ดวงพุดตาน

ดวงพุดตาน
ตอนที่ 2 ครูประจำชั้น

“ฮืม ฮืม ฮืม ฮือ ฮืม ฮือ…”
เสียงฮัมเพลงจากชายรูปร่างผอมสูง ที่แต่งกายด้วยชุดนักเรียนมัธยมปลาย กางเกงสีกรมท่าเหนือเข่า พร้อมกับรองเท้าผ้าใบสีดำ ของโรงเรียนกัลทรประสิทธิ์ ซึ่งเป็นหนึ่งในโรงเรียนเอกชนที่มีชื่อเสียงด้านการผลิตนักเรียนคุณภาพ แต่จำนวนนักเรียนก็ไม่ได้มากมายนักเพราะโรงเรียนตั้งอยู่ไกลจากตัวเมืองทำให้เดินทางไปมาได้ไม่สะดวก 
แต่ด้วยผู้ก่อตั้งโรงเรียนมีจุดประสงค์เพื่อที่จะผลิตนักเรียนที่มีคุณภาพ แม้จะเป็นโรงเรียนเอกชน แต่ก็มีนักเรียนที่ฐานะยากจนแต่ผลการเรียนอยู่ในระดับดีสามารถสอบชิงทุนเรียนฟรีจนจบการศึกษาระดับมัธยมได้ ทำให้เด็กนักเรียนที่นี่มีความหลากหลายยิ่งขึ้น
เขากำลังดีดกีต้าร์อยู่เก้าอี้หินอ่อนใต้ต้นพิกุลทองที่ทางโรงเรียนปลูกเอาไว้เพื่อให้ร่มเงา โดยมีเด็กหญิงหน้าตาน่ารักถักเปียสองข้างสวมชุดนักเรียนมัธยมต้นนั่งเท้าคางฟังเพลง พลางกับอมยิ้มจนตาหยี
“เมื่อดวงใจมีรัก ดั่งเจ้านกโผบิน บินไปไกลแสนไกล…”
เสียงนุ่มละมุนของชายหนุ่มที่ไพเราะเสนาะหูราวกับเป็นนักร้องที่เจนสนามประกวดมาแล้วนับร้อย จนเด็กหญิงที่นั่งฟังถึงกับยิ้มเคลิ้มตั้งแต่ต้นจนจบเพลง เสียงของเขาช่างเข้ากันได้ดีกับเสียงกีต้าร์เป็นไหน ๆ
เขาเล่นกีต้าร์ที่ผ่านการสลับสายจากล่างขึ้นบน จากบนลงล่าง เพื่อที่จะสลับหัวกีต้าร์ไปทางด้านขวา สำหรับคนถนัดซ้ายที่สามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี จนสามารถเล่นกีต้าร์ได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องสั่งทำพิเศษ
“พี่สิบทิศก็อายุไม่ได้เยอะนะ แต่ทำไมชอบร้องเพลงเก่า ๆ จัง”
“ผมชอบเพลงเก่า ๆ น่ะครับ ทั้งเพราะ ทั้งความหมายดีด้วย”
“นั่นสินะ ความหมายดีจริง ๆ ด้วย พี่สิบทิศร้องเพลงเพราะมากเลย ตานชอบตอนที่พี่สิบทิศเล่นกีต้าร์กับร้องเพลงที่สุด”
“ขอบคุณครับคุณหนู”
“โธ่! อะไรกัน ตานบอกแล้วไงว่าไม่ให้เรียกว่าคุณหนู ทำไมพี่ชอบขัดใจตานจัง”
เด็กหญิงทำหน้างอแก้มตุ่ยด้วยความไม่พอใจ ชายหนุ่มถึงกับหลุดขำเบา ๆ ก่อนจะจับกีต้าร์วางไว้บนโต๊ะหินอ่อน พลางกับมองหน้าเธอแล้วอมยิ้มอย่างนึกเอ็นดู
“ก็คุณหนู คือคุณหนูของผมไงครับ จะให้เรียกตานเฉย ๆ ได้ยังไง”
“ไม่เอา พี่จะไปเรียกกับใครก็เรียก แต่ยกเว้นตาน”
“ทำไมครับ”
“ก็...ตานไม่อยากให้เรียกแบบนี้ไง”
คำตอบที่เด็กหญิงพูดออกไปด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ ก่อนจะรีบหันหน้าหนี ซึ่งชายหนุ่มก็รู้อยู่แก่ใจว่าเพราะเหตุใดเด็กหญิงถึงไม่อยากให้เขาเรียกเธอแบบนั้น แต่เขาก็ไม่อาจทำตามคำสั่งได้อยู่ดี
'ก็เพราะตานรักพี่ไง เมื่อไหร่จะเลิกคิดว่าตัวเองเป็นคนต่ำต้อยสักทีนะ…'
เด็กหญิงคิดในใจ
“น้องพุดตานครับ วันนี้ให้พี่สิงห์ไปส่งไหมครับ”
ชายหนุ่มหัวเกรียนคนหนึ่งเดินตรงเข้ามาหาเด็กหญิง พลางกับใช้มือล้วงกระเป๋าข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างถือกระเป๋าห้อยพาดไปที่บ่า ท่าทางของเขาไม่ต่างจากนักเลงหัวเกรียนในคราบนักเรียน ทำเอาเธอถึงกับหวาดระแวงแล้วรีบวิ่งไปหลบข้างหลังสิบทิศทันที
“ไม่ต้อง เดี๋ยวกูไปส่งเอง”
“กูไม่ได้ถามมึง กูถามน้องพุดตาน”
“เมื่อไหร่มึงจะเลิกมาวุ่นวายกับน้องพุดตานสักทีวะไอ้สิงห์”
“เหอะ!...มึงมันก็แค่หลานคนใช้ อย่าเสือกมาปากเก่งไอ้สิบทิศ”
“พี่สิงห์!! ทำไมพี่ปากเสียแบบนี้ ขอโทษพี่สิบทิศเดี๋ยวนี้เลยนะ!!”
“เมื่อไหร่น้องพุดตานจะเลิกให้ท้ายมันสักที ไปกับพี่ดีกว่านะจ๊ะ”
ชายหัวเกรียนพูดพร้อมกับเอื้อมมือหวังจะจับมือเด็กหญิงแบบข้ามหน้าข้ามตาชายตัวสูงอีกคนที่ยืนบังอยู่ สิบทิศจึงปัดมือของเขาออกอย่างแรง
“อย่าแม้แต่จะแตะต้องตัวน้องพุดตานนะไอ้สิงห์ ผู้หญิงเขาไม่ชอบก็เลิกมาวุ่นวายสักที แบบนี้เขาเรียกเสือกนะ”
“อ้าวไอ้เวร!!”
ชายหนุ่มหัวเกรียนไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไร เขาคว้าคอเสื้อสิบทิศแล้วง้างหมัดเพื่อที่จะเหวี่ยงเข้าหน้า แต่แล้วสิบทิศกลับยกแขนตั้งการ์ดป้องกันไว้ได้ทันจนเป็นเขาเสียเองที่พลาดท่าท้องแขนฟาดเข้ากับข้อศอกจนเซถอยหลังออกไปด้วยความเจ็บปวด
“อ๊าก!!!”
“พี่สิบทิศ อย่าทะเลาะกัน!!! หยุดเดี๋ยวนี้นะ!!”
“คุณหนูถอยไปครับ!!”
“กลับบ้านเดี๋ยวนี้เลยนะพี่สิบทิศ!!”
เด็กหญิงพยายามดึงชายเสื้อของชายหนุ่มเพื่อที่จะห้ามไม่ให้เขาชกต่อยกับใคร แต่ดูเหมือนว่าคนที่พลาดท่าจะไม่ยอมง่าย ๆ สิบทิศจึงรีบคว้าข้อมือของเธอเหวี่ยงมาหลบหลังของเขา ก่อนที่ชายหัวเกรียนจะคว้ากีต้าร์เหวี่ยงฟาดเข้าที่ศีรษะของสิบทิศเต็ม ๆ จนเข่าถึงกับทรุด
ป้าบ!!!
“อ๊าก!!”
“กรี๊ด!!! พี่สิบทิศ!!!”
“จำไว้นะสิบทิศ คนอย่างมึงก็เป็นได้แค่หลานคนใช้ ต่อให้น้องพุดตานไม่ชอบกู น้องก็ไม่มีวันเลือกมึงหรอก!!”
“พี่สิงห์!! ไอ้คนนิสัยไม่ดี!!”
“อย่าครับคุณหนู แฮก ๆ”
เมื่อชายหนุ่มหัวเกรียนเห็นว่าศีรษะของสิบทิศมีเลือดอาบมาถึงใบหน้า พร้อมทั้งกีต้าร์ไม้ที่หักเป็นสองท่อน เขาจึงรีบโยนทิ้งแล้ววิ่งหนีไปทันที
เด็กหญิงถึงกับร้องไห้โฮแล้วเข้ามาประคองศีรษะสิบทิศให้ซบหน้าอกของเธอเอาไว้ พร้อมกับใช้มือกดแผลที่ศีรษะไว้ไม่ให้เลือดไหลไปมากกว่านี้ ไม่นานผู้ที่ผ่านไปบริเวณนั้นจึงรีบเข้าไปช่วยทั้งสองแล้วพาไปส่งโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด


“พี่สิบทิศเจ็บไหม ฮึก!”
ภายในห้องพยาบาล เด็กหญิงยังคงสะอึกสะอื้นที่เห็นชายหนุ่มมีผ้าพันแผลอ้อมศีรษะ แม้ชุดนักเรียนของเธอจะเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดสีแดง แต่เธอก็ไม่ได้กลัวว่าจะถูกพ่อของเธอดุ แต่กลับเป็นห่วงชายหนุ่มที่ช่วยปกป้องเธอมากกว่า
สิบทิศเห็นแบบนั้นจึงอมยิ้ม ก่อนจะเอื้อมมือไปลูบศีรษะของเธอช้า ๆ ตานจึงเข้าไปสวมกอดเขาเอาไว้แล้วและปล่อยโฮอีกครั้ง ยิ่งเขาอ่อนโยนกับเธอมากเท่าไหร่ เธอยิ่งร้องไห้หนักขึ้นเท่านั้น
“เมื่อดวงใจมีรัก มอบแด่ใครซักคน หมดทุกห้องหัวใจ…”
“ฮึก! ยังมีอารมณ์มาร้องเพลงอีก”
“ก็คุณหนูชอบที่ผมร้องเพลงไม่ใช่เหรอครับ”
“ก็ใช่ แต่พี่สิบทิศเจ็บขนาดนี้พี่จะทำเป็นเก่งมาร้องเพลงให้ตานฟังทำไมคะ แล้วพี่ไม่กลัวป้ามะลิดุเอาหรือไง”
“ผมคือสิบทิศผู้ไม่เกรงกลัวใครอยู่แล้ว ขอแค่ผมได้ปกป้องคุณหนู ถึงจะโดนแส้ ผมก็ยอม”
ตานแอบอมยิ้มแบบเขิน ๆ ขณะที่กำลังสวมกอดสิบทิศอยู่ และทั้งสองก็ต้องรีบผละออกจากกันอย่างรวดเร็วเมื่อป้ามะลิเปิดประตูพุ่งพรวดเข้ามาด้วยความร้อนรน
“สิบทิศ!!”
“ป...ป้า! ตกใจหมด!!”
“ไปชกต่อยกับใครอีกแล้วน่ะฮะ!? ป้าบอกกี่ครั้งแล้วทำไมไม่รู้จักจำ!!”
หญิงวัยกลางคนเข้ามาเห็นสภาพของหลานชาย เธอก็พุ่งเข้าไปฟาดที่แขนด้วยความโมโหปนเป็นห่วง ทั้งตานและสิบทิศต่างรีบคว้าข้อมือของเธอเอาไว้เพื่อจะห้าม
“โอ๊ย! ป้า...เจ็บ!”
“ป้ามะลิหยุดนะคะ!”
“ทำไมป้าบอกถึงไม่ฟัง!?”
“พี่สิบทิศปกป้องตานเองค่ะป้ามะลิ อย่าตีพี่สิบทิศเลยนะคะ”
“ปกป้อง? หมายความว่ายังไงคะคุณหนู”
“พี่สิงห์จะเข้ามาลวนลามตานอีกแล้ว พี่สิบทิศเลยปกป้องตาน ก็เลยเป็นอย่างที่เห็นนี่แหละค่ะ”
“ไอ้สิงห์มันเอาอีกแล้วเหรอ เห็นทีป้าต้องบอกคุณผู้ชายเอาเรื่องให้ถึงที่สุดแล้วล่ะ จะได้เลิกยุ่งกับคุณหนูอีก”
“ช่างเถอะป้า แค่มันเห็นผมเป็นแบบนี้ มันก็หนีหัวซุกหัวซุนแล้ว”
“เฮ้อ...ถ้างั้นคุณหนูกลับบ้านไปก่อนนะคะ ป้าให้ชัยมารับแล้ว”
“แต่ว่า...ตานขออยู่นี่ก่อนได้ไหมคะ ตานเป็นห่วงพี่สิบทิศ”
“กลับก่อนเถอะค่ะ ป้าเอาชุดมาให้เปลี่ยนแล้ว ถ้ากลับไปแบบนี้คุณผู้ชายต้องตกใจมากแน่ ๆ เดี๋ยวเสื้อตัวนี้ป้าซักให้เองค่ะ”
มะลิพูดพร้อมกับยื่นถุงผ้าสีชมพูอ่อนให้กับตาน เธอจึงรับไปด้วยสีหน้าที่สลดลงอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ สักพักเธอก็เดินออกมาด้วยเสื้อคอกลมสีขาวล้วนตัวใหม่ ชัยผู้เป็นคนขับรถจึงพาเธอเดินออกไปทันที
ภายในห้องที่เหลือก็เพียงแค่ป้าและหลานชาย มะลิจึงถอนหายใจเฮือก ก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้พร้อมกับจ้องมองสิบทิศโดยไม่พูดอะไรออกมา
“อะไรป้า”
“ถ้าคุณผู้ชายรู้ สิบโดนแน่”
“เรื่องที่ผมต่อยกับไอ้สิงห์น่ะเหรอ”
“เรื่องที่สิบกอดคุณหนู”
คำตอบของคนเป็นป้าทำเอาสิบทิศถึงกับชะงัก เขาจึงก้มหน้าลงยอมรับผิดกับสิ่งที่ทำลงไป
“อย่ากินบนเรือนขี้บนหลังคานะสิบ คุณผู้ชายให้โอกาสสิบได้เรียน ให้เราได้มีที่ซุกหัวนอน เราอยู่บ้านท่านอย่าคิดที่จะเนรคุณท่านเด็ดขาด หัดสำเหนียกตัวเองด้วยว่าเราเป็นใครแล้วคุณหนูเป็นใคร”
“ครับ”
'ต่อให้หลานจะรักคุณหนูมากแค่ไหน แต่มันเป็นไปไม่ได้หรอกนะสิบ'
มะลิคิดในใจ พลางนั่งมองหน้าหลานชายที่ก้มหน้ายอมจำนนต่อโชคชะตา แม้เธอจะเห็นใจเขามากเพียงใด แต่ความรักของทั้งสองก็ไม่อาจสมหวังได้อยู่ดี   คนต่ำต้อยแบบนี้ อย่าคิดไปเด็ดดอกฟ้าเลย...
.
.
.
.
.
เมื่อดวงใจมีรัก ดั่งเจ้านกโผบิน บินไปไกลแสนไกล ~
เสียงจากโทรศัพท์มือถือที่ดังแว่ว ๆ มาจากกระเป๋าสะพายพาดบ่าสีดำที่ห้อยเอาไว้ข้างประตู นัทจึงรีบควานหาโทรศัพท์มือถือด้วยความรีบเร่งเพราะไม่อยากให้ปลายสายรอนาน
“ฮัลโหลปราง”
“นัท ทำอะไรเสร็จยัง”
“เสร็จแล้ว นี่เพิ่งเข้าห้อง”
“อืม โอเค แล้วเมื่อตอนเย็นอยู่ดี ๆ ก็เงียบไป เผลอหลับหรือเปล่า”
“อืม ขอโทษนะ ปลูกต้นไม้ทั้งวันเลยเพลีย ๆ น่ะ ไม่ได้ตั้งใจหลับใส่น้า…”
“รู้แล้ว ๆ ไม่ต้องมาใช้เสียงอ้อนเลยนะ”
“ก็ถ้านัทอ้อน ปรางก็จะใจอ่อนไง”
“เอาตัวรอดเก่ง!!”
“ฮ่า ๆ ไม่ได้เอาตัวรอด เขาเรียกว่ารู้ใจ”
“รู้จุดอ่อนเขาล่ะสิไม่ว่า”
“คิกคิก”
“ไม่ต้องมาหัวเราะเลยเด็กเกเร!!”
“เปล่าเกเรซะหน่อย”
“วันศุกร์แอบโดดเรียนอีกแล้วใช่ไหม”
“เฮ้ย! รู้ได้ไงอะ”
“วันนี้เราไปตลาดกับแม่เลยบังเอิญเจอเปาน่ะ แล้วเปาก็เล่าทุกอย่างให้เราฟังหมดแล้ว!!”
“ฮึย! หัวหน้า!! ทำไมปากโป้งแบบนี้เนี่ย!”
“ยังมีหน้าไปว่าคนอื่นอีกเหรอนัท ต่อให้เปาไม่บอก เราก็รู้อยู่ดี”
“ขึ้น ม.ปลาย อุตส่าห์ได้อยู่คนละห้องก็ยังจะรู้ทุกอย่างเหมือนเป็นวิญญาณตามติดเลยนะ”
“ดูพูดเข้า ถ้างอนจริง ๆ แล้วจะรู้สึก”
“ฮ่า ๆ นัทล้อเล่นน้า”
“นัทก็เป็นแบบนี้ทุกที นี่จะให้เราช่วยพูดกับแม่บ่อย ๆ ไม่ได้นะ ถ้าวันดีคืนดีแม่เราไม่ฟังจะทำยังไง ถ้านัทโดนไล่ออกแล้วเราจะอยู่กับใครอะ นี่ขึ้น ม.ปลาย แล้วนะ ช่วยตั้งใจกว่านี้หน่อยได้ไหมนัท เฮ้อ...”
“โหย...อะไรอะ นี่นัทหนีแม่มาเจอเพื่อนเหรอเนี่ย ทำไมรอบข้างนัทถึงได้ขี้บ่นกันแบบนี้เนี่ย”
“นัท! ที่ทุกคนบ่นก็เพราะเป็นห่วงไหมล่ะ ขอล่ะ ช่วยคิดถึงอนาคตหน่อยได้ไหม”
“รู้แล้วน่า...จะพยายามแล้วกัน”
“พูดแล้วต้องทำให้ได้นะ แล้วก็ไม่ต้องไปเรือนเพาะชำบ่อย ๆ ด้วย ที่โรงเรียนมีพี่ปุ๊กดูแลอยู่แล้ว นัทจะไปทำไม”
“ก็นัทชอบปลูกดอกไม้ปรางก็รู้ นัทมีความสุขเวลาที่ได้ดูแลพวกเขาไม่ให้เหี่ยวเฉานะ”
“จ้า...แม่คนอ่อนโยน”
“ฮ่า ๆ ๆ”
“หัวเราะกลบเกลื่อนอีกแล้ว เอ้อ! แล้วตอนเผลอหลับ นัทฝันร้ายอีกไหม”
“อืม เหมือนเดิมเป๊ะ อย่างกับดูหนังม้วนเดิม”
“หายใจไม่ออกอีกหรือเปล่า”
“ทั้งหนาว ทั้งหายใจไม่ออก เหมือนกำลังจะจมน้ำตายจริง ๆ เลย”
“ครั้งหน้าห้ามไปไหนมาไหนคนเดียวนะนัท ถ้าเผลอหลับแล้วฝันร้ายแบบนี้อีกจะทำยังไง เราเป็นห่วง”
“ไม่ต้องห่วงหรอก ก็แค่ฝันร้ายน่ะ”
“แต่การฝันเรื่องเดิมซ้ำ ๆ ในเวลาเดิมแบบนี้มันแปลกนะ ทุกครั้งที่นัทนอนหรือเผลอหลับช่วงหัวค่ำจะเป็นแบบนี้ทุกทีเลยอะ”
“ยายเคยบอกว่า ห้ามนอนทับตะวัน เพราะเป็นช่วงเวลาระหว่างโลกมนุษย์กับโลกวิญญาณ”
“ฮึย...น่ากลัวอะ ไม่เอาดิ นี่ดึกแล้วนะ ไม่คุยเรื่องนี้สิ”
“โอ๋เอ๋ ไม่ต้องกลัวนะ เดี๋ยวนัทจะปกป้องปรางเอง”
“ไม่ต้องปกป้องเราเลย แค่ตั้งใจเรียนก็พอ”
“จ้าแม่ เป็นแม่นัทอีกคนเลยไหม”
“คนบ้า!! เรานอนแล้วนะ!”
“ฮ่า ๆ โอเคจ้า พรุ่งนี้เจอกันนะปราง”
“อื้อ ห้ามสายล่ะ”
“ถ้าไม่อยากให้ไปสายก็มารับสิ”
“เหอะ! พอไปรับจริง ๆ เคยนั่งรถมาด้วยสักครั้งไหมล่ะ สุดท้ายก็ปั่นจักรยานตามรถเราอยู่ดี”
“ฮ่า ๆ ก็นั่งรถยนต์มันไม่ได้กินลมชมวิวไง”
“จ้า ๆ แม่คนติสต์ แม่คนอ่อนโยน หลุดโลกไปเลยนะ! ฝันดี!!”
“ฝันดีปราง”
นัทนอนยิ้มอย่างอารมณ์ดีที่ได้หยอกล้อเพื่อนรักผ่านทางโทรศัพท์ทุกคืน แม้ขึ้นมัธยมปลายแล้วได้อยู่คนละห้องก็ตาม แต่ก็รู้สึกว่ามิตรภาพของทั้งคู่ไม่ได้ลดลงเลย แถมความคิดถึงและความห่วงใยกลับเพิ่มขึ้นเสียมากกว่า
หลังจากที่วางโทรศัพท์จากเพื่อนรักได้ไม่นาน นัทจึงเอื้อมโทรศัพท์วางเอาไว้ข้างหัวเตียงที่มีภาพวาดดอกไม้สีขาวสลับกับดอกสีชมพูเข้มที่ผ่านการลงสีด้วยสีน้ำและอัดกรอบเอาไว้อย่างดี พร้อมกับเขียนลงชื่อด้วยตัวบรรจงว่า
'พุดตาน พุทธารักษ์'


วันรุ่งขึ้น ตานสวมชุดดูสุภาพเพื่อเตรียมพร้อมกับการเป็นคุณครูคนใหม่ของโรงเรียนกัลทรประสิทธิ์ เธอสำรวจตัวเองผ่านกระจกบานใหญ่ ก่อนจะคว้ากระเป๋าผ้าสีขาวลายดอกไม้พาดบ่าออกมาที่หน้าบ้าน
เสียงพวงกุญแจที่กระทบกันจนดังเป็นเสียงกรุ๊งกริ๊ง เธอพยายามล็อกประตูบ้านด้วยมือข้างเดียว ส่วนมืออีกข้างกำลังถือโทรศัพท์แนบเอาไว้ที่หู
“สวัสดีค่ะพี่เกต ตานเสร็จแล้วนะคะ”
“โอเคจ้า พี่กำลังไป รอหน่อยนะ”
“ดะ…”
แง๊น!!!
“อีทอม!!!”
จังหวะที่ตานกำลังจะตอบกลับปลายสายนั้น ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่เสียงมอเตอร์ไซค์บิดผ่านมาพอดี พร้อมกับเสียงเด็กผู้ชายตะโกนดังลั่น จนเธอถึงกับหันขวับตามสัญชาตญาณ
“ทอมพ่อมึงเหรอ!!!”
เสียงห้าวของเด็กผู้หญิงตะโกนตอบแบบทันควัน ตานถึงกับชะงักเมื่อเห็นเด็กนักเรียนหญิงที่กำลังเร่งปั่นจักรยานตามรถมอเตอร์ไซค์ด้วยความโมโห
“ไอ้แห้ง!!! อย่าให้กูตามมึงทันนะโว้ย!!!”
ภาพที่เห็นผ่านหน้าไปในเสี้ยววินาที ทำเอาตานถึงกับนิ่งสนิทราวกับถูกมนตร์สะกด เพราะเด็กนักเรียนหญิงคนที่ปั่นจักรยานผ่านหน้าบ้านเธอไปนั้น   ช่างหน้าละม้ายคล้ายคลึงกับภาพวาดเด็กที่พบเจอในฝันราวกับเป็นคนเดียวกัน
เด็กคนนั้น...เหมือนกับความฝันของเธอไม่มีผิดเพี้ยน ยิ่งเธอพยายามจ้องมองตามไปเท่าไหร่ ภาพในความฝันยิ่งชัดเจนขึ้นเท่านั้น
ทำไม...เหมือนกับเด็กคนนั้นเลย
“ตาน! น้องตาน!!”
เสียงเรียกจากปลายสายทำเธอถึงกับสะดุ้งโหยงเรียกคืนสติกลับมาได้ในทันที
“คะ!?”
“เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมอยู่ ๆ ก็เงียบไปล่ะ พี่เรียกตั้งหลายครั้ง”
“ป...เปล่าค่ะ ตกใจเสียงเด็กนักเรียนนิดหน่อยค่ะ”
“พี่ใกล้ถึงแล้วนะ ออกมารอหน้าบ้านได้เลย”
“ตานอยู่หน้าบ้านแล้วค่ะ”
“อ๋อ โอเคเลย ไว้เจอกันนะ พี่วางสายก่อน”
“ค่ะพี่เกต”
ตานกดวางสายไปพร้อมกับชะโงกหน้ามองตามเด็กนักเรียนหญิงที่ปั่นจักรยานผ่านหน้าบ้านเธอไปจนสุดสายตา หัวใจที่กำลังเต้นรัว ๆ ทำเธอสับสนในใจ ว่าสิ่งที่เห็นนั้นคือเรื่องจริง หรือว่าตอนนี้เธอกำลังฝันอยู่กันแน่
'นี่มันอะไรกัน...เด็กคนนั้น...ทำไมหน้าเหมือนกับเด็กที่เราฝันถึงเลย'


“แฮก ๆ ไอ้แห้งเอ๊ย ทำอารมณ์เสียแต่เช้า แฮก ๆ”
นัทถึงกับหอบแฮกเพราะความบ้าบิ่นปั่นจักรยานตามรถมอเตอร์ไซค์ของคู่กัดทั้ง ๆ ที่เธอก็รู้อยู่แก่ใจว่า ไม่ว่าจะเร่งความเร็วอย่างไร ก็ปั่นไม่ทันอยู่ดี
เธอเปิดก๊อกน้ำที่อ่างล้างหน้าข้างเรือนเพราะชำ ก่อนจะใช้มือมารองน้ำและกวักใส่หน้าเพื่อให้ความเย็นของน้ำช่วยให้เธอสงบสติอารมณ์ได้ ไม่รู้ว่าเสื้อนักเรียนสีขาวที่เปียกโชกนั้น เป็นเพราะเหงื่อหรือเพราะน้ำจากก๊อกน้ำที่กวักใส่หน้าแบบไม่ยั้งกันแน่
นัทพยายามหายใจเข้าลึก ๆ และข่มอารมณ์โมโหเอาไว้ เรือนเพาะชำแห่งนี้ไม่ได้เป็นเพียงสถานที่ที่เธอเอาไว้โดดเรียนเพื่อมาแอบหลับเท่านั้น แต่ยังเป็นสถานที่ที่ช่วยเยียวยาจิตใจเธอได้เป็นอย่างดี เพียงแค่หันไปมองดูต้นพุดตานที่ออกดอกบานสะพรั่งสีขาวบริสุทธิ์ เธอก็รู้สึกดีขึ้นทันตา ยิ่งมองก็ยิ่งผ่อนคลาย เพราะเป็นต้นไม้ที่เธอบรรจงปลูกและดูแลด้วยตัวเองมาตั้งแต่ประถมนั่นเอง
“ออกดอกสวยเชียวน้า”
นัทพูดด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเดินเข้าไปสำรวจดูตามใบและลำต้นเพื่อหาศัตรูพืช เธอมักจะทำแบบนี้ในทุก ๆ เช้า ถึงขั้นติดลมจนลืมเข้าเรียนอยู่บ่อย ๆ และในวันนี้ก็เช่นกันเพราะมัวแต่ดูแลต้นไม้เพลินจนลืมดูเวลาที่เธอต้องเข้าเรียนเสียแล้ว


“นักเรียนทั้งหมดทำความเคารพ!”
“สวัสดีครับ/ค่ะ คุณครูระเบียบ!”
นักเรียนทั้งชายและหญิงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ห้อง 1 กับเด็กนักเรียน 28 คน ต่างพนมมือขึ้นพร้อมกล่าวคำทักทายหลังจากที่หัวหน้าห้องสาวให้สัญญาณ
คุณครูประจำชั้นที่สวมแว่นหนาเตอะเพราะอายุอานามก็เริ่มมากแล้ว เธอยกมือไหว้ตอบก่อนจะกวาดสายตาเพื่อมองหาศิษย์รักที่มักจะหายหน้าในคาบโฮมรูมเสมอ
“ณิชาภัทรไปไหน เปาวลี”
“น่าจะเรือนเพาะชำค่ะคุณครู”
“โดดเก่งเสมอต้นเสมอปลายจริง ๆ เอาล่ะนักเรียนทุกคน! ศุกร์นี้เราก็จะได้เจอกันเป็นวันสุดท้ายแล้วนะ และข่าวดีที่ครูจะมาแจ้งให้ทุกคนทราบก็คือ ครูประจำชั้นคนใหม่ของเราได้เดินทางมาถึงแล้ว”
“ว้าว!!/เฮ้!!”
ทันทีที่คุณครูประจำชั้นได้แจ้งข่าวดี นักเรียนทุกคนต่างส่งเสียงร้องโหวกเหวกดีใจกันยกใหญ่ ไม่เกรงใจคนหัวหงอกที่ยืนอยู่หน้าห้องแม้แต่น้อย เธอได้แต่ส่ายศีรษะด้วยความเอือมระอา ก่อนจะคว้าไม้เรียวแล้วฟาดไปที่กระดานไวท์บอร์ด จนภายในห้องเงียบกริบ
ป้าบ!!!
“อยากเห็นหน้าครูประจำชั้นคนใหม่หรือยัง!?”
“อยากค่ะ/ครับ!!”
“ถ้าอยากเห็นก็เงียบ! เชิญค่ะท่าน ผอ.”
สิ้นสุดเสียงพูดของคุณครูระเบียบ ผู้อำนวยการก็ได้เดินเข้ามาในห้อง ตามด้วยคุณครูประจำชั้นคนใหม่ที่สวยดุจนางฟ้า ทำเอานักเรียนต่างตกตะลึง บ้างก็อ้าปากค้าง บ้างก็แสดงอาการดีใจกันจนออกนอกหน้า
ครูสาวที่ปล่อยผมสีดำสยายพริ้วไปตามแรงลม คิ้วคม ดวงตาโฉบเฉี่ยว จมูกโด่งเป็นสัน ทรวดทรงอกเอวสมสัดส่วน รองเท้าคัทชูสีดำหัวตัดที่สวมใส่     ยิ่งทำให้เธอดูสง่ามากยิ่งขึ้น จนเหล่านักเรียนต่างตกตะลึงในความสวยของเธอ
“กรี๊ด!!”
“อ๊าก!! ครูโคตรสวย!!”
“เฮ้ย!! เงียบ!! ไม่เห็นผู้อำนวยการหรือไง!!? เปาวลี บอกทำความเคารพผู้อำนวยการสิ!!”
“สะ...สวัสดี...ค่ะ!!”
“ครูบอกให้บอกทำความเคารพ!!”
“ใจเย็น ๆ ค่ะครูระเบียบ เด็กตกใจจนพูดผิดพูดถูกหมดแล้วค่ะ”
“ต้องขออภัยด้วยนะคะท่าน ผอ. เด็กห้องดิชั้นจัดการยากนิดหน่อย”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ไหนนักเรียน เรามาทักทายกันหน่อย”
“นักเรียนทั้งหมดทำความเคารพ!”
“สวัสดีครับ!!/ค่ะ ผอ. เกตสุดา”
“สวัสดีค่ะ วันนี้ ผอ. จะมาแนะนำครูประจำชั้นคนใหม่ของพวกเรานะคะ ถ้าวันนี้ห้องหนึ่งเรียบร้อยและตั้งใจฟังคุณครูเขาแนะนำตัว เดี๋ยวจะให้ครูระเบียบเพิ่มคะแนนจิตพิสัยคนละสิบคะแนนเลย ตกลงไหม”
“ตกลงครับ!!/ค่ะ”
“โอเค! ถือว่ารับปากแล้วนะ เชิญคุณครูคนใหม่แนะนำตัวเลยค่ะ”
“ค่ะท่าน ผอ. ...สวัสดีค่ะ ครูชื่อ...ครูกานต์ธีรา พุทธารักษ์ หรือจะเรียกว่าครูตานก็ได้นะคะ ครูจะมาเป็นคุณครูประจำชั้นคนใหม่ของพวกเรา บอกไว้ก่อนว่า ครูไม่ได้ใจดีเหมือนหน้าตานะจะบอกให้”
“ฮิ้ว!!!”
เมื่อครูสาวกล่าวแนะนำตัว เด็กนักเรียนยิ่งส่งเสียงร้องแซวกันด้วยความตื่นเต้น ทำเอาครูระเบียบถึงกับหนักใจว่าเธอจะสามารถคุมเด็กนักเรียนได้หรือไม่ เพราะแม้แต่เธอที่ขึ้นชื่อว่าโหดที่สุดในโรงเรียนยังคุมแทบไม่ไหว
“ถ้างั้นเดี๋ยว ผอ. ต้องขอตัวก่อนนะคะ อย่าซนกับครูกานต์ธีรากันนะนักเรียน”
“นักเรียนทั้งหมดทำความเคารพ!”
“ขอบคุณครับ/ค่ะ ผอ. เกตสุดา”
ทุกคนต่างยกมือไหว้ผู้อำนวยการเกตสุดาด้วยความนอบน้อม ก่อนที่    ทุกคนจะมาให้ความสนใจครูสาวกันต่อ
“คาบนี้ครูกานต์ธีราเช็คชื่อเด็กเลยค่ะ”
“ได้ค่ะ”
ครูระเบียบพูดพร้อมกับยื่นแฟ้มรายชื่อนักเรียนให้กับตาน เธอจึงรับมาพร้อมกับโค้งตัวลงเล็กน้อยเพื่อแสดงความเคารพผู้อาวุโสกว่า
“ตอนนี้นักเรียนทุกคนก็รู้จักครูกันแล้วนะคะ เดี๋ยวครูจะเช็คชื่อไปด้วยและทำความรู้จักทุกคนไปด้วยโดยที่ถ้าครูเรียกชื่อใคร ให้ยืนขึ้นแล้วแนะนำตัวสั้น ๆ นะคะ”
“ครับ!/ค่ะ!”
“เริ่มเลยนะ กนกพร!”
“สวัสดีค่ะ! หนูชื่อกิ๊บเก๋ ชื่อจริง กนกพร…”
การแนะนำตัวในคาบโฮมรูมเป็นไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ เพราะตานได้แทรกกิจกรรมละลายพฤติกรรมเข้าไปเพื่อที่เธอจะได้เข้าถึงเด็กนักเรียนได้มากขึ้น แม้แต่ครูระเบียบเองก็ได้ร่วมสนุกด้วย จนกระทั่ง…
“ต่อไป...ณิชาภัทร!”
“....”
“ณิชาภัทร! อยู่ตรงไหนคะ”
“โดดเรียนครับ!!”
ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของครูสาวเปลี่ยนเป็นหน้านิ่วคิ้วขมวดทันที เมื่อเด็กนักเรียนชายคนหนึ่งพูดแทรกขึ้นมา คนอื่น ๆ ในห้องต่างก็เงียบกริบ หรือเธอจะไม่ได้ใจดีเหมือนหน้าตาอย่างที่พูดไว้จริง ๆ
“เพื่อนไปไหน มีใครรู้บ้าง!?”
“ไปทุกที่ที่มันอยากไปครับ!” เด็กนักเรียนชายอีกคนยกมือตอบ
“น่าจะเรือนเพาะชำค่ะคุณครู” หัวหน้าห้องยังคงตอบคำถามแบบเดิม
“ครั้งนี้ครูจะอนุโลมให้ก่อน ถ้าเพื่อนกลับมาให้บอกเพื่อนด้วยว่า ห้ามขาดคาบโฮมรูมเด็ดขาด ห้ามเข้าห้องสายหลังครู ครูไม่ชอบดุด่าหรือตีเด็ก แต่เราต้องเคารพซึ่งกันและกัน ถ้าใครไม่เคารพ ไม่เชื่อฟังครู ครูก็จะถือว่าเด็กคนนั้นไม่ใช่ ลูกศิษย์ของครูอีกต่อไป! ทราบไม่ทราบ!?”
“ทราบครับ/ค่ะ!”
ครูสาวยิ้มตอบ ก่อนจะก้มดูใบรายชื่อนักเรียน และกวาดสายตาดูประวัติการเช็คชื่อของนักเรียนคนหนึ่ง ที่แทบจะไม่มีการเช็คชื่อคาบโฮมรูมเลย จากการเช็คชื่อ 10 ครั้ง เธอมาแค่เพียง 2 ครั้งเท่านั้น ตานจึงไม่รอช้า ใช้ปากกาวงกลมชื่อของนักเรียนรักสะอาดที่ไม่ยอมเข้าเรียนจนตารางโล่งในทันที
'นางสาวณิชาภัทร ถือสัจจะ!! โดดเรียนเก่งสินะคนนี้...'