ดวงพุดตาน

ดวงพุดตาน
ตอนที่ 27 เรื่องไม่คาดคิด

“แฮก ๆ”
17:15
เมื่อนัทตั้งสติได้ เธอเหลือบมองนาฬิกาบนหัวเตียงก่อนจะหันไปมองหน้าคนเป็นแม่ที่กำลังใช้มือลูบศีรษะเธอทั้งน้ำตา ลมหายใจเหนื่อยหอบพร้อมกับอาการเจ็บปวดรวดร้าวบริเวณปานแดงที่บั้นเอวด้านขวาทำเธอทรมานจนร่างกายสั่นเทา
'ทำไมวะ...แล้วที่เราฝันว่ากำลังจะจมน้ำนี่มันคืออะไร แล้วที่ครูตานบอกว่าลุงสิบทิศจมน้ำอีก หรือว่า...ที่ลุงสิบทิศโดนแทง ลุงจะยังไม่ตาย...' นัทนั่งทบทวนและลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตด้วยความร้อนใจ นี่มันเรื่องอะไรกัน
“นัท เป็นยังไงบ้างลูก”
“ไม่เป็นไรแล้วแม่”
“ทำไมมันไม่ดีขึ้นเลย แม่ว่ามันแย่กว่าเดิมอีกนะนัท นัทฝันแทบจะทุกช่วงเวลาที่นอนหลับแล้วนะ!”
“ไม่เป็นไรหรอก นัทโอเค”
“แบบนี้มันไม่โอเคหรอกนะนัท!!”
“นัทบอกว่าโอเค มันก็คือโอเคแม่” เมื่อลูกสาวยืนยันคำตอบ คนเป็นแม่จึงได้แต่กัดฟันข่มอารมณ์เอาไว้ เพราะก่อนหน้าที่พลาดพลั้งลงไม้ลงมือกับลูกสาวไป บาดแผลในครั้งนั้น มันยังคงเป็นตราบาปทิ่มแทงหัวใจเธออยู่
“นัท...แม่ขอโทษนะลูก”
“ไม่เป็นไรค่ะ นัทก็ขอโทษแม่เหมือนกันนะ”
“เจ็บมากไหมลูก แม่ขอโทษ...ฮึก...” พูดพลางกับใช้มือขวาสัมผัสที่แก้มซ้ายของนัทที่ยังหลงเหลือร่องรอยบอบช้ำเล็กน้อย พร้อมกับเสียงสะอื้น นัทจึงวางมือข้างซ้ายของเธอวางประสานแนบกับหลังมือที่มีรอยเหี่ยวย่นของคนเป็นแม่เอาไว้
“แม่...ไม่เอา ไม่ร้องนะ นัทขอโทษนะคะที่พูดไม่ดีกับแม่ นัทเป็นลูกที่แย่มาก นัทขอโทษ”
“นัท!! มือไปโดนอะไรมา!!?” คนเป็นแม่ไม่ได้ฟังสิ่งที่ลูกสาวพูดแม้แต่น้อย เพราะสายตาของเธอเหลือบมาเห็นมือทั้งสองข้างที่มีพลาสเตอร์ติดเอาไว้ เธอจึงจับที่ข้อมือทั้งสองข้าง ก่อนจะจับพลิกเพื่อสำรวจดูรอบ ๆ ด้วยความตกใจ
“วันนี้นัทไปขุดดินมา มือก็เลยเป็นแผล เดี๋ยวนัทจะเอาต้นพุดตานมาปลูกที่บ้านเรานะแม่ นัทไปขอ ผอ. มา” จากก่อนหน้าที่ดูเหมือนว่าทั้งสองกำลังจะเข้าใจกันอยู่แล้ว แต่ทันทีที่ได้ยินชื่อ 'พุดตาน' ทำเอาแม่ของเธอชะงักก่อนจะจ้องลูกสาวตาเขม็ง
“นัท!! ทำไมอะไร ๆ ก็มีแต่พุดตาน มันอะไรกันนักกันหนา นัทเลิกให้อดีตมาครอบงำจิตใจสักทีได้ไหม!!?”
“อีกแล้วนะ แม่พูดแบบนี้อีกแล้ว แม่จะพูดแบบนี้ไม่ได้นะ”
“ทำไมแม่จะพูดไม่ได้! พอสักทีเถอะ!! ลืมมันไปเถอะนัท ทิ้งอดีตไปสักที!!”
“ก็ถ้ามันลืมได้ง่าย ๆ นัทก็คงไม่เป็นแบบนี้หรอก!! ถ้าแม่ยังจะเป็นแบบนี้อีก นัทจะไม่กลับมาบ้านอีกแล้วนะ!!”
“ไม่นะนัท!! แม่ใจจะขาดอยู่แล้ว แม่ขอร้องล่ะนัท กลับมาเป็นลูกแม่คนเดิมเถอะนะ”
“นัทก็เป็นนัทนี่แหละแม่! นัทก็คือนัทลูกแม่นั่นแหละ แต่แม่จะให้นัททำยังไง ในเมื่อนัทจำเรื่องในอดีตได้ แล้วตอนนี้คนที่นัทตามหามาทั้งชีวิต นัทก็ได้เจอเขาแล้ว นัทไม่อยากปล่อยเขาไปอีกแล้ว!!”
“คนในอดีตที่ว่า มันคือครูตานใช่ไหม” เมื่อได้ยินคำถามจากคนเป็นแม่ นัทถึงกับชะงัก
“แม่ถามว่าครูตานใช่ไหม คนที่นัทตามหา ตอบมาสิ!!” ถามพร้อมกับกระชากแขนของนัท แต่เธอกลับนั่งนิ่งไม่ยอมตอบกลับไป
“นัท!!! ตอบแม่!!”
“ถ้านัทบอกว่าใช่ล่ะ แม่จะให้นัทเลิกยุ่งกับครูตานเหรอ”
“ใช่!”
“แม่!!”
“แม่สั่งให้ครูตานเลิกยุ่งกับนัทแล้ว เพราะงั้น นัทก็เลิกยุ่งกับครูตานซะ!!!”
“แม่!! แม่ทำแบบนี้ทำไมอะ แม่รู้ไหม ว่าทั้งลุงสิบทิศ และก็นัทรักครูตานมากแค่ไหน ชาติที่แล้วเราต้องพรากจากกันครั้งหนึ่งแล้วนะ ชาตินี้แม่จะเป็นคนมาพรากเราอีกเหรอ!!? แม่ทำแบบนั้นแล้วแม่มีความสุขเหรอ!!!?”
“ไม่มีแม่คนไหนมีความสุขที่เห็นลูกเจ็บปวดหรอกนะนัท!! แต่สิ่งที่นัทเป็น ที่นัทต้องทรมานตั้งแต่เด็กจนโตแบบนี้มันก็เพราะอดีตนะ!!”
“แล้วแม่จะโทษครูตานเหรอ!!? ครูตานไม่ได้เป็นคนทำให้นัทต้องเป็นแบบนี้นะแม่!!”
“ก็ถ้าไม่ใช่เพราะครูตาน ตัวนัทในอดีตจะฆ่าตัวตายทำไม!!? ที่คนเขาพูดกันว่ามีลูกหลานคนรับใช้ของบ้านพุทธารักษ์ฆ่าตัวตายเพราะผิดหวังจากความรัก เพียงเพราะว่าแอบรักลูกสาวของเจ้านาย มันก็บอกได้แล้วนะว่าครูตานก็มีส่วนในการตายของนัทในชาติที่แล้ว!!”
“นี่แม่ไปเอาเรื่องนี้มาจากไหนอะ ไหนแม่บอกว่าไม่รู้เรื่องอะไรไง”
“เหอะ! แม่จะเอาเรื่องนี้มาจากไหนมันไม่สำคัญหรอก มันสำคัญที่ว่า เรื่องทั้งหมดมันคือเรื่องจริง สิบทิศหรือนัทในชาติที่แล้ว ตายเพราะผิดหวังจากครูตานของนัทนั่นแหละ!! เลิกปกป้องคนผิดสักทีได้ไหมนัท นัทจะไปรักคนที่ทำให้ตัวเองฆ่าตัวตายทำไม!!?”
“ลุงสิบทิศไม่ได้ฆ่าตัวตาย!!! เมื่อกี้นัทเห็นกับตา ว่าลุงสิบทิศโดนทำร้าย!!”
“มันก็แค่ความฝัน จะให้แม่เชื่อได้ยังไง!?”
“แต่สิ่งที่นัทฝัน มันคือเรื่องจริงทั้งนั้นนะแม่! ลุงสิบทิศพานัทไปหาผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งมันก็คือพี่ว่าน และพี่ว่านแฟนพี่ข้าวนั่นแหละ คือพี่ชายแท้ ๆ ของครูตาน แม่ว่าสิ่งที่นัทฝันมันจะยังเชื่อถือได้อยู่ไหม ทุกสิ่งที่แม่ได้ยินมานั่นแหละ ที่มันไม่มีอะไรจริงเลย พี่ว่านไม่ใช่ลูกชู้ และลุงสิบทิศก็ไม่ได้ฆ่าตัวตายด้วย” เมื่อได้ยินนัทพูดแบบนั้น แม่ของเธอจึงขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะเห็นแววตาของลูกสาวที่แสดงความจริงใจออกมา แต่เรื่องเหล่านั้นมันช่างค้านกับสิ่งที่เธอได้ยินมา เธอจะเชื่อลงได้อย่างไร
“แม่ไม่เชื่อหรอกนะ”
“เมื่อกี้นัทฝันเห็นลุงสิบทิศ นัทฝันถึงอดีต มันไม่ใช่การจมน้ำตายเหมือนทุกครั้ง ในความฝันเหมือนลุงสิบทิศทำให้นัทเห็นเหตุการณ์ก่อนที่จะตาย ในฝันลุงสิบทิศไปเห็นความลับบางอย่างเลยถูกแทง มันเป็นที่เดียวกันกับปานของนัทเลยแม่ นี่ต้องเป็นสาเหตุที่นัทมีปานแดงที่หลังแน่นอน นัทมั่นใจ...”
“แล้วที่ผ่านมาล่ะ ที่นัทฝันว่าจมน้ำล่ะ มันหมายความว่ายังไง จะบอกว่าตัวเองไม่ได้จมน้ำงั้นเหรอ แล้วที่ทรมานจนเกือบตายมันเพราะอะไรล่ะนัท”
“นัทก็ไม่รู้แม่ ตอนนี้คือนัทงงไปหมด ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร หรือความจริงตอนที่โดนแทง ลุงสิบทิศจะยังไม่ตายก็ไม่รู้ แล้วทำไมถึงจมน้ำตาย โอ๊ย...บ้าเอ๊ย!!” นัทสบถออกมาอย่างหัวเสียพร้อมกับใช้สองมือขยุ้มผมของตนด้วยความร้อนใจปนสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้นในความฝัน เพราะสิ่งที่เธอเชื่อมาตลอดชีวิต กลับหักเหเปลี่ยนทิศทำเอาทั้งเธอและคนเป็นแม่ต่างก็เครียดไปตาม ๆ กัน
“นัทอยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ที่แน่ ๆ ครูตานกำลังตกอยู่ในอันตราย คนในครอบครัวของครูตานเป็นคนร้าย นัทต้องไปช่วยครูตาน”
“จะบ้าเหรอนัท!! แม่บอกแล้วไง ว่าเลิกยุ่งกับครูตานซะ นัทจะเอาตัวเองเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องพวกนั้นทำไม!!?”
“นัทขอล่ะแม่...บางที...ที่นัทเกิดมา อาจจะเพราะว่านัทมีหน้าที่ต้องมาช่วยครูตานก็ได้”
“ไม่!! แม่จะไม่ให้นัทเข้าไปยุ่งกับเรื่องตระกูลนั้นเด็ดขาด”
“แม่!! ครูตานจะเป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่รู้ แม่คิดว่าชีวิตคนคนหนึ่งมันไม่สำคัญที่จะเข้าไปช่วยเหรอ และครูตานเป็นคนที่นัทรัก ต่อให้แม่จะห้ามนัทยังไง นัทก็จะรัก และจะไปช่วยครูตานให้ได้ ดูอย่างพ่อสิ พ่อกระโดดลงไปช่วยเด็กพวกนั้นทั้ง ๆ ที่พ่อก็รู้ว่าน้ำมันไหลเชี่ยวแค่ไหน นัทไม่กลัวตายหรอกนะ เพราะนัทเป็นลูกพ่อไม้ไง” 
สิ้นคำพูดของลูกสาวหัวแก้วหัวแหวน ทำเอาคนเป็นแม่ถึงกับหลั่งน้ำตาออกมาทันที เธอใช้สองมือปิดหน้าร้องไห้อย่างหนักจนร่างกายของเธอสั่นเทา นัทจึงวางมือลงไว้ที่บ่าทั้งสองข้าง ก่อนจะประคองร่างเข้ามาโอบกอดเอาไว้
“แม่...นัทขอล่ะ อย่างน้อย...ขอให้นัทได้บอกกับครูตานก็ยังดี ว่าลุงสิบทิศไม่ได้ฆ่าตัวตาย อย่างน้อยก็ให้ครูตานระวังตัวเวลาได้กลับบ้าน หรือไม่ก็หาหนทางเอาผิดคนที่ทำร้ายลุงสิบทิศให้ได้ ที่นัทได้กลับมาเจอครูตานมันอาจจะไม่ใช่แค่ความรักแล้วแหละ แต่ลุงสิบทิศคงอยากได้ความเป็นธรรม”
“ฮือ ๆ นัท...ถ้าแม่ต้องเสียนัทไปอีกคนแม่จะทำยังไง ฮือ ๆ”
“ไม่เป็นไรนะแม่ พ่อจะคุ้มครองนัทแน่นอน”
“ฮือ ๆ อย่าเป็นอะไรนะลูก สัญญากับแม่นะ แค่บอกครูตานก็พอ ถ้ามันเกินตัว นัทอย่าเข้าไปยุ่งนะลูก”
“แม่...นัทจะไม่เป็นอะไร เชื่อนัทนะ...” 


วันรุ่งขึ้น
เอี๊ยด...เอี๊ยด...เอี๊ยด...
เสียงเอี๊ยดอ๊าดจากการเสียดสีของคราบสนิมเขรอะ พร้อมกับสายฝนปรอย ๆ ที่โปรยลงมาพอให้ถนนเปียกชุ่ม นัทปั่นจักรยานสีแดงคันเก่าแบบไม่รีบร้อนนัก เพราะวันนี้ฝนตก และเธอต้องใส่ชุดกันฝนสีใสเพื่อป้องกันไม่ให้ชุดนักเรียนของเธอเปียกอีกด้วย
ทันทีที่เธอปั่นจักรยานมาถึงบ้านพักจินดา เธอรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ เพราะรถยนต์คันเก่าสีครีมไม่ได้จอดอยู่ในบ้านแล้ว แถมประตูบ้านยังถูกปิดเอาไว้แต่ไม่ได้มีการใช้โซ่คล้องเอาไว้เช่นที่ควรจะเป็น
“ปกติครูตานไม่ได้ไปโรงเรียนเช้าแบบนี้นี่...” นัทบ่นพึมพำพลางกับเอื้อมมือไปจับลูกบิดประตูด้วยความสงสัย ก่อนจะค่อย ๆ บิดช้า ๆ ทันทีที่ประตูไม้บานใหญ่เปิดอ้าออกให้แสงจากด้านนอกสาดส่องเข้าไป ทำให้ได้เห็นว่าภายในบ้านนั้นว่างเปล่า ไม่มีข้าวของเครื่องใช้ใด ๆ ของครูสาวหลงเหลืออยู่เลย นัทจึงรีบวิ่งเข้าไปเปิดประตูห้องนอนทันที
“ครูตานคะ!!” 
ตึง!!!
“มะ...หมายความว่าไง...”


ภายในห้องเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/1 มีเด็กนักเรียนชายหญิงหกคน นำเก้าอี้มานั่งหันหน้าเข้าหากัน โดยมีโต๊ะของหัวหน้าสาวเป็นศูนย์กลางการประชุมในครั้งนี้
“เป็นไปได้ไงที่ครูตานจะลาออกกะทันหันแบบนี้ ไหนจะเรื่องที่ให้พวกเราดูแลนัทอีก” เด็กสาวสวมแว่นตากรอบใสเอ่ยด้วยความสงสัย ก่อนที่คนอื่น ๆ จะทำหน้าครุ่นคิด 
“นั่นสิเปา มันเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าอะ เราไม่เชื่อนะว่าครูตานจะลาออก เพิ่งได้เข้ามาสอนเอง” หนึ่งในเด็กสาวผมแกละเอ่ยถาม ก่อนที่เด็กสาวผมแกละที่หน้าตาเหมือนกันราวภาพสะท้อนจะหันมาพยักหน้าให้เธอ
“เค้าก็คิดเหมือนกันเลยเก๋ ทุกคนคิดว่าไงอะ” กุ๊กกิ๊กเอ่ยถาม พลางกับหันไปทางเคที่นั่งเงียบตั้งแต่ต้น
“เรื่องครูตานน่ะทุกคนอาจจะไม่ได้สังเกต แต่เรารู้สึกได้ว่านัทกับครูตานมีความสัมพันธ์กันบางอย่าง” เคตอบหน้านิ่ง
“เฮ้ย!!! อะไรนะ!!?” เมื่อทุกคนได้ฟังคำตอบจากเคถึงกับอึ้งแล้วโผเข้ามากอดคอล้อมวงกันให้ใกล้ขึ้น
“เค แล้วมึงรู้ได้ไง” โจอี้สายอเลิร์ทเอ่ยถาม
“ก็เคเป็นคนเดียวในห้องที่ช่างสังเกตที่สุดไง ไม่งั้นแกก็แยกไม่ออกหรอก ว่าใครกิ๊บเก๋ ใครกุ๊กกิ๊ก แต่เอาจริง ๆ เราก็สงสัยเหมือนกัน ว่าใครทำให้นัทกลับมาตั้งใจเรียนแบบนี้ได้ หรือว่านัทกับครูตานจะมีความสัมพันธ์บางอย่างเหมือนที่เคบอกจริง ๆ” เปาตอบ ทุกคนจึงพยักหน้าเห็นด้วย แต่แล้วทั้งหกคนต่างก็สะดุ้งโหยงแล้วผละออกจากกันอย่างรวดเร็วเมื่อได้ยินเสียงของใครบางคนร้องทัก
“ทำไรกันอะ!!?”
“เชี่ย!!!” โปเต้อุทานดังลั่น
“โอ๊ยนัท!! ทำไมเข้ามาไม่ให้ซุ่มให้เสียงแบบนี้ล่ะ!!” เปาบ่นพลางกับใช้มือลูบหน้าอกของตน
“ทำไม มีอะไรกันอะ คุยอะไรกัน”
“พวกเรากำลังคุยกันเรื่องนัทกับครู...” เมื่อโจอี้กำลังจะหลุดปากพูด กุ๊กกิ๊กจึงรีบวิ่งมาปิดปากของเขาทันที ก่อนจะบิดหูของเขาลากออกไปจากห้อง
“มานี่เลย!! บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าทำแบบนี้! ใครบอกให้เอาสมุดการบ้านของเปาไปทิ้ง!!”
“โอ๊ย ๆ ๆ ๆ เดี๋ยว! ตัวเอง! เค้าไม่ได้ทำ โอ๊ย....”
“อะไรวะ เรื่องเรากับใคร” นัทถาม ก่อนจะหันไปทางคนที่เหลือ ทุกคนจึงรีบหลบสายตาของเธอไปคนละทิศละทาง หัวคิ้วของเธอจึงขมวดผูกกันเป็นโบว์ทันที
“ทุกคนมีอะไรจะบอกเราปะ”
“ไม่มีอะไรนัท แล้วเมื่อวานทำไมไม่มาโรงเรียนอะ แล้วมือไปโดนอะไรมา” เปาเอ่ยถาม
“ทุกคนมีอะไรจะบอกเราไหม!?” เมื่อนัทขึ้นเสียงและทวนคำถามเดิมอีกครั้ง ทุกคนยิ่งมีพิรุธหนักขึ้นไปอีก นัทจึงวางกระเป๋าสะพายของตนไว้บนโต๊ะ ก่อนจะหันหลังเพื่อที่จะเดินออกจากห้อง แต่เปากลับวิ่งมาคว้าข้อมือห้ามเอาไว้ก่อน
“นัท!! จะไปไหน!?”
“จะไปหาครูตาน”
“มะ...ไม่ได้นะนัท! ครูตานไม่อยู่หรอก”
“ทำไม!? ครูตานไปไหน”
“อะ...เอ่อ...” เมื่อนัทถาม ทุกคนกลับอ้ำอึ้งไม่ยอมพูดอะไรออกมา นัทถึงกับหัวเสียและคว้าข้อมือของเปาขึ้นมา เธอบีบแน่นที่ข้อมือข้างขวาของเปาจนโปเต้ต้องรีบวิ่งเข้ามาห้ามทันที
“นะ...นัท เราเจ็บ”
“เฮ้ย! นัท ใจเย็นก่อน เปาเจ็บนะเว้ย!”
“พวกแกมีอะไรวะ แม่งจะอ้ำอึ้งกันอีกนานไหม เมื่อกี้คุยอะไรกัน แล้วที่บอกว่าครูตานไม่อยู่คือยังไง ครูตานไปไหน!!?” 
“ครูตาน...ลาออกแล้ว” สิ้นคำตอบของเปา ทำเอานัทถึงกับอึ้ง ก่อนที่เธอจะรีบวิ่งออกไป โดยมีเพื่อน ๆ คนอื่น ๆ วิ่งตามไปด้วยแม้ไม่รู้ว่าเธอจะวิ่งไปที่ไหนก็ตาม
“เฮ้ย!! นัท!! จะไปไหนวะ!!?”
“นัท!!! หยุด!!! แฮก ๆ” เสียงเอะอะโวยวายของเด็กนักเรียนหญิงและชายที่วิ่งลงบันไดอาคารเรียนจนหอบแฮก พร้อมกับที่โจอี้และกุ๊กกิ๊กวิ่งมาเสริมทัพในภายหลัง 
นัทวิ่งนำเพื่อน ๆ ทั้งหกคนตรงไปที่หน้าห้องผู้อำนวยการ ก่อนที่เธอจะเลื่อนประตูเปิดเข้าไปทันที ทำเอาคนอื่น ๆ ถึงกับหยุดชะงักอยู่ที่หน้าประตูห้อง เพราะไม่กล้าถือวิสาสะเข้าไปก่อนได้รับอนุญาต
ภายในห้องแอร์เย็นเฉียบ ไม่มีหญิงที่เป็นผู้อำนวยการนั่งอยู่ในห้อง มีแค่เพียงลูกสาวที่นัทรู้จักเป็นอย่างดี กำลังนั่งอ่านหนังสือบนโซฟาบริเวณโต๊ะรับแขก เธอจึงพุ่งเข้าไปหาทันที ก่อนที่ปรางจะหันมาทางเธอ
“อ้าวนัท เมื่อวานกลับบ้านทำไมไม่บอกเราก่อนอะ”
“ปราง!! แม่ไปไหน!!”
“ทำไม ถามหาแม่เราทำไม”
“นัทจะมาคุยเรื่องครูตาน แม่ปรางเป็นคนไล่ครูตานออกใช่ไหม”
“นัทพูดอะไรของนัทน่ะ” เมื่อเห็นว่าเพื่อนสาวแสดงสีหน้าราวกับไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น นัทจึงคว้าที่ข้อมือของเธอและบีบเอาไว้แน่น
“นัท!! เป็นบ้าอะไรอีกเนี่ย!!”
“แม่ปรางไล่ครูตานออกใช่ไหม!!?”
“ไม่ใช่!! ทำไม!? คิดว่าแม่เราจะไล่น้าตานออกเพราะรู้ว่าไปจูบกับนัทที่เรือนเพาะชำน่ะเหรอ แม่เรามีเหตุผลมากพอน่ะนัท น้าตานเป็นคนลาออกเอง!!”
“ไม่จริง นัทไม่เชื่อ”
“จะดูใบลาออกที่น้าตานเป็นคนเขียนไหมล่ะ”
“ปราง!! บอกความจริงมาเดี๋ยวนี้ ทำไมครูตานถึงลาออก เพราะปรางใช่ไหม ตอบนัทมาสิปราง!!!” คำถามจากปากคนที่รักทำเอาปรางถึงกับสะอึก เธอกัดฟันแน่นพร้อมกับน้ำตาที่กำลังคลอเบ้า 
“น้าตานจะลาออกหรือจะไปไหน ทำไมนัทถึงคิดว่ามันเป็นเพราะเรา...”
“นัทไม่รู้หรอกนะว่าปรางทำอะไรอยู่ แต่นัทรู้ ว่าปรางต้องเป็นต้นเหตุเรื่องทั้งหมดแน่ ๆ ปรางต้องไปพูดอะไรกับครูตานแน่ ๆ ไม่งั้นวันนั้นปรางคงไม่พูดแบบนั้นแล้วก็พานัทไปที่บ้านครูตานหรอก รู้ไหมว่านัทกับครูตานคืนดีกันแล้ว นัทถึงไม่เชื่อไง ว่าครูตานจะลาออก เพราะงั้นบอกความจริงมา! ที่ครูตานลาออกมันเพราะปรางใช่ไหม!!?” 
“เออใช่!!! เรานี่แหละ ที่เป็นคนไล่น้าตานเอง เรานี่แหละที่เป็นคนบอกให้น้าตานลาออก เพราะเราเกลียดน้าตานไง ที่มาแย่งนัทไปจากเรา!!” สิ้นคำพูดของปราง ข้อมือของเธอก็ถูกบีบแน่นขึ้นจนตัวโก่งงอด้วยความเจ็บปวด ทำเอาน้ำตาของเธอรินไหลออกมาทันที
“ปรางทำแบบนี้กับนัทได้ยังไง ทั้ง ๆ ที่ปรางก็รู้ว่านัทรักครูตานมากแค่ไหน” นัทกัดฟันพูดเสียงแข็ง ดวงตาของเธอแดงก่ำด้วยความโกรธ ปรางจึงได้แต่มองเธอด้วยความหวาดกลัวเพราะไม่เคยเห็นแววตาแบบนี้มาก่อน
“ถ้าไม่มีน้าตานสักคน เรื่องของเรามันคงไม่เป็นแบบนี้หรอก ฮึก ๆ เราแค่ไม่อยากให้นัทเจ็บปวด เพราะยังไงครอบครัวน้าตานก็ไม่รับนัทอยู่ดี ฮึก!”
“ต่อให้ไม่มีครูตาน นัทก็ไม่รักปรางอยู่ดี...หวังว่าปรางจะมีความสุขกับสิ่งที่ทำลงไปนะ และรู้เอาไว้ด้วยว่าคนที่ทำให้นัทเจ็บปวดน่ะ มันก็คือปรางนั่นแหละ!” พูดจบก็สะบัดข้อมือของเพื่อนสาวออกอย่างแรงจนเธอเซถลาไปทางด้านหลัง ก่อนปรางจะปล่อยโฮออกมาเมื่อนัทเดินหันหลังจากไปอย่างไม่ไยดี
ครืน ~
เมื่อประตูกระจกเลื่อนเปิดออก เหล่านักเรียนหญิงชายหกคนที่เอาหูแนบที่ประตูถึงกับพากันหงายหลังด้วยความตกใจ นัทเหลือบมองทุกคนสลับไปมา ก่อนจะวิ่งฝ่าสายฝนออกไป โดยมีเพื่อนทั้งหกวิ่งตามเธอไปอีกครั้ง นัทวิ่งตรงไปยังเรือนเพาะชำหลังโรงเรียนด้วยความร้อนใจ เมื่อมาถึงที่หมาย เธอก็รีบเปิดประตูรั้วแล้วเข้าไปยังเรือนไม้ทันที
“ครูตาน!! ครูตาน!! ครูอยู่ที่ไหน!!” เธอวิ่งตามหาครูสาวจนทั่ว ท่ามกลางสายตาทั้งหกคู่ที่ยืนมองดูเธอด้วยความเป็นห่วง เพราะเธอเอาแต่วิ่งตามหาใครอีกคนทั้งน้ำตา และสายฝนก็พาให้ชุดนักเรียนเริ่มเปียกปอน
จากเด็กสาวที่ไม่เคยสนใจผู้ใด ตอนนี้กลับแปรเปลี่ยนเป็นคนเสียสติก็ไม่ปาน เพราะเธอเอาแต่วิ่งวนไปวนมาทั้งภายในและภายนอกเรือนไม้เพื่อตามหาครูสาวทั้ง ๆ ที่รู้ว่า...ไม่มีใครอยู่ที่นี่
“นัท!! มึงพอเถอะ!!” ข้อมือข้างซ้ายของเธอถูกมือสากข้างหนึ่งคว้าเอาไว้จนนัทถึงกับชะงัก คนที่วิ่งมาห้ามเธอไม่ใช่ใครที่ไหน กลับเป็นเด็กหนุ่มหุ่นผอมคู่อริเธอนั่นเอง ผมรองทรงของเขาเปียกปอนจนมีน้ำหยดลงตามปอยผมหน้าม้าสั้นเหนือคิ้ว
“ไอ้แห้ง!! มึงมาทำไม!!? มึงจะมาแกล้งอะไรกูอีก!!?”
“ครูตานบอกให้กูมาคอยดูแลมึง!!”
“ทำไมต้องเป็นมึงวะ!!? ฮึก ๆ” เด็กสาวน้ำตาเอ่อล้นพร้อมกับกำคอเสื้อของเด็กหนุ่มหุ่นผอมเอาไว้แน่น เพื่อนคนอื่น ๆ จึงรีบเข้ามาห้ามเธอทันที
“นัท! ใจเย็นก่อนนะ เรามาคุยกันดี ๆ ก่อนไหม” เปาพูด พร้อมกับที่กิ๊บเก๋และกุ๊กกิ๊กจับที่แขนของนัทคนละข้าง 
“กูไม่รู้หรอก ว่าทำไมครูตานถึงบอกให้กูมาดูแลมึง แต่ตอนนี้มึงช่วยใจเย็นแล้วก็มีสติหน่อยได้ไหม!!?”
“แม่งเอ๊ย!! จะให้กูมีสติได้ยังไงวะ!!? ครูตานหายไปทั้งคน แถมคนร้ายก็อยู่ใกล้ตัวครูตานอีก มึงจะให้กูเย็นอยู่ได้ยังไง!!!?” 
“นี่มันเรื่องอะไรวะเนี่ยนัท!!! แกช่วยอธิบายให้พวกเราเข้าใจหน่อยได้ไหม ตอนนี้พวกเรางงไปหมดแล้วนะ” โปเต้พูดพร้อมกับขยุ้มผมรองทรงของตน ท่ามกลางความสับสนมึนงงของเพื่อนคนอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน
“นัท! บอกพวกเราเถอะนะ ครูตานเป็นคนบอกให้บิ๊กและพวกเราคอยดูแลนัท มันหมายความว่าไง มันเกิดอะไรขึ้น” กิ๊บเก๋เอ่ยถามด้วยความร้อนใจ
“จริงเหรอวะแห้ง ครูตานบอกให้มึงกับพวกเพื่อน ๆ มาดูแลกูเหรอวะ”
“อือ ตอนแรกกูก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไมครูตานถึงพูดแบบนั้น จนกูมารู้วันนี้นี่แหละ ว่าครูตานลาออกแล้ว แต่สิ่งที่กูและเพื่อน ๆ ทุกคนสงสัยคือ ครูตานทำไมถึงลาออกกะทันหันแบบนี้ แถมตอนเช้ากูขับรถผ่านหน้าบ้านพักของครูตาน ประตูบ้านมันเปิดแง้มเอาไว้ ข้าวของทุกอย่างของครูตานก็ไม่เหลือแล้ว”
“เฮ้ย!!! ขโมยขึ้นบ้านครูตานเหรอวะ!!!?” โจอี้อุทานออกมาด้วยความตกใจ
“ไม่ใช่!! มันไม่ใช่ขโมย แต่กูรู้สึกว่ามันเป็นคนใกล้ตัวครูตานแน่ ๆ เมื่อวานนี้กูกับครูตานยังคุยกันดี ๆ อยู่เลย เป็นไปไม่ได้ที่ครูตานจะทิ้งกูไปแบบไม่ลา”
“โอ๊ย ๆ ๆ อะไรวะเนี่ย งงโว้ย!! นี่เรากำลังเผชิญอยู่กับเรื่องอะไรวะ แล้วที่เคมันบอกว่าแกกับครูตานมีความสัมพันธ์บางอย่าง มันจริงใช่ไหมวะ ไหนจะเรื่องที่แกคุยกับปรางเมื่อกี้อีก บอกพวกเราเถอะ ครูตานไว้ใจพวกเรานะ ไม่งั้นคงไม่ฝากให้ดูแลแกหรอก” โปเต้พูด ทุกคนจึงผงกศีรษะเสริมทันที
“ใช่นัท บอกพวกเราเถอะ”
“อืม! ถ้าจะให้เล่า เรื่องมันโคตรยาวเลย มันยาวมาก มันเป็นเรื่องที่ต่อเนื่องมาตั้งแต่ชาติที่แล้ว เพราะเราเป็นคนรักเก่าของครูตานกลับชาติมาเกิด และคนที่ทำให้เราต้องตายในชาติที่แล้ว มันก็คือพ่อและแม่เลี้ยงของครูตานเอง”
“เฮ้ย!!!! อะไรนะ!!!?”


“พี่ตานคะ ตื่นมากินข้าวได้แล้วค่ะ” เสียงหวานเอ่ยเรียกพร้อมกับความรู้สึกหนักอึ้งที่ศีรษะ เปลือกตาทั้งสองข้างกระตุกรับกันเล็กน้อย ก่อนที่จะค่อย ๆ เปิดออกและปิดลงอีกครั้งเพราะไม่อาจต้านแสงที่สาดส่องเข้ามาผ่านหน้าต่างห้องนอนได้ ตานใช้มือข้างขวายกมาปิดบังแสงเอาไว้ และค่อย ๆ ลืมตาขึ้นใหม่อีกครั้ง
“ตื่นได้แล้วค่ะพี่ตาน” เสียงหวานเอ่ยเรียกอีกครั้ง ตานจึงเหลือบสายตามองไปรอบ ๆ ก็พบว่า ที่ที่เธอนอนอยู่คือห้องนอนที่คุ้นเคยสมัยเป็นเด็ก ทุกอย่างยังคงสภาพเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปแม้แต่น้อย ทุกอย่างถูกจัดเข้าที่เป็นระเบียบเรียบร้อย ราวกับมีคนมาจัดเตรียมต้อนรับเธอกลับบ้าน
ตานหันไปมองเจ้าของเสียงหวานที่เรียกเธอ ก็พบว่าไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นหญิงสาวที่โตมาด้วยกัน ทำเอาเธอหัวใจเต้นโครมครามทันที
“พี่มาอยู่นี่ได้ยังไงพิกุล” พูดพลางกับใช้อุ้งมือข้างขวาทุบที่ศีรษะของตน เพราะตอนนี้เธอยังคงเบลอจากฤทธิ์ยานอนหลับ มันออกฤทธิ์แรงจนเธอหลับยาวแบบไม่รู้ตัวว่าถูกมาที่นี่ได้อย่างไร
“อ้าว ก็เมื่อคืนพี่ตานให้แม่ไปรับไม่ใช่เหรอคะ เห็นแม่บอกว่า เมื่อคืนพี่ตานทำงานหนักจนน็อคไปเลย ถึงขั้นต้องได้อุ้มขึ้นมานอนบนบ้านเลยนะคะ อย่าทำงานหนักแบบนั้นสิคะพี่ตาน เนี่ย...พอรู้ว่าพี่ตานจะกลับบ้านนะ หนูดีใจมากเลย หนูจะไม่เหงาแล้ว”
เป็นอย่างที่คิดจริง ๆ ด้วย...ทำไมป้ามะลิถึงต้องพาเรากลับมาบ้านล่ะ ในเมื่อมีความสุขกับพ่อไปแล้ว จะให้เรากลับมาทำไม ตานคิดในใจ
“เอ้อ! พี่ตานคะ แล้วที่แม่มะลิบอกว่า พี่ตานจะกลับมาแต่งงานนี่จริงไหมคะ แหม...หนูก็ว่า ทำไมพี่ตานถึงจะกลับมาสอนที่นี่ ทั้ง ๆ ที่พยายามตามกลับยังไงก็ไม่ยอมกลับมาสักที ที่แท้ก็ได้พบรักกับพี่คณิน และตกลงปลงใจกันแล้วว่าจะแต่งงานกันนี่เองถึงยอมกลับมา”
“พิกุล...พูดเรื่องอะไรน่ะ”
“แหมพี่ตานก็ เนียนเชียวนะคะ จะกลับมาแต่งงานแท้ ๆ ยังแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อีก อิจฉาพี่ตานจัง พี่คณินหล่อมากเลย สาว ๆ แถวนี้มีแต่คนชอบพี่คณินกันทั้งนั้น แถมยังบ้านรวยอีก รวยกว่าพี่สิงห์อีกมั้ง แต่เขาเป็นคนที่ติดดินมาก ๆ เฮ้อ...เขามาสารภาพกับคุณท่านว่าได้เสียกับพี่ตานแล้ว เลยจะขอรับผิดชอบด้วยการมาขอแต่งงานและจะจัดงานให้ใหญ่สมฐานะแน่นอน สุภาพบุรุษที่สุด...”
“อะไรนะ!!?”