ฉึบ!!
ร่างของสิบทิศค่อย ๆ ทรุดลงกับพื้นพร้อมกับความรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวบริเวณบั้นเอวด้านขวา จนต้องใช้มือขวากุมเอาไว้ ก่อนที่ร่างของเขาจะถูกคนเป็นนายถีบเข้าที่กลางอกจนล้มพับไปกองกับพื้น
“อัก!!”
เขานอนมองฝ่ามือของตนที่อาบไปด้วยเลือดจึงรู้ได้ทันทีว่า เขาถูกของมีคมบางอย่างแทงจากทางด้านหลัง ลมหายใจของเขารวยรินราวคนจะสิ้นใจจากอาการเจ็บปวดแสนสาหัสที่บาดแผล แต่จิตใจคนที่สุดแสนจะอำมหิตก็หาได้หวาดกลัวหรือเกรงกลัวต่อบาปกรรมแต่อย่างใด เขาพยุงร่างที่สะบักสะบอมของตนขึ้นมา ก่อนจะเหยียบลงที่กลางอกของสิบทิศเอาไว้ 
“อัก!! แค่ก!!”
“มึงเก่งมากใช่ไหมไอ้เหี้ยสิบ มึงกล้ามากที่ทำกับกูแบบนี้ มึงไม่ได้ตายดีแน่!!” เพราะโทสะทำให้คนเป็นนายไม่ไว้ชีวิตคนที่นอนหายใจรวยรินอยู่เบื้องล่าง เขาออกแรงกระทืบที่กลางอกอย่างแรงจนสิบทิศถึงกับกระอักและแน่นิ่งไปในทันที พจน์ใช้มือขวาเช็ดเลือดที่ใบหน้าของตนจากการที่โดนสิบทิศต่อยจนสะบักสะบอม ก่อนจะนั่งยอง ๆ เพื่อใช้นิ้วชี้ตรวจสอบลมหายใจของอีกคน
“คะ...คุณพจน์คะ เป็นยังไงบ้างคะ”
“ไม่ตายก็เหมือนตายล่ะวะ มะลิ! มาช่วยฉันเอามันไปโยนลงน้ำ” พูดพร้อมกับหันไปทางมะลิที่ยืนตัวสั่นเทาหวาดกลัวกับสิ่งที่ตนทำลงไป
“คุณคะ!! อย่านะคะ อย่าทำให้สิบตายนะคะ”
“ให้มันตายน่ะยิ่งดี มันจะได้ไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกใคร ต่อให้มันตายก็ไม่มีค่าอะไรให้คนถามถึงหรอก!!”
“ถ้ามีคนสงสัยแล้วตามสืบเรื่องนี้ล่ะคุณพจน์ เราจะซวยกันหมดนะ!!”
“ไม่มี!! ไม่มีใครทำอะไรได้ทั้งนั้น แค่ฉันใช้เงินปิดปากให้หมดก็ไม่มีใครทำอะไรได้แล้ว ไม่ต้องห่วง ไม่มีใครทำอะไรเราได้หรอก เชื่อฉัน”
“แต่ว่า...”
“ไม่มีแต่!!”
“แล้วคุณจะบอกคุณหนูว่ายังไงคะ ไหนจะแผลที่หน้าคุณอีก”
“ก็แค่บอกว่าฉันไม่ยอมยกลูกสาวให้คนต่ำต้อยอย่างมัน จนมันคลั่งมาต่อยฉัน แล้วก็กระโดดน้ำฆ่าตัวตายเพื่อหนีความผิด”
“มันจะไม่มีใครเอาผิดเราได้จริง ๆ ใช่ไหมคะ”
“ใช่ แต่ตอนนี้ช่วยกันเอามันไปโยนลงน้ำก่อน แล้วเอ็งก็เล่นละครตบตาทุกคนไป”
“เข้าใจแล้วค่ะ...”


ตู้ม!!
ทันทีที่ร่างของสิบทิศถูกจับโยนลงน้ำเขาถึงกับสะดุ้งเฮือกขึ้น ก่อนที่จะพยายามตะเกียกตะกายพาร่างของตนให้โผล่พ้นเหนือผิวน้ำ แต่บาดแผลที่บั้นเอวด้านขวาก็ทำให้เขาทรมานจนแทบไม่เหลือเรี่ยวแรงอีกแล้ว
ช่วยด้วย...ช่วยผมด้วย...ใครก็ได้ช่วยผมด้วย ผมยังไม่อยากตาย...ผมยังตายตอนนี้ไม่ได้…
สองแขนและสองขาพยายามกวักน้ำและยันร่างของตนให้ขึ้นเหนือน้ำให้ได้ แต่ยิ่งดันทุรัง ยิ่งพยายามเท่าใด ร่างของเขายิ่งจมลงเท่านั้น กลุ่มฟองอากาศจากลมหายใจเฮือกสุดท้ายที่หลงเหลืออยู่ก็แทบจะหมดลงทุกที รู้สึกว่าวันนี้สายน้ำที่ทำให้ชุ่มฉ่ำ กลับเย็นยะเยือกและบีบรัดตัวของเขาให้อ่อนกำลังลง ความรู้สึกตอนนี้ราวกับถูกก้อนหินขนาดใหญ่ทับที่กลางอกจนเขาหายใจไม่ออก ทรมานแทบจะขาดใจ แต่สิ่งที่วนเวียนในความคิด กลับเป็นหน้าเด็กสาวที่เขารักดั่งดวงใจกำลังยืนส่งยิ้มให้กับเขา จนน้ำตารินไหลรวมเป็นหนึ่งกับสายน้ำ
แสงสีทองของอาทิตย์อัสดงที่กำลังจะพ้นขอบฟ้าอยู่รำไร ร่างใต้ผืนน้ำกลับเห็นแค่เพียงแสงระยิบระยับเพราะไม่อาจพาร่างของตนขึ้นไปเหนือน้ำได้จนต้องยอมจำนนต่อโชคชะตาในที่สุด
ผมจะตายแล้วใช่ไหมครับ...ถ้าอย่างนั้น...
ขอได้ไหม...ขออีกสักครั้งได้ไหม...ขอให้ผมได้อยู่เคียงข้างคุณหนูพุดตานอีกสักครั้งได้ไหม ขอแค่สักครั้ง…ขอให้ผมได้เกิดใหม่เป็นใครก็ได้ ที่สามารถใกล้ชิดคุณหนูมากกว่านี้ ขอให้คุณหนูได้รับอุ่นไอจากตัวของผม...ขอร้อง...ผมขอร้อง...
เสียงอื้ออึงที่ดังก้องอยู่ในหู ร่างที่ล่องลอยและค่อย ๆ จมลงช้า ๆ แสงสีทองของอาทิตย์อัสดงที่เห็นเป็นเพียงภาพพร่ามัว อุณหภูมิในร่างกายที่เริ่มเย็นลงจนไร้ความรู้สึกใด ๆ ก่อนเสียงบทเพลงรักหวานชื่นจะดังเข้ามาในโสตประสาทราวกับกำลังบรรเลงบทเพลงอำลาเขาเป็นครั้งสุดท้าย

'เมื่อดวงใจมีรัก มอบแด่ใครสักคน หมดทุกห้องหัวใจ...
ขอให้เธอมั่นใจรักจริง ฉันจะยอมมอบกายพักพิง แอบแนบอิงนิรันดร์...
ฉันจะยอมมอบกายพักพิง แอบแนบอิงนิรันดร์....'

ลมหายใจเฮือกสุดท้าย กำลังจะหมดลง ทุกวินาที...ทุกวิ...นา...ที


เสียงอึกทึกครึกโครมพร้อมกับเสียงคุยกันโหวกเหวกเสียงดังแข่งกับเสียงดนตรีจากชุดโฮมเธียเตอร์ แสงไฟหลากสีสาดส่องไปทั่วห้องคาราโอเกะภายในเรือนไทยประยุกต์ราวกับมีงานเฉลิมฉลองตั้งแต่หัววัน แม้วันนี้จะเป็นเพียงการสังสรรค์ระหว่างสองตระกูลใหญ่อย่างพุทธารักษ์ และเจริญเกียรติยศ แต่หัวข้อการสนทนากลางวงก็คงหนีไม่พ้นเรื่องค่าสินสอดทองหมั้นระหว่างครูสาวพุดตานและครูหนุ่มคณิน
“นี่พ่อสิงห์ ได้ข่าวว่าพ่อสิงห์มาสู่ขอแม่พิกุลตั้งสองล้านเลยใช่ไหม” หญิงวัยกลางคนแต่งตัวมีภูมิฐานทั้งตัวมีเครื่องประดับไม่ว่าจะแหวน สร้อยคอ และกำไลข้อมือที่เป็นเพชรหลายกะรัตส่องแสงระยิบระยับจนพิกุลที่นั่งฝั่งตรงข้ามมองด้วยดวงตาที่แวววาว
“ครับคุณป้า” สิงห์ตอบด้วยรอยยิ้ม
“คณิน อย่าให้น้อยหน้าพ่อสิงห์นะ ว่าที่ภรรยาสวยขนาดนี้ ห้ามต่ำกว่าล้านเด็ดขาด” 
“โธ่แม่...มันก็ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ไหม มันสิ้นเปลืองนะ”
“ไม่ได้นะ!! สิ้นเปลืองอะไร จะให้แม่ตานขายขี้หน้าเขาหรือไง!!?” พูดพร้อมกับหันไปทางหญิงสาวที่นั่งอยู่ฝั่งด้านซ้ายของคณิน ซึ่งเธอทำได้แค่ปั้นหน้ายิ้มเพื่อรักษาหน้าของคนเป็นพ่อเอาไว้ แม้ว่าจะฝืนมากแค่ไหนก็ตาม
“ครูตานก็ติดดินเหมือนผมนี่แหละแม่ แล้วอย่าคิดว่าจะไปเชิญแขกเยอะแยะด้วยนะ”
“ก็บอกว่าไม่ได้ไง!! เดี๋ยวแม่จัดการเอง”
“ไม่เอาน่าแม่...”
“เอ๊ะ! ลูกคนนี้นี่ นั่นก็ไม่เอา นี่ก็ไม่เอา ให้เกียรติว่าที่ภรรยาหน่อยได้ไหม ห้ามน้อยหน้าคนอื่น!!”
“ตานขอตัวนะคะครูคณิน” พูดจบตานจึงลุกเดินออกจากโต๊ะอาหารทันที จนคนเป็นแม่เลี้ยงมองตามเธอตาขวาง
“คณิน ตามน้องไปสิลูก” มะลิพูด
“เอ่อ...น้องไปเข้าห้องน้ำหรือเปล่าครับ”
“จะไปเข้าห้องน้ำหรืออะไรก็รีบตามไปเถอะ ยังไงก็จะได้เป็นผัวเป็นเมียกันอยู่แล้ว”
“ครับแม่มะลิ” พูดจบ คณินก็รีบโค้งตัวให้กับผู้หลักผู้ใหญ่ที่นั่งร่วมโต๊ะนับสิบคน ก่อนจะรีบวิ่งตามครูสาวไปทันที

ภายในห้องครัว ครูสาวยืนกำมือเอาไว้แน่นด้วยความเจ็บปวด สายตาของเธอจ้องมองไปที่มีดที่เสียบอยู่กับที่เก็บมีด ก่อนเธอจะเอื้อมมือไปจับที่มีดด้ามไม้เล่มหนึ่ง ปลายมีดแหลมคมค่อย ๆ หลุดจากช่องเก็บมีดช้า ๆ ก่อนจะสั่นตามแรงของร่างครูสาวที่กำลังสั่นเทาไปทั้งตัว
น้ำตาที่รินไหลออกมานั้นเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและทุกข์ทรมานที่ไม่อาจบรรยายเป็นคำพูดได้ ตานกัดฟันแน่นและปิดบังเสียงสะอื้นเอาไว้ไม่ให้เล็ดลอดออกมาด้วยฝ่ามือข้างซ้าย ส่วนมือขวาค่อย ๆ ยกมีดขึ้นมาช้า ๆ
“ครูตาน! จะทำอะไรครับ!?”
ทันทีที่ได้ยินเสียงครูหนุ่ม ตานถึงกับสะดุ้งโหยงและหันขวับไปตามต้นตอของเสียง ก่อนมีดเล่มเล็กจะหลุดจากมือของเธอด้วยความตกใจ คณินเห็นอย่างนั้นจึงรีบเข้าไปคว้ามีดมาเก็บเอาไว้ทันที
“เมื่อกี้จะทำอะไร”
“ทำไมคะ กลัวว่าที่ภรรยาจะตายก่อนได้แต่งงานเหรอ” เธอตอบเสียงสั่น
“ใจเย็น ๆ นะครับครูตาน ผมอยากให้คุณเชื่อใจผม”
“เหอะ...เชื่อใจคนที่มันตลบหลังตานน่ะเหรอคะ คนเลว ๆ อย่างคุณ อย่าหวังว่าจะได้ตัวตานเลย!!!” เมื่อได้ยินแบบนั้น คณินยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่างพลางกับมองร่างหญิงสาวที่กำลังสั่นเทา แต่แววตาของเธอแสดงความโกรธแค้นจนสามารถรับรู้ได้
“เอาจริง ๆ ผมก็แอบเสียดายอยู่นะ คนสวย ๆ อย่างคุณที่ผมหมายตาต้องใจดันไม่ได้บริสุทธิ์ผุดผ่อง ก็ถ้าจะมีเรื่องอย่างว่ากับผู้ชาย มันก็คงจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่มันดันเป็นเด็กนักเรียนหญิงคนหนึ่งที่ผมไม่ค่อยถูกชะตานี่สิ ที่มันทำให้ผมเคือง” สิ้นคำพูดของเขา ตานถึงกับดวงตาเบิกโพลงด้วยความตกใจ เขารู้เรื่องนี้ได้อย่างไรกัน
“นี่คุณพูดอะไรของคุณ!!?”
“บังเอิญว่าวันนั้นผมวนเวียนแถวบ้านครูตานอยู่น่ะครับ ก็เลยได้รู้อะไรเข้า แหม...วันที่ฝนตกอากาศดี ๆ แบบนั้น...เสียงครางของคุณมันควรจะเกิดจากผมนะ ว่าไหมครับ...” เขาพูดพลางกับยิ้มอย่างมีเลศนัย ก่อนจะก้าวเข้าหาเธอช้า ๆ ตานจึงถอยหนีไปทางด้านหลัง จนสะโพกของเธอชนกับตู้เคาน์เตอร์ครัวไม้สักอย่างดีจนเธอถึงกับชะงัก
“ครูตานคิดเหมือนผมไหม ว่าถ้าเสียงครางนั่นมันเป็นเพราะผมคงจะดีไม่น้อยเลยนะครับ ว่าไหม”
“ไอ้โรคจิต!!”
“เห...ยังไม่ได้ทำอะไรเลย ด่าผมเสีย ๆ หาย ๆ แล้วเหรอ แต่ช่างเถอะ ผมไม่ถือสาว่าที่ภรรยาคนสวยของผมหรอกนะครับ เพราะยังไง...คนปากเก่งแบบครูตานก็ต้องมาครางเสียงหวาน ๆ ให้ผมฟังอยู่ดี”
“ไอ้ชาติชั่ว!!!” ตานพูดพร้อมกับคว้าสากขึ้นมาหวังจะฟาดเขา แต่คณิน กลับพุ่งเข้าไปคว้าร่างของเธอมาอยู่ในอ้อมกอดอย่างรวดเร็ว 
“อ๊าย!! ปล่อยนะ!! ไอ้เลว!! ไอ้โรคจิต!!!”
“ซี๊ด...ตัวหอมจริง ๆ ด้วย ถึงว่าล่ะ ทำไมณิชาภัทรถึงได้เสพติดครูตานขนาดนี้” เขาพูดพลางกับก้มลงสูดกลิ่นกายครูสาวที่ซอกคออุ่น ๆ ยิ่งเธอพยายามขัดขืนและดิ้นอย่างไร คณินยิ่งกอดรัดเธอแน่นขึ้นจนเธอไม่สามารถที่จะต้านแรงของเขาได้ น้ำตาเจ้ากรรมรินไหลออกมาเป็นสาย ทำไมชีวิตเธอต้องประสบพบเจอแต่เรื่องเลวร้ายเช่นนี้
“เอาเลย...อยากทำอะไรก็ทำ แต่อย่าหวังเลยว่าจะได้เมียตัวเป็น ๆ ไปนอนกอด คนเลว ๆ อย่างแกมีแต่จะได้นอนกอดศพเมียเท่านั้นแหละ!!”
“ตาน!!! ปากเก่งนักนะ!!!”
“อ๊าย!!!!”


ช่วงเวลาโพล้เพล้ของวันนั้นเอง บนเรือแตะสำหรับพายเก็บดอกบัวมีเด็กสาวและเด็กหนุ่มเพียงสี่คนเท่านั้นที่สามารถมาตามแผนได้ เด็กหนุ่มที่นั่งหัวเรือและท้ายเรือพยายามพายเรือด้วยความร้อนใจ เพราะสภาพของนัทในตอนนี้ กำลังนั่งตัวสั่นเทาจนเปาต้องกอดร่างของเธอเอาไว้แน่น
“เป็นไงบ้างนัท ไหวไหม” 
“ไม่ไหวก็ต้องไหวแหละเปา ทำไงได้อะ มันเหลือแค่ทางนี้ทางเดียวแล้ว ขนาดพ่อไอ้บิ๊กที่ว่าใหญ่ยังพาเข้าบ้านครูตานไม่ได้เลย”
“กูขอโทษนะนัท ที่ช่วยมึงได้แค่นี้”
“พอก่อน อย่าโทษตัวเองเลยบิ๊ก อย่างน้อยพ่อกูก็ยอมให้เอาเรือออกมา”
“ใช่ โปเต้พูดถูก เราทุกคนทำเต็มที่แล้ว อย่าโทษตัวเองเลยนะ แค่บิ๊กมาช่วยพายเรือมันก็ดีมากแล้ว แต่บ้านครูตานมีอะไรกันนะ ถึงขั้นที่คนนอกเข้าไปไม่ได้เลยอะ”
“เราสังหรณ์ใจไม่ดีเลยเปา กลัวว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีกับครูตานอะ อีกไกลไหมวะโปเต้กว่าจะถึง” นัทพูดพลางกับมองหน้าโปเต้ ซึ่งนัทและเปานั่งหันหน้าเข้าหากัน โดยหัวเรือคือโปเต้ที่นั่งพายแบบหันหลังเพราะชำนาญกว่า ส่วนบิ๊กรับหน้าที่พายที่ท้ายเรือเพื่อระวังหลังให้กับนัท และเขาก็เอาแต่มองนัทแบบไม่ละสายตาด้วยความเป็นห่วง
“ใกล้ถึงแล้ว อีกนิดเดียว แต่ประเด็นคือเราจะเข้าไปบ้านครูตานได้ไหม ถ้าหน้าบ้านคนยืนเฝ้าขนาดนั้น ที่ท่าน้ำจะเหลือเหรอ” โปเต้ตอบ
“ไม่มีใครสนใจท่าน้ำหลังบ้านหรอก เรากับครูตานแอบไปนั่งเล่นที่นั่นประจำ”
“นัทในชาติที่แล้วน่ะนะ” เปาถาม
“อืม เราจำได้คลับคล้ายคลับคลาว่ามันเป็นยังไง และจะเข้าไปในบ้านครูตานที่ทางไหนได้บ้าง แต่ถ้ามีคนยืนเฝ้าหน้าประตูเยอะขนาดนั้นแสดงว่าต้องมีแขกคนสำคัญแน่ ๆ ทางเดียวที่จะไปหาครูตานได้ คือปีนขึ้นห้องเท่านั้น เพราะหน้าต่างห้องครูตานถ้าเปิดออกมาก็จะมองเห็นท่าน้ำพอดี”
“กูเชื่อใจมึงนะนัท ว่ามึงต้องช่วยครูตานออกมาได้แน่ ๆ”
“ขอบคุณนะบิ๊ก ขอบคุณที่มึงยอมมาช่วยกู”
“อืม ขอโทษสำหรับที่ผ่านมา กู...อยากเป็นเพื่อนกับมึงนะ” สิ้นเสียงของบิ๊ก นัทจึงหันมามองหน้าเขาทันที ซึ่งท่าทีของบิ๊กไม่ได้มีท่าทีว่าจะกลั่นแกล้งเธอแต่อย่างใด แต่สายตาของเขาดูมุ่งมั่นกับการพายเรือเพื่อจะพาเธอไปยังจุดหมายเสียมากกว่า นัทเห็นแบบนั้นจึงอมยิ้มก่อนจะหันกลับมาซบไหล่เพื่อนสาวดังเดิม
ลุงสิบทิศ...ช่วยคุ้มครองให้ครูตานปลอดภัยด้วยนะคะ... นัทภาวนาในใจ


“ครูตานครับ...ฟังผม....ช่วยเล่นตามเกมก่อนนะ ตอนนี้แม่มะลิแอบฟังเราอยู่ข้างนอก” คณินกระซิบที่ข้างหูครูสาว แต่เจ้าตัวกลับดวงตาเบิกโพลงด้วยความตกใจ เพราะไม่เข้าใจว่าเขาต้องการจะสื่อสารอะไรกับเธอ
“ซี๊ด...ตัวหอมจริง ๆ ด้วย ถึงว่าล่ะ ทำไมณิชาภัทรถึงได้เสพติดครูตานขนาดนี้” เขาพูดพลางกับก้มลงสูดกลิ่นกายครูสาวที่ซอกคออุ่น ๆ ยิ่งเธอพยายามขัดขืนและดิ้นอย่างไร คณินยิ่งกอดรัดเธอแน่นขึ้น เขาจึงต้องกระซิบที่ข้างหูของเธออีกครั้ง
“ครูตาน ฟังผม ว่านให้ผมมาช่วยคุณ ช่วยเล่นตามบทผมหน่อย แม่มะลิกำลังแอบฟังอยู่”
“พะ...พี่ว่าน...คุณรู้จักพี่ว่านด้วยเหรอ” ตานกระซิบตอบ
“เดี๋ยวผมเล่าให้ฟังทีหลัง นี่ไม่ใช่เวลาจะมาคุย แค่คุณพยายามขัดขืนต่อไปก็พอ” เมื่อครูหนุ่มพูดจบ ตานจึงพยักหน้าตอบรับทั้งน้ำตาเพราะได้ยินชื่อพี่ชายแท้ ๆ ของเธอเอง ตอนนี้เธอคงทำได้แค่เล่นตามเกมชายตรงหน้าเท่านั้น แม้ไม่รู้ว่าจะถูกหลอกหรือไม่ก็ตาม
“เอาเลย...อยากทำอะไรก็ทำ แต่อย่าหวังเลยว่าจะได้เมียตัวเป็น ๆ ไปนอนกอด คนเลว ๆ อย่างแกมีแต่จะได้นอนกอดศพเมียเท่านั้นแหละ!!”
“ตาน!!!ปากเก่งนักนะ!!!”
“อ๊าย!!!!” เมื่อพูดจบ คณินก็จับที่ข้อมือของครูสาวก่อนจะลากเธอออกจากห้องครัว แล้วตรงเข้าไปยังห้องนอนของเธอ ซึ่งเจ้าของสายตาคู่หนึ่งที่กำลังมองดูเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจที่ทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่เธอวางไว้ทุกอย่าง มะลิเดินออกจากมุมมืดหลังประตูครัว ทำให้แสงไฟจากห้องครัวสาดส่องถึงตัวเธอ
รอยยิ้มมุมปากกำลังเผยออกมาอย่างมีชัย เพราะเสียงกรีดร้องของหญิงสาวที่ดังออกมาจากในห้องนอนราวกับถูกทรมาน มันช่างสร้างความสุขให้เธอเสียจริง จิตใจเธอไม่ต่างกับแม่มดในภาพยนตร์ที่สามารถทำได้ทุกอย่างโดยไม่มีเกรงกลัวต่อบาปแต่อย่างใด ก่อนเธอจะเดินจากไปเงียบ ๆ


“น่าจะปลอดภัยแล้วนะครับ”
“นี่มันเรื่องอะไรกัน ช่วยอธิบายให้ตานฟังที” ตานถึงกับหอบแฮกเพราะใช้หมอนทุบที่เตียงควบคู่ไปกับพยายามกรีดร้องให้ดูแนบเนียนที่สุด ก่อนจะกอดหมอนเอาไว้แน่น ตอนนี้เธอก็หาได้ไว้ใจชายอีกคนที่อยู่ในห้องนอนกับเธอเพียงลำพังเท่าไรนัก
“ครูตานครับ ผมอยากให้คุณไว้ใจผม ที่ผมทำไปทั้งหมด เพราะผมต้องการที่จะช่วยคุณ”
“ช่วยยังไง เล่ามาให้หมด”
“จำวันล่าสุดที่ผมไปบ้านครูตานได้ไหมครับ วันนั้นตอนที่ผมกำลังขับรถกลับเหมือนแม่มะลิขับรถตามผมมา เธอมาจ้างผมให้มาปล้ำคุณ ถ้าทำสำเร็จ เธอจะยกลูกสาวให้”
“อะ...อะไรนะ!!?”
“เอาจริง ๆ วันนั้นผมก็ตกใจ ว่ามันเรื่องอะไรกัน ผมก็ตกปากรับคำไปเพราะอยากรู้ว่าแม่ของคุณทำไมถึงจ้างให้ผมทำเรื่องแบบนี้ แต่พอผมไปถึงบ้านคุณ ผมก็ได้ยินเสียงคุณกับณิชาภัทรดังออกมา ผมก็เลยคิดว่ามันอาจจะเพราะว่าคุณชอบผู้หญิงหรือเปล่า ถึงต้องให้ผมมาจัดการเรื่องทั้งหมดให้ แต่ผมก็ไม่เข้าใจอยู่ดี จนกระทั่งสองสามวันก่อนว่านก็ติดต่อมาหาผม”
“ครูคณินรู้จักพี่ว่านด้วยเหรอคะ”
“เราสองคนเป็นเพื่อนกันครับ”
“จริงเหรอคะ!?”
“ครับ ว่านมันโทรมาขอร้องให้ผมช่วยน้องสาวมันให้ได้ เพราะกลัวว่าจะตกอยู่ในอันตราย ผมก็เลยเล่าเรื่องที่แม่คุณ ไม่สิ...เรื่องที่ป้ามะลิจ้างให้ผมทำเรื่องเลว ๆ แบบนั้นกับคุณให้ว่านฟัง เราเลยวางแผนเล่นตามเกมป้ามะลิและพ่อของคุณ ด้วยการที่ผมเข้ามาสารภาพกับอาพจน์ว่าได้เสียกับคุณไปแล้ว ซึ่งป้ามะลิก็ดีใจ และยกคุณให้ผมทันที และวันถัดมาป้ามะลิก็โทรนัดผมมาทานข้าวที่บ้านคุณแบบปุบปับ ซึ่งมันน่าแปลกตรงที่คุณก็ไม่ไปโรงเรียนด้วย” เมื่อได้ยินอย่างนั้น ตานจึงขมวดคิ้วเพื่อพินิจพิจารณาและลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้า
“แสดงว่าพี่ว่านเองก็พยายามที่จะช่วยตานตั้งแต่แรกแล้วสิคะ”
“ใช่ครับ ว่านมันพยายามติดต่อคุณมานานมากแล้ว และมันกลับมาที่นี่เพื่อที่จะตามหาคุณนั่นแหละ พอมาถึงที่นี่ว่านมันบอกว่ามีเด็กข้างบ้านไปถามมันว่า รู้จักคนชื่อพุดตานไหม พี่นามสกุลพุทธารักษ์หรือเปล่า มันสังหรณ์ใจไม่ดีก็เลยรีบโทรหาผมเลย ซึ่งน้องสาวของมันก็ดันบังเอิญเป็นคนเดียวกับที่ผมชอบนี่สิ น่าเสียดายจริง ๆ”
“ทำไมคะ”
“ว่านมันรู้ว่าผมเป็นคาสโนว่า ถ้าให้พูดตามตรง คือผมแค่ต้องการมีเซ็กส์กับคนที่ชอบ ไม่ได้คิดที่จะจริงจังกับใคร พอรู้ว่าเป็นน้องสาวของเพื่อน ผมก็เลยต้องเลิกยุ่ง เพราะไม่อยากมีปัญหากับมัน”
“คุณก็เลวเหมือนกันนะคะ”
“ฮ่า ๆ ผมมีเซ็กส์กับคนที่เต็มใจเท่านั้น แบบวิน ๆ ทั้งสองฝ่าย ถ้าให้ผมมาปล้ำคุณ ผมก็ทำไม่ลงหรอกครับ”
“เหอะ...ป้ามะลิทำแบบนั้นเพื่ออะไร คุณรู้ไหมคะ”
“น่าจะเพราะอยากได้ค่าสินสอดครับ เงินที่เอามาจ้างผมคือเงินก้อนสุดท้ายของอาพจน์ ซึ่งคุณอาคงจะรักป้ามะลิมากจนให้เป็นคนถือเงิน แต่ผมเดาว่า ถ้าได้เงินค่าสินสอดเมื่อไหร่ อาพจน์ก็จะไม่เหลืออะไรเลย แม้แต่ลูกเมีย ผู้หญิงแบบนั้นแค่ต้องการเกาะผู้ชายกินไปวัน ๆ เท่านั้นแหละครับ ผมรู้ดี”
ป็อก!!!
เมื่อได้ยินเสียงเหมือนมีบางสิ่งบางอย่างกระทบกับหน้าต่างห้องนอน ทั้งสองถึงกับหันขวับทันที
“เสียงอะไร” ครูหนุ่มถาม ก่อนที่ทั้งสองจะเงียบเพื่อฟังเสียงอีกครั้ง
ป็อก!!!
“พี่สิบทิศ!!” เสียงที่คุ้นเคยที่ชายคนรักในอดีตมักจะแอบมาทำเป็นประจำในช่วงที่ทุกคนในบ้านหลับกันหมดแล้ว ตานจึงรีบพุ่งไปเปิดหน้าต่างอย่างร้อนรน ก่อนจะเห็นกลุ่มนักเรียนของตนที่กำลังจะโยนก้อนหินขึ้นมาอีกครั้งจนต่างคนต่างกระโดดโลดเต้นเมื่อได้เห็นหน้าครูสาว
“นัท! เธอมาทำอะไรที่นี่!?” 
“นัท?” เมื่อได้ยินครูสาวเอ่ยเรียกชื่อลูกศิษย์ คณินถึงกับขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ก่อนจะเดินมาที่หน้าต่างและชะโงกหน้าไปมองคนเบื้องล่าง แต่เมื่อนัทได้เห็นหน้าของครูหนุ่มที่ยืนเคียงข้างครูสาวในห้องนอน เธอถึงกับเจ็บแปลบในใจ
“เฮ้ย! นั่นมันครูคณินนี่ ทำไมครูคณินอยู่กับครูตานได้อะ!!?” โปเต้ถามด้วยความตกใจ
“ทุกคน...กลับเถอะ” ทันทีที่นัทพูดจบ เธอก็หันหลังเดินจากไปทันที ทำเอาคนอื่น ๆ ถึงกับงง
“ครูตานครับ ผมว่ารีบตามณิชาภัทรไปเถอะครับ ผมคิดว่าตอนนี้เธอกำลังเข้าใจผิด เดี๋ยวผมจะถ่วงเวลาทางนี้ให้”
“ขอบคุณนะคะครูคณิน!” พูดจบ ตานไม่รอช้ารีบปีนขึ้นไปเหยียบบนขอบหน้าต่างทันที ทำเอาเหล่านักเรียนทุกคนถึงกับโหวกเหวกด้วยความตกใจ ก่อนเธอจะกระโดดลงบนพื้นหญ้าหลังบ้าน โชคดีนักที่เป็นเรือนไทยประยุกต์ที่ไม่สูงมากนัก ไม่ใช่การยกสูงให้มีใต้ถุนบ้านเพื่อใช้สอย แต่เป็นปูนทึบทั้งหมด ทำให้หลังบ้านเป็นที่ลับสายตาได้ดี 
เมื่อเท้าทั้งสองข้างลงถึงพื้น ตานถึงกับล้มพับไปกับพื้นหญ้า แต่มันก็ไม่เป็นอุปสรรคในการที่เธอจะรีบวิ่งไปกอดใครสักคนที่กำลังจะเดินหนีเธอไป ตานสวมกอดนัทเอาไว้แน่นจากทางด้านหลังโดยมีสายตาของคนอื่น ๆ เฝ้ามองดูเธอทั้งสองด้วยความดีใจ ในที่สุด...ทั้งสองก็ได้เจอกันอย่างที่ตั้งใจไว้เสียที
“นัท...อย่าหนีครูไป...” พูดพลางกับกอดอีกคนเอาไว้แน่น
“ทำไมครูถึงอยู่กับครูคณิน”
“ครูคณินเขามาช่วยครู”
“จริงเหรอคะ”
“ไม่เชื่อใจครูเหรอนัท รู้ไหมว่าครูต้องเจอกับเรื่องอะไรบ้าง ครูคิดถึงเธอมากเลยนะนัท ครูคิดว่าจะไม่ได้เจอเธออีกแล้ว ฮึก ๆ”
“นัท เดี๋ยวพวกเราไปสแตนด์บายรอที่เรือนะ ฝากนัทด้วยนะคะครูตาน” เปาพูดด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่จะเดินนำทุกคนไปยังท่าน้ำ เพื่อปล่อยให้ทั้งสองพูดคุยกันเพียงลำพัง ตานกระชับเรียวแขนให้แน่นขึ้นอีกพร้อมกับก้มลงซบที่บ่าข้างซ้ายเอาไว้จนรับรู้ได้ว่าร่างบางกำลังสั่นเทา เธอก็ยิ่งกอดให้แน่นขึ้นอีก
“นัท...เธอไม่เชื่อครูเหรอ”
“ครูตาน ฮึก ๆ ถ้าครูกอดหนูแน่นขนาดนี้ หนูจะกอดครูยังไงอะ ฮึก ๆ” เมื่อได้ยินแบบนั้น ตานจึงคลายเรียวแขนออก ก่อนที่เด็กสาวจะหันมาสวมกอดเธอเอาไว้ทั้งน้ำตา ต่างฝ่ายต่างโอบกอดกันและกันแน่นราวกับว่ากลัวจะต้องพรากจากกันอีก 
“นัท เธอมาที่นี่ได้ยังไง แล้วเธอมาทำไม” พูดพลางกับผละออกและใช้สองมือประคองใบหน้าของนัทเอาไว้ ก่อนจะเช็ดน้ำตาให้เด็กสาวอย่างอ่อนโยน
“ครูตานคะ ฮึก! หนูมีเรื่องสำคัญจะมาบอก ความจริง ฮึก! ความจริงลุงสิบทิศไม่ได้ฆ่าตัวตาย”
“ครูรู้แล้วนัท คนเลว ๆ พวกนั้นมันสารภาพให้ครูฟังหมดแล้ว และครูก็อัดเสียงเอาไว้หมดแล้วด้วย”
“จริงเหรอคะ!!? แล้วที่บอกว่าครูคณินมาช่วยนี่หมายความว่าไงคะครู”
“ครูคณินกับพี่ว่านเป็นเพื่อนกัน และเพราะวันที่เธอไปทักพี่ว่านนั่นแหละ ทำให้พี่ว่านกลัวว่าครูจะตกอยู่ในอันตรายเลยโทรไปขอร้องครูคณินให้มาช่วยครู”
“แสดงว่า ฮึก! พี่ว่านก็ไม่ได้ใจดำสิคะ”
“อืม ใช่ แต่เธอจะอยู่ที่นี่นานไม่ได้นะนัท เธอต้องรีบไปจากที่นี่ ป้ามะลิต้องไม่ไว้ใจเธอแน่ ๆ เพราะเขารู้ว่าเธอคือพี่สิบทิศมาเกิดใหม่”
“แล้วครูล่ะคะ ครูจะไม่ไปกับหนูเหรอ”
“ครูยังไปตอนนี้ไม่ได้ ตอนนี้ครูคณินกำลังเล่นตามแผนของป้ามะลิอยู่ ครูเองก็ต้องตามน้ำไปก่อน มันเป็นทางเดียวที่ครูจะไปจากที่นี่ได้”
“คิดว่าทุกอย่างมันจะง่ายขนาดนั้นเหรอคะ” ทันทีที่ทั้งสองได้ยินเสียงของอีกคนตามหลังมา พวกเธอถึงกับหันขวับ ก่อนที่นัทจะเดินมาขวางครูสาวเอาไว้โดยใช้สองแขนประคองร่างครูสาวถอยหลังออกไปช้า ๆ
“หึ! รักกันจังเลยน้า...ขนาดตายแล้วยังเกิดใหม่มาตามหาคุณหนูอีกนะสิบ” มะลิพูดพลางกับก้าวเข้าหาเธอทั้งสองโดยที่มีกระบอกปืนสั้นอยู่ในมือข้างขวาของเธอด้วย แถมเธอยังสวมถุงมือเอาไว้อย่างดีเพื่อป้องกันรอยนิ้วมือติดกับกระบอกปืน ราวกับว่าเธอวางแผนเอาไว้อย่างแยบยล
“อย่าเข้ามานะ!! อย่าคิดที่จะทำอะไรครูตานเด็ดขาด ไม่งั้นแกไม่ได้แก่ตายแน่ ๆ”
“เด็กอย่างแกจะมีปัญญาอะไร แค่ฉันยิงแกนัดเดียวก็ได้กลับบ้านเก่าแล้ว”
“หยุดนะป้ามะลิ!! ตอนนี้ครอบครัวครูคณินอยู่บนบ้านนะ!! ถ้าป้ายิงปืนแม้แต่นัดเดียว ป้าได้เข้าไปนอนในคุกแน่!!”
“ฮ่า ๆ อย่าลืมสิคะคุณหนู ว่าป้าพาคุณหนูกลับบ้านมาได้ยังไง ไอ้พวกนั้นมันหลับเป็นตายเลยค่ะ ส่วนนังเด็กนี่แค่ยิงทิ้งแล้วโยนลงน้ำเหมือนทำกับสุดที่รักของคุณหนูก็จบ”
“ป้านี่มันเลวทรามต่ำช้าจริง ๆ อย่าหวังว่าจะทำแบบนั้นได้ เดี๋ยวพี่คณินก็ลงมาช่วยตานกับเด็ก ๆ แล้ว!!”
“พ่อคณินตอนนี้อยู่กับพิกุลแล้วค่ะ มันสลบคาห้องคุณหนูนั่นแหละ หลังจากนี้ก็รอสร้างเรื่องใหม่ คือคุณหนูแอบมาเห็นว่าที่สามีได้เสียกับน้องสาวตัวเอง ทำให้เสียใจมาก จนยิงตัวตายที่ท่าน้ำหลังบ้าน เรื่องนี้เวิร์คไหมคะ”
“ทำไมป้าถึงได้เลวขนาดนี้!!? น้องพิกุลเป็นลูกของป้านะ!! ป้าทำแบบนี้ได้ยังไง ไหนจะพี่สิงห์อีก!!”
“ป้าบอกแล้วไงคะ ว่าลูกป้าเป็นเด็กกตัญญู แค่ป้าบอกอะไร แกก็เต็มใจทำแบบไม่มีอิดออด ส่วนพ่อสิงห์น่ะ ก็หวังแค่จะนอนกับพิกุลไปวัน ๆ ทั้งสองไม่ได้รักกันอยู่แล้ว”
“แล้วทำไมถึงปล่อยให้มีหลานล่ะ!!? ทำไมป้าไม่คิดถึงจิตใจน้องใบหม่อนเลย ว่าเขาจะรู้สึกยังไง!!?”
“หลานน่ะ เอาไว้มัดใจคุณพจน์เท่านั้นแหละค่ะ เราเสียเวลามามากแล้ว มาเล่นละครกันดีกว่านะคะ” เมื่อพูดจบ มะลิจึงยกปืนขึ้นมาจ่อที่ทั้งสองทันที แต่เพราะเธอมัวแต่สนใจคนตรงหน้าทำให้ไม่รู้ว่าเด็กหนุ่มทั้งสองกำลังย่องไปทางด้านหลังเธอ ก่อนที่โปเต้จะวิ่งเข้ามาเตะที่ข้อมือของเธอจนกระบอกปืนกระเด็นออกไป ส่วนบิ๊กวิ่งล็อกตัวเธอจากทางด้านหลัง
“โปเต้!! มึงพานัทกับครูตานหนีไป!!”
“กรี๊ด!!! ปล่อยนะเด็กเวร!!!”
“ไอ้แห้ง!!! มาด้วยกันก็ไปด้วยกันสิวะ!!!”
“นัท!! มึงไม่ต้องห่วงกู มึงพาครูตานหนีไป เร็ว!!! กูโทรบอกพ่อแล้ว!!” 
“ปล่อยฉันนะ!! ไอ้เด็กเปรต!! แกอยากตายใช่ไหม!!?” มะลิพยายามดิ้นแบบสุดแรงเพื่อที่จะให้หลุดพ้นจากพันธนาการ แต่เธอก็ไม่อาจสู้แรงของเด็กหนุ่มหุ่นผอมได้ 
“มึงไปสักทีสินัท!!!” สิ้นคำพูดของเขา นัทจึงรีบจูงมือครูสาววิ่งไปที่ท่าน้ำทันที พร้อมกับที่โปเต้ก็รีบวิ่งตามไปด้วยเช่นกัน
“นัท! เธอลงไปก่อน เร็ว!!”
“ครู!! แล้วครูล่ะคะ!!?”
“ครูจะไปช่วยบิ๊ก”
“ไม่ได้นะครู!! พวกเรามาที่นี่เพื่อช่วยครูนะ!!” โปเต้พูดพร้อมกับจับที่ข้อมือของครูสาวเอาไว้
“ครูไม่มีวันปล่อยให้ลูกศิษย์ตกอยู่ในอันตรายเด็ดขาด!! เดี๋ยวครูพาบิ๊กหนีเอง! ส่วนเธอ โปเต้ รีบพายเรือพานัทกับเปาหลบไปข้างหลังให้เร็วที่สุด ก่อนที่ลูกน้องพ่อครูจะมาที่นี่!!”
“ครูตานอย่านะคะ!! ครูไปกับหนูนะ หนูขอร้อง!!”
“ครูบอกให้ไปก็ไปสิ!!!! โปเต้! ครูสั่งให้เธอพาทุกคนหนีไป เดี๋ยวนี้!!!” พูดจบเธอก็สะบัดมือออก โปเต้จึงได้แต่จำใจยอมทำตามคำสั่งแต่โดยดี ซึ่งเปาก็ยื่นมือออกมาเพื่อรอรับตัวนัทอยู่บนเรือ แต่ยังไม่ทันที่นัทจะได้ก้าวไปนัท ทุกคนก็ต้องชะงัก
ปัง!!!
สิ้นเสียงปืน ทุกคนรีบย่อตัวลงตามสัญชาตญาณเอาตัวรอด ก่อนจะหันไปทางต้นตอของเสียงก็พบว่าคนที่ยิงปืนไม่ใช่มะลิ แต่กลับเป็นชายอีกคนที่เดินเข้ามาด้วยสายตาอาฆาต
“มึงจะหนีไปไหน อีลูกไม่รักดี!!?”
“พ่อ!!!”
“คะ...คะ...คุณท่าน...” เมื่อนัทเห็นชายตรงหน้าที่เธอจำหน้าของเขาได้อย่างแม่นยำแม้จะอยู่ในความฝัน เธอถึงกับจุกอยู่กลางอกพร้อมกับร่างกายที่สั่นเทาจนทำให้ขาทั้งสองข้างอ่อนแรงทรุดลงกับพื้นทันที ตานเห็นอย่างนั้นจึงรีบเข้าไปโอบกอดเธอเอาไว้แน่น
“นัท!! นัท!!”
“ครูตาน ฮือ ๆ เขาฆ่าหนู เขาเป็นคนฆ่าหนู ฮือ ๆ” นัทราวกับคนเสียสติก็ไม่ปาน เพราะเธอปล่อยโฮออกมาอย่างหนักและใช้สองมือปิดหูตัวเองเอาไว้ด้วยความหวาดกลัว
“นัท!! ไม่เป็นไรนะ! ครูอยู่นี่แล้ว ไม่เป็นไรนะ” พูดพลางกับโอบกอดนัทเอาไว้แน่น ก่อนจะหันไปมองลูกศิษย์ของตน โปเต้ที่นั่งโอบกอดแฟนสาวของเขาเอาไว้ที่บนเรือ ส่วนบิ๊กยังคงล็อกแขนของมะลิเพื่อดูเหตุการณ์อยู่ห่าง ๆ
“พ่อ!! ปล่อยเด็ก ๆ ไป ถ้าพ่อต้องการอะไรตานจะยอมทุกอย่าง”
“มึงแน่ใจเหรอว่ามึงจะยอมกูได้ทุกอย่าง”
“ตานทำให้ได้ แต่เด็ก ๆ ทุกคนต้องปลอดภัย พ่อห้ามทำอะไรพวกเขาเด็ดขาด ไม่ว่าจะวันนี้ หรือวันไหน ถ้าลูกศิษย์ตานเป็นอะไรไปแม้แต่คนเดียว พ่อเตรียมตัวไปนอนในคุกได้เลย!!”
“ได้! กูรอคำนี้จากมึงมานานแล้ว คำว่ามึงจะยอมกูทุกอย่างน่ะ กูจะปล่อยเด็ก ๆ ไปก็ได้ แต่มึงต้องมาเป็นเมียกู!!!” สิ้นคำพูดจากชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อ ทำเอาทุกคนถึงกับอึ้ง เรื่องทุกอย่างมันเกินที่เด็กจะรับมือไหวแล้วจริง ๆ ตานกัดฟันแน่นเจ็บปวดกับสิ่งที่ได้ยินจากปากพ่อแท้ ๆ ของเธอเอง
“ได้...ตานตกลง”
“มึงเดินมาหากูเดี๋ยวนี้ แล้วกูจะยอมปล่อยไอ้เด็กพวกนั้นไป” เมื่อตานลุกขึ้นยืน แล้วเดินเข้าไปหาคนเป็นพ่อช้า ๆ นัทก็รีบเข้ามากอดขาเธอเอาไว้ทันที
“ครูตาน!! ฮือ ๆ ไม่นะคะ ครูอย่าทำแบบนี้”
“บิ๊ก!! มาพานัทไปขึ้นเรือ!!!” ครูสาวกัดฟันพูดทั้งน้ำตา บิ๊กจึงรีบปล่อยตัวมะลิก่อนจะรีบวิ่งมาพยุงนัทขึ้น แต่นัทก็ไม่ยอมปล่อยมือจนต้องฉุดกระชากลากเธอออกไป นัทร้องไห้ราวจะขาดใจอยู่ตรงนั้น แต่ครูสาวก็ทำได้แค่กลั้นใจแล้วหันหลังเดินจากมาเพื่อหวังจะให้ลูกศิษย์ของตนปลอดภัยกันทุกคน แม้เธอจะต้องเจ็บเจียนตายก็ยอม
“ครูตาน!!! อย่านะครับ!!! ครูอย่าทำแบบนั้นนะ!!” ทั้งโปเต้ เปา และนัทต่างร้องห่มร้องไห้ตะโกนห้ามเธอแต่ก็ไม่เป็นผล แต่ยังไม่ทันที่ครูสาวจะเดินไปถึงตัวคนเป็นพ่อ พจน์ก็ยกปืนขึ้นมาชี้ไปที่นัท ก่อนที่ปลายนิ้วชี้จะค่อย ๆ ขยับแล้วเหนี่ยวไกทันที
ปัง!!!!!