ดวงพุดตาน

ดวงพุดตาน
ตอนที่ 25 จูบสุดท้าย

หลังจากที่ตานพยายามประคองร่างของนัทพาเข้าไปนอนที่เตียงนอนสีครีมอย่างทุลักทุเล เธอยืนมองสภาพของของนัทที่ดูอ่อนเพลีย ขอบตาบวมคล้ำ ผ้าพันแผลที่มือก็หลุดลุ่ย เธอจึงเดินไปหากล่องยาทำแผล มาวางที่ข้างเตียง ก่อนจะค่อย ๆ ทำแผลให้ใหม่ด้วยความตั้งใจ
เมื่อทำแผลพร้อมกับติดพลาสเตอร์ที่มือเป็นอันเสร็จสิ้น เธอจึงเดินไปเตรียมชามใส่น้ำพร้อมผ้าขนหนูผืนเล็กมาบรรจงเช็ดตัวให้นัทอย่างเบามือที่สุด สายตาก็เหลือบมองไปพลาง ๆ เป็นห่วงอีกคนจนใจแทบขาด แต่แล้วเธอก็ต้องชะงัก ในขณะที่เธอจะนำผ้าขนหนูชุบน้ำไปซับที่ต้นคอ เธอก็เห็นรอยจูบแดง     ระเรื่อเป็นจ้ำ ๆ อยู่เหนือไหปลาร้าเล็กน้อย มือข้างซ้ายจึงเอื้อมไปเกี่ยวคอเสื้อลงช้า ๆ เพื่อหวังจะดูให้ชัด ๆ
ภาพที่เห็นเธอไม่ได้คิดไปเองแต่อย่างใด ทำเอามือของเธอสั่นเทา ข้างขวากำผ้าขนหนูเอาไว้ ส่วนอีกข้างปิดปากเพื่อไม่ให้เสียงสะอื้นเล็ดลอดออกมา น้ำตาเจ้ากรรมรินไหลออกมาเป็นสายด้วยความเจ็บปวด ในคืนที่ผ่านมาเธอพอจะคาดเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น หลังจากที่แยกจากกันไปแล้ว
“นัท...ฮึก! เธอกับน้องปราง...ไม่จริงใช่ไหม ฮือ ๆ”
“ว่าแล้วเชียว...ว่าครูก็รักหนู” เมื่อได้ยินเสียงพูดแผ่วเบาดังออกมา ตานถึงกับรีบผละออกทันที แต่นัทกลับคว้าที่ข้อมือของเธอเอาไว้ได้ทัน จนเธอไม่อาจหนีไปไหนได้
“นัท! นี่เธอแกล้งเป็นลมเหรอ” แววตาที่ครูสาวมองลงมานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง แต่นัทกลับนอนอมยิ้มราวคนอารมณ์ดี เธอจึงพยายามใช้มืออีกข้างมาแกะมือของนัทออกแต่ก็ไม่เป็นผล
“นัท!! ปล่อย!!”
“ไม่ปล่อย”
“บอกให้ปล่อยไง!!”
“บอกรักหนูก่อนสิ เดี๋ยวจะปล่อย”
“ทำไมต้องบอกรักเธอด้วย ในเมื่อครูไม่ได้รักเธอ!”
“ครูเป็นห่วงหนูขนาดนี้ยังบอกว่าไม่ได้รักหนูอีกเหรอ”
“ก็แค่ในฐานะครูกับลูกศิษย์ แต่ถ้าเมื่อกี้รู้ว่าเธอแกล้ง ครูก็จะไม่ห่วงเธอให้เสียความรู้สึกเลย ปล่อย!!”
“หนูไม่ได้แกล้ง ครูฟังหนูอธิบายก่อนได้ไหม แล้วหนูจะปล่อย”
“อืม อธิบายมา”
“เมื่อคืนหนูยังไม่ได้นอนเลย เพิ่งได้นอนตอนเช้าแค่หนึ่งชั่วโมงเองมั้ง พอตื่นมาไม่เจอใคร หนูเลยให้คนขับรถของปรางมาส่งที่บ้าน พอหนูเจอครู ครูก็ขับรถหนีหนูอะ หนูวิ่งตามรถครูเป็นกิโลขนาดนั้น ไม่ช็อกตายก็บุญแล้ว”
“แล้วใครบอกให้วิ่งตาม คิดว่าตัวเองเป็นนางเอกเอ็มวีหรือไง แล้วที่ไม่นอน คงจะมีความสุขกับน้องปรางทั้งคืนเลยล่ะสิ ถึงมีรอยคิสมาร์กที่คอขนาดนั้น” เมื่อได้ยินครูสาวพูดถึงรอยที่คอ นัทจึงปล่อยข้อมือให้พ้นจากพันธนาการของเธอ ก่อนจะเปลี่ยนเป้าหมายมาจับที่ต้นคอของตนด้วยความตกใจ
ไม่คิดเลยว่าปรางจะทำให้เป็นรอย บ้าจริง!!
“ครูคะ ครูกำลังเข้าใจผิดนะ หนูกับปรางไม่ได้มีอะไรกันจริง ๆ นะคะ” นัทใช้แขนทั้งสองข้างยันตัวเองลุกขึ้นมานั่งด้วยความร้อนใจ ก่อนจะเอื้อมมือไปกุมมือครูสาวเอาไว้
“จะมีหรือไม่มีมันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับครู เธอกลับบ้านไปได้แล้ว เคยบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าอย่ามาให้เห็นหน้าอีก!” พูดพลางกับสะบัดมือออก
“ครูคะ!! ครูเองก็รักหนูอะ แล้วครูจะพูดแบบนั้นทำไม”
“ครูมะ...”
“ครูไม่ต้องมาปฏิเสธเลย!! ครูเป็นห่วงหนูที่หนูเป็นลม ครูร้องไห้เพราะเข้าใจผิดเรื่องรอยที่คอ มันชัดเจนขนาดนี้ครูยังจะบอกว่าไม่ได้รักหนูอีกเหรอ!!?”
“นัท!! เลิกเข้าข้างตัวเองสักทีเถอะ อย่าให้ต้องได้เกลียดกันเลย ขอร้องล่ะ เธอออกไปซะ แล้วอย่ามาที่นี่อีก!!”
“ถ้าครูอยากเกลียดก็เกลียดไปเลยสิ!! เอาเลยสิ!! ครูทำไม่ได้หรอก! เราต่างคนต่างรอกันมาตั้งนาน เราต่างคนต่างรักกัน ครูเกลียดหนูไม่ลงหรอก!!”
“นัท! ออกไป”
“ไม่! หนูไม่ไปไหนทั้งนั้น!!”
“ได้! ถ้าเธอไม่ไป งั้นครูไปเอง!!” ในขณะที่ตานกำลังจะหันหลังเดินจากไป นัทก็รีบคว้าที่เอวบางเอาไว้แล้วออกแรงดึงกลับมา ทำให้ร่างครูสาวเซถลาล้มลงมานอนอยู่ในอ้อมกอดของเธอจนได้
เรียวแขนที่กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น พร้อมกับเอาขากอดรัดเอาไว้ไม่ให้หนีไปไหนได้ ร่างบางพยายามดิ้นให้ตายแต่ก็ไม่อาจต้านแรงอีกคนได้ จนในที่สุดเธอก็นอนหมดแรงในอ้อมกอด เพราะเธอเองก็อ่อนเพลียจากการร้องไห้ในคืนก่อนไม่ต่างกัน แต่ไฉนถึงพ่ายแพ้ให้กับคนที่ไม่ได้นอนทั้งคืนแบบนี้กันนะ
นัทซุกหน้าลงที่ท้ายทอยเพื่อสูดกลิ่นกายของครูสาวให้เต็มปอด คิดถึงเหลือเกิน...กลิ่นที่คุ้นเคย ร่างอุ่น ๆ ที่อยากกอดเอาไว้ไม่ปล่อย แต่ดูเหมือนตอนนี้ร่างในอ้อมกอดก็ไม่มีการต่อต้านใด ๆ อีกแล้ว นอกจากยินยอมให้อีกคนกอดให้เต็มอิ่ม
“ครูคะ...หนูกับปรางเราไม่มีอะไรกันจริง ๆ นะคะ ครูเชื่อหนูนะ”
“แล้วรอยที่คอมันมาได้ยังไง”
“เอ่อ...หนูขอสารภาพว่า เมื่อคืนนี้เราสองคนจูบกันค่ะ แต่มันไม่ได้มากกว่านี้นะคะครู”
“ทำไมถึงจูบกันได้ล่ะนัท”
“หนูขอโทษ หนูไม่ได้ตั้งใจ...แต่มันไม่ได้มากกว่าจูบนะคะครู มันไม่มีอะไรเกินเลยจริง ๆ”
“น้องปรางก็ดูรักเธอมากนะ ทำไมถึงไม่มีอะไรเกินเลยล่ะ ไปอยู่ด้วยกันขนาดนั้น”
“เพราะหนูรักครูไง หนูทำแบบนั้นไม่ได้ หนูทำได้แค่กับครู”
เมื่อร่างในอ้อมกอดนิ่งเงียบ ไม่ตอบอะไรกลับมา นัทจึงคลายเรียวแขน ก่อนจะจับที่ไหล่บังคับร่างพลิกกลับมาทางเธอ ซึ่งตานเองก็ยอมพลิกตัวกลับมาอย่างว่าง่าย
น้ำใส ๆ รินไหลจากดวงตาเป็นสายจนหยดลงผ้าปูที่นอนสีครีม นัทเห็นแบบนั้นจึงใช้นิ้วโป้งเช็ดน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน ก่อนจะประคองศีรษะครูสาวให้หนุนที่แขนของเธอ จากนั้นจึงดึงร่างบางเข้ามากอดเอาไว้อีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ตานก็กอดตอบเธอเช่นกัน ทั้งสองต่างโอบกอดกันและกันเอาไว้แน่นด้วยความคิดถึงและโหยหา ความเจ็บปวดก็ยังคงปะทุอยู่ในใจไม่จางหาย
ตอนนี้ตานไม่รู้เลยว่าจะทำอย่างไรต่อไป จะหนีก็หนีไม่ได้ จะเดินหน้าต่อก็มองไม่เห็นหนทางข้างหน้า เธอจึงทำได้แค่นอนร้องไห้ระบายความเจ็บปวดในอ้อมกอดของคนที่เธอรักเท่านั้น ซึ่งไออุ่นจากร่างของนัทก็ช่วยปลอบประโลมเธอได้เป็นอย่างดี แม้จะไม่พูดอะไรออกมาก็ตาม
“ขอร้องล่ะ...อย่าผลักไสหนูได้ไหม หนูรักได้แค่ครูจริง ๆ”
“ฮือ ๆ นัท...ฮึก! ครูขอโทษ ฮือ ๆ”
“ไม่เลย ครูไม่ต้องขอโทษ หนูรู้ ว่าครูก็รักหนู หนูจะไม่ไปไหนทั้งนั้น หนูจะไม่ยอมให้ใครมาพรากเราอีก”
“นัท...ฮึก ๆ แต่เรื่องของเรามันเป็นไปไม่ได้ เธอตัดใจเถอะนะ เธออย่าทำแบบนี้เลย ฮือ ๆ”
“อะไรคือคำว่าเป็นไปไม่ได้คะ เพราะเราสองคนเป็นผู้หญิงเหรอ ในเมื่อเราสองคนรักกัน ทำไมหนูต้องตัดใจด้วย กว่าหนูจะตามหาครูเจอมันยากมากเลยนะ หนูรอครูมาตั้งนานจะให้ปล่อยมือไปง่าย ๆ แบบนี้ หนูทำไม่ได้หรอก”
“อย่าให้มันมากกว่านี้เลยนะนัท ครูทำเพื่อเธออยู่นะ...ฮึก! ขอร้องล่ะนัท เชื่อครูสักครั้งได้ไหม”
“ถ้าทำเพื่อหนู ก็อยู่ให้หนูรักแบบนี้เถอะนะคะ อย่าผลักไสหนูเลย”
“แต่มีคนบอกว่าเธออาจจะตายได้ ถ้ายังมาเจอครูอยู่แบบนี้ ฮือ ๆ ครูรับไม่ไหวแล้วนะนัท ถ้าจะเสียคนที่รักที่สุดไปแบบไม่มีวันหวนกลับแบบนี้ ครูไม่เอาแล้วนะ ฮือ ๆ ฮึก! ฮือ ๆ”
“แม่บอกครูเหรอคะ”
“ใครจะบอกมันไม่สำคัญหรอก ฮึก ๆ แต่ที่ครูทำไป เพราะครูไม่อยากเสียเธอ ฮึก! จากเป็นดีกว่าจากตายนะนัท...” ครูสาวพูดพลางกับผละออกมาแล้วใช้มือทั้งสองข้างประคองที่แก้มเนียนเอาไว้ แววตาของนัทที่มองเธอนั้น สื่อถึงความเสียใจและเจ็บปวดได้อย่างชัดเจน แม้จะไม่มีน้ำตาให้ไหลออกมาแล้วก็ตาม
“หนูรักครูนะ...” พูดพลางกับใช้มือขวาสัมผัสที่แก้มของครูสาวอย่างแผ่วเบา ก่อนจะใช้นิ้วโป้งเช็ดน้ำตาให้อีกครั้ง
“ครูก็รักเธอ...และจะรักตลอดไป ฮึก ๆ”
“รู้ไหมว่าตอนครูร้องไห้น่ะ มันทำให้หนูเจ็บปวดกว่าตอนที่ครูบอกว่าไม่รักหนูซะอีก”
“ฮึก ๆ ครูขอโทษนะนัท ช่วยมีชีวิตอยู่เพื่อครูได้ไหม ไม่สิ...เพื่อตัวเอง และเพื่อคนที่รักเธอ มีคนที่รักเธอมากมายเลยนะนัท รู้ตัวไหม ฮึก!”
“คนรักหนูมากมายมันก็ไม่เท่ากับครูรักหนูแค่คนเดียวหรอกค่ะ หนูบอกแล้วไง ว่าหนูก็จะอยู่ จนกว่าครูจะไม่ต้องการหนูแล้ว”
“ไม่มีวันที่ครูจะไม่รักเธอนะนัท จำคำนี้ไว้” ครูสาวยิ้มออกมาทั้งน้ำตา ก่อนจะวางมือลงที่หน้าอกข้างซ้ายของนัท เธอสัมผัสได้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจและรับรู้ได้ผ่านนัยน์ตาว่าคนตรงหน้ารักเธอมากเพียงใด
“หนูขอจูบครูเป็นครั้งสุดท้ายได้ไหม” 
“ทำไมพูดเหมือนจะบอกลาเลยล่ะนัท เธออย่าทำอะไรบ้า ๆ นะ”
“หนูบอกแล้วไงคะ จะให้ย้ำอีกกี่ครั้ง ว่าหนูจะอยู่จนกว่าครูจะไม่ต้องการหนูแล้ว”
“ครูต้องการเธอ เพราะงั้น...มีชีวิตอยู่ต่อไปนะนัท”
“อืม...ทั้งชีวิตของหนู มันเป็นของครูตั้งนานแล้ว หนูจะอยู่เพื่อครู และจะรักครูไปจนกว่าจะถึงวันสุดท้ายของชีวิต” พูดจบก็โน้มตัวเข้าไปประทับริมฝีปากเข้าด้วยกันอย่างอ่อนโยน ดวงตาทั้งสองคู่ปิดลงช้า ๆ เพื่อดื่มด่ำช่วงเวลาแห่งความสุขนี้เอาไว้ให้ได้นานที่สุด
มือเรียวประคองท้ายทอยเอาไว้ก่อนจะสอดนิ้วแทรกตามไรผมสีดำยาวสลวยช้า ๆ พร้อมกับกดริมฝีปากให้แนบแน่นขึ้น ส่วนมือนุ่มวางแนบลงที่บ่าพร้อมกับบีบนวดเป็นพัก ๆ เมื่อริมฝีปากเร่งจังหวะจูบให้ดูดดื่มขึ้น เธอก็แทบคุมสติตัวเองเอาไว้ได้ลำบากนัก เพราะเธอสามารถหายใจได้แค่ทางปากเท่านั้น
“แฮก ๆ เดี๋ยวนัท...ครูหายใจไม่ออก แฮก ๆ” เมื่อครูสาวผละออกพร้อมกับหายใจหอบ นัทจึงลุกประคองร่างบางขึ้นตามแรง ก่อนจะจับพลิกให้แผ่นหลังของครูสาวแนบกับผนังห้อง จากนัทเธอก็โน้มตัวเข้าไปบดจูบริมฝีปากนุ่มอีกครั้งราวกับคนกำลังหิวกระหาย
ร่างบางที่อ่อนระทวยแนบไปกับผนังห้อง ไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงจะต่อต้านอีกคนที่จับเสื้อคอกลมสีขาวถอดออกอย่างง่ายดาย จนเห็นเนินอกเนียนแน่นบรา    สีขาว จากนั้นนัทจึงก้มลงซุกไซร้ที่ซอกคอหอม ๆ ไล่จูบลงมาที่เนินอก ก่อนจะไล่ขึ้นไปที่ต้นคอ สลับกันไปมาอย่างนั้นจนได้ยินเสียงครางเล็ดลอดออกมาเบา ๆ ราวกับกำลังพึงพอใจกับสัมผัสนี้
“นะ...นัท...พอได้แล้ว...อา...”
“หนูคิดถึงครูจนใจจะขาดอยู่แล้ว...”
“แต่มือเธอเจ็บนะนัท”
“หนูทำให้ครูได้แล้วกัน” พูดจบเธอก็ก้าวลงจากเตียงพร้อมกับโอบเอวบังคับร่างบางให้มาตามแรงของเธอด้วย เธอย่อตัวลงที่พื้นโดยให้ครูสาวนั่งอยู่ขอบเตียงและหย่อนขาลงมาข้างล่าง จากนั้นเธอจึงก้มลงจูบที่หน้าท้องจนพาขนทั่วทั้งตัวลุกซู่ด้วยความเสียวซ่าน มือทั้งสองข้างก็ไม่ได้ปล่อยว่าง มันกำลังปลดกระดุมกางเกงยีนส์ตัวเก่งอย่างชำนาญ ก่อนจะดึงลงช้า ๆ ซึ่งเจ้าตัวก็ยกสะโพกให้กางเกงหลุดพ้นจากร่างกายของเธอโดยไม่มีการขัดขืน
“นอนลงไปค่ะ” ร่างเนียนที่เหลือเพียงอันเดอร์แวร์ทั้งท่อนบนและท่อนล่างโน้มตัวลงนอนอย่างว่าง่าย ก่อนเรียวขาของเธอจะมีลมหายใจอุ่น ๆ รด ขึ้นมาจนถึงต้นขา นัทแทรกตัวมาอยู่ตรงกลางระหว่างขาทั้งสองข้าง เพื่อพรมจูบใจกลางความสาวช้า ๆ และนุ่มนวลแม้จะมีกางเกงชั้นในสีขาวตัวเก่งปกปิดอยู่ จากนั้นเธอจึงไล่จูบตามเรียวขาช้า ๆ 
ความเสียวซ่านทำให้ร่างบางบิดเกร็ง ขาเรียวทั้งสองข้างถูกจับวางพาดที่บ่าเอาไว้ ตอนนี้เธอราวกับถูกทรมานก็ไม่ปาน อาจจะเป็นบทลงโทษข้อหาทำให้อีกคนต้องเสียใจก็เป็นได้ ถึงไม่ยอมเริ่มทำอะไรสักที 
“นัท...อา...พะ...พอแล้ว”
“แน่ใจเหรอว่าให้หนูพอ” พูดพร้อมกับยิ้มมุมปาก เมื่อเห็นร่างบางบิดเกร็ง ราวกับเรียกร้องให้เธอทำต่อ แต่ปากกลับบอกให้พอ
“อื๊อ...นัท...พอแล้ว หยุดแกล้งได้แล้ว เริ่มสักที...อา...” สิ้นคำร้องขอ นัทจึงจับที่ข้อเท้าขึ้นมา แล้วก้มลงจูบที่หลังเท้าอย่างอ่อนโยน ก่อนจะใช้นิ้วชี้ทั้งสองข้าง เกี่ยวขอบกางเกงชิ้นน้อยลงช้า ๆ จนเผยให้เห็นดอกพุดตานอมชมพูที่มีน้ำหวานเยิ้ม พร้อมให้ผึ้งตัวน้อยผสมเกสรเต็มที 
นัทคว้าเรียวขาทั้งสองข้างขึ้นมาวางพาดบนบ่าของเธออีกครั้ง ก่อนจะจูบที่ต้นขาทั้งสองข้างสลับไปมาหยอกเย้าเรียกอารมณ์ไปหยุด จนได้เห็นร่างบางบิดเกร็ง มือทั้งสองข้างกำผ้าปูเตียงสีครีมจนยับยู่ยี่ รับรู้ได้เลยว่าอีกคนทรมานมากเพียงใด
“นัท...ขอร้องล่ะ เริ่มสักทีได้...มะ...อ๊ะ! อ๊า...”
ยังไม่ทันที่ตานจะได้พูดจบประโยค ลิ้นอุ่น ๆ ก็โลมเลียกลีบดอกไม้ช้า ๆ จะสะโพกแอ่นลอยรับด้วยความเสียวซ่าน น้ำหวานช่างหอมหวานรัญจวนใจจนต้องล้วงลึกเข้าผสมเกสรภายใน เพื่อจะได้ดูดดื่มน้ำหวานให้หนำใจ เสียงครวญครางพร้อมกับใบหน้าสาวสวยสะบัดไปมาราวกับถูกทรมาน แต่มันคือความสุขสมที่เธอเองก็โหยหามันเช่นกัน
ลิ้นอุ่นที่ตวัดโลมเลียราวกับช่ำชองแม้จะเก็บเกี่ยวประสบการณ์ไปเพียงไม่กี่ครั้ง สร้างความสุขได้ดี จนในที่สุดร่างบางก็กระตุกเกร็งปลดปล่อยอารมณ์ให้ถึงขีดสุดได้ในเวลาเพียงไม่นาน 
เมื่อเห็นร่างเปลือยเปล่านอนหอบหมดแรงอยู่บนเตียง เธอจึงเปลื้องกางเกงของเธออย่างรวดเร็ว ก่อนจะจับขาทั้งสองข้างพร้อมกับก้าวขึ้นไปบนเตียงช้า ๆ เธอประกบแนบความสาวเข้าด้วยกัน ก่อนจะโยกสะโพกบดเบียดเป็นจังหวะ จนได้ยินเสียงครางกระเส่าออกมาอีกครั้ง
จังหวะที่นุ่มนวลกลับแปรเปลี่ยนเป็นจังหวะรักที่เร่าร้อนราวพายุโหมกระหน่ำ เมื่อเธอโยกสะโพกกระแทกเพิ่มความเร็วขึ้นอีก มือนุ่มทั้งสองข้างกำชายเสื้อเอาไว้ ก่อนจะบิดเกร็งจนยับยู่ยี่ในอุ้งมือของเธอเอง 
เพลงรักบรรเลงอย่างต่อเนื่องและยาวนาน เพราะทั้งสองต่างรู้ดีว่า ครั้งนี้อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้มีความสุขร่วมกัน ขอเป็นครั้งสุดท้าย...ที่พวกเธอจะจดจำไปจนวันสุดท้ายของชีวิต...


ร่างเปลือยเปล่าที่นอนอยู่ภายใต้ผ้าห่มสีครีมโอบกอดกันและกันเอาไว้แน่นทั้งน้ำตา หนทางที่จะเดินต่อช่างมืดมิด นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายอย่างนั้นหรือ... จมูกโด่ง ๆ ถูไถที่แก้มเนียนไปมาอย่างอาลัยอาวรณ์จนปอกหมอนสีครีมเปียกปอนไปด้วยคราบน้ำตา
“ครูรักเธอนะนัท...อย่าลืมคำพูดของตัวเองนะ มีชีวิตอยู่ต่อเพื่อตัวเอง ครูจะรอดูวันที่เธอประสบผลสำเร็จในชีวิต แล้ววันนั้น...ครูจะกลับมาแสดงความยินดีกับเธอ”
“ครูพูดเหมือนกับว่าครูจะไม่อยู่ที่นี่แล้วอะ”
“ครูจะอยู่ในใจเธอตลอดไปเลยนัท ตราบเท่าที่เธออยากให้ครูอยู่”
“นั่นมันคำพูดหนูนี่นา...”
“อืม...หลังจากนี้เรามายิ้มให้กันเถอะนะนัท ครูไม่อยากให้เธอจดจำตอนที่ครูร้องไห้ และครูก็อยากจะจดจำรอยยิ้มของเธอเหมือนกัน”
“ได้ค่ะ” พูดจบก็ยกมือปาดน้ำตาอย่างว่าง่าย
“เป็นเด็กดีนะคะ” พูดพลางกับจุมพิตที่ปลายจมูกโด่งอย่างแผ่วเบา
“หนูจะเป็นเด็กดีของครูตลอดไปเลย”
“อืม แล้วทำไมวันนี้เธอไม่ไปโรงเรียนล่ะนัท”
“ก็หนูยังไม่ได้นอนไงคะ หนูไม่มีแรงอะเลยไม่ไปโรงเรียน”
“เกเรนะ ไหนบอกว่าไม่มีแรง แล้วเมื่อกี้ไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน”
“ความคิดถึงมันมีมากจนหนูสามารถทำได้ทุกอย่าง ฮิฮิ”
“เธอนี่นะ...”
“แล้วครูล่ะคะ ทำไมไม่ไปโรงเรียน มานอนกับหนูแบบนี้ทำไมกันน้า...” พูดพลางอมยิ้มแล้วยื่นหน้าเข้าไปแสดงท่าทียั่วโมโห จนถูกผลักหน้าออกเบา ๆ
“ก็...คิดถึงเธอจนนอนไม่หลับล่ะมั้ง”
“จริงเหรอคะ”
“อืม”
“เหรอ ๆ จริงเหรอ...”
“อื้ม!”
“คิกคิก แล้วครูไปทำอะไรที่บ้านพี่ข้าวอะคะ”
“เออนัท...ครูรู้แล้วนะ ว่าพี่ชายของครูคือใคร”
“ฮะ!!? จริงเหรอคะ”
“อืม พี่ชายครู คือแฟนเพื่อนบ้านเธอนั่นแหละ”
“เฮ้ย!! ว่าแล้ว!! แล้วทำไมพี่ว่านต้องโกหกหนูด้วยอะ”
“ครูก็ไม่รู้เหมือนกัน แถมวันนี้ยังทำเหมือนไม่รู้จักครูด้วย เธอช่วยพาครูไปหาพี่ว่านหน่อยได้ไหม”
“ได้ค่ะ ไปตอนไหนดีคะ”
“ตอนนี้”


ติ๊ง  ต่อง ~
ติ๊ง ต่อง ~
นัทยืนกดออดหน้าบ้านหลายครั้ง แต่กลับไม่มีวี่แววว่าจะมีใครมาเปิดประตูบ้านให้ เธอจึงใช้สองมือจับที่รั้วเหล็กและพยายามชะเง้อมองเจ้าของบ้านอย่างใจจดใจจ่อ ก่อนจะกดออดย้ำอีกครั้ง
ติ๊ง ต่อง ~
“รถพี่ว่านก็ยังอยู่นะครู ทำไมไม่มีใครมาเปิดประตูอะ”
“เมื่อกี้ครูต้องทำให้แฟนพี่ว่านเข้าใจผิดแน่ ๆ เลย เขาเลยไม่ยอมออกมาเปิดประตู”
“งั้นครูรอหนูอยู่นี่ เดี๋ยวหนูมา” พูดพลางกับเลิกขากางเกงขาสั้นขึ้น ก่อนจะจับรั้วเหล็กให้มั่น ครูสาวเห็นแบบนั้นจึงรีบดึงแขนเธอออกมาทันที
“นัท!! เธอจะทำอะไรของเธอ!!?”
“หนูจะปีนเข้าไปเรียกให้ไง”
“ไม่ได้นะ ถ้าเจ้าของบ้านเขาไม่ยินยอม แบบนี้เขาเรียกบุกรุกนะนัท”
“ถ้าหนูโดนจับ ไว้ครูค่อยไปประกันตัวหนูก็ได้ หนูอยากให้ครูได้คุยกับพี่ชายครูมากกว่า”
“นัท!!”
“เถอะน่า...เชื่อใจหนู” เมื่อเห็นว่านัทยังคงดื้อดึงจะปีนรั้วให้ได้ ครูสาวจึงได้แต่ถอนหายใจเฮือกแล้วยืนมองนัทค่อย ๆ ปีนรั้วเหล็กขึ้นไปอย่างชำนาญ ทันทีที่นัทกระโดดลงเหยียบพื้น เธอก็รีบวิ่งเข้าไปถีบประตูไม้บานใหญ่ทันที จนครูสาวได้แต่กุมขมับ
โครม!!!
“เปิดประตูสิพี่ข้าว!!!!”
“นัท!!! ทำบ้าอะไรของเธอน่ะ!!!”
“พี่ว่าน!!! พี่ข้าว!! ออกมาเปิดประตูให้หน่อย!! ถ้าไม่เปิด หนูถีบประตูอีกรอบนะ!!” เมื่อนัทเดินถอยหลังสองก้าว เพื่อตั้งท่าจะกระโดดถีบอีกครั้ง ประตูไม้บานใหญ่ก็เปิดออกมาทันที
“มีอะไรนัท ตอนนี้ข้าวปวดหัว ต้องการนอนพักผ่อน อย่ามารบกวนพวกเราเลย”
“พี่ว่าน!! พี่จะโกหกหนูทำไมอะ ว่าพี่ไม่รู้จักคนชื่อพุดตาน นั่นน้องสาวของพี่นะ!!”
“ไว้ค่อยคุยกันวันหลังนะนัท” เมื่อชายหนุ่มกำลังจะปิดประตู นัทจึงรีบคว้าบานประตูเอาไว้ทันที ก่อนจะออกแรงกระชากกลับจนประตูเปิดอ้ากว้าง ทำให้ชายหนุ่มมองเห็นหญิงสาวอีกคนที่เคยพบกันก่อนหน้ากำลังยืนเกาะรั้วเหล็กอยู่ เขาถึงกับดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ
“พี่ว่าน นั่นน้องสาวของพี่ เขาอยากเจอพี่มากนะ พี่จะไม่คุยกับเขาหน่อยเหรอคะ”
“อยากเจอเหรอ...มาอยากเจออะไรเอาป่านนี้”
“พี่หมายความว่าไง”
“ช่างมันเถอะ มันไม่ใช่เรื่องของน้อง”
“ไม่ใช่เรื่องของหนูได้ไง ในเมื่อหนูจำชื่อและหน้าพี่ได้ หนูต้องการให้พี่กับครูตานเจอกันนะ”
“ทำไม...ถึงจำพี่ได้ น้องเป็นใครกันแน่”
“สิบทิศ” สิ้นคำพูดของนัท ทำเอาชายหนุ่มถึงกับอึ้ง เขามองไปที่หน้าประตูสลับกับมองหน้าเด็กสาวตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง
“พี่ยอมคุยกับครูตานเถอะนะคะ ครูตานอยากเจอพี่มากจริง ๆ”
“อะ...อืม ไปพาเขาเข้ามาเลย” เมื่อได้ยินคำตอบจากชายหนุ่ม นัทจึงยิ้มออกมาด้วยความดีใจ ก่อนจะรีบวิ่งกลับไปเปิดประตูรั้วให้ครูสาว 
หัวใจที่กระหน่ำเต้นรัว ๆ ด้วยความตื่นเต้น ทำครูสาวยิ้มไม่หุบ ในที่สุดเธอก็จะได้เจอพี่ชายและแม่ของเธอเสียที หลังจากที่รอคอยมานานแสนนาน


“พี่ขอให้แฟนพี่นั่งฟังเรื่องที่เราจะคุยกันได้ไหม เพราะเขาไม่เชื่อว่าตานคือน้องสาวของพี่” พูดพลางหันไปมองแฟนสาวที่ยืนอยู่ทางด้านขวาของตน ตานจึงยิ้มและพยักหน้าเป็นการตอบรับ
“ได้ค่ะพี่ว่าน เมื่อกี้ต้องขอโทษด้วยนะคะ ฉันไม่ทราบจริง ๆ ค่ะ ว่าพี่ว่านไม่เคยบอกคุณว่ามีน้องสาว”
“อือ” หญิงสาวตอบอย่างไม่สบอารมณ์นัก นัทจึงเดินไปสะกิดเธอเบา ๆ 
“พี่ข้าว เขาสองคนเป็นพี่น้องกันจริง ๆ เชื่อหนูนะ”
“อืม ช่างเถอะ เชิญเลยค่ะ คุยกันตามสบายเลย”
“อ้าวข้าว ไม่อยู่ด้วยกันเหรอ” เมื่อเห็นว่าแฟนสาวกำลังจะเดินกลับเข้าไปในห้อง ว่านจึงรีบรั้งข้อมือของเธอเอาไว้ทันที
“ไม่เป็นไรค่ะ ครอบครัวจะคุยกัน หนูไม่อยากรบกวน ถ้านัทยืนยันหนูก็เชื่อว่าพี่กับเขาเป็นพี่น้องกันจริง ๆ ส่วนเรื่องของเราก็เอาไว้เคลียร์กันทีหลัง”
“อืม ขอบคุณนะครับ”
“ค่ะ ตามสบายนะคะ” พูดพร้อมกับยิ้มให้ครูสาว ก่อนจะเดินเข้าห้องไป นัทจึงผงกศีรษะและยิ้มกว้างเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับครูสาว 
“เอ่อ...พี่ว่าน...สบายดีนะคะ”
“อืม ก็สบายดีนะ พี่กำลังจะแต่งงานแล้ว”
“ยินดีด้วยนะคะ พี่ต้องมีครอบครัวที่น่ารักมากแน่ ๆ เลย”
“อืม แล้วตานล่ะ เป็นยังไงบ้าง เราไม่ได้เจอกันนานแค่ไหนแล้วนะ”
“ไม่ได้เจอกันนานมากจริง ๆ ค่ะ นานจนนับไม่ถ้วนเลย พี่ว่านดูไม่เปลี่ยนไปเลยนะคะ แต่หล่อขึ้นนะเนี่ย”
“อืม ขอบคุณนะ แล้วเรื่องที่นัทพูดเมื่อกี้ มันคือเรื่องจริงเหรอ” พูดพลางกับหันไปทางนัท เธอจึงผงกศีรษะหงึก ๆ 
“ถึงว่าล่ะ...ทำไมถึงรู้จักชื่อพี่ และรู้ด้วยว่าพี่คือพี่ชายของตาน”
“ตอนแรกตานก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกันค่ะ แต่เพราะนัทเหมือนพี่สิบทิศมาก จนตานเองก็ตกใจ”
“พี่ได้ยินข่าวมาบ้างเหมือนกัน เรื่องที่พี่สิบทิศเสีย ไม่คิดเลยว่าพี่สิบทิศจะทำแบบนั้น”
“ค่ะ...เอ่อ...พี่ว่านคะ แล้ว...แม่สบายดีไหมคะ” สิ้นคำถาม ชายหนุ่มถึงกับชะงัก ก่อนจะกัดฟันข่มอารมณ์เอาไว้พร้อมกับเหลือบสายตาลงต่ำ
“พี่ว่านคะ แม่ล่ะคะ แม่เป็นยังไงบ้าง”
“ตาน ก่อนที่พี่จะบอก พี่ขอถามอะไรหน่อยได้ไหม”
“อะไรเหรอคะ”
“พวกนั้นเล่าอะไรเกี่ยวกับแม่ให้ฟังบ้าง”
“พวกนั้น...หมายถึงใครคะ”
“พ่อของตาน และคนใช้ที่ชื่อมะลิ”
“เอ่อ...ทำไมถึงถามแบบนั้นล่ะคะ พี่ว่านบอกมาเถอะค่ะ ว่าแม่เป็นยังไงบ้าง ตานอยากเจอแม่”
“พี่ถามว่าพวกนั้นมันเล่าอะไรให้ตานฟังบ้าง!!?” เมื่อจู่ ๆ  ชายหนุ่มพูดขึ้นเสียง ทั้งตานและนัทต่างสะดุ้งโหยง จนนัทต้องรีบมายืนเคียงข้างครูสาวทันที
“พี่ว่าน...พี่เป็นอะไรคะ”
“ที่ผ่านมา ตานไปอยู่ไหนมา!!? ทำไมตานไม่ติดต่อมาหาพี่กับแม่เลย”
“มะ...ไม่เลยค่ะพี่ว่าน ตานพยายามถามหาแม่กับพี่ว่านตลอดเลยนะคะ และตานก็ไม่รู้จะหาทางติดต่อยังไง ตานไม่ได้ยินข่าวคราวอะไรเลย แล้วพี่ว่านล่ะค่ะ ทำไมถึงไม่ติดต่อกลับมาบ้างเลย ตานรอการติดต่อจากพี่กับแม่ทุกวัน” 
“เหอะ!! พี่สิที่พยายามติดต่อหาตานทุกวัน!! แต่ตานไม่เคยยอมคุยกับพี่เลยสักครั้ง วันที่แม่เสีย พี่พยายามโทรหาตานเป็นร้อย ๆ สาย แต่อีมะลิบอกว่าตานเกลียดพี่กับแม่ไปแล้ว!!!”
“พะ...พี่ว่าน...พี่พูดว่าอะไรนะ” สิ่งที่ได้ยิน ทำเอาตานราวกับโดนสายฟ้าฟาดที่กลางใจ ดวงตาทั้งสองเบิกโพลง จนนัทต้องโอบไหล่เธอเอาไว้ แต่ชายหนุ่มเห็นแบบนั้นกลับทำให้อารมณ์ปะทุเดือดขึ้นไปอีก
“แม่ตายไปนานแล้ว!!! ตอนนั้นไม่คิดจะไยดี จะมาถามอะไรเอาป่านนี้เหรอตาน!!!?” เขายืนขึ้นพรวดพร้อมกับตะคอกเสียงดัง จนแฟนสาวต้องรีบเปิดประตูออกมา สถานการณ์ตอนนี้เต็มไปด้วยความโกรธและความสับสน ตานไม่รู้เลยว่าอะไรคืออะไร สิ่งที่ได้ยินนั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่
“ตัวเองเป็นอะไร!? ใจเย็น ๆ สิ!”
“พี่ว่าน! พี่หมายความว่าไง พี่พยายามติดต่อมาหาตานตลอดเลยเหรอ”
“ใช่!! โทรทุกวัน แม้จะไม่มีการตอบรับพี่ก็โทร!!”
“แต่ป้ามะลิบอกว่าแม่กับพี่ว่านไม่เคยคิดต่อมาเลยนะคะ”
“เหอะ!! มันจะบอกตานทำไม ก็มันนั่นแหละ!! ที่ใส่ร้ายแม่กับพี่ว่าเป็นลูกชู้ ก็มันนั่นแหละ!!! ที่เป็นชู้กับพ่อ!!!!”