แก้ปมรักคุณพี่เลี้ยง (เร็ว ๆ นี้ที่ readAwrite)

แก้ปมรักคุณพี่เลี้ยง (เร็ว ๆ นี้ที่ readAwrite)
ตอนที่ 1 การพบกัน

"วันนี้คือวันทำงานวันแรกของหนู คุณพ่อคุณแม่ช่วยอวยพรให้หนูมีเพื่อนร่วมงานดี ๆ มีเจ้านายที่ใจดี ที่สำคัญขอให้หนูทดลองงานผ่านด้วยนะคะ เอาล่ะ พร้อมแล้ว! สู้โว้ยแก้วตา!!"

แก้วตา...หญิงสาววัย 22 ปี กำลังชูกำปั้นน้อย ๆ ให้กับกระจกบานใหญ่ที่กำลังส่องสะท้อนภาพหญิงสาวผมสีดำขลับยาวสลวยดูมีน้ำหนักด้วยท่าทีที่มั่นใจ ใบหน้าของเธอนั้น เรียกได้ว่าอ่อนเยาว์ราวกับเด็กวัยใส สีแก้มและปากอิ่มอมชมพูธรรมชาติ และเพราะความน่ารักสดใสของเธอ ทำให้ใครก็ตามที่เดินผ่านไปผ่านมาอดไม่ได้ที่จะมองและเชยชมความน่ารักของเธอด้วยสายตา
วันนี้คือก้าวแรกของการเริ่มต้นชีวิตใหม่เข้าสู่วัยทำงานหลังจากที่เธอสำเร็จการศึกษาได้ไม่นาน ทำให้เธอเป็นเด็กใหม่ไฟแรงที่มาทำงานวันแรกด้วยท่าทีที่ร่าเริงและพกความมั่นใจมาเต็มเปี่ยม
บริษัทที่เธอผ่านการสัมภาษณ์แบบฉลุย เป็นบริษัทเล็ก ๆ ขนาด 2 ชั้น บรรยากาศอบอุ่นคล้ายโฮมออฟฟิศ ที่ให้บริการด้านงานกราฟิกโดยเฉพาะ ซึ่งการออกแบบเป็นสิ่งที่เธอชื่นชอบและถนัดที่สุด จึงไม่ยากเลยกับการที่ได้มาทำงานที่นี่ในฐานะพนักงานใหม่

"สวัสดีค่ะ" เธอเดินเข้าไปในบริษัทและกล่าวทักทายพนักงานต้อนรับสาวโดยไม่มีความเคอะเขินใด ๆ ราวกับว่าทุกคนคือเพื่อนสนิทของเธอเอง
"สวัสดีค่ะ น้องแก้วตาใช่ไหมเอ่ย พี่ชื่อนกนะคะ เป็นเจ้าหน้าที่บริการลูกค้าของที่นี่ ตอนนี้พี่เชอรีนกำลังรอน้องอยู่เลย เดี๋ยวจะพาไปพบนะคะ" หญิงสาวหน้าตาสละสวย แต่งกายด้วยชุดสุภาพ เดินมาต้อนรับด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส พร้อมกับแนะนำตัวสั้น ๆ ก่อนจะเดินนำเธอไปยังชั้น 2 เพื่อพบกับเชอรีน หรือผู้จัดการบริษัท ที่เธอเคยพบก่อนหน้านี้จากการสัมภาษณ์งานนั่นเอง

ก๊อก ก๊อก ก๊อก!
"ขออนุญาตค่ะพี่เชอรีน" พนักงานสาวเคาะประตูเป็นการส่งสัญญาณ แล้วจึงเปิดประตูเพื่อให้แก้วตาเข้าไปด้านใน ก่อนที่เธอจะขอตัวกลับไปทำหน้าที่ของเธอต่อ

"สวัสดีค่ะ ดิฉันชื่อแก้วตาค่ะ ขอขอบคุณในความกรุณานะคะ แล้วก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยค่ะ"
"สวัสดีค่ะ ไม่ต้องทางการขนาดนั้นก็ได้ ก่อนอื่นก็ขอยินดีต้อนรับนะคะ พี่ชื่อเชอรีนเป็นผู้จัดการของที่นี่ หรือถ้าจะให้เข้าใจง่าย ๆ คือ เป็นทุกอย่างของที่นี่นั่นแหละ พนักงานทุกคนจะอยู่ในการดูแลของพี่ เพราะงั้นถ้ามีปัญหาอะไร ก็มาปรึกษาพี่ได้ตลอดนะคะ" คนเป็นนายที่มีอายุอานาม 40 ต้นแล้ว แต่อายุก็ไม่สามารถทำอะไรเธอได้แม้แต่น้อย เพราะหน้าตาของเธอยังคงดูมีเสน่ห์ราวกับสาววัยแรกรุ่น การแต่งกายดูมีภูมิฐาน แสดงให้เห็นถึงตำแหน่งของเธออย่างชัดเจน
"ปะ เดี๋ยวพี่จะพาไปแนะนำกับทุกคน" สิ้นคำพูด คนเป็นนายจึงเดินนำออกไปก่อนด้วยท่าทีที่ตื่นเต้น เป็นเพราะได้เด็กจบใหม่ไฟแรงทั้งยังดูพราวเสน่ห์อย่างแก้วตามาร่วมงานด้วยกระมัง ถึงทำให้เธอไม่สามารถเก็บอาการดีอกดีใจของตัวเองเอาไว้ได้ แก้วตาจึงได้แต่ยิ้มและเดินตามคนเป็นนายออกไปด้วยท่าทีกระตือรือร้นเช่นกัน

"ที่นี่ก็อย่างที่เห็น เราอยู่กันแบบครอบครัว ไม่ต้องเรียกผู้จัดการ นาย หรือท่านอะไรทั้งนั้น เพราะมันดูห่างเหินน่ะ พี่ชอบให้เรียกว่าพี่มากกว่า จะได้เข้าถึงกันง่ายขึ้น แต่ว่าทุกคนต้องเคารพและให้เกียรติซึ่งกันและกัน และที่สำคัญต้องตรงต่อเวลาด้วย ส่วนใหญ่ลูกค้าจะติดต่องานผ่านเว็บไซต์ของเรา แต่ลูกค้าวอร์คอินก็มีเหมือนกัน เลยจะมีนกที่คอยบริการในส่วนนั้น" คนเป็นนายหยุดเดินที่บริเวณโถงทางเดินระหว่างที่แนะนำห้องแผนกและส่วนต่าง ๆ ภายในบริษัทของเธอให้กับพนักงานสาวแบบคร่าว ๆ
"ตาขออนุญาตเรียกว่าพี่เชอรีนเลยนะคะ ดูจากภาพรวมและบรรยากาศแล้ว ก็รู้สึกอบอุ่นมากเลยค่ะ หนูจะทำงานให้เต็มที่ที่สุดให้สมกับที่ได้รับโอกาสในการเข้ามาทำงานที่นี่นะคะ" คนเป็นนายได้ยินคำตอบเช่นนั้นก็อดไม่ได้ที่จะส่งยิ้มกลับไป แต่ยังไม่ทันที่แก้วตาจะได้ทำความรู้จักกับพนักงานรุ่นพี่ในแต่ละแผนก ก็มีเสียงหนึ่งดังขัดจังหวะเสียก่อน จนทำให้ทั้งสองถึงกับหันขวับไปตามต้นเสียง
"สวัสดีค่ะพี่เชอรีน"
"อ้าว น้ำรินมาพอดีเลย นี่น้องแก้วตานะ มาทำงานกับเราวันแรก ที่เหลือก็ฝากเราด้วยแล้วกัน พี่จะออกไปหากวินหน่อย อ้อ! แก้วตา นี่น้ำรินนะ จะเป็นพี่เลี้ยงของเราในช่วงทดลองงาน เดี๋ยวพี่ต้องขอตัวก่อน" เธอว่าพลางกับผายมือไปยังพนักงานสาวเจ้าของเสียงเมื่อตอนก่อนหน้า
"ได้ค่ะ" สิ้นเสียงหวานตอบรับ แก้วตาจึงหันไปมองตามที่คนเป็นนายได้แนะนำ ถือเป็นครั้งแรกที่เธอจะได้เจอพี่เลี้ยงสาวที่จะคอยดูแลเธอตลอดการทดลองงาน แต่ทว่า แก้วตาก็ต้องตกตะลึงกับเจ้าของเสียงหวาน เพราะเธอเรียกได้ว่าเป็นผู้หญิงที่งดงามจนสะดุดตา เธอมีรูปร่างสูงโปร่ง ผมยาวสลวยสีน้ำตาล คิ้วคมสวย จมูกเป็นสันได้รูป รับกับริมผีปากที่ถูกแต้มด้วยลิปสติกสีอ่อน เธอเพียงแค่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงสแล็กส์ดูเรียบง่าย แต่กลับดูดีไม่แพ้เชอรีนเลย และเมื่อกลิ่นน้ำหอมอ่อน ๆ โชยมาปะทะกับโสตประสาทของแก้วตา ทำให้ทุกอย่างหยุดชะงักราวกับโดนมนตร์สะกด
'สวยจัง ฉันโชคดีจังที่มีพี่เลี้ยงสวยขนาดนี้ ขนาดฉันเป็นผู้หญิงยังรู้สึกหลงเลย ถ้าผู้ชายได้เห็นจะขนาดไหนกันนะ…'
"มัวลีลาอะไรอยู่ ที่นี่ไม่ได้จ้างเธอมาเดินเล่นหรอกนะ" คำทักทายที่ไม่รื่นหูและน้ำเสียงแข็งกระด้างของพี่เลี้ยงสาวทำลายภวังค์ของแก้วตาไปในชั่วพริบตา
"อะเอ่อ ค่ะ" สิ้นคำพูดของแก้วตา พี่เลี้ยงสาวจึงมองเธอด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย ก่อนจะรีบเดินจ้ำอ้าวไปทันที โดยไม่สนใจหญิงสาวผู้อยู่เบื้องหลัง ที่รีบวิ่งตามมาแม้แต่น้อย
'ท่าทางเย่อหยิ่งนี่มันอะไรกัน สวยซะเปล่า…'
"อ๊ะ...โอ๊ย! " ยังไม่ทันที่แก้วตาจะบ่นในใจได้จบประโยค หญิงสาวผู้เดินนำหน้าก็หยุดเดินอย่างกะทันหัน ทำให้แก้วตาชนกับแผ่นหลังของเธอเข้าอย่างจัง
"ไม่มีตาหรือไง ประตูมันล็อกอยู่ ฉันจะเปิดประตู"
'บ้าเอ้ย...พี่เชอรีนที่เป็นผู้จัดการ ยังใจดีกว่าพี่เลี้ยงฉันซะอีก การพบกันครั้งแรกเหรอ ไม่ประทับใจเลยสักนิด!' แก้วตาได้แต่บ่นในใจพลางกับยืนมองพี่เลี้ยงสาวใช้กุญแจไขประตูห้องทำงานห้องหนึ่งคาดว่าจะเป็นห้องทำงานของเธอเอง
เมื่อเปิดประตูเข้าไป ภายในห้องจะมีลักษณะเป็นห้องสี่เหลื่ยมผืนผ้ายาวไปทางฝั่งขวามือ ทางฝั่งด้านซ้ายมีโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ 1 โต๊ะและเก้าอี้เสริม 1 ตัว ด้านข้างเป็นกระดานไวท์บอร์ดที่มีการขีดเขียนเต็มไปหมด ส่วนฝั่งด้านขวายาวลึกลงไปเป็นโต๊ะทำงานอีก 5 ที่ และโต๊ะวางเครื่องปรินท์ขนาดใหญ่อีก 1 โต๊ะ
"นี่คือห้องทำงานของเรา ทีมเราจะมีทั้งหมด 6 คน รวมเธอด้วยก็เป็น 7 ด้านขวาในสุดจะเป็นของพี่โต๊ะ พี่ป๋อง โปรแกรมเมอร์ ถัดออกมาเป็นส่วนของกราฟิก ตรงนี้พี่ชะเอมที่เป็นหัวหน้า ดูแลเรื่องออกแบบบรรจุภัณฑ์ ตรงนี้กอล์ฟ ออกแบบและดูแลเว็บไซต์ทั้งหมด ตรงนี้อาร์ม ออกแบบส่วนที่เหลือ ไม่ว่าจะเป็นโลโก้ สื่อสิ่งพิมพ์ และอื่น ๆ ที่มีฉัน และเธอ ต้องทำช่วยกัน ป้ายชื่อตั้งอยู่ที่โต๊ะจำไม่ได้ก็เดินดูเอาเอง ส่วนฝั่งซ้ายของห้องเป็นโต๊ะของฉัน ถ้าฉันเป็นพี่เลี้ยงเธอ เธอก็ไปนั่งข้างฉันแล้วกัน เก้าอี้เสริมนั่นก็ของเธอ"
"อะ ค...ค่ะ" พี่เลี้ยงสาวร่ายยาวจนแก้วตาฟังแทบไม่ทัน จับใจความได้เพียงแค่ โต๊ะฝั่งด้านซ้ายของห้องคือที่นั่งของเธอกับน้ำริน
'นี่ฉันต้องนั่งข้างพี่เลี้ยงเหรอเนี่ย อึดอัดตาย...'
"รู้จักโปรแกรมที่เกี่ยวข้องทั้งหมดใช่ไหม ออกแบบได้ใช่ไหม"
"ค่ะได้ค่ะ"
"ดี ฉันไม่มีเวลาจะสอนมาก ถ้ามีงานมาก็ต้องทำให้ทันตามเวลาที่กำหนด สงสัยอะไรให้ถาม ถ้าไม่สงสัยก็ไปนั่งที่ของเธอได้แล้ว"
"รับทราบค่ะ"
"อ้อ! และที่สำคัญ...ถึงโต๊ะเราจะอยู่ใกล้กัน แต่ก็อยู่ห่าง ๆ ฉันไว้จะดีที่สุด กฎของฉันคือ ห้ามแตะเนื้อต้องตัวฉัน เพราะฉันไม่ชอบ" สิ้นคำพูดของพี่เลี้ยงสาว ทำเอาแก้วตาถึงกับคิ้วขมวดกับกฎแปลก ๆ ที่อีกฝ่ายเป็นคนตั้ง ใครจะอยากไปแตะเนื้อต้องตัวเธอกันนะ
'เอ๋...นี่มันไปกันใหญ่แล้วผู้หญิงคนนี้ กฎบ้าบออะไร'
"อะไรกันน้ำริน ใจร้ายกับเด็กใหม่อีกแล้วนะเราเนี่ย" หลังจากที่แก้วตาถูกถาโถมไปด้วยความสงสัย ก็มีหญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้องและส่ายศีรษะไปมาด้วยรอยยิ้มเป็นเชิงเย้าแหย่
"สวัสดีค่ะพี่ชะเอม" น้ำรินยกมือไหว้หญิงสาวผู้นั้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้มก่อนจะนั่งลงที่โต๊ะทำงานของตัวเองอย่างไม่ได้ยี่หระกับคำพูดก่อนหน้า
"สวัสดีค่ะ หนูชื่อแก้วตานะคะ ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยค่ะ" แก้วตาพูด
"สวัสดีแก้วตา! ยินดีต้อนรับ" ยังไม่ทันที่ชะเอมจะยกมือรับไหว้ ก็มีชายหนุ่ม 3 คน เดินเรียงกันเข้ามาในห้องราวกับนัดกันมา และเดินตรงไปที่โต๊ะทำงานของตัวเองทันทีโดยไม่รีรอ พร้อมกับส่งยิ้มมาให้อย่างเป็นมิตร แต่แก้วตาก็อดไม่ได้ที่จะชำเลืองไปทางพี่เลี้ยงสาวที่มีท่าทีไม่เป็นมิตรกับเธอเอาเสียเลย
'จะมีก็แต่พี่เลี้ยงฉันนี่แหละนะ ที่ดูไม่เป็นมิตรเอาซะเลย แถมยังไม่ให้อยู่ใกล้อีก ทำไมนะ...เป็นพวกหวงตัวงั้นเหรอ'
"จะมาทำงานได้หรือยัง งานแรกของเธอ ออกแบบโลโก้ปุ๋ย รายละเอียดตามนี้" พี่เลี้ยงสาวว่าพลางกับนำกระดาษใบหนึ่งไปวางไว้บนโต๊ะทำงานของแก้วตา ก่อนจะกลับมาสนใจงานตรงหน้าตัวเองต่อโดยไม่แม้แต่จะสอนงานหรืออธิบายรายละเอียดใด ๆ เพิ่มเติม จะไม่ให้คิดมากถึงพฤติกรรมของพี่เลี้ยงสาวก็คงไม่ได้ แต่แก้วตาจำต้องยอมเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงานของตน และพยายามแสดงให้พี่เลี้ยงสาวได้เห็นถึงความสามารถของเธอ แม้จะไม่มีการสอนงานก่อนก็ตาม

เวลาผ่านไปไม่นานนัก บรรยากาศในห้องเงียบสงัด ทุกคนต่างใส่หูฟังอยู่ในโลกของตัวเอง ได้ยินเพียงเสียงคลิกเมาส์ เสียงคีย์บอร์ด และเสียงนาฬิกาที่เดินอย่างขยันขันแข็งเท่านั้น ไม่มีการพูดคุยกันใด ๆ ทั้งสิ้น และงานที่แก้วตากำลังทำอยู่นั้น รายละเอียดก็ค่อนข้างยิบย่อยจนเธอเริ่มรู้สึกกดดันแต่เธอก็พยายามอยู่กับสมาธิของตัวเอง และลงมือร่างแบบออกมาทีละเล็กละน้อยด้วยความตั้งใจ
'เฮ้อ...บรรยากาศการทำงานกดดันกว่าที่คิดแฮะ ออกไปยืดเส้นยืดสายได้ไหมนะ'
"เป็นไงบ้างแก้วตา ออกไปยืดเส้นยืดสายกันไหม" ชายหนุ่มคนหนึ่งเอ่ยถามราวกับว่าได้ยินสิ่งที่แก้วตาคิดในใจ เธอจึงยิ้มตอบกลับไปก่อนจะลุกขึ้นเดินตามเขาออกไปอย่างว่าง่าย

"เอ้อนี่ ขอโทษด้วย ไม่ทันได้แนะนำตัวเลย เราชื่อกอล์ฟ อายุ 23 ปี ยินดีที่ได้รู้จักนะ"
"ยินดีที่ได้รู้จักค่ะพี่กอล์ฟ แก้วตาค่ะ อายุ 22 ปี"
"เฮ้ย! ห่างกันปีเดียวเอง ไม่ต้องเรียกพี่ก็ได้ สบาย ๆ เลย" ชายหนุ่มตอบพลางโบกไม้โบกมือยกใหญ่ เพื่อแสดงถึงการปฏิเสธที่จะถูกเรียกว่าพี่
"อ๋อ ถ้างั้นตาเรียกว่ากอล์ฟนะ"
"ได้เลย เนี่ยข้างห้องทำงานของเรามีห้องชงกาแฟนะ เป็นสวัสดิการที่พี่เชอรีนมีให้พนักงานน่ะ ถ้าหิวหรือง่วงก็เต็มที่ได้เลย"
"อ๋อโอเค เอ่อ...กอล์ฟ ปกติการทำงานต้องซีเรียสกันขนาดนั้นเลยเหรอ"
"อันที่จริงก็ไม่หรอก แต่ช่วงนี้งานเยอะน่ะ เลยต้องรับพนักงานเพิ่มนี่ไง พี่เชอรีนอยากให้เต็มที่กับงานของตัวเอง แต่ก็ไม่ได้สร้างกฎมาบีบคั้นพนักงานอะไรมาก ส่วนใหญ่ทุกคนก็จะรู้หน้าที่ของตัวเองล่ะนะ คือถ้าทำงานเสร็จก็ค่อนข้างอิสระเลยแหละ"
"พี่เชอรีนใจดีจัง"
"ทุกคนที่นี่ใจดีหมดแหละ สบายใจได้ ขอให้อยู่กันยาว ๆ เลยนะแก้วตา"
"ขอบคุณนะกอล์ฟ ก็จะมีแต่พี่น้ำรินนี่แหละ ดูไม่เป็นมิตรกับตาเลย"
"ฮ่า ๆ รายนั้นน่ะนะ มักจะใจร้ายกับเด็กใหม่เสมอ แต่พอนาน ๆ ไป แก้วตาจะสัมผัสได้เองว่า ความจริงแล้วพี่น้ำรินน่ะใจดีมาก ๆ แต่ต้องรักษากฎน่ะ" สิ้นคำของชายหนุ่ม ทำให้แก้วตาคิดถึงกฎเหล็กที่พี่เลี้ยงสาวเคยบอกเธอเอาไว้
"กฎบ้าบอนี่มันอะไรกัน" เธอเอ่ยถามออกไปด้วยสีหน้าฉงน
"พี่น้ำรินเขาต่อต้านสกินชิพทุกรูปแบบ หรือพูดง่าย ๆ ว่าถ้าไม่อยากโดนเกลียดก็อย่าไปแตะต้องตัวพี่เขา ฮ่า ๆ"
'คิดว่าตัวเองเป็นใครกันนะ…' 
การที่คนคนหนึ่งตั้งกฎแบบนี้ก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรนักหรอก แต่แก้วตาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหมั่นไส้พี่เลี้ยงสาวผู้เยือกเย็น หน้าตาก็จัดได้ว่าสละสลวยเสียด้วยซ้ำ แต่ปากร้ายใช่ย่อย และดูเข้าถึงยากอีกด้วย
"ตาคิดภาพพี่น้ำรินใจดีไม่ออกเลยจริง ๆ อะกอล์ฟ"
"ฮ่า ๆ ก็ว่าไป เดี๋ยวอยู่ไปนาน ๆ ก็รู้เองแหละ"
'ใช่...ฉันคิดภาพผู้หญิงที่ดูเย่อหยิ่งคนนั้น เห็นอกเห็นใจผู้อื่น หรือใจดีไม่ออกเลยจริง ๆ'
"ว่างกันหรือไง" ยังไม่ทันสิ้นสุดเสียงหัวเราะของกอล์ฟ ก็ได้ยินเสียงที่ดุดันดังขัดจังหวะคนทั้งสอง ก่อนจะปรากฎเป็นร่างพี่เลี้ยงสาวผู้เยือกเย็นเดินเข้ามาชงกาแฟภายในห้อง ทำเอาทั้งกอล์ฟและแก้วตาถึงกับสะดุ้งโหยงและผละจากกันคนละทิศละทาง
"ก็ดูพี่ดุเด็กใหม่จนเครียดไปหมดแล้ว ผมเลยชวนออกมายืดเส้นยืดสายสักหน่อย เลิกเก๊กท่าเป็นสาวสวยใจร้ายสักทีน่าพี่น้ำริน ฮ่า ๆ"
"ไปทำงานซะ!" แม้พี่เลี้ยงสาวจะใช้น้ำเสียงแข็งอย่างไร แต่ชายหนุ่มรุ่นน้องหาได้ยี่หระไม่ เขาหัวเราะคิกคักชอบใจก่อนจะถือแก้วกาแฟของตนเดินออกจากห้องไป ภายในห้องชงกาแฟจึงเหลือเพียงแค่แก้วตาและพี่เลี้ยงสาวผู้เยือกเย็นเท่านั้น ทำให้ความอึดอัดเข้ามาปกคลุมหญิงสาวทั้งสอง เพราะต่างคนต่างเอาแต่เงียบ ไม่มีการพูดคุยใด ๆ
แต่ทว่า ภายใต้ความเงียบนี้ แก้วตาสังเกตเห็นความผิดปกติของพี่เลี้ยงสาวที่เอาแต่จ้องมองแก้วกาแฟของตนพลางกับถอนหายใจเบา ๆ แต่เป็นลมหายใจที่ยาวราวกับคนมีเรื่องกลัดกลุ้มใจอย่างไรอย่างนั้น จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามออกไป ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าคงได้คำตอบที่ไม่เป็นมิตรอย่างที่ผ่านมาเป็นแน่
"งานด่วนเหรอคะพี่น้ำริน เห็นดูเครียด ๆ"
"อืม...ต้องส่งวันนี้น่ะ แต่ก็ไม่ได้เครียดอะไรมากหรอก แค่ต้องการสมาธิ ส่วนงานของเธอไม่ใช่งานด่วน เพราะงั้นก็ไม่ต้องเครียด ค่อย ๆ ทำ เวลาที่จิตใจผ่อนคลาย เราจะสร้างสรรค์ผลงานออกมาได้ดีนะ" สิ้นคำพูด พี่เลี้ยงสาวก็ถือแก้วกาแฟเดินจากไปด้วยใบหน้าเรียบนิ่งอย่างที่เคยเป็น แต่แก้วตากลับตกตะลึงกับคำตอบของเธอไม่น้อยเลย จะอะไรเสียอีกล่ะ เพราะแก้วตาไม่คิดว่าจะได้รับคำพูดดี ๆ จากบุคคลผู้นี้เลย
"อะไรกัน พูดดี ๆ ก็เป็นนี่นา ฉันไม่ได้เครียดจนหลอนไปเองใช่ไหมนะ" แก้วตาพูดกับตัวเองพลางตบแก้มเบา ๆ เพื่อเรียกสติ คำตอบง่าย ๆ ที่เต็มไปด้วยความดีใจของผู้ฟัง ทำเอาเธอถึงกับหลุดยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว


หลังจากที่กลับมาทำงานได้ไม่กี่ชั่วโมง ก็ถึงเวลาพักกลางวันแล้ว ทุกคนในห้องต่างลุกขึ้นยืดเส้นยืดสายพร้อมกับถือกล่องข้าวของตัวเองเดินออกไปจากห้อง เหลือก็เพียงแต่น้ำริน ที่กำลังง่วนกับการทำงาน แก้วตาก็อดไม่ได้ที่จะชำเลืองมองท่าทีของพี่เลี้ยงสาวว่าจะลุกออกไปพักเหมือนคนอื่น ๆ หรือไม่ แต่เจ้าตัวก็ยังคงนั่งหน้าเครียดทำงานอยู่อย่างนั้น
"แก้วตา วันนี้มากินข้าวด้วยกันนะ พี่สั่งอาหารเดลิเวอรีไว้แล้ว อีกสักพักคงมาถึง" ชะเอมเอ่ยชวนแก้วตาด้วยท่าทีที่ดูใจดีเช่นเดิม
"ค่ะพี่ เดี๋ยวตาตามออกไปนะคะ" แก้วตาตอบพลางหันไปมองที่น้ำรินอีกครั้ง แต่เจ้าตัวก็ยังจริงจังกับการทำงาน และไม่มีทีท่าว่าจะลุกไปไหนเลย แม้กลัวว่าจะไปรบกวนเวลาทำงานก็เถอะ แต่เธอก็กลั้นใจถามออกไปจนได้
"เอ่อ...พี่น้ำรินคะ ไปกินข้าวก่อนไหมคะ"
"ยังก่อน ตอนนี้สมองกำลังแล่นน่ะ เธอก็รีบไปกินซะ อย่ามัวเสียเวลา"
"คนเขาอุตส่าห์เป็นห่วง…" แก้วตาบ่นพึมพำกับตัวเองเบา ๆ แต่จำต้องยอมเดินจากไปแต่โดยดี


"มา ๆ คนสวย นั่งข้างพี่นี่เลย" หนึ่งในบรรดาพนักงานชายเอ่ยเรียกพร้อมกับกวักมือเรียกไว ๆ ก่อนจะใช้มือตบที่เก้าอี้ด้านข้างของตนเพื่อเชื้อเชิญพนักงานรุ่นน้อง
"อย่าไปนั่งข้างอาร์มเลย มานั่งข้างพี่ดีกว่า" หัวหน้าสาวพูด
"ว่าแต่ว่าพี่น้ำรินปกติก็กินข้าวไม่ตรงเวลาเหรอคะ"
"น้ำรินเหรอ บางวันก็กิน บางวันก็ไม่กิน ยิ่งวันไหนสมองแล่น จะไม่พูดกับใครเลย เขาออกแนวติสท์ ๆ นะ แต่ก็นิสัยดี พึ่งพาได้ เราน่ะรีบมานั่งได้แล้ว ทำงานเหนื่อย ๆ ต้องเติมพลังนะรู้เปล่า"
"ค่ะพี่ชะเอม" พูดจบเธอจึงเดินเข้าไปนั่งเคียงข้างกับหัวหน้าสาวอย่างว่าง่าย
"ผมว่าเรามาแนะนำตัวต้อนรับน้องใหม่กันอีกครั้งกันเถอะครับ เพราะตอนเช้าต่างคนต่างทำงาน ไม่ค่อยได้คุยกันเลย บอกอายุด้วยก็ดีนะครับ แก้วตาจะได้รู้ว่าใครอาวุโส ฮ่า ๆ" กอล์ฟพูดด้วยท่าทีที่ตื่นเต้น
"เริ่มจากพี่เลยแล้วกัน พี่ชื่อชะเอมนะ อายุ 31 ปี ส่วนใหญ่จะดูแลงานออกแบบบรรจุภัณฑ์โดยเฉพาะ"
"พี่ชื่ออาร์มนะ หน้าที่เหมือนกับเรานั่นแหละ อายุ 27 ปี เท่าน้ำริน"
"เรากอล์ฟนะ หล่อสุดที่อยู่ตรงนี้ เรารู้จักกันแล้ว" กอล์ฟแนะนำตัวอีกครั้งด้วยท่าทีที่ตื่นเต้นเช่นเคย
"พี่โต๊ะ อายุขอไม่บอก เรียกพี่ก็คงพอแล้วล่ะ ส่วนนี่ป๋อง มันไม่ค่อยพูด แต่เก่งโคตร แก้ปัญหาทุกอย่างได้หมด ส่วนใหญ่พี่ ป๋อง แล้วก็กอล์ฟจะต้องทำงานด้วยกัน และต้องปรึกษากันตลอด บางวันก็อาจจะมีเถียงกันบ้าง ก็อย่าตกใจแล้วกัน" ชายรูปร่างสูงท้วมคาดว่าอายุน่าจะมากที่สุดในทีมกล่าวแนะนำตัวด้วยท่าทีขรึม ๆ แต่ก็แฝงไปด้วยความอบอุ่น เสมือนพี่ชายคนโต ที่จะคอยดูแลคนอื่น ๆ ในทีมออกแบบ
"ขอฝากเนื้อฝากตัวอีกครั้งนะคะพี่ ๆ ตาจะทำงานให้เต็มที่ไม่ให้เสียชื่อทีมแน่นอนค่ะ"
เมื่อการแนะนำตัวจบลง ทุกคนต่างพูดคุยกันอย่างสนุกสนานระหว่างเวลาพักกลางวัน ซึ่งแก้วตาสัมผัสได้ว่าทีมออกแบบนั้นต่างก็ใจดีและเป็นกันเอง แม้แต่ป๋องที่เอาแต่นั่งเงียบตั้งแต่ต้นก็เริ่มที่จะยิ้มและหัวเราะออกมาบ้างเป็นบางครั้ง เพราะเขาดูเป็นหนุ่มขี้อายมากกว่าคนชอบเก็บตัว ช่างโชคดีเสียนี้กระไรที่ได้มาทำงานในบริษัทที่อบอุ่นเช่นนี้

"อ้า...อิ่มจัง หนังท้องตึงหนังตาก็หย่อน" กอล์ฟพูดพลางกับลูบท้องตัวเองแสดงท่าทีที่อิ่มจนแน่นท้อง 
"เดี๋ยวตาเอาจานไปล้างเองค่ะ ตอบแทนที่พี่ ๆ เลี้ยงข้าวมื้อนี้นะคะ" พูดจบ แก้วตาจึงรวบรวมจานทั้งหมดหลังจากที่กินเสร็จแล้ว ก่อนจะเดินไปวางที่อ่างล้างจานภายในห้องชงกาแฟ จึงได้พบเข้ากับพี่เลี้ยงสาวที่กำลังยืนชงกาแฟอยู่เงียบ ๆ
แก้วตาสังเกตเห็นว่า พี่เลี้ยงสาวตักผงกาแฟลงไปถึง 2 ช้อน แต่ไม่ได้เติมน้ำตาลหรือส่วนผสมใด ๆ ลงไปเพิ่มเติมนอกจากน้ำร้อน เธอจึงมองด้วยความฉงน เพราะนี่ถือเป็นกาแฟแก้วที่ 2 แล้ว พี่เลี้ยงสาวไม่กินข้าวหรืออย่างไรกันนะ
"ไม่หิวเหรอคะพี่น้ำริน"
"..." เจ้าตัวไม่ตอบอะไรกลับมา แต่กลับถือแก้วกาแฟเดินออกจากห้องไปทิ้งให้อีกฝ่ายมองตามเธอด้วยความสงสัย ช่างเป็นคนที่เย็นชาเสียนี้กระไร นี่น่ะหรือ...คนใจดี เธอเป็นอย่างที่คนอื่นเขาพูดจริง ๆ อย่างนั้นน่ะหรือ
'ทำไมทุกคนถึงบอกว่าพี่ใจดีนะ แล้วท่าทีที่แสดงกับเรานี่มันคืออะไร เขาไม่ชอบเราเหรอ หรือเราทำอะไรให้เขาไม่พอใจหรือเปล่านะ...ฉันอยากรู้จักพี่มากกว่านี้จัง...ฉันไม่ยอมแพ้หรอกนะพี่น้ำริน…' 


หลังจากที่พยายามมาตลอดทั้งวัน ในที่สุดแก้วตาก็ทำงานชิ้นแรกสำเร็จเสียที เธอจึงยืดเส้นยืดสายอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหันไปมองพี่เลี้ยงสาวที่ยังคงง่วนกับงานของตัวเองอยู่เช่นเดิม
"เอ่อ...พี่น้ำรินคะ พอมีเวลาตรวจให้ตาหรือเปล่าคะ"
"อืม...ของฉันก็เสร็จพอดี ขอส่งอีเมลให้พี่นกก่อนแล้วกัน" แม้ทำงานเสร็จสิ้นแต่เจ้าตัวก็ไม่ได้แสดงท่าทีดีใจหรือผ่อนคลายลงแต่อย่างใด น้ำรินยังคงแสดงสีหน้าและท่าทางที่จริงจัง ก่อนจะลุกมาที่ด้านข้างของรุ่นน้อง พร้อมกับโน้มตัวลงเพื่อที่จะจ้องมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ โดยมือข้างขวาของเธอวางพาดไปที่พนักพิงเก้าอี้ที่แก้วตานั่งอยู่ ส่วนมืออีกข้างนั้นค้ำไปกับโต๊ะ นั่นหมายความว่า...เธอกำลังคร่อมตัวรุ่นน้องสาวอยู่น่ะสิ...
"อืม...ฝีมือใช้ได้เลยนี่ ออกแบบงานละเอียดได้ภายในวันเดียว แต่ถ้าเป็น...ไ...ก…"
ตึก! ตัก! ตึก! ตัก!
เพราะความใกล้ชิด หรือเพราะกลิ่นน้ำหอมของเจ้าตัวโชยมาปะทะกับโสตประสาทของแก้วตากันนะ ถึงทำให้หัวใจดวงน้อยสั่นระรัวได้ถึงเพียงนี้ ตอนนี้แก้วตาไม่ได้ยินเสียงของพี่เลี้ยงสาวแม้แต่น้อย ราวกับว่าเธอตกอยู่ในภวังค์อีกครั้ง
'หอมจัง...กลิ่นกุหลาบหรือเปล่านะ ดูอ่อนโยนผิดกับท่าทีของพี่เลย แล้วทำไมฉันต้องใจเต้นแรงด้วยนะ เพราะความสวยของพี่น้ำรินเหรอ…'
ตึ้ง!!
ทันทีที่พี่เลี้ยงสาวตบโต๊ะดังลั่น ทำเอาแก้วตาถึงกับสะดุ้งโหยง เรียกสติของเธอให้คืนกลับมาในทันที
"ฟังที่พูดหรือเปล่า ถ้าไม่ตั้งใจก็ออกไปซะ!!"
"ข...ขอโทษค่ะ ตาเบลอ ๆ นิดหน่อย"
"ฉันบอกว่าปรับโทนสีลงหน่อย มันดูฉูดฉาดเกินไป ที่เหลือก็โอเคแล้ว เสร็จแล้วก็ค่อยพักแล้วกัน" 
"ค่ะ รับทราบค่ะ" แก้วตารีบตอบรับทันควัน พี่เลี้ยงสาวจึงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่คล้ายคนกำลังเอือมระอา สีหน้าของเธอดูไม่สบอารมณ์นัก นั่นยิ่งทำให้แก้วตารู้สึกผิดแบบเต็มประดาที่ทำให้อีกฝ่ายต้องเป็นแบบนี้ 
'นี่ฉันทำให้พี่น้ำรินไม่พอใจอีกแล้วเหรอเนี่ย เฮ้อ...'

เวลาผ่านไปไม่นานนัก เมื่อแก้วตาแก้ไขตามคำแนะนำของพี่เลี้ยงเสร็จเรียบร้อยแล้วนั้น เธอจึงได้รับกระดาษที่เขียนอีเมลเอาไว้ เพื่อที่จะส่งไฟล์ไปให้พนักงานฝ่ายบริการลูกค้าตรวจสอบความเรียบร้อยก่อนที่จะส่งงานไปยังลูกค้า จากนั้นพี่เลี้ยงสาวก็เก็บกระเป๋าของตนเดินออกไปโดยไม่พูดไม่จาอะไรกับรุ่นน้องในการดูแลแม้แต่น้อย แต่เธอกลับยกมือไหว้พนักงานรุ่นพี่และบอกลาพนักงานคนอื่น ๆ ด้วยรอยยิ้ม 
มันอดน้อยใจไม่ได้เลยจริง ๆ ในเมื่อน้ำรินมีหน้าที่ต้องคอยดูแลรุ่นน้องตลอดการทดลองงาน แต่กลับเลือกปฏิบัติแบบนี้มันใช้ได้ที่ไหนกัน ไหนจะกฎบ้าบอนั่นที่ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย อยากจะรู้นักว่าพี่เลี้ยงสาวเป็นคนอย่างไรกันแน่ หรือว่าแก้วตาทำอะไรผิดไปอย่างนั้นหรือ ถึงได้แสดงท่าทีเย็นชากับเธอแบบนี้
"ไม่คิดจะบอกลาฉันสักคำเลยหรือไง นี่พี่เป็นพี่เลี้ยงฉันนะ..."
ม้า
ไรท์แวะมาคุย~`

“สวัสดีค่าาา ไรท์แวะมาทักทายค่ะ ความจริงแล้วเรื่อง "แก้ปมรักคุณพี่เลี้ยง" เป็นนิยายเรื่องแรกของไรท์เลย ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการเขียนนิยายเลยก็ว่าได้ค่ะ ซึ่งเรื่องนี้ไรท์เคยเอาลงที่ ReadAWrite มาก่อน แต่ก็ต้องปิดไปเพราะเนื้อหาของเรื่องนี้ค่อนข้างที่จะรุนแรง แต่หากจะทิ้งไปเลยมันก็น่าเสียดาย ดังนั้นไรท์จึงนำมารีไรท์ใหม่และปรับเนื้อหาบางส่วนให้ดูซอฟต์ลง แต่ก็ยังคงเค้าโครงเดิมอยู่ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านมาก ๆ นะคะ ไม่เห็นผิดเป็นแบบอย่าง ขอให้อ่านเพื่อความบันเทิงเท่านั้นค่ะ”