เพียงกระซิบ

เพียงกระซิบ
ตอนที่ 5 ตัวถ่วง

- ซอล -
ระเบียงคอนโดมิเนียมที่มีการประดับประดาด้วยสายไฟระย้าสีเหลืองนวลและต้นไม้ฟอกอากาศหลากสายพันธุ์ มีการนำเบาะรองนั่งมาจัดเอาไว้เป็นมุมเล็ก ๆ สำหรับพักผ่อนหย่อนใจ อีกทั้งเทียนหอมที่วางเรียงรายอยู่บนพื้นและราวระเบียงทำให้บรรยากาศโดยรอบประหนึ่งฉากในหนังรักหรือนิยายโรมานซ์อย่างไรอย่างนั้น
เปลวเทียนที่พริ้วไหวไปมาส่องสะท้อนกับนัยน์ตาสีดำและสีน้ำตาลอ่อนเป็นประกายแวววับ พร้อมกับรอยยิ้มที่แต้มบนใบหน้าของคนร่างสูงโปร่งเจ้าของผมสีดำขลับ  ก่อนเธอจะวางแก้วเทียนหอมเล่มสุดท้ายลงบนราวระเบียง
"เทียนนี่หอมดีเนอะ"
"อื้อ..." หญิงสาวตัวเล็กตอบพลางกับอมยิ้มที่ได้เห็นท่าทีของอีกคนดูตื่นตาตื่นใจกับภาพตรงหน้า
"พี่ออกมานั่งที่ระเบียงทุกวันเลยหรือเปล่า"
"อื้อ...ปกติเราจะมานั่งตรงนี้เวลาคิดถึงเธอนะหลง" สิ้นคำพูดของซอล นัยน์ตาทั้งสองคู่จึงหันมาสบประสานกันครู่หนึ่ง ก่อนต่างคนต่างละสายตาและผินหน้าไปคนละทางด้วยใบหน้าที่ร้อนผ่าวจนขึ้นสี
"อากาศร้อนเนอะ" ซอลใช้มือทั้งสองข้างพัดเข้าหาตัวเพื่อหวังจะบรรเทาความรู้สึกร้อนผ่าวบนใบหน้าแต่ก็ไม่เป็นผล ยิ่งหลงหย่อนก้นนั่งลงบนเบาะรองข้าง ๆ เธอ หัวใจยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเป็นเท่าตัว ก่อนหลงจะใช้หลังมือซับหน้าผากให้ช้า ๆ
"ไม่เห็นมีเหงื่อเลย"
เธอนี่มันใสซื่อชะมัด... ซอลคิดในใจ
"หลง ช่วยเขยิบออกไปหน่อยได้ไหม"
"ทำไมล่ะ ไหนบอกว่าอยากให้หลงอยู่ด้วย พอหลงมาอยู่ด้วยแล้วทำไมพี่ถึงเอาแต่หนีหลงอยู่เรื่อย"
"เปล่าหนีสักหน่อย"
"พี่หนี เพราะทุกครั้งที่หลงจ้องหน้าพี่ พี่ก็จะรีบหันหน้าหนี หรือหนักสุดก็เดินหนีไปเลย"
"เราไม่ได้หนี!"
"งั้นก็หันมามองหน้าหลงสิ" 
ซอลหันหน้ามามองอีกคนพร้อมกับยักคิ้วกลับมาเป็นเชิงบอกว่าเธอนี่แหละคือผู้กล้า แต่หารู้ไม่ ว่าภายในนั้น หัวใจของเธอเต้นตูมตามแทบจะระเบิดเอาให้ได้ หลงอมยิ้มเล็กน้อยก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ๆ จนซอลต้องรีบเอนตัวไปด้านหลังทันที
"หนีอีกแล้ว แน่จริงอย่าเอนตัวหนีสิ"
"ไม่ได้หนี!"
"ถ้าไม่ได้หนีก็นั่งตัวตรง ๆ" หลงจับหมับที่ต้นแขนทั้งสองข้างของซอลพร้อมกับบังคับร่างบางกลับมาสภาพเดิมจนอีกคนได้แต่นั่งตัวแข็งทื่อราวกับถูกเสกให้กลายเป็นหิน
ระยะห่างของใบหน้าคนทั้งสองนั้นเริ่มลดลงเรื่อย ๆ จนเหลือเพียงแค่คืบ ลมหายใจอุ่น ๆ สลับรดใบหน้าของกันและกัน ก่อนริมฝีปากอิ่มอมชมพูจะประทับลงที่หน้าผากคนตัวเล็กอย่างแผ่วเบา
เฮือก...
ซอลหายใจเฮือกเพราะคิดว่าตนจะถูกอีกคนจูบเข้าให้ แม้หลงจะเปลี่ยนเป้าหมายไปที่หน้าผากแทนแต่ก็หาได้ทำให้หัวใจสงบลงได้ หนำซ้ำมันยิ่งรุนแรงกว่าเดิมเสียอีก
"จูบหน้าผากเราทำไม..." เธอเอ่ยถามเสียงแผ่ว
"เห็นเขาบอกว่า ถ้ามีใครจูบหน้าผากเรา มันจะทำให้เราจดจำคนคนนั้นไปตลอด อย่าให้ความทรงจำของพี่ที่มีหลงอยู่ในนั้นเลือนลางหายไปอีกนะ จำภาพหลงเอาไว้นะพี่" 
ทั้งคำพูดและแววตาของหลงที่มองมานั้น มันทำให้ทุกอย่างราวกับถูกหยุดเวลาเอาไว้ ความใสซื่อไร้เดียงสา สื่อความหมายผ่านนัยน์ตาสีดำนั่นได้เป็นอย่างดี แต่มันกลับไม่ได้มีเพียงเท่านั้น...
ในขณะที่ซอลยังคงนั่งอึ้งกับคำพูดของหลงอยู่นั้น หลงก็เอียงศีรษะปรับองศาให้เข้าที่พร้อมกับโน้มตัวลงมาประทับริมฝีปากเข้าด้วยกันจนได้ ดวงตาทั้งสองคู่หลับพริ้มพร้อมกับเผยอเปิดรับริมฝีปากอิ่มของกันและกันเป็นจังหวะช้า ๆ
นาทีนี้ที่มีเพียงคนทั้งสอง ท่ามกลางบรรยากาศสุดแสนโรแมนติก ต่างฝ่ายต่างช่วงชิงลมหายใจของกันและกัน แต่มันกลับอ่อนโยนและนุ่มนวล ไม่ได้ทำให้รู้สึกเหมือนจะขาดใจแต่อย่างใด


"กรี๊ด!!! เอาของพี่คืนมาเดี๋ยวนี้นะ!! เมธี!!!"
ทันทีที่มีเสียงแหลมเล็กกรีดร้องลั่น ทำเอาฉันถึงกับสะดุ้งเฮือกตื่นจากภวังค์ในทันที บนโต๊ะอาหารขนาดใหญ่ที่มีสมาชิกในครอบครัวร่วม 17 คน เต็มไปด้วยเสียงโหวกเหวกและเสียงเจื้อยแจ้วของเด็กเล็ก บ้างก็วิ่งกันวุ่นจนเหล่าพี่เลี้ยงและผู้เป็นแม่ต้องวิ่งตามกลับมานั่งบนโต๊ะอาหารดังเดิม 
"น้องจีนี่ ไม่กรี๊ดแบบนี้นะคะ! เดี๋ยวคุณปู่คุณย่าก็ดุหรอก!"
"ก็เมธีแย่งเกี๊ยวในจานน้องจีนี่ไป!! เอาคืนมาเดี๋ยวนี้เลยนะ!!"
"ธีไม่ได้เอาไปสักหน่อย!! ธาต่างหากที่เอาไป!"
"ธีนั่นแหละ!! ธีนั่งอยู่ข้างพี่!!"
"จุ๊ ๆ ไม่เอาลูก ไม่เถียงกัน เงียบแล้วตั้งใจทานข้าวได้แล้ว"
"คุณแม่ก็ดูสิ!! เกี๊ยวของน้องจีนี่ไม่อยู่แล้ว!!"
ฉันถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะสละเกี๊ยวหมูของโปรดให้กับหลานรักไปหนึ่งชิ้น และแน่นอนว่าเพื่อไม่ให้หลานคนอื่น ๆ ที่กำลังนั่งกะพริบตาปริบ ๆ มองมาทางฉันต้องน้อยใจ ฉันจึงตักเกี๊ยวไปให้กับเด็ก ๆ จนครบทั้งห้าคน ทุกคนก็ปรบมือดีใจกันยกใหญ่
"ขอบคุณค่า/ครับ อาซอล!!"
"ไม่ต้องงอแงแล้วนะคะ"
"ครับ/ค่า!!" เด็ก ๆ ส่งเสียงเจื้อยแจ้วกันอีกครั้ง ก่อนจะตักเกี๊ยวคำโตเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย ส่วนฉันน่ะเหรอ ถอนหายใจรอบที่แปดล้านได้มั้ง เพราะฉันไม่เคยได้กินเกี๊ยวฝีมือพี่สะใภ้เลยสักครั้ง เพราะต้องสละให้หลานตัวแสบทั้งห้าคนมาตลอด ช่างน่าเศร้า...ต่อให้มีเงินมากแค่ไหนก็ซื้อเกี๊ยวฝีมือพี่สะใภ้ไม่ได้ โฮก...
"ขอโทษนะซอล ไว้พี่ทำให้กินใหม่นะ" พี่สะใภ้เอ่ยด้วยท่าทีเห็นอกเห็นใจ ฉันจึงยิ้มกลับไปก่อนจะหันไปเห็นรอยยิ้มของพ่อและแม่ฉันที่นั่งอยู่หัวโต๊ะ
"ตั้งใจทานนะลูก เสร็จแล้วค่อยไปวิ่งเล่นกัน" พ่อพูดพลางกับอมยิ้ม
"โด อยากมีอีกสักคนไหมจะได้เป็นสามคนเหมือนเรเขา แม่อยากให้ครอบครัวเราใหญ่กว่านี้" ตามด้วยแม่
"โอ๊ยแม่! แค่นี้ยังวุ่นวายไม่พออีกเหรอ กว่าจะได้กินข้าวเย็นแต่ละวันต้องรอให้ครบก่อน พี่โดดูแลลูกไม่ไหวหรอก แค่นี้หลาน ๆ ก็วิ่งกันวุ่น ปวดหัวตาย!" เมื่อพี่ฟาพูดขึ้น เหล่าพี่ชายทั้งสามและพี่สะใภ้ต่างหันมาจ้องเธอเป็นตาเดียว จนแฟนของพี่ฟาต้องรีบสะกิดให้เธอหุบปากโดยเร็ว ไม่อย่างนั้นวันนี้ได้ทำสงครามบนโต๊ะอาหารเป็นแน่
"คนไม่มีลูกมันจะไปเข้าใจได้ยังไง รู้ไหมว่าการเลี้ยงลูกมันเหนื่อยแค่ไหน" พี่โด พี่ชายคนโตของฉันเริ่มดึงดราม่า และแน่นอนว่า มันต้องมีคนตามน้ำ
"ใช่ ตัวเองมีแฟนเป็นทอมจะเข้าใจได้ยังไง" พี่เร พี่ชายคนรองเสริม
"ทอมแล้วยังไง อย่าลามมาหาแฟนฟานะ เดี๋ยวเกี๊ยวนี่จะลอยไปใส่หน้าพี่!!"
"เอ๊ะ!!! เลิกเถียงกันเป็นเด็กสักที!! โตกันตั้งขนาดนี้แล้ว ไม่อายลูกอายหลานหรือยังไง!!?" เมื่อแม่ฉันเอ็ดขึ้น ทุกคนจึงได้แต่นั่งเงียบ แต่ก็ยังไม่วายแยกเขี้ยวใส่กันจนแม่ต้องถลึงตาใส่พี่ ๆ อีกครั้ง ทุกคนจึงสงบลงได้และตั้งหน้าตั้งตากินข้าวกันอย่างไม่สบอารมณ์นัก
อันที่จริง...พวกเราห้าพี่น้องรักกันยิ่งกว่าอะไรดี แต่ติดที่ต่างคนต่างฟอร์มจัดและพี่ชายที่ชอบดึงดราม่าประหนึ่งตัวเองเป็นพระเอกละครเพราะคิดว่าเป็นเทพบุตร หน้าตาดีแบบพระเจ้าสรรสร้าง มันเลยทำให้พี่ฟาหมั่นไส้ รวมถึงฉันด้วย
พี่โด พี่ชายคนโตที่เพียบพร้อมทุกอย่าง ทั้งหน้าที่การงาน ฐานะ หน้าตา อีกทั้งเรื่องครอบครัว เพราะมีภรรยาสวยดุจนางฟ้า เรียกได้ว่าเป็นคู่สร้างคู่สมของเทพบุตรและเทพธิดาเลยยังได้ และยังมีลูกชายฝาแฝดหน้าตาน่ารักน่าชังสองคน ได้แก่ เมธีและเมธา แน่นอนว่าทั้งสองเป็นที่รักใคร่ของพ่อกับแม่ฉันมากเลยล่ะ
พี่เร เจ้าพ่อคาสโนว่า ขึ้นชื่อเรื่องควงสาว ถึงขั้นที่ว่า จีบร้อยคน ติดอยู่เก้าสิบเก้าคน ส่วนคนที่หนึ่งร้อยโดนปฏิเสธมานับครั้งไม่ถ้วน จนท้ายที่สุดก็กลายเป็นภรรยาคนสวย ที่พี่เรต้องสยบแทบเท้า เพราะภรรยาของพี่เรเป็นผู้หญิงที่มีสกิลการทำอาหารเป็นเลิศและมัดใจพี่เรด้วยเสน่ห์ปลายจวัก และยังมีลูกสาวสามใบเถาที่พี่เรหวงนักหวงหนา ชื่อ จีนี่ จีโน่ และจีน่า
พี่มี ที่ทุกคนต่างก็ตั้งฉายาให้ว่า 'เจ้าชายคงแก่เรียน' ประสบผลสำเร็จด้านการเรียนจนได้เป็นด็อกเตอร์ทั้งที่อายุยังน้อย แต่ช่างน่าเห็นใจ เพราะพี่มีไม่มีลูกแม้จะพยายามแค่ไหนก็ตาม จนภรรยาของพี่มีสิ้นหวังกับการมีลูกและได้แต่ดูแลหลาน ๆ ช่วยพี่สะใภ้ทั้งสองแทน
พี่ฟา พี่สาวสุดที่รักที่แหกทุกกฎของพ่อกับแม่แทบจะทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเรียนคณะนิเทศศาสตร์ ทั้ง ๆ ที่พ่อกับแม่อยากให้เรียนด้านบริหาร มีแฟนเป็นสาวหล่อและทะเลาะวิวาทกับเพื่อนผู้ชายมาค่อนคณะ จนทุกคนต่างก็เรียกพี่ฟาว่าลูกพี่ แต่พี่ฟาจะทำตัวน่ารักนุ่มนิ่มแค่กับแฟนเท่านั้นแหละ
พี่ฟาเป็นคนที่รับรู้เรื่องการหยั่งรู้ของฉันมาตลอด และเป็นเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เชื่อเรื่องพวกนี้ ทำให้ฉันสนิทกับพี่ฟามากที่สุด และด้วยความที่เป็นผู้หญิงเหมือนกันด้วย พี่ฟาจึงเป็นที่ปรึกษาและที่ระบายที่ดีที่สุดสำหรับฉัน
การหยั่งรู้ของฉันจะมีลักษณะเป็นการเห็นภาพซ้อนขึ้นมาในความคิด มันเป็นเพียงช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งเท่านั้น แต่ช่างน่าเสียดาย ที่ภาพที่เห็นนั้นจะเลือนลางหายไปจากความทรงจำก่อนที่เหตุการณ์ต่าง ๆ จะเกิดขึ้นจริง และเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว ฉันจะรู้สึกเหมือนเป็นเดจาวู คลับคล้ายคลับคลาว่าเหตุการณ์นั้นเคยเกิดขึ้นมาก่อนทั้งที่มันเพิ่งจะเกิดเป็นครั้งแรก
เหมือนกับว่า...ฉันมีสิทธิ์ที่จะได้เห็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ล่วงหน้า แต่ฉันไม่สามารถแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงอะไรได้เลย หรือต่อให้ฉันไปบอกพี่ฟาว่ามันจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง แต่ก็ไม่รู้อยู่ดีว่ามันจะเกิดขึ้นตอนไหน เมื่อไหร่ จนต่างคนต่างลืมมันไป
ไม่อยากเรียกมันว่าการหยั่งรู้นักหรอก ในเมื่อไม่สามารถแก้ไขหรือทำอะไรเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงได้เลย มันทรมานมากกว่าที่ต้องได้เห็นเหตุการณ์ต่าง ๆ ล่วงหน้า เพราะมันทำให้ฉันคิดไม่ตกกับภาพเหล่านั้น การใช้ชีวิตก็เหมือนกับว่าฉันเร่งรัดให้มันเกิดขึ้นตามภาพที่เห็น บางครั้งฉันก็จดสิ่งที่เห็นล่วงหน้าเอาไว้เพราะกลัวว่าตัวเองจะลืมเหตุการณ์นั้น แต่ก็นั่นแหละ...ไม่ว่าฉันจะใช้วิธีไหนในการจดจำ ฉันก็ลืมภาพนั้นไปอยู่ดี ลืมแม้กระทั่งว่าตัวเองเคยบันทึกเรื่องราวต่าง ๆ เอาไว้
นอกจากนี้พี่ฟายังเป็นคนที่คอยเตือนสติฉันตลอดเรื่องที่ฉันพยายามตามหาบุคคลที่ฉันเห็นในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งในอนาคต จนละเลยคนรอบข้างในปัจจุบันไป เพราะดูเหมือนฉันหมกมุ่นกับอนาคตมากกว่า สาเหตุที่ฉันต้องสูญเสียคนรักไปมันอาจจะเป็นเพราะฉันเอาแต่ตามหาคนในอนาคตนี่แหละมั้ง และฉันเองก็ต้องเจ็บปวดที่ไม่อาจรักษาใครเอาไว้ได้เลย คนผิดมันคือฉันคนเดียวเลยจริง ๆ
ฉันพยายามปล่อยผ่านเรื่องที่เห็นคนรักในอนาคตที่ฉันจะต้องได้เจอเพื่อที่จะให้ความสำคัญกับคนปัจจุบัน แต่จะมีอยู่คนหนึ่งที่ฉันไม่เคยสลัดภาพนั้นออกจากหัวได้เลย ผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อ หลง ฉันเห็นเธอมาตั้งแต่จำความได้ แต่ฉันไม่เคยเจอเธอจริง ๆ เลย ไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร มาจากไหน และตอนนี้ไปอยู่ที่ไหน หนำซ้ำภาพที่ฉันเห็นนั้นก็ชัดเจนระดับโฟร์เค ผิดกับเหตุการณ์อื่นที่เห็นแบบลาง ๆ มันจึงทำให้ฉันเฝ้ารอคอยการได้พบเจอผู้หญิงคนนั้น
หลง...เธอเป็นใครกันนะ
"แล้วเมื่อไหร่จะพาจีนมาทานข้าวกับเราอีกล่ะซอล" เมื่อแม่เอ่ยถาม จึงเรียกฉันตื่นจากภวังค์อีกครั้ง
"ช่วงนี้จีนอ่านหนังสือหนักเลยค่ะแม่ เลยไม่ค่อยว่างมา"
"เหรอ บอกให้จีนพักบ้าง พามาบ้านเราสิ อยู่กับเด็ก ๆ สนุกดีนะ"
"น้องจีนจะเป็นประสาทตายเพราะหลานสิไม่ว่า"
"ฟา!!! ยัยลูกคนนี้นี่!!!"
"เอาเป็นว่าเดี๋ยวซอลจะพามาแล้วกันนะคะ" ฉันรีบขัดบทสนทนาเพราะกลัวว่าทั้งแม่และพี่ฟาจะทะเลาะกันเสียก่อน
จีน คือคนรักของฉันเอง เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ที่เมืองนอก จีนแอบชอบฉันมานานแล้ว และก็เป็นหนึ่งในคนที่ฉันเห็นล่วงหน้าได้ว่าเราจะได้คบกันเป็นแฟน จนกระทั่งเรากลับมาอยู่ที่ประเทศไทยก็ได้ตกลงคบกันจริง ๆ แต่จีนจะไม่ค่อยมาร่วมโต๊ะอาหารกับครอบครัวฉันเพราะเอาแต่อ่านหนังสือและพูดไม่ค่อยเก่ง ผิดกับพี่พาย แฟนของพี่ฟา ที่สามารถเข้ากับทุกคนได้ดีเพราะมีสกิลการพูดเป็นต่อยหอย จนพี่ฟาทั้งรักทั้งหลง
จะว่าไป ช่วงนี้จีนอ่านหนังสือหนักจริง ๆ ไปหาจีนบ้างดีกว่า คงต้องการกำลังใจจากฉันอยู่เป็นแน่

"จ๊ะเอ๋!!" ฉันว่าพลางกับโน้มตัวคล้องคอจีนจากทางด้านหลังก่อนจะหอมแก้มไปฟอดใหญ่ จนเจ้าตัวสะดุ้งโหยงและต้องละสายตาจากการอ่านหนังสือมาหอมแก้มฉันคืน
"ตกใจหมดเลย ทำไมมาไม่ให้ซุ่มให้เสียงเลยล่ะซอล"
"ไม่ให้ซุ่มให้เสียงอะไรล่ะ ซอลเคาะประตูตั้งหลายครั้ง จีนก็ไม่มาเปิดประตูให้สักที ซอลเลยคิดว่าจีนน่าจะตั้งใจอ่านหนังสือจนไม่สนใจสิ่งรอบข้างแน่ ๆ ก็เลยเปิดประตูเข้ามาเลย"
"อื้อ ก็มีกุญแจสำรองห้องจีนอยู่นี่นา ซอลเปิดประตูเข้ามาได้เลย เพราะบางทีจีนก็เอาแต่อ่านหนังสือจนไม่ได้ยินเสียงเคาะประตูจริง ๆ นั่นแหละ"
"หักโหมเกินไปแล้ว มานี่เลยคนดี" ฉันจูงมือจีนเดินมาที่เตียงนอนซึ่งเธอก็เดินตามฉันมาอย่างว่าง่าย ก่อนที่เราทั้งสองจะโน้มตัวลงนอนบนเตียง โดยมีจีนนอนซบที่หน้าอกและกอดฉันเอาไว้
ทุกครั้งที่จีนเหนื่อยจากการอ่านหนังสือ เธอมักจะมาออดอ้อนฉันด้วยก่อนนอนซบที่หน้าอกแบบนี้อยู่เสมอ แต่วันนี้มันผิดไปจากเดิมเล็กน้อย เพราะเธอโน้มตัวมาจูบฉันอย่างดูดดื่มราวกับเสือหิวกระหายเหยื่อก็ไม่ปาน
"คิดถึงจังยัยตัวเล็ก" ปากก็พูดไป มือก็พยายามถลกกระโปรงชุดเดรสสีชมพูของฉันขึ้นจนต้องรีบกุมมือห้ามปรามโดยด่วน
"จีน! เดี๋ยว!!"
"ทำไมอ่า...จีนทำไม่ได้เหรอคะ"
"วันนี้เป็นอะไรหรือเปล่า ระบายไหม"
"ขอก่อนยกหนึ่งได้ไหม เดี๋ยวเล่าให้ฟัง"
"เนี่ย...เครียดจากการอ่านหนังสือแล้วก็มาลงที่ซอลทุกที"
"เพราะซอลคือความสุขของจีนไง ต่อนะ"
"อืม" เมื่อฉันพยักหน้าเป็นการตอบรับ จีนก็ก้มลงจูบฉันอีกครั้งพร้อมกับใช้มือถลกชุดเดรสสีชมพูถอดออกอย่างช่ำชองจนเหลือแค่เพียงอันเดอร์แวร์ตัวจิ๋วท่อนบนและล่าง ก่อนเธอจะพรมจูบไปที่ต้นคอสลับสองฝั่งซ้ายขวา มือทั้งสองข้างก็รีบปลดเปลื้องตะขอบราราวกับคนต้องการจนอดรนทนไม่ไหว
"อ๊ะ...จีน...ช้า ๆ ก็ได้ ทำไมวันนี้รีบจัง"
"จีนคิดถึงซอล แฮ่ก ๆ ไม่ไหวแล้ว เริ่มเลยนะ"
"อืม" สิ้นเสียงตอบรับของฉัน เธอก็รีบปลดเปลื้องเสื้อผ้าของตนออกโดยพลัน ทุกอย่างดูเร่งรีบไปเสียหมด แต่ฉันก็เข้าใจว่าเธอคงเครียดกับการอ่านหนังสือบวกกับที่เราไม่ค่อยได้มาเจอหน้ากันด้วยล่ะมั้ง ถึงทำให้จีนโหยหาฉันถึงขนาดนี้
เราสองคนบรรเลงเพลงรักร่วมกันหลายต่อหลายครั้งแต่จีนก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด คำว่ายกหนึ่งของจีนมันมักจะเลยเถิดเป็นสอง สาม และสี่อยู่ร่ำไป แต่วันนี้ฉันรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ เพราะเธอดูต้องการมากกว่าครั้งก่อน ๆ ประหนึ่งต้องการกักตุนเพื่อเก็บเป็นกำลังใจในการอ่านหนังสือในวันต่อไปอย่างไรอย่างนั้น
ท้ายที่สุดการร่วมรักก็จบลงด้วยการหมดแรงกันทั้งคู่ เราทั้งสองนอนโอบกอดกันและกันพลางกับหายใจหอบเหนื่อยอย่างไร้เรี่ยวแรง โดยมีจีนนอนซบที่หน้าอกฉันเช่นกับตอนเริ่ม ฉันลูบศีรษะเธอช้า ๆ ก่อนจะควานหาบราลายลูกไม้ของจีนที่ถอดไว้ข้าง ๆ แต่เธอกลับกุมมือของฉันเอาไว้เสียก่อน
"ยัง"
"หือ? ไม่ใส่เสื้อผ้าเหรอจีน"
"ยังค่ะ"
"ทำไมล่ะ ปกติต้องรีบใส่เสื้อผ้าแล้วก็ลุกไปอ่านหนังสือต่อไม่ใช่หรือไง"
"พอแล้วล่ะวันนี้ คืนนี้เรานอนกันแบบนี้จนถึงเช้าเลยนะ อยากนอนกอดซอลแบบไม่ใส่เสื้อผ้ามากกว่า"
"ทำไมวันนี้อ้อนจัง เป็นอะไรไหนบอกซิ"
"จีนคิดถึงซอล คิดถึงจริง ๆ"
"รู้แล้วค่ะว่าคิดถึง ก็อยู่นี่กับจีนแล้วไงคะ เอ้อนี่...พรุ่งนี้จีนไปกินข้าวที่บ้านซอลไหม พ่อกับแม่ซอลถามหาจีนทุกวันเลยนะ"
"ไม่เอาอะ กลัวพ่อซอล"
"เมื่อไหร่จะเลิกกลัวพ่อสักที พ่อแค่หน้าดุ แต่พ่อใจดีมากเลยนะ แถมยังเอ็นดูจีนด้วย"
"ไม่รู้สิ"
"ถ้ากลัวว่าพ่อจะพูดแบบตอนนั้นคือไม่ต้องกลัวแล้วนะ พี่ฟาช่วยพูดให้แล้วไง ไม่งั้นเราไม่ได้คบกันมาตั้งขนาดนี้หรอก"
"ก็จริง แต่จีนก็กลัว...กลัวว่าพ่อจะอยากให้ซอลมีครอบครัวเหมือนพี่ ๆ เพราะพี่มีไม่มีลูก กลัวว่าพ่อจะคาดหวังอยากมีหลานกับลูกสาวคนเล็ก กลัว..." ยังไม่ทันที่จีนจะได้พูดจบประโยค ฉันก็ประคองใบหน้าเธอให้แหงนขึ้นและก้มลงจูบเสียก่อน
"พูดมากดีนัก ปิดปากซะเลย" จีนหัวเราะคิกคักอย่างชอบอกชอบใจก่อนรอยยิ้มนั้นจะจางหายไปช้า ๆ สีหน้าของเธอดูผิดแปลกไปจากเดิมจนฉันมองคิ้วขมวด
"จีน เป็นอะไร บอกซอลได้นะ"
"ซอล เราไปอยู่ที่วอชิงตันกันไหม จีนยื่นเรื่องไปแล้วนะ" สิ้นคำพูดของจีน ฉันถึงกับชะงัก
"อะไรนะ? จะทำอะไรทำไมไม่ปรึกษาก่อน แล้วจะไปทำไม"
"จีนอยากเรียนเอก"
"จีน!! ไหนบอกว่าจบแค่โทก็พอใจแล้วไง แล้วนี่จะทิ้งซอลไปเรียนที่ต่างประเทศเนี่ยนะ!?"
"ไม่ได้ทิ้งนะคะ จีนก็ชวนซอลไปอยู่ด้วยกันนี่ไง จริงอยู่ว่าตอนนั้นจีนพอใจกับการจบโทแล้ว แต่ตอนนี้จีนอยากไปให้สุดแล้วจบที่เป็นด็อกเตอร์ เห็นพี่มีได้เป็นด็อกเตอร์ตอนอายุยังน้อยมันเลยทำให้จีนรู้สึกมีแรงฮึดขึ้นมาเลย"
"แต่จีน แค่นี้จีนก็เครียดมากเลยนะ จีนเอาแต่อ่านหนังสือจนไม่สนใจใครเลย ซอลรู้สึกว่าจีนไม่ค่อยแสดงความรักกับซอลเลยอะ"
"ก็ไม่ใช่เพราะจีนอยากแสดงความรักกับซอลหรอกเหรอ จีนถึงทำแบบนี้ อันที่จริงจีนจะอ่านหนังสือต่อเลยก็ได้ แต่จีนก็วางหนังสือมานอนกับซอลแล้วนี่ไง"
"เหรอ ไม่ใช่เพราะว่าเครียดกับการอ่านหนังสือจนต้องมาระบายกับซอลหรอกเหรอ เราจะมีอะไรกันแค่ตอนจีนเครียดจากการอ่านหนังสือแค่นั้นใช่ไหม"
"ซอลก็เอาแต่คิดแบบนี้ ซอลไม่เชื่อในความรักที่จีนมีให้ซอลเลย"
"เหรอ...ตัวจีนเองมั่นใจแล้วใช่ไหม ว่าที่ทำไปทั้งหมดเพราะความรัก ไม่ใช่เพราะการระบายความเครียด"
"ซอลหาเรื่องจีนว่ะ" พูดจบจีนก็ลุกขึ้นคว้าบราลายลูกไม้ขึ้นมาใส่กลับให้เข้าที่ทันที ก่อนที่ฉันจะลุกขึ้นแล้วใช้ผ้าปิดร่างเปลือยเปล่าของตัวเองเอาไว้
"จีนจะไปไหน"
"ไปอ่านหนังสือ"
"ไหนบอกจะนอนแบบนี้ไปถึงเช้าไง"
"จีนต้องพยายามให้มากกว่านี้ วันนี้จีนเครียดเพราะทำข้อสอบไม่ได้เต็มสักที"
นั่นสินะ...ฉันคงเป็นที่ระบายความเครียดของจีนจริง ๆ นั่นแหละ จีนไม่เคยมีเรื่องนอกใจ ไม่เคยมีเรื่องคนอื่นมาทำร้ายฉันเลย แต่ก็ใช่ว่าความรักของเราจะราบรื่นนักหรอก เพราะเธอเอาแต่คิดเรื่องการเรียนจนฉันรู้สึกว่าตัวเองเป็นตัวถ่วงชีวิตให้กับเธอเสียด้วยซ้ำ
"วอชิงตันน่ะ...ซอลไม่ไปนะ"
"ไม่เป็นไร เดี๋ยวจีนไปอยู่คนเดียวก็ได้ หาเพื่อนไม่ยากหรอก"
"เรากลับไปเป็นเพื่อนกันไหมจีน" จีนชะงักเล็กน้อยกับคำพูดของฉัน เธอไม่ได้หันมาค้านแม้แต่น้อย แต่เธอยังคงสวมเสื้อผ้าอยู่อย่างนั้นก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงและหันมายิ้มให้กับฉัน
"จีนคิดเอาไว้แล้วแหละว่าวันนี้จะโดนซอลบอกเลิกเรื่องที่จีนจะไปเรียนต่อ"
"อืม...ไปทำตามความฝันของตัวเองเถอะนะ ซอลไม่อยากอยู่เป็นตัวถ่วงจีนอีกแล้ว ที่จีนไม่ไปบ้านซอลสักทีเพราะไม่อยากเสียเวลาอ่านหนังสือใช่ไหม ซอลรู้"
"อืม งั้นจีนไปอ่านหนังสือต่อก่อนนะ ตอนนี้ไม่อยากคิดอะไรนอกจากการอ่านหนังสือน่ะ ยังไงก็ขอบคุณที่วันนี้ทำให้จีนมีความสุขนะ"
พรึบ!!
ความรู้สึกเหมือนเป็นเดจาวูพร้อมกับภาพและเสียงของจีนพูดซ้อนทับกับปัจจุบันทำเอาฉันถึงกับจุกอยู่ในอก คล้ายโดนหอกแหลมทิ่มแทงหัวใจ ใช่...เหตุการณ์นี้ฉันเคยเห็นมาก่อนแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะตั้งรับมันได้ ฉันที่เป็นคนบอกเลิกแต่กลับรู้สึกเจ็บปวดเสียเอง เพราะดูเหมือนจีนไม่ได้รู้สึกอะไรกับการจบความสัมพันธ์ครั้งนี้เลย
ดู ๆ คล้ายกับว่า...ที่ผ่านมาเธอไม่เคยรักฉันเลยมากกว่า...
.
.
.
.
"พี่ซอ!! อย่าหลับนะ!!" สิ้นเสียงจากปลายสาย ทำเอาฉันถึงกับสะดุ้งเฮือกตื่นจากภวังค์ในทันที
"เรายังไม่ได้หลับสักหน่อย"
"ก็เห็นเงียบไป"
"คิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่"
"เหรอ อย่าหลับก่อนนะ เข้าใจไหม พี่เป็นคนทำให้หลงกลัว พี่ต้องรับผิดชอบ"
"รู้แล้วน่า วอแวจริง!!"
"ชิ..."
ฉันได้ยินเสียงจิ๊จ๊ะดังมาจากปลายสายทำให้ฉันอมยิ้มออกมาอย่างนึกขำ ใครล่ะจะไปคิด ว่าประโยคที่ว่า 'คืนนี้นอนเป็นเพื่อนหลงหน่อยได้ไหมอะ...' ที่หลงพูดกับฉัน มันจะหมายถึงการที่ฉันต้องวิดีโอคอลเฝ้าจนกว่าเธอจะหลับไป
อยากจะโกรธอยู่หรอกที่หลงไม่ยอมให้ฉันเข้าห้องสักที แถมยังไล่ฉันกลับและให้ฉันวิดีโอคอลเฝ้าเธออาบน้ำ แน่นอนว่าฉันได้เห็นแต่หลอดไฟเพดาน จนกระทั่งตอนนี้ แม้แต่หน้าหลงฉันยังไม่ได้เห็นเลย แต่คิด ๆ ไปแล้วก็เอ็นดูมากกว่าจนโกรธไม่ลง หลงไม่ต่างจากเด็กเลยจริง ๆ อะไรจะหวงพื้นที่ส่วนตัวขนาดนั้น แต่ฉันก็เข้าใจว่าหลงเองก็คงเคยเจอเรื่องต่าง ๆ มาไม่น้อยเลยถึงทำให้เธอเป็นคนเข้าถึงยากแบบนี้
"ไม่ปิดไฟนอนเหรอ" ฉันถามพลางกับนั่งมองหลอดไฟเพดานห้องนอนของหลงผ่านการวิดีโอคอล แต่กลับไม่ได้ยินเสียงตอบกลับมา เธอคงไม่ได้หลับแล้วหรอกนะ
"หลง หลับแล้วเหรอ"
"อือ...อย่าเรียกสิ จะหลับแล้วเนี่ย" เสียงงัวเงียตอบกลับมา ทำเอาฉันอมยิ้มออกมาอีกครั้ง
น่ารักชะมัด...
"การทำแบบนี้มันทำให้เธออุ่นใจหรือไง ให้เราค้างด้วยก็จบแล้วไหมถ้าจะกลัวขนาดนั้น"
"ฝันไปเถอะว่าจะได้เข้าห้องหลงน่ะ"
"จ้า...เราไม่มีทางได้เข้าห้องเธอสินะ แต่ไม่เป็นไร เพราะยังไงเธอก็จะย้ายไปอยู่กับเราอยู่ดี"
"เพ้อเจ้อ นอนแล้วนะ"
"อืม ฝันดีนะหลง"
แม้จะไม่มีเสียงตอบกลับมา แต่ฉันก็อมยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดีพลางกับใช้มือเท้าคางจ้องมองหลอดไฟเพดานในโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะอาหารขนาดใหญ่
ตอนนี้หลาน ๆ ฉันต่างแยกย้ายกลับบ้านเล็กกันหมดแล้ว ซึ่งเป็นบ้านของครอบครัวตัวเองโดยเฉพาะเพื่อให้ความเป็นส่วนตัว แต่จะอยู่ในเขตบริเวณเดียวกัน โดยมีบ้านหลังใหญ่คือบ้านที่ฉันอยู่กับพ่อและแม่เป็นบ้านหลักที่ทุกคนต้องมากินข้าวร่วมกันในทุก ๆ มื้อ เว้นก็แต่พี่ฟาที่ไปอยู่บ้านของพี่พาย จะกลับมากินข้าวที่บ้านเป็นบางมื้อเท่านั้น
"ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อะไรน่ะซอล"
"เฮ้ย!!! มาตอนไหนเนี่ย ตกใจหมด!!!" ฉันถึงกับสะดุ้งโหยงเพราะไม่รู้ว่าพี่ฟาแอบมายืนอยู่ข้างหลังฉันตอนไหน ก่อนจะรีบเอามือปิดหน้าจอโทรศัพท์เอาไว้อย่างรวดเร็ว
"หลอดไฟเพดานมันมีอะไรให้ยิ้ม"
"ชู่...อย่าเสียงดัง ซอลกำลังเฝ้าหลงนอนอยู่" พี่ฟาขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะกลอกตามองบนและเบะปากอย่างน่าหมั่นไส้
"เบื่อจริง ๆ พวกติดเด็ก"
"ทีตัวเองล่ะ ติดพี่พาย ซอลไม่เคยบ่นให้เลยนะ"
"ก็นี่ผัวพี่"
"น่าไม่อาย เขาจะเอาไหมเถอะ"
"อุ๊ยตาย!! ระวังนะ ระวังแสงสะท้อนจากเพชรจะแยงตาบอด" พี่ฟายกมือซ้ายขึ้นมาพร้อมกับกรีดนิ้วมือไปมา ดูก็รู้ว่าอวดแหวนเพชรบนนิ้วนางข้างซ้าย ฉันจึงกลอกตามองบนคืนบ้าง น่าหมั่นไส้!!
"ถูกขอแต่งงานแล้วว่างั้น"
"เยส!!"
"อิจฉาเหอะ!!!"
"ฮ่า ๆ เพชรกับผัวน้ำดี ซอลควรอิจฉาพี่แหละถูกแล้ว"
"แหวะ!! รอดูเถอะ ซอลจะโชว์หวานกับหลงจนพี่ฟาอิจฉาเลย"
"เข้าห้องเขาให้ได้ก่อน ค่อยมาอวดนะเบบี๋" พี่ฟาพูดพลางกับเอื้อมมือมาวางแหมะบนศีรษะของฉัน ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเวรกรรมอะไรที่ฉันได้ยีนแม่มาแค่คนเดียวทำให้ตัวเล็กที่สุดในบรรดาพี่น้องห้าคน ส่วนคนอื่น ๆ นั้น สูงอย่างกับเปรตเพราะได้ยีนพ่อไปเต็ม ๆ น่าหมั่นไส้!!!
"พี่ฟา ให้พี่พายหาคอนโดใกล้ร้านซอลให้หน่อยได้ไหม"
"จะเลี้ยงเด็กเหรอ"
"ค่ะ"
"น่าไม่อายเนอะ เข้าห้องเขายังไม่ได้ จะหาคอนโดให้เขาอยู่แล้วเหรอ"
"โอ๊ย!! ขอร้อง!! ซอลจะไปอยู่เองเถอะ!"
"แต่จุดประสงค์ก็คืออยู่กับหลงนั่นแหละพี่รู้"
"อวดรู้ไปหมด!"
"ฮ่า ๆ เดี๋ยวพี่บอกพายให้แล้วกัน จะเอาวิวดีแค่ไหนบอกมา เอาแบบมีลานจอดฮอส่วนตัวด้วยไหม หรือจะเอาห้องบรรยากาศเหมือนม่านรูด"
"กวนตีน" ใช่...พี่ฟาเป็นคนแบบนี้ ชอบกวนประสาทฉันอยู่เรื่อย จะพูดดีกับฉันแค่ตอนอยู่ข้างนอกบ้านเท่านั้นแหละ ประหนึ่งคีพคาแรคเตอร์ผู้รากมากดี บอกเลยว่าแม้แต่พี่พายเองก็ไม่รู้ว่าพี่สาวคนนี้สุดแสนจะระห่ำและบ้าดีเดือดที่สุด
"ฮ่า ๆ สรุปอยากได้แบบไหน มีสเปกไหม"
"ขอแค่สูงหน่อย มีระเบียงห้องส่วนตัวกว้าง ๆ เอาไว้จัดเป็นมุมพักผ่อนที่แบบไม่สามารถมีข้างห้องมาเซย์ฮัลโหลด้วยได้อะ"
"จะเอาท์ดอร์กับหลงเหรอ"
"โอ๊ยพี่ฟา!!!!!"
ม้า
ไรท์แวะมาคุย~`

“โอ๊ยพี่ฟาคะ อะไรกันคะเนี่ย 555555”