แก้ปมรักคุณพี่เลี้ยง (เร็ว ๆ นี้ที่ readAwrite)

แก้ปมรักคุณพี่เลี้ยง (เร็ว ๆ นี้ที่ readAwrite)
ตอนที่ 2 ว้าวุ่นในใจ

วันนี้เข้าสู่การทำงานวันที่ 5 ของแก้วตาแล้ว ทุกอย่างยังคงดำเนินไปอย่างเรียบง่าย ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ ทุกคนยังคงทำงานกันอย่างขะมักเขม้น เชอรีนยังคงทักทายพนักงานของตนด้วยท่าทีที่อบอุ่นและใจดีอย่างเช่นที่เคยเป็น ทุก ๆ คนในทีมก็เช่นกัน และสิ่งที่ไม่ต่างไปจากเดิมเลย ก็คงจะเป็นพี่เลี้ยงสาวสวยของแก้วตา ที่ยังคงแสดงท่าทีเย็นชาไม่ต่างจากวันแรกที่ได้พบกัน

'ความสัมพันธ์ของฉันกับพี่น้ำรินจะไม่มีอะไรคืบหน้าเลยใช่ไหมเนี่ย ทำยังไงจะสนิทกับพี่เลี้ยงได้นะ…' แก้วตาคิดในใจ
ตั้งแต่วันแรกที่แก้วตาได้มาทำงานที่บริษัทแห่งนี้ ไม่มีวันไหนเลยที่เธอจะได้เห็นพี่เลี้ยงสาวกินข้าวกลางวัน ทุก ๆ วัน เจ้าตัวกินแค่เพียงกาแฟดำ ถ้าจะให้นับก็วันละ 2 - 3 แก้ว แก้วตาจึงอดเป็นห่วงพี่เลี้ยงสาวผู้นี้ไม่ได้เลย แม้เจ้าตัวจะชอบดุและแสดงท่าที่เย็นชากับเธอก็เถอะ
"พี่ชะเอมคะ แถว ๆ นี้มีร้านพวกขนม เบเกอรี่หรือเปล่าคะ"
"ออกไปทางขวาตรงหัวมุมมีอยู่ร้านนึงนะ อร่อยด้วย แต่สั่งเดลิเวอรี่ให้เขามาส่งก็ได้นี่นา"
"ตาว่าเดินไปเลือกเองดีกว่าค่ะ ถือซะว่ายืดเส้นยืดสายด้วย พี่ ๆ จะฝากซื้ออะไรหรือเปล่าคะ"
"ไม่ล่ะ พี่อิ่มแล้ว" สิ้นเสียงตอบของพนักงานรุ่นพี่ แก้วตาจึงเดินออกจากบริษัทเพื่อตามหาร้านเบเกอรี่ที่หัวหน้าสาวได้แนะนำมา แะเธอก็ยังไม่วายคิดถึงน้ำรินที่เอาแต่ทำงาน จนไม่ยอมกินข้าวเลยสักวัน
"กินแต่กาแฟเนี่ยนะ พี่อยู่ได้ยังไงกัน" เธอเดินไปบ่นไป ไม่นานก็ถึงร้านเบเกอรี่เล็ก ๆ ตรงหัวมุมตามที่ชะเอมบอก ก่อนจะเดินไปที่ตู้เบเกอรี่ ที่มีขนมปัง เค้ก และขนมมากมายให้เลือก

"พี่น้ำรินชอบกินอะไรนะ...ถ้าซื้อเค้กไปให้จะกินไหมนะ" เธอบ่นพึมพำเบา ๆ พลางชี้นิ้วไปที่เค้กช็อคโกแลตดูน่ากิน และเธอก็ไม่ลืมที่จะหยิบขนมกินเล่นเพื่อไปฝากพี่ ๆ ในทีมติดมือไปด้วยก่อนจะไปยื่นให้พนักงานเพื่อคิดเงิน


"โห ซื้ออะไรมาเยอะแยะเนี่ยตา น่ารักนะเราเนี่ย"
"ให้มันน้อย ๆ หน่อย เห็นแก่กินหรือไง" ยังไม่ทันที่กอล์ฟจะเอื้อมมือถึงห่อขนมก็ถูกหัวหน้าสาวฟาดที่หลังมือเสียก่อน เพราะท่าทีของเขาราวกับเสือกำลังจะตะครุบเหยื่อ แต่ถึงกระนั้นกอล์ฟก็รีบคว้าห่อขนมไปอยู่ดีจนชะเอมได้แต่ส่ายศีรษะด้วยความเอือมระอา ก่อนจะเลือกห่อขนมไปยื่นให้กับอาร์มที่นั่งอยู่ไม่ไกลจากเธอมากนัก
"ขอบคุณนะน้องแก้วตา" เขายิ้มให้กับชะเอม ก่อนจะชูห่อขนมขึ้นเพื่อขอบคุณผู้ซื้อ
"ยินดีค่ะ" แก้วตายิ้มตอบกลับไปแล้วนำขนมที่ซื้อมา ไปให้กับสองหนุ่มโปรแกรมเมอร์ โต๊ะและป๋องที่ทำงานกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ก่อนจะถือห่อขนมเดินไปที่ห้องชงกาแฟ
แก้วตาจัดเตรียมชุดกาแฟแบบพร้อมเสิร์ฟพร้อมกับตักผงกาแฟ 2 ช้อน ตามด้วยน้ำร้อน จากนั้นก็นำขนมเค้กที่ซื้อมาจากร้านเบเกอรี่จัดใส่จาน ก่อนจะถือถาดกาแฟเดินตรงไปที่โต๊ะทำงานของเธอ
เมื่อเดินมาถึงโต๊ะทำงาน แก้วตาจึงยืนมองไปที่โต๊ะของพี่เลี้ยงสาวเพื่อสำรวจดูว่าเจ้าตัวได้กินอะไรไปบ้างหรือยัง จนมั่นใจได้ว่า วันนี้น้ำรินยังไม่ได้กินกาแฟเลยสักแก้วเพราะโต๊ะยังคงว่างเปล่า เธอจึงวางแก้วกาแฟที่เธอชงเอาไว้ลงบนโต๊ะของพี่เลี้ยงสาว ตามด้วยเค้กช็อคโกแลตที่เธอตั้งใจซื้อมาให้โดยเฉพาะ
"นอกจากกาแฟแล้ว พี่น่าจะกินอะไรรองท้องด้วยนะคะ"
"..." ไม่มีสัญญาณตอบรับใด ๆ จากผู้ที่เป็นพี่เลี้ยงของเธอแม้แต่น้อย ไม่มีรอยยิ้ม ไม่มีแม้คำขอบคุณ เธอยังคงทำงานต่อไปโดยไม่สนใจใครเช่นที่เธอเคยปฏิบัติต่อแก้วตา
'เฮ้อ...ขอบคุณสักคำก็ไม่มี อย่างน้อยฉันก็ได้พยายามแล้วล่ะนะ…'


นาฬิกาแสดงเวลาเลิกงาน ทุกคนเริ่มทยอยเก็บโต๊ะและกระเป๋าของตนก่อนที่ชะเอมจะเดินมาที่กลางห้องพร้อมกับเคาะโต๊ะ 3 ที ทุกคนจึงละจากสิ่งที่ตนทำอยู่เพื่อมาให้ความสนใจหัวหน้าทีมแทน
"วันพรุ่งนี้พี่เชอรีนกับพี่กวินจะเลี้ยงขอบคุณพนักงานนะ จะเป็นที่ไหน เดี๋ยวว่ากันอีกที สำหรับวันนี้ก็ขอบคุณทุกคนที่ตั้งใจทำงาน กลับบ้านกันดี ๆ นะ" หลังจากพนักงานผู้พี่ได้กล่าวจบ หนุ่ม ๆ ทั้งหลายก็โหวกเหวกดีใจกันยกใหญ่ ที่จะได้ดื่มสังสรรค์กันเสียที แก้วตาจึงได้แต่อมยิ้มเพราะอดเอ็นดูหนุ่ม ๆ ไม่ได้ แต่ทว่า...
"นี่...เธอจะไปไหนต่อหรือเปล่า" จู่ ๆ พี่เลี้ยงสาวก็เดินมาข้างหลังแก้วตา ก่อนจะกระซิบเบา ๆ ราวกับกลัวว่าคนอื่นจะได้ยิน
"อ๋อ ไม่ได้ไปไหนค่ะ ก็คงกลับเลย" แก้วตาตอบพลางกับเหลือบมองไปที่โต๊ะของน้ำริน แต่บนจานยังมีเค้กตั้งอยู่เหมือนเดิม ไม่มีส่วนที่กินไปแม้แต่เสี้ยวเดียว
"พอมีเวลา ไปกับฉันสักหน่อยไหม" สิ่งที่น้ำรินถามทำเอาแก้วตาถึงกับคิ้วขมวด เพราะโอกาสที่พี่เลี้ยงของเธอจะชวนคุยก่อนนั้น มันยากเหลือเกินที่จะเกิดขึ้นได้ หากไม่ได้คุยเรื่องงานก็แทบเป็นไปไม่ได้เลย และนี่ยังชวนไปด้วยกันอีก วันนี้ต้องกินอะไรผิดสำแดงมาเป็นแน่
"ไปไหนเหรอคะ" แก้วตาถามด้วยสีหน้าฉงน
"ตามมาเถอะน่า จะไปกับฉันหรือจะขับรถตามไป" น้ำรินชูกุญแจรถขึ้นพร้อมกับเอียงคอไปด้านหนึ่ง แต่ท่าทีแบบนี้มันทำให้รุ่นน้องกระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อยเพราะความน่ารักของเธอ
'พี่ก็ทำตัวน่ารักเป็นเหมือนกันนี่นา'
"ว่าไง"
"อ๋อ เดี๋ยวขับรถตามไปค่ะ เสร็จธุระจะได้ไม่ต้องรบกวนพี่กลับมาส่งอีก"
"อืม ตามใจ" สิ้นคำพูด น้ำรินจึงเดินนำออกไปก่อน โดยมีแก้วตารีบวิ่งตามออกไปด้วยความดีใจ ทั้งที่ไม่รู้ว่าจะได้ไปไหนเสียด้วยซ้ำ


เมื่อทั้งสองเดินลงมาถึงลานจอดรถ สิ่งที่ทำให้พี่เลี้ยงสาวต้องคิ้วขมวดคือเธอเห็นรุ่นน้องเดินไปยืนเคียงข้างรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่ง แม้ไม่ต้องบอกก็พอจะเดาได้ว่าน่าจะเป็นรถของรุ่นน้องสาวเป็นแน่ แต่มันก็ดูผิดคาดเกินที่คิดไปไม่น้อย
"ขับมอเตอร์ไซค์เหรอ"
"ใช่ค่ะ ทำไมเหรอคะ"
"เปล่า บอกว่าจะตามไป ก็นึกว่าขับรถยนต์ซะอีก ถ้างั้นก็ขอเวลาไม่นานแล้วกัน จะได้ไม่ต้องกลับดึก"
"ได้ค่ะ ไม่มีปัญหาเลยค่ะ"
'เขาจะพาฉันไปไหนกันนะ'
แก้วตารีบก้าวขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ของตนด้วยความตื่นเต้น ในที่สุดเธอก็จะได้มีเวลาร่วมกับพี่เลี้ยงสาวเสียที และเมื่อน้ำรินสตาร์ทรถได้ เธอก็ขับนำทางไปแบบไม่รีบร้อนนัก เพื่อให้ผู้ที่ขับมอเตอร์ไซต์ตามเธอได้ทัน ไม่นานนักเธอก็ขับรถเข้าไปจอดที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง ชื่อว่า มีเรา คาเฟ่ ซึ่งเป็นร้านกาแฟเล็ก ๆ ที่มีการตกแต่งให้บรรยากาศดูอบอุ่นเหมือนกับดื่มกาแฟที่บ้าน 
น้ำรินเดินนำแก้วตาเข้าไปในร้านแล้วเลือกนั่งที่โต๊ะด้านในสุดของร้าน แต่เป็นโต๊ะที่อยู่ไม่ไกลจากบาร์มากนัก 
"ที่จะพามาคือร้านกาแฟเหรอคะ"
"ถ้าอยากกินเค้กอร่อย ๆ ก็ต้องที่นี่แหละ" ทั้งสองคนนั่งลงที่โต๊ะ เวลาผ่านไปไม่นานนักก็มีพนักงานสาวสวยเดินตรงมาที่ทั้งสองนั่งอยู่ด้วยรอยยิ้ม
"ไหน...พาสาวสวยที่ไหนมาน้า" พนักงานสาวสวยคนนั้นเดินเข้ามากอดน้ำรินจากทางด้านหลังพร้อมกับยีผมเธอจนยุ่งเหยิง ทำเอาแก้วตาถึงกับคิ้วขมวด
"รุ่นน้องที่ทำงานน่ะพี่หวาน เลิกยีหัวรินสักที ผมเสียทรงหมด" น้ำรินตอบพลางใช้มือทั้งสองลูบผมให้เข้าที่
"ฟ้า...รินพาสาวมาแหละ มาทำความรู้จักหน่อย" พนักงานสาวสวยผู้ร่าเริงคนนั้นตะโกนเรียกพนักงานอีกคนด้วยท่าทีที่ตื่นเต้นสุด ๆ
'อะไรกันเนี่ย ผู้หญิงคนนี้คือใคร ทำไมถึงกอดพี่น้ำรินที่ต่อต้านการสกินชิพได้นะ แล้วท่าทีที่สนิทสนมนี้หมายความว่ายังไงกัน'
"ว่าไงคนสวย พี่ชื่อน้ำฟ้านะคะ" พนักงานอีกคนเดินเข้ามาทักทายด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม 
"พี่ชื่อน้ำหวานนะ เป็นพี่สาวคนรอง คนเมื่อกี้เป็นพี่สาวคนโต รินไม่คิดจะแนะนำให้พี่รู้จักบ้างเหรอ"
"ก็บอกว่าน้องที่ทำงานไง ถ้าพวกพี่ยังทำตัวแบบนี้ รินจะไม่พาใครมาบ้านแล้วนะ"
'หา! บ้านเหรอ อย่าบอกนะว่าเป็นพี่สาวของพี่น้ำริน แล้วนี่คือบ้านของพี่เขาอย่างงั้นเหรอ!?' ทันทีที่มีสติคิดได้ แก้วตาจึงรีบยกมือไหว้สาวสวยทั้งสองทันที
"ส...สวัสดีค่ะ หนูชื่อแก้วตาค่ะ เป็นพนักงานใหม่ พี่น้ำรินเป็นพี่เลี้ยงหนูค่ะ เลยพามา คิดว่างั้นมั้งคะ แฮะ ๆ" แก้วตาหัวเราะกลบเกลื่อนเพื่อเลี่ยงการเข้าใจผิด แต่จะเข้าใจผิดเรื่องอะไรกันล่ะ....
"เอ...แต่รินไม่เคยพาคนที่ทำงานมานะ" สาวสวยผู้พี่พูดแบบอมยิ้มทำทีแซวผู้เป็นน้อง
"เลิกกวนน้องเขาสักที ไปเอาขนมมา!" น้ำรินตอบด้วยน้ำเสียงแข็ง แต่ก็มีแอบยิ้มมุมปากเล็กน้อย ซึ่งเธอเองก็ไม่รู้ตัวเลยว่า รอยยิ้มของเธอนั้นถูกพนักงานรุ่นน้องเห็นเข้าให้แล้ว
"จ้า ๆ น้องก็น้อง อยู่ใกล้กันมาก ระวังกลายเป็นเมียรินนะคะน้องแก้วตา ฮ่า ๆ" สาวสวยคนรองแซวบ้าง ก่อนจะรีบวิ่งออกไปเพราะกลัวว่าจะโดนคนเป็นน้องดุ ทำเอาแก้วตาอดที่จะขำไม่ได้ในการหยอกล้อกันของพี่น้องบ้านนี้
'จะว่าไป พี่น้องบ้านนี้ไม่มีส่วนไหนที่คล้ายกันเลย แล้วที่พูดเมื้อกี้ หมายความว่าพี่น้ำรินชอบผู้หญิงหรือเปล่านะ'
ใช่...ประโยคก่อนหน้าที่คนเป็นพี่พูด แม้จะดูเหมือนเป็นการหยอกล้อกัน แต่ก็รู้สึกว่ามันแฝงความจริงอยู่ในนั้นด้วย
"หัวเราะอะไร อย่าไปถือสาพี่ ๆ เขาล่ะ ชอบแกล้งคนอื่นไปทั่วโดยเฉพาะสาว ๆ แล้วที่พามาก็เพราะจะตอบแทนที่ชงกาแฟกับเอาเค้กมาให้กินเท่านั้นแหละ อย่าเข้าใจผิดล่ะ"
"ตาก็ยังไม่ทันได้ว่าอะไรนี่คะพี่น้ำริน" แก้วตาตอบแล้วก็หัวเราะเบา ๆ
'เหมือนฉันจะได้เห็นอีกมุมของพี่น้ำรินเข้าแล้วสิ'
"ปกติฉันไม่ค่อยชอบกินเค้กหรอกนะ แต่ก็ขอบคุณที่ซื้อมาให้ ส่วนใหญ่ถ้าเป็นเค้ก ฉันจะกินเค้กฝีมือพี่หวาน พี่ฟ้า แล้วก็แม่เท่านั้นน่ะ"
"พี่นี่มักจะมีมุมน่ารัก ๆ เฉพาะกับครอบครัวเหรอคะ" ยังไม่ทันที่จะได้ฟังคำตอบจากพี่เลี้ยงสาว พนักงานสาวผู้พี่ก็นำเค้กช็อคโกแลตมาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะขัดจังหวะเสียก่อน
"นี่น้องแก้วตา รับประกันความอร่อย ลองชิมดู"
"ขอบคุณค่ะ" หญิงสาวตอบอย่างยิ้มแย้มและใช้ช้อนตักเค้กช็อคโกแลตขึ้นมาชิม
"เป็นไง" สาวสวยผู้พี่ถามด้วยแววตาที่คาดหวังกับคำตอบ
"อร่อยจริง ๆ ด้วยค่ะ ไม่หวานไป นุ่ม ลงตัวสุด ๆ เลยค่ะ"
"ตอบเอาใจพี่หรือเปล่าเนี่ย ขอบคุณน้า ยังไงก็กินให้อร่อยนะคะ พี่ไม่รบกวนแล้ว" น้ำฟ้าตอบด้วยท่าทีเคอะเขิน ก่อนที่จะเดินจากไปด้วยรอยยิ้ม
"เห็นไหม บอกแล้ว ว่าเค้กอร่อยต้องที่นี่"
"พี่น้ำรินนี่ขายเก่งเหมือนกันนะคะเนี่ย อยู่ที่ทำงานไม่เคยเห็นมุมน่ารัก ๆ แบบนี้ของพี่เลย"
"..." น้ำรินไม่ตอบอะไร ได้แต่นั่งมองดูแก้วตากินเค้กอย่างเอร็ดอร่อยจนรอยยิ้มเปรอะบนใบหน้าของเธอ แต่อีกฝ่ายกลับเอาแต่กินเค้ก ไม่ได้รู้ตัวเลยว่ามีคนกำลังมองเธออยู่ กระทั่งเธอกินจนหมดจาน
"ขอบคุณที่พามากินเค้กอร่อย ๆ นะคะ เดี๋ยวตาขอไปคิดเงินก่อนนะคะ"
"ไม่ ฉันเลี้ยง"
"เอ๊ะ!? อะไรนะคะ"
"ฉันเลี้ยงเอง ตอบแทนเรื่องเมื่อตอนกลางวันไง"
"อ๋อ ไม่เป็นไรค่ะพี่น้ำริน ตากะว่าจะซื้อกลับบ้านด้วย"
"ไม่เป็นไร จะซื้อกลับไปก็ได้ ฉันจะเลี้ยงเอง"
"ถ้างั้น เค้กช็อคโกแลตหนึ่งชิ้นก็พอค่ะ ขอบคุณนะคะ" 

เวลาผ่านไปไม่นานนัก น้ำรินถือถุงเค้กมายื่นให้แก้วตาด้วยใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยความสุข แต่ทว่า เมื่อแก้วตายื่นมือไปรับถุงขนมเค้กมีจังหวะที่มือของทั้งสองสัมผัสโดนกันเล็กน้อย พี่เลี้ยงสาวถึงกับสะดุ้งแล้วรีบชักมือกลับทันที
"เอ่อ...ขอโทษค่ะ ไม่ได้ตั้งใจ"
"อืมไม่เป็นไร กลับดี ๆ ล่ะ" พี่เลี้ยงสาวกลับมามีท่าทีที่เย็นชาอย่างที่เคยเป็น และแม้แก้วตาจะเต็มไปด้วยความสงสัย แต่เธอจำต้องกลับบ้านไปทั้งอย่างนั้น เพราะเธอรู้ดีว่า ต่อให้ถามไปก็ไม่มีทางได้คำตอบเป็นแน่
'แค่มือโดยกันแค่นี้ปฏิกิริยาต่อต้านแบบชัดเจนเลย พี่มีอดีตอะไรที่ฝังใจหรือเปล่าพี่น้ำริน พี่เปิดรับแค่คนในครอบครัวพี่เท่านั้นเหรอ พี่คงไม่ได้ชอบผู้หญิงหรอกใช่ไหม แล้วที่สำคัญ พี่ก็อาจจะรังเกียจฉัน'


เช้าวันถัดมา ณ ห้องทำงาน น้ำรินก็ยังคงปฏิบัติตัวกับแก้วตาเช่นเคย ไร้รอยยิ้ม มีแต่ความเงียบสงัด ราวกับว่าเป็นคนละคนกับที่พาแก้วตาไปกินเค้กอร่อย ๆ เมื่อวานนี้
ส่วนแก้วตาก็ยังปฏิบัติต่อพี่เลี้ยงสาวเช่นเดิม เธอเดินไปที่ห้องชงกาแฟ พร้อมกับตักกาแฟ 2 ช้อน ตามด้วยน้ำร้อนอย่างที่เคยทำ พร้อมกับจัดเค้กช็อคโกแลตที่ซื้อมาจากร้านมีเรา คาเฟ่ ก่อนจะเดินตรงไปที่โต๊ะทำงานของพี่เลี้ยงสาวแล้ววางแก้วกาแฟและจานเค้กลงข้าง ๆ แต่ครั้งนี้เธอไม่ได้พูดอะไร เธอนั่งลงที่โต๊ะของตัวเอง และหยิบกระดาษโพสต์อิทมา 1 แผ่น พร้อมกับเขียนข้อความลงไป


ถ้านี่คือเค้กร้านเดียวที่พี่กิน คิดซะว่า ตาทำเพื่อพี่นะคะ ถึงพี่จะเป็นคนจ่ายเงินเองก็เถอะ ตาอยากให้พี่กินอะไรบ้าง ถ้าพี่คิดว่างานสำคัญ สุขภาพของพี่ก็สำคัญกับการทำงานเช่นกัน

เป็นห่วงนะคะ
จาก...แก้วตา


เมื่อเขียนเสร็จเธอก็นำโพสต์อิทไปแปะไว้ที่จานเค้ก แล้วจึงกลับมาทำงานของตัวเองต่อ โดยที่เธอไม่รู้ตัวเลยว่า มีใครบางคนกำลังยิ้มกับโพสต์อิทแผ่นเล็ก ๆ แผ่นนี้อยู่


เมื่อถึงเวลาเลิกงาน หลังจากที่แก้วตากลับมาจากที่ไปเข้าห้องน้ำเพื่อทำธุระส่วนตัวก่อนไปกินเลี้ยงในคืนวันนี้ ชะเอมก็ได้นัดแนะร้านที่ต้องไปกินเลี้ยงกับทางบริษัทและตกลงว่าจะเลยไปที่ร้านด้วยรถของอาร์มและน้ำริน เพราะทั้งสองขับรถยนต์ ส่วนคนที่เหลือเป็นรถมอเตอร์ไซต์ทั้งหมดนั่นเอง หากกลับดึก ทุกคนก็จะได้ตระเวนส่งคนอื่น ๆ ได้อย่างปลอดภัย
เมื่อการนัดแนะเสร็จสิ้นแล้วนั้น แก้วตาจึงเดินกลับมาเพื่อเก็บของที่โต๊ะของเธอ จึงได้เห็นโพสต์อิทแผ่นเล็ก ๆ แปะอยู่ที่โต๊ะ


ขอบคุณนะ :)
น้ำริน.


เธออ่านแล้วยิ้มออกมาด้วยความดีใจ นี่คงเป็นการตอบรับแบบธรรมดา ๆ ที่เธอรู้สึกว่ามันพิเศษกับใจเธอมาก เธอไม่รู้ตัวเลยว่า หัวใจของเธอกำลังว้าวุ่นกับสิ่งที่เกิดขึ้น หรืออาจจะเพราะเธอใส่ใจพี่เลี้ยงสาวมากเกินไป ทำให้สิ่งที่ได้รับ แม้จะเป็นเรื่องเล็ก ๆ แต่ก็ทำให้เธอยิ้มจนแก้มแทบปริแล้ว



"เอาล่ะทุกคน ก่อนอื่นเลยผมก็ต้องขอขอบคุณทุก ๆ คนมากนะครับ ที่ทำงานกันอย่างเต็มที่ แม้จะมีปัญหาบ้าง พวกเราก็ช่วยกันแก้ปัญหาและผ่านพ้นทุกอย่างไปได้ ถ้าไม่มีพวกคุณ บริษัทของเราก็ขับเคลื่อนไปด้วยความลำบาก สำหรับวันนี้ก็สนุกให้เต็มที่ กินกันให้อิ่มท้อง และที่สำคัญต้องขอต้อนรับพนักงานใหม่ น้องแก้วตา ที่เข้ามาช่วยแบ่งเบาพวกเราทุกคนด้วยนะครับ" ชายหนุ่มแต่งตัวมีภูมิฐาน เขายืนขึ้นกล่าวต้อนรับพนักงานของตนด้วยความยินดีและขอบคุณอย่างสุดซึ้ง
"พี่กวิน เมาแล้วอย่าร้องไห้นะครับ" อาร์มตะโกนแซวกวินผู้เป็นเจ้าของบริษัทอย่างเป็นกันเอง แต่ก็ไม่ได้ถูกตำหนิแต่อย่างใด ทุกคนดูสนุกสนาน ให้ความรู้สึกเหมือนวันรวมญาติที่อบอุ่น ข้างกายของแก้วตาคือน้ำรินที่ดูสนุกสนานผิดกับเวลางานอย่างสิ้นเชิง
"ที่ว่าพี่กวินเมาแล้วร้องไห้นี่จริงเหรอคะ" แก้วตาหันไปถามน้ำริน แต่ด้วยความที่ทุกคนและเสียงเพลงดังมากจึงทำให้ไม่ค่อยได้ยิน น้ำรินจึงยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ๆ แก้วตาและเอียงหูเพื่อให้แก้วตาพูดใหม่อีกครั้ง
ตึกตัก! ตึกตัก!
'เอาอีกแล้ว ทำไมทุกครั้งที่พี่น้ำรินอยู่ใกล้ ๆ หัวใจฉันถึงต้องเต้นแรงด้วย คงเพราะตื่นเต้นที่พี่เขาสวยหรือเปล่านะ…'
"อะไรนะ! ไม่ค่อยได้ยินเลย" พี่เลี้ยงสาวยื่นหูเข้ามาใกล้อีก จนใบหูของเธอแทบจะชนกับปากของแก้วตาอยู่แล้ว
"อะ เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร" แก้วตารีบผละออกโดยพลันเพราะตอนนี้เธอรู้สึกว่าใบหน้าเธอร้าวผ่าวไปหมดแล้ว
'นี่ฉันเขินพี่น้ำรินเหรอ บ้าน่า...'

เวลาผ่านไปไม่นานนัก พนักงานรุ่นพี่ต่างรินเครื่องดื่มให้แก้วตา พร้อมกับขอชนแก้วอย่างสนุกสนาน แม้เธอจะดื่มไปเพียงแค่ 2 แก้วเท่านั้น แต่แก้วตาก็เริ่มมึนหัวแล้ว จึงได้แต่นั่งคุมสติอยู่เงียบ ๆ
จู่ ๆ พี่เลี้ยงสาวก็ยื่นโทรศัพท์มือถือให้กับเธอ แก้วตาจึงก้มมองด้วยความสงสัยว่าอีกฝ่ายจะยื่นโทรศัพท์ให้เธอทำไมกัน แต่เมื่อเธอจ้องมองไปที่หน้าจอ ปรากฏว่ามันมีข้อความที่พี่เลี้ยงสาวพิมพ์ถามเธอแทนการพูด
'เป็นอะไร ไม่สนุกเหรอ?'
แก้วตาประมวลผลตัวเองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหยิบโทรศัพท์ของน้ำรินมาแล้วพิมพ์ตอบกลับไป
'เปล่าค่ะ แค่รู้สึกมึนหัว ตาไม่ค่อยชอบที่ที่เสียงดังเท่าไหร่ แต่ไม่เป็นไรค่ะ'
เมื่อแก้วตายื่นโทรศัพท์กลับไป พี่เลี้ยงสาวจึงอ่านข้อความอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจู่ ๆ เข้าตัวก็หันขวับมาอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เธอจะยื่นมือมาจับที่ข้อมือของแก้วตาแล้วพาเธอเดินออกไปข้างนอกร้านโดยที่พนักงานรุ่นน้องไม่ทันได้ตั้งตัวเสียด้วยซ้ำ
ตึกตัก ตึกตัก!
อีกแล้ว...หัวใจของแก้วตายังคงเต้นแรงไม่หยุด มันเต้นแรงทุกการกระทำของพี่เลี้ยงสาวเลยก็ว่าได้ ไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้คืออะไร เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ หรือเสียงเพลงที่ดังจนหัวใจแทบจะระเบิด ความสับสน ความว้าวุ่น มันอึดอัดจนแน่นหน้าอกไปหมด
ทั้งสองเดินออกมาข้างนอกร้านในสภาพที่พี่เลี้ยงสาวจูงมือเธอเดินออกมา ไม่สิ...ต้องบอกว่าลากออกมาคงจะถูกมากกว่า เพราะสติของแก้วตายังกลับมาไม่เต็มร้อยและประมวลผลยังไม่ได้เสียด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายลากเธอออกมาทำไมกัน แต่เมื่อทั้งสองเดินมาถึงม้านั่งที่หน้าร้าน ทำเอาแก้วตาถึงกับทรุดลงไปนั่งพร้อมกับหายใจหอบเหนื่อย
"ไหวหรือเปล่า ไม่ชอบทำไมไม่บอก" น้ำรินถามด้วยสีหน้าที่เป็นกังวล
"รู้สึกแน่นหน้าอกจนหายใจไม่ค่อยออกน่ะค่ะ สูดอากาศด้านนอกสักพักคงรู้สึกดีขึ้น"
"ไปขึ้นรถ จะพากลับบ้าน"
"ไม่เป็นไรค่ะ พี่ ๆ ยังสนุกกันอยู่เลย ให้หนีกลับก่อนคงไม่เหมาะมั้งคะ"
"ฉันส่งข้อความไปบอกพี่ชะเอมแล้ว ว่าจะพาเธอกลับก่อน เพราะงั้นก็ไปขึ้นรถ ฉันจะไปส่ง"
"แต่ว่าพี่ ๆ เขา…" ยังไม่ทันที่แก้วตาจะพูดจบ น้ำรินก็จับแขนเธอลากไปที่รถทันที
'นี่ครั้งที่ 2 แล้วนะ ที่พี่จับแขนฉัน ไหนบอกว่าต่อต้านการสกินชิพ ไหนบอกไม่ชอบการแตะเนื้อต้องตัว แต่ตัวเองทำกับคนอื่นได้แค่ฝ่ายเดียวงั้นเหรอ'
"ขึ้นรถ" น้ำรินพูดเสียงแข็ง
"ตาไม่กลับ ทุกคนยังสนุกกันอยู่เลย" แก้วตายังแสดงท่าทีปฏิเสธ
"บอกให้ขึ้นรถไง"
"ตาไม่เป็นไรจริง ๆ ค่ะ เรากลับเข้าไปข้างในกันเถอะ"
"ขึ้นรถ!" เมื่อพี่เลี้ยงสาวขึ้นเสียง ทำเอาแก้วตาถึงกับสะดุ้งโหยง
"ค่ะ ๆ ขึ้นแล้วค่ะ ทำไมต้องดุด้วยเล่า"
"ก็ถ้าไม่ดื้อ ฉันจะไม่ทำแบบนี้กับเธอเลย เธอทำฉันหงุดหงิดนะรู้ไหม!" สิ้นเสียงตวาดลั่น แก้วตาจึงรีบก้าวขึ้นรถทันที พร้อมกับที่พี่เลี้ยงสาวออกรถอย่างรวดเร็วราวกับกำลังโกรธจัดอย่างไรอย่างนั้น ทำไมต้องโกรธเธอถึงขนาดนั้นด้วยนะ... แก้วตาไม่อาจเข้าใจบุคคลผู้นี้เลยจริง ๆ
แก้วตาได้แต่นั่งเงียบ ไม่กล้าแม้แต่จะพูดอะไรออกมาสักคำ เธอไม่เคยเห็นพี่เลี้ยงของเธอหัวเสียขนาดนี้มาก่อน
"บ้านไปทางไหน! จะนั่งเงียบอีกนานไหม!"
บนรถที่เต็มไปด้วยความอึดอัด มีเพียงแค่เสียงของแก้วตาที่บอกทางเป็นระยะ ๆ เท่านั้น สักพักก็ถึงคอนโดมิเนียมที่เธออาศัยอยู่ 
น้ำรินจอดรถแต่บนรถยังอัดแน่นไปด้วยความเงียบและความอึดอัด แก้วตาจึงเรียกสติตัวเองกลับมา แต่เมื่อเธอเอื้อมมือไปเพื่อที่จะเปิดประตู เธอก็ต้องชะงัก
"ขอโทษ…" พี่เลี้ยงสาวพูดออกมาอย่างแผ่วเบา แต่เพราะความเงียบ แก้วตาจึงได้ยินแบบชัดเจน
"เอ่อ...ขอบคุณที่มาส่งนะคะ กลับดี ๆ นะคะ"
"ฉันขอขึ้นไปส่งได้หรือเปล่า"
"เอ๊ะ? ไม่ต้องลำบากหรอกค่ะ แค่พี่น้ำรินมาส่งถึงนี่ตาก็เกรงใจจะแย่"
"ไม่ลำบากหรอก แต่เพื่อให้แน่ใจน่ะ"
"คะ?"
"แน่ใจว่าเธอถึงห้องอย่างปลอดภัยแล้ว" น้ำรินตอบก่อนจะก้มหน้าลงเล็กน้อย พร้อมกับกำพวงมาลัยรถยนต์แน่นแสดงให้เห็นถึงท่าทีชวนสงสัย
"ถ้าไม่ลำบากก็ขอรบกวนด้วยนะคะ"
"อ...อืม" สิ้นคำตอบ น้ำรินจึงรีบเปิดประตูรถแล้วเดินอ้อมไปอีกฝั่งเพื่อประคองแก้วตาให้ลงจากรถ
"ไหวไหม ขออนุญาตนะ" น้ำรินใช้มือข้างหนึ่งโอบเอวของแก้วตา ส่วนมืออีกข้างจับมือเอาไว้แน่นราวกับว่ากลัวรุ่นน้องของเธอจะเป็นลมระหว่างทาง จากอาการที่เธอเห็นก่อนหน้านี้
"ไหวค่ะ ตาไม่เป็นไร"
'การกระทำที่อ่อนโยนแบบนี้ ดูไม่ใช่พี่เลยพี่น้ำริน พี่คิดอะไรอยู่กันแน่'


พี่เลี้ยงสาวประคองรุ่นน้องเดินจนกระทั่งมาถึงห้อง แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าเธอจะรีบกลับหรือจะปล่อยมือออกแต่อย่างใด แก้วตาจึงใช้มืออีกข้างที่ว่างอยู่เปิดประตู แล้วเสียบคีย์การ์ดเพื่อให้ระบบไฟในห้องทำงาน
เมื่อไฟในห้องทำงานปกติแล้ว แต่น้ำรินก็ยังคงนิ่งเงียบ จึงสร้างความแปลกใจให้แก้วตาไม่น้อย สรุปว่าพี่เลี้ยงสาวกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
"สบายใจหรือยังคะ ตาถึงห้องแล้วนี่ไง"
"อืม...นั่งพักก่อนเถอะ ไว้เธอโอเคแล้วฉันค่อยกลับ"
"ตาก็โอเคแล้วนี่ไงคะ ขอบคุณที่มาส่งนะคะ"
"อยากให้ฉันกลับขนาดนั้นเลยเหรอ ดูไม่เหมือนตอนอยู่ที่ทำงานที่เหมือนจะเอาแต่เข้าหาฉันเลย"
"อะไรของพี่เนี่ย พี่เองก็ไม่ต่างจากตาหรอกนะคะ พี่แทบไม่คุยอะไรกับตาเลย แล้วพี่ก็บอกเองว่าห้ามเข้าใกล้พี่ ทุกคนก็รู้ดีว่าพี่ต่อต้านการสกินชิพ แต่พี่จับมือตา พี่ทำแบบนี้มันหมายความว่าไง" เพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์หรืออย่างไรกันถึงทำให้หญิงสาวกล้าพูดออกไปอย่างที่ใจคิด
"เธอเมาใช่ไหมตา ฉันว่าเธอไปนั่งพักก่อนดีกว่านะ"
"แค่นี้ตาไม่เมาหรอกค่ะ" แก้วตาพยายามผละออกเพื่อที่จะเดินไปที่โซฟา แต่จู่ ๆ เธอก็รู้สึกมึนหัวขึ้นมา ทำให้เธอเดินเซจนเกือบจะล้ม แต่โชคดีที่น้ำรินคว้าตัวเธอไว้ได้ทัน
"นี่เหรอไหว นี่เหรอไม่เป็นอะไร ทำไมเธอมันดื้อแบบนี้นะ!" แม้ปากจะดุ แต่มือก็ยังคงประคองรุ่นน้องไปนั่งที่โซฟาอยู่ดี การกระทำช่างสวนทางกับคำพูดเสียนี้กระไร แก้วตาจึงได้แต่นั่งเงียบไม่พูดไม่จา ส่วนอีกคนดูกระวนกระวายท่าทีคล้ายคนกำลังหาอะไรบางอย่าง ก่อนที่เธอจะก็พุ่งพรวดไปที่ตู้เย็นและเปิดหาน้ำดื่มมาให้รุ่นน้องดื่ม
"กินน้ำก่อนนะ" แก้วตาจ้องมองแก้วน้ำในมือของพี่เลี้ยงสาวอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งจับที่แก้ว ส่วนมืออีกข้างจับที่ข้อมือของอีกฝ่าย ทำให้เจ้าตัวสะดุ้งเล็กน้อย
"พี่รังเกียจตาเหรอ" หญิงสาวถามทั้ง ๆ ที่มือยังจับอยู่ที่เดิม และจู่ ๆ แววตาของเธอเต็มไปด้วยประกายของน้ำตาที่ค่อย ๆ เอ่อจนล้นออกมา
"เดี๋ยว เป็นอะไร ร้องไห้ทำไม"
"ตาก็ไม่รู้ว่าตาเป็นอะไร แต่เพราะพี่ เพราะพี่ที่ทำให้ตารู้สึกสับสน ตาทำอะไรผิด ทำไมพี่ถึงไม่ยอมคุยด้วย ทำไมถึงสัมผัสพี่ไม่ได้ ตาอยากสนิทกับพี่ อยากไปไหนมาไหนด้วยกัน ตาอยากอยู่ใกล้ ๆ ตาไม่รู้ว่านี่มันคืออะไร แต่ทุกครั้งที่ตาคิดเรื่องพี่ หัวใจตาว้าวุ่นไปหมด ทำไมพี่ต้องรังเกียจตาขนาดนั้น บอกตาที" หญิงสาวร่ายยาวพร้อมกับน้ำตาที่กลั้นไว้ไม่อยู่ น้ำรินจึงเข้าใจได้ทันทีว่า ตอนนี้หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเธอกำลังรู้สึกสับสน จนพูดจับใจความไม่ได้ เธอไม่ตอบอะไร แต่นั่งลงเคียงข้างรุ่นน้องก่อนจะโน้มตัวโอบกอดอย่างอ่อนโยน
"ฮึก ๆ ฮือ พี่มากอดตาทำไม พี่รังเกียจตาไม่ใช่เหรอ ฮือ"
"แก้วตา...เธอชอบฉันหรือเปล่า.." สิ้นเสียงคำถามของน้ำริน ทำให้แก้วตาชะงักกับคำถามที่เธอพยายามปฏิเสธหัวใจมาตลอด
'คงชอบแหละมั้ง ไม่สิ ฉันจะชอบผู้หญิงได้ยังไง ฉันก็แค่เป็นห่วงในฐานะเพื่อนร่วมงาน มันไม่ได้มากไปกว่านี้ ฉันไม่ได้ชอบพี่น้ำริน ฉันแค่อยากสนิทกับพี่เขาก็เท่านั้น' แก้วตาพยายามคิดหาคำตอบที่แม้แต่เธอเองก็ยังสับสน 
"ที่ไม่ตอบ หมายความว่าใช่หรือเปล่าแก้วตา…" น้ำรินยังคงกอดเธอเอาไว้ไม่ปล่อยและย้ำคำถามอีกครั้ง
"เปล่าค่ะ…" คำตอบที่เธอพูดออกมา ทำเอาหญิงสาวที่กำลังกอดปลอบเธออยู่นั้น ถึงกับชาไปทั้งตัว
"นั่นสินะ…ถ้าไม่เป็นไรแล้วฉันกลับก่อนนะ" พี่เลี้ยงสาวผละออกทันทีที่พูดจบ ก่อนจะรีบลุกขึ้นไปหยิบกุญแจ แล้วรีบเดินออกไปจากห้องโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง
"ฉันจะชอบพี่ได้ยังไง...ในเมื่อพี่รังเกียจฉัน ฮือ ๆ" 
ในที่สุดน้ำตาก็พลั่งพรูออกมาราวกับสายน้ำ  เพราะเธอรู้สถานะตัวเองดี ว่าพี่เลี้ยงสาวไม่มีวันจะรู้สึกอะไรกับเธอแน่ เธอจึงร้องไห้หนักกว่าเดิม และเอามือทุบไปที่โซฟาอย่างแรงด้วยความผิดหวัง

ทางด้านน้ำริน เธอวิ่งมาขึ้นรถด้วยน้ำตาเช่นกัน หญิงสาวร้องไห้พร้อมกับเอามือทุบกับพวงมาลัยรถ ที่สภาพไม่ต่างกันเลย ความเจ็บปวดที่ถาโถม อดีตที่โหดร้าย...สุดท้ายมันก็วนกลับมาทำร้ายเธออีกครั้ง
'สุดท้ายก็ไม่มีใครที่พาฉันออกไปจากความรู้สึกแบบนี้ได้เลยสักคน คนอย่างฉัน ไม่มีสิทธิ์ได้รับความรักอย่างงั้นเหรอ...'