ดวงพุดตาน

ดวงพุดตาน
ตอนที่ 15 คืนฝนพรำ

เสียงฝนที่เทลงมาอย่างหนักและไม่มีทีท่าว่าจะสงบลง กลิ่นดินชื้น ๆ ที่คุ้นเคยราวกับกำลังนั่งอยู่ในเรือนเพาะชำ นัทยืนเกาะเหล็กดัดหน้าต่างพลางกับหลับตาพริ้มรับบรรยากาศและลมเย็น ๆ ผ่านสายฝนระหว่างรอครูสาวอาบน้ำ
เมื่อตานอาบน้ำเสร็จ เธอยืนมองนัทพลางกับอมยิ้ม เพราะท่าทีของนัทราวกับแมวตัวน้อยที่กำลังยืนดูฝูงนกบินผ่านหน้าต่างไปมาด้วยความตื่นเต้นอย่างไรอย่างนั้น
“มองอะไรอยู่เหรอ”
เมื่อได้ยินเสียงครูสาวเอ่ยถาม นัทจึงหันไปตามต้นตอของเสียง ก่อนจะรีบหันกลับคืนอย่างรวดเร็ว เพราะครูสาวสวมชุดนอนด้วยเสื้อคอกลมตัวโคร่งสีเทา และกางเกงขาสั้นสีดำ บวกกับใบหน้าไร้เครื่องสำอางที่ดูอ่อนเยาราวกับเด็กวัยใส ทำเอาเธอหัวใจสั่นระรัว
“ปะ...เปล่าค่ะ แค่รู้สึกว่าอากาศมันเย็นชื่นใจดี”
“ชอบตอนฝนตกเหรอ”
“เปล่าค่ะ ชอบที่ต้นไม้โดนฝนมากกว่า”
“เธอก็คงหนีไม่พ้นเรื่องต้นไม้สินะ”
“ทำไงได้ล่ะคะ มันคือความสุขของหนู”
“อืม เอาเถอะ ครูเข้าใจ”
“แล้วครูล่ะคะ ชอบตอนฝนตกหรือเปล่า”
“ไม่ ครูไม่ชอบฝนที่สุดเลย”
“ทำไมเหรอคะ”
“ช่างมันเถอะ ครูไม่อยากพูดถึงมัน แล้วนี่อยากกลับบ้านหรือเปล่า เดี๋ยวครูโทรเรียกคนมารับแล้วไปส่งที่บ้านได้นะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าหนูกลับบ้าน หนูก็คงเป็นห่วงครูจนนอนไม่หลับ”
“ไม่ต้องห่วงหรอก ครูไม่ได้กลัวฝน แค่ไม่ชอบ”
“เหรอคะ”
“อืม เข้าไปในห้องกัน ครูจะปิดไฟตรงนี้แล้ว”
“ค่ะ”
นัทตอบ ก่อนจะปิดหน้าต่างให้มิดชิด แล้วจึงเดินเข้าไปในห้องนอนที่เปิดประตูรอเอาไว้อยู่แล้ว ภายในห้องนอนมีการตกแต่งภายในเป็นสีขาวและสีครีมแทบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นผ้าปูที่นอน ผ้าห่ม หมอน เตียงนอนไม้สีอ่อน และผ้าม่านที่เป็นสีขาว ทำให้ดูอบอุ่นสบายตา
ฝั่งด้านซ้ายเป็นเตียงนอนไม้ขนาดห้าฟุตวางหันข้างให้กับหน้าต่าง ส่วนฝั่งด้านขวาเป็นโต๊ะเครื่องแป้ง ตู้เสื้อผ้า และชั้นวางของขนาดสามชั้น ที่มีสมุดวาดภาพกองเอาไว้ตามแต่ละชั้น ทั้งตัวบ้านและในห้องนอนดูเป็นระเบียบและโล่ง แทบไม่มีข้าวของเครื่องใช้เสียด้วยซ้ำนอกจากของที่สำคัญ ๆ เท่านั้น
“ปกติเป็นคนขี้ร้อนหรือขี้หนาว”
“ขี้หนาวค่ะ แต่ก็ชอบอากาศเย็น ๆ นะ”
“งั้นไม่ต้องเปิดแอร์หรอกเนอะ ตอนนี้อากาศกำลังดีเลย”
“ค่ะ”
“ไปนั่งบนเตียงไป เดี๋ยวครูเช็ดผมให้”
“มะ...ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวหนูเช็ดเอง ผมหนูไม่ได้ยาวมาก เดี๋ยวอีกหน่อยก็แห้งแล้ว”
“ครูบอกว่าจะเช็ดให้ก็คือจะเช็ดให้ ไปนั่งที่เตียง!”
เมื่อครูสาวใช้เสียงดุ นัทจึงเดินไปนั่งที่เตียงอย่างว่าง่าย เธอพยายามเบือนหน้าหนีไปทางอื่น ไม่กล้าแม้แต่จะมองอีกคนเสียด้วยซ้ำ บรรยากาศดี ๆ แบบนี้ ทำสติเธอแทบเตลิด
ตานเดินเข้ามาจับผ้าขนหนูที่พาดอยู่บ่าของนัทขึ้นมาซับที่ผมเบา ๆ นัทก็เอาแต่นั่งหนีบขาเอาไว้ เพราะไม่ได้ใส่อันเดอร์แวร์ทั้งท่อนบนและท่อนล่าง และนัทคิดว่าครูสาวไม่ได้สวมบราอย่างที่เคยบอกเอาไว้ นัทจึงไม่กล้าที่จะลืมตามองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าแม้แต่น้อย
“หนาวเหรอ ทำไมนั่งขดแบบนั้น”
“ปะ...เปล่าค่ะ”
“แล้วเป็นอะไรเนี่ย อึดอัดเหรอที่ต้องมาค้างบ้านครู”
“เปล่านะคะ ทำไมครูคิดแบบนั้น”
“ไม่รู้สิ รู้สึกเหมือนเธอจะอึดอัด”
“ไม่ค่ะ ไม่ได้อึดอัดเลย หนูดีใจมากกว่าที่ได้มาอยู่ใกล้ ๆ ครูแบบนี้”
“อืม โอเค ไม่อึดอัดก็ดีแล้ว”
“ค่ะ...เอ่อ...ครูคะ ตอนที่ไปบ้านหนู ครูคุยอะไรกับแม่บ้างเหรอคะ”
“ก็หลายอย่างเหมือนกันนะ ที่คุยก็มีเรื่องทั่วไปเกี่ยวกับที่บ้านเธอ แล้วก็เรื่องของเธอนั่นแหละ ครูจำได้ที่เธอเคยบอกว่า เธอเป็นคนรักเด็กเพราะแม่ทำงานเป็นพี่เลี้ยงเด็กนี่เองเหรอ”
“ใช่ค่ะ ถ้าวันไหนหนูว่าง หนูก็จะไปกับแม่ด้วย เพราะเด็ก ๆ ติดหนูมาก เวลาหนูพูดอะไรก็เชื่อฟังหมด”
“ขวัญใจเด็กเล็กนะเราเนี่ย”
“ก็ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ ครูคะ หนูขอถามอะไรหน่อยได้ไหมคะ”
“อืม ได้สิ”
“ที่ครูไปบ้านหนู เพราะครูสงสัยเรื่องหนูใช่ไหมคะ”
“ใช่ มันมีหลาย ๆ อย่างที่ทำให้ครูสังหรณ์ใจแปลก ๆ ครูก็เลยคิดว่าถ้าไปถามแม่ของเธออาจจะได้รู้อะไรบ้าง”
“แม่บอกว่า ตอนเด็ก ๆ หนูเอาแต่พูดถึงคนที่ชื่อพุดตาน ดื้อดึงจะไปหาให้ได้ แต่แม่กับพ่อก็ไม่เคยพาไปเลย ไม่คิดเลยว่าหนูจะได้เจอสักที”
“เธอจำอะไรได้บ้างไหม หรือรู้อะไรเกี่ยวกับเราบ้าง”
“จำไม่ได้เลยค่ะ แต่ก็อย่างที่หนูบอก หนูรู้สึกคุ้นเคยกับครูตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ มันเป็นความรู้สึกที่หนูก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน มันเป็นหวิว ๆ ทั้งดีใจ และอาลัยอาวรณ์ อยากกอด อยากอยู่ใกล้ ๆ”
“แล้วทำไมเธอถึงมั่นใจว่าเธอคือพี่สิบทิศ หรือคนรักของครู ถ้าบังเอิญว่าครูชื่อพุดตานเฉย ๆ ล่ะ จะทำยังไง”
“หนูก็คงตามหาคนที่ชื่อพุดตานต่อไปค่ะ แต่ที่หนูมั่นใจก็เพราะความรู้สึกมันบอกว่าคนนี้แหละ คือคนที่หนูตามหามาทั้งชีวิต ก็เหมือนบางคนที่เจอครั้งแรกทำไมถึงรู้สึกไม่ถูกชะตา ชาติที่แล้วคงทำกรรมร่วมกันเยอะ แต่ที่หนูรู้สึกถูกชะตากับครู คงเป็นเพราะเราสร้างบุญร่วมกันมา”
“เหรอ มั่นใจขนาดนั้นเชียว”
“หรือครูไม่รู้สึกล่ะคะ”
“อืม ครูก็รู้สึกเหมือนกัน แต่ก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน ว่ามันเป็นเพราะครูรู้สึกกับเธอ หรือแค่รู้สึกว่าเธอเหมือนพี่สิบทิศ”
“ยังไงก็คือคนเดียวกันอยู่ดี”
“ไม่ใช่สักหน่อย พี่สิบทิศเป็นผู้ชายนะ ส่วนเธอน่ะเป็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง คนละคนเลย แค่เธอมีจิตวิญญาณของเขาเท่านั้น”
“แต่ครูก็รักหนูอยู่ดีไม่ใช่เหรอ”
“หลงตัวเอง ใครรักเธอ”
“ครูนั่นแหละ ครูเป็นคนบอกหนูเองนะ”
“ครูก็พูดไปงั้นแหละ”
“ไม่เชื่อหรอก หนูรู้ว่าครูก็รักหนู”
“เพ้อเจ้อ”
“ฮ่า ๆ โอเค ๆ หนูจะรอจนกว่าครูจะเป็นคนพูดมันด้วยตัวเองอีกครั้งแล้วกันนะคะ”
“เธอไม่มีทางได้ยินอีกเป็นครั้งที่สองแน่ ๆ”
“จะรอดู”
“หึ...แล้วนี่เพิ่งอายุสิบห้าใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ หนูเพิ่งสิบห้าแต่ครูระเบียบกรอกชื่อในประวัติแล้วใช้คำนำหน้าชื่อว่านางสาวไว้ก่อน เพราะยังไง ม.4 ทุกคนก็ต้องได้เปลี่ยนเป็นนางสาวอยู่แล้ว”
“ครูก็ว่า วันนี้คือวันครบรอบวันที่พี่สิบทิศเสียครบสิบหกปี มันตรงกับวันเกิดของเธอเลย ยังไงก็...สุขสันต์วันเกิดนะนัท”
“ขอบคุณนะคะ ของขวัญที่ครูให้หนูมา หนูชอบมากเลยนะ และเพราะรูปนั้นแหละทำให้หนูรู้ว่าครูคือคนที่หนูตามหา”
“แสดงว่าที่เธออยากได้รูปดอกพุดตานที่ครูวาดให้แม่ของน้องปราง เพราะเธอรู้อยู่แล้วใช่ไหม”
“หนูรู้มาตลอดแต่แค่ไม่รู้ว่าคือใคร และหนูก็ไม่กล้าถามแม่ปรางไปตรง ๆ เพราะแม่บอกหนูไว้ว่าห้ามพูดเรื่องนี้กับใคร ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเชื่อเรื่องนี้”
“ก็จริงนะ ถ้าครูไม่ได้ยินมากับหู ไม่ได้เห็นมากับตา ครูเองก็คงไม่เชื่อเหมือนกัน”
“ใช่ไหมล่ะคะ ครูคะ แล้วครูไปวาดรูปหนูได้ยังไง”
“นัท...ครูมีอะไรจะให้เธอดู”
เมื่อพูดจบ ตานจึงเดินไปหยิบสมุดวาดภาพเล่มหนึ่งมายื่นให้กับนัท นัทจึงเปิดดูด้วยดวงตาที่เบิกกว้างด้วยความตกใจ เพราะในสมุดวาดภาพนั้น คือภาพเธอทั้งเล่ม
“อะไรคะเนี่ย ครูไปวาดหนูตั้งแต่เมื่อไหร่” นัทเงยหน้าขึ้นมาถาม ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสงสัย
“นานแล้ว”
“นานแล้ว? หมายความว่าไงคะ เราเพิ่งจะได้เจอกันเองไม่ใช่เหรอ”
“ครูเคยฝันถึงเธอ ตั้งแต่เธอเป็นเด็ก ครูไม่เคยรู้เลยว่าเธอคือใครมาจากไหน ตอนแรกครูคิดว่าเธอเป็นวิญญาณเด็กที่ตายไปแล้วอยากมาอยู่กับครูด้วยซ้ำ ครูเลยทำบุญให้ พอวันแรกที่ครูเจอเธอนะ ครูช็อกมาก ไม่คิดว่าเด็กที่ฝันถึงจะมีชีวิตอยู่จริง ๆ แล้วเธอก็ดันเป็นคนรักของครูกลับชาติมาเกิดด้วย”
“มีแต่เรื่องน่าเหลือเชื่อเต็มไปหมดเลย ถ้าหนูไม่ได้พบเจอมาด้วยตัวเอง หนูก็คงไม่เชื่อ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้ไม่มีอะไรบังเอิญ ทุกอย่างมันถูกลิขิตเอาไว้แล้ว”
“ไม่...โชคชะตามันทำให้เรากลับมาเจอกัน แต่ชีวิตน่ะ เราต่างหากที่เป็นคนลิขิตเอง” ตานพูดจบเธอก็หยิบผ้าขนหนูมาซับผมให้นัทต่อ นัทจึงได้แต่เงยหน้ามองเธอพลางกับอมยิ้ม
“ครูเสียใจด้วยนะนัท เรื่องพ่อของเธอ”
“ขอบคุณค่ะ หนูก็เสียใจด้วยนะคะ เรื่องลุงสิบทิศ”
“เรานี่เจออะไรคล้าย ๆ กันเลยเนอะว่าไหม แม่เธอเล่าให้ฟังว่า พ่อของเธอเสียเพราะจมน้ำ เลยเป็นเหตุให้เธอกลัวน้ำใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ แม่พยายามบอกหนูตลอดว่า ที่หนูฝันว่าตัวเองกำลังจมน้ำ เป็นเพราะหนูเห็นพ่อตัวเองจมน้ำต่อหน้าต่อตา ทำให้หนูกลัวน้ำและเก็บเอาภาพนั้นมาฝัน แต่ความจริง...หนูเองก็รู้ว่ามันไม่ใช่ หนูไม่ได้ฝันว่าพ่อจมน้ำ แต่มันคือตัวหนูเอง ที่กำลังจมลงไป”
“มันคงทรมานมากเลยใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ ทรมาน...จนหนูกลัวว่าตัวเองจะตายจริง ๆ”
“ถ้าจุดประสงค์ของเธอหรือพี่สิบทิศคือการตามหาครู ตอนนี้เรามาเจอกันแล้ว ขอให้ไม่ฝันร้ายแบบนั้นอีกแล้วนะ...”
ต่างคนต่างจ้องมองแววตาของกันและกัน ต่างคนต่างหยุดชะงักราวกับถูกหยุดเวลาเอาไว้ สองมือของนัทค่อย ๆ เอื้อมมาวางที่เอวของครูสาวช้า ๆ ตานจึงค่อย ๆ โน้มตัวลงมาใกล้ ๆ ก่อนที่จะสะดุ้งโหยงกันทั้งคู่
“เฮ้ย!!”
เมื่อจู่ ๆ ไฟก็ดับพรึบลงจนภายในห้องมืดสนิท เห็นแค่เพียงแสงสลัว ๆ และแสงฟ้าแลบที่ส่องเข้ามาเป็นพัก ๆ ตานหลุดขำพรืด เพราะคนที่ดูห้าวและดูไม่เกรงกลัวอะไรอุทานลั่นและดึงเธอเข้าไปกอดเอาไว้แน่น
“กลัวหรือไง กอดแน่นเชียว”
“เปล่ากลัวนะ หนูแค่ตกใจ”
“ถ้าไม่กลัวก็ปล่อยครูก่อน เดี๋ยวไปหาเทียนข้างนอกมาจุด ยังเช็ดผมไม่เสร็จเลย”
“ฮือ...หนูไปด้วย...”
“นั่งรออยู่นี่แหละ เทียนอยู่ข้างนอกนี่เอง”
“ไม่เอา...ครูอย่าไป อยู่แบบมืด ๆ ก็ได้”
“ไหนบอกไม่กลัว ถ้าไม่กลัวก็ปล่อยครู ครูไปเอาแป๊บเดียว”
“ก็ได้ค่ะ”
ตานอมยิ้มและส่ายศีรษะในความมืด ก่อนจะยืนปรับสายตาในความมืดสักพัก จากนั้นเธอจึงผละออกจากอ้อมกอดแล้วคลำหาโทรศัพท์มือถือที่เธอเอาวางไว้ข้างหัวเตียง
“โทรศัพท์อยู่ไหนเนี่ย มองไม่เห็นอะไรเลย”
“เจอไหมคะ”
“อ๊ะ! เจอแล้ว”
“ว๊าก!! แม่!!”
เมื่อตานนำโทรศัพท์มาเปิดไฟส่องหน้าตัวเองพร้อมกับหันพรวดมาทางนัท เจ้าตัวถึงกับอุทานลั่นและยกมือยกเท้าตั้งท่าด้วยความตกใจ ทำเอาครูสาวถึงกับหัวเราะลั่นที่แกล้งเธอได้สำเร็จ
“ฮ่า ๆ ๆ ไหนบอกไม่กลัวไง”
“โอ๊ยครู! ขี้แกล้งจังอะ ไม่ได้กลัว แค่ตกใจ”
“ฮ่า ๆ เด็กหนอเด็ก เมื่อก่อนเคยปากแข็งยังไง ตอนนี้ก็ยังไม่เปลี่ยนเลยนะนัท”
“ชิ...”
“เดี๋ยวมานะ นั่งรออยู่นี่แหละ”
“อย่าไปนานนะคะ”
“อืม”
นัททำได้แค่นั่งกะพริบตาปริบ ๆ รอคอยครูสาวเดินออกจากห้องไป แม้ปากจะบอกว่าไม่กลัวก็เถอะ แต่ความจริงนั้นเธอไม่คุ้นชินกับที่นี่เอาเสียเลย แถมบรรยากาศข้างนอกก็ไม่ต่างจากหนังสยองขวัญที่ชอบดูกับปรางเป็นไหน ๆ ทำให้เธอรู้สึกหวาดกลัวจนต้องมองไปรอบ ๆ ห้องอย่างหวาดระแวง


แสงจากเปลวเทียนส่องแสงสว่างภายในห้องนอน กลิ่นมะลิจากเทียนหอมคละคลุ้งตลบอบอวลไปทั่วทั้งห้อง แม้ภายนอกจะมีพายุฝนลมแรงเพียงใด แต่ภายในห้องกลับเงียบสงบ และให้ความรู้สึกอุ่นใจ อาจจะเป็นเพราะผู้หญิงที่กำลังเช็ดผมให้กับเธออยู่ก็เป็นได้ เหนือสิ่งอื่นใด คงหนีไม่พ้นกลิ่นกายอ่อน ๆ ที่ยามได้กลิ่นคราใดก็อยากจะคว้าตัวมากอดเอาไว้ไม่ปล่อย
นัททำได้แค่แหงนหน้ามองหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าพลางกับเอามือวางเอาไว้ที่เอวของครูสาว
“ครูคะ...ช่วยเล่าเรื่อง...ในตอนนั้น ให้หนูฟังได้ไหม มันเกิดอะไรขึ้นเหรอคะ ทำไมลุงสิบทิศถึงจมน้ำตายคะ”
“อย่าไปอยากรู้เรื่องอดีตที่เลวร้ายเลย”
“หนูอยากรู้...มันจะเหมือนในฝันไหม”
“ไม่ต้องอยากรู้ ไม่ต้องถามเรื่องนี้นะนัท ครูอยากให้เธออยู่กับปัจจุบัน มันผ่านไปนานมากแล้ว”
“แต่ครูเองก็ยังไม่ลืมเรื่องในวันนั้นใช่ไหมคะ”
“ครูไม่เคยลืม และคงไม่มีวันลืมวันที่ครูต้องสูญเสียคนสำคัญในชีวิตไปหรอกนัท วันนั้น...ฝนก็ตกหนักแบบนี้เลย ทุก ๆ ปี ครูเอาแต่คิดถึงเรื่องในวันนั้น มันฝังใจครูมาตลอด เพราะงั้น...อย่าถามถึงมันได้ไหม”
“ก็ได้ค่ะ หนูไม่ถามแล้วก็ได้ แต่หนูเข้าใจความรู้สึกขอครูนะคะ วันที่หนูเสียพ่อไป หนูเองก็ร้องไห้หนักมาก แต่พอหนูเห็นแม่ที่ร้องไห้หนักว่า แม่ดูทรมานจนหนูรู้สึกว่า หนูต้องเป็นหลักให้แม่ให้ได้”
“เธอคงคิดถึงพ่อมากใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ แต่หนูมีความสุขทุกครั้งที่คิดถึงพ่อนะ พ่อเป็นฮีโร่ของทุกคน พ่อช่วยเด็กที่กำลังจะจมน้ำให้รอดชีวิต แต่น่าเสียดาย...ที่พ่อหนูดันจากไป แต่สิ่งที่พ่อทำ ความดีของพ่อ มันทำให้หนูกับแม่ภูมิใจ ที่อย่างน้อยพ่อจากไปก็เพื่อต่อลมหายใจของคนอื่น”
“เสียใจด้วยอีกครั้งนะนัท”
“ขอบคุณค่ะ หนูโอเคมาก”
“ในเมื่อพ่อเธอเป็นคนดีแบบนี้ ทำไมครูดวงกมลถึงว่าพ่อเธอเป็นนักเลงล่ะนัท”
“ก็พ่อหนูเป็นนักเลงจริง ๆ ค่ะ สมัยหนุ่ม ๆ พ่อกับครูดวงกมลเรียนที่เดียวกัน ครูเขาเห็นพ่อทะเลาะวิวาทตลอดเลยเกลียดพ่อหนูเข้าไส้ ก็เลยพลอยเกลียดหนูไปด้วย”
“เป็นเพราะเธอมีเรื่องจนได้เข้าห้องปกครองบ่อย ๆ มากกว่า”
“หนูไม่ได้อยากมีเรื่องนะคะครู ไอ้แห้งมันชอบมายั่วโมโห มาหาเรื่องหนูอะ”
“แห้งนี่ใคร ใช่นักเรียนที่ขับมอเตอร์ไซค์แล้วตะโกนด่าเธอวันนั้นหรือเปล่า”
“ทำไมครูความจำดีจัง เก็บรายละเอียดเกี่ยวกับหนูทุกอย่างเลยนะคะ”
“ก็เพราะเธอหน้าเหมือนเด็กที่ครูฝันถึงไง ครูเลยสงสัยว่าเธอคือใคร ก็เลยพยายามสังเกตเธอมาตลอด”
“อ๋อ...ไอ้แห้งมันอยู่ห้องสามค่ะ ที่จริงมันชื่อบิ๊ก แต่ตัวมันผอม หนูเลยเรียกมันว่าแห้ง มันน่ะชอบมาด่าหนู ไม่รู้ว่าไปทำอะไรให้มันนักหนา หรือแม้แต่คนอื่นที่ชอบมาวุ่นวายกับปราง หนูอดไม่ไหวหนูก็แค่ผลักหน้าอก จากนั้นอีกฝ่ายก็เปิดก่อนเลย มีเหรอหนูจะยอม คนเขาก็เลยลือกันทั้งโรงเรียนว่าหนูสันดานนักเลงเหมือนพ่อ ทั้ง ๆ ที่หนูไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มก่อนเลยสักครั้ง”
“ว่าแล้วเชียว...ครูก็สงสัยเหมือนกัน ว่าเธอเอาแต่อยู่เรือนเพาะชำ จะไปหาเรื่องใครได้”
“ใช่ไหมล่ะคะ ก็มีแต่ปรางนั่นแหละ ที่รู้ว่าหนูเป็นคนยังไง ถึงได้คบหนูจนถึงทุกวันนี้”
“คนเขาจะคิดยังไงก็ช่างเถอะ แค่เธอไม่เป็นแบบที่คนเขาพูดก็พอ นับจากนี้ไป ก็อยู่ใกล้ ๆ ครูเอาไว้ ไม่มีใครกล้ามาหาเรื่องหรอก ถ้าใครมาทำอะไรเธอ ครูก็ไม่ยอมหรอกนะ”
นัทอมยิ้ม เมื่อได้ยินครูสาวพูดแบบนั้น ระหว่างนี้ครูสาวก็ยังคงเช็ดผมเธอพลางกับยิ้มเล็กยิ้มน้อย ดูเหมือนกับว่าครูสาวจะยีผมเธอเล่นเสียมากกว่า เพราะผมเธอยาวประบ่าเท่านั้น และปกติก็ไม่เคยเช็ดผมนานขนาดนี้มาก่อน
“เอ็นดูหนูเหรอคะ”
“ทำไม”
“เล่นผมหนูเพลินเลยนะ”
“ผมนุ่มดี”
“ขอหนูจับผมครูบ้าง”
เมื่อพูดจบ นัทจึงเลื่อนมือข้างซ้ายขึ้นจับปลายผมของครูสาว ก่อนจะเขยิบเลื่อนขึ้นช้า ๆ จนมาหยุดอยู่ที่บริเวณต้นคอ
“ผมครู...ก็นุ่ม...เหมือนกันนะคะ”
ทุกอย่างหยุดชะงักอีกครั้งเมื่อแววตาของทั้งคู่จับจ้องประสานกันอย่าง  เว้าวอน ก่อนที่ดวงตาทั้งสองข้างของครูสาวจะหลับตาเคลิบเคลิ้มเพราะสัมผัสอย่างอ่อนโยนจากฝ่ามือของนัทกำลังลูบที่แก้มเนียน แสงสลัวจากเปลวเทียนทำให้บรรยากาศดูเป็นใจจนสั่งการให้หัวใจทั้งสองดวงเต้นแทบไม่เป็นจังหวะ
มือข้างขวาของนัทคล้องไปโอบเอวครูสาวช้า ๆ พร้อมกับที่ตานก็โน้มตัวลงมาจูบลงหน้าผากอย่างแผ่วเบา
ตานดันร่างของนัทให้โน้มตัวลงและเอาเข่ายันร่างตัวเองขึ้นบนเตียงคร่อมนัทเอาไว้ ก่อนจากลากริมฝีปากของตนพรมจูบไล่ลงช้า ๆ และอ่อนโยน ตั้งแต่หน้าผาก เปลือกตา จมูก แก้มเนียน จนในที่สุดริมฝีปากนุ่มของทั้งคู่ประกบเข้าด้วยกัน ครั้งนี้...ไม่มีสิ่งใดมาขัดจังหวะอีกต่อไปแล้ว
ริมฝีปากที่เผยอรับกันเป็นจังหวะช้า ๆ ท่ามกลางแสงเทียนและเสียงฝนพรำ สัมผัสที่หอมหวาน ริมฝีปากที่อุ่น นุ่ม กลิ่นมะลิหอมละมุนกำลังควบคุมสติให้เลือนหายไปอย่างช้า ๆ มือซ้ายของนัทสอดอ้อมตามไรผมบริเวณท้ายทอยแล้วกดศีรษะให้ประกบริมฝีปากแนบแน่นขึ้น มือขวาของเธอก็สอดเข้าใต้เสื้อสีเทาตัวโคร่งพลางกับลูบแผ่นหลังเนียนที่ไร้บรามาขัดจังหวะความสุข
ร่างบางของครูสาวถูกประคองให้พลิกตัวลงนอน มือทั้งสองข้างของเธอมีมืออีกคู่หนึ่งแทรกประสานจับกันแน่นพร้อมกับกดลงกับฟูกนอนนุ่ม ๆ นัทพลิกตัวลุกขึ้นคร่อมร่างครูสาวเอาไว้ก่อนจะก้มลงจูบที่ริมฝีปากนุ่ม ลมหายใจอุ่น ๆ ต่างรดใบหน้าของกันและกันสลับไปมาจนเริ่มถี่ขึ้นเรื่อย ๆ เพราะอารมณ์ความต้องการเริ่มมีเพิ่มมากขึ้น
ทันทีที่มือทั้งสองข้างของครูสาวหลุดพ้นจากพันธนาการ เธอจึงดันร่างอีกคนออกพร้อมกับที่เธอก็ยันร่างของตนให้ลุกขึ้น ก่อนจะเลิกเสื้อตัวโคร่งที่สวมอยู่ออก ตามด้วยเลิกเสื้อคอกลมสีดำที่นัทใส่อยู่ผ่านพ้นเหนือศีรษะจนมากองอยู่ข้างเตียง จากนั้นนัทก็กดร่างครูสาวนอนลงอีกครั้งพร้อมกับดูดกลืนริมฝากปากนุ่มอย่างดูดดื่ม ต่างฝ่ายต่างกอดรัดกันและกันเอาไว้แน่น มือไม้ของนัทก็อยู่ไม่เป็นสุขเพราะมันทั้งลูบไล้ไปทั่วเรือนร่างเนียนสลับกับบีบคลึงหน้าอกนุ่มอย่างเพลิดเพลินจนได้ยินเสียงครางเล็ดลอดผ่านลำคอเบา ๆ มาเป็นระยะ
นัทค่อย ๆ ไล่จูบตั้งแต่ต้นคอลงมาถึงยอดปทุมถันอมชมพู ก่อนจะใช้ปากอุ่น ๆ ครอบงำ ดูดคลึง และตวัดลิ้นเลียจนร่างบ่างแอ่นอกสั่นสะท้านด้วยความเสียวซ่าน เธอดูดดึงสลับข้างไปมา ยิ่งเสียงครางดังแรงขึ้นเท่าไหร่ อารมณ์ของเธอยิ่งปะทุสูงขึ้นเท่านั้น
“อา...อ๊า...อือ...”
ระหว่างที่ปากยังมอบความสุขอยู่ มือทั้งสองข้างก็เกี่ยวขอบกางเกงขาสั้นแล้วดึงลงช้า ๆ พร้อมกับที่เธอลากริมฝีปากจูบไล่ตามกางเกงจนในที่สุดเรือนร่างเนียนก็เปลือยเปล่าไร้อาภรณ์ปกปิด นัทจึงจูบไล่ขึ้นตามเรียวขา ก่อนจะแทรกตัวมาอยู่ตรงกลางระหว่างขาทั้งสองข้างของครูสาว และเริ่มโลมเลียกลีบดอกพุดตานอมชมพูที่มีน้ำหวานหอมละมุนจนอยากจะดูดกลืนเสียให้หมด
“ซี๊ด...อ๊...า...อ๊...า...อื๊...อ”
เสียงครางกระเส่าดังออกมาไม่หยุดแข่งกับเสียงฝนที่ยังคงตกลงมาอย่างต่อเนื่อง คาดว่าคงจะตกตลอดทั้งคืน นัททั้งตวัดลิ้นโลมเลีย ทั้งดูดดื่มน้ำหวานจากดอกพุดตานซึ่งเธอสร้างความสุขให้ครูสาวเป็นอย่างดี จนร่างบางบิดเกร็งและใบหน้าสะบัดไปมา ขนทั่วทั้งตัวก็ลุกซู่ มือนุ่มทั้งสองข้างก็จับรวบผมประบ่าสีดำเอาไว้ ก่อนที่ร่างของเธอจะกระตุกเกร็งในที่สุด
“อ๊ะ! อ๊ะ...อ๊า!! นัท! ซี๊ด...พอแล้ว...”
หากได้เริ่ม มันย่อมไม่จบง่าย ๆ นัทเปลื้องกางเกงที่เป็นเสื้อผ้าชิ้นเดียวที่ปกปิดร่างกายของเธอออกอย่างรวดเร็ว ก่อนจะคลานขึ้นมาจูบครูสาวอย่างดูดดื่มจนร่างกายของทั้งคู่ร้อนผ่าวด้วยอารมณ์ที่เร่าร้อนยากจะดับ แขนครูสาวกอดรัดคอของเธอเอาไว้แน่นเพราะมือข้างซ้ายของนัทลูบไล้สัมผัสกลีบดอกพุดตานที่ยังมีน้ำหวานเยิ้มออกมาไม่หยุด ก่อนจะค่อย ๆ สอดนิ้วเข้าช้า ๆ จนมือของครูสาวจิกเกร็งที่แผ่นหลังของเธอ
“นัท...อา...”
นิ้วเรียวค่อย ๆ ขยับเข้าออกจากภายในความสาวที่อุ่นและคับแน่น แต่โชคดีนักที่น้ำหวานนั้นมีมากพอที่จะสร้างความสุขจนร่างบางสั่นสะท้านด้วยความเสียวซ่าน เสียงครางหวาน ๆ ควบคุมโสตประสาทของนัทเสียหมด เธอปักหน้าลงจูบที่ต้นคอ พร้อมกับนิ้วมือที่ทำหน้าที่ผสมเกสรดอกไม้อย่างต่อเนื่องจนหอบแฮก
“นัท! อ๊า! มะ...ไม่ไหว...แล้ว...อื๊อ!!”
มือทั้งสองข้างของครูสาวเปลี่ยนเป้าหมายมากำผ้าปูเตียงเอาไว้แน่น ก่อนจะบิดแอ่นร่างและกระตุกเกร็งอย่างแรงจากการถูกปลดปล่อยอารมณ์ ทำเอาเธอถึงกับนอนหายใจหอบ ส่วนนัทเองก็นอนหอบแฮกหายใจรดต้นคอของเธอด้วยความเหนื่อยล้าเช่นกัน
“แ..ฮ..ก...แ...ฮ...ก”
ตานเอื้อมมือเช็ดเหงื่อที่ท่วมหน้าผากของนัท ก่อนจะประคองใบหน้าให้แหงนขึ้นพร้อมกับก้มลงจูบที่ริมฝีปากนุ่มอย่างอ่อนโยน นัทยังคงนอนหายใจหอบอยู่อย่างนั้น ครูสาวจึงลูบศีรษะของนัทช้า ๆ แล้วจึงประคองศีรษะของนัทให้หนุนที่แขนของเธอเอาไว้
“เหงื่อท่วมเชียว”
“เหนื่อยเหมือนกันนะเนี่ย ครูเจ็บหรือเปล่า”
“ไม่หรอก เจ็บแต่ตอนที่เธอสอดใส่ครั้งแรก”
“ครูไม่เคยทำมาก่อนเหรอ”
“จะเคยได้ยังไง ครูยังไม่เคยมีแฟนนะ”
“แล้วกับลุงสิบทิศล่ะคะ”
“แม้แต่จูบยังไงเคยเลย พี่สิบทิศรักและดูแลครูเหมือนเป็นน้องสาว เราสองคนไม่เคยมีอะไรเกินเลย”
“แต่เราสองคน เพิ่งจะ...” ยังไม่ทันที่นัทจะได้พูดจบประโยค ตานจึงใช้นิ้วชี้แตะที่ริมฝีปากห้ามเอาไว้ก่อน
“สุขสันต์วันเกิดนะนัท หวังว่าคืนนี้เธอคงจะมีความสุขนะ”
“ขอบคุณค่ะ เป็นวันเกิดที่หนูมีความสุขที่สุดตั้งแต่เกิดมา แล้วครูล่ะคะ...มีความสุขหรือเปล่า”
“วันนี้ของทุก ๆ ปี คือวันที่ครูเจ็บปวดเพราะเรื่องในอดีต แต่ตอนนี้...เธอได้เข้ามาเป็นความสุขในชีวิตครูแล้วนะนัท” 
“หนูรักครูนะคะ”
“อืม...”
“ครูรักหนูไหม”
“ยอมขนาดนี้ยังจะถามอีกเหรอ”
“ตอบให้หนูชื่นใจหน่อยไม่ได้เหรอคะ”
ครูสาวอมยิ้ม ไม่ตอบอะไรกลับไป แต่ก้มลงจูบที่หน้าผากแทน นัทจึงพลิกตัวลุกขึ้นแล้วซุกไซร้ที่ซอกคอเนียนอีกครั้งราวกับหิวกระหาย ทำเอาอีกคนถึงกับหลับตาเคลิ้มและครางกระเส่าอีกครั้ง
“อ...า...”
“รักหนูหรือเปล่าคะ...”
“อืม...อ...า”
“พูดสิ...พูดว่ารักสิ...”
“อื...ม...ครูรักเธอ...”
สิ้นคำพูดของครูสาว เธอจับพลิกร่างของนัทให้นอนลงกับที่นอน ก่อนที่เธอจะเป็นฝ่ายลุกขึ้นมานั่งคร่อมร่างคืนบ้างและก้มลงจูบที่ต้นคออย่างดูดดื่มจนนัทถึงกับแหงนหน้าเคลิ้ม จากนั้นเธอจึงเริ่มบดเบียดดอกไม้ประกบแนบเข้าด้วยกันก่อนจะโยกสะโพกช้า ๆ และเร่งความเร็วขึ้นจนเสียงครวญครางของทั้งสองสลับกันไปมา บ้างก็ประสานกันจนกลบเสียงฝนไปเสียหมด
เหงาของทั้งสองร่างที่กำลังร่วมจังหวะรักส่องสะท้อนมาจากแสงเทียนกระทบไปที่ผนังห้องนอน กลิ่นเทียนหอมมะลิก็ยังคงตลบอบอวลสร้างบรรยากาศในคืนฝนพรำที่แสนมีความสุข...