ภายในห้องพักครูหมวดศิลปะ เหลือเพียงครูระเบียบ และตานที่นั่งพูดคุยกันอยู่เท่านั้น ส่วนครูท่านอื่นต่างเริ่มทยอยกันไปสอนแล้ว แม้การเข้าโฮมรูมครั้งแรกจะผ่านไปได้ด้วยดี แต่การต้องเป็นครูประจำชั้นคนใหม่ก็มีอะไรให้ต้องเตรียมตัวอีกมาก
“เป็นยังไงบ้างครูตาน พอไหวหรือเปล่า จากที่เคยสอนโรงเรียนชนบทมา คิดว่าที่นี่จะรับมือไหวไหม”
“ก็พอไหวค่ะ เด็กโรงเรียนเอกชนกับเด็กชนบทอาจจะต่างกันบ้าง แต่เด็กที่นี่ก็ดูน่ารักกันดีนะคะ ไม่รู้ว่าทำตัวน่ารักให้หนูตายใจแค่วันแรกหรือเปล่า”
“ลำบากหน่อยนะจะมาเป็นครูประจำชั้นห้องเด็กศิลป์น่ะ มีแต่คนหลุดโลกบ้าบิ่นกันทั้งนั้น ทุกคนเป็นตัวของตัวเองสูง แถมยังเป็นลูกคนมีเงินด้วย พี่เองก็ทำอะไรมากไม่ได้ ดุด่าไปก็เท่านั้น เหมือนจะสำนึกกันแค่ตอนที่ด่า หลังจากนั้นก็เหมือนเดิม เหนื่อยใจจริง ๆ”
“แล้วเคยเจอเคสหนัก ๆ ไหมคะ”
“หนัก ๆ ก็ตั้งแต่เปิดเทอมมาก็มีชกต่อยกับห้องอื่นบ้าง แต่ก็เพรา ๆ ลงแล้วล่ะ จะมีก็แต่เรื่องปวดหัวในห้อง แต่ถึงจะซนกันบ้าง เด็ก ๆ ในห้องก็รักกันดีนะ มีอะไรก็ช่วยเหลือกัน ใจตรงกันตลอด เช่น เวลาสั่งการบ้าน เด็ก ๆ จะตอบเหมือนกันทั้งห้องเลย ครูหมวดอื่นมาบ่นให้พี่ฟังบ่อย”
“โอ้โห ฮ่า ๆ ขนาดนั้นเลยเหรอคะ ใครเป็นต้นฉบับคะเนี่ย”
“หัวหน้าห้องน่ะ ขัดเพื่อนไม่เคยได้ จะหักคะแนนพี่ก็เห็นใจ”
“สงสัยหนูต้องเตรียมตัวเรื่องลอกการบ้านแล้วล่ะ แล้วพอจะมีอะไรเพิ่มเติมไหมคะ หนูอยากรู้ว่าเด็กแต่ละคนเป็นยังไงบ้าง จะได้ตั้งรับได้”
“เด่น ๆ ก็มีไม่ค่อยเยอะหรอก มี 5-6 คน ที่จะต้องเตรียมรับมือ คนแรกคือโจอี้ คนนี้จะอเลิร์ทหน่อย พูดมาก พูดไม่หยุด เปาที่เป็นหัวหน้าห้องคือสายฮา ไม่ใช่คนตลกนะ แต่จะเป็นคนที่สติไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว ถ้าอยู่ดี ๆ เขาพูดขอบคุณเวลาทักทายตอนเช้าก็ไม่ต้องแปลกใจ บางทีจะบอกทำความเคารพ แต่พูดว่าตามระเบียบพักก็มี เพื่อน ๆ นี่ขำกันใหญ่ แต่เปาก็เป็นเด็กน่ารัก ไม่มีพิษมีภัยอะไร ทุกคนเลยให้เป็นหัวหน้าห้องเพราะดูพึ่งพาได้ที่สุด”
“อเลิร์ทกับสติไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวสินะคะ”
ตานพูดพร้อมกับก้มลงจดรายละเอียดของเด็กนักเรียนลงไปในสมุดบันทึก เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนที่ครูระเบียบหรือครูประจำชั้นคนเก่าจะส่งต่อหน้าที่คุณครูประจำชั้นให้กับเธอและเธอก็ต้องรับมือกับเด็กห้องศิลป์เพียงคนเดียว
“กิ๊บเก๋ กับกุ๊กกิ๊ก เป็นฝาแฝดกัน สองคนนี้ห้ามจับแยกกลุ่มเด็ดขาด ไม่งั้นงอแงตั้งแต่เช้ายันเย็น ส่วนใหญ่พี่เลยให้จับกลุ่มกันเอง เคยมีครูหมวดอื่นไปสอนแล้วจับกลุ่มให้เด็ก พอสองคนนั้นไม่ได้อยู่ด้วยกันก็ไม่ทำงานช่วยเพื่อนเลยล่ะ แถมยังร้องไห้มาฟ้องพี่อีก”
“กิ๊บเก๋ กุ๊กกิ๊ก ห้ามจับแยกกัน…”
“โปเต้คือสายแซว ทำใจให้ชินเวลาโดนแซวแล้วกัน แม้แต่พี่ที่แก่ขนาดนี้ยังโดนแซว ครูตานยังสาวและสวยขนาดนี้ ไม่รอดแน่”
“เรื่องนี้หนูรับมือไหวค่ะ มีอีกไหมคะ”
“หลัก ๆ ที่ต้องรับมือก็มีแค่นี้แหละ อ้อ! เคอีกคน คนนี้จะเฉื่อย ๆ หน่อย สมองช้า คิดอะไรไม่ค่อยทันเพื่อน เป็นคนเงียบ ๆ ไม่ค่อยสุงสิงกับใครเลยไม่ค่อยมีเพื่อน พี่ฝากดูคนนี้หน่อยนะ ส่วนเรื่องปกติที่เจอทั่วไป ก็ถ้าใครนั่งหน้าห้องก็จะเป็นเด็กเรียน หลังห้องขึ้นชื่อเรื่องแอบกินขนม แอบเล่นเกมและคุยโหวกเหวก ส่วนติดขอบหน้าต่าง สายธรรมชาติ ชอบปลีกวิเวก ตัดขาดจากโลกภายนอก    ชมนกชมไม้เวลาเรียนตลอด ต้องเรียกตอบบ่อย ๆ”
“ฮ่า ๆ หนูจะพยายามปรับตัวเข้ากับเด็ก ๆ ให้ได้นะคะ”
“อย่าใกล้ชิดเด็กมากเกินไปนะครูตาน เดี๋ยวจะสนิทจนไม่เคารพเรา พยายามทำตัวให้เด็กเกรงกลัวเอาไว้”
“ค่ะครูระเบียบ แล้วณิชาภัทรล่ะคะ คนนั้นโดดเรียนบ่อยเหรอคะ”
“อ้อ!! ลืมคนนี้ไปได้ยังไง ครูตานเตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้เลย เพราะรับมือยากที่สุด สโลแกนประจำตัวคือ เรียนดี กีฬาเด่น โดดเรียนเป็นประจำ ทะเลาะกับผู้ชายคืองานอดิเรก”
เมื่อตานได้ยินสโลแกนถึงว่าที่ลูกศิษย์ของตน เธอถึงกับชะงัก เพราะณิชาภัทร มีคำนำหน้าชื่อว่า 'นางสาว' แต่ไฉนถึงทะเลาะกับผู้ชายคืองานอดิเรกได้
“ณิชาภัทรชื่อเล่นว่านัทนะ ถ้านัทหายตัวไป ไม่ต้องตามหาที่ไหนยากเลย มีที่เดียวที่จะไป คือ เรือนเพาะชำหลังโรงเรียน”
“เอ๊ะ!? เดี๋ยว ๆ ค่ะ ครูระเบียบคะ ทะเลาะกับผู้ชาย คือยังไงคะ แล้วเขาไปทำอะไรที่เรือนเพาะชำคะ”
“นัทเป็นเด็กนิสัยห้าว ๆ น่ะ แต่ทุกครั้งที่ตีกับเพื่อนผู้ชายหรือทะเลาะกันมักจะมีเหตุผลคือปกป้องเพื่อนผู้หญิงเสมอ ส่วนไปทำอะไรที่เรือนเพาะชำ คือไปแอบหลับ หรือไม่ก็ไปดูแลต้นไม้”
“ไปดูแลต้นไม้เนี่ยนะคะ แปลกจัง ไม่ใช่ไปแอบทำอะไรไม่ดีเหรอคะครูระเบียบ”
“ไม่หรอกครูตาน นัทไม่ใช่เด็กไม่ดี แต่เขาแค่ห่วงต้นไม้หรือดอกไม้ที่เขาปลูกน่ะ”
“แปลกแฮะ”
“ฮ่า ๆ สุดยอดแห่งความแปลกก็รวมกันที่ห้องเรานี่แหละ อยู่ไปก็ค่อย ๆ ทำความเข้าใจในตัวนักเรียนเอานะ อย่างนัทเนี่ยเกเรที่สุดในห้องเลย”
“แล้วครูจัดการกับนัทยังไงคะ”
“ปล่อยผ่าน”
“คะ!? แบบนี้มันก็ทำให้เขาไม่ปรับปรุงตัวน่ะสิคะ ไม่ดุไม่ตักเตือนหน่อยเหรอคะ”
“ดุไปก็เท่านั้น เขาไม่กลัว และไม่สนใจด้วย ดีไม่ดีอาจจะเจออะไรแปลก ๆ วางที่โต๊ะด้วย”
“เช่นอะไรคะ”
“ครูตานรู้จักตดหมูตดหมาไหม หรือที่ทางอีสานเขาเรียกว่าเครือตดหมา กลิ่นมันจะเหม็น ๆ น่ะ”
“รู้จักค่ะ ทำไมเหรอคะ อย่าบอกนะคะว่านัทเอามาวางที่โต๊ะครูระเบียบ”
“ใช่ แสบใช่ไหมล่ะ เหม็นจนอยู่ในห้องหมวดกันไม่ได้เลยวันนั้น ครูกัลยาที่เป็นครูประจำชั้นของนัทตอนอยู่ ม.3 เล่าให้พี่ฟังว่า วันไหว้ครูมีเด็กนักเรียนเอาต้นมะเขือไปวางไว้ที่โต๊ะทำงานของครูเขาทั้งกระถางเลย กระถางใหญ่ด้วยนะประเด็น ตั้งใจแกล้งหรือจะแสดงความเคารพครูบาอาจารย์ด้วยดอกมะเขือก็ไม่รู้ ครูทุกคนก็ฟันธงถึงพฤติกรรมแปลก ๆ ว่าต้องเป็นนัทคนเดียวเท่านั้น”
“แสบจริง ๆ หนูชักอยากจะเห็นหน้าแล้วสิ อยากรู้เหมือนกัน ว่าจะแสบสักแค่ไหน”
“เดี๋ยวก็ได้ลิ้มรสความแสบทรวงของนางสาวณิชาภัทรแล้วล่ะ รับรองว่าครูตานจะปวดหัวจนอยากจะตัดหัวตัวเองทิ้งเลยล่ะ”
“ฮ่า ๆ ครูระเบียบนี่อารมณ์ขันจังเลยนะคะ นับว่าเป็นโชคดีของห้องนี้นะคะ ที่มีครูประจำชั้นน่ารักขนาดนี้”
“ฮ่า ๆ พี่ฝากเด็ก ๆ ด้วยนะครูตาน ก็อย่างที่พี่บอก ถึงจะซนกันบ้าง แต่ก็รักกันดี ทุกคนเป็นตัวของตัวเอง พยายามทำความเข้าใจเขาให้มาก ๆ แล้วครูตานจะรักพวกเขาแบบที่พี่รัก เดี๋ยวพี่ต้องไปสอนแล้ว ไว้คุยกันนะ”
“ค่ะ ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะคะ”
ครูระเบียบส่งยิ้มกลับมาแทนคำตอบ ก่อนจะถือหนังสือทัศนศิลป์ออกจากห้องไป ภายในห้องจึงเหลือตานที่นั่งอยู่เพียงลำพัง เธอจึงจัดโต๊ะทำงานใหม่ของเธอให้เป็นระเบียบเรียบร้อย แล้วจึงหยิบตารางสอนของเธอขึ้นมาดู
“อืม...พรุ่งนี้มีสอนห้องหนึ่งแทนครูระเบียบคาบสุดท้าย...หวังว่าณิชาภัทรจะไม่โดดเรียนนะ”
เพราะตานเอาแต่สนใจและให้ความสำคัญกับเด็กนักเรียนในการดูแลของเธอ ทำให้เธอลืมเรื่องราวในตอนเช้าไปเสียหมด ทั้ง ๆ ที่เธอเก็บความสงสัยและครุ่นคิดถึงเด็กในความฝันตลอดเวลาที่เดินทางมายังโรงเรียน แต่ตอนนี้ เธอเพ่งประเด็นไปที่ ‘นางสาวณิชาภัทร ถือสัจจะ’ เสียมากกว่า


“หวัดดีเปา มาไม่ทันคาบโฮมรูมอีกแล้วนะ”
เด็กสาวผิวขาว หน้าตาน่ารัก สวมแว่นตากรอบใสพร้อมกับหน้าม้าเลยคิ้วเล็กน้อย หันมาทักทายนัทที่เดินสะพายกระเป๋าพาดบ่าเข้ามาในห้อง นัทถึงกับถอนหายใจเฮือกด้วยความเอือม
“เฮ้อ...เปา ตั้งสติ เรานัท ส่วนเธอน่ะเปา”
“อื้อ ใช่ไง”
“ก็ใช่ไง แต่เมื่อกี้เธอเรียกชื่อเราผิดเป็นชื่อตัวเอง”
“เหรอ”
“อื้อ! เฮ้อ...เมื่อไหร่เธอจะพกสติมาเรียนด้วยสักทีเนี่ย แล้วเมื่อวานเอาเรื่องเราไปเล่าให้ปรางฟังทำไมอะ เราบอกว่าห้ามบอกปรางไง”
“เราก็ไม่ได้บอกปรางนะ ปรางถามเราแต่เราหันไปเล่าให้ ผอ.ฟัง สงสัยปรางจะได้ยินมั้ง”
“โว้ย!!”
คำตอบของหัวหน้าห้อง ทำนัทถึงกับยกมือทั้งสองข้างขึ้นเหนือศีรษะ พร้อมกับเงยหน้าขึ้น ราวกับรับพลังงานจากเบื้องบน เพราะทุกครั้งที่นัทได้พูดคุยกับหัวหน้าห้อง เธอมักจะสูญเสียพลังงานเสมอ
โต๊ะเรียนของนัทอยู่ติดกับโต๊ะของหัวหน้าห้องเพราะครูระเบียบต้องการให้เปาควบคุมความประพฤติของเธอ ซึ่งเป็นแถวที่ 3 นับจากหน้าห้อง และอยู่โต๊ะที่ 4 นับจากทางหน้าต่าง โดยมีช่องทางเดินกั้นกลางระหว่างโต๊ะที่ 3 และ 4
และนักเรียนสายธรรมชาติ ชอบชมนกชมไม้ที่ครูระเบียบพูดถึงก็คือโปเต้ หนุ่มหล่อสายแซวนั่นเอง ถัดจากโปเต้ คือกิ๊บเก๋และกุ๊กกิ๊ก แฝดสาวหน้าตาจิ้มลิ้มมัดผมแกละเหมือนกันราวกับภาพสะท้อน
“โปเต้! เปลี่ยนที่กัน”
นัทหันไปตะโกนถามโปเต้ที่นั่งติดขอบหน้าต่าง เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงความปวดประสาทนี้ เปาจึงหันมาจ้องเธอตาเขม็งทันที
“ไม่เอานัท!! เราไม่อยากนั่งกับมัน”
“ทำไมอะเปา ทำไมไม่อยากนั่งกับเรา” ชายหนุ่มหันมาถาม
“ก็แกชอบแซวอะ น่ารำคาญ”
“น่ารำคาญหรือเขินเรากันแน่ ตกลงนัท เราเปลี่ยนที่กัน”
“ไม่เอา!! นะนัท! ไม่เปลี่ยนกับโปเต้นะ”
“โอเค ๆ งั้นไม่เปลี่ยนกับโปเต้ เราเปลี่ยนกับโจอี้นะเปา”
“โอ๊ย!! ไอ้นั่นยิ่งไม่เอา รำคาญมันพูดมาก”
“ฮ่า ๆ จะให้เราเปลี่ยนกับโปเต้หรือโจอี้ เราให้สิทธิ์เปาเลือก”
“ไม่เลือกใครทั้งนั้น เราจะนั่งกับนัทนี่แหละ สัญญาจะไม่ไปบอกปรางอีกแล้ว โอเคไหม”
“เค! สัญญาแล้วนะ ห้ามบอก ผอ. ด้วย ถ้าเปายังปากโป้งเรื่องเราอีกล่ะก็ เปาจะได้นั่งกับโปเต้ทั้งอาทิตย์เลย”
“โอเค ๆ สัญญา ไม่บอกแล้ว”
“ไม่บอกใคร”
“ปรางกับ ผอ.”
“ดีมาก! จับมือ!”
นัทยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ พร้อมกับยื่นมือออกมาประสานมือกับเปา ซึ่งเปาเองก็รู้ดีว่าเป็นข้อตกลงที่นัทเป็นฝ่ายได้เปรียบอยู่ฝ่ายเดียวเท่านั้น แต่เธอก็ไม่อาจขัดขืนได้
“ครูประจำชั้นคนใหม่มาแล้วนะนัท แบบสวยมากอะ นัทไม่น่าโดดเลย ตอนแนะนำตัวนะ ครูยิ้มน่ารักมาก!!”
“แล้วไงอะ เราไม่ได้สนใจอยู่แล้วปะ ว่าครูจะสวยหรือไม่สวย ไม่ได้ชอบผู้หญิงสักหน่อย”
“อ้าว นัทไม่ได้ชอบผู้หญิงเหรอ”
“จะบ้าเหรอ!”
“อ้าว ไม่ใช่เหรอ”
“ก็ไม่ใช่น่ะสิ!! ไปเอาความคิดนี้มาจากไหนเนี่ยเปา”
“ก็เห็นนัทกับปรางตัวติดกันอย่างกับปลาท่องโก๋ นึกว่านัทชอบปรางซะอีก ก็ปรางน่ารักซะขนาดนั้น”
“หึ! บ้าไปแล้ว!! เพื่อนกัน!”
“เฮ้ยนัท! แกไม่ได้ชอบปรางจริง ๆ ใช่ปะ!?”
“ทำไมวะโปเต้ แกชอบปรางหรือไง”
“ก็เออดิ ใครจะไม่ชอบวะ ลูก ผอ. เลยนะเว้ย น่ารักแถมยังเรียนเก่งอีกอะ มีแต่คนอยากจีบคุณหนูปรางทั้งนั้น ถ้าแกไม่ได้ชอบแล้วจะทำหวงทำไมวะ”
“ไม่ได้ทำหวงเว้ย! ปกป้องเพื่อนจากผู้ชายนิสัยเสียมันผิดหรือไง”
“โหนัท!! ถ้าเป็นแค่เพื่อนอะ ก็แบ่ง ๆ คนอื่นได้เชยชมบ้าง”
“เงียบไปเลย!!”
“โอ๊ย ๆ พอ! เลิกเถียงกัน ถ้าครูคณินเข้ามาได้ยินเดี๋ยวก็โดนด่าหรอก เราจดชื่อไปให้ครูนะ!”
“โอ๊ยเปา ทำไมขี้ฟ้องจังวะ เพราะแบบนี้ไงแกถึงไม่มีแฟนสักทีอะ”
“ยุ่งไรอะโปเต้!!”
“ก็ไม่ได้อยากยุ่งหรอก พวกขี้ฟ้องอะ เก็บปากไว้อ่านทำนองเสนาะเถอะ”
“แกก็เก็บปากไว้กินข้าวเถอะ!! น่ารำคาญอะ คนแบบแกก็แซวสาวไปวัน ๆ คิดว่าทำตัวแบบนี้แล้วสาวจะชอบเหรอ บอกเลย ทุเรศ!!”
“โห! เก่งจังนะตอนด่าคนอื่นกับตอนฟ้องครูเนี่ย ทีตอนมีสาระทำไมทำตัวอ๊อง ๆ วะ อยากให้คนมองว่าน่ารักใส ๆ เหรอ”
“ยุ่งไรด้วยอะ!!”
“โว้ย!!!”
เมื่อโปเต้และเปาดูท่าว่าจะเถียงกันไม่เลิก นัทจึงตะโกนดังลั่นห้องแล้วเดินไปลากคอเสื้อโปเต้ด้วยความโมโห ทำเอาเพื่อน ๆ ในห้องที่กำลังนั่งคุยกันเงียบกริบราวกับกดปุ่มปิดเสียง
“เปาจะไปฟ้องใครก็ฟ้องเลยนะ ตอนนี้เราต้องการความสงบ!!”
นัทพูดจบก็จับบ่าของโปเต้กดลงให้นั่งที่ของเธอ ก่อนที่จะก้มลงเอาสมุดที่เธอเก็บเอาไว้ใต้โต๊ะ แล้วเดินไปนั่งโต๊ะเรียนติดขอบหน้าต่างของโปเต้ เพราะมุมนั้นสงบสุขที่สุด หากเบื่อก็สามารถมองออกไปนอกหน้าต่างได้
สายลมพัดโชยมาปะทะใบหน้าเนียนเบา ๆ นัทหลับตาลงพลางสูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อสงบสติอารมณ์ โชคดีนักที่วันนี้มีแค่เปากับโปเต้ที่เถียงกันเท่านั้น หากมีโจอี้สายอเลิร์ทที่นั่งอยู่หลังห้องมาร่วมวงด้วย มีหวังได้เป็นประสาทแน่ ๆ
“โอเคไหมนัท” กิ๊บเก๋เอ่ยถาม
“อืม โอเค”
“ทำใจให้ชินเถอะ สองคนนั้นก็เป็นคู่กัดประจำห้องอยู่แล้ว” กุ๊กกิ๊กเสริม
“นัทไม่ได้หนักใจเรื่องนั้นหรอก ชินแล้ว”
“แล้วนัทเป็นอะไร บอกกิ๊บได้นะ”
“ระบายกับกุ๊กได้เหมือนกันนะ”
“ขอบคุณนะกุ๊บ นัทแค่รู้สึกว่า ตัวเองไม่มีความรู้สึกชอบหรือรักใครเลยอะ เวลาใครมาแซวนัทกับปรางทีไร นัทจะรู้สึกหงุดหงิดตลอด หงุดหงิดที่ไม่เข้าใจความรู้สึกแบบนั้น ชอบคืออะไร รักมันเป็นยังไง เฮ้อ...”
ความรู้สึกสับสนอลหม่านภายในใจ ทำให้นัทถึงกับถอนหายใจเฮือก เพื่อนแฝดสาวก็ได้แต่ตบบ่าให้กำลังใจด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรนะนัท เดี๋ยวถึงเวลา นัทก็จะรู้เอง”
“ใช่ ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวเมื่อเจอคนที่ใช่ นัทก็จะเข้าใจความรู้สึกนั้นเอง”
“อืม ขอบคุณนะกุ๊บ”
กิ๊บเก๋และกุ๊กกิ๊กมักจะเป็นเพื่อนที่คอยช่วยเหลือและให้กำลังใจนัทอยู่เสมอ และเพราะเธอทั้งสองเป็นฝาแฝดที่ไม่ว่าใครต่างก็ไม่สามารถจับแยกจากกันได้ นัทจึงเรียกพวกเธอว่า 'กุ๊บ' ที่มาจาก กิ๊บเก๋ และกุ๊กกิ๊ก รวมกันนั่นเอง
“ครูกานต์ธีราบอกว่า ห้ามขาดคาบโฮมรูมนะนัท”
“แล้วก็ห้ามเข้าห้องสายหลังครูด้วย”
“กานต์ธีรา? ครูประจำชั้นคนใหม่เหรอกุ๊บ”
“ใช่/ใช่” ทั้งสองตอบแบบประสานเสียง
“ขอบคุณที่บอกนะ นัทจะพยายามแล้วกัน”
“ครูคณินมาแล้ว!”
“ตั้งใจเรียนกันเถอะ”
“อืม”
ระหว่างที่ทั้งสามกำลังคุยกันอยู่นั้น คุณครูหนุ่มที่เข้าสอนวิชาถัดไปก็เดินเข้ามาพอดี นัทก็ได้แต่สิ่งยิ้มกลับไปให้เพื่อนแฝดสอง ก่อนจะเบือนหน้าออกไปนอกหน้าต่างอีกครั้ง


เวลาล่วงเลยผ่านไปจนถึงเวลาเลิกเรียน นัทไม่รอช้ารีบคว้ากระเป๋าสะพายของตนแล้วชิงออกจากห้องก่อนครูผู้สอนเสียด้วยซ้ำ ซึ่งหากใครก็ตามที่เข้ามาสอนคาบสุดท้ายที่ห้องนี้ต่างรู้ดีว่าเธอจะต้องรีบออกจากห้องก่อนเสมอ
แม้เป้าหมายหลักในเวลาเลิกเรียนของนักเรียนทุกคนจะเป็นร้านค้าหน้าโรงเรียนก็ตาม แต่นัทกลับปั่นจักรยานคันเก่าของเธอตรงไปที่เรือนเพาะชำโดยไม่แวะที่ใด เมื่อถึงจุดหมาย นัทอมยิ้มเมื่อเห็นรถมอเตอร์ไซค์คันเก่าของคนที่คุ้นเคยจอดอยู่ เธอจึงรีบจอดรถจักรยานแล้ววิ่งเข้าไปทันที
“พี่ปุ๊ก! นัทมาแล้ว!”
นัทกล่าวทักทายพร้อมกับยกมือไหว้หญิงสาวอีกคนที่กำลังยืนรดน้ำต้นไม้อยู่ เธอจึงหันมายิ้มให้นัทด้วยความดีใจ เพราะนัทมักไปที่เรือนเพาะชำบ่อย ๆ ทำให้เธอทั้งสองสนิทสนมกันราวกับเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน
“ทำไมวันนี้มาเร็ว โดดอีกหรือเปล่าเนี่ย”
“เปล่าโดดซะหน่อย แต่ครูเขาปล่อยเร็วน่ะ”
“แน่ใจนะ”
“แน่!! แล้วมาแย่งนัทรดน้ำต้นไม้ทำไมเนี่ย มันหน้าที่นัทนะ”
“หน้าที่นัทอะไรล่ะ ผอ. จ้างพี่มาดูแลที่นี่นะ นัทนั่นแหละมาแย่งหน้าที่พี่”
“ก็ปกตินัทมาอาศัยที่นี่ตั้งแต่แรกอยู่แล้วไหม”
“แหม ใช้คำว่าอาศัยเลยเหรอ ก็แหงล่ะ แอบมาหลับอยู่ที่นี่จนจะเป็นบ้านหลังที่สองอยู่แล้ว”
“ฮ่า ๆ มาพี่ปุ๊ก เดี๋ยวนัทรดน้ำเอง พี่ไปดูแปลงผักเถอะ”
“วันนี้พี่ทำหมดแล้ว เหลือแต่รดน้ำนี่แหละ”
“อ้าว ไหงงั้นอะ!”
“ฮ่า ๆ ไม่ต้องเสียใจ พี่ว่าจะวานนัทไปรดน้ำต้นไม้ที่บ้านเช่าของ ผอ. ให้หน่อยได้ไหม พอดีวันนี้พี่ต้องพาแม่ไปธุระน่ะ พี่เลยต้องรีบทำทุกอย่างให้มันเสร็จก่อนจะค่ำ”
“กี่หลังเหรอพี่ปุ๊ก”
“บ้านจินดาหลังเดียว หลังที่อยู่ทางเดียวกับทางกลับบ้านนัทนั่นแหละ นัทก็จะได้เลยกลับบ้านเลย”
“อ๋อ โอเคพี่ เดี๋ยวนัทจัดการเอง”
“ขอบคุณนะนัท เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่ซื้อขนมมาฝาก”
“เย่!”
“เด็กน้อยเอ๊ย ไปได้เลยนะ เดี๋ยวมันจะค่ำก่อน”
“โอเค งั้นนัทกลับก่อนนะ พรุ่งนี้เจอกันพี่ปุ๊ก”
“จ้า กลับดี ๆ นะ อย่ากลับค่ำล่ะ”
“เคพี่!”


ภายในบ้านเช่าที่มีป้ายไม้แกะสลักแขวนไว้ที่หน้าบ้านว่า ‘บ้านจินดา’ มีหญิงสาวที่หน้าตาสละสลวยเข้ามาพักอาศัยเพียงลำพัง ตานนั่งมองภาพวาดชายคนหนึ่งที่เธอวาดด้วยตัวเองตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยที่อัดกรอบเอาไว้อย่างดี พร้อมกับข้อความที่เขียนเอาไว้มุมด้านขวาล่างว่า
'รักตลอดไป...'
“คิดถึงนะคะพี่สิบทิศ”
ก๊อก! แก๊ก! ก๊อก! แก๊ก!
ระหว่างที่ตานกำลังดูภาพวาดอัดกรอบที่ถืออยู่ในมือ เธอก็ได้ยินเสียงดัง ก๊อกแก๊ก คล้ายกับว่ามีใครกำลังทำอะไรบางอย่างอยู่ที่หน้าบ้าน เธอถึงกับหันขวับไปหาต้นตอของเสียงทันที ก่อนจะวางกรอบรูปเอาไว้บนชั้นวางหนังสือ
บริเวณประตูไม้หน้าบ้านมีร่องด้านใต้ประตูที่แสงจากด้านนอกสามารถส่องเข้ามาในบ้านได้เล็กน้อย และเพราะเจ้าของบ้านไม่ได้เปิดไฟในบ้านเอาไว้ แต่เธอเพียงแค่เปิดผ้าม่านเพื่อรับแสงจากข้างนอกเท่านั้น ทำให้เธอเห็นเงาเหมือนมีใครบางคนยืนอยู่ที่หน้าประตู ณ ขณะนี้
แก๊ก! แก๊ก!
สิ่งที่คิดดูเหมือนจะเป็นจริง ใครบางคนจากข้างนอกกำลังพยายามบิดลูกบิดประตูจนส่งเสียงดังหลายครั้ง ตานยิ่งมั่นใจว่าคนที่อยู่หลังประตูไม้บานนี้ต้องมีจุดประสงค์ไม่ดีเป็นแน่
'ถ้าคิดจะมาขโมยของ แม่จะฟาดให้ร่วง!'
สมองก็คิดไป มือก็ค่อย ๆ คว้าด้ามไม้ถูพื้นขึ้นมาแล้วกำเอาไว้ระหว่างอก ขาก็ค่อย ๆ ย่องไปที่ประตูช้า ๆ คนอย่างพุดตาน แม้จะเคยเป็นคุณหนูผู้ดีตีนแดงมาก่อน แต่ตอนนี้เธอกลับไม่เกรงกลัวอะไรทั้งนั้น
นัทพยายามบิดลูกบิดที่อีกฟากของประตู โดยที่มือขวาจับลูกบิดหมุนไปมา มือซ้ายแนบโทรศัพท์เอาไว้ที่หู อาจเป็นเพราะโซ่ที่คล้องล็อกประตูเอาไว้ถูกปลดออกแล้วแขวนพาดที่กลอนประตูเท่านั้น คาดว่าต้องมีใครเข้ามาใช้บ้านเช่าหลังนี้ทำเรื่องไม่ดี หรืออาจจะเข้ามาขโมยของก็เป็นได้
'รับสิปราง...รับสิ...ใครมันบังอาจเข้ามาขโมยของบ้าน ผอ. วะเนี่ย'
“เฮ้ย!! ใครอยู่ในบ้านอะ เปิดประตู!!”

ด้านในบ้าน
'หนอย! เป็นผู้หญิงซะด้วย มันวอนโดนฟาดมาก ฉันไม่กลัวหรอกนะไอ้หัวขโมย'
ตานยืนอยู่ต่อหน้าประตูพลางคิดในใจด้วยความโมโห ตอนนี้เธอกำลังเอียงคอซ้ายขวาเตรียมความพร้อมราวกับจะออกรบ เป็นไงเป็นกัน ไม่เจ้าของบ้าน     ก็ขโมยนี่แหละ ต้องมีใครสักคนที่ตายกันไปข้าง!
“เฮ้ย!! เปิดประตูสิโว้ย!! ไม่งั้นกูเผาบ้านนะ! ถ้าไม่อยากโดนเผาตายในบ้านก็ออกมา!!”
'เอาล่ะนะ…'
มือเรียวขาวข้างซ้ายค่อย ๆ เอื้อมไปจับที่ลูกบิด มือขวาจับไม้ถูพื้นเอาไว้มั่น ตานนับหนึ่งถึงสามในใจ ในเสี้ยววินาทีที่หมุนลูกบิดประตู เธอก็ใช้ขาขวาออกแรงถีบแบบเต็มเหนี่ยว เรี่ยวแรงมีเท่าไหร่อัดใส่ไปเท่านั้น ประตูไม้บานใหญ่ก็เปิดกระแทกเข้ากับร่างเด็กสาวอีกคนจนเธอถึงกับกระเด็นหงายหลังไปกับสนามหญ้าหน้าบ้าน
โป๊ก!!!
“อ๊าก!!”
“หัวขโมย!! ไปตายซะ!!”
ทันทีที่ตานยกไม้ถูพื้นเหนือศีรษะเตรียมที่จะฟาดแบบเต็มแก่แต่เธอก็ต้องชะงักเมื่อเธอเห็นใบหน้าเด็กสาวสวมชุดนักเรียนมัธยมปลายที่เงยหน้าขึ้นมาด้วยความตกใจ ทำเอาไม้ถูพื้นที่ถืออยู่ในมือร่วงกระแทกเข้ากับศีรษะของนัทเต็ม ๆ
โป๊ก!!
“โอ๊ย!!”
“นะ...นักเรียน!! ทำไมมาขโมยของบ้านครูเนี่ย!!”
“แกนั่นแหละขโมย!! มานี่เลยนะนังตัวดี!!”
“อ๊าย!! หยุดนะ!!”
เมื่อนัทดีดตัวเองลุกขึ้นได้ เธอก็พุ่งเข้าไปล็อกตัวตานแล้วออกแรงดันร่างเข้าไปในบ้านทันที โดยไม่เกรงใจกระโปรงที่ใส่อยู่แม้แต่น้อย เมื่อดันร่างของตานอัดเข้ากับผนังบ้านได้ เธอใช้มือขวาดันบริเวณไหปลาร้าแล้วกดเอาไว้แน่น ส่วนมือข้างซ้ายง้างหมัดเตรียมจะต่อยอยู่แล้ว แต่เมื่อสายตาของเธอปรับโฟกัสใบหน้าหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า เธอถึงกับอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึงและหมัดก็ยังค้างกลางอากาศอยู่อย่างนั้น
'สะ...สวย…'
“นี่!! คิดจะมาขโมยของหรือไง!?”
ทันทีที่ตานตะคอกเสียงดัง พร้อมกับคว้าขอเสื้อของนัทเอาไว้ ก็เรียกสติคืนกลับมาทันที นี่ไม่ใช่เวลามาชื่นชมหัวขโมยนะนัท!
“แกนั่นแหละขโมย!!”
“จะบ้าเหรอ!! เธอนั่นแหละขโมย คิดจะมางัดบ้านเหรอฮะ!?”
“แกนั่นแหละ!! ช่วงนี้ ผอ. ขนของเตรียมต้อนรับครูใหม่มาอยู่ แกเลยคิดจะมาขโมยของใช่ไหม!?”
“โอ๊ย!! อะไรนักหนาเนี่ย! ฉันไม่ใช่ขโมย!! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!?”
แม้ต่างคนต่างปฏิเสธเสียงแข็งแต่ก็ไม่มีใครยอมปล่อยใครก่อน นัทยิ่งจ้องตาหญิงสาวตาเขม็งพร้อมกับยื่นหน้าไปใกล้ ๆ เพื่อที่จะจับพิรุธ ทำเอาตานรีบเบือนหน้าหลบทันที
“เนี่ย! ไม่กล้าสู้หน้าแบบนี้ โกหกชัด ๆ”
“ไม่ได้โกหก ไม่เชื่อก็ไปถาม ผอ. ดูสิ! ว่าฉันมาอยู่ที่นี่ทำไม เนี่ยกำลังจะไปบ้าน ผอ. เลย ไปด้วยกันไหมล่ะ!!”
เมื่อนัทได้ยินแบบนั้นเธอจึงชักมือกลับแล้วถอยรุดออกมา แต่เธอก็ยังคงจ้องมองสาวสวยตรงหน้าแบบไม่ละสายตา
“สรุปว่าเจ๊ไม่ได้เป็นขโมยเหรอ”
“ก็ไม่ใช่น่ะสิ!!”
นัทมองสำรวจสาวสวยอีกคนที่สวมเสื้อลายสก็อตสีดำแดงคลุมเสื้อคอกลมสีขาวด้านใน พร้อมกับกางเกงยีนส์ทรงกระบอกแบบขาด ๆ ตามสไตล์เด็กศิลป์ เธอถึงกับเอียงคอมองด้วยความสงสัย
“อ๋อ แม่บ้านนี่เอง ก็นึกว่าขโมยซะอีก”
“จะบ้าเหรอ!?”
เมื่อนัทเห็นสาวสวยตรงหน้าทำหน้านิ่วคิ้วขมวด เธอจึงเอื้อมมือซ้ายแล้วใช้นิ้วโป้งและนิ้วชี้บีบที่หัวคิ้วเบา ๆ 
“อย่าทำหน้านิ่วคิ้วขมวดสิเจ๊หมวย”
“อย่าทำหน้านิ่วคิ้วขมวดสิครับคุณหนู”
จู่ ๆ รอยยิ้มและคำพูดที่คุ้นเคยของชายหนุ่มที่เป็นดั่งดวงใจของคุณหนูพุดตาน กลายเป็นภาพซ้อนกับเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้า หัวใจของเธอก็เริ่มเต้นแรงขึ้น ตานยืนนิ่งสนิท พร้อมกับดวงตาเบิกกว้างราวกับตกอยู่ในภวังค์ นัทจึงจับที่บ่าของเธอเขย่าเพื่อเรียกสติ
“เจ๊หมวย!!”
“หะ...ฮะ!”
“เป็นอะไร”
“เปล่า”
“จะไปบ้าน ผอ. ใช่ไหม จะได้ไปด้วย”
“ก็ดี จะได้รู้สักทีว่าฉันเป็นใคร!”
“อื้อ”


“เจ๊หมวย! ทำไมปั่นอืดแบบนี้เนี่ย!!”
“โอ๊ย!! มาปั่นเองสิ!! มันหนักนะโว้ย!!”
'หนอย...ยัยเด็กแสบนี่ต้องเป็นเจ้ากรรมนายเวรแน่ ๆ ฉันถึงได้ฝันถึงเธอบ่อย ๆ แบบนี้' ตานคิดในใจ ขณะที่กลั้นใจฮึดสู้เพื่อที่จะปั่นจักรยานสีแดงคันเก่า เธอทั้งเหนื่อย ทั้งโมโห เพราะแทนที่เธอจะได้เป็นคนซ้อน แต่กลับต้องปั่นจักรยานด้วยตัวเอง ส่วนอีกคนน่ะเหรอ กลับยืนซ้อนด้านหลัง โดยเหยียบแท่งเหล็กที่เชื่อมติดเอาไว้ สำหรับยืนซ้อนเท่านั้น แถมยังเกาะบ่าเธอสบายใจเฉิบ มันน่านัก…
“ขนาดเจ๊ยังหนักเลย คิดเหรอว่าจะปั่นให้เจ๊ซ้อนอะ ฝันไปเถอะ!!”


“โอ๊ย เหนื่อย!! แฮก ๆ”
เมื่อตานปั่นจักรยานมาถึงบ้านผู้อำนวยการ เธอลงจากรถได้ถึงกับเข่าทรุด นั่งหอบอยู่หน้าบ้านด้วยความเหนื่อยล้า ตัวการก็เอาแต่หัวเราะเยาะเธอมาตลอดทาง จนตานถึงกับหายใจฟึดฟัดด้วยความโมโห
“ฮ่า ๆ คนที่ถีบประตูอัดหน้าคนนั้นไปไหนแล้วล่ะ ทำไมถึงได้หอบเป็นคนแก่แบบนี้ล่ะเจ๊หมวย”
“อยากตายหรือไง!!?”
เมื่อดวงใจมีรัก ดั่งเจ้านกโผบิน บินไปไกลแสนไกล ~
“แป๊บนะเจ๊ รับโทรศัพท์ก่อน เดี๋ยวมาเถียงด้วยใหม่”
เมื่อเสียงโทรศัพท์ของนัทดังขัดจังหวะขึ้นมา ตานถึงกับชะงัก มันจะบังเอิญเกินไปแล้ว ที่เด็กนักเรียนคนนี้มีอะไรคล้ายกับคนรักในอดีตของเธอมาก ทั้งคำพูด ท่าทาง แม้แต่เสียงเรียกเข้า ก็ยังเป็นเพลงที่เขาคนนั้นชอบร้องให้ฟังด้วย
“กลับก่อนนะเจ๊ ไปซื้อไข่ให้แม่ก่อน อ้อ! ไม่ต้องกลัวนะว่าจะเอาเรื่องที่ทำร้ายร่างกายไปฟ้อง ผอ. อะ พอดีไม่ชอบมีปัญหากับผู้หญิง”
“เดี๋ยว!” ขณะที่นัทกำลังจะก้าวขาขึ้นคร่อมรถจักรยานนั้น ตานก็รีบคว้าข้อมือของเธอเอาไว้ก่อน จนเธอถึงกับชะงัก
“อะไรเจ๊”
“ชื่ออะไร”
“ถามทำไมอะ จะไปใส่สีตีไข่ให้ ผอ. ฟังหรือไง อย่าแม้แต่จะคิดเลยนะ ไม่งั้นเราได้เห็นดีกันแน่ อย่าหาว่าไม่เตือน”
“ถามว่าชื่ออะไร”
“แนะ! ทำไมพูดไม่ฟังความแบบนี้เนี่ย ไม่บอกโว้ย! ไปละ แม่รอกินข้าว”
เมื่อพูดจบ นัทก็สะบัดข้อมือออกแล้วคว้าจักรยานได้ก็ถีบออกไปทันที ปล่อยให้อีกคนยืนเหวี่ยงหมัดต่อยอากาศด้วยความโมโห
“โธ่เว้ย!! อย่าให้รู้นะว่าชื่ออะไร อยู่ห้องไหน แม่จะเล่นงานให้ถึงที่สุด!!”
ม้า
ไรท์แวะมาคุย~`

“นัทโว้ยยยย นั่นไม่ใช่แม่บ้าน นั่นมันครูประจำชั้นแกนั่นแหละ!! 55555”