เพียงกระซิบ

เพียงกระซิบ
ตอนที่ 25 ขี้ขลาด

"ฮึก ๆ ๆ ฮึก! ฮึก ๆ"
เสียงสะอื้นราวจะขาดใจดังกลบเสียงเพลงในรถสปอร์ตคันหรูไปเสียหมด น้ำตาที่หลั่งไหลออกมานั้นมันมากเสียจนผ้าเช็ดหน้าผืนบางเปียกปอน แต่หญิงสาวร่างสูงโปร่งที่นั่งอยู่ฝั่งคนขับกลับทำได้แค่เพียงขับรถไปตามทางเงียบ ๆ โดยไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยคำปลอบโยนอีกคนเสียด้วยซ้ำ
"ฮึก ๆ ฮือ ๆ"
นับเป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่จีนเห็นหญิงสาวตัวเล็กอดีตคนรักของเธอร้องไห้หนักจนตัวโยน ร่างของเธอไม่เหลือเรี่ยวแรง อีกทั้งยังสั่นเทา เสียงสะอื้นที่ดังออกมาไม่ขาดสายนั้นมันบีบหัวใจของเธอเหลือเกิน ทั้งเป็นห่วง ทั้งรู้สึกผิดเต็มประดา จนในที่สุดรถสปอร์ตคันหรูก็จอดเทียบกับฟุตบาทข้างทาง เพราะหญิงสาวคนขับเองก็ไม่มีกระจิตกระใจจะขับรถต่อไปได้แล้ว
"ซอล...จีนไปทั้งอย่างนี้ไม่ได้นะ เรื่องมันยังเป็นแบบนี้จะให้จีนไปได้ยังไง"
"ฮึก ๆ ฮือ ๆ ไม่เป็นไร ฮึก ๆ จีนไปเถอะ"
"แต่ว่า...ให้จีนไปช่วยคุยกับหลงดีกว่านะ"
"มันจบแล้วจีน ฮึก ๆ มันจบแล้ว..."
อย่าว่าแต่ผ้าเช็ดหน้าเลย เสื้อคอกลมสีดำที่ซอลสวมอยู่ก็เปียกปอนไปด้วยน้ำตาที่ไหลอาบหน้า ใบหน้าของเธอแดงก่ำจากการร้องไห้อย่างหนัก ดวงตาบวมแดง ราวกับไม่ใช่ซอลผู้ร่าเริงที่จีนเคยรู้จัก
"จีนขอโทษจริง ๆ จีนน่าจะฟังซอล ไม่งั้นเรื่องมันคงไม่เป็นแบบนี้"
"มันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วจีน ฮึก ๆ"
"ไปอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นให้หลงฟังดีกว่านะ เดี๋ยวจีนจะช่วยพูดเอง"
"หลงไม่ฟังซอลเลยจีน ไม่ฟังอะไรทั้งนั้น ฮึก ๆ ต่อให้ใครพูดอะไรก็มีแต่จะทำให้มันแย่ลง" เธอพูดพลางกับปาดน้ำตาออกจากแก้ม แต่มันก็ยังคงไหลออกมาไม่หยุด ซึ่งอีกคนก็มองเธอด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก
"ซอล...จีนขอโทษ..."
"ไม่เป็นไร ฮึก ๆ มันไม่ใช่ความผิดของจีนหรอก ฮึก! ซอลผิดเองที่เข้าหาหลงด้วยวิธีนั้น การที่หลงไม่เชื่อใจซอลมันก็ไม่ใช่ความผิดของหลงเหมือนกัน ฮึก ๆ"
จีนผ่อนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก่อนจะเอนพิงเบาะด้วยความรู้สึกที่หนักอึ้งคล้ายกับมีก้อนหินขนาดใหญ่กดทับหัวใจของเธออยู่ ก็เพราะเธอมีส่วนที่ทำให้ความสัมพันธ์ของอีกคนพังไม่เป็นท่า จะให้สบายใจอยู่ได้อย่างไร
"เฮ้อ...จีนไปมีความสุขในขณะที่ซอลทุกข์ใจแบบนี้ไม่ได้หรอกนะ ต้นเหตุมันก็เพราะจีนด้วย แย่ว่ะ...มันไม่ควรเป็นแบบนี้"
"ก็บอกว่าจีนไม่ผิดไง ซอลผิดเอง ฮึก ๆ มันคงถึงเวลาที่ซอลต้องได้รับกรรมกับสิ่งที่ทำแล้วล่ะ ฮึก! ที่ผ่านมาซอลก็ทำไม่ดีกับจีนมามาก มันก็สมควรแล้ว ฮึก ๆ ขอโทษนะจีน สำหรับทุกอย่าง ฮึก! ขอโทษที่เคยเป็นแฟนที่ไม่เอาไหน ขอโทษที่เห็นแก่ตัว หลังจากนี้ช่วยมีความสุขแทนซอลที ฮือ ๆ" ซอลปล่อยโฮออกมาอีกครั้งพร้อมกับก้มหน้าร้องไห้อย่างคนสำนึกผิด ตอนนี้หัวใจของเธอมันบอบช้ำเหลือเกิน นี่สินะ...ผลกรรมจากสิ่งที่เธอได้กระทำเอาไว้ แต่มันไม่รุนแรงเกินไปหน่อยหรือ...
"จีนไม่ชอบประโยคนี้เลย ทำไมจีนต้องมีความสุขแทนซอลด้วย ซอลก็ควรที่จะได้มีความสุขด้วยสิ ซอลรู้ไหม ซอลคือเพื่อนที่ดีที่สุดในชีวิตจีนเลย ซอลไม่เคยขาดตกบกพร่องในหน้าที่เพื่อน ครั้งแรกที่ได้เจอกันซอลเคยหวังดีกับจีนยังไง ตอนนี้ก็ยังเหมือนเดิม ซอลไม่เคยเปลี่ยนไปและความหวังดีที่ซอลมอบให้จีนมันไม่เคยลดน้อยลงเลย แม้แต่ตอนที่เราคบกัน ซอลก็ยังคงเป็นเพื่อนที่ดีเสมอ ผิดเองที่จีนคาดหวังมากเกินไป อยากให้ซอลเป็นในแบบที่จีนต้องการ การที่ซอลยอมคบกับจีนก็เพราะว่าซอลต้องการให้จีนมีความสุขไม่ใช่เหรอ ซอลน่ะหวังดีกับคนอื่นเสมอ ถ้าคนดี ๆ แบบซอลเรียกเห็นแก่ตัวนะ จีนก็คงจะเป็นคนที่โคตรเลวเลย"
ต่อให้จีนจะพยายามพูดให้อีกคนรู้สึกดีขึ้น แต่มันก็เป็นดั่งการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ มันไม่ได้ช่วยอะไรแม้แต่น้อย ซอลยังคงสะอื้นร่ำไห้ เธอคงจะเอาแต่โทษตัวเองอยู่แบบนี้ต่อไปเป็นแน่
"เฮ้อ! จีนไม่มีทางปล่อยให้ซอลกับหลงเข้าใจผิดกันแบบนี้หรอก และจีนก็จะไม่ไปทั้งแบบนี้ด้วย!!" ในขณะที่จีนวางมือลงเตรียมพร้อมที่จะเข้าเกียร์แต่ซอลกลับคว้าที่ข้อมือของเธอเสียก่อนจนเธอถึงกับชะงัก
"จีนไปเถอะ...ความสุขกำลังรอจีนอยู่ ฮึก ๆ นี่เป็นปัญหาที่ซอลสร้าง ซอลก็ต้องเป็นคนแก้ด้วยตัวเอง"
"ซอล..."
"ซาบีน่ารอจีนอยู่นะ..." ซอลยิ้มทั้งน้ำตา แต่มันยิ่งบีบหัวใจอีกคนจนแทบกระอัก เธอจึงคว้าร่างของคนตัวเล็กเข้าไปสวมกอดเอาไว้แน่น
"ขอบคุณนะซอลสำหรับทุกอย่าง ขอโทษที่ทำให้เรื่องมันเป็นแบบนี้ ถ้าเป็นไปได้...พาหลงไปงานแต่งของเพื่อนคนนี้ให้ได้นะ"
"ไม่รับปากแต่จะพยายามนะ"
"ดูแลตัวเองดี ๆ นะ จีนเชื่อว่าทุกอย่างจะกลับมาสดใสเหมือนเดิมและซอลจะต้องมีความสุขแน่ ๆ"
"อืม...ขอบคุณนะจีน ขอบคุณสำหรับที่ผ่านมา จีนก็ยังเป็นเพื่อนที่แสนดีของซอลเสมอ ฮึก! ขอให้มีความสุขกับชีวิตคู่นะ"
"อื้อ...ขอบคุณนะ"
"ไปกันเถอะ เดี๋ยวตกเครื่อง"
"อ...อืม..."
จีนผละออกจากอ้อมกอดช้า ๆ ซึ่งรอยยิ้มก็ยังคงเปรอะบนใบหน้าของซอลอยู่ มันเป็นรอยยิ้มที่เธอไม่ชอบเอาเสียเลย แต่เธอต้องจำใจขับรถออกไปในที่สุดเพราะจวนจะถึงเวลาเดินทางของเธอแล้ว
"ซอลต้องมีความสุขนะ..."
"อืม..."


ภายในห้องสี่เหลี่ยมแคบ ๆ ที่ก่อนหน้าราวกับวิมานแห่งความสุข แต่ตอนนี้ทุกอย่างพังทลายลงอีกครั้ง ความโดดเดี่ยว ความสิ้นหวัง ความเงียบเหงา ความเจ็บปวด ทุกอย่างประเดประดังเข้าใส่อย่างโหดร้ายและทารุณ ใครกันจะตั้งรับไหว หลงนั่งกอดเข่าร้องไห้ราวจะขาดใจอยู่ที่มุมหนึ่งของห้อง ซึ่งมันเป็นมุมที่มืดมนที่สุดภายในห้องเพราะเป็นมุมที่แสงตกกระทบถึงน้อยที่สุด
มันก็เหมือนตัวเธอนั่นแหละ...เธอดั่งเงาท่ามกลางความมืดมิด ไร้ตัวตนแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ช่างไร้ค่าและโดดเดี่ยว คนที่เข้ามาเป็นแสงแรกอันอบอุ่นของวันและเป็นดั่งแสงสุดท้ายที่จะโอบกอดเธอในทุก ๆ ค่ำคืน ตอนนี้...ไม่มีอีกแล้ว...
"ยาย...น้องหลงไม่ไหวแล้ว ฮือ ๆ ๆ ทำไมทุกคนถึงทำกับน้องหลงแบบนี้ ฮึก ๆ น้องหลงรับอะไรไม่ไหวแล้ว ฮือ ๆ"
เสียงที่สั่นเครือระบายออกมาได้เพียงน้อยนิด เพราะเธอแทบจะไม่เหลือเรี่ยวแรงเปล่งเสียงออกมาได้แล้ว ตอนนี้ช่างมืดมนไร้ซึ่งหนทาง การที่จะอยู่แบบไร้ซึ่งตัวตนมันก็ไม่ต่างกับตายทั้งเป็น
"น้องหลงไม่อยากอยู่แล้ว ฮือ ๆ น้องหลงไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว ฮึก ๆ น้องหลงจะไปหายาย..."
จากที่สะอื้นร่ำไห้อย่างคนเสียสติ แต่เธอก็ต้องชะงักเมื่อรอยยิ้มที่แต้มบนใบหน้าของเด็กน้อยคนหนึ่งผุดเข้ามาในความคิด ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหน น้องสาวแท้ ๆ ที่เธอรู้สึกรักและผูกพันตั้งแต่แรกเจอนั่นเอง
ถ้าไม่มีหลง น้องลูกจ๋าก็จะไม่เหลือคนที่รักและหวังดีกับเธอแล้วนะ อย่าให้ความสูญเสียมาพรากรอยยิ้มที่สดใสของเธออีกเลย...
จู่ ๆ เสียงในความคิดของเธอก็ดังเตือนสติ เธอสะดุ้งเฮือกตื่นจากภวังค์ที่กำลังจะถูกความมืดเข้าครอบงำกัดกินหัวใจของเธอ หลงรู้ดี...การสูญเสียที่พึ่งสุดท้ายนั้นมันทรมานมากเพียงใด ฉะนั้น...เธอจะไม่มีวันพรากความสดใสจากเจ้าของรอยยิ้มนั้นแน่ หลงจึงรีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำและเปิดน้ำล้างหน้าล้างตาเพื่อเรียกสติ
"ถ้าไม่มีเรา น้องลูกจ๋าจะอยู่กับใคร!?"
เพียะ!!
หลงตบหน้าเรียกสติตัวเองอีกครั้ง ใช่...ตอนนี้เธอควรจะคิดถึงครอบครัว เพราะเธอรู้ดีที่สุดว่าการเติบโตแบบไร้ที่พึ่งมันเป็นอย่างไร เธอจะไม่มีวันให้น้องสาวต้องเผชิญโลกกว้างด้วยตัวคนเดียวอย่างที่เธอเคยเป็นเด็ดขาด!
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
เมื่อเสียงเคาะประตูดังขึ้น หลงถึงกับสะดุ้งเฮือก นี่มันดึกมากแล้ว ใครกันที่มาหาเธอในยามวิกาลแบบนี้ เธอจึงเดินไปยืนที่หน้าประตูเพื่อที่จะฟังเสียงเคาะอีกครั้ง
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
"หลง...ฮึก ๆ"
เสียงที่คุ้นเคยและเสียงสะอื้นเล็ดลอดผ่านบานประตู หลงจึงกำมือแน่นด้วยความโกรธ แต่เมื่อเธอกำลังจะหันหลังกลับก็ต้องชะงักเมื่อมีกระดาษแผ่นหนึ่งสอดลอดใต้ประตูเข้ามา เธอก้มมองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะก้มไปหยิบขึ้นมาดูให้ชัด ๆ จึงได้รู้ว่ามันไม่ใช่กระดาษ แต่มันคือภาพถ่ายโพลารอยด์ ซึ่งเป็นภาพสาวสวยสองคนกำลังส่งยิ้มที่สดใสผ่านกล้อง คนหนึ่งคือคนที่หลงรู้สึกคุ้นตา และอีกคนคือสาวสวยชาวต่างชาติ
หลงถึงกับคิ้วขมวด ว่าคนที่อยู่อีกฝั่งของประตูบานนี้ต้องการจะสื่ออะไรกับเธอกันแน่ แต่เมื่อเธอพลิกรูปมันยิ่งสร้างความฉงนให้กับเธอเป็นเท่าตัว
Will you marry me?
ข้อความที่ถูกเขียนด้วยปากกาสีดำอยู่มุมด้านล่างสุดของภาพถ่ายโพลารอยด์ใบนี้ มันคือข้อความที่มีความหมายสำหรับการเริ่มต้นคู่ชีวิต แต่หลงก็ยังไม่เข้าใจว่าอีกคนต้องการจะบอกอะไรกับเธอ และนำมาให้เธอทำไม
"เธอหยิบรูปไปดูแล้วใช่ไหม ฮึก ๆ"
"อืม" หลงตอบกลับไปในที่สุด
"เราอยากอธิบายกับเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ เธอออกมาคุยกับเราหน่อยได้ไหม"
"ไม่...หลงไม่อยากเจอหน้าพี่อีก พี่กลับไปเถอะ หลงไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้น"
"แต่เราอยากให้เธอฟังเรื่องนี้ เธอกำลังเข้าใจผิดนะหลง ฮึก ๆ วันนี้จีนมาหาเราเพื่อที่จะมาลาและให้เราไปส่งที่สนามบิน เพราะจีนง้อแฟนเก่าได้สำเร็จแล้ว" หลงถึงกับชะงักเมื่อได้ยินสิ่งที่อีกคนพูด หรือภาพถ่ายใบนี้จะคือคำตอบเรื่องทั้งหมด
"จำได้ไหมที่เราเคยขอให้เธอช่วยไปฟังเสียงความคิดของคนคนหนึ่ง ซึ่งนั่นก็คือซาบีน่า แฟนเก่าของจีนตอนที่คบกันอยู่ต่างประเทศ ตอนนั้นซาบีน่าบินมาที่ไทย จีนเลยมาขอร้องให้เราช่วยให้ทั้งสองกลับมาคืนดีกัน แต่เธอรู้ไหม สิ่งที่ทำให้เราขำกับเหตุการณ์นี้น่ะ คือซาบีน่าเซอร์ไพรส์ขอแต่งงานด้วยรูปใบนี้ แต่จีนดันไม่พลิกดูข้อความด้านหลัง พอได้มาก็เก็บใส่กระเป๋าเลย จนจีนโดนซาบีน่าบอกเลิกแล้วจีนก็บินกลับมารักษาใจที่ไทยนี่แหละ แต่ระหว่างนี้จีนก็พยายามง้อทุกวัน จนวันที่ซาบีน่าบินมาหาถึงที่นี่เพื่อที่จะบอกอ้อม ๆ ว่าซาบีน่ารักจีนมากและยังรักเหมือนเดิมไม่ลดน้อยลง แต่ก็นั่นแหละ...จีนก็ยังไม่รู้ กว่าจะรู้ตัวก็จนซาบีน่าบินกลับไปแล้ว จีนคิดถึงมากเลยหยิบรูปใบนี้ออกมาดูถึงได้รู้ว่าที่ผ่านมาตัวเองน่ะโง่ขนาดไหน เกือบจะเสียคู่ชีวิตไปแล้ว ความรักนี่มักจะมีอุปสรรคมาเป็นบททดสอบเสมอเลยเนอะ กว่าจะสุขสมหวัง คนสองคนจะผ่านมันไปได้หรือเปล่า"
หลงค่อย ๆ นั่งลงพิงประตูเพื่อที่จะได้ฟังเรื่องราวต่าง ๆ อยู่เงียบ ๆ สาวสวยในภาพถ่ายนั้นคือจีนกับแฟนสาวของเธอนั่นเอง ที่ผ่านมาหลงเข้าใจผิดไปกันใหญ่แล้ว


เหตุการณ์ก่อนหน้า
หลังจากที่วางสายแล้ว ซอลจึงรีบวิ่งลงมายังล็อบบี้คอนโดมิเนียมของเธอด้วยสภาพที่อิดโรยและผมเผ้ายังพะรุงพะรังไม่ได้พร้อมต่อการพบปะผู้ใดแม้แต่น้อย แต่เพราะทั้งสองเป็นเพื่อนกันมานานและยังเป็นอดีตคนรัก หากจะเห็นเธอในสภาพนี้เธอก็ไม่ได้ยี่หระแต่อย่างใด
"ซอล!" สาวสวยร่างสูงโปร่งโบกมือเรียก แต่ซอลกลับเรียกให้เจ้าตัวมาคุยในที่ที่ลับสายตาคนมากกว่านี้ ก็เพราะเธอสวมชุดนอนอยู่น่ะสิ
"มีอะไรจีน คุยนานไม่ได้นะ เพราะหลงไม่โอเค แต่เพราะหลงหลับแล้วนะถึงลงมาหาได้เนี่ย ซอลไม่อยากทำให้หลงคิดมาก" จีนมองสำรวจร่างคนตัวเล็กโดยไม่ได้สนใจฟังสิ่งที่เธอพูดเสียด้วยซ้ำ ก่อนจะหลุดขำพรืดออกมาจนซอลถลึงตากลับไป
"หัวเราะอะไร!? ซอลไม่ตลกนะจีน"
"สภาพซอลแบบ...โดนจัดหนักมาเหรอ ฮ่า ๆ"
คนตัวเล็กถึงกับดวงตาเบิกโพลงก่อนจะกระหน่ำกำปั้นทุบที่แขนของเจ้าตัวไม่ยั้งด้วยความโมโห
"ยัยบ้าเอ๊ย!!! มันใช่เรื่องมาทักไหมเนี่ย!!"
"โอ๊ย ๆ อ๊าก!! โอ๊ย!! เจ็บโว้ย! หยุดก่อนซอล โอ๊ย!!"
"อยากตายหรือไง!!!?"
"พอแล้ว ๆ โอ๊ย!! คือจีนจะมาบอกว่า จีนกลับมาคบกับซาบีน่าแล้วนะ" สิ้นเสียงพูด กำปั้นน้อย ๆ จึงชะงักค้างกลางอากาศทันที
"ว่าไงนะ!?"
"จีนกลับมาคบกับซาบีน่าแล้วนะและกำลังจะบินไปหาซาบีน่า ขึ้นเครื่องคืนนี้แหละ จีนเลยจะมาลาน่ะ เพราะจีนจะมีครอบครัวแล้ว"
"เดี๋ยว ๆ อะไรยังไงเนี่ย"
"ซาบีน่าขอจีนแต่งงาน!!" เมื่อได้ยินเช่นนั้น ซอลถึงกับรีบเอามือปิดปากด้วยความตกใจ ก่อนจะกระโจนเข้าไปสวมกอดคนร่างสูงจนขาของเธอถึงกับลอยจากพื้น
"กรี๊ด!!!! ยินดีด้วยนะจีน!! ฮือ ๆ ซอลยินดีด้วยจริง ๆ"
"ขอบคุณนะซอล ที่ผ่านมาจีนโง่เอง ก็เพราะซาบีน่าเป็นคนไม่ค่อยพูด แต่จะชอบแสดงออกด้วยการกระทำ ใครจะไปรู้ล่ะว่าจะถูกขอแต่งงานด้วยวิธีแบบนี้ เกือบแล้ว...เกือบเสียซาบีน่าไปแล้ว"
"จริงอะ!!? ถูกขอแต่งงานด้วยวิธีไหนเหรอ" ซอลถามด้วยความตื่นเต้น ก่อนร่างของเธอจะถูกวางลง
"นี่ ๆ จีนจะเอาให้ดู อะอ้าว...อยู่ไหนเนี่ย" เธอว่าพลางกับล้วงกระเป๋ากางเกงและกระเป๋าเสื้อแต่กลับพบเพียงความว่างเปล่า
"สงสัยจีนลืมไว้ในรถแน่เลย ปะ!! จีนจะเอารูปให้ดู" พูดจบ เธอจึงคว้าหมับที่มือของคนตัวเล็กก่อนจะรีบจูงออกไป ท่าทีของเธอดูก็รู้ว่าคงจะตื่นเต้นจนลนลานไปหมด ซอลจึงได้แต่ยิ้มร่าและเดินตามเธอไปอย่างว่าง่าย

"นี่! ดูสิ ซาบีน่าให้รูปนี้กับจีนแล้วจีนก็เก็บใส่กระเป๋าเลย ไม่รู้เลยว่ามันมีข้อความด้านหลังด้วย" ซอลรับภาพถ่ายโพลารอยด์มา ก่อนจะพลิกดูข้อความด้านหลังและเธอก็ต้องยิ้มร่าออกมาอีกครั้ง
"อุ๊ย...ซาบีน่าทำไมโรแมนติกแบบนี้เนี่ย คิดถึงหลงเลย รายนั้นนะพูดไม่เก่งเหมือนกัน แต่การกระทำนี่ชัดเจนมาก"
"ใช่ไหมล่ะ ซาบีน่าเป็นคนที่มั่นคงกับความรักมาก และจริงจังทุกอย่าง ชีวิตของซาบีน่าเพียบพร้อมมาก ขาดแค่ความสุขในชีวิต แต่พอเจอจีน ทุกอย่างมันถูกเติมเต็มแล้ว ซึ่งซาบีน่าก็เป็นคนที่จีนตามหามาตลอดเหมือนกัน ถึงเราจะคบกันไม่กี่ปีก็เถอะแต่จีนมั่นใจนะว่าถ้าแต่งงานกับคนนี้ ชีวิตจีนจะมีแต่ความสุข"
"เฮ้อ...ซอลดีใจจัง ดีใจที่คนดี ๆ แบบจีนได้เจอคู่ชีวิตที่เพียบพร้อมทุกอย่างแบบนี้"
"ขอบคุณนะซอล งานแต่งของจีนน่ะ ซอลไปให้ได้นะ"
"ชวนแฟนเก่าไปแบบนี้จะดีเหรอ"
"ไม่เอาสิ ไม่ถามแบบนี้ เอาจริง ๆ ที่ผ่านมาเราไม่เหมือนแฟนกันเลยนะ เราเหมือนเป็นเพื่อนที่รู้ใจกันที่สุดมากกว่า ซอลคือเพื่อนที่ดีที่สุดของจีน จีนเลยอยากให้เพื่อนที่จีนรักมากที่สุดอยู่เคียงข้างจีนในวันที่จีนมีความสุขที่สุด"
"จีนนี่น้า...ซอลขอแสดงความยินดีกับจีนด้วยนะ ขอให้หลังจากนี้มีแต่ความสุข ไม่ต้องร้องไห้อีกแล้วนะ"
"ขอบคุณนะ ขอกอดลาหน่อยสิ" สิ้นคำขอ ซอลจึงโน้มตัวไปสวมกอดเธอด้วยความยินดี พร้อมกับตบหลังเจ้าตัวเบา ๆ
"สำหรับซอล จีนก็คือเพื่อนที่ดีที่สุดเลยนะ"
"อืม จีนก็เหมือนกัน ขอบคุณมากนะ วันนี้ช่วยไปส่งจีนขึ้นเครื่องได้ไหม"
"อื้อ ได้สิ แต่เดี๋ยวซอลจะไปบอกหลงก่อน หลงจะได้สบายใจเรื่องจีน ซอลคิดว่าหลงต้องยินดีกับจีนด้วยแน่ ๆ"
"ได้เลย...ขอบคุณจริง ๆ นะ"


"ระหว่างเรากับจีนคือความรักความหวังดีในรูปแบบเพื่อนเท่านั้น มันไม่มีอะไรจริง ๆ นะหลง เรายอมรับว่าเรากับจีนเคยคบกันมาก่อน แต่เรื่องมันจบไปนานแล้ว และจีนก็กำลังจะมีชีวิตคู่กับคนที่จีนรักมาก ๆ ด้วย มันไม่มีทางเป็นอย่างอื่นได้เลย เราขอโทษจริง ๆ ที่เคยเข้าหาเธอด้วยวิธีผิด ๆ ไม่ผิดเลยถ้าเธอจะไม่เชื่อใจเรา แต่หลังจากเรื่องนั้นเราไม่มีอะไรโกหกเธอเลยนะ"
ซอลอธิบายทั้งน้ำตาแม้จะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายยังฟังเธออยู่หรือไม่ ก่อนที่ร่างของเธอจะค่อย ๆ ทรุดลงกับพื้น น้ำตาเจ้ากรรมรินไหลออกมาราวกับไม่มีวันหมด ความเจ็บปวดเป็นแบบนี้เองน่ะหรือ ตั้งแต่รู้จักกับหลงมา เธอเข้าใจความผิดหวัง ความเจ็บปวดอย่างสุดซึ้งก็คราวนี้ ครั้งนั้นที่เธอต้องกลับไปทบทวนตัวเองมันยังไม่ได้ครึ่งหนึ่งของวันนี้เสียด้วยซ้ำ
"ฮึก ๆ เรารักเธอนะหลง เราไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายเธอ ฮือ ๆ ถ้าเธอฟังอยู่ช่วยออกมาคุยกับเราที"
"..." หลงยังคงนั่งเงียบ บนใบหน้าของเธอก็เปรอะไปด้วยน้ำตาเช่นกัน
"ขอร้องล่ะหลง ไม่เลิกกันได้ไหม เรากับจีนไม่มีอะไรจริง ๆ เชื่อเรานะ ฮือ ๆ อย่าให้มันต้องจบแบบนี้เลย เราขอร้องล่ะ"
"พี่กลับไปเถอะพี่ซอล ฮึก ๆ หลงไม่อยากฟังแล้ว"
"หลง ออกมาคุยกับเราก่อน มาคุยกันให้รู้เรื่องได้ไหม เธออยากให้เราทำยังไงบอกเรามาได้เลย แต่เธออย่าเย็นชากับเราแบบนี้ ฮึก ๆ เราขอโทษ ฮือ ๆ"
"ซอล!! ออกมา เดี๋ยวพี่คุยเอง!!" คนเป็นพี่พูดเสียงแข็งพร้อมกับกระชากแขนน้องสาวให้ยืนขึ้น ก่อนเธอจะออกแรงทุบประตูจนหลงถึงกับสะดุ้ง
ตุบ! ตุบ! ตุบ!
"พี่ฟา! พี่จะทำอะไร!? นี่มันดึกแล้วนะ"
"หลง!! พี่รู้นะว่าหลงฟังอยู่! เลิกหนีปัญหาเป็นเด็ก ๆ สักทีได้ไหม ซอลก็บอกเหตุผลไปหมดแล้วนะ จะหลับหูหลับตาเชื่อแต่ความคิดตัวเองงั้นเหรอ อ้อ! หรือหูเบาเชื่อคนอื่นไปแล้ว"
"พี่ฟา!! พอได้แล้ว!!"
"พอเหรอซอล ทำไมต้องพอ ที่ผ่านมาซอลพยายามสู้เพื่อหลงมาตลอด ยอมทะเลาะกับพ่อแม่เพื่อที่จะได้คบกับหลงแบบเปิดเผย แล้วหลงทำอะไรเพื่อซอลบ้าง นอกจากหนีปัญหา หดหัวอยู่แต่ในห้อง!!"
"อย่ามาว่าหลงแบบนี้นะพี่ฟา หลงเขาลำบากมามาก พี่ไม่รู้อะไรก็อย่าพูด!!"
"เหอะ!! เห็นไหมล่ะ เจ็บจะตายแล้วยังปกป้องคนอื่นอีก ปกป้องมันทำไม ไอ้คนขี้ขลาดที่ไม่กล้าแม้แต่ยอมรับความจริงว่าสิ่งที่ตัวเองเห็นมามันคือเรื่องเข้าใจผิด ใจ ๆ กันหน่อยสิวะ!! รักกันภาษาอะไรเหรอ รักกันทำไมถึงไม่รับฟังกันบ้าง พี่ว่าซอลกับหลงน่ะ ไปไม่รอดหรอก!!"
"ฟาพอได้แล้ว แค่นี้น้องก็เสียใจมากพอแล้วนะ ทำไมตัวเองถึงชอบตอกย้ำน้อง"
"เค้าไม่ได้ตอกย้ำนะ สิ่งที่เค้าพูดมันก็เรื่องจริงทั้งนั้น ไม่รู้ที่หนีปัญหาอยู่แบบนี้มันเพราะอะไร ทำไมถึงไม่ยอมออกมาคุยกันดี ๆ"
"สภาพจิตใจคนเรามันไม่เหมือนกันนะตัวเอง ตอนนี้มันดึกมากแล้ว เราพาน้องกลับไปนอนพักเถอะ น้องไม่ไหวแล้วนะ"
"เหอะ!! ฟังนะหลง การหนีปัญหาไม่ใช่ทางออกที่ดีเลย ไม่ว่าจะเรื่องนี้หรือเรื่องไหนก็ตาม ถ้าไม่กล้าที่จะเผชิญหน้า หลงก็จะไม่มีวันโตเป็นผู้ใหญ่หรอก ไป!! กลับ!"
หลงนั่งกัดฟันและกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้เพื่อที่จะฟังบทสนทนาของคนด้านนอก แต่ละคำ แต่ละประโยคของฟานั้นล้วนแล้วแต่ทิ่มแทงหัวใจของเธอจนบอบช้ำ สิ่งที่เธอกำลังเผชิญอยู่นั้นยังเจ็บปวดไม่พออีกอย่างนั้นหรือ ที่ผ่านมาเธอใช้ชีวิตราวกับตกนรกทั้งเป็น ไม่ได้เป็นเธอ แต่กล้าดีอย่างไรมาด่าทอรุนแรงถึงเพียงนี้...
เมื่อด้านนอกเริ่มสงบลง แต่ในห้องกลับถูกแทนที่ด้วยเสียงสะอื้น หลงปล่อยโฮออกมาอย่างกดกลั้นเอาไว้ไม่ไหว หัวใจของเธอเต้นแรงราวกับจะระเบิด แขนและขาของเธอชาจนแทบจะไร้ความรู้สึก อาการแบบนี้เธอเคยเจอมาบ่อยหนัก แต่หาได้ชินกับมันเสียที่ไหนกัน


บ่ายวันถัดมา
"วันนี้หลงไม่มาทำงานเหรอคะพี่จิ้งหรีด"
เมื่อได้ยินคำถาม ผู้จัดการสาวถึงกับหน้าถอดสี ดูจากท่าทีของคนเป็นนายแล้วนั้น เธอดูอิดโรยและโทรมลงอย่างเห็นได้ชัด ใต้ตาดูบวมและคล้ำคล้ายคนอดหลับอดนอน ต้องเกิดเรื่องขึ้นเป็นแน่
"หลงไม่มาค่ะคุณซอล"
"ติดต่อหลงได้ไหมคะ"
"ไม่เลยค่ะ พี่พยายามแล้วค่ะ แต่หลงปิดเครื่อง"
"เหรอคะ...งั้นไม่เป็นไรค่ะ สงสัยไปดูแลแม่ที่โรงพยาบาลแน่ ๆ เลย เพราะเราก็ติดต่อหลงไม่ได้ตั้งแต่เช้าแล้ว ช่วยลงเป็นวันลาให้หน่อยนะคะ"
"คุณซอลคะ พี่ถามจริง ๆ นะคะ มีปัญหาอะไรหรือเปล่าคะ" ซอลเพียงแค่ส่งยิ้มกลับมาให้เท่านั้น ก่อนเธอจะเดินหายเข้าไปในห้องทำงานส่วนตัวด้วยสภาพที่อิดโรย ทำเอาผู้จัดการสาวถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความหนักใจ
เฮ้อ...จะบอกคุณซอลดีไหมนะ...
สิ้นเสียงคิด ผู้จัดการสาวจึงเปิดลิ้นชักออกมาช้า ๆ ในนั้นมีซองกระดาษสีขาวที่หลงฝากเอาไว้ตั้งแต่ก่อนเปิดร้าน มันจะอะไรเสียอีก นอกจาก...ใบลาออก...


ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก...
ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก...
ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก...
"เฮ้อ...อย่าหนีหายไปแบบนี้สิหลง เราใจไม่ดีเลย..."
แม้จะไม่อยากคิดในแง่ร้าย แต่ซอลก็กังวลในใจเหลือเกินว่าหลงจะหายไปทั้งอย่างนั้น โดยที่ทั้งสองยังไม่เข้าใจกันเลย ไม่มีโอกาสแม้แต่จะได้เห็นรอยยิ้มของเจ้าตัว ภาพสุดท้ายที่ยังเป็นภาพจำติดตา มันคือภาพของคนหน้าดุที่ร้องไห้และตวาดเธอราวกับขาดสติ ไม่อยากให้มันต้องจบลงแบบนี้เลย...
ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก...
"ฮึก ๆ เราไม่อยากเลิกกับเธอนะหลง..."
น้ำตาค่อย ๆ รินไหลออกมาช้า ๆ พร้อมกับเสียงสะอื้น จากที่เธอเคยสดใส แต่ตอนนี้ช่างอ่อนแอเหลือเกิน ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วจนเธอตั้งตัวไม่ทัน และสิ่งที่พี่สาวได้พูดทิ้งท้ายเอาไว้ มันจะเป็นการทำร้ายหัวใจของหลงหรือเปล่า
หายไปไหนของเธอนะหลง ไปหาที่หอก็ไม่อยู่ ที่โรงพยาบาลก็ไม่อยู่ ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง ได้กินอะไรหรือยัง หวังว่าจะไม่ป่วยจนมาทำงานไม่ไหวนะ เรายังรอเจอเธออยู่นะหลง...
ใช่...เธอเป็นห่วงอีกคนมากกว่าตัวเองเสียอีก และเธอยังหวังในใจลึก ๆ ว่าจะได้ปรับความเข้าใจกัน หากจะต้องจบจริง ๆ ขอให้จบลงด้วยดี จะได้ไหม...


เอี๊ยด...เอี๊ยด...เอี๊ยด...
เสียงเสียดสีกันของชิงช้าเหล็กในสนามเด็กเล่นที่เก่าคร่ำครึจนมีคราบสนิมเขรอะถึงแม้ว่าส่วนที่นั่งจะมีการทาสีใหม่แล้วก็ตาม ตอนนี้ความสูงของหญิงสาวนั้นแตกต่างจากเมื่อก่อนมาก คิดถึงตอนที่เท้าลอยจากพื้นตอนเล่นชิงช้าสมัยเด็ก ๆ เมื่อมีคนผลักหรือแกว่งให้ ร่างของเธอจะลอยสูงจากพื้นราวกับกำลังเหาะเหินกลางอากาศ
รอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่ยังไร้เดียงสานั้น หลงยังจำมันได้ขึ้นใจ อีกทั้งเสียงแหบพร่าแต่อ่อนโยนที่คอยปลอบประโลมเธอในยามที่ร้องไห้จากเหตุการณ์ใดก็ตาม ภาพวัยเด็กไม่เคยเลือนลางจางหายไปจากความทรงจำของเธอเลยสักช่วงเวลา คิดถึงเหลือเกิน...ยายที่เปรียบเสมือนเป็นฮีโร่ในดวงใจไม่เคยเสื่อมคลาย
เอี๊ยด...เอี๊ยด...เอี๊ยด...
อยากย้อนเวลากลับไปตอนเป็นเด็ก ไม่อยากรับรู้ความขมขื่นของการเป็นผู้ใหญ่เลยจริง ๆ มันทั้งโดดเดี่ยว อ้างว้าง และเหน็บหนาว หลงหวังเหลือเกินว่าการกลับมายังบ้านเกิดจะช่วยให้เธอรู้สึกดีขึ้นบ้างไม่มากก็น้อย แต่มันยิ่งทำให้เธอหวนคืนความทรงจำอันอบอุ่น ที่ตอนนี้เธอไม่มีวันได้รับจากใครอีกแล้ว ไม่เลย...ทุกอย่างมันสลายหายไปตั้งแต่สูญเสียคนเป็นยายไปแล้ว
ตอนนี้ดวงตะวันจวนจะตกดินแล้ว แต่สนามเด็กเล่นแห่งนี้กลับเงียบสงบ หลงเหลือเพียงเด็กนักเรียนตัวน้อยที่กำลังเล่นอยู่กระบะทรายบ้างประปราย หลงนั่งมองเหล่าเด็ก ๆ กำลังเล่นกันอย่างสนุกสนานจนรอยยิ้มเผยออกมาเล็กน้อย ก่อนที่มันจะจางหายไปอย่างรวดเร็ว 
"มารับใครเหรอคะ" เสียงที่เอ่ยไล่หลังมาทำให้หลงถึงกับหันขวับ เธอคือคุณครูอนุบาลคนใหม่เป็นแน่ เพราะมีเหล่าเด็กนักเรียนตัวน้อยเกาะแขนเธอถึงสองข้าง หลงจึงยืนขึ้นและโค้งตัวลงเล็กน้อยอย่างนอบน้อม
"เปล่าหรอกค่ะ ไม่ได้มารับใคร พอดีว่ากลับมาเยี่ยมโรงเรียนน่ะค่ะ"
"คุมคู!! หนูอยากไปเล่นอันนั้น!!"
"ป๋มไปด้วย!!" 
"อ๊ะ!! เดี๋ยวก่อนลูก! ขอครูคุยกับแขกก่อนนะคะ" เด็กน้อยต่างดึงแขนคุณครูสาวกันคนละข้าง แต่เธอไม่ได้มีท่าทีหงุดหงิดหรือรำคาญแต่อย่างใด เธอดูยิ้มแย้มแจ่มใสจนหลงถึงกับยิ้มตาม
"คุณครูตามสบายเลยนะคะ เด็ก ๆ คงอยากเล่นกันแล้ว"
"เดี๋ยวอีกสักหน่อยผู้ปกครองของน้องก็มารับแล้วค่ะ เนี่ยครูเพิ่งพาไปล้างตัวมา เล่นกระบะทรายแล้วปาใส่กัน กว่าจะจับแยกกันได้ก็จนครูหัวหมุนหมดแล้ว" หลงยิ้มเมื่อได้ยินเช่นนั้น เพราะสมัยเด็ก ๆ เธอก็เคยโดนปาทรายใส่เช่นกัน
"คงเหนื่อยแย่เลย ลำบากหน่อยนะคะ" เธอพูดด้วยรอยยิ้ม
"ฮ่า ๆ เป็นเรื่องปกติของเด็กค่ะ ไม่ได้ลำบากอะไรหรอก ถ้าเราเข้าใจในธรรมชาติของเด็ก เราก็จะสนุกกับการทำงานค่ะ"
"ดูคุณครูมองโลกในแง่ดีจังเลยค่ะ"
"ฮ่า ๆ ก็ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ มันก็มีบ้างที่บ่นเหนื่อยเพราะบางคนทั้งดื้อทั้งซนจนรับมือไม่ไหว แต่บางครั้งเด็ก ๆ ก็ช่วยฮีลใจได้นะคะ จากที่เหนื่อย ๆ นี่หายเป็นปลิดทิ้งเลยค่ะ"
"นั่นสินะคะ"
"อ๊ะ! ผู้ปกครองมารับแล้ว เดี๋ยวครูขอตัวก่อนนะคะ"
"ค่ะ" หลงยิ้มตอบกลับไป ก่อนจะนั่งลงที่ชิงช้าอีกครั้ง
ที่นี่ดูเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อนมาก แม้ภาพทรงจำเก่า ๆ ยังชัดเจน แต่ก็ถูกแทนที่ด้วยภาพปัจจุบันที่ดูเจริญหูเจริญตามากขึ้น แม้แต่ผู้คนที่นี่ก็ดูเป็นมิตรมากยิ่งขึ้นเช่นกัน หรืออาจจะเป็นเพราะที่ผ่านมาเธอไม่เคยพูดคุยกับใครเลยนอกจากคนเป็นยาย จึงไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วผู้คนก็ไม่ได้โหดร้ายไปเสียทุกคน
การที่เธอได้ยินเสียงความคิดที่สับสนวุ่นวายนั้นก็ล้วนแล้วแต่เป็นช่วงเวลาเลิกงานที่ทุกคนต่างเหน็ดเหนื่อยจากสภาพการเป็นอยู่ แต่หลังจากนั้นอาจจะถูกปลอบประโลมจิตใจจากคนที่บ้านก็เป็นได้
มันอดคิดถึงคำพูดของคนตัวเล็กไม่ได้เลย ที่อยากให้เธอเปิดใจศึกษาผู้คนดูบ้าง แต่ตอนนี้เธอไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร จะเดินไปทางไหนก็ดูมืดบอดไปเสียหมด ไร้ซึ่งแสงสว่างนำทาง เธอราวกับเด็กเกิดใหม่ที่ยังคงเปราะบางในทุก ๆ เรื่อง หรือสิ่งที่ทำอยู่ในตอนนี้จะเป็นการหนีปัญหาอย่างที่ถูกต่อว่ากันนะ...