ดวงพุดตาน

ดวงพุดตาน
ตอนที่ 16 บทลงโทษ

เช้าวันอาทิตย์ที่ยังมีฝนโปรยปราย ไม่มีแสงแดดสาดส่องผ่านผ้าม่านผืนสีขาว มีเพียงแค่เสียงฝนตกกระทบกับหลังคา แม้พายุได้พัดผ่านไปแล้ว แต่ก็ยังคงมีฝนตกตามฤดูกาลให้ได้สัมผัสอากาศที่เย็นยะเยือกในยามเช้า
ร่างเปลือยเปล่าไร้อาภรณ์ของหญิงสาวทั้งสองกอดซุกร่างเพื่อรับไออุ่นของกันและกันภายใต้ผ้าห่มสีครีม สาวสวยเจ้าของผมสีดำยาวสลวยรู้สึกตัวตื่นก่อน ใครบางคนในอ้อมกอดตัวสั่นเทาเพราะไม่อาจสู้อากาศเย็น ๆ แบบนี้ได้ จึงต้องมุดผ้าห่มหนีพร้อมกับซุกหน้าที่หน้าอกนุ่ม แขนซ้ายก็กอดรัดร่างของเธอเอาไว้แน่นอย่างเคยชิน ราวกับกำลังกอดหมอนข้างที่วันนี้รู้สึกอุ่นเป็นพิเศษ
ริมฝีปากอมชมพูยิ้มตั้งเมื่อคิดถึงช่วงเวลาแห่งความสุขในคืนที่ผ่านมา แถมวันนี้ยังได้ตื่นมารับเช้าวันใหม่ด้วยกันอีก แต่จู่ ๆ รอยยิ้มนั้นก็ค่อย ๆ จางลง เพราะคำพูดของคนเป็นแม่เลี้ยงผุดขึ้นมาตอกย้ำว่าสิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้มันผิดมหันต์
ทำไมเธอถึงได้ยอมให้มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น จะว่าไม่ได้ตั้งใจก็คงไม่ใช่ จะบอกว่าอารมณ์ชั่ววูบมันก็ไม่เชิง เพราะเธอมีสตินึกคิดทุกอย่าง และเป็นเธอเองเสียด้วยซ้ำที่เป็นคนจุดไฟเสน่หานี้ขึ้นมาจนแผดเผาร่างของทั้งสองให้เร่าร้อนตลอดทั้งคืน
“อืม...คิก ๆ”
เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักแผ่วเบาดังออกมาจากใต้ผ้าห่ม ปลุกภวังค์ความคิดลบเมื่อสักครู่ให้หายไป รอยยิ้มจึงเผยออกมาอีกครั้ง มือนุ่มค่อย ๆ เปิดผ้าห่มออกช้า ๆ ก็พบว่า เด็กสาวอีกคนยังคงนอนหลับตาพริ้ม ขนตางามงอนกระตุกตามหนังตา ริมฝีปากอมยิ้ม พร้อมกับเสียงหัวเราะผ่านลำคอ ดูท่าคงกำลังฝันดีอยู่เป็นแน่ ฝ่ามือนุ่มจึงประคองศีรษะก่อนจะลูบผมนุ่มประบ่าอย่างอ่อนโยน
ถึงจะรู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไปแล้วก็เถอะ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลย ว่าเพลงรักที่บรรเลงร่วมกันนั้น มันทำให้เธอมีความสุขเหลือเกิน…
“ขอให้หลังจากนี้...เธอมีแต่ฝันดีนะนัท” พูดจบก็ก้มลงจูบกลางศีรษะ ก่อนจะจับผ้าห่มมาคลุมโปงเอาไว้และกอดร่างอุ่น ๆ นี้ให้แน่นขึ้น แล้วเธอก็ผล็อยหลับไปอีกครั้ง


ก๊อก! แก๊ก!
เสียงบางสิ่งบางอย่างดังกระทบกันดังก๊อกแก๊กเข้ามาในห้อง หญิงสาวรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาก่อนจะค่อย ๆ หรี่สายตาปรับกับแสงที่สาดส่องผ่านร่องผ้าม่านตื่นขึ้นมาครั้งนี้ไร้ร่างอุ่น ๆ ของคนข้างกาย เรือนร่างของเธอยังคงมีเพียงแค่ผ้าห่มผืนหนาที่ปกปิดร่างกายอยู่เท่านั้น แต่เสื้อผ้าของเธอถูกนำมาวางไว้บนเตียงให้แล้ว เธอจึงเอื้อมมือไปหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาสวมใส่ให้เข้าที่
“หอมจัง...ทำอะไรเหรอ” พูดจบก็เดินเข้าไปสวมกอดใครบางคนที่กำลังยืนหันหลังอยู่หน้าเตาจากทางด้านหลัง ก่อนจะเอาคางเกยไว้ที่บ่าข้างซ้าย
“ว่าจะเตรียมอาหารเช้าไว้ให้ครูกินตอนตื่นค่ะ” ตอบพลางกับอมยิ้มอย่างอารมณ์ดี
“อาหารเช้าที่ว่าคือไข่เจียวนี่เหรอ”
เพราะคนเป็นแม่เลี้ยงมักจะซื้ออาหารเข้ามาให้เธอกินที่บ้านบ่อย ๆ บ้างก็เข้ามาทำอาหารแช่ตู้ไว้ให้บ้าง แต่วันนี้ในตู้เย็นกลับไม่เหลืออะไรให้พอทำอาหารได้ จะมีก็เพียงแค่ไข่ไก่ที่วางไว้ในถาดวางไข่หกฟอง นัทจึงหยิบมาทำไข่เจียวแค่เพียงสองฟองเท่านั้น
“ก็หนูทำกับข้าวไม่เป็น ทำเป็นแค่นี้นี่นา”
“แล้วทำไมไม่ปลุกครูให้มาทำให้กินล่ะ”
“เห็นครูนอนเพลินแบบนั้นใครจะกล้าปลุกล่ะคะ แล้วอีกอย่าง หนูอยากดูแลครูไง”
“ทำไมน่ารักแบบนี้” พูดจบก็เอาจมูกโด่ง ๆ มาถูไถที่แก้มเนียนด้วยท่าทีออดอ้อน จนอีกคนถึงกับยิ้มหน้าแดง เมื่อนัทตักไข่เจียวร้อน ๆ ใส่จานเรียบร้อยแล้ว เธอเอื้อมมือปิดเตาแก๊สให้เรียบร้อยก่อนจะวางมือผสานเรียวแขนที่โอบกอดเธอเอาไว้
“เลิกกอดได้แล้วมั้ง”
“เขินเหรอ”
“บ้า...หนูจะเขินครูทำไม”
“ก็เนี่ย หน้าแดงแบบนี้จะบอกว่าไม่เขินได้ไง”
“หนูอยู่หน้าเตานะ แก้มหนูก็ต้องแดงสิ”
“งั้นถ้าไม่เขิน แสดงว่าครูทำแบบนี้ได้ใช่ไหม คิก ๆ”
ยิ่งเห็นแก้มแดง ๆ ยิ่งอยากแกล้งให้หนัก ครูสาวปักหน้าที่แก้มเนียนพร้อมกับสูดหายใจหอมแบบฟอดใหญ่ จนต่างคนต่างหัวเราะคิกคักด้วยความเขินอาย
“ไปอาบน้ำเลย”
“เธออาบแล้วเหรอ”
“อาบแล้วค่ะ”
“ทำไมไม่รอครูไปอาบด้วย”
“อะไรเนี่ย ครูทำไมขี้อ่อยแบบนี้อะ”
“คิก ๆ เด็กหนอเด็ก พูดแค่นี้ยังหน้าแดงเลย วันนี้จะแกล้งให้หน้าแดงทั้งวันเลยคอยดู”
“ไม่ต้องเลย ถ้าหนูหนีกลับบ้านแล้วจะรู้สึก ระวังจะคิดถึงจนอยู่ไม่เป็นสุขนะคะครู”
“บอกตัวเองเหรอคะ หื้ม? หื้ม? หื้ม?”
ใครจะไปคิด ว่าครูสาวที่ดูดุดันเวลาอยู่โรงเรียน พอผ่านคืนที่เร่าร้อนไปจะเปลี่ยนเป็นคนละคน เธอส่งเสียงเย้าแหย่ ใบหน้าไร้เครื่องสำอางของเธอก็ดูราวกับเด็กวัยใส ยิ่งบวกกับท่าทีที่เอียงคอซ้ายทีขวาทีหยอกล้อแกมยั่วโมโห ทำเอานัทถึงกับทำหน้ายู่ใส่
“ฮ่า ๆ ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ”
“นี่ไม่ใช่ครูตานที่หนูรู้จักแล้ว”
“ทำไม ครูตานที่เธอรู้จักเป็นยังไง”
“ก็ดุ ๆ เหมือนนางมารร้าย”
“แหม...บอกรักครูทั้งคืนขนาดนั้นยังจะมาว่าครูเป็นนางมารร้ายอีกเหรอ กลับมาเกิดใหม่ทั้งทีก็ยังจะปากแข็งไม่เปลี่ยนเลยนะ”
“เมื่อก่อนลุงสิบทิศก็เป็นแบบนี้เหรอคะ”
“ใช่ แต่มากกว่าเธอสิบเท่าเลยล่ะ อย่างน้อย...ชาตินี้ครูก็ได้ยินคำว่ารักจากปากของเธอ งั้นครูไปอาบน้ำก่อนนะ”
“ค่ะ”
ก่อนจะเข้าไปอาบน้ำ ก็ยังไม่วายโน้มตัวมาจูบหน้าผากเบา ๆ ไปหนึ่งที ทันทีที่ครูสาวหายเข้าไปในห้องน้ำ นัทถึงกับขาอ่อนทรุดลงกับพื้นก่อนจะเอามือปิดหน้ากลิ้งไปมาเพราะตอนนี้ใบหน้าของเธอร้อนผ่าวจนเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ จะหว่านเสน่ห์ไปถึงไหนกันนะ...


นัทที่กำลังนั่งกอดอก ขาไขว้ห้างรอเจ้าของบ้านมานั่งร่วมโต๊ะอาหาร พลางกับหันออกไปทางนอกหน้าต่างดูสายฝนที่กำลังโปรยปรายไม่หยุด ต้นไม้ใบหญ้าต่างก็ชุ่มฉ่ำเมื่อได้น้ำด้วยหลังจากที่ฝนไม่ตกมาหลายวัน ช่างเป็นสายฝนที่นำพาความสุขมาให้เธอเสียจริง
ปลายเท้าขวากระดิกสั่นไหวไปมาตามจังหวะการฮัมเพลงราวคนอารมณ์ดี ซึ่งเป็นเพลงโปรดของเธอตั้งแต่อดีตชาติ จนถึงบัดนี้ก็ยังไม่เสื่อมคลาย คนที่ยืนฟังอยู่ข้างหลังก็ได้แต่อมยิ้มก่อนจะเอื้อนเอ่ยคำร้องผสานควบคู่ไปพร้อม ๆ กัน
“โอ้ใจรักเธอ คิดถึงเธอเฝ้าครวญหา...โอ้ใจนะเออ...ไยละเมอถึงเธอร่ำไป”
เสียงหวานที่ขับขานประสานเสียง ร่างของคนที่นั่งอยู่หันมาตามต้นเสียงพาขาที่กำลังไขว้ห้างให้วางลงกับพื้นสงบเสงี่ยมท่าที แววตาที่จับจ้องผสานควบคู่สื่อความหมายผ่านนัยน์ตา เหมือนมีแรงดึงดูดบางอย่างสั่งการให้ขาทั้งสองข้างก้าวเข้าหาอีกคน ก่อนจะมานั่งลงข้าง ๆ และหันไปขับร้องเพลงประสานกันอีกครั้ง พร้อมกับที่ดวงตาก็ยังจับจ้องกันอยู่ไม่ละสายตา
“เมื่อดวงใจมีรัก มอบแด่ใครซักคน หมดทุกห้องหัวใจ...”
“ขอให้เธอมั่นใจรักจริง ฉันจะยอมมอบกายพักพิง แอบแนบอิงนิรันดร์...”
รอยยิ้มหวานชื่นเผยมอบให้กันและกันเมื่อเพลงได้จบลง นัทเอื้อมมือมากุมมือนุ่มข้างขวาครูสาวเอาไว้ ก่อนจะยกขึ้นมาบรรจงจูบที่หลังมืออย่างแผ่วเบา
“ขอให้เธอมั่นใจรักจริง ฉันจะยอมมอบกายพักพิง แอบแนบอิงนิรันดร์...”
นัทร้องทวนท่อนสุดท้ายอีกครั้งด้วยเสียงหวาน ๆ ของเธอเอง มือนุ่มข้างซ้ายที่ว่างอยู่จึงเอื้อมสัมผัสที่แก้มเนียน นัทหลับตารับสัมผัสพร้อมกับเอียงคอหนุนลงที่ฝ่ามือนุ่มอย่างออดอ้อน
“ขอบคุณนะนัท...ที่ตามหาครูจนเจอ”
“ต้องขอบคุณโชคชะตามากกว่า ที่นำพาครูกลับมาให้เราได้เจอกัน”
“จะไม่ทิ้งกันไปไหนอีกแล้วใช่ไหม”
“ไม่ค่ะ...บอกแล้วไง ว่าถึงไล่ก็ไม่ไป”
“แล้วถ้าไล่ให้ไปกินข้าว จะไปไหม ไข่เจียวรอนานจนร้องไห้แล้วมั้ง ดูสิ นอนแอ้งแม้งอยู่ในจาน อาบแดดรอจนตัวดำหมดแล้ว”
เมื่อถูกพูดตัดบท นัทถึงกับหลุดขำพรืด ก่อนจะหันไปมองไข่เจียวที่วางอยู่บนโต๊ะอาหาร แม้สีของมันจะดูไม่น่ากินเท่าที่ควร แถมสภาพยังเหี่ยวเฉาไม่ฟูฟ่องเหมือนตอนทำเสร็จใหม่ ๆ แต่ก็สร้างเสียงหัวเราะของทั้งคู่ได้ดีทีเดียว
“ไหนขอชิมฝีมือคนเก่งของครูหน่อยซิ”
ระหว่างที่ครูสาวกำลังหยิบส้อมขึ้นมาเพื่อจะจิ้มไปที่ไข่เจียวแต่แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อได้ยินเสียงแตรรถยนต์ดังมาจากหน้าบ้าน ทั้งสองหันมามองหน้ากันด้วยความสงสัย ใครกันนะมาหาที่บ้านแต่เช้าตอนฝนตกแบบนี้หรือจะมีคนมารับ    ลูกศิษย์กลับบ้าน
ปี๊บ!! ปิ๊บ!!
“แม่เธอมารับหรือเปล่านัท”
“ไม่น่าจะใช่นะคะ แม่หนูไม่มีรถ แล้วก็ไม่รู้จักบ้านครูด้วย”
“จริงสิ แต่ถ้าเป็นป้ามะลิก็จะต้องโทรมาบอกก่อนสิ”
ปิ๊บ!! ปิ๊บ!!
เมื่อเสียงแตรรถยังคงดังส่งเสียงอีกครั้ง ครูสาวจึงลุกจากเก้าอี้และเดินตรงไปที่ประตูไม้บานใหญ่เพื่อไขความสงสัย แต่แล้วเมื่อประตูบ้านถูกเปิดออกจึงได้พบกับแขกที่ไม่ได้รับเชิญ เธอถึงกับถอนหายใจเฮือก
“ครูตานครับ! สวัสดีครับผม!!”
แขกไม่ได้รับเชิญเปิดกระจกรถส่งเสียงร้องเรียกด้วยความดีใจ ตอนนี้ไม่มีรถเก๋งสีขาวจอดอยู่ คาดว่าครูสาวคนสวยต้องอยู่บ้านเพียงลำพัง แต่เขาก็ต้องขมวดคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์เมื่อนักเรียนหญิงเกเรที่เขาไม่ชอบขี้หน้าเดินออกมายืนเคียงข้างครูสาว แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาอะไรที่จะทำให้ยอมแพ้กลับไป ครูหนุ่มจึงดับเครื่องรถยนต์ ก่อนจะหิ้วถุงข้าวแกงวิ่งฝ่าฝนมาที่หน้าประตู
“มีอะไรหรือเปล่าคะครูคณิน มาหาตานแต่เช้าเลย”
“อุตส่าห์มาแต่เช้าขนาดนี้ ก็ยังมีคนที่มาเช้ากว่าผมอีกนะครับเนี่ย ครูกินข้าวหรือยังครับ ผมซื้อกับข้าวมาฝากเยอะแยะเลย เห็นฝนตกแบบนี้คงไม่อยากออกไปไหนใช่ไหมล่ะครับ”
“เอ่อ...ขอบคุณนะคะ แต่ว่าครั้งหน้าไม่ต้องลำบากนะคะ ตานเกรงใจ แล้วถ้าจะมาก็รบกวนนัดก่อนนะคะ เผื่อวันไหนที่ตานไม่อยู่หรือไม่สะดวกรับแขกก็จะได้ไม่มาเสียเที่ยว”
“ก็เรายังไม่ได้แลกเบอร์กันเลย เราไปกินข้าวกันเถอะ ผมหิวแล้ว เอ้า! นี่ ณิชาภัทร เอากับข้าวไปจัดใส่จานไป”
พูดจบก็ยื่นถุงข้าวแกงให้กับนัท เธอจึงเลิกคิ้วและเอียงคอเล็กน้อย มันคือหน้าที่เธออย่างนั้นหรือ แถมยังมาไม่รู้จักเวล่ำเวลา ถ้าหากวันนี้เธอไม่ได้อยู่ด้วย เขาก็คงได้อยู่กับครูสาวสองต่อสองในตอนฝนตกแบบนี้แน่ เมื่อตานเห็นทีท่าของลูกศิษย์ที่ดูไม่พอใจ เธอจึงรีบเอื้อมมือรับถุงหิ้วแทน
“เดี๋ยวตานจัดใส่จานให้เองค่ะ เชิญเข้ามาก่อนค่ะครูคณิน อยู่ตรงนี้เดี๋ยวโดนละอองฝนนะคะ”
“ขอบคุณครับ”
ครูหนุ่มตอบพลางกับเอี้ยวตัวหลบลูกศิษย์ที่ยืนขวางประตูเอาไว้อยู่ จนครูสาวต้องคว้าข้อมือของเธอให้ถอยห่างออกมา ต่างคนต่างมองหน้ากันด้วยความไม่พอใจ หวังว่าจะไม่เกิดศึกแย่งชิงครูสาวหรอกนะ
“แล้วเธอมารบกวนอะไรที่บ้านครูตานเขาแต่เช้า” 
ถามไม่คิด ใครกันที่มารบกวน นัทคิดในใจ
“อ๋อ ตานสอนพิเศษให้นัทน่ะค่ะ” ตานตอบพลางกับเดินไปแกะถุงข้าวแกงร้อน ๆ จัดใส่จาน โดยมีนัทเดินตามไปช่วยจัดแบบประกบข้างไม่ห่าง
“วันอาทิตย์ควรจะเป็นวันหยุดพักผ่อนนะครูตาน สอนมาทั้งสัปดาห์ยังจะต้องมาสอนพิเศษให้เด็กที่เอาแต่โดดเรียนเนี่ยนะครับ”
“นัทเขาเป็นลูกศิษย์ตานนะคะ คนเป็นครู มีสิทธิ์เลือกสอนแต่เด็กเรียนได้เหรอคะ”
“แต่ผมมองว่ามันไม่คุ้มค่าเหนื่อยไง แทนที่จะตั้งใจเรียนอยู่ในห้อง ไม่ใช่มารบกวนเวลาครูเขาแบบนี้”
คนเป็นครูที่พูดออกมาอย่างไม่รู้สึกรู้สา แต่คนฟังกลับรู้สึกเหมือนถูกหนามทิ่มแทงที่อกข้างซ้าย นัททำได้แค่เงียบฟังคำพูดเหน็บแนมโดยไม่ขัดอะไร แต่ครูสาวที่ยืนอยู่ข้างเธอรู้ดีว่าเธอรู้สึกอย่างไร เพราะเธอเองก็ไม่สบอารมณ์กับคำพูดแต่ละคำของครูหนุ่มเท่าไหร่นัก
“กินข้าวกันเถอะค่ะครูคณิน ตานจะได้รีบสอนเด็กต่อ” พูดจบก็วางชามที่มีผัดผักใส่หมูสามชั้น และจับฉ่ายลงบนโต๊ะอาหาร ก่อนที่นัทจะถือจานยำรวมมิตรและไข่เจียวทรงเครื่องตามมาติด ๆ โดยที่ครูหนุ่มนั้นทำหน้าระรื่นนั่งรอที่โต๊ะอาหารก่อนแล้ว
“โทษทีนะนัท ข้าวสวยครูซื้อมาแค่สองถุง ไม่คิดว่าที่บ้านครูตานจะมีคนอยู่ด้วย”
ปากว่า พลางกับจัดจานข้าวสวยร้อน ๆ วางไว้ต่อหน้าครูสาว แต่ของนัทกลับเป็นเพียงแค่จานเปล่าที่มีช้อนและส้อมที่เธอจัดเอาไว้ก่อนหน้าเท่านั้น       ริมฝีปากอมชมพูยิ้มตั้งข้างหนึ่งเพราะรู้อยู่แล้วว่าเธอจะต้องถูกแกล้งอย่างแน่นอน ซึ่งมันก็เป็นอย่างที่คิดจริง ๆ เมื่อเห็นแบบนั้น ตานจึงแบ่งข้าวสวยในจานของเธอตักแบ่งไปใส่จานของนัทโดยที่เธอได้ส่วนที่น้อยกว่าด้วยซ้ำ
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะครูคณิน เดี๋ยวตานแบ่งกับนัทเอง” 
“กินน้อยแบบนี้จะอิ่มเหรอครับ ข้าวเช้าจะช่วยให้สมองเราทำงานได้ดีนะ แถมยังเป็นพลังงานที่ดีด้วย เดี๋ยวจานนี้ผมเอาออกนะครับ น่าจะกินไม่ได้ดูสิไหม้เกรียมขนาดนี้” พูดจบครูหนุ่มก็หยิบจานไข่เจียวที่ทำด้วยความรักแยกไปตั้งริมโต๊ะ สายตาของนัทที่มองตามไปนั้นล้วนแล้วเต็มไปด้วยอารมณ์โกรธ 
“ถ้าจะห่วงเรื่องโภชนาการขนาดนั้น ครูก็น่าจะซื้อกับข้าวที่มีสารอาหารครบทั้งห้าหมู่นะคะ จะให้ดีต้องเป็นข้าวกล้องหรือข้าวไรซ์เบอร์รี่ที่ช่วยในเรื่องการทำงานของสมองและระบบประสาท แต่บนโต๊ะมีแต่ของมัน ๆ ทอด ๆ เหมือนกัน ขาดผลไม้ด้วย” นัทพูดร่ายยาวพลางกับอมยิ้ม แต่อีกคนกลับรู้สึกว่าเธอกำลังหยามจนมุมปากกระตุกด้วยความไม่พอใจ
“เรากินข้าวกันดีกว่าไหมคะ เมื่อกี้เห็นบอกว่าหิวนี่คะ ใช่ไหมคะครูคณิน เธอเองก็หิวใช่ไหมนัท” พูดพลางหันไปมองหน้าทั้งสองสลับไปมา
“ค่ะ” นัทตอบ
“กินข้าวเลยนะนัท ไม่ต้องเกรงใจครู กินด้วยกันนี่แหละ”
“ค่ะ”
“อ้า ครับ งั้นกินกันเลย”
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยความกระอักกระอ่วน แม้ฝนจะยังคงตกอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่ได้ช่วยให้รู้สึกเย็นขึ้นมาได้ เพราะตอนนี้ดูเหมือนจะเกิดศึกแย่งชิงครูสาวจนร้อนวูบวาบไปหมด เจ้าตัวก็ทำได้แค่เหลือบมองทั้งสองที่นั่งร่วมโต๊ะสลับไปมา ขออย่าให้นัทหลุดพูดเรื่องคืนก่อนออกมาเลย...


เวลาล่วงเลยผ่านไปจนเข็มสั้นของนาฬิกาชี้ไปที่เลข 10 และเข็มยาวชี้ที่เลข 12 ครูหนุ่มที่อยู่รบกวนราวชั่วโมงก็ขอตัวกลับไปก่อน เพราะดูเหมือนตอนนี้ เขาจะมาเป็นส่วนเกินเสียมากกว่า หญิงสาวทั้งสองเอาแต่นั่งวาดรูปโดยไม่สนใจเขาแม้แต่น้อย จะหาจังหวะขอเบอร์ก็ไม่ได้ จึงได้แต่จากไปอย่างน่าเสียดาย
หญิงสาวทั้งสองนั่งอยู่บนเก้าอี้หันหน้าเข้าหากันโดยเว้นระยะห่างไม่มากนัก และมีกระดานวาดรูปตั้งเอาไว้บนตัก นัทละเลงวาดด้วยดินสอไม้ขนาดเข้ม โดยไม่เงยหน้ามองฝ่ายตรงข้ามแม้แต่น้อย ส่วนครูสาวนั้นก็เอาแต่เหลือบตามองดูเธอ เพราะรู้สึกว่าบรรยากาศภายในบ้านนั้นเงียบสงัด ทั้งที่ช่วงเช้านั้นอบอวลไปด้วยความสุขแท้ ๆ 
“นัท...” เสียงเรียกอย่างแผ่วเบาหวังจะเรียกร้องความสนใจ แต่อีกฝ่ายหาได้สนใจเธอแม้แต่น้อย
“เป็นอะไรหรือเปล่า” 
“…”
“นัท”
นัทยังคงนั่งเงียบ ไม่พูดไม่จา ดวงตาจับจ้องเพียงหน้ากระดาษที่ถูกแทนที่ความว่างเปล่าด้วยรูปภูเขาสองลูก มีพระอาทิตย์คั่นกลาง มีธารน้ำและทุ่งหญ้าอยู่ภายหน้าราวกับภาพวาดสมัยเด็ก ทุกอย่างที่เธอวาดลงไปนั้น ถูกระบายสีด้วยดินสอสีดำเข้มจนเกือบหมด หากบอกว่าเอาความโกรธมาโถมใส่ความไร้เดียงสาก็คงจะใช่
ดวงตาโฉบเฉี่ยวจ้องมองแบบไม่ละสายตา เพราะตั้งแต่มีแขกที่ไม่ได้รับเชิญเข้ามาในบ้าน เธอก็เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ ตานเห็นแบบนั้นจึงวางกระดานวาดรูปของเธอลงที่พื้น ก่อนจะลุกขึ้นเดินตรงไปที่หญิงสาวอีกคนที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาวาดไม่สนใจสิ่งรอบข้าง เมื่อมือนุ่มจับที่กระดานวาดรูปของอีกคนออกมา แต่เจ้าตัวก็ยังไม่มองมาที่เธอ กลับนั่งถอนหายใจเฮือกและเอามือกอดอกเสียอย่างนั้น
“นัท เป็นอะไร”
“เปล่าค่ะ”
“ก็เห็นอยู่ว่าเป็น โกรธครูเหรอ”
“เปล่าค่ะ หนูจะโกรธครูทำไม ครูไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย”
“ไม่พอใจครูคณินเหรอ”
“ครูกับครูคณินเป็นอะไรกันเหรอคะ ทำไมไปไหนมาไหนกันบ่อยจัง แล้วนี่ยังมาหาครูที่บ้านอีก ครูชอบเขาเหรอ”
“เธอคิดได้ยังไงว่าครูชอบเขา แล้วไปไหนมาไหนกันบ่อยอะไร ครูยังไม่เคยไปไหนกับครูคณินเลยนะ แถมวันนี้ครูก็ไม่ได้เชิญด้วย ไม่เห็นเหรอว่าครูก็ไม่พอใจเหมือนกัน”
“วันก่อนหนูเห็นครูขึ้นรถไปกับครูคณิน จะไม่เคยไปด้วยกันได้ยังไง” แววตาที่จ้องมองมา รับรู้ได้เลยว่าเจ้าของสายตานี้ต้องกำลังโกรธอยู่เป็นแน่ ครูสาวจึงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“หึงครูว่างั้น”
“เปล่าค่ะ”
“ปากแข็ง ไม่หึงก็งอน ใช่ไหม”
“ไม่ได้หึง ไม่ได้งอน”
“งั้นบอกครูมา ว่าเป็นอะไร เธอจะเอาอะไร เธอจะให้ครูทำยังไง พูดสิ”
“หนูไม่มีสิทธิ์” พูดจบก็ละสายตาและก้มหน้าลงต่ำ
เมื่อครูสาวเห็นท่าทีแบบนั้น เธอจึงถอนหายใจเฮือกอีกครั้ง ก่อนจะวางกระดานไม้อัดลงบนพื้น และเธอก็ก้าวขานั่งคร่อมลงบนตักนุ่ม ๆ มือทั้งสองข้างประคองใบหน้าของนัทให้แหงนขึ้น แล้วจึงก้มลงจูบที่ริมฝีปากอมชมพูอย่างอ่อนโยน
หัวใจที่กระหน่ำเต้นตึกตักจากการกระทำของครูสาว ดวงตาทั้งสองข้างปิดลงช้า ๆ ก่อนจะเปิดริมฝีปากอ้าออกเมื่อคนที่นั่งอยู่บนตักสอดลิ้นอุ่นแทรกเข้ามาทักทายภายในโพลงปาก เสียงจูบเปียกแฉะดังออกมาเป็นระยะเมื่อต่างคนต่างดูดริมฝีปากนุ่มของกันและกันสลับกับตวัดลิ้นหยอกเย้ากันไปมา มือทั้งสองข้างของนัทจับแน่นที่เอวบาง ส่วนมือนุ่มข้างหนึ่งประคองที่ท้ายทอย และมือข้างที่ถนัดค่อย ๆ ล้วงเข้าไปใต้เสื้อคอกลมสีดำที่เคยผ่านคืนที่เร่าร้อนมาก่อน จนนัทถึงกับสะดุ้ง
“คะ...ครู! ทะ...ทำอะไรคะ”
ไม่มีคำตอบใด ๆ เฉลยความอยากรู้ มีแต่ลิ้นอุ่นที่แทรกเข้ามาอีกครั้ง แถมยังขบกัดริมฝีปากเบา ๆ ราวกับหยอกเย้าอารมณ์ ภายใต้เสื้อสีดำก็ถูกคุกคามลูบไล้ไปทั่วเรือนร่างก่อนจะถูกบีบคลึงที่หน้าอกและใช้นิ้วโป้งลูบวนที่ยอดปทุมถันจนรู้สึกได้ว่าเริ่มแข็งเป็นไต เสียงอื้ออึงจึงดังผ่านลำคอเป็นพัก ๆ
“อือ...อือ...”
“มีความสุขด้วยกันทั้งคืน ยังจะคิดว่าครูชอบคนอื่นอีกเหรอ ดูถูกความรู้สึกที่ครูมีให้เธอเกินไปแล้วนะ อยากถูกทำโทษหรือไง...” เสียงแหบพร่าเอ่ยถามที่ข้างหู ลมหายใจอุ่น ๆ รดใบหูจนขนลุกซู่สะท้านทั้งเรือนร่าง นัทกลืนน้ำลายลงด้วยความยากลำบาก ตอนนี้เธอกำลังถูกลงโทษอยู่หรือนี่
“หนูสิ ต้องเป็นคนทำโทษครู ครูทำให้หนูหึงจนจะเป็นบ้าอยู่แล้ว”
“ในที่สุดก็พูดออกมาสักที ปากแข็งไปก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรมันดีขึ้นหรอกนะ!” เสียงพูดที่หนักแน่นขึ้นพร้อมกับมือนุ่มที่กระชากคอเสื้อของเธอแล้วจับลากเดินเข้าไปในห้อง นัทเดินตามแรงอย่างว่าง่ายโดยไม่มีอาการขัดขืนใด ๆ ทั้งสิ้น ก่อนเสื้อคอกลมสีดำที่ใส่อยู่จะถูกเลิกขึ้นถอดออกและโยนออกไปอย่างไม่ไยดี
ร่างของคนตัวเล็กถูกผลักให้นอนลงไปบนเตียงอย่างง่ายดาย ตอนนี้เรือนร่างของเธอเหลือเพียงกางเกงขาสั้นที่สวมอยู่ ก่อนจะถูกเปลื้องออกตามกันออกไปอย่างรวดเร็ว ส่วนอีกคนนั้นคลานคร่อมร่างที่นอนแนบกับฟูกนุ่มเอาไว้ แววตาที่จ้องมองกันนั้นเต็มไปด้วยความโหยหา เป็นเพราะไฟดับในคืนก่อนทำให้มองไม่เห็นดวงตาเสน่หาชวนหลงใหลนี้ วันนี้นัทได้เห็นเต็มสองตา มันทำให้เธอติดกับดักแบบหาทางหนีไม่ได้ ไม่ว่าอีกคนจะทำอะไรเธอก็ยินยอมไร้การขัดขืน
มือนุ่มเปลี่ยนเป้าหมายมาเลิกเสื้อแขนยาวสีดำตัวโคร่งแล้วโยนออกไปสภาพไม่ต่างกับตัวที่ผ่านมา หน้าอกขาวเนียนแน่นบราสีดำ ก่อนจะหลุดพ้นจากการปกปิดจนเผยให้เห็นเรือนร่างหญิงงามราวกับเจ้าหญิงที่ปรากฎกายอยู่ต่อหน้า ยอดปทุมถันอมชมพูราวดอกพุดตานในช่วงบ่ายชวนหัวใจของอีกคนสั่นไหวด้วยความเสน่หา อารมณ์ที่ทวีสูงขึ้นจนร่างกายราวกับถูกลาวาหลอมละลาย สองมือคว้าหมับที่เต้าอิ่มก่อนจะบีบคลึงเบา ๆ แต่แล้วก็ถูกจับออกกดลงแนบกับที่นอน
“ใครให้จับ ตอนนี้กำลังทำโทษเธออยู่นะ!”
พูดจบก็ก้มลงซุกไซร้ซอกคอก่อนจะลากมาหยุดอยู่ที่ใบหูจนรู้สึกได้ถึงไอร้อนของลมหายใจ และความเปียกแฉะเมื่อริมฝีปากนุ่มเม้มงับใบหูของเธอเบา ๆ ยิ่งทวีคูณอารมณ์ให้สูงขึ้นไปอีก ตอนนี้เธอทนแทบไม่ไหวอยู่แล้วแต่ข้อมือทั้งสองข้างยังถูกพันธนาการเอาไว้อยู่จึงได้แต่จำยอมให้ลงโทษแต่โดยดี
“อยากให้ทำอะไร...บอกครูสิ”
“หนูไม่มีสิ...ท...อะ...”
ยังไม่ทันที่จะตอบได้จบประโยค ริมฝีปากนุ่มก็เม้มใบหูของเธออีกครั้งก่อนจะถูกหายใจรดต้นคอจนขนทั่วทั้งตัวลุกซู่
“ต้องการอะไร พูด...”
“หนูมีสิทธิ์เหรอ”
“ครูจะถามเธอเป็นครั้งสุดท้าย เธอต้องการอะไร...”
“ตัวครู...หัวใจของครู...มีแค่หนูคนเดียว”
“เธอได้ไปหมดแล้ว”
เสียงหวานตอบแบบเย้ายวนชวนเคลิบเคลิ้ม ดวงตาทั้งสองปิดลงช้า ๆ เมื่อริมฝีปากของทั้งสองประกบเข้าด้วยกันอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ผิดไปจากเดิมจากที่เคยได้สัมผัสในทุกครั้ง เพราะครั้งนี้ดูดดื่มและเร่าร้อนอย่างที่ไม่เคยได้รับมาก่อน ร่างกายที่ตอบสนองการเร้าอารมณ์เป็นอย่างดีจนรู้สึกได้ถึงความเปียกแฉะกึ่งกลางร่างกาย ร่างขาวเนียนค่อย ๆ คล้อยตัวลงต่ำระหว่างกลางขาทั้งสองข้าง ก่อนที่ร่างของเธอจะถูกจับพลิกลงกับเตียงอย่างรวดเร็ว
“ครูไม่ต้องทำ...เดี๋ยวหนูทำเอง” พูดไปมือก็ปลดกระดุมกางเกงขาสั้นไปพลาง ๆ ก่อนจะดึงลงอย่างรีบร้อนแล้วโยนออกไปข้างเตียง 
นัทก้มลงโลมเลียดูดดื่มน้ำหวานจากดอกพุดตานอมชมพูราวกับหิวกระหาย ตอนนี้เธอมีประสบการณ์แล้ว รู้แล้วว่าจุดไหนที่สร้างความสุขให้อีกคนได้ดี ทันทีที่ลิ้นนุ่มตวัดเลียโดนปุ่มกระสัน ร่างบางสั่นสะท้านและดิ้นพล่านด้วยความเสียวซ่าน ปลายเท้าทั้งสองข้างจิกเกร็งกับผ้าปูเตียงสีครีม มือทั้งสองข้างปิดปากตัวเองเอาไว้แน่น แต่ก็ไม่อาจทานทนเมื่อถูกดูดคลึงราวกับจงใจแกล้งจนต้องรีบขยุ้มผมสีดำประบ่าเอาไว้
“ซี๊ด...อา...อ๊า”
“โทษฐานที่ทำให้หึง...อืม...”
“อ๊า...ดะ...เดี๋ย...ว ซี๊ด! ครูต้องเป็นคน...อ๊ะ! ทำโทษเธอ...อ...า”
“ฮืม...”
เสียงที่ดุดันราวกับโกรธแค้นแต่การกระทำกลับนุ่มนวล ลิ้นอุ่นยังคงตวัดรัดรึงจนร่างบางกระตุกเป็นพัก ๆ เรือนร่างของเธอเกร็งจนเนื้อนูน ก่อนจะแอ่นเอวขึ้นสูงกระตุกรับเมื่อถูกปลดปล่อยอารมณ์สู่ความสุขสม ร่างขาวบางนอนหายใจเหนื่อยหอบแต่หยุดพักไม่ทันไร ร่างอุ่น ๆ ก็ประกบแนบประสานเป็นหนึ่ง กลีบดอกพุดตานสองดอกที่บดเบียดเคล้าคลอตามจังหวะสะโพกที่โยกกายอย่างเร่าร้อน จากเสียงร้องเพลงประสานในตอนเช้า ตอนนี้กลับเป็นเสียงครวญครางเพลงรักที่โหมกระหน่ำหนักแน่นขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับพายุก็ไม่ปาน 
“อ๊า อ๊า อ๊า...”
“อา...ให้ใจหนูแค่คนเดียวได้ไหม...อ๊า...”
“อื๊อ...นัท...เธอได้ไปหมดแล้ว”
“อา...หนูรักครู...ซี๊ด...อา...หนูรักครู...”
“ครู...ก็...รักเธอ อ๊า...”