ดวงพุดตาน

ดวงพุดตาน
ตอนที่ 26 ภาพอดีต

“เหอะ!! มันจะบอกตานทำไม ก็มันนั่นแหละ!! ที่ใส่ร้ายแม่กับพี่ว่าเป็นลูกชู้ ก็มันนั่นแหละ!!! ที่เป็นชู้กับพ่อ!!!!” สิ่งที่ชายหนุ่มพูดออกมาด้วยความโกรธ ทำเอาตานถึงกับอึ้ง แต่เรื่องแบบนี้เธอจะเชื่อลงได้อย่างไร
“นี่พี่พูดบ้าอะไรของพี่น่ะพี่ว่าน เพราะโดนไล่ออกจากบ้านเหรอ ถึงทำให้พี่พูดให้ร้ายคนอื่นได้ขนาดนี้”
“อ๋อ...นี่ตานคงจะโดนมันล้างสมองไปแล้วสินะ อืม แต่ก็คงไม่แปลก หรือความจริงตานคือลูกของมันก็ไม่รู้ ตานถึงยังอยู่บ้านนั้นได้!!” 
“เฮ้ยพี่ว่าน!! พี่พูดอะไรของพี่วะ หนูชักจะหมดความอดทนแล้วนะ สิ่งที่พี่พูดออกมามันมีอะไรเชื่อถือได้บ้าง ตอนนั้นก็โกหกหนูว่าไม่รู้จักครูตาน ตอนนี้มาพูดพล่ามอะไรอีก!!?” เมื่อนัทเห็นว่าชายหนุ่มเอาแต่ใช้อารมณ์พูดพล่อย ๆ จนครูสาวยืนอึ้ง พูดอะไรไม่ออก เธอจึงเดินมายืนต่อหน้าครูสาวทันที แต่ตานกลับจูงมือเธอเดินออกจากบ้านโดยไม่สนอะไรอีกแล้ว 


หลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวจากชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพี่ชาย แต่สิ่งที่พูดออกมานั้นไม่มีความน่าเชื่อถือแม้แต่น้อย นัทจึงพาครูสาวมาสงบสติอารมณ์ที่บ้านของเธอ ซึ่งตานเอาแต่ยืนทิ้งตัวพิงผนังบ้านไม่พูดไม่จาเพื่อคิดทบทวนและไตร่ตรองในสิ่งที่พี่ชายพูด โดยมีนัทคอยเฝ้ามองแบบไม่ละสายตา
“ครูกลับก่อนนะ” ครูสาวเอ่ยด้วยท่าทีที่เลื่อนลอยจนนัทอดเป็นห่วงไม่ได้ เธอจึงเอื้อมมือไปกุมมือครูสาวเอาไว้
“ครูคะ อย่าคิดมากเลยนะคะ ก่อนหน้านี้พี่ว่านก็ปิดบังหนู หนูไม่รู้เลยว่าเรื่องที่พี่เขาพูดวันนี้เรื่องไหนจริง เรื่องไหนไม่จริง” 
“ครูไม่คิดมากหรอก แต่ครูแค่ไม่เข้าใจ ว่าพี่ว่านจะใส่ร้ายป้ามะลิกับพ่อทำไม สงสัยจะโกรธที่โดนไล่ออกจากบ้านจนพาลไปมั่วล่ะมั้ง” เธอพูดด้วยรอยยิ้ม แต่นัทกลับรู้สึกว่ารอยยิ้มนั้นมันฝืนจนยากที่จะเชื่อ
“ครูอยากให้หนูไปอยู่เป็นเพื่อนไหมคะ วันนี้ครูต้องการหนูหรือเปล่า”
“ไม่เป็นไร เธออยู่บ้านนี่แหละ ครูกลับแล้วนะ” พูดพร้อมกับรอยยิ้มอีกครั้งก่อนที่เธอจะผละออก วินาทีที่ข้อมือของครูสาวจะหลุดพ้นจากมือของอีกคน นัทก็กระชับให้แน่นขึ้น ก่อนจะดึงครูสาวเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของตน
เธอประคองศีรษะของครูสาวให้ซบลงที่บ่าของเธอ จนได้กลิ่นแชมพูสระผมปะทะกับโสตประสาทควบคู่กับกลิ่นกายอ่อน ๆ แม้ไม่มีคำพูดใด ๆ แต่ตานก็รับรู้ได้ว่าตอนนี้เธอกำลังถูกปลอบประโลมจากคนที่เธอรักมากที่สุด แม้ตอนนี้ร่างกายจะเปลี่ยนไป จากที่เคยซบหน้าอกหนาของชายที่ตัวสูงกว่า ตอนนี้แปรเปลี่ยนเป็นบ่าบาง ๆ ของเด็กสาวที่ตัวเล็กกว่าเธอจนต้องก้มลง แต่ความรู้สึกไม่ได้แตกต่างกันแม้แต่น้อย
ตานเอื้อมมือกอดร่างอีกคนเอาไว้แน่น คิดถึงอ้อมกอดนี้เหลือเกิน ไออุ่นที่คุ้นเคย มันไม่เคยจางหายแม้เวลาจะผ่านไปนานนับสิบปีแล้วก็ตาม
“ขอบคุณนะคะ ที่คอยอยู่เคียงข้างตานมาตลอดเลย จนตอนนี้พี่ก็ยังไม่เปลี่ยน” เสียงพูดแผ่วเบา ระหว่างเอาหน้าซบที่บ่า ทำให้นัทได้ยินไม่ถนัดนัก
“อะไรนะคะ”
“ไม่มีอะไร ขอโทษนะนัทที่ครูทำให้เธอเจ็บ แต่รู้เอาไว้เลยนะ ว่าครูเองก็เจ็บไม่น้อยไปกว่าเธอเลย”
“ช่างมันเถอะค่ะ เราอย่าพูดถึงเรื่องนั้นกันเลย ครูไม่ให้หนูไปอยู่เป็นเพื่อนจริง ๆ เหรอ”
“ไม่เป็นไร นอนพักผ่อนซะนะ ไว้เจอกันใหม่นะนัท”
“เฮ้อ...โอเคค่ะ”
เมื่อครูสาวผละออกจากอ้อมกอด นัทจึงได้แต่ยืนมองอีกคนเดินจากไปจนลับตา ก่อนจะเดินเข้าไปทิ้งตังลงบนที่นอนนุ่ม ๆ และหลับไปในทันทีโดยใช้เวลาเพียงไม่นาน


หรือความจริงตานคือลูกของมันก็ไม่รู้ ตานถึงยังอยู่บ้านนั้นได้...
ตานเอาแต่นอนคิดถึงคำพูดพี่ชายของตนจนหัวใจเต้นแทบไม่เป็นจังหวะ ทุกอย่างทำเธอสับสนไปหมด เธอจะเชื่อเรื่องไหนได้บ้างอย่างนั้นหรือ
“พุดตาน...มะลิ...พิกุล..เป็นชื่อดอกไม้หมดเลย หรือที่พี่ว่านพูดจะเป็นเรื่องจริง...แล้วพ่อของน้องพิกุล คือใคร ทำไมเราถึงไม่เคยเอะใจเลยนะ...”
อืด ~ อืด ~
ระหว่างที่ตานกำลังใช้ความคิดเพื่อวิเคราะห์คำพูดของพี่ชายอยู่นั้น โทรศัพท์มือถือที่วางอยู่ข้างหัวเตียงก็สั่นครืด ทำเอาเธอถึงกับสะดุ้งโหยง
“สวัสดีค่ะป้ามะลิ”
“คุณหนูเลิกเรียนหรือยังคะ”
“อ๋อ วันนี้ตานไม่ได้ไปโรงเรียนค่ะป้ามะลิ พอดีว่าตานมีธุระด่วนน่ะค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“อ้าว เหรอคะ วันนี้ป้าว่าจะเข้าไปทำแกงส้มให้คุณหนูน่ะค่ะ”
“ว้าว! จริงเหรอคะ รู้สึกอยากกินอยู่พอดีเลย ป้ามะลินี่รู้ใจตานที่สุดแล้ว”
“ฮ่า ๆ ว่าแล้วเชียว วันนี้เซ้นต์มันบอกว่าอยากจะทำให้คุณหนูกินเป็นพิเศษ ที่แท้คุณหนูก็อยากกินนี่เอง”
“ใช่ค่ะ เข้ามาได้เลยนะคะ ตานอยู่บ้านนี่แหละ”
“ค่ะคุณหนู อีกประมาณสิบห้านาทีนะคะ”
“โอเคค่ะ”
เมื่อวางสายจากคนเป็นแม่เลี้ยงไปแล้วนั้น ตานกลับรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี เพราะคำพูดของพี่ชายทำเธอสับสน แม่เลี้ยงที่ชื่อมะลิ ดูแลประคับประหงมเธออย่างดีมาตลอด หรือจะจริง...ที่ตานเป็นลูกสาวของเธอ


“เห็นชัยบอกว่า คุณหนูต้องใช้รถเหรอคะ” ถามพลางกับนำจานชามที่กินเสร็จแล้วมาวางซ้อนกัน โดยที่ตานพยายามตั้งสติเพราะอดหลับอดนอนในคืนที่ผ่านมา ทำเธออ่อนเพลียจนรู้สึกเบลอ ๆ
“เอ่อ...ค่ะ”
“แล้ววันนี้ที่ว่าไปทำธุระด่วนนี่ ทำไมไม่ให้ชัยพาไปล่ะคะ”
“ไม่หรอกค่ะ ตานไม่อยากรบกวนทุกคนน่ะ” รอยยิ้มเผยที่มุมปากที่มีรอยย่นเล็กน้อย เมื่อได้ยินสิ่งที่คุณหนูของเธอตอบ
“คุณหนูคะ เรื่องรบกวนหรือไม่รบกวนน่ะ ไม่เห็นต้องคิดเลย ยังไงมันก็เป็นหน้าที่ของคนขับรถอยู่แล้ว บอกมาเถอะค่ะ...ว่าคุณหนูเอารถไปทำอะไร” เมื่อได้ยินคำถาม ตานถึงกับใจเต้นตึกตักและเม้มริมฝีปากเอาไว้พร้อมกับเหลือบสายตาหลบไปทางอื่น ยิ่งแสดงพิรุธให้คนเป็นแม่เลี้ยงได้เห็น
“คุณหนูเอารถไปไหนมาคะ”
“ไปหาเพื่อนค่ะ ตานไม่ได้เจอเพื่อน ๆ นานแล้ว”
“เพื่อน ๆ สมัยเด็กของคุณหนูไปทำงานและมีครอบครัวที่อื่นกันหมดแล้วค่ะ อย่าหลอกป้าเลย ป้ารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับที่นี่ รู้แม้กระทั่ง...เรื่องที่คุณหนูให้สิงห์สืบเรื่องผู้หญิงคนนั้นและลูกของมัน...” สิ้นคำพูดของมะลิ ตานจึงมองเธอตาขวางทันที คำพูดที่ทิ่มแทงหัวใจทุกครั้งที่หญิงสาวถามถึงแม่แท้ ๆ และพี่ชายของตน จนมือทั้งสองกำแน่นด้วยความไม่พอใจ
“ตานชักจะอยากรู้แล้วสิ ว่าป้ากลัวอะไรหรือเปล่า ถึงไม่อยากให้ตานถามถึงแม่กับพี่ว่าน”
“กลัวอะไรคะ ไม่มีอะไรที่ป้าต้องกลัว”
“ป้ากลัวตานรู้ความจริงอะไรบางอย่างสินะคะ”
“ความจริงเหรอคะ ถ้าเป็นความจริง ทำไมป้าต้องกลัวด้วย”
“เหรอคะ งั้นบอกตานหน่อยสิคะ ว่าทำไมป้าถึงไม่ยอมให้ตานคุยกับแม่และพี่ว่าน ทั้ง ๆ ที่พวกเขาพยายามติดต่อมาหาตานทุกวัน จนวันที่แม่เสีย ป้าก็ยังไม่ให้ตานคุยกับพี่ว่านอีก เหตุผลมันเพราะอะไรเหรอคะ”
“ป้าไม่อยาก....” ยังไม่ทันที่มะลิจะพูดจบประโยค ตานก็แทรกขึ้นมาเสียก่อนจนเธอถึงกับชะงัก
“อย่าพูดเลยค่ะ ว่าไม่อยากให้ตานเสียใจ เพราะสิ่งที่ป้าทำไปน่ะ มันก็ทำให้ตานเสียใจไม่ต่างกันหรอกค่ะ!”
“ไปเจอกันมาแล้วสินะคะ อย่างที่ป้าคิดไว้ไม่มีผิด ว่าคุณหนูต้องพยายามติดต่อพวกนั้นแน่ ๆ ซึ่งมันก็จริง คงสงสัยสินะคะ ว่าป้ารู้ได้ยังไง ป้าบอกแล้วไงคะ ว่ายังไงสิงห์ก็ต้องเชื่อฟังป้าแน่ ป้าถามอะไรไป สิงห์ก็พูดความจริงทุกอย่าง”
“อย่าเปลี่ยนประเด็นสิป้ามะลิ พี่สิงห์จะเชื่อฟังป้า หรือยังไงตานไม่สนแล้ว ตานสนแค่ว่า ทำไมป้าไม่ยอมให้หนูคุยกับพวกเขา!!” ตานพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นฟังชัด แต่หญิงอีกคนกลับยิ้มมุมปากดูไม่สะทกสะท้านหรือเกรงกลัวเธอแม้แต่น้อย
“ป้ามะลิ!! ตอบตานมาสิ”
“ก่อนที่ป้าจะตอบ งั้นป้าขอถามคุณหนูหน่อยสิคะ ว่ามันเล่าอะไรให้คุณหนูฟังบ้าง ถึงได้แสดงกิริยาแบบนี้กับป้า”
“เหอะ! ป้าใช่ไหม ที่เป็นคนใส่ร้ายแม่กับพี่ว่าน ทำให้พ่อไล่พวกเขาออกไป มันคือฝีมือป้าใช่ไหม!!?”
“จุ๊ ๆ ๆ” คนเป็นแม่เลี้ยงยังคงอมยิ้มไม่เลิก ก่อนจะใช้นิ้วชี้มาแตะที่ริมฝีปากของตนเพื่อห้ามอีกฝ่ายไม่ให้พูดต่อ
“มารยาทบนโต๊ะอาหาร ป้าเคยบอกตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วไม่ใช่เหรอคะ ว่าอย่าเสียงดัง แถมคุยกับผู้ใหญ่ ก็ควรที่จะให้เกียรติ ไม่ขึ้นเสียงด้วย สมแล้วจริง ๆ ที่คุณหนูได้เป็นลูกของมัน ผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้าแบบนั้น ไม่เหมาะสมกับคุณพจน์แม้แต่นิดเดียว”
“ป้ามะลิ!! ก่อนจะพูดอะไร ช่วยดูตัวเองด้วยนะคะ”
“ดูทำไมเหรอคะ? รู้อะไรไหมคะ ตั้งแต่ที่คุณหนูไม่อยู่ ชีวิตป้าสุขสบายมาก จนตอนนี้...ป้าได้เป็นใหญ่ที่สุดในบ้านแล้วนะคะ”
“ป้าหมายความว่าไง”
“ตอนนี้...คนที่คุณพจน์ให้ความเชื่อใจมากที่สุด จนได้เป็นใหญ่ที่สุดในบ้านก็คือป้า เพราะว่าป้า...คือภรรยาที่ได้จดทะเบียนสมรสแบบถูกต้องตามกฎหมายแล้วยังไงล่ะคะ...”
“อะไรนะ!!!?” เมื่อตานอุทานออกมาด้วยความตกใจ เธอลุกขึ้นพรวดจากเก้าอี้ ก่อนจะเซล้มลงไปกองกับพื้นเพราะจู่ ๆ ก็หน้ามืดขึ้นมา มือข้างขวาของเธอค้ำพื้นเอาไว้ ส่วนมือข้างซ้ายกุมศีรษะตัวเอง พร้อมกับพยายามสะบัดศีรษะเพื่อเรียกสติ
“ป้าขอให้กลับไปอยู่บ้านดี ๆ ก็ยังจะดื้อ ทำไมต้องให้ป้าใช้วิธีนี้ด้วยนะ...”
“นี่ป้าทำอะไร...”
“ป้าไม่ได้ทำอะไรเลยค่ะ คุณหนูกินยานอนหลับเองมากกว่า”
“มะ...ไม่นะ...” 
“พาคุณหนูกลับบ้าน!!” สิ้นคำสั่งของมะลิ มีชายสองคนที่คาดว่าจะเป็นคนขับรถคนใหม่มาพยุงตัวหญิงสาวที่มีสภาพสะลึมสะลือให้ลุกขึ้นยืนแบบตัวโอนเอน ก่อนจะพาเดินออกจากบ้านไป และในที่สุดเธอก็ไม่อาจทานทนฤทธิ์ยานอนหลับได้ จนเธอหลับสู่อ้อมแขนของชายกำยำสองคนในที่สุด...



“ที่นี่ที่ไหน....” เสียงพูดที่ก้องจนสะท้อนไปทั่วบริเวณทั้งที่มองเห็นแค่เพียงแสงสีขาว และทางเดินที่เป็นผืนหญ้าทอดยาวแบบสุดสายตา เด็กสาวพยายามเดินไปตามทางแม้จะไม่รู้ว่าเธอกำลังจะไปที่ไหนก็ตาม
ชับ...ชับ....ชับ...
เสียงฝีเท้าที่เหยียบย่ำลงพื้นหญ้า ก้าวเดินไปตามทางอย่างทุลักทุเล เพราะยิ่งเดินไปเท่าไหร่ก็ยิ่งส่งผลให้เจ็บปวดบริเวณปานแดงที่บั้นเอวของเธอเท่านั้น แทบจะทุกฝีก้าวที่เดินเลยก็ว่าได้ จนเธอต้องใช้มือขวาค้ำเอวเดินอย่างช้า ๆ
“เฮือก...เฮือก....ที่นี่คือที่ไหนวะเนี่ย!” เด็กสาวหายใจเหนื่อยหอบ ทั้งเหนื่อยและเจ็บปวดทรมานจนแทบจะเดินไม่ไหวอยู่แล้ว ขาทั้งสองข้างก็พาอ่อนแรงและทรุดลงกับพื้นหญ้าทันที
ชึบ!!
ทันทีที่เข่าทั้งสองข้างแตะลงกับพื้น บริเวณโดยรอบก็แปรเปลี่ยนเป็นบ้านเรือนไทยประยุกต์หลังหนึ่งที่มีบริเวณกว้างขวางราวกับบ้านผู้ดีที่เห็นได้ในละคร พร้อมกับต้นพุดตานออกดอกสีชมพูบานสะพรั่งที่ปลูกเรียงรายนับพันนับหมื่นต้น ดุจดั่งสวรรค์ของคนรักดอกพุดตานก็ไม่ปาน 
ในขณะที่เด็กสาวกำลังอึ้งกับเหล่าต้นไม้นั้น จู่ ๆ ท้องฟ้าก็เปลี่ยนเป็นสีทองของอาทิตย์อัสดงจวนจะลาลับขอบฟ้า ทำเอาเธอหันซ้ายแลขวาด้วยความตกใจก่อนจะเหลือบไปเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่กำลังเปิดประตูออกมาจากเรือนไทยประยุกต์หลังเล็ก ที่ห่างจากเรือนใหญ่ไม่มากนัก เธอเพ่งมองอยู่นาน และยิ้มออกมาด้วยความดีใจเมื่อชายหนุ่มคนนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน
“ลุงสิบทิศ!!! ลุง!!!” เด็กสาวพยายามส่งเสียงร้องและชูไม้ชูมือเรียก แต่เขากลับมีท่าทีราวกับมองไม่เห็นเธอ ก่อนที่เขาจะเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าบันไดเรือนใหญ่ เขามองขึ้นไปด้วยสีหน้าที่แสดงความผิดหวังและถอนหายใจเฮือก นัทจึงได้แต่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ข้าง ๆ เท่านั้น
“เฮ้อ...ผมขอโทษนะครับคุณหนู ผมไม่มีดีอะไรเลย ผมเป็นแค่ผู้ชายจน ๆ คนหนึ่ง ผมมันก็แค่หลานคนใช้...หมาวัดอย่างผม มันไม่คู่ควรกับดอกฟ้าหรอกครับ...ถ้าชาติหน้ามีจริง ผมได้เกิดมาเป็นผู้หญิงก็คงจะดี อย่างน้อย...ขอให้ผมได้อยู่เคียงข้างคุณหนู ได้กอดคุณหนู ได้ดูแลคุณหนู จะในฐานะอะไรผมก็ยอม...”
“ลุง!! ทำไมพูดแบบนั้นอะ!!? หรือว่า...วันนี้จะเป็นวันที่ลุงสิบทิศฆ่าตัวตาย!!?” เด็กสาวยืนมองชายหนุ่มบ่นพึมพำกับตัวเองเพียงลำพังด้วยหัวใจที่เต้นแรงและถี่ขึ้นเรื่อย ๆ ขออย่าให้เป็นอย่างที่คิดเลย เธอพยายามคว้าตัวของเขา แต่กลับคว้าได้เพียงอากาศเท่านั้น ทำเอาเธอถึงกับร้อนใจ
“อย่านะลุง...ครูตานรักลุงมากนะ อย่าคิดทำอะไรบ้า ๆ นะลุงสิบทิศ!!” 
เคร้ง!!
เมื่อจู่ ๆ ก็มีเสียงคล้ายวัตถุบางอย่างตกกระทบลงกับพื้นส่งเสียงดังมาจากเรือนใหญ่ ทั้งนัทและสิบทิศต่างสะดุ้งโหยงด้วยท่าเดียวกันราวกับเป็นเงาสะท้อน เขาจึงรีบถอดรองเท้าแตะหนังสีดำไว้ด้านล่างก่อนจะวิ่งขึ้นบันไดไปอย่างร้อนรน นัทจึงไม่รอช้ารีบวิ่งตามขึ้นไปแบบติด ๆ
“คุณพจน์อย่านะคะ เดี๋ยวคุณหนูกลับมาเห็นเราสองคนนะคะ!”
“ไม่เป็นไรน่า...ตานยังไม่กลับจากเรียนพิเศษง่าย ๆ หรอก วันนี้ฉันบอกครูสอนพิเศษให้ทำกับข้าวให้ตานกินแล้ว กว่าจะกลับก็คงค่ำ” 
เสียงพูดของหญิงชายคู่หนึ่งที่ดังออกมาจากในห้องครัว ทำเอาทั้งนัทและสิบทิศถึงกับหยุดชะงัก ทั้งสองค่อย ๆ ย่องเข้าไปตามต้นตอของเสียงช้า ๆ พร้อมกับหันรีหันขวาว่ามีใครอยู่บริเวณนั้นอีกหรือไม่
“คะ...คุณพ...จ...อา...”
กึก!! กึก!! กึก!!
“ซี๊ด...อา...ฉันชอบแบบนี้จริง ๆ เลยมะลิ อา...”
“อ๊า...คะ...คุณพจน์ เบา ๆ หน่อยค่ะ”
กึก!! กึก!! กึก!!
เสียงร้องครวญครางของชายหญิงสลับกันไปมาอย่างต่อเนื่อง นัทสังเกตได้ถึงมือชายหนุ่มที่สั่นเทา เขากำลังเอื้อมไปคว้าแจกันที่หน้าประตูห้องครัวมาถือเอาไว้ ก่อนทั้งสองจะชะโงกหน้าเข้าไปช้า ๆ สิ่งที่ได้เห็น ทำเอาแจกันที่ถืออยู่ในมือร่วงลงพื้นทันที 
เพล้ง!!!!
สภาพชายหญิงที่เปือยท่อนล่าง มีกางเกงและผ้าถุงกองอยู่กับพื้นโดยคนเป็นป้าถูกจับหันหลังให้ตัวโก่งโค้งลงกับโต๊ะอาหาร และมีชายผู้เป็นนายใช้มือข้างขวากำผมของเธอเอาไว้ ส่วนมือข้างซ้ายประครองที่เอวพร้อมกับกระแทกสะโพกแบบไม่ยั้งจนขอบโต๊ะไปชนกับเก้าอี้ที่วางอยู่อีกด้าน
ทันทีที่ชายหญิงที่กำลังร่วมรักกันได้ยินเสียงแจกันหล่นลงพื้นจนแตกจึงรีบผละออกจากกันก่อนจะรีบคว้าผ้าของตนขึ้นมาสวมใส่ทันที
“ไอ้สิบทิศ!!! ไอ้เวร!! มึงขึ้นมาทำอะไร!!?”
“คุณท่าน!! คุณทำอะไรป้าผม!!!?”
“กูก็เอากับมันไง!!!!”
“ป้า!! ป้าทำแบบนี้ได้ยังไง!!? นั่นสามีของคุณนวลนะป้า!!!” ชายหนุ่มยืนตวาดคนสองคนด้วยร่างกายที่สั่นเทา ส่วนนัทนั้นยืนอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก
“แล้วยังไง ป้าบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าขึ้นมาเรือนใหญ่ กลับไปซะ!!”
“นี่มันอะไรกันครับ!!? คุณท่าน ป้ามะลิ อธิบายให้ผมฟังที”
“เด็กอย่างมึงไม่มีสิทธิ์ขึ้นมาบ้านกู มึงออกไป!!!”
“ทำไมครับคุณท่าน!!? เด็กอย่างผมแล้วมันทำไมครับ จะบอกว่าเป็นหลานคนใช้เหรอ แล้วที่คุณท่านแอบมามีอะไรกับป้ามะลิมันหมายความว่าไง ถ้าคุณนวลรู้ คุณนวลจะเสียใจมากนะครับ!!!?”
เพี้ยะ!!!!
ฝ่ามือของคนที่เคยลูบศีรษะปลอบโยนเมื่อตอนเป็นเด็กกลับกลายเป็นฝ่ามือเดียวกันกับที่ตบหน้าของเขาอย่างแรงจนหน้าหัน คนเป็นป้าเดินเข้ามากระชากคอเสื้อของเขาด้วยโทสะ ก่อนจะง้างมือตบหน้าเขาไปอีกครั้ง
เพี้ยะ!!!
“เลิกพูดถึงมันสักทีได้ไหม!!? รักมันจังเลยนะ ทำไมไม่ตามไปรับใช้มันเลยล่ะฮะ!! กูเนี่ย! ลำบากลำบนเลี้ยงมึงมา ทำไมมึงไม่จำใส่กะโหลกมึงบ้าง!!?”
“ป้า! ป้าทำแบบนี้ได้ยังไง ไหนบอกให้สำเหนียกตัวเองไง แล้วป้ามามีอะไรกับคุณท่านแบบนี้ ป้าทำได้ยังไงวะ!!?”
“มึงอย่ามาเสือกเรื่องของกูไอ้เวร มึงลงไปจากบ้านกูเดี๋ยวนี้ ก่อนที่กูจะเรียกคนมาลากคอมึงออกไป”
“เอาสิครับ!! เรียกขึ้นมาให้หมดเลย เรียกขึ้นมาให้ทุกคนได้เห็นความระยำของคุณท่านไง!!!”
พลั่ก!!! 
สิ้นเสียงของชายหนุ่ม หมัดหนาก็เหวี่ยงใส่ใบหน้าของเขาเต็ม ๆ จนล้มไปกองกับพื้น นัทที่เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างถึงกับตัวสั่นเทา อยากจะช่วยเหลือแต่เธอกลับทำได้แค่ยืนดูคนเป็นนายเดินเข้ามาคว้าหมับที่ผมของสิบทิศก่อนจะกระชากให้เงยขึ้นอย่างแรง
“มึงอย่าปากเก่งแถวนี้นะไอ้ระยำ คนอย่างมึงถ้าหายไปก็ไม่มีใครเอะใจหรอก อยากได้ลูกกูจนตัวสั่น แต่มึงจำใส่กะลาหัวมึงด้วยนะ ว่าคนจน ๆ อย่างมึงจะไม่มีวันได้กับลูกกูแน่!!”
“แล้วที่มึงมาเอากับป้ากูเนี่ย...มันก็ระยำเหมือนกันล่ะวะ ที่คุณนวลโดนไล่ออกจากบ้าน กูว่ามันต้องเป็นแผนเหี้ย ๆ ของมึงแน่ ๆ กูก็เอะใจเหมือนกัน ว่าคนดี ๆ อย่างคุณนวลทำไมจะมีชู้ได้ ที่แท้...ก็เพราะพวกมึงนี่เอง!!!”
“ไอ้เหี้ยสิบ!!!”
พลั่ก!!! พลั่ก!! พลั่ก!!
“อัก!!!”
“ลุงสิบทิศ!! ฮือ ๆ อย่านะ!! อย่าทำร้ายลุงสิบทิศนะ!!”
อีกหลายหมัดที่อัดเข้าใบหน้าของสิบทิศอย่างจังจนสะบักสะบอม ทั้งปากทั้งใบหน้าบวมช้ำและอาบไปด้วยเลือด แต่คนเป็นป้ากลับยืนดูเท่านั้น ไม่มีทีท่าว่าจะช่วยหลานชายของตนแต่อย่างใด
“ไหน ๆ มึงก็มาเห็นแล้ว กูจะบอกให้เอาบุญก็ได้นะสิบ ว่ามันเป็นอย่างที่มึงพูดทุกอย่าง อีนวลที่พ่อกูหามาให้ กูไม่ได้รักมันเลยสักนิด กูรักป้ามึง แต่พ่อกูก็พยายามขัดขวางกูมาตลอด เหอะ...จนวันที่พ่อกูตาย กูก็มาเอากับป้ามึงทุกวัน จนอีนวลมันมาเห็นนั่นแหละ มันคงอกแตกตายไปแล้วมั้ง อ้อ...อีกเรื่องหนึ่ง...มึงคงไม่รู้สินะ ว่าพิกุลน่ะ มันคือลูกของกูเอง!”
“หึ...พวกมึงทำให้คนดีต้องเจ็บเจียนตาย กูก็เอะใจเหมือนกัน ว่าน้องพิกุลเป็นลูกของใคร ทั้ง ๆ ป้ากูไม่มีผัว พวกมึงนั่นแหละที่ระยำ!!!”
“ไอ้เหี้ยสิบ!!!”
เมื่อคนเป็นนายเหวี่ยงหมัดมาอีกครั้งแต่ครั้งนี้สิบทิศกลับยกข้อศอกขึ้นมาป้องปิดได้ทัน ทำให้ท้องแขนของพจน์ฟาดเข้าที่ข้อศอกอย่างแรงจนเขาเซถอยหลังไปชนกับเก้าอี้จนพาล้มไปทั้งคนทั้งเก้าอี้
โครม!!!
“ไอ้เหี้ยพจน์!!! ไอ้ระยำ!!!! คุณนวลรักและดูแลกูเหมือนลูก มึงทำกับคุณนวลแบบนี้ได้ยังไงวะ!!!?”
“คุณพจน์!! สิบ!!! หยุดเดี๋ยวนี้นะ!!!”
สิบทิศเป็นฝ่ายที่ลุกมานั่งคร่อมและต่อยคืนบ้าง แม้มะลิจะพยายามห้ามอย่างไรก็ไม่สามารถสู้แรงของเขาได้แม้แต่น้อยจนเธอเองก็พลาดและเซล้มลงกับพื้นไปทางด้านหลัง
“สิบ!! ป้าบอกให้หยุด!!!”
พลั่ก!! พลั่ก!!
เมื่อสิบทิศไม่มีทีท่าว่าจะหยุด มะลิจึงมองไปรอบ ๆ ตัว ก่อนจะเห็นเศษแจกันที่แตกกระจายมาอยู่ด้านขวามือของตน เธอจึงคว้าขึ้นมากำเอาไว้ก่อนจะเดินตรงไปที่ชายทั้งสองช้า ๆ
“ลุงสิบทิศระวัง!!!!!”
ฉึบ!!!!


“อ๊าย!!!!! ลุงสิบทิศ!!!! ฮือ ๆ ไม่นะ ลุงสิบทิศ!!!”
“นัท!!! เป็นอะไรลูก!!!?”
นัทที่สะดุ้งเฮือกขึ้นมาจากความฝันพร้อมกับกรีดร้องออกมาสุดเสียง ทำเอาคนเป็นแม่ที่กำลังเดินเข้ามาในบ้านต้องรีบวิ่งเข้ามาคว้าตัวเธอมากอดเอาไว้อย่างร้อนรน
“นัท!!! ใจเย็น ๆ นะลูก ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไรนะลูก แม่อยู่นี่แล้ว!!”
“ฮือ ๆ ๆ แม่ ฮือ ๆ ๆ ลุงสิบทิศไม่ได้ฆ่าตัวตาย ฮือ ๆ แม่! ลุงสิบทิศไม่ได้ฆ่าตัวตาย ฮือ ๆ......”