ดวงพุดตาน

ดวงพุดตาน
ตอนที่ 4 เด็กฉลาด

บริเวณใต้ต้นตะแบกขนาดใหญ่ที่ปลูกเอาไว้ริมบึงหลังบ้านเรือนไทยประยุกต์ของตระกูล 'พุทธารักษ์' มักจะมีชายหนุ่มและเด็กหญิงมานั่งกินลมชมวิวหรือนั่งพูดคุยกันเป็นประจำ วันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่ทั้งสองมานั่งคุยกันที่ใต้ต้นไม้ เพราะเป็นสถานที่ที่สงบและร่มรื่นที่สุดในบริเวณบ้าน
“พี่สิบทิศ แผลเป็นยังไงบ้าง ยังเจ็บอยู่ไหม”
“ไม่แล้วครับ คนอย่างสิบ...โอ๊ย!! คุณหนูครับ มันเจ็บนะ”
ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะตอบได้จบประโยค เด็กหญิงก็ใช้นิ้วจิ้มเบา ๆ ที่ศีรษะของเขาทั้งที่ยังมีผ้าพันแผลพันเอาไว้อยู่ ด้วยความที่โดนซ้ำรอยแผลเดิมทำให้สิบทิศถึงกับสะดุ้งโหยงแล้วรีบใช้มือกุมศีรษะเอาไว้ทันที เด็กหญิงเห็นท่าทีแบบนั้นก็เอาแต่หัวเราะร่า
“ฮ่า ๆ ๆ ปากเก่งดีนัก เป็นไงล่ะ เจ็บก็บอกว่าเจ็บสิพี่สิบทิศ”
“ทำไมดื้อแบบนี้ล่ะครับคุณหนู”
“เจ็บไหม”
“เจ็บครับ”
“ก็แค่นั้นแหละ เจ็บก็บอกเจ็บ มันไม่ได้ทำให้พี่ดูแย่ลงหรอกนะ เอามือออกหน่อยสิคะ”
“ทำไมครับคุณหนู”
“เถอะน่า เอามือออก จะดูว่าหัวพี่เป็นยังไงบ้าง”
“ครับ”
สิบทิศตอบพลางกับเอามือที่กุมศีรษะอยู่ออก สายลมที่พัดโชยมาแบบเอื่อย ๆ พร้อมกับที่ตานโน้มตัวมาใกล้ ๆ แล้วเป่าที่ศีรษะของชายหนุ่มเบา ๆ ทำเอาหัวใจของเขาและเธอถึงกับเต้นไม่เป็นจังหวะ
เพียงเวลาสั้น ๆ ที่สายตาของทั้งสองจับจ้องประสานกัน ทุกอย่างราวกับความฝัน กลิ่นกายหอมอ่อน ๆ ราวกับแป้งเด็ก ความอ่อนโยนของเด็กหญิงนั้น ทำให้เขาอบอุ่นหัวใจเหลือเกิน แม้จะอยากคว้าร่างเข้ามากอดเอาไว้ แต่เขากลับทำได้แค่เอนตัวหลบออกมาเท่านั้น
ใบหน้าของเขาและเธอต่างเปลี่ยนสีเป็นสีแดงก่ำ ท่าทีเขินอายของเด็กหญิงดูเหมือนจะปิดเอาไว้ไม่มิด เพราะทุกครั้งที่รู้สึกเขิน เธอมักจะจับผมทัดที่หูตัวเองเสมอ สิบทิศจึงแอบอมยิ้มด้วยความเอ็นดู
“อะ...เอ่อ...หายไว ๆ นะคะพี่สิบทิศ”
“คุณหนูเป่าให้แบบนี้ผมก็คงหายวันนี้พรุ่งนี้แล้วล่ะครับ ขอบคุณนะครับ”
“ให้มันจริงเถอะ”
“ครับ”
สิบทิศตอบด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะหยิบกีต้าร์ที่หักเป็นสองท่อนขึ้นมาสำรวจดูรอบ ๆ ตานก็เอาแต่นั่งมองดูเขาด้วยความชื่นชม พลางกับอมยิ้มอยู่อย่างนั้นไม่ยอมหุบ
“ตานขอถามอะไรหน่อยได้ไหมคะ ทำไมพี่สิบทิศกับพี่สิงห์ชอบทะเลาะกันจัง พี่สองคนเคยเป็นเพื่อนรักกันมาก่อนไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่รักกันเอาไว้ล่ะ”
“เฮ้อ...น่าจะซ่อมไม่ได้แล้วแน่ ๆ”
“พี่สิบทิศ! ฟังตานไหมเนี่ย!?”
เด็กหญิงทำหน้านิ่วคิ้วขมวด พร้อมทั้งนำมือเท้าเอวด้วยความโมโห เพราะดูเหมือนกับว่า อีกคนไม่ได้สนใจเธอแม้แต่น้อย แต่กลับสนใจซากกีต้าร์ที่เขาไปเก็บกลับบ้านด้วยหลังจากวันที่เกิดเหตุ สิบทิศเห็นแบบนั้นจึงหันไปอมยิ้มให้เธอ ก่อนจะเอื้อมมือไปบีบที่หัวคิ้วทั้งสองเบา ๆ
“อย่าทำหน้านิ่วคิ้วขมวดสิครับคุณหนู”
“ก็พี่สิบทิศไม่ฟังตานนี่นา ใจร้ายที่สุดเลย”
“ฟังครับ”
“เมื่อกี้ตานพูดว่าอะไร”
“คุณหนูถามผมว่า ทำไมถึงชอบทะเลาะกับไอ้สิงห์ ทั้ง ๆ ที่เคยเป็นเพื่อนรักกันมาก่อน”
“ใช่ ทำไมคะ บอกตานหน่อยสิ ตานอยากรู้”
“ทำไมถึงอยากรู้เรื่องนี้ล่ะครับคุณหนู”
“อยากรู้ไม่ได้เหรอคะ”
“ช่างมันเถอะครับ เรื่องมันนานแล้ว ผมไม่อยากรื้อฟื้นมันขึ้นมาอีก”
“แต่ถ้าตานอยากรู้ ตานต้องได้รู้”
“ไม่เอาสิครับคุณหนู ตอนนี้คุณหนูขึ้นมัธยมแล้วนะครับ จะเรียกร้องอะไรเหมือนตอนเด็ก ๆ ไม่ได้แล้วนะ”
“ตานอยู่แค่ ม.1 เองปะ อะไรก็ไม่รู้ ที่นี่ก็มีแต่พี่สิบทิศนี่แหละ ที่ชอบขัดใจตานอะ ตานขออะไรก็ไม่เคยทำให้!”
“ถ้าขอให้ร้องเพลงหรือเล่นกีต้าร์ให้ฟัง ผมทำได้นะครับ แต่ถ้าจะเอาแต่ใจเรื่องอื่น ผมคงทำให้ไม่ได้ เดี๋ยวถ้าโตกว่านี้มันจะติดนิสัยแล้วแก้ไม่หายนะครับ”
“พี่สิบทิศใจร้าย!!”


“น้องตาน!”
ในขณะที่ตานกำลังล้างผักอยู่นั้น ถึงกับสะดุ้งโหยงเพราะเธอเอาแต่คิดถึงเรื่องในอดีตวนเวียนไปมาจนสติไม่อยู่กับเหนือกับตัว ทำให้เธอดูเหม่อลอย ก๊อกน้ำก็ยังเปิดค้างเอาไว้ แถมเธอยังถูใบผักสลัดในมือจนขาดหลุดรุ่ยไปหมด คนเป็นพี่จึงต้องเรียกสติคืนกลับมา
“คะพี่เกต!?”
“เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมเอาแต่เหม่อ”
“ขอโทษนะคะ ตานคิดอะไรเรื่อยเปื่อยน่ะค่ะ”
“วันนี้พี่พาสำรวจโรงเรียนหนักไปเหรอ”
“เปล่าค่ะพี่เกต แค่นี้เอง สบายมากเลยค่ะ”
“แน่ใจนะ”
“แน่สิคะ ตั้งแต่พี่เกตได้บริหารแทนคุณลุง โรงเรียนเปลี่ยนไปเยอะเลยนะคะ ตานแทบจำไม่ได้เลย ว่าสมัยที่ตานยังเรียนอยู่ ตอนนั้นโรงเรียนเป็นยังไง”
“ก็ผ่านไปเป็นสิบปีแล้วนี่ ไม่แปลกหรอกที่โรงเรียนจะเปลี่ยนไป”
“เวลาผ่านไปไวเหมือนกันนะคะ”
“อืม พี่ว่าตานดูเหนื่อย ๆ นะ เพราะพี่แน่ ๆ เลย”
“ไม่เลยค่ะ ตานเหนื่อยเพราะเดินทางมาบ้านพี่เกตนี่แหละค่ะ”
“เอ้อ! พี่ว่าจะถามอยู่ว่ามายังไง โทรหาก็ไม่ติด ไหงมาถึงบ้านพี่ได้”
“พอดีโทรศัพท์แบตหมดค่ะพี่เกต โชคดีที่ได้เจอนักเรียนที่บ้านโดยบังเอิญก็เลยได้มาด้วยกันค่ะ”
“นักเรียนเหรอ เอ…” เกตพูดพลางกับเอียงคอทำหน้าครุ่นคิด ก่อนจะยกมือขึ้นมาแล้วดีดนิ้วไปหนึ่งครั้ง
“อ๋อ! นัทหรือเปล่า”
“นัท? นัทไหนคะพี่เกต”
“นักเรียนหญิงคนที่สูงประมาณคิ้วตาน ผมสั้น ดูห้าว ๆ หน่อย แล้วก็ปั่นจักรยานคันสีแดงเก่า ๆ ใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ! ใช่เลยค่ะ พี่เกตรู้จักเหรอคะ”
“ปกติพี่ก็ไม่ค่อยรู้จักเด็กนักเรียนเท่าไหร่หรอก แต่พอดีนัทเป็นเพื่อนกับน้องปรางน่ะ ก็เลยค่อยข้างที่จะสนิทเลย”
“ทำไมเด็กเรียบร้อยแบบน้องปรางถึงได้ไปเป็นเพื่อนกับเด็กที่ดูเกเรแบบนั้นได้คะเนี่ย”
“ฮ่า ๆ ไม่ใช่แค่ตานหรอกที่สงสัย ครูที่โรงเรียนก็สงสัยกันทุกคน แต่เห็นแบบนั้น นัทก็เป็นเด็กที่นิสัยดีนะ นัทคอยดูแลน้องปรางอย่างดีมาตลอดเลย   น้องปรางก็ติดนัทแจเลยล่ะ”
“อำตานเล่นหรือเปล่าคะเนี่ยพี่เกต”
“ฮ่า ๆ พี่พูดจริงนะ เดี๋ยวตานอยู่ไปนาน ๆ ก็สัมผัสได้เองแหละ ได้เป็นครูประจำชั้นนัทนี่เนอะ”
“อะไรนะคะ!? อย่าบอกนะคะว่าเขาชื่อณิชาภัทร ถือสัจจะ ห้อง ม.4/1 ที่ตานเป็นครูประจำชั้น”
“ใช่ ตอนเข้าโฮมรูม ยังไม่ได้เจอกันหรอกเหรอ”
“นัทโดดเรียนน่ะสิคะ แสบสมคำล่ำลือจริง ๆ”
“ฮ่า ๆ ว่าแต่ไปเจอกันอีท่าไหนล่ะเนี่ย”
“ก่อนจะมาบ้านพี่เกต เรามีเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อยค่ะ นัทหาว่าตานเป็นขโมย แถมยังคิดว่าตานเป็นแม่บ้านอีก ยังไม่พอนะคะ ยังให้ตานเป็นคนปั่นจักรยานให้ซ้อนด้วย แสบมาก! นี่ถ้ารู้ว่าตานเป็นครูประจำชั้นนะ รับรองมีเหวอแน่ ๆ”
“ฮ่า ๆ ๆ สงสัยจะได้ต้นไม้ที่โต๊ะทำงานเพื่อเป็นการไถ่โทษแน่ ๆ เตรียมตัวได้เลย แค่จะเป็นต้นอะไรแค่นั้น”
“ฮึย! แสดงว่าเรื่องที่ครูระเบียบเล่าให้ฟังเป็นเรื่องจริงสิคะ แล้วพี่เกตรู้ไหมคะ ว่านัทพยายามจะไปงัดบ้านด้วย จะไปขโมยของหรือเปล่าก็ไม่รู้”
“ไม่หรอก นัทคงไปรดน้ำต้นไม้ที่บ้านให้น่ะ เพราะเขาเป็นคนปลูกเอง นัทคงไม่รู้ล่ะมั้ง ว่าบ้านหลังนั้นมีคนมาอยู่แล้ว”
“พี่ไว้ใจเด็กเกินไปนะคะ”
“คนนี้ไว้ใจได้ เชื่อพี่ ตานเข้าไปนั่งรอข้างในเลยนะ เดี๋ยวที่เหลือให้แม่บ้านจัดการ”
“ไม่ได้สิคะ ตานเกรงใจ เดี๋ยวตานช่วยเตรียมกับข้าวดีกว่า”
“ไม่ต้องเลย ตัวเองเป็นแขกนะ แล้วจะเกรงใจอะไร พูดอย่างกับเป็นคนอื่นคนไกล ทั้ง ๆ ที่ตอนเด็ก ๆ ติดพี่ซะขนาดนั้น”
“โธ่พี่เกตคะ ก็ตอนนั้นตานยังเด็กนี่คะ”
“ไม่ต้องพูดแล้ว ปะ...ออกไปกันเถอะ”
เกตพูดพร้อมกับดันหลังของตานให้เดินออกจากในครัว แม้จะอยากช่วยแค่ไหน ตานก็ไม่อาจขัดเจ้าของบ้านได้ จึงได้แต่เดินออกไปตามแรงแต่โดยดี
เมื่อพ้นประตูครัวออกมาถึงบริเวณโต๊ะไม้ขนาดใหญ่สำหรับนั่งกินข้าวได้ทั้งครอบครัว ตานเดินดูกรอบรูปที่ตั้งอยู่บนตู้โชว์ ที่มีทั้งภาพสมัยที่ปรางในวัยหัดเดิน ภาพแต่งงานของเกตและสามี ภาพครอบครัว รวมถึงภาพที่ตานถ่ายคู่กับเกตสมัยที่เธอมาเล่นที่บ้านหลังนี้เมื่อตอนเป็นเด็ก ภาพทรงจำเก่า ๆ ก็หวนคืนกลับมา ตานดูไปด้วยพลางอมยิ้มไปด้วย เรื่องราวที่เกิดขึ้นแม้จะผ่านไปนานแล้ว แต่เธอก็ยังจำได้ขึ้นใจ
“คิดถึงตอนนั้นจังเลยนะคะ พี่เกตดูแลตานอย่างกับเป็นแม่อีกคนเลย”
“เป็นพี่สาวก็พอไหมจ๊ะ ฮ่า ๆ”
“ฮ่า ๆ แต่ตานรักและนับถือพี่เกตเหมือนเป็นแม่เลย ไม่ใช่ว่าอายุเยอะหรืออะไรนะคะ แต่เพราะพี่เกตอบอุ่นมาก ๆ ต่างหาก”
“จ้า ๆ แต่เอาจริง ๆ เราก็อายุห่างกันตั้งสิบปี พี่ก็เป็นแม่ตานได้อยู่นะ”
“ฮ่า ๆ ใช่ค่ะ ว่าแต่ คุณลุงคุณป้า กับพี่กันไปไหนเหรอคะ”
“อ๋อ พี่กันเขาพาพ่อกับแม่ไปเที่ยวน่ะ อายุมากแล้ว แต่ยังหัวใจวัยรุ่นอยู่เลยนะ อ้อนให้ลูกพาเที่ยวตลอด”
“โห...คุณลุงกับคุณป้านี่แข็งแรงจังเลยนะคะ แต่ก็ดีแล้วค่ะ ท่านอายุมากแล้ว อะไรที่ทำให้ท่านมีความสุขได้ ลูก ๆ ก็ยินดีที่จะทำ ถูกไหมคะ”
“ใช่จ้ะ ว่าแต่ตานเถอะ กลับบ้านไปหาพ่อบ้างหรือยัง”
เมื่อเกตถามจบ ตานถึงกับชะงัก จากใบหน้าที่ยิ้มแย้มก็แปรเปลี่ยนเป็นใบหน้านิ่งในทันที
“อ๊ะ! พะ...พี่ขอโทษนะน้องตาน เราคุยกันเรื่องอื่นกันดีกว่าเนอะ”
“ค่ะพี่เกต”
“เอ...พ่อกับลูกนี่นานกลับจังเลยนะว่าไหม ปล่อยให้แขกรอนานแบบนี้ได้ยังไงเนี่ย”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ น้องปรางไปเรียนพิเศษนี่คะ ไม่ได้ไปเที่ยวสักหน่อย”
“นั่นสินะ แต่รออีกสักหน่อยก็คงกลับมาแล้วแหละ เอ่อน้องตาน...พี่มีเรื่องจะสารภาพ”
“อะไรเหรอคะ”
“ตานจำภาพดอกพุดตานที่เคยวาดส่งมาให้พี่ได้ไหม”
“จำได้สิคะ ก็ตานตั้งใจวาดให้พี่เกตเป็นของขวัญวันเกิด ทำไมตานจะจำไม่ได้ล่ะคะ”
“น้องตาน คือว่า... พี่ต้องขอโทษจริง ๆ นะเรื่องนั้น พอดีว่ามีเด็กอยากได้น่ะ พี่ไม่ให้ เขาก็ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ไป พี่ก็เลยต้องยอมยกให้เขา”
“คะ!? ใครคะ แล้วทำไมเขาถึงอยากได้ภาพวาดของตานล่ะคะ”
“ก็นัทนั่นแหละ เขาชอบดอกพุดตานมาก พอเขามาเจอภาพนั้นตั้งโชว์อยู่ เขาเลยถามพี่ว่า ถ้าอยากได้ภาพนี้ต้องทำยังไง หนูไม่มีเงินซื้อแต่หนูอยากได้ภาพนี้จริง ๆ ซึ่งก็โชคดีที่พี่พยายามจะส่งนัทไปแข่งวิชาการมาตั้งแต่ ม.ต้น แล้ว แต่นัทก็ไม่ยอม พี่เลยบอกว่า ถ้าเขายอมลงแข่งแล้วได้ถ้วยหรือเหรียญกลับมา พี่จะยกให้ฟรี ๆ”
“อย่าบอกนะคะว่านัทยอมลงแข่ง แล้วได้รางวัลกลับมา”
“สามเหรียญทองกับการแข่งขันตอบปัญหาทางวิชาการ และสองถ้วยรางวัลชนะเลิศอันดับหนึ่งกับการแข่งขันกรีฑา”
คำตอบที่ได้ยิน ตานถึงกับอึ้งในความเก่งรอบด้านของลูกศิษย์ของเธอ ไปพร้อม ๆ กับสงสัยว่าเด็กแสบแบบนั้นจะอยากได้ภาพวาดดอกพุดตานไปทำไมกัน ทั้ง ๆ ที่เธอสามารถขอต้นพุดตานเป็นของรางวัลจากผู้อำนวยการก็ได้
“แล้วพี่เกตได้ถามไหมคะ ว่าทำไมนัทถึงอยากได้ภาพนั้น”
“นัทบอกพี่ว่า รู้สึกถูกชะตาตั้งแต่เห็นครั้งแรกเลย เหมือนเป็นภาพที่วาดเพื่อเขา พี่ก็ไม่เข้าใจอารมณ์เด็กศิลป์เท่าไหร่นะ แต่เขาก็ทำเพื่อให้ได้ไปขนาดนั้น พี่ก็ต้องรักษาคำพูดน่ะ พี่ขอโทษนะตานที่ไม่ได้ขออนุญาตเจ้าของก่อน ตานอุตส่าห์วาดส่งมาให้พี่แท้ ๆ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ มันเป็นของพี่เกตแล้วนี่คะ แต่นัทเขาก็คู่ควรที่จะได้มันจริง ๆ”
ดูเหมือนว่า นักเรียนคนนี้ จะมีอะไรบางอย่างที่ทำให้ตานรู้สึกสังหรณ์ใจแปลก ๆ ทำไมกันนะ...ทำไมเธอถึงได้ฝันถึงนัทอยู่บ่อย ๆ แล้วทำไม...เธอถึงได้รู้สึกว่า นัทมีอะไรหลาย ๆ อย่างที่คล้ายกับชายคนรักของเธอ
'ความรู้สึกแบบนี้นี่มันอะไรกัน…นัท...เธอคือใครกันแน่ แล้วเธออยากได้ภาพวาดนั้นไปทำไม'
ตื่อ ดือ ดือ ดื่อ ดื๊อ~
เมื่อจู่ ๆ เสียงโทรศัพท์ของเกตก็ดังขัดจังหวะขึ้นมา ตานจึงได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ สักวันเธอต้องพยายามไปหาคำตอบเพื่อไขข้อข้องใจนี้แน่
“น้องปรางหรือพี่ป้องโทรมาหรือเปล่าคะพี่เกต”
“เปล่าจ้ะ คนสวนน่ะ พี่ขออนุญาตรับโทรศัพท์แป๊บนึงนะน้องตาน”
“ได้ค่ะพี่เกต” ตานตอบพร้อมกับรอยยิ้ม เกตจึงยิ้มตอบกลับมา ก่อนจะกดรับโทรศัพท์โดยไม่รีรอ
“ฮัลโหลปุ๊ก ว่าไง”
“....”
“อ้าว! แล้วแม่เป็นอะไรมากหรือเปล่า หมอว่าไงบ้าง”
“....”
“ได้สิ เรื่องค่าใช้จ่ายก็ไม่ต้องห่วงนะ เดี๋ยวพี่จัดการเอง ดูแลแม่ดี ๆ แล้วกัน ขอให้แม่หายไว ๆ นะปุ๊ก”
“....”
“จ้า หวัดดีจ้ะ”
“มีอะไรหรือเปล่าคะพี่เกต ดูเครียด ๆ นะคะ”
“อืม พอดีคนที่พี่จ้างให้มาดูแลเรือนเพาะชำโทรมาบอกว่าแม่ล้มในห้องน้ำน่ะเลยจะขอลาไปดูแลแม่ โชคดีที่ไม่เป็นอะไรมากแต่ไม่รู้เหมือนกันว่าจะลากี่วัน”
“เอ่อ...พี่เกตคะ ถ้าตานจะขอไปดูแลเรือนเพาะชำแทน ระหว่างที่รอผู้ดูแลกลับมาได้ไหมคะ”
“หือ!? ไม่ได้นะ มันไม่ใช่หน้าที่เรานะตาน พี่ให้ตานมาเป็นครู ไม่ใช่ให้มาเป็นคนดูแลพืชผัก มันหน้าที่คนสวนเขา”
“ครูระเบียบบอกว่า นัทชอบโดดเรียนไปที่เรือนเพาะชำบ่อย ๆ ตานเลยคิดว่า ตานอาจจะตามนักเรียนกลับไปเรียนได้ แล้วก็ได้ดูแลเรือนเพาะชำไปด้วย แบบนี้มันก็ดีนะคะพี่เกต”
“ไม่ ๆ ไม่ได้เด็ดขาด มันลำบากนะ”
“โธ่พี่เกตคะ ลำบากกว่านี้ตานก็ผ่านมาแล้ว ระหว่างที่รอผู้ดูแลกลับมา ตานขอไปดูแลเรือนเพาะชำนะคะ จะได้ดูแลนักเรียนด้วย นะคะพี่เกต”
“อะไรเนี่ยน้องตาน มีแต่คนเขาอยากทำงานสบาย ๆ กัน ทำไมอยากไปทำงานลุย ๆ แบบนั้นเนี่ย”
“นะคะพี่เกต ถือว่าตอบแทนที่พี่เกตให้ตานมาสอนที่นี่นะคะ น้า…”
“โอเค ๆ ก็ได้ ๆ แต่ไม่ต้องไปทำงานหนักนะ ทำเท่าที่ทำได้”
“รับทราบค่ะ! ตานไปอยู่โรงเรียนชนบทมา ตานปลูกผัก ปลูกต้นไม้เป็น นะคะ พี่เกตเชื่อใจตานได้เลย”
“จ้า ๆ แม่คนเก่ง เชื่อเขาเลย!!”


เมื่อดวงใจมีรัก ดั่งเจ้านกโผบิน ~
“โหลปราง!!”
“ฮัลโหลนัท ทำอะไรเสร็จยัง”
“เรียบร้อยจ้า”
“โอเค ว่าแต่วันนี้นัทโทรมามีอะไรหรือเปล่า พอดีเราเรียนพิเศษอยู่น่ะ เลยไม่ได้รับสาย”
“อ๋อ เปล่า ๆ ไม่มีอะไร พอดีมีเรื่องเข้าใจผิดนิดหน่อยน่ะ”
“เรื่องอะไรเหรอ”
“ไม่มีอะไรจ้า”
“นึกว่าคิดถึงเราซะอีก นาน ๆ นัทจะโทรหาเราที อุตส่าห์ดีใจ”
“ฮ่า ๆ ก็ไม่มีเงินในโทรศัพท์ไง เลยไม่ค่อยโทร”
“เราเติมให้ได้นะ”
“ไม่ต้องเลย บอกแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าห้ามใช้เงินเกินความจำเป็นอะ ยิ่งกับนัทยิ่งห้ามใช้เลย”
“เติมเงินให้นัทมันเกินความจำเป็นตรงไหน เผื่อฉุกเฉินนัทก็จะได้โทรหาใครได้ไง”
“มันก็มีอยู่ แต่แค่ไม่ค่อยอยากใช้ไง ปกติปรางก็เป็นคนโทรหานัทอยู่แล้ว เงินในโทรศัพท์เลยเก็บไว้โทรตอนจำเป็นน่ะ”
“แล้วเราไม่ใช่เรื่องจำเป็นของนัทเหรอ”
เสียงจากปลายสายที่จู่ ๆ ก็เบาลงจนฟังไม่ได้ศัพท์ นัทถึงกับนอนเลิกคิ้วด้วยความสงสัย ก่อนจะยกโทรศัพท์มากดเพิ่มเสียงจนสุดขีด
“อะไรนะปราง เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะ”
“เปล่า ๆ คุยกับตัวเองน่ะ”
“อ๋อ เออปราง ที่บ้านมีแม่บ้านมาใหม่เหรอ”
“ไม่นะ”
“อ้าว แล้วเจ๊หมวยเป็นใครเนี่ย หรือจะไปสมัครเป็นคนใช้แล้วแม่ปรางไม่รับหรือเปล่านะ”
“หือ? อะไรนะ”
“เปล่า ๆ ไม่มีอะไร คุยกับตัวเอง”
“เลียนแบบเราเหรอ”
“ฮ่า ๆ แล้วเรียนพิเศษเป็นไงบ้าง เหนื่อยไหม”
“ไม่หรอก สนุกดี”
“โฮะ! คุณหนูปรางเนี่ย มีอะไรให้อึ้งได้ตลอดเลยนะ ไม่เห็นจะน่าสนุกตรงไหนเลย น่าเบื่อจะตาย”
“ก็นัทเกเร ความจริงนัทก็เก่งและสมองดีนะ ถ้าไม่ติดว่าขี้เกียจหรือชอบโดดเรียนเนี่ย ป่านนี้คงได้อันดับหนึ่งของโรงเรียนไปแล้วมั้ง”
“ไม่เอาอะ ไม่อยากแย่งปราง ไม่อยากให้ใครมาเชิดชู”
“หึ! ติสต์อีกแล้ว แล้ววันนี้มีการบ้านไหมนัท”
“ฮาว...ง่วงจัง ไปนอนก่อนนะปราง ฝันดีนะ”
“เฮ้ย!! ...ดะ…”
ยังไม่ทันที่ปลายสายจะพูดได้จบประโยค นัทก็ชิงวางสายตัดหน้าไปเสียก่อน เพราะเธอยังไม่ได้ทำการบ้านเลยน่ะสิ หากเพื่อนสาวรู้ มีหวังโดนบ่นยาวจนไม่ได้นอนเป็นแน่
“อยากเจออีกจัง ทำยังไงจะได้เจอนะ”
นัทบ่นพึมพำกับตัวเองเบา ๆ พลางกับนอนมองภาพวาดดอกพุดตานที่อัดกรอบเอาไว้อย่างดี ก่อนจะผล็อยหลับไป


เช้าวันถัดมา
“นัท! ไม่กินข้าวเช้าก่อนเหรอ!?”
ระหว่างที่คนเป็นแม่กำลังจะตักข้าวใส่จานเพื่อรอลูกสาวหัวแก้วหัวแหวน นัทก็รีบคว้ากระเป๋าสะพายคู่ใจวิ่งออกไปหน้าบ้านทันที ซึ่งวันนี้เป็นวันที่เธอมีวิชาพละพอดี ช่างเป็นสวรรค์ของเธอจริง ๆ เพราะจะได้ปั่นจักรยานได้สะดวกนั่นเอง
“นัทโว้ย!!”
“ไม่กินแม่!! ไปลอกการบ้านก่อน เดี๋ยวไม่ทัน!!”
“แล้วทำไมเมื่อคืนไม่รู้จักทำ!!?”
“ลืม!!”
“โอ๊ย! ไอ้ลูกคนนี้นี่!!!”
“ไปนะ! หวัดดีค่า!!”
ปากก็ตะโกนบอกแม่ไป มือก็รีบคว้าจักรยานสีแดงคันโปรดแล้วกระโดดคร่อมอย่างรวดเร็ว นัทปั่นจักรยานอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่จุดหมายนั้นไม่ใช่โรงเรียนแต่อย่างใด กลับเป็นหน้าบ้านเช่าหลังหนึ่ง ที่มีป้ายไม้แกะสลักแขวนไว้หน้าบ้านว่า 'บ้านจินดา'
“ขอให้ได้เจอเจ๊หมวยเถิด”
นัทพูดพลางกับพนมมือไว้ที่กลางอก เธอยืนอธิษฐานพึมพำกับตัวเองอยู่ที่หน้าประตูบ้าน ก่อนจะสูดหายใจเข้าแบบเต็มปอด และในขณะที่เธอกำลังก้มศีรษะและโค้งตัวลง ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่เจ้าของบ้านเปิดประตูออกมาพอดี   ทำให้ชนเข้ากับศีรษะของนัทเต็ม ๆ
โป๊ก!!!
“โอ๊ย!!”
“ว๊าย!!”
นัทถึงกับหงายหลังล้มตึงไปกับสนามหญ้า พร้อมกับเอามือกุมศีรษะเอาไว้และดิ้นไปดิ้นมาด้วยความเจ็บปวด ตานจึงรีบพุ่งเข้าไปประคองด้วยความตกใจ
“เป็นยังไงบ้าง!? ขอโทษนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
“โอ๊ย ๆ ๆ หัวแตกแล้วแน่ ๆ เลย”
“ไหนขอดูหน่อย เอามือออก”
“อา!! เจ็บ!!”
“เอามือออกเร็ว!”
ตานพยายามแกะมือที่กุมศีรษะอยู่ออก แล้วเมื่อมือทั้งสองข้างแยกออกจากกันทำให้เธอเห็นใบหน้าคนที่เธอพลาดทำร้ายแบบไม่ได้ตั้งใจจนเธอถึงกับชะงัก
“นัท!?”
“ฮะ!? เจ๊รู้จักชื่อได้ไงอะ เมื่อวานไม่ได้บอกไม่ใช่เหรอ อูย...”
“เรื่องนั้นช่างมันเถอะ เจ็บมากไหม”
“เจ็บสิเจ๊ ถามได้”
“ไหน เปิดหน้าผากซิ”
“เปิดทำไม”
“บอกให้เปิดก็เปิดเร็ว ๆ เข้าสิ ขอดูหน่อย หัวแตกหรือเปล่า”
เมื่อนัทได้ยินแบบนั้น เธอจึงค่อย ๆ คลายมือออกแบบงง ๆ แล้วเปิดผมที่ปกหน้าผากขึ้นอย่างว่าง่าย ก่อนที่ตานจะประคองศีรษะของเธอเอาไว้แล้วโน้มตัวเข้าไปเป่าเบา ๆ ทำเอาเธอถึงกับใจเต้นตึกตัก
ขณะที่ตานผละออกมา เป็นจังหวะเดียวกับที่สายตาของทั้งสองจับจ้องประสานกัน แววตาที่จ้องมองนั้น ต่างคนต่างรู้สึกว่าคุ้นเคยนักและภาพชายหนุ่มคนรักในอดีตก็ผุดขึ้นมาแว๊บหนึ่ง ทำให้ตานเผลอทิ้งร่างที่ประคองอยู่ จนนัทหงายหลังล้มลงไปอีกครั้ง
“ว๊าย!! แม่ร่วง!!”
“โอ๊ยเจ๊!!!”
“ขะ…ขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจ”
“นี่มันตั้งใจชัด ๆ โอ๊ย...เจ็บ”
“ก็บอกว่าไม่ได้ตั้งใจไง”
“เจ๊ต้องรับผิดชอบเลยนะ แล้วเจ๊มาทำไรเนี่ย เมื่อวานยังทำความสะอาดบ้านไม่เสร็จอีกเหรอ เอ้า!? แล้วแต่งตัวสวยแบบนี้จะไปไหนอะ”
เมื่อนัทสังเกตเห็นว่า สาวสวยอีกคนแต่งกายด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาว และกระโปรงทรงเอสีดำดูสุภาพ เธอจึงดีดตัวลุกขึ้นมาจ้องหน้าด้วยความอยากรู้อยากเห็น เพราะวันนี้เจ๊หมวยของเธอดูดีสุด ๆ ไปเลยยังไงล่ะ
'สวยเป็นบ้าเลย!'
“จะไปโรงเรียน”
“อ๋อ เมื่อวานนี้ไปสมัครเป็นแม่บ้านที่บ้าน ผอ. แล้วเขาไม่รับ เลยจะไปเป็นภารโรงที่โรงเรียนว่างั้นเถอะ”
คำถามที่ดูสิ้นคิดจากปากนักเรียนตัวแสบ ทำตานถึงกับคิ้วกระตุกด้วยความโมโห ดูเหมือนกับว่า นัทจะยังไม่รู้ว่าเธอเป็นครูประจำชั้นคนใหม่ เธอจึงแอบอมยิ้มและคิดแผนร้ายในใจ
'ยัยตัวแสบ! แต่งตัวสวยแบบนี้ คิดได้ยังไงว่าฉันจะไปสมัครภารโรง คาบโฮมรูมเจอกัน! ฉันจะทำให้เธอพูดไม่ออกเลยคอยดู!!'
“เอ้า! ถามไม่ตอบอีก ให้ช่วยพูดกับ ผอ. ให้ปะ เนี่ยหนูสนิทกับ ผอ. นะ”
“อ๋อเหรอ สนิทมากไหม”
“มากสิ ไปกินข้าวบ้าน ผอ. บ่อย ลูก ผอ. อะ เพื่อนสนิทหนูเลย เอาปะเจ๊หมวย ให้ช่วยพูดให้ปะ รับรองเจ๊ได้ทำงานที่โรงเรียนแน่นอน”
“เหรอ เกรงใจจัง”
“ไม่ต้องเกรงใจ คนกันเอง แต่มีข้อแม้ว่าเจ๊ต้องปั่นจักรยานให้หนูซ้อนทุกวันนะ ตกลงปะ”
“งั้นไม่ต้องหรอก เกรงใจ!”
ตานพูดพร้อมกับยืนขึ้นปัดกระโปรงทรงเอสีดำที่เปื้อนฝุ่น แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้ก้าวไปไหน นัทก็รีบลุกขึ้นมายืนประจันหน้ากับเธอทันที
“ไปด้วยกันเปล่า จะพาไปคุยกับ ผอ.”
“ก็บอกว่าไม่ต้องไง แล้วอย่าคิดว่าฉันจะปั่นจักรยานให้เธอซ้อนนะนัท   ไม่เห็นเหรอว่าวันนี้ใส่กระโปรงทรงเอ”
“วันนี้เจ๊สวย จะปั่นให้ซ้อนหนึ่งวันก็ได้”
“จะบ้าเหรอ จะให้ยืนซ้อนหรือไง เธอไปโรงเรียนได้แล้วไป เดี๋ยวก็ไปสายหรอก”
“เวรล่ะ!! จะไปลอกการบ้านนี่หว่า งั้นไปก่อนนะเจ๊ ไปลอกการบ้านก่อน เดี๋ยวไม่ทัน!” นัทพูดจบก็รีบวิ่งไปคว้าจักรยานคันโปรดแล้วปั่นออกไปทันที ตานจึงได้แต่ยืนกอดอกและถอนหายใจเฮือกใหญ่
“เนี่ยเหรอ เจ้าของเหรียญทองแข่งขันวิชาการ มันน่านัก!”


คาบโฮมรูม
“ณิชาภัทร!”
“...”
“ณิชาภัทร!”
หลังจากที่ครูสาวขานชื่อนักเรียนรักสะอาดที่ช่องเช็คชื่อในคาบโฮมรูมว่างเปล่า นักเรียนในห้องต่างหลบสายตาครูสาวที่จ้องตาเขม็งทีละคน โดยเฉพาะหัวหน้าห้องที่เพิ่งให้สมุดการบ้านนัทไปลอกตั้งแต่เช้าแล้วหายไปจนถึงคาบโฮมรูมก็ยังไม่กลับมา เปาถึงกับกุมขมับเพราะไม่รู้จะแจ้งครูไปอย่างไรดี
“เปา เพื่อนไปไหน”
“มะ...ไม่ทราบค่ะ”
“เมื่อวานมีการบ้านหรือเปล่านักเรียน”
“มีครับ!!” โจอี้ยกมือตอบเสียงดังฟังชัด
“มีวิชาอะไรบ้างโจอี้”
“มีวิชาอังกฤษกับคณิตครับ”
“ขอบใจจ้ะ เอาล่ะนักเรียนทุกคนเอาสมุดการบ้านขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะค่ะ”
“เวรละ”
สิ้นเสียงพูดของครูสาว เปาถึงกับขยุ้มผมตัวเองพลางกับหันซ้ายหันขวา และชะเง้อออกนอกหน้าต่างเพื่อที่จะมองหาเพื่อนร่วมห้องของเธอ ท่าทีลุกลี้ลุกลนของเธอนั้นอยู่ในสายตาครูประจำชั้นคนใหม่ตลอดเวลา หากนัทไม่รีบมาตอนนี้ มีหวังเธอต้องซวยแน่ ๆ
ไม่ได้มีเพียงแค่เปาเท่านั้นที่เครียดกับสถานการณ์นี้ เพราะแม้แต่กิ๊บเก๋และกุ๊กกิ๊กที่กระวนกระวายไม่ต่างกัน เพราะเธอทั้งสองได้เตือนนัทไปแล้วเรื่องเข้าเรียนคาบโฮมรูม แต่เพื่อนตัวแสบก็ยังจะหายตัวไปอีก
“เปา เอาสมุดการบ้านขึ้นมาสิ”
“อะเอ่อ...อ๋อ! ค่ะ!”
เมื่อเปาหันหลังทำท่าค้นหาสมุดในกระเป๋าสะพานที่พาดไว้กับเก้าอี้     ช่างโชคดียิ่งนักที่เคนำสมุดการบ้านของเธอยื่นให้จากใต้โต๊ะพอดี เปาจึงหยิบสมุดมาวางไว้บนโต๊ะได้ทันเวลาแบบฉิวเฉียด
'สมุดมา แต่คนหายไปไหนเนี่ยนัท!' เปาคิดในใจ
ครูสาวกวาดสายตาไปรอบ ๆ ห้อง ซึ่งเธอเองที่ยืนอยู่หน้าห้องทำให้เห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง ว่ามีนักเรียนจากห้องอื่นมาส่งสมุดการบ้านให้นักเรียนที่นั่งหลังสุดติดประตูหลังห้องพอดี จากนั้นก็ส่งต่อเป็นทอด ๆ จนมาถึงเจ้าของสมุดการบ้านทั้งสองเล่ม เด็กห้องนี้รักกันดีสมคำร่ำลือจริง ๆ
'เด็กแสบเอ๊ย!...นี่คงหนีคาบโฮมรูมไปอยู่ที่เรือนเพาะชำแน่ ๆ ถ้าคาบศิลปะเรายังไม่ได้เจอกันอีก คงต้องบุกไปที่เรือนเพาะชำแล้วล่ะ!!'
ม้า
ไรท์แวะมาคุย~`

“ยัง...ยังไม่รู้อีกว่านั่นคือคุณครู นัทลูกกกก หนูโดนหมายหัวอยู่นะ 5555”