉันกับใครอีกคน โชคดีนักที่วันนี้พี่นงติดธุระจึงไม่ได้อยู่คอยดูแลฉันอย่างเช่นทุกวัน ฉันจึงแอบขับรถออกมาได้ เมื่อถึงที่หมาย ฉันแอบใจสั่นที่ต้องมายังสถานบันเทิงแบบนี้ ไม่ใช่เพราะมันเป็นสถานที่ที่ไม่คุ้นชิน แต่เพราะฉันกลัว...กลัวว่าจะเจอพี่แอนนาอยู่กับคนอื่นจริง ๆ ขออย่าให้มันเป็นอย่างที่ฉันคิดเลย
ฉันเดินฝ่าผู้คนเข้าไปยังผับแห่งนี้ เสียงเพลงอึกทึกครึกโครมมันทำให้ฉันอึดอัด บวกกับแสงไฟวิบวับที่สาดไปมาจนชวนเวียนหัว อยากจะอาเจียนออกมาในตอนนี้เลย แต่ฉันต้องกลั้นใจเพื่อที่จะตามหาคนรักของฉัน และสิ่งที่ฉันกลัวก็ดูเหมือนว่ามันจะเป็นจริง ฉันมองขึ้นไปบนชั้นสองก็ได้พบกับสาวสวยผมสีน้ำตาลแดงธรรมชาติกำลังจูบกันนัวกับผู้หญิงอีกคนที่กำลังนั่งอยู่บนตัก หัวใจของฉันแทบแตกสลายลงตรงนี้
ฉันยืนมองภาพบาดตาบาดใจอยู่อย่างนั้น มือข้างขวาที่กำลังสั่นเทาพยายามที่จะกดโทรออกหาคนรัก ฉันอยากจะรู้นัก ว่าเธอจะโกหกฉันว่ายังไง แต่ไม่ว่าจะกี่สายต่อกี่สายเธอก็ไม่กดตอบรับ มิหนำซ้ำเธอยังปิดเครื่องหนีฉันอีก ฉันเจ็บปวดจนร้องไม่ออก สิ่งที่ฉันทำได้ตอนนี้คือ...เข้าไปแสดงตัว ว่าฉันคือเจ้าของของเธอ!
ทันทีที่ฉันเดินขึ้นไปยังชั้นสอง ฉันกำลังยืนประจันหน้ากับคนทั้งสองที่กำลังทำหน้าตกใจที่ได้เจอฉัน ซึ่งคนหนึ่งคือคนรักของฉันเอง และอีกคน...คือเพื่อนสนิทที่ฉันรักและไว้ใจ ฉันคว้าแก้วน้ำขึ้นมาได้ก็สาดใส่หน้าพิงกี้ทันที จนบอดี้การ์ดของพี่แอนนาต่างพุ่งตัวเข้ามาล็อกตัวของฉัน แต่ฉันก็สะบัดแขนออก ก่อนจะตบหน้าคนที่ฉันรักมากที่สุดไปหนึ่งฉาก แต่คนที่เจ็บปวดมันกลับเป็นฉัน
เพี้ยะ!!
"พี่ทำแบบนี้กับณิได้ยังไง!!? พิงกี้!! เธอก็เหมือนกัน เธอคงอยากได้พี่แอนนาจนตัวสั่นสินะ ถึงได้มาแอบทำอะไรลับหลังกันแบบนี้"
"ฮันนี่คะ ฮันนี่กำลังเข้าใจผิด พี่แค่บังเอิญมาเจอกับน้องพิงกี้น่ะ พี่ว่าฮันนี่กลับไปก่อนดีกว่านะคะ ถ้าคุณแม่รู้เข้าคงโกรธฮันนี่มากเลย"
"เข้าใจผิดเหรอคะ นั่งตักกันแล้วจูบกันนัวขนาดนั้น มันมีอะไรที่ณิเข้าใจผิดเหรอคะ พี่เป็นคนแบบนี้สินะคะพี่แอนนา"
"เหอะ! ผู้หญิงใส ๆ แบบเธอมันไม่เหมาะสมกับพี่แอนนาเลยสักนิด นี่เธอไม่รู้เลยเหรอ ว่าที่พี่แอนนาตามเฝ้าเธอทุกวันน่ะ เพราะเขาอยากได้เธอไง แต่เธอน่ะมันเล่นตัวอยู่ได้ตั้งนาน ฉันเลยต้องมาสนองให้นี่ไง อย่าคิดว่าทำตัวใสซื่อแล้วจะมัดใจพี่แอนนาได้นะ"
"พิงกี้!!!"
"พอได้แล้ว!! กลับไปได้แล้วฮันนี่ วันนี้หนูไม่น่ารักเลยค่ะ แล้วทำไมถึงมาผับได้คะ แอบมาเที่ยวเหรอ"
"พี่นี่มันตอแหลนะพี่แอนนา พูดออกมาได้อย่างหน้าตาเฉยแบบนี้ได้ยังไง เหอะ!! ดีเหมือนกันค่ะที่ณิตามมาเลยได้หายโง่สักที ถ้าพี่อยากได้มันมาก งั้นเราสองคนก็จบกันแค่นี้แหละค่ะ ไปนอนกับมันให้พอใจ พิงกี้...เธอจะคบกับพี่แอนนาต่อก็ได้นะ ฉันจะถือว่าให้ทาน"
"ณิชา!!" ฉันไม่ฟังเสียงโอดครวญใด ๆ ที่ตามหลังมาทั้งนั้น เพราะฉันเจ็บที่รู้ว่าคนที่หักหลังคือเพื่อนของฉันเอง เหอะ...ถ้าฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่น่าหลงใหลแล้วจะมาตามจีบฉันทำไม ทำไมถึงไม่จีบเพื่อนฉันตั้งแต่แรก ฉันวิ่งลงมาที่ประตูทางออกจึงได้พบกับเพื่อนสนิทอีกคน วาวดูตกใจมากที่เห็นฉันที่นี่ แต่ดู ๆ แล้วเธอเองคงไม่ได้มากับพิงกี้หรอก เพราะเธอเพิ่งจะควงแขนผู้ชายอีกคนเข้ามา ฉันจึงเอี้ยวตัวหลบเพื่อที่จะเดินออกจากที่บ้า ๆ แห่งนี้ แต่เธอก็มาคว้าที่ข้อมือของฉันเสียก่อน
"ณิ!! เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง!!?"
"ฉันแค่แวะเอาของมาให้พี่แอนนาน่ะ กลับก่อนนะวาว อย่าบอกพ่อกับแม่ฉันนะว่าฉันแอบมาผับ" พูดจบฉันจึงรีบวิ่งออกไปทันที โดยมีวาววิ่งตามฉันออกมาติด ๆ คงจะเพราะเห็นสีหน้าของฉันที่ดูไม่สู้ดีล่ะมั้ง เมื่อฉันใช้รีโมทเปิดล็อกรถ ยังไม่ทันที่จะได้เอื้อมเปิดประตูรถเสียด้วยซ้ำ วาวก็เรียกฉันเสียก่อน
"ณิ!! แกไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้ไหม"
"ไม่รีบไม่ได้ ถ้าพ่อกับแม่รู้ว่าฉันมาผับ ฉันต้องโดนกักบริเวณแน่ ๆ" ฉันตอบไปแบบส่ง ๆ แต่ความจริงฉันไม่อยากทนอยู่ที่นี่แล้วต่างหาก
"ไม่เป็นไรหรอกมั้ง เธอแค่แวะมาเองนะ"
"ก็ถ้าฉันไม่ได้แอบพ่อกับแม่มา มันก็จะไม่เป็นอะไรหรอก แต่นี่ฉันเล่นแอบออกมาดึก ๆ แบบนี้ ฉันต้องซวยแน่ ๆ ไปนะ ค่อยคุยกัน!"
"อะ...อ้าว...ณิ!!!"
เมื่อฉันขึ้นมาบนรถได้ ฉันก็รีบขับออกไปทันทีพร้อมกับน้ำตาที่หลั่งไหลออกมาเป็นสาย ความเจ็บปวดที่ฉันได้พบเจอมันทำให้ฉันแทบไม่เหลือสติอีกแล้ว ฉันเหยียบคันเร่งแบบไม่คิดชีวิต หากมันจะตายก็ตายไปเลย ฉันไม่อยากทนอยู่ในสภาพแบบนี้ ทำไมทุกคนต้องทำเหมือนรักฉัน นี่ฉันจะต้องอยู่กับภาพมายาแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่กัน...ทำไม!!!
"ฮือ ๆ ฮือ ๆ ฮึก ๆ"
โครม!!!!!
...
...
...
...
...
"เฮ้อ..."
"คุณหนูนั่งถอนหายใจมาตั้งแต่เช้าแล้วนะคะ เป็นคนบอกให้คุณปัญญาวีหยุดพักเองแท้ ๆ แต่ตัวเองเอาแต่นั่งมองโทรศัพท์อยู่แบบนี้ ไม่สมกับเป็นคุณหนูเลยค่ะ" นงคราญพูดพลางกับมองคุณหนูของเธอนั่งหันหน้าออกไปทางนอกหน้าต่างห้องนอน ณิชาเอาแต่นั่งมองโทรศัพท์ที่ถืออยู่ในมือและถอนหายใจเฮือกใหญ่หลายต่อหลายครั้ง ราวกับคนพร่ำเพ้อหาคนรักก็ไม่ปาน
"ณิคิดถึงคุณปัญค่ะพี่นง"
"อย่าว่าอย่างงั้นอย่างงี้เลยนะคะ ทำไมคุณหนูถึงยอมมอบกายให้เขาขนาดนั้น ทั้ง ๆ ที่คุณหนูก็รู้ว่าเรื่องนี้จะจบยังไง"
"ณิรู้ค่ะ ว่าปลายทางเราก็ต้องแยกจากกัน แต่ตอนนี้...ณิอยากมีความสุขกับคนที่ณิรักให้มากที่สุด อนาคตจะเป็นยังไงณิไม่สน"
"คุณหนูคิดดีแล้วเหรอคะที่ทำแบบนี้"
"ณิคิดดีแล้วค่ะ เพราะไม่ว่ายังไง...ณิก็ต้องตกเป็นของพี่แอนนาสักวันอยู่ดี ณิมอบครั้งแรกให้กับคนที่ณิรักด้วยความเต็มใจ หลังจากนี้...ณิไม่เสียดายแล้วค่ะ..." แม้ณิชาจะพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม และสีหน้าและแววตาของเธอกลับเต็มไปด้วยร่องรอยของความเจ็บปวด นงคราญสังเกตท่าทีของคุณหนูที่ไม่ได้ดูคิดถึงบอดี้การ์ดสาวอย่างที่พูด แต่คล้ายคนกำลังซ่อนความรู้สึกบางอย่างเอาไว้ในใจ เธอจึงเดินเข้าไปสัมผัสที่บ่าทั้งสองข้างอย่างแผ่วเบา ก่อนจะโน้มตัวลงกอดร่างบางที่กำลังนั่งหันหลังอยู่
"คุณหนูมีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าคะ บอกพี่ได้นะคะ"
"พี่นงคะ...คุณปัญ...ไม่ได้รถล้มใช่ไหมคะ"
"ก็รถล้มอย่างที่เพื่อนของเขาแจ้งพี่นั่นแหละค่ะ"
"ณิได้ยินพี่นงกับคุณปัญคุยกัน คุณปัญโดนรอบทำร้ายแบบนี้ทำไมพี่ถึงไม่บอกณิ!!" ณิชาตวาดเสียงแข็งจนนงคราญถึงกับสะดุ้ง ก่อนณิชาจะผละออกจากอ้อมกอดและลุกขึ้นพรวดจากรถเข็นไฟฟ้าที่เธอนั่งอยู่ เธอหันหน้ามาทางพี่เลี้ยงสาวและก้าวเข้าหาด้วยดวงตาที่แดงก่ำ
"พี่นงจะปิดบังเรื่องนี้กับณิทำไม พี่นงก็รู้ว่าณิรักคุณปัญมากแค่ไหน!!"
"พี่ไม่ได้ตั้งใจที่จะปิดบังนะคะคุณหนู แต่เพราะเรื่องนี้มันเกินขอบเขตของเราไปมาก ไม่คิดว่า 'พวกนั้น' มันจะเล่นแบบนี้กับเรา และพี่ก็กลัวว่าคุณหนูจะเป็นห่วงคุณปัญจนไม่เป็นอันทำอะไร พี่ก็เลย..."
"พี่ก็เลยปล่อยให้เธอไปเผชิญกับเรื่องอะไรก็ไม่รู้!! ถ้าบังเอิญว่าคุณปัญไม่รอดกลับมา พี่จะทำยังไง!!? ณิก็เกือบตายมาแล้ว พี่คิดว่าพวกนั้นมันไม่กล้าฆ่าคุณปัญเหรอคะ ณิเสียคุณปัญไปไม่ได้...ฮึก ๆ" พูดจบหญิงสาวจึงหลั่งน้ำตาออกมาทันที พี่เลี้ยงสาวจึงเดินเข้าไปสวมกอดเธอช้า ๆ ก่อนจะประคองศีรษะของเธอให้ซบลงที่บ่าเอาไว้
"พี่สัญญาค่ะ ว่าจะไม่ให้เกิดเรื่องอะไรกับคุณปัญญาวีแน่ ๆ แต่เราต้องดำเนินตามแผนของเราไปก่อนนะคะ"
"เพิ่มคนคุ้มกันน้องปุณทีนะคะพี่นง ให้บอดี้การ์ดผลัดกันเฝ้าระวังรอบ ๆ บ้านตลอด 24 ชั่วโมง สถานการณ์แบบนี้ณิไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น ส่วนคุณปัญ...ให้คนคอยติดตามดูอยู่ห่าง ๆ อย่าให้คาดสายตา อย่าให้เกิดเรื่องอะไร หรืออย่าให้ใครทำอะไรคุณปัญได้แม้แต่นิดเดียว"
"ค่ะคุณหนู"


อืด อืด อืด~
เมื่อโทรศัพท์มือถือสั่นครืดอยู่ในมือ นงคราญจึงเหลือบมองคุณหนูณิชาที่กำลังตั้งอกตั้งใจกับการนั่งอ่านหนังสืออยู่ภายในห้องอ่านหนังสือแบบส่วนตัว เธอจึงเปิดประตูออกจากห้องอย่างเบาเสียงที่สุด
"ฮัลโหล ได้เรื่องว่ายังไงบ้าง"
"มันพาแม่ของมันหนีไปอยู่ที่บ้านหลังเก่าของคุณปัญญาวีครับ"
"เหอะ...มันกล้ามากที่หนีไปอยู่ที่นั่น คุณปัญญาวีคงไม่เอะใจ"
"ใช่ครับ ที่ที่อันตรายที่สุด มักจะเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุดครับคุณนงคราญ"
"อืม จับตาดูมันทุกฝีก้าว อย่าให้คาดสายตา"
"ผมว่ามันหนีไปซุกหัวอยู่บ้านคุณปัญญาวีไม่ได้นานหรอกครับ"
"ทำไม"
"แม่ของมันเป็นอัลไซเมอร์ จ้องจะกลับบ้านหลังเก่าท่าเดียวเลยครับ จนมันเองก็แทบไม่ได้หลับไม่ได้นอนเพราะระแวงว่าแม่จะหนีกลับบ้าน"
"จะยังไงก็ตาม ติดตามดูมันทุกฝีก้าวเข้าใจไหม!! ถ้ามันตุกติกก็ยิงขู่มัน"
"รับทราบครับ"
ทันทีที่สิ้นสุดการสนทนาระหว่างนงคราญและชายปริศนา เสียงเครื่องยนต์รถสปอร์ตก็ดังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ เธอจึงเดินออกไปที่หน้าประตูบ้านก็พบว่าเป็นเสียงเครื่องยนต์ของรถสปอร์ตคันหรูสีแดง ก่อนสาวสวยผมน้ำตาลแดงเจ้าของรถจะเปิดประตูลงมา มุมปากข้างหนึ่งจึงยกตั้งขึ้นทันที
"สวัสดีค่ะคุณแอนนา"
"อือ ณิชาอยู่ไหน"
"อยู่ที่ห้องอ่านหนังสือค่ะ เดี๋ยวอีกสักหน่อยคุณหนูก็คงจะหลับแล้วค่ะ ช่วยพาคุณหนูเข้านอนกลางวันด้วยนะคะ ฉันต้องออกไปทำธุระข้างนอก"
"เดี๋ยวฉันจัดการเอง" สาวสวยพูดพลางกับพับแขนเสื้อเชิ้ตขึ้นจนเผยให้เห็นรอยสักรูปเข็มทิศที่ข้อมือข้างขวา นงคราญจึงยืนมองแผ่นหลังของสาวสวยเจ้าของผมสีน้ำตาลแดงที่กำลังเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นสอง ก่อนรอยยิ้มมุมปากจะเผยขึ้นอย่างมีเลศนัยอีกครั้ง


ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
มือข้างขวาที่มีรอยสักรูปเข็มทิศเอื้อมไปเคาะประตูไม้แกะสลักสุดหรู แต่กลับไม่ได้ยินเสียงตอบกลับมา เธอจึงเปิดประตูเข้าไปช้า ๆ อย่างเบาเสียงที่สุด คุณหนูณิชากำลังนั่งพิงชั้นวางหนังสือแล้วหลับตาพริ้มราวกับเจ้าหญิงตัวน้อย หนังสือเล่มหนายังวางค้างอยู่ที่ตัก เธอจึงค่อย ๆ หยิบหนังสือออกจากมือน้อย ๆ อย่างระมัดระวังเพราะกลัวว่าจะปลุกเจ้าหญิงตัวน้อยที่กำลังหลับใหลให้ตื่นจากฝันดี ก่อนจะนั่งลงเคียงข้างและยกหนังสือขึ้นมาอ่าน
"อ่านหนังสือสอบสวนสืบสวนงั้นเหรอ คุณหนูอย่างเธอนี่มีอะไรให้ผิดคาดเยอะแยะเต็มไปหมดเลยนะณิชา" พูดจบเธอจึงเก็บหนังสือให้เข้าที่ ก่อนจะค่อย ๆ ใช้เรียวแขนช้อนร่างบางขึ้นอุ้มอย่างระมัดระวัง 
แอนนาอุ้มเธอราวกับร่างบางเป็นเพียงตุ๊กตา ก่อนจะเดินไปยังห้องนอนห้องหนึ่งที่อยู่บนชั้นสองซึ่งมันจะเป็นของใครไปไม่ได้นอกเสียจากห้องนอนห้องเก่าของคุณหนูณิชา เธอพยายามบิดลูกบิดประตูอย่างทุลักทุเลโดยการย่อตัวลงให้มือข้างขวาที่ช้อนส่วนขาอยู่ระดับเดียวกับลูกบิด ก่อนจะหมุนแล้วใช้เท้ายันประตูเปิดทาง
เธอมองไปรอบ ๆ บ้านที่เงียบสงัดราวกับไม่มีใครอยู่ ไม่มีแม้แต่บอดี้การ์ดหน้าสวยที่เธอไม่ถูกชะตาเอาเสียเลย ทุกอย่างช่างเป็นใจอะไรขนาดนี้ เธอจึงเดินเข้าไปในห้องนอนโทนสีขาวรับกับสีครีมดูอบอุ่นสบายตาที่จะกลายเป็นวิมารแห่งความสุขของเธอในไม่ช้า เมื่อเธอวางร่างบางลงบนเตียงนอนขนาดคิงไซส์ได้สำเร็จ เธอจึงก้าวขึ้นไปนั่งคร่อมบนร่างบางที่ยังคงหลับใหล ก่อนจะเอื้อมมือสัมผัสใบหน้าเนียนอย่างแผ่วเบา
"ตอนหลับนี่น่ารักจริง ๆ" สิ้นสุดเสียงพูดริมฝีปากทั้งสองจึงประกบเข้าด้วยกันอย่างนุ่มนวลเพราะเธอช่ำชองกับการสร้างความพึงพอใจในเรื่องแบบนี้ พร้อมกับมือซ้ายค่อย ๆ ปลดกระดุมเม็ดเล็กช้า ๆ ก่อนจะเลื่อนริมฝีปากมาพรมจูบที่ต้นคอระหงจนมือเล็กข้างหนึ่งตอบสนองด้วยการคล้องคอเธอเอาไว้ แล้วสอดแทรกนิ้วเรียวเข้าใต้ไร้ผมสีน้ำตาลแดงช้า ๆ
"อา...คุณปัญ..."
ทันทีที่เสียงครางหวาน ๆ หลุดออกมาเป็นชื่อของคนที่เธอไม่อยากจะเห็นหน้า เธอถึงกับชะงัก แต่เธอไม่ได้ผละออกแต่อย่างใด เธอก้มลงซุกไซร้ที่ต้นคอจนมาถึงเนินอกที่ถูกเปิดเผยเพราะกระดุมเม็ดเล็กนั้นปลดออกจนหมดแล้ว มือเรียวข้างซ้ายบีบคลึงหน้าอกข้างหนึ่งจนได้ยินเสียงครางเล็ดลอดออกมาอีกครั้ง
"ค...คุณปัญคะ ทำตอนกลางวันไม่ได้นะคะ เดี๋ยวพี่นงมาเห็น"
หึ...ที่พยายามปฏิเสธฉันแบบขึงขังขนาดนั้น คงเป็นเพราะมันแน่ ๆ มันคงได้เธอแล้วสินะณิชา...
เสียงคิดภายในใจที่แฝงไปด้วยความโกรธแค้น เธอจึงค่อย ๆ ลูบไล้ที่ต้นขาเนียนแล้วเลื่อนขึ้นช้า ๆ เข้าไปใต้กระโปรงชุดเดรสจนขาเรียวดิ้นไปมา ก่อนผมสีน้ำตาลแดงของเธอจะถูกขยุ้มเอาไว้แน่นแล้วดึงออกจากหน้าอก เธอถึงกับร้องเสียงหลง
"โอ๊ย ๆ ๆ ฮันนี่คะพี่เจ็บ!"
"พี่แอนนา!!!" 
ทันทีที่เห็นว่าคนที่อยู่บนตัวของเธอไม่ใช่บอดี้การ์ดสาวอย่างที่เข้าใจ ณิชาจึงรีบผลักร่างออกก่อนจะใช้มือดึงเสื้อมาปิดหน้าอกเอาไว้พร้อมกับถอยหนีด้วยท่าทีหวาดกลัว หญิงสาวผมสีน้ำตาลแดงจึงอมยิ้มมุมปากออกมาก่อนจะจับที่ข้อเท้าจนณิชาถึงกับสะดุ้งโหยง
"กลัวพี่เหรอคะ ทีตอนพี่จูบฮันนี่ ไม่เห็นจะกลัวเลย คิดว่าพี่เป็นบอดี้การ์ดหน้าสวยนั่นเหรอ เอ...คำพูดของฮันนี่เมื่อกี้มันทำให้พี่เจ็บจังเลย ที่ไม่ยอมกลับมาคบกับพี่ เพราะแอบไปได้เสียกับบอดี้การ์ดส่วนตัวเหรอคะฮันนี่"
"พี่แอนนา!! พี่มาที่นี่ทำไม!!!? แล้วพี่นงไปไหน"
"ไม่รู้สิคะ คงเปิดทางให้พี่มาหาฮันนี่มั้ง"
"ออกไปจากบ้านณิเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นณิจะโทรเรียกคุณปัญมาลากคอพี่ออกไป"
"มันไปต่างจังหวัดนู่น...มันมาช่วยฮันนี่ไม่ทันหรอก"
"พี่รู้ได้ยังไง"
"เพราะพี่ให้คนของพี่ตามมันตลอดไง พี่ถึงรู้ว่าวันนี้มันไม่อยู่ เป็นโอกาสที่ดีนะคะ ที่เราจะได้ปรับความเข้าใจกัน เราจะได้กลับมาคบกันสักทีไง"
"ไม่มีวัน!! ณิไม่มีวันกลับไปคบกับคนเลว ๆ อย่างพี่หรอก พี่ให้คนติดตามคุณปัญทำไม!!?"
"พี่เกลียดมันค่ะ ไม่ว่าใครก็ชอบมันหมด ดูท่าแล้วฮันนี่ก็คงชอบมันจนยอมมอบกายให้มันล่ะสิ ขนาดแฟนเก่าของพี่ยังชอบมันเลย น่าเบื่อชะมัด แค่เห็นหน้ามันครั้งเดียวก็หลงมันจะตาย พยายามบอกเลิกพี่ บอกว่าพี่ไม่อ่อนโยนเหมือนกับมัน พอได้ยินเสียงปืนปั้งเดียว ก็เห็นแต่เงียบกริบไม่พูดถึงมันอีกเลย"
"นี่พี่...ฆ่าเขาเหรอ"
"เปล่านะคะ ไม่ได้ฆ่า แค่ปืนมันลั่นใส่เฉย ๆ"
"พี่แอนนา!! พี่นี่มันเลวจริง ๆ อย่าคิดที่จะทำร้ายคุณปัญแม้แต่นิดเดียว ไม่งั้นณิจะ..."
"ณิจะอะไรคะ? จะฆ่าพี่เหรอ...ได้นะ พี่ไม่กลัวตายหรอก แต่อย่าลืมสิว่าตอนนี้ใครได้เปรียบ บอดี้การ์ดเก่ง ๆ รวมถึงคุณพ่อคุณแม่ของฮันนี่ก็ไปต่างประเทศกันหมด"
"พี่ต้องการอะไรพี่แอนนา พี่ทำแบบนี้เพื่ออะไร อย่าทำร้ายคุณปัญ ณิขอร้อง พี่อยากได้อะไรณิจะหามาให้"
"อยากได้น้องณิค่ะ พี่ได้มาหมดแล้ว พี่มีทุกอย่างแล้ว แต่พี่ไม่เคยได้น้องณิเลย ให้ได้ไหมคะ ถ้าให้ได้พี่สัญญาค่ะว่ามันจะปลอดภัย"
"คำพูดของพี่มันเชื่อได้อย่างนั้นเหรอคะ" เมื่อณิชาพูดจบ แอนนาจึงล้วงเอาโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงออกมา ก่อนจะกดโทรออกหาใครบางคน แล้วกดปุ่มเปิดลำโพงจนได้ยินเสียงสัญญาณรอสาย ณิชาจึงจ้องมองเธอพลางกับรอการตอบรับอย่างใจจดใจจ่อว่าเธอกำลังจะทำอะไร
"สวัสดีครับคุณแอนนา"
"ยกเลิกการติดตามผู้หญิงที่ชื่อปัญญาวี ห้ามทำอะไรเธอเด็ดขาด"
"ทำไมล่ะครับคุณแอนนา"
"ไม่ต้องถาม ฉันบอกให้ยกเลิกก็ทำตามที่ฉันสั่งซะ!!"
"รับทราบครับ"
ติ๊ด!
"เป็นไงคะ พี่ทำให้ดูแล้วนะคะ ว่าพี่พูดจริงทำจริง แล้วน้องณิล่ะคะ...จะทำจริงอย่างที่พูดหรือเปล่า"
"..." ณิชากัดฟันเอาไว้แน่นก่อนจะใช้มือที่กำลังสั่นเทาเปิดเสื้อออกช้า ๆ แล้วถอดออกอย่างว่าง่าย รอยยิ้มจึงแต้มบนใบหน้าของสาวสวยลูกครึ่งทันที
"พูดง่ายแบบนี้ค่อยน่ารักหน่อย ไม่ต้องห่วงหรอกนะคะ พี่จะทำด้วยความรักที่พี่มีต่อฮันนี่นะคะ ถ้ากลัวก็หลับตาค่ะ แล้วจะจินตนาการว่าคนที่ทำคือมันก็ได้พี่ไม่ว่า ใครทำมันก็เหมือนกันนั่นแหละค่ะ ยังไงก็เสร็จเหมือนกัน"
"เลิกพูดแล้วก็รีบทำรีบกลับค่ะ ก่อนที่พี่นงจะกลับมา"
"อืม...รีบซะด้วย งั้นพี่เริ่มเลยนะคะ"
ทันทีที่พูดจบ...พี่แอนนาก็เข้ามาจูบฉัน แม้จะเป็นการจูบที่อ่อนโยนและนุ่มนวลแต่หัวใจของฉันกลับเจ็บปวดจนแทบแหลกสลาย ฉันรู้ดี...ว่าสักวันพี่แอนนาจะต้องยื่นข้อเสนอแบบนี้เพื่อแลกกับชีวิตของคุณปัญแน่ ๆ แต่ไม่คิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้ ทุกการสัมผัสฉันพยายามจินตนาการว่ามันคือสัมผัสของคุณปัญ แต่น้ำตาเจ้ากรรมกลับรินไหลออกมาไม่หยุด เพราะสมองของฉันมันดันรู้ว่าคนที่กำลังเสพสุขบนร่างกายของฉันคือพี่แอนนา ไม่ใช่คุณปัญญาวีที่ฉันรักทั้งหัวใจ...


ตกดึกคืนนี้ ฉันนั่งมองออกไปด้านนอกหน้าต่างอย่างเลื่อนลอย ฉันรังเกียจและสมเพชตัวเองมาก ฉันหักหลังคุณปัญไปแล้ว ฉันตกเป็นของพี่แอนนาแล้ว...ฉันได้แต่ภาวนาขอให้คุณปัญปลอดภัยและขออย่าให้พี่แอนนาผิดคำพูดแล้วตลบหลังฉัน แต่ทุกครั้งที่ฉันจะอธิษฐานในใจ เสียงครางที่มันเกิดจากคนอีกคนที่ไม่ใช่คุณปัญมันก็ทำลายสมาธิของฉันครั้งแล้วครั้งเล่า ร่างกายที่มีแต่รอยจูบเต็มไปหมดแบบนี้...มันทำให้ฉันขยะแขยงจนอยากจะเอามีดแทงตัวเองให้ตายไปซะ!!
"คุณหนูคะ เข้านอนได้แล้วค่ะ"
"ณิไม่ง่วงค่ะ"
"ดูเหมือนว่าวันนี้คุณปัญญาวีจะไปต่างจังหวัดนะคะ คุณหนูไม่ต้องรอเธอกลับมาหรอกค่ะ"
"ณิจะรอค่ะ ณิอยากเจอคุณปัญ"
"ทำไมถึงได้เพ้อหาแต่เธอแบบนี้คะ เมื่อก่อนคุณหนูไม่เคยเป็นแบบนี้"
"เพราะตอนนี้ณิมีคุณปัญแล้วค่ะ พี่นงไม่เคยรักใคร...พี่คงไม่เข้าใจหรอก"
"คุณหนูคะ..."
อืด อืด อืด ~
โชคดีที่เสียงโทรศัพท์ดังขัดจังหวะก่อนที่ฉันกับพี่นงจะทะเลาะกัน ฉันเองก็ไม่อยากทำให้พี่นงต้องเป็นห่วงเลย ฉันจึงได้แต่เก็บเอาบาดแผลในใจไว้แต่เพียงผู้เดียว
"ฮัลโหล"
"อะไรนะ!!! ฉันบอกให้ติดตามทุกฝีก้าวไง ทำไมถึงได้ทำงานกันแบบนี้!!!!"
ทันทีที่พี่นงตะคอกกลับไปยังปลายสาย หัวใจของฉันเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ หวังว่า...จะไม่ใช่เรื่องคุณปัญนะ
"เกิดอะไรขึ้นคะพี่นง"
"เอ่อ..."
"พี่นง!!! ณิเกิดอะไรขึ้น!!?"
"น้องชายของคุณปัญญาวี ถูกฆ่าปิดปากแล้วค่ะ"
"อะไรนะคะ!!!? พี่ปล่อยให้พวกมันทำแบบนี้ได้ยังไง!!!"
"คนของเราชะล่าใจเองค่ะ ไม่คิดว่ามันจะฉวยโอกาสจัดการได้เร็วขนาดนี้ แต่คนของเราพยายามยื้อชีวิตของเขาอยู่ค่ะ ชีพจรของเขายังเต้นอยู่"
"พี่นงออกไปจัดการเรื่องทั้งหมดตอนนี้เลยค่ะ หาหมอที่เก่งที่สุดมาช่วยเขาให้ได้"
"ไม่ได้ค่ะ พี่ออกไปตอนนี้ไม่ได้ เพราะคุณปัญญาวีอาจจะกลับมาแก้แค้นคุณหนูก็ได้ คุณปัญญาวีอาจจะเข้าใจผิดคิดว่าคุณหนูอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมด"
"ไม่ค่ะ คุณปัญไม่ทำร้ายณิแน่นอน ณิเชื่ออย่างนั้น"
"แต่พี่ไม่ไว้ใจเธอ!!"
"ก็ถ้าคุณปัญจะทำร้ายณิ ป่านนี้ณิคงตายไปแล้ว ขอร้องล่ะค่ะพี่นง ช่วยชีวิตเขาให้ได้ อย่าให้คุณปัญต้องสูญเสียใครอีกเลย"
"แต่คุณหนูคะ..."
"ไม่ต้องห่วงณินะคะ พี่นงเชื่อใจคุณปัญเถอะค่ะ ว่าคุณปัญจะไม่กลับมาทำร้ายณิแน่นอน"
"งั้นพี่จะให้ลุงก้องอยู่ที่นี่นะคะ หากเกิดอะไรขึ้น ให้รีบขอความช่วยเหลือทันที"
"ค่ะพี่นง ณิฝากเรื่องทางนั้นด้วยนะคะ จะกี่ล้านณิก็จะจ่าย ขอแค่เขาปลอดภัย"
"รับทราบค่ะ"
ฉันนั่งมองพี่นงวิ่งออกไปอย่างเร่งรีบก่อนจะก้มมองมือทั้งสองข้างที่กำลังสั่นเทา ที่ฉันให้พี่นงออกไปตอนนี้เพราะฉันจะเปิดทางให้คุณปัญยังไงล่ะ...ฉันรู้ดี...ว่าวันนี้คุณปัญต้องกลับมาแน่ ๆ แต่จะกลับมาด้วยเหตุผลอะไรฉันไม่รู้ ถ้าจะกลับมาเพื่อแก้แค้นฉันก็ยินดี เพราะฉันก็ทนเห็นสภาพที่น่าขยะแขยงของฉันไม่ได้เหมือนกัน และถึงคุณปัญไม่ได้เป็นคนฆ่าฉัน ยังไงฉันก็ต้องตายอยู่ดี แต่ขอเถอะ...หากฉันจะตาย ฉันขอตายด้วยน้ำมือของคนที่ฉันรักจะได้ไหม...
ขอโทษนะคะคุณปัญที่ณิคืนชีวิตแม่ของคุณไม่ได้...แต่หลังจากเรื่องทุกอย่างจบ ณิยินดีที่จะจากไป เพื่อที่จะชดใช้...ชีวิตแม่ของคุณ...
ม้า
ไรท์แวะมาคุย~`

“ตอนนี้เราก็ได้รู้เบื้องหลัง 'ส่วนหนึ่ง' ของคุณหนูณิชาแล้วนะคะ ซึ่งแน่นอนว่ายังมีอีกหลาย ๆ ปมที่ยังไม่คลี่คลาย มาเอาใจช่วยตัวละครทุกคนด้วยนะคะว่าจะคลายปมทั้งหมดได้หรือไม่ และปัญญาวีจะแก้แค้นถึงขั้นเอาชีวิตของคุณหนูไหม โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ...”