แผนเกมรักไม่รู้ลืม (เร็ว ๆ นี้ที่ readAwrite)

แผนเกมรักไม่รู้ลืม (เร็ว ๆ นี้ที่ readAwrite)
ตอนที่ 6 หวั่นไหว

ภายในร้านอาหารหรูที่ประธานสาวพาเลขาคนใหม่ของตนมานั้น ลูกค้าส่วนใหญ่ของที่นี่ล้วนแล้วแต่เป็นนักธุรกิจ และเหล่าผู้รากมากดีที่ต้องการกินอาหารหรู ๆ ในมื้อเที่ยง ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มีแต่คนดูมีภูมิฐานกันทั้งนั้น จึงไม่แปลกใจที่กุลสินีมีท่าทีเก้ ๆ กัง ๆ ตั้งแต่เดินเข้ามาในร้าน ตลอดจนทั้งสองได้นั่งที่โต๊ะอาหารที่มีการจัดเตรียมเอาไว้รออยู่แล้ว
"อยากกินอะไรสั่งได้เลยนะ" ประธานสาวพูดด้วยรอยยิ้ม คงจะอารมณ์ดีมาตั้งแต่ตอนแกล้งเธอเรื่องเซ็นเอกสารกระมัง
"เอ่อ...ขอบคุณนะคะ แต่ฉันว่า ฉันเหมาะกับร้านอาหารข้างทางมากกว่า"
"เธอนี่นะ! พามากินอาหารหรู ๆ ไม่ชอบหรือไง!?"
"ไม่ใช่ว่าไม่ชอบค่ะ แต่มันเกินตัวน่ะ ฉันไม่มีปัญญาเข้าร้านอาหารแพง ๆ แบบนี้หรอกค่ะ"
"มีโอกาสได้กินก็กินเถอะ!" เพราะท่าทีเกร็ง ๆ ของกุลสินีมันทำให้ประธานสาวรู้สึกเสียอารมณ์ไม่น้อย เธอจึงส่ายศีรษะไปมา แล้วสั่งอาหารมาให้กับเลขาสาวด้วยตัวเอง สักพักพนักงานร้านอาหารก็นำอาหารสุดหรูมาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะ จนเลขาสาวเผยรอยยิ้มออกมาราวกับเด็ก ๆ
"ว้าว…"
"กินซะ จะได้กลับไปทำงานต่อ"
"มันคืออะไรเหรอคะคุณภิญญา"
"วากิวน่ะ ไม่แพงหรอก ไม่ต้องเกรงใจ"
"อ๋อ...ขอบคุณค่ะ" หญิงสาวค่อย ๆ จับส้อมและมีดขึ้นมาหั่นเนื้อในจานพร้อมกับอมยิ้มออกมาไม่หยุด จนคนที่นั่งมองอยู่ถึงกับอมยิ้มตาม
'เด็กน้อย...ก่อนหน้านี้ยังฟึดฟัดใส่ฉันอยู่เลย...พอเห็นของกินหน่อยก็ยิ้มได้เลยนะ…'
"อร่อยจัง"
"ชอบไหม"
"ชอบค่ะ แต่ครั้งหน้าไม่ต้องพามาที่หรูขนาดนี้นะคะ ฉันเกรงใจ"
"ฉันเป็นถึงประธานบริษัท จะพาพนักงานไปกินร้านอาหารหรู ๆ ที่ไหนก็ได้น่า"
"เอ่อ…ขอบคุณนะคะ"
"อืม กินต่อเถอะ ฉันรู้ว่าเธอหิว กินให้เยอะ ๆ ล่ะ ให้มันสมกับที่ฉันพามา"
"ค่ะคุณภิญญา" กุลสินีตอบด้วยรอยยิ้ม
ตลอดมื้ออาหาร กุลสินีเอาแต่ตื่นตาตื่นใจกับเมนูอาหารที่ถูกนำมาเสิร์ฟ รวมถึงเมนูของหวานที่มีการตกแต่งจานอย่างพิถีพิถันราวกับถูกรังสรรค์มาด้วยเชฟมือหนึ่ง ซึ่งเพราะอาหารเหล่านี้ทำให้กุลสินีเผยรอยยิ้มออกมาตลอด ท่าทีที่สดใสแบบนี้ของเธอมันทำให้ประธานสาวรู้สึกอยากจัดรางวัลให้เธอเสียจริง


"ขอบคุณอีกครั้งนะคะคุณภิญญา อาหารที่นี่อร่อยมากจริง ๆ ค่ะ" กุลสินีเอ่ยขอบคุณพร้อมกับยกมือไหว้อย่างสุภาพ ภิญญาจึงยิ้มตอบกลับไป สักพักก็มีพนักงานนำบิลค่าอาหารมาให้ ประธานสาวจึงหยิบบัตรเครดิตออกมาวางไว้พร้อมกับยิ้มตอบกลับไปอย่างไม่ถือตัว
"เท่าไหร่เหรอคะคุณภิญญา"
"เรื่องราคา ไม่ควรถามนะ"
"ทำไมล่ะคะ"
"รู้ไปก็ไม่มีปัญญาจ่ายหรอก" เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนั้นจากปากประธานสาว กุลสินีถึงกับจุกอยู่ในอก แต่ต้องปั้นหน้ายิ้มกลับไปเพื่อเป็นการขอบคุณที่ถูกพามาเลี้ยงข้าวมื้อนี้ หลังจากนั้นทั้งสองก็กลับไปทำงานกันตามปกติ จนเวลาล่วงเลยมาถึงตอนเลิกงาน


"เฮ้อ...เสร็จสักที"
"เหนื่อยน่าดูเลยนะคะพี่กุล"
"ได้มาทำงานที่ไม่ถนัดแบบนี้ก็หนักเอาเรื่องอยู่นะ ต้องขอบคุณน้องไพลินมากเลยนะคะที่คอยช่วยเหลือตลอด น้องอยู่ฝ่ายบุคคลแท้ ๆ ทำไมถึงรู้งานเลขาขนาดนี้ล่ะคะ"
"อ๋อ พอดีลินเคยเป็นเลขามาก่อนน่ะค่ะ เลยเข้าใจงานส่วนนั้นอย่างดีเลย"
"ถึงว่าล่ะ ทำไมถึงเก่งขนาดนี้ แล้วเคยทำงานที่ไหนมาก่อนเหรอคะ"
"กลับได้แล้วไพลิน"
"เอ๊ะ!? ผู้จัดการคะ ลินยังคุยกับพี่กุลไม่เสร็จเลย" ในขณะที่ไพลินกำลังจะตอบคำถาม ก้องภพก็เดินมาลากตัวเธอออกไปทันที
"อะไรเนี่ย! แค่ฉันจะมีเพื่อนคุยหน่อยก็ไม่ได้หรือไง!!"
"บ่นอะไรกุลสินี" ทันทีที่ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังมาจากทางด้านหลัง กุลสินีถึงกับสะดุ้งโหยง
"อ๊ะ! เปล่าค่ะคุณภิญญา"
"อืม...กลับกันเถอะ"
"กลับ? คุณจะกลับกันฉันเหรอคะ"
"วันนี้วันเสาร์"
"อึก!!!" เมื่อได้ยินคำตอบ กุลสินีถึงกับดวงตาเบิกโพลงด้วยความตกใจ
'มะ...ไม่นะ...ฉันลืมไปซะสนิทเลย ว่าวันเสาร์คุณภิญญาจะไปค้างที่คอนโด ฉันจะทำยังไงดี ๆ วันนี้ฉันขัดคำสั่งคุณภิญญาไปตั้งเยอะ แถมยังย้ายโต๊ะออกมาแบบพลการอีก ฮือ ๆ'


ระหว่างทางกลับคอนโดมิเนียม กุลสินีนั่งบีบมือตัวเองตลอดทาง แม้จะได้นั่งรถกลับคนละคันกับประธานสาวก็ตาม แต่ความกลัวก็เริ่มเข้าครอบงำเธออีกครั้ง จนทำให้เธอกระวนกระวายใจเป็นอย่างมาก และภาวนาในใจว่าไม่ให้เกิดอะไรขึ้นกับเธอ
"คุณกุลสินีครับ….คุณกุลสินีครับ!!"
"อ๊ะ! คะ!!!?"
"ถึงแล้วครับ"
"เอ่อ...ช่วยพาฉันออกไปที่อื่นสักพักได้ไหมคะ ฉันอยากนั่งรถเล่นน่ะค่ะ"
"ไม่ได้หรอกครับ ผมมีหน้าที่รับส่งคุณแค่นั้น ทำอะไรนอกเหนือจากคำสั่งคุณภิญญาไม่ได้หรอกครับ"
"แต่ว่า...การพาฉันออกไปข้างนอก ก็เท่ากับว่ารับส่งนี่คะ"
"ไม่ได้จริง ๆ ครับ รีบลงไปเถอะครับ คุณภิญญายืนรอคุณนานแล้วนะครับ"
'เฮือก!! เขาทำไมน่ากลัวแบบนี้ รอฉันแค่นี้ต้องโกรธขนาดนั้นเลยเหรอ'
"เอ่อ...ขอบคุณนะคะ" 
เมื่อเห็นสีหน้าของภิญญา หัวใจของกุลสินียิ่งเต้นโครมคราม เพราะท่าทีของประธานสาวดูโกรธจนเธอถึงกับหวาดกลัว เมื่อตั้งสติได้ เธอจึงก้าวลงจากรถช้า ๆ แต่แล้วภิญญาก็เดินเข้ามาคว้าข้อมือของเธอแล้วลากเข้าไปในคอนโดมิเนียมทันที
"มัวทำอะไรชักช้าฮะ!!?"
"เปล่านะคะ"
"รู้ไหมวันนี้เธอทำอะไรผิดบ้างกุลสินี!!!"
"ฉันขอโทษนะคะ ถ้าทำอะไรให้คุณไม่พอใจ แต่ช่วยปล่อยมือได้ไหมคะ ฉันเจ็บ"
"คนแบบเธอมันควรโดนมากกว่านี้อีกรู้ไหม!!!" 
เมื่อภิญญาเปิดประตูห้องได้ เธอก็เหวี่ยงร่างเลขาสาวไปชนกับผนังห้องอย่างแรงแล้วเข้าจู่โจมจูบทันทีจนได้ยินเสียงดังอู้อี้จากลำคอของกุลสินีออกมา มือข้างหนึ่งบีบใบหน้าเลขาสาวเอาไว้ ส่วนมืออีกข้างบีบคลึงที่หน้าอกอย่างไม่มีปราณี
"แฮ่ก ๆ ๆ คะ...คุณภิญญาคะ...แฮ่ก ๆ" 
มือน้อย ๆ ทั้งสองผลักร่างของคนที่รุกเธอราวกับกระหายเหยื่อออกแต่ไม่เป็นผล กุลสินีจึงพยายามเบือนหน้าหนีเพื่อให้พ้นจากรสจูบที่เร่าร้อนด้วยความยากลำบาก 
เมื่อหลุดออกมาได้เธอถึงกับหายใจเหนื่อยหอบ เพราะรสจูบเมื่อสักครู่ทำเอาเธอไม่สามารถหายใจได้เลย
"วันนี้เธอย้ายโต๊ะออกไปหน้าห้องทำไมกุลสินี!!?"
"คะ...คือฉันรู้สึกเกร็งที่ได้ทำงานต่อหน้าคุณน่ะค่ะ"
"ไม่อยากอยู่กับฉันขนาดนั่นเลยเหรอกุลสินี!!! ทำไมเธอถึงชอบขัดใจฉันนักนะ แค่ทำตามคำสั่งฉันมันจะตายหรือไง!!!!" 
ภิญญาตะคอกใส่หน้าเลขาสาวด้วยความโกรธ จนกุลสินีถึงกับตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว เธอจึงผลักร่างของกุลสินีอย่างแรงจนไปชนกับประตู ก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องนอนทันที
'ทำไมเธอถึงต้องกลัวฉันขนาดนั้นนะกุลสินี ทีตอนขัดคำสั่งฉัน ทำไมถึงได้เก่งนัก!' 
ภิญญาพยายามสงบสติอารมณ์ของตนอยู่นาน ก่อนจะเดินเข้าไปอาบน้ำ เพื่อที่จะให้ใจเย็นลง
ทางด้านของกุลสินี เธอยังคงตกใจกับการกระทำเมื่อสักครู่จนเธอถึงกับช็อกแล้วทรุดลงนั่งร้องไห้ที่หน้าประตู เป็นอีกครั้งที่เธอต้องเจ็บตัวและเจ็บใจ แจ่เธอก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลยแม้แต่น้อย แม้แต่จะหนีก็ทำไม่ได้
"ฮือ ๆ แม่...ช่วยกุลด้วย ฮึก ๆ"


เวลาผ่านไปไม่นานนัก เมื่อภิญญาอาบน้ำเสร็จ เธอเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยเสื้อคลุมอาบน้ำแต่ก็ไม่พบร่างเลขาสาว มันทำให้เธอรู้สึกกระวนกระวายไม่น้อย เธอจึงพยายามมองหาและเดินตามหาไปทั่วทั้งห้อง จนมาเจอร่างสาวสวยที่นั่งกอดเข่าหลับพิงประตูเอาไว้ คาดว่าเจ้าตัวคงร้องไห้จนหมดแรงและผล็อยหลับไปโดยที่ยังหลงเหลือคราบน้ำตาอยู่
"กุลสินี...ฉันขอโทษ" 
ประธานสาวย่อตัวลงช้า ๆ พร้อมกับใช้นิ้วโป้งเช็ดคราบน้ำตาให้อย่างแผ่วเบา ความรู้สึกผิดกำลังปะทุอยู่ในใจ ไม่นานร่างที่นั่งหลับอยู่ก็สะดุ้งโหยงขึ้น แล้วรีบหลบหนีจากเธอทันที
"คะ...คุณภิญญา อย่าทำอะไรฉันเลยนะคะ"
"ไปอาบน้ำเถอะกุลสินี วันนี้เธอเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว" 
ภิญญาลุกขึ้นยืนแล้วพูดด้วยท่าทีนิ่ง ๆ พร้อมกับมองไปที่กุลสินี ที่ยังแสดงท่าทีหวาดกลัวเธออย่างเห็นได้ชัด
"จะไปอาบเอง หรือจะให้ฉันอาบให้"
"อาบเองค่ะ!"
"อืม…รีบไปซะ!"
สิ้นสุดคำสั่ง กุลสินีตาลีตาลานลุกออกไปอย่างรวดเร็ว ภิญญาจึงได้แต่ยืนถอนหายใจเฮือกใหญ่
"เฮ้อ...นี่ฉันทำบ้าอะไรเนี่ย"


เวลาผ่านไปพักใหญ่ กว่ากุลสินีจะอาบน้ำเสร็จก็ใช้เวลาไปเกือบชั่วโมง เธอเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยท่าทีที่หวาดระแวง ก่อนจะสะดุ้งโหยงเมื่อเห็นประธานสาวนั่งไขว้ห้างที่เตียงด้วยผ้าคลุมอาบน้ำเช่นเดิม จนเห็นร่องอกและต้นขาขาวเนียนได้เต็มสองตา
"ดีขึ้นไหม"
"คะ...คุณภิญญาคะ! ทำไมไม่ใส่เสื้อผ้าล่ะคะ!?"
"เวลาฉันจะนอนกับใคร ฉันไม่ชอบใส่เสื้อผ้านอนหรอก มันเสียเวลาถอด"
"หมายความว่าไงคะ!?"
"หึหึ เด็กน้อย…เธอนี่มันใสซื่อชะมัด อยากกินอะไร? จะโทรสั่งแม่บ้านให้"
"ฉันไม่ค่อยหิวค่ะ ถ้าคุณอยากกินอะไรก็สั่งของคุณคนเดียวก็พอค่ะ"
"ฉันก็ไม่หิวข้าวเหมือนกัน เพราะมีอย่างอื่นให้กินแล้ว" ภิญญาตอบด้วยรอยยิ้มอย่างมีเลศนัย ท่าทีแบบนี้มันดูไม่น่าไว้ใจเลยสักนิด!
'ท่าทีของคุณภิญญาทำไมดูเหมือนคนโรคจิตแบบนี้นะ ฮือ...คืนนี้ฉันจะไปนอนข้างนอกห้อง ฉันจะไม่ยอมนอนร่วมเตียงกับยัยบ้านี่เด็ดขาด!!'
"ทาครีมให้ฉันหน่อยสิ" ภิญญาพูดพร้อมกับยื่นกระปุกครีมให้กับกุลสินี เธอจึงเอื้อมมือไปรับอย่างว่าง่าย
"ได้ค่ะ...ทาตรงไหนคะ" 
เมื่อเลขาสาวเอ่ยถาม ภิญญายิ้มออกมาแล้วหันหลังให้ ก่อนจะเปลื้องผ้าคลุมอาบน้ำออกช้า ๆ จนเผยให้เห็นแผ่นหลังขาวเนียนน่าสัมผัส กุลสินีถึงกับตะลึงกลืนน้ำลายดังอึก
"ทาหลังให้หน่อย ฉันทาไม่ถึง"
'ขะ...ขาวมาก...มองข้างหลังยังสวยขนาดนี้เลย ข้างหน้าจะขนาดไหนนะ...เฮ้ย!!!! กุล!! แกคิดแบบนี้กับคุณภิญญาได้ยังไง!!!' 
กุลสินีรีบสะบัดศีรษะเรียกสติตัวเองทันทีเมื่อเผลอคิดอกุศลกับประธานสาว ก่อนจะเดินเข้าไปนั่งลงที่เตียงช้า ๆ แล้วกดครีมออกมาที่มือ จากนั้นเธอก็ค่อย ๆ สัมผัสที่แผ่นหลังเนียนนุ่มช้า ๆ แล้วลูบเนื้อครีมเบา ๆ จนอีกคนแอ่นตามมือของเธอ
"กุลสินี! ทาดี ๆ สิ จะรีบปลุกอารมณ์ฉันตั้งแต่เย็นเลยหรือไง!?" 
เมื่อได้ยินเสียงอีกคนดุกลับมา กุลสินีถึงกับสะดุ้งโหยงแล้วรีบชักมือออกอย่างอัตโนมัติ
"ขะ...ขอโทษค่ะคุณภิญญา!"
"ทาให้ทั่วนะ"
"ดะ...ได้ค่ะ"
'คุณภิญญาทำไมผิวนุ่มแบบนี้นะ...ทั้งขาวทั้งเนียน…' 
แม้จะรู้สึกหวาดกลัวอยู่บ้าง แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการที่ได้เห็นแผ่นหลังของประธานสาวมันทำให้กุลสินีรู้สึกวาบหวามอย่างไรชอบกล ก็เจ้าตัวเรียกได้ว่างดงามดุจนางฟ้าถึงเพียงนี้ คงไม่แปลกที่กุลสินีจะเผลอคิดเรื่องอกุศลไปโดยไม่ได้ตั้งใจ
กุลสินีค่อย ๆ เอื้อมมือไปสัมผัสที่แผ่นหลังอีกครั้งพร้อมกับหัวใจที่เต้นตึกตัก เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกหวั่นไหวให้กับเรือนร่างของผู้หญิงด้วยกัน จนมือของเธอค่อย ๆ เลื่อนไปด้านหน้าช้า ๆ โดยที่เธอเองก็ไม่รู้ตัวราวกับถูกมนตร์สะกด
"กุลสินี!!"
"เฮ้ย!!! ขอโทษค่ะคุณภิญญา ฉันไม่ได้ตั้งใจ!!"
"ต้องการฉันขนาดนั้นเลยเหรอ? สรุปกลัวฉัน หรืออยากได้ฉันกันแน่?"
"เปล่านะคะ! ฉันไม่ได้ตั้งใจ" 
ภิญญาจับเสื้อขึ้นมาคลุมพร้อมกับหันมาหากุลสินีช้า ๆ จนเลขาสาวถึงกับกลืนน้ำลายดังอึกอีกครั้งเมื่อเห็นหน้าอกหน้าใจโดยที่เจ้าตัวก็ไม่ได้มีความอายใด ๆ จากนั้นภิญญาก็โน้มตัวเข้าหากุลสินีช้า ๆ พร้อมกับเอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าอย่างแผ่วเบา แววตาของเธอยังคงดูมีเลศนัยไม่ต่างจากจิ้งจอกที่มีเล่ห์เหลี่ยมเลยจริง ๆ
"เมื่อกี้จะจับหน้าอกฉันนี่? ก่อนหน้านี้ยังกลัวฉันจนตัวสั่นอยู่เลย ที่บอกว่าไม่เคยมีเซ็กซ์นี่โกหกฉันสินะ"
"ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะคุณภิญญา ฉันไม่เคยมีเซ็กซ์จริง ๆ แล้วเมื่อกี้...คือ...ฉันไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ นะคะ"
"อืม...ช่างเถอะ แล้วรู้ตัวไหมว่าวันนี้เธอทำผิดอะไรไว้บ้าง?"
"เอ่อ...ไม่ทราบค่ะ"
"หนึ่ง…เธอเถียงฉันตอนโทรปลุก สอง...เธอย้ายโต๊ะโดยไม่ขออนุญาตฉัน สาม...เธอไม่เมมเบอร์ฉัน สี่...เธอไม่ชงกาแฟตามคำสั่งของฉัน ห้า...เธอปล่อยให้ฉันรอนานและเธอยังไปทำงานสายอีก เฮ้อ...เธอนี่มันจริง ๆ เลย ทำไมถึงชอบเถียงฉันนัก ทำไมถึงชอบขัดคำสั่งฉันนัก หืม?" น้ำเสียงของประธานสาวจะเรียกว่าดุก็ไม่ใช่ จะเรียกว่าอ่อนโยนก็ไม่เชิง มันคล้ายกับว่าผู้ใหญ่กำลังสอนบางอย่างกับเด็กน้อยที่เพิ่งจะทำผิดไปอย่างไรอย่างนั่น
"ขอโทษจริง ๆ นะคะคุณภิญญา ฉะ...ฉันกลัวแล้วค่ะ แต่เรื่องกาแฟ ฉันไม่ได้แกล้งคุณนะคะ ฉันแค่เป็นห่วง อยากให้คุณลดน้ำตาลลง แค่นั้นจริง ๆ ค่ะ ไม่ได้มีเจตนาที่จะแกล้งคุณเลยนะคะ" กุลสินีพยายามหาเหตุผลมาอธิบายด้วยท่าทีที่ไร้เดียงสา จนภิญญาถึงกับส่ายหน้าเบา ๆ เพราะใจอ่อนเข้าจนได้
"เธอเป็นห่วงฉันงั้นเหรอ?"
"ค่ะ…"
"อืม...ตอนแรกฉันกะจะลงโทษเธอสักหน่อย แต่ตอนนี้ฉันคงต้องให้รางวัลเด็กดีแล้วล่ะ"
"คุณภิญญาจะทำอะไรคะ!? อย่านะคะ!" 
เมื่อภิญญาขยับเข้าไปหาเลขาสาวช้า ๆ เธอจึงรีบถอยหลังออกแบบไม่ทันระวัง ในขณะที่เธอกำลังจะหงายหลังตกเตียงนั้น ภิญญาก็รีบคว้าตัวเธอเอาไว้ จนเธอได้มาอยู่ในอ้อมกอดประธานสาวสวยทันที
"ระวังหน่อยสิเด็กน้อย...ถ้าหงายหลังลงไปนี่เจ็บหนักอยู่นะ" 
ประธานสาวพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน พร้อมกับสายตาที่มองประสานกันจนหัวใจของกุลสินีเต้นโครมคราม เพราะใบหน้าอยู่ใกล้กันจนรู้สึกได้ถึงลมหายใจของอีกฝ่าย
"ขะ...ขอบคุณนะคะ"
"ใช้สบู่ฉันแล้วตัวหอมดีจังกุลสินี" ภิญญาไม่ว่าเปล่า พูดจบเธอก็ก้มลงจูบที่ต้นคอระหงช้า ๆ จนมือทั้งสองของกุลสินีกำที่ผ้าคลุมอาบน้ำของภิญญาแน่น
'ทำไมครั้งนี้ถึงยอมง่ายแบบนี้ล่ะ…' 
ใช่...ครั้งนี้เลขาสาวไม่ได้มีท่าทีปฏิเสธ ไม่ได้มีการต่อต้านใด ๆ แต่กลับแหงนหน้ารับจูบราวกับกำลังเคลิบเคลิ้ม จึงสร้างความฉงนให้ประธานสาวไม่น้อย
แต่การที่เลขาสาวไม่ดื้อต่อเธอถือเป็นเรื่องที่ดีสำหรับวันนี้จริง ๆ การได้เห็นใบหน้าที่เคลิบเคลิ้มแบบนี้ หัวใจของประธานสาวก็เริ่มเต้นโครมครามไม่ต่างกัน ช่างมีแรงดึงดูดที่แม้แต่คนที่เจนโลกมาอยากโชกโชนอย่างภิญญาก็ตกหลุมพลางได้อย่างง่ายดาย
ไม่สิ...ต้องบอกว่าเธอยอมที่จะตกหลุมพลางเสน่ห์ของเลขาสาวคงจะถูกมากกว่า
"เด็กแบบเธอ...มันดึงดูดฉันมากเลยล่ะกุลสินี..."
ม้า
ไรท์แวะมาคุย~`

“เอาล่ะค่ะ...ท่านประธานโดนเลขาตกแล้วววว”