ดวงพุดตาน

ดวงพุดตาน
ตอนที่ 28 มิตรภาพ

“ไม่อยากจะเชื่อเลย นี่มันเป็นเรื่องที่อเมซิ่งไทยแลนด์มาก ๆ นี่แกไม่ได้แต่งเรื่องมาหลอกพวกเราใช่ไหมวะนัท” โจอี้ถามแบบเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เพราะเรื่องที่นัทเล่าให้ฟังนั้นมันยากเกินกว่าที่จะยอมรับให้เชื่อได้จริง ๆ เพื่อนคนอื่น ๆ ที่ได้ฟังต่างก็นั่งหน้าเครียดไปตาม ๆ กัน ภายนอกเรือนเพาะชำฝนก็ตกลงมาห่าใหญ่ราวกับมีพายุเข้า ทุกคนจึงยกเก้าอี้เก่าที่ถูกนำมาทิ้งไว้ภายในเรือนไม้มานั่งคุยกันระหว่างรอฝนหยุดตก
“จะเชื่อหรือไม่เชื่อมันก็แล้วแต่พวกแก แต่เรายืนยันว่าเรื่องทั้งหมดมันคือเรื่องจริง เป็นไงบ้างเปา ติดต่อครูตานได้ไหม” นัทพูดด้วยสีหน้าที่ดูจริงจัง ก่อนจะหันไปถามเปาที่พยายามติดต่อครูสาวตั้งแต่นัทเริ่มเล่าเรื่อง
“ไม่ได้เลยนัท โอ๊ย...มันเกิดอะไรขึ้นกับครูตานหรือเปล่าเนี่ย”
“เฮ้อ...ใจไม่ดีเลยว่ะ ยังไงเราก็ไม่ไว้ใจคนบ้านนั้น จู่ ๆ ครูตานก็หายไปตอนที่ครูตานรู้ความจริงจากพี่ว่านแบบนี้ มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่”
“ไม่เอานะ ขออย่าให้เกิดอะไรขึ้นกับครูตานเลย ถ้าไม่ใช่เพราะครูตาน พวกเราคงไม่ได้สนิทและรู้จักกันได้ขนาดนี้หรอก” กิ๊บเก๋พูดพลางกับกอดแขนแฝดผู้พี่ของเธอเอาไว้
“ใช่ ถ้าไม่ใช่เพราะครูตาน เขาก็คงไม่ได้คบกับโจอี้ เปาก็ไม่ได้คบกับโปเต้ แต่ครูตานทำให้พวกเราเรียนรู้นิสัยใจคอของกันและกันให้ลึกซึ้งขึ้น เราถึงเข้าใจตัวตนอีกฝ่ายมากขึ้น ทุกอย่างมันกำลังไปได้ดีเลยอะ แต่ครูตานจะหายไปแบบนี้ มันไม่แฟร์เลยนะ” กุ๊กกิ๊กเสริม ทุกคนจึงพยักหน้ากันอย่างพร้อมเพรียง
“ทุกคน...มาดูนี่” บิ๊กพูดพร้อมกับวางโทรศัพท์มือถือลงบนโต๊ะกลางวง ทุกคนจึงก้มลงมองที่หน้าจอทันที
“นี่พ่อกู ส่วนนี่คือท่านไพศาล พุทธารักษ์” บิ๊กพูดพร้อมกับชี้ไปที่ชายหนุ่มคนหนึ่ง ก่อนจะชี้ไล่ไปทางชายสูงอายุอีกคนที่ยืนอยู่ด้านข้าง ทั้งสองถ่ายรูปคู่กันโดยพ่อของบิ๊กสวมชุดสีกากีเต็มยศ ส่วนชายสูงวัยสวมด้วยเสื้อคอปกสีขาว คลุมด้วยแจ็กเก็ต และกางเกงสแล็คสีดำ
“เฮ้ย!!! พุทธารักษ์! นั่นมันนามสกุลครูตานไม่ใช่เหรอวะ!?” โจอี้ถาม ทำเอาทุกคนดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจไม่ต่างกัน ยกเว้นนัทที่นั่งจ้องภาพถ่ายในโทรศัพท์มือถืออยู่เช่นเดิม
“จากที่กูจับต้นชนปลายเรื่องที่นัทมันเล่าเมื่อกี้นะ ครูตานน่าจะเป็นหลานสาวของท่านไพศาล และพ่อกูต้องรู้จักท่านไพศาลเป็นการส่วนตัวแน่ ๆ กูเลยพอจะเดาได้ว่า ครูตานก็อาจจะรู้จักพ่อกู”
“พูดถึงบ้านพุทธารักษ์ กูคิดอะไรออกแล้ว บ้านกูขายเรือและเปิดบริการส่งของทางน้ำด้วย ครอบครัวกูเคยไปส่งของบ้านพุทธารักษ์มาก่อน กูจำได้ว่าตอนเด็ก ๆ บ้านครูตานจะมีท่าน้ำหลังบ้าน เลยใช้ที่นั่นในการติดต่อซื้อขายอยู่บ่อย ๆ เพราะจากท่าน้ำบ้านกูไปท่าน้ำบ้านครูตานมันใกล้กว่าขับรถไป” ทันทีที่โปเต้พูดจบ ทุกคนถึงกับหันมองหน้ากันด้วยความตื่นเต้น รวมถึงนัทด้วยเช่นกัน
“เฮ้ย!! งั้นก็หมายความว่า เราสามารถไปตามหาครูตานโดยอาศัยพ่อไอ้บิ๊ก หรือไม่ก็พ่อมึงใช่ไหมเต้” โจอี้ถาม
“ใช่” 
“ขอหลีกเลี่ยงทางน้ำได้ไหม เรากลัวน้ำ” นัทตอบ
“งั้นพรุ่งนี้เราให้พ่อบิ๊กพาไปบ้านครูตานดีไหม เป็นวันเสาร์พอดีเลย” กิ๊บเก๋เอ่ยถาม
“ใช่ ๆ  ทุกอย่างลงตัวพอดีเป๊ะ” กุ๊กกิ๊กเสริม
“ไม่...กุ๊บ เราว่าเราจะไปคืนนี้เลย เราไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น อย่างน้อยเราต้องไปบอกครูตานให้ได้ ว่าที่นั่นมันอันตราย”
“จะบ้าเหรอ!? ไปตอนกลางคืนมันอันตรายนะ เขาจะว่าเราเป็นขโมยน่ะสิ ดีไม่ดี เราอาจจะซวยกันหมดนี่เลยนะ”
“เปา เค้าว่ามันก็จริงอย่างที่นัทพูดนะ ตอนนี้มันไว้ใจใครไม่ได้อะ เพราะครูตานหายไปแบบนี้มันแปลกเกินไป ไม่รู้ว่าพ่อครูตานคิดที่จะทำอะไรด้วย”
“ไอ้เต้ แล้วถ้ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้นล่ะวะ ถ้าเรื่องทั้งหมดที่เราคุยกันมันไม่มีอะไรเลย ครูตานแค่ลาออกแล้วกลับไปอยู่บ้านเฉย ๆ จะทำไง เท่ากับว่าเราไปเสียเที่ยวนะ”
“โอ๊ยไอ้อี้!! ทำไมมึงโง่แบบนี้วะ!!? นัทมันก็บอกอยู่ปาว ๆ ว่าอย่างน้อยต้องเตือนครูตานให้ระวังแม่เลี้ยงกับพ่ออะ ถึงมันไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็ต้องรีบเตือนให้รู้โดยเร็วที่สุด ให้ครูตานไปตามหาความจริงหรือหาหลักฐานก็ยังดีอะ” บิ๊กพูดพร้อมกับตบกะโหลกโจอี้ไปหนึ่งทีด้วยความหมั่นไส้ ก่อนที่เปาจะกอดอกพร้อมกับทำหน้าครุ่นคิด
“ลุงสิบทิศเสียกี่ปีแล้วนะนัท”
“สิบหกปีมั้งนะ”
“ผ่านไปนานขนาดนั้น มันจะหาความเป็นธรรมให้ลุงสิบทิศได้ยังไงอะ คือที่ผ่านมาไม่เห็นได้ข่าวอะไรจากบ้านนั้นเลย นอกจากที่ผู้ใหญ่เขาลือกันว่าลูกสะใภ้ของท่านไพศาลมีชู้ แค่นั้นจริง ๆ แล้วถ้ามีการฆาตกรรมกันขนาดนั้นแต่ยังเงียบแบบนี้ ก็แสดงว่าต้องมีการใช้เงินปิดข่าวแน่ ๆ”
“สิ่งที่เปาพูดมันมีสิทธิ์เป็นไปได้มาก ๆ ว่ามีการปิดข่าว และคดีนี้ก็ต้องจบไปแล้วเช่นกัน ใครพอจะมีความรู้เรื่องกฎหมายบ้างไหม ว่าเราสามารถทำอะไรได้บ้าง” เมื่อเคเอ่ยถามแบบหน้านิ่ง สองแฝดถึงกับอมยิ้มทันที
“นอกจากเราสองคนจะชอบวิชากฎหมายแล้ว พ่อเราก็เป็นทนายด้วย นี่ไง...กิ๊บว่า...ที่ครูตานให้พวกเราทุกคนดูแลนัท เพราะครูตานต้องมองออกแน่ ๆ ว่าแต่ละคนจะช่วยนัทยังไงได้บ้าง”
“ใช่เลยกิ๊บ หนึ่งแหละ เปาเป็นคนที่ฉลาดที่สุดในห้องเพราะชอบศึกษาหาความรู้อยู่ตลอด สอง เคเป็นคนช่างสังเกตที่สุดในห้อง สาม โปเต้เคยไปบ้านครูตาน และรู้ดีว่าบ้านครูตานมีท่าน้ำอยู่หลังบ้าน สี่ พ่อบิ๊กก็เองเป็นคนใหญ่คนโตพอสมควร มีเส้นมีสายพอที่จะพาเข้าไปบ้านครูตานได้ และเราสองคนสนิทกับนัทที่สุด แถมยังมีพ่อเป็นทนายด้วย” ทันทีที่กุ๊กกิ๊กพูดจบ ทุกคนเริ่มมีรอยยิ้มเผยออกมา ทุกอย่างดูเป็นไปได้มากขึ้น และเริ่มมองเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์อยู่รำไร นัทที่นั่งเครียดตั้งแต่ต้นจึงเริ่มมีความหวังและซึ้งใจที่เธอมีเพื่อนดี ๆ อยู่รอบตัวมาตลอด แต่เป็นเธอเสียเองที่มองข้ามไป
“เจ๋งว่ะ! เรานี่มันเหมือนขบวนการนักสืบเลยอะ แต่ว่า ๆ เราล่ะ เรามีประโยชน์อะไรเหรอ” โจอี้ถามพร้อมกับใช้สองมือชี้เข้าหาตัว ก่อนจะยิ้มเจื่อน ๆ เพราะที่กิ๊บเก๋เอ่ยถึงเมื่อสักครู่ ไม่มีชื่อของตนแม้แต่น้อย
“ตัวเองก็เป็นคนพูดมากไง เอาไว้ไปพูดล่อเป้างี้”
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ” สิ้นคำตอบ ทำเอาทุกคนต่างลั่นเสียงหัวเราะออกมาทันที เพราะโจอี้ได้แต่ยิ้มเจื่อนและกะพริบตาปริบ ๆ ใส่สิ่งที่แฟนสาวตอบ ก่อนที่ทุกคนจะกลับเข้ามาสู่โหมดจริงจังอีกครั้ง
“เอาล่ะทุกคน มาวางแผนกัน เย็นนี้เราจะพานัทไปบ้านครูตานกัน ตอนนี้ให้ทุกคนโทรไปถามที่บ้านนะ ว่าใครไปได้บ้าง เพราะมันอาจจะใช่เวลานานจนล่วงเลยไปถึงดึกก็ได้ ที่แน่ ๆ เราไปได้แน่นอน เพราะปกติเราก็ไปเรียนพิเศษกลับดึกอยู่แล้ว ส่วนทุกคนไปได้หรือไม่ได้ก็ไม่เป็นไรนะ ขอแค่รู้ว่าใครไปได้บ้าง จะได้วางแผนถูกว่าจะทำยังไงต่อไป”
เมื่อเปาพูดจบ ทุกคนจึงผงกศีรษะก่อนจะแยกย้ายไปยืนคุยโทรศัพท์ตามมุมห้อง ซึ่งเปายังคงนั่งเคียงข้างนัทดังเดิม เพราะรู้ว่าตอนนี้เพื่อนสาวคงเป็นห่วงคนรักจนอยู่ไม่เป็นสุข เธอจึงเอื้อมมือไปวางที่หน้าขาของนัทพร้อมกับรอยยิ้ม
“ไม่เป็นไรนะนัท ไม่ต้องห่วงนะ พวกเราทุกคนพร้อมจะช่วยนัทและครูตานอย่างเต็มที่แน่นอน”
“ขอบคุณมากนะเปา ถ้าไม่มีทุกคนเราคงแย่ เราคิดว่าที่ผ่านมา เราอยู่ตัวคนเดียวมาโดยตลอด ขอโทษนะ ที่ผ่านมาเราไม่เอาไหนเลยจริง ๆ”
“อย่าพูดแบบนั้นสิ พวกเราทุกคนรักนัทมากนะ นัทไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวเลย เมื่อก่อนพวกเราทุกคนต่างก็อยู่ในโลกของตัวเอง เอาความคิดของตัวเองเป็นใหญ่ จนกระทั่งกิจกรรมที่ครูตานให้พวกเราทำ มันทำให้พวกเราได้เรียนรู้กันและกันให้มากขึ้น ยิ่งรู้จักกันอย่างลึกซึ้ง เรายิ่งเข้าใจในธรรมชาติและตัวตนของอีกฝ่ายมากขึ้น ที่เหลือก็อยู่ที่ว่าใครจะยอมรับในตัวตนของคนอื่นได้ เราว่านี่คงเป็นจุดประสงค์ของกิจกรรมที่ครูตานให้ทำแน่ ๆ”
“เพราะแบบนี้สินะ คนสองคนที่เคยทะเลาะกันทุกวัน กลับกลายเป็นแฟนกันซะได้”
“ฮ่า ๆ จะว่าแบบนั้นมันก็ใช่ เราก็เพิ่งรู้ว่าโปเต้ชอบเรามาตั้งนานแล้ว เลยพยายามเรียกร้องความสนใจด้วยการหาเรื่องมาทะเลาะด้วยน่ะ เวลายั่วโมโหเราสำเร็จ มันเลยทำให้โปเต้แฮปปี้ พิลึกคนเหมือนกันเนอะ” เปาตอบแบบเขิน ๆ นัทจึงอมยิ้มที่ได้เห็นท่าทีแบบนั้นของเพื่อนสาว ก่อนจะมองไปที่คนอื่น ๆ ที่พยายามโทรศัพท์ติดต่อที่บ้านของตนแข่งกับเสียงฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก
“ขอให้นัทกับครูตานสมหวังนะ เรารู้ว่าครูตานคือทั้งชีวิตของนัทใช่ไหม”
“อืม...ขอบคุณนะเปา ตอนนี้เราก็ได้แต่ภาวนาขอให้ครูตานปลอดภัย...”


“พิกุล ไปเตรียมอาหารให้พ่อสิงห์แล้วก็ไปดูลูกได้แล้วไป” เมื่อได้ยินเสียงของอีกคนขัดจังหวะ ตานถึงกับหันขวับไปหาเจ้าของเสียงทันที ก่อนที่คนเป็นน้องจะรีบวิ่งออกไปทิ้งให้ทั้งสองอยู่กันเพียงลำพัง ตานนั่งจ้องคนเป็นแม่เลี้ยงด้วยความไม่พอใจ จนมือทั้งสองข้างกำแน่น 
“ไปกินข้าวเช้าได้แล้วค่ะคุณหนู เอ...ไม่สิ ป้าไม่จำเป็นต้องเรียกว่าคุณหนูอีกแล้ว” มะลิพูดพร้อมกับยิ้มที่มุมปาก ยิ่งทำให้ตานกำมือแน่นเข้าไปอีก
“เสียแรงที่ตานคิดว่าป้าเป็นคนดี ทำไมไม่ฆ่าตานให้ตายไปเลยล่ะ จะเลี้ยงดูตานอยู่ทำไม”
“ถ้าป้าไม่ทำเพื่อที่จะเอาใจคุณพจน์ ป้าคงไม่เสียเวลาตามดูแลเด็กเอาแต่ใจมาตั้งหลายปีหรอกนะ อีกอย่าง...เพราะป้ารู้ไงคะ ว่าคุณพจน์ต้องเลือกป้าแน่ ป้าเลยต้องคอยดูแลตาน เพื่อจะให้ตานยอมรับป้าเป็นแม่”
“เหอะ...ไม่มีวันหรอก ป้าได้แต่งงานกับพ่อ มันก็ไม่ได้หมายความว่าป้าจะเป็นแม่ของตานได้ ไม่มีวัน!!”
“ตอนนี้คงไม่จำเป็นแล้วล่ะค่ะ ป้ามีลูก มีหลานที่น่ารัก ป้าไม่มีเวลามาเอาใจเด็กกิริยามารยาทต่ำแบบนี้หรอก รู้ไหมคะ ว่าทำไมคุณพจน์ถึงรักป้ามาก มันก็เพราะป้ามีลูกที่น่ารักให้ยังไงล่ะคะ”
“หมายความว่าไง”
“พิกุลคือลูกของป้ากับคุณพจน์ และป้าสอนให้แกเป็นเด็กกตัญญู ไม่เคยมีสักครั้งที่พิกุลจะทำให้คุณพจน์ต้องผิดหวัง ผิดกับตาน ที่เอาแต่ทำให้คุณพจน์ต้องผิดหวังมาตั้งแต่เด็กจนโต”
“อะ...อะไรนะ...น้องพิกุล คือลูกของพ่อเหรอ!!?”
“ใช่ค่ะ ดีใจด้วยนะคะ ที่ตอนนี้มีพี่น้องต่างแม่เพิ่มมาอีกคน อ้อ...ป้าจะแจ้งข่าวดีนะคะ ตอนนี้ป้ากับคุณพจน์ยกคุณหนูให้พ่อหนุ่มคณินไปแล้ว เดี๋ยวคืนนี้พ่อคณินก็จะพาครอบครัวมากินข้าวที่บ้านเรา รีบอาบน้ำอาบท่า ทำผมและแต่งหน้าสวย ๆ เตรียมต้อนรับว่าที่สามีในคืนนี้เถอะค่ะ อ้อ...แล้วอย่าคิดที่จะหนีนะคะ เพราะไม่ว่าจะหนีไปที่ไหน ป้าก็จะตามกลับมาได้เหมือนเดิม ตอนเป็นเด็กก็อยากมีผัวจนตัวสั่น ตอนนี้พอจะได้ผัวแล้วก็อย่าเล่นตัวให้มันมากนะคะ” 

สิ้นคำพูดของคนเป็นแม่เลี้ยง ตานจึงพุ่งเข้าไปคว้าคอเสื้อของเธอทันที แววตาที่แดงก่ำกำลังจ้องมองคนตรงหน้าด้วยความโกรธและความผิดหวัง แต่แล้วเธอก็ต้องชะงัก เมื่อชายที่ขึ้นชื่อว่าพ่อเดินเข้ามาในห้อง สภาพของเขาดูผอมซูบราวกับคนละคนที่เคยทำโทษเธอเมื่อหลายปีก่อน
“ตาน!! แกจะทำอะไร!!?” พูดพร้อมกับกระชากที่ข้อมือของลูกสาวออกอย่างแรง
“ตานจะทำอะไรแล้วมันจะทำไม ห่วงมันมากเหรอ”
“หุบปากก่อนที่ฉันจะตบปากแกเลือดอาบ!! มะลิคือเมียใหม่พ่อ แกควรเคารพมะลิเหมือนเป็นแม่แท้ ๆ ของแก!!”
“ไม่มีวัน...แม่ตานมีแค่คนเดียว ตานไม่มีวันเคารพคนเลว ๆ อย่างมันแน่”
“อี!!” จังหวะที่คนเป็นพ่อกำลังจะง้างหลังมือตบ ภาพในอดีตที่มีลูกสาวที่เขารักดั่งแก้วตาดวงใจมาโอบกอดเขาเอาไว้ ทำเอาเขาถึงกับชะงักและกัดฟันเอาไว้แน่น 
“เอาสิคะ!! ตบตานเลยสิ ที่ผ่านมาพ่อก็ไม่เคยรักตานอยู่แล้วนี่...จะฆ่าตานให้ตายตามพี่สิบทิศไปเลยก็ได้นะคะ จะได้ไม่มีตานมายุ่งวุ่นวายกับชีวิตทุกคน” ตานกัดฟันพูดพร้อมกับพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ด้วยความเจ็บปวด แต่ดวงตาของคนเป็นพ่อกลับเบิกกว้างราวกับกำลังตกใจกับอะไรบางอย่าง
“ทำไมคะ กลัวตานจะตายตามพี่สิบทิศไปเหรอ ตอนนี้ทุกคนกำลังมีความสุขกันเลยนี่ แล้วอย่าหวังเลยว่าตานจะยอมแต่งงานกับคนที่ตานไม่ได้รัก กล้ามากที่ทำกับตานแบบนี้ ตานจะแสดงให้ดู ว่าตานเองก็สามารถทำได้ทุกอย่างเหมือนกัน!!!”
“ตาน!! แกคิดที่จะทำอะไร!!?”
“รอดูค่ะ ถ้าพ่อไม่ยกเลิกงานแต่ง พอรอกราบศพตานได้เลย!!”
“ตาน!!! อย่านะ!! อย่าคิดที่จะทำอะไรบ้า ๆ แบบนั้นเด็ดขาดเลยนะ”
“ก็ถ้าพ่อไม่ต้องการตานขนาดนั้น พ่อจะเอาตานไว้ทำไม!!? พ่อก็อยู่กับครอบครัวใหม่พ่อไปสิ ทุกคนจะพาตานกลับมาทำไม จะทำลายชีวิตตานไปถึงไหน แค่พ่อทำให้พี่สิบทิศต้องฆ่าตัวตาย มันยังไม่พออีกเหรอ จะเหยียบชีวิตตานให้จมดินเลยหรือไง!!?”
“นี่มึงยังไม่เลิกคิดถึงมันอีกเหรอ คนรวย ๆ ที่กูหามาให้ ทำไมมึงไม่อยากได้ ทำไมมึงถึงใฝ่ต่ำคิดถึงแต่ไอ้เหี้ยนั่นที่ไม่มีอะไรดีเลย!!?”
“ไม่เอาสิพ่อ...จะด่าอะไรตานน่ะ ระวังมันเข้าตัวเองสิคะ คนที่ใฝ่ต่ำไปเอาคนใช้มาเป็นเมียน่ะ มันสูงส่งมาจากไหนเหรอ”
เพี้ยะ!!
สิ้นคำพูดของตาน ฝ่ามือหนาก็เหวี่ยงตบใบหน้าเนียนเต็ม ๆ จนมีเลือดซิบออกจากริมฝีปาก ก่อนที่ร่างของเธอจะทรุดลงกับพื้น แก้มซ้ายชาจนไม่รู้สึกเจ็บปวด กลิ่นคาวเลือดในปากช่วยกดน้ำตาที่กำลังจะรินไหลให้แห้งเหือดไปทันที แต่ภายในหัวใจของเธอแทบแตกสลายลงตรงนั้นก็ตาม หญิงอีกคนที่ยืนดูเหตุการณ์ทุกอย่างไม่มีทีท่าว่าจะเข้ามาห้ามแม้แต่น้อย แต่กลับยืนยิ้มราวกับคนมีชัย ยิ่งทำให้ตานโกรธแค้นเธอมากขึ้นเท่านั้น
“กูเหนื่อยกับมึงเต็มที!! โตขึ้นมาก็ไม่ได้ทำให้มึงเป็นลูกกตัญญูเลยสักนิด มึงมันเหมือนไอ้ว่านไม่มีผิด มีแต่ลูกเหี้ย ๆ ทั้งนั้น เลี้ยงเสียข้าวสุก!!” 
เขาพูดพร้อมกับชี้หน้าต่อว่าลูกสาวอย่างเลือดเย็น ไม่มีสำนึกของความเป็นพ่อ เขาแทบไม่เหลือความเป็นคนอยู่แล้ว... ตานมองทั้งสองสลับไปมาแบบตาขวางพร้อมกับกัดฟันเอาไว้แน่น
“จะถามหาความกตัญญูทำไม ในเมื่อตัวเองยังไม่มีความเป็นคนหลงเหลืออยู่แล้ว!! จะให้ตานกตัญญูกับคนที่ไล่แม่ออกจากบ้านแล้วเอาคนใช้มาเป็นเมียน่ะเหรอ เหอะ...ป้ามะลิก็เลวพอกัน...นึกว่าจะดี ที่ไหนได้...นรกส่งมาเกิด...”
“อีตาน!!!”
“คุณ!!! พ่อเถอะ!!” จังหวะที่ฝ่ามือหนากำลังจะเหวี่ยงไปอีกครั้ง มะลิก็รีบเข้ามาคว้าที่แขนของเขาเอาไว้ทันที
“ถ้าพ่อคณินเห็นว่าหน้าลูกคุณมีแต่แผลเต็มไปหมด มันจะแย่นะคะคุณ  ใจเย็น ๆ หน่อยสิคะ”
“แม่งเอ๊ย!! โทรบอกคณิน เลื่อนเวลาเข้ามาเป็นเย็นนี้ ไม่อยากรอนานไปกว่านี้แล้ว รีบ ๆ มาแต่งเอามันไปให้พ้น ๆ แล้วก็เอาเงินมาให้มันจบ กูเหนื่อยกับอีลูกไม่รักดีนี่เต็มทนแล้ว!!!” พูดจบคนเป็นพ่อก็สะบัดแขนแล้วเดินจากไปทันที ก่อนที่มะลิจะรีบวิ่งตามเขาออกไปด้วยเช่นกัน ตานกำมือทั้งสองเอาไว้แน่นจนสั่นเทา ก่อนที่น้ำตาเจ้ากรรมจะรินไหลออกมาเพราะเธอเก็บความเสียใจเอาไว้ไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว...
“นัท...ครูขอโทษนะ...เราคงจะไม่ได้เจอกันอีกแล้ว ฮือ ๆ”



ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! 
เสียงเคาะประตูไม้ของบ้านเรือนไทยประยุกต์เรือนเล็กดังขึ้น คนที่กำลังวุ่นกับเอกสารกองโตบนโต๊ะทำงานส่วนตัวถึงกับหันขวับ เขาวางปากกาหมึกซึมด้ามสีดำลงบนโต๊ะ ก่อนจะลุกเดินไปเปิดประตูเพื่อหวังจะดูว่า ใครกันที่มาเคาะประตูเรียกเขาเวลาส่วนตัวแบบนี้
“สวัสดีค่ะพี่สิงห์”
“น้องพุดตานเองเหรอ นึกว่าใคร เข้ามาก่อนครับ” เขาเปิดประตูต้อนรับและเชื้อเชิญหญิงสาวเข้าไปในบ้าน เธอจึงอมยิ้มและเดินเข้าไปอย่างว่าง่าย ก่อนจะมองไปรอบ ๆ ที่มีข้าวของทุกอย่างของเจ้าของคนใหม่ ไม่หลงเหลือร่องรอยอดีตอีกแล้ว ภายในบ้านนั้นเงียบสงัด หน้าต่างทุกบานปิดเอาไว้สนิทจนไม่มีแสงแดดสาดส่องเข้ามาได้แม้แต่น้อย เขาอาศัยโคมไฟขนาดเล็กบนโต๊ะทำงานของเขาเพื่อส่องสว่างเท่านั้น
“ทำไมอยู่มืดแบบนี้ล่ะคะพี่สิงห์ ไม่เปิดหน้าต่างเพื่อรับลมเหรอคะ”
“ไม่ล่ะครับ พี่ต้องการสมาธิทำงานน่ะ”
“เหรอคะ...แล้วน้องพิกุลกับน้องใบหม่อนไปไหนกันคะ”
“พ่อของน้องพุดตานพาลูกพาหลานไปเดินเล่นที่ห้างน่ะ พี่ดีใจนะที่ตานกลับมา ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะครับ” เขาพูดและยิ้มทักทายอย่างเป็นมิตร ตานจึงยิ้มตอบกลับไปก่อนจะเดินไปนั่งที่โซฟาไม้สักขนาดใหญ่ที่วางติดชิดผนังไม่ไกลจากโต๊ะทำงานของเขา สิงห์จึงเดินเข้าไปรวบเอกสารบนโต๊ะทั้งหมดให้เข้าที่ ก่อนจะนำไปเก็บไว้ในลิ้นชัก
“น้องพุดตานมีอะไรหรือเปล่าครับ มาหาน้องพิกุลเหรอ”
“เปล่าค่ะ ตานตั้งใจมาหาพี่สิงห์”
“มาหาพี่? ทำไมเหรอครับ”
“พี่สิงห์รู้อยู่แล้วใช่ไหมคะ ว่าน้องพิกุลคือลูกของพ่อ”
“ใช่ครับ ทำไมเหรอ” เมื่อได้ยินคำตอบแบบนั้น เธอจึงยิ้มมุมปากทันที
“นั่นสินะคะ คนรวย ๆ อย่างพี่สิงห์น่ะเหรอ จะมาแต่งงานกับลูกคนใช้แบบนี้ ทั้ง ๆ ที่พี่ก็ต่อต้านพี่สิบทิศขนาดนั้น”
“ทำไมถึงพูดแบบนั้นล่ะครับ” พูดพร้อมกับหรี่ตามองเธอด้วยความสงสัย
“พ่อยกน้องพิกุลให้พี่สิงห์เพื่อแลกกับอะไรคะ” 
“น้องพุดตานหมายความว่าไง”
“ตานเข้าไปที่ห้องของพ่อมา จนได้เจอกับสมุดบัญชีเก่าเล่มหนึ่งในเก๊ะ มีช่วงหนึ่งที่ดูเหมือนกับว่าพ่อจะใช้เงินเยอะแบบผิดปกติ ซึ่งจะเรียกว่าบังเอิญดีไหม ที่มันเป็นช่วงเวลาหลังจากที่พี่สิบทิศเสีย แล้วหลังจากนั้นก็ไม่มียอดเงินเข้าอีกเลย นอกจากเงินออก จนผ่านไปหลายปี เงินที่มีอยู่รวมถึงสมบัติของคุณปู่ก็แทบจะไม่เหลือแล้ว”
“น้องพุดตานจะสื่ออะไร”
“พี่สิงห์แต่งงานกับน้องพิกุลยังไงคะ ทำไมถึงไม่มีค่าสินสอดเลย”
“ฮ่า ๆ นี่น้องพุดตาน พูดอะไรกันครับเนี่ย ตอนพี่แต่งงาน สินสอดน้องพิกุลสองล้านเลยนะ”
“แล้วไหนล่ะคะ ยอดเงินสองล้านนั่น”
“พี่จะไปรู้ได้ยังไงครับ พ่อน้องพุดตานอาจจะเอาไปไว้บัญชีอื่น หรือไม่ก็เอาไปลงทุนอะไรสักอย่างก็ได้นะ”
“พี่สิงห์บอกตานมาเถอะ ว่าพ่อยกน้องพิกุลให้พี่เพื่อแลกกับอะไร”
“ไปกันใหญ่แล้วนะครับ จะให้ไปแลกกับอะไรกัน ในเมื่อพ่อน้องพุดตานมีทุกอย่างแล้วนะ”
“ถ้ามีทุกอย่างจริง ๆ พ่อจะยกตานให้กับครูคณินทำไม เหมือนเข้าตาจนแล้ว เพราะเงินในบัญชีแทบจะไม่เหลือแล้ว แล้วบังเอิญว่าครูคณินก็รวยมากซะด้วยสิ ถึงยอมยกให้ง่าย ๆ เพื่อต่อลมหายใจของตัวเอง”
“นี่น้องพุดตาน ทำไมถึงพูดถึงพ่อแบบนั้น พ่อรักน้องพุดตานมากนะ ไม่งั้นคงไม่ไปขอร้องพี่เกตให้รับตานไปเป็นครูง่าย ๆ หรอก ท่านอยากให้น้องพุดตานได้เป็นครูให้สมกับที่เรียนมาหลายปี ดีกว่าไปเป็นครูบ้านนอกที่ไม่มีอะไรเลย โชคดีแค่ไหนแล้วด้วยที่ได้เจอกับคณิน เขารวยพอที่จะดูแลตานและลูกหลานไปทั้งชีวิตเลยนะ”
“แต่ชีวิตแบบนี้ตานไม่ได้ต้องการ!!”
“ทำไมครับ!? จะบอกว่ายังรักไอ้สิบทิศอยู่เหรอ ใช่!! พ่อตานแทบไม่เหลือเงินอยู่แล้ว ก็เลยอยากให้ตานได้แต่งงานกับคนรวย ๆ มีฐานะ และทุกคนก็จะสบาย รวมถึงตัวตานเองด้วย!!”
“พ่อเอาเงินไปใช้ทำอะไรตั้งเยอะแยะ แล้วทำไมพี่สิงห์ไม่เอาเงินมาให้พ่อล่ะ ในเมื่อพี่ก็ต้องได้ดูแลลูกเมียอยู่แล้ว”
“ตาน! พี่ว่าไปกันใหญ่แล้วนะ ตานกลับขึ้นบ้านไปเถอะ พี่ขอทำงานต่อก่อนนะครับ พี่ต้องการสมาธิทำงาน” 
จังหวะที่สิงห์กำลังหันหลังเดินตรงไปที่โต๊ะทำงานนั้น ตานจึงรีบไปคว้ากระบอกปืนที่ห้อยอยู่กับชุดเครื่องแบบชายหนุ่มที่ภรรยาได้รีดเตรียมเอาไว้ให้อย่างดีขึ้นมาจ่อที่ศีรษะของตัวเอง เขามองเธอด้วยความตกใจ ก่อนจะค่อย ๆ ก้าวเข้าหาเธอช้า ๆ 
“น้องพุดตาน...อย่านะ...น้องจะทำอะไร”
“พี่สิงห์อย่าเข้ามา!! ไม่งั้นตานยิงแน่!!” สิ้นคำพูดของเธอ เขาจึงหยุดชะงักทันที พร้อมกับยื่นมือทั้งสองข้างออกมาเพื่อหวังจะเกลี้ยกล่อมให้ตานสงบสติอารมณ์
“น้องพุดตาน ใจเย็น ๆ ครับ วางปืนลงก่อนนะ”
“บอกความจริงกับตานมา!! ที่ผ่านมามันเกิดอะไรขึ้น”
“ตานจะให้พี่บอกอะไร พี่พูดไปหมดแล้วนะ”
“ตานไม่เชื่อ!! ทั้งพ่อและป้ามะลิเกลียดพี่สิงห์จะตาย แถมตระกูลของเรายังแข่งขันกันมาตลอดอีก ทำไมพ่อถึงยอมยกน้องพิกุลให้ พ่อทำแบบนี้เพื่อแลกกับอะไร!!?”
“มันไม่มีอะไรทั้งนั้น เลิกเพ้อเจ้อได้แล้ว” สิงห์พูดพร้อมกับก้าวเข้าหาเธออีกครั้ง 
“พี่อย่าคิดว่าตานไม่กล้ายิงนะ!! ตอนนี้ตานไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ให้ตานตายตามพี่สิบทิศไปมันยังดีกว่า!!”
“ทำไมอะไร ๆ ก็มีแต่ไอ้สิบทิศ มันมีดีอะไรนักหนาเหรอตาน มันตายไปแล้ว ก็เลิกพูดถึงมันสักทีได้ไหม!! พี่แม่งโคตรเกลียดมันเลย ไม่ว่าพี่จะทำยังไงพี่ก็ไม่ได้ใจตานสักที ผิดกับมัน!! รู้ไหม...ว่าพี่ดีใจแค่ไหนที่รู้ว่ามันตาย มันไม่มีค่าอะไรให้คนคิดถึงเลย แม้แต่ตอนที่มันตาย พ่อตานยังใช้เงินปิดข่าวทั้งหมด แถมหลังจากนั้น พอรู้ว่าพี่เป็นตำรวจ พ่อตานก็ยกน้องพิกุลให้พี่เพื่อแลกกับการป้องกันทุกวิถีทางไม่ให้มีใครมารื้อคดีนี้”
“หมายความว่าไง ที่ไม่ให้คนรื้อคดี”
“ไอ้สิบทิศมันไม่ได้ฆ่าตัวตายหรอก แต่คนที่ฆ่ามันตายน่ะ ก็คือพ่อของตานนั่นแหละ!!” สิ้นคำพูดของชายหนุ่ม ตานถึงกับดวงตาเบิกโพลง มือข้างขวาที่ถือกระบอกปืนอยู่ก็อ่อนแรงลงทันที เขาจึงรีบใช้จังหวะนี้เข้าไปแย่งปืนจากมือของเธอ ก่อนจะปลดแม็กกาซีนกระสุนออกเหลือแค่เพียงกระบอกปืนเปล่า ๆ เท่านั้น ตานทรุดลงนั่งร้องไห้กับพื้น มือทั้งสองข้างปิดหน้าร้องไห้ราวคนจะขาดใจ เธอแทบไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้ยิน
“ฮือ ๆ ไม่จริง...พี่สิงห์โกหก ฮือ ๆ”
“พอพี่พูดความจริงแล้วก็รับให้ได้สิครับ ที่พี่ยอมบอกน่ะ เพราะรู้ว่าไม่ว่าจะทำยังไง น้องพุดตานก็รื้อคดีนี้มาฟ้องไม่ได้หรอก เพราะน้องพุดตานไม่มีหลักฐานอะไรเลย และอีกไม่กี่ปีอายุความก็จะหมดแล้ว ลืมมันไปเถอะครับ ผ่านไปสิบกว่าปีแล้ว ไปเริ่มต้นใหม่กับคนใหม่เถอะ” เขาพูดพร้อมกับยิ้มมุมปาก
“พี่ทำแบบนั้นได้ยังไง พี่สิบทิศเป็นเพื่อนพี่นะ!!”
“คนห่วยแตกอย่างมัน จะมาเป็นเพื่อนพี่ได้ยังไง พี่บอกแล้วไงว่าพี่เกลียดมัน ต่อให้พ่อน้องพุดตานไม่ยกน้องพิกุลให้พี่ พี่ก็จะช่วยทุกวิถีทางอยู่แล้ว แต่เป็นบุญของพี่ ที่พี่ได้ทั้งเงิน ได้ทั้งเมีย ได้ทั้งแก้แค้นมัน”
“ไอ้เลว!!! แกมันไม่ใช่คน!!!”
“หึ...พี่ต้องเป็นคนดีแบบมันเหรอครับ ถึงจะเรียกว่าคน ถ้าเป็นคนดีแล้วต้องตายไปแบบไร้ค่าแบบนั้น สู้พี่เป็นคนเลวที่มีทุกอย่างดีกว่า...ไหน ๆ น้องพุดตานก็เข้ามาอ่อยพี่ถึงที่นี่แล้ว ขอลิ้มรสดอกพุดตานหอม ๆ ที่ไอ้สิบทิศมันหวงนักหวงหนาหน่อยแล้วกันนะครับ...” พูดจบเขาก็ก้าวเขาหาเธอช้า ๆ พร้อมกับยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ มือทั้งสองข้างปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวของตนไปพลาง ๆ ตานจึงรีบตะเกียกตะกายถอยหลังออกไป แต่เขากลับคว้าที่ข้อเท้าของเธอเอาไว้ได้
“จะหนีพี่ไปไหนครับน้องพุดตาน...ลองมาเป็นเมียพี่ ก่อนที่จะได้มีผัวเป็นตัวเป็นตนดีกว่านะครับ...”
“ป้อ!! ป้อ!! หนูกลับมาแย้ว!!” ยังไม่ทันที่สิงห์จะได้เอื้อมมือมาสัมผัสใบหน้าเนียน เสียงลูกสาวที่ดังเจื้อยแจ้วส่งเสียงเรียกเขาก็ดังขัดจังหวะเสียก่อน เขาจึงรีบติดกระดุมกลับเข้าที่ทันที
“แม่งเอ๊ย...กลับมาอะไรตอนนี้วะ” พูดจบเขาก็เดินออกไปจากบ้าน ทิ้งให้หญิงสาวนอนร้องไห้ร่างกายสั่นเทาเพียงลำพัง
“ทำไมตานต้องมาเจอเรื่องอะไรแบบนี้ด้วยพี่สิบทิศ...ฮือ ๆ พี่สิบทิศช่วยตานด้วย ฮึก ๆ ช่วยตานด้วย...”