คืนก่อน 
หลังจากที่วางโทรศัพท์จากนัทไปได้สักพัก ตานจึงนั่งพิงผนังห้องนอนพลางกับมองออกไปนอกหน้าต่างห้องอย่างอารมณ์ดี แม้ค่ำคืนนี้จะเงียบสงัด แต่ไม่ได้ทำให้เธอเหงาใจแต่อย่างใด รอยยิ้มที่เผยออกมานั้น ช่วยบรรยายความรู้สึกของเธอได้อย่างชัดเจน ว่าตอนนี้เธอกำลังมีความสุขที่ได้เฝ้าคิดถึงใครอีกคน
อืด อืด ~ 
เมื่อโทรศัพท์ในมือสั่นครืด เธอสะดุ้งเล็กน้อยแล้วยกขึ้นมาดู ก็พบว่าเป็นคนที่คุ้นเคยโทรศัพท์เข้ามาอีกครั้ง นี่คิดจะโทรกลับมาอ้อนอะไรอีกล่ะสิ ตานคิดในใจ ก่อนจะกดรับสายด้วยรอยยิ้ม
“ว่าไง จะอ้อนอะไรอีกหืม? บอกฝันดีไปแล้วไม่พอใจเหรอ”
“ขอโทษนะคะ ฉันคือแม่ของนัทเองค่ะ” เมื่อได้ยินน้ำเสียงแข็งตอบกลับมา ตานถึงกับดวงตาเบิกโพลงด้วยความตกใจ พร้อมกับหัวใจที่เต้นตึกตัก เกรงว่าจะมีคนรู้ความลับของเธอ
“เอ่อ...คุณแม่ มีอะไรหรือเปล่าคะ”
“ฉันได้ยินนัทคุยกับคุณ นี่มันหมายความว่ายังไง คุณกับนัทมีความสัมพันธ์กันยังไง บอกฉันมาเดี๋ยวนี้”
“คุณแม่ ใจเย็น ๆ ก่อนนะคะ คุณแม่กำลังเข้าใจผิดนะคะ”
“อ๋อ เหรอคะ คำพูดที่สื่อความหมายชัดเจนขนาดนั้น ไม่มีอะไรที่ฉันจะเข้าใจผิดได้หรอกค่ะ คนที่นัทรัก มันคือคุณนี่เองเหรอ”
“นัทเคยเล่าให้คุณแม่ฟังเหรอคะ”
“ตอนแรกฉันก็แปลกใจ ว่าลูกสาวที่ไม่สนใจอะไรใครจะไปตกหลุมรักใครได้ยังไง แถมคุณยังเป็นหลานสาวของตระกูลพุทธารักษ์อีก นี่มันเรื่องอะไรกัน ที่ไม่ยอมกลับบ้านเพราะทำตัวแบบนี้สินะ”
“คุณแม่คะ มันไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ ที่หนูไม่กลับบ้านเพราะมีเหตุผล แต่ระหว่างหนูกับนัทมันเป็นเรื่องที่คุณแม่เคยเล่าให้หนูฟัง จำได้ไหมคะว่านัทเคยระลึกชาติได้ และอยากตามหาคนที่ชื่อพุดตาน ซึ่งพุดตาน คือหนูเองค่ะ เราสองคนได้กลับมาเจอกันแล้ว ตอนนี้หนูยอมรับกับคุณแม่เลยค่ะว่าเราสองคนรักกัน”
“อะไรที่ทำอยู่ตอนนี้ เลิกเถอะนะ ก่อนที่อะไรมันจะสาย”
“คุณแม่หมายความว่าอะไรคะ”
“คุณรู้ไหม ว่าการที่นัทเป็นเด็กระลึกชาติได้ มันทำให้เขาเจ็บปวดทรมานแค่ไหน เขาฝันถึงอดีตแทบทุกวัน เขาทรมานเหมือนคนกำลังจะตาย แล้วทุกวันนี้ฉันแทบจะเป็นบ้าอยู่แล้วเพราะกินไม่ได้ นอนไม่หลับ เป็นห่วงลูกสาวจนใจจะขาด ช่วยทำในสิ่งที่มันควรจะเป็นเถอะนะคะคุณครู ตอนนี้นัทไม่ใช่คนในอดีตอีกแล้ว นัทคือคนใหม่ ชาติใหม่แล้ว อย่ามาผูกอะไรกับเขา อย่ามาสร้างเวรสร้างกรรมอะไรกับเขาอีก!”
“แต่เรารักกันนะคะ รักกันมาตั้งแต่อดีต ถ้าเราไม่ใช่คู่กัน เราคงไม่ได้กลับมาเจอกันอีก”
“งั้นคุณลองบอกฉันสิ ว่าคุณรักนัทที่ตรงไหน คุณรักเพราะอะไร หรือรักที่เขาเป็นคนในอดีต คุณตอบฉันมา!!” น้ำเสียงที่หนักแน่นและดุดันขึ้น แสดงความรู้สึกว่าปลายสายเริ่มความคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ ตานเข้าใจอย่างสุดซึ้งว่าการเป็นห่วงอีกคนแต่ทำอะไรไม่ได้ มันเจ็บปวดมากแค่ไหน แต่คำถามนั้นก็ทำเธอสับสนเช่นกัน ว่าความจริงแล้ว เธอรักนัทที่เป็นนัท หรือรักนัทที่เป็นสิบทิศ
“คุณจะเงียบทำไม!? คุณตอบฉันมาสิคะ คุณรักลูกสาวของฉันจริง ๆ งั้นเหรอคะ”
“เอ่อ...หนูรักนัทจริง ๆ ค่ะแม่ แต่มันก็เพราะเขาคือคนรักในอดีตของหนูกลับชาติมาเกิดนะคะ”
“ก็ถ้ายังติดกับคำว่าอดีต ก็เลิกมายุ่งกับเขา! เพราะคุณไม่ได้รักนัท!! และการที่คุณยังมารื้อฟื้นอดีตกันแบบนี้ มันจะทำให้นัทต้องตายเพราะคุณ!!”
“มะ...หมายความว่ายังไงคะ”
“ตอนนี้นัทแทบไม่เป็นตัวของตัวเองแล้ว นัทเอาแต่คิดถึงอดีตจนฝันร้ายช่วงกลางดึก หลวงตาที่ฉันพาไปหาวันนี้บอกฉันว่า การไม่ลืมอดีตมันทำให้เขาทุกข์ทรมาน เขาจะฝันถึงเรื่องราวในอดีตซ้ำ ๆ ถ้ายังไม่ตัดขาดกับเรื่องอดีต หนักสุดคือเขาจะกลับไปตายแบบเดิม!!”
“อะ...อะไรนะคะ”
“ฮึก! ฉันขอร้องล่ะค่ะ ถ้าคุณรักนัทจริง ช่วยตัดความสัมพันธ์นี้ที ฉันไม่ห้ามหรอกนะคะที่คนสองคนจะรักกัน แต่ตอนนี้ความรักมันจะกัดกินชีวิตของเขา ฉันรับไม่ได้ ฮึก ๆ ฉันเลี้ยงลูกด้วยตัวคนเดียวมานาน ฉันเสียเขาไปไม่ได้ ฮือ ๆ ฉันขอร้องล่ะค่ะคุณครู ถ้ารักเขา อย่าสานต่อความสัมพันธ์ ฮึก ๆ” 
คำขอร้องทั้งน้ำตาตามด้วยเสียงสะอื้นราวจะขาดใจ ตอนนี้ตานเองก็เจ็บปวดคล้ายกับโดนฟ้าผ่าลงกลางใจ ทำไมฟ้าดินถึงได้กลั่นแกล้งเธอนักหนา ถ้าการที่เกิดมาในตระกูลที่รวยล้นฟ้าและเป็นคนใหญ่คนโตแต่กลับถูกกำหนดโชคชะตาให้ต้องผิดหวังเรื่องความรักซ้ำ ๆ แบบนี้ สู้เธอเกิดมาในครอบครัวทั่ว ๆ ไป ไม่มีอะไร แต่มีความรักที่สุขสมหวังมันจะดีเสียกว่า...
“ได้ยินไหมคะคุณครู ฉันขอร้อง ช่วยหยุดความสัมพันธ์นี้ที ให้นัทได้ใช้ชีวิตของเขา ที่มันเป็นเขาจริง ๆ ไม่ใช่ถูกแฝงด้วยคนอื่น อโหสิกรรมต่อกัน อย่าผูกมัดกันอีกเลย ฮึก ๆ”
“ค่ะ...” คำตอบรับทั้งน้ำตาที่บีบหัวใจแทบแตกสลาย มือข้างที่ถือโทรศัพท์สั่นเทา ส่วนมืออีกข้างปิดปากกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้ เจ็บปวดเหลือเกิน...
เมื่อปลายสายกดตัดสายไป ตานถึงกับปล่อยโฮอย่างหนักเพราะเก็บความเสียใจเอาไว้ไม่ไหวอีกแล้ว จากความเงียบสงัดกลับถูกแทนที่ด้วยเสียงสะอื้นร่ำไห้ที่ราวคนจะขาดใจ มันจะไม่มีสักครั้งเลยหรือ ที่ความรักของเธอจะสุขสมหวังดั่งในนิยายรัก ทำไมเธอกลับต้องทุกข์ระทมและเจ็บเจียนตายซ้ำ ๆ ถ้าจะให้กลับมาเจอกันและต้องเจ็บปวดแบบนี้ ขอไม่เจอกันอีกเลยจะดีกว่า...
“ฮึก ๆ ฮือ...ฮือ!...นัท...ฮึก! ครูรักเธอนะ ฮึก ๆ”


วันรุ่งขึ้น
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
“ฮึก! ครูตานคะ ฮึก ๆ”
ตุบ! ตุบ! ตุบ!
“ครูตาน!! ฮือ ๆ เปิดประตูให้หนูหน่อย ฮึก!”
ตุบ!! ตุบ!! ตุบ!!
“ครูตาน!!! หนูรู้ว่าครูยังไม่ได้ไปโรงเรียน ครูเปิดประตูให้หนูหน่อย ฮึก!”
อีกด้านหนึ่งของประตูไม้บานใหญ่ ตานนั่งพิงประตูเอาไว้พร้อมกับใช้มือปิดปากตัวเองเอาไว้แน่น เพราะกลัวว่าเสียงสะอื้นจะเล็ดลอดออกมา เป็นห่วงเหลือเกิน อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนด้านนอกทำไมเธอถึงร้องไห้หนักขนาดนั้น อยากคว้าตัวเข้ามากอดเอาไว้เหลือเกิน แต่เธอก็ทำได้แค่นั่งฟังเสียงเท่านั้น
นัท...ครูขอโทษ...


อืด อืด~
“สวัสดีค่ะพี่เกต”
“ตาน มาโรงเรียนหรือยัง”
“ยังค่ะ กำลังรอลุงชัยมารับเลยค่ะ โทรมาหาตานแต่เช้าแบบนี้มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ”
“อืม...พี่มีเรื่องจะคุยด้วยนิดหน่อย ถ้ามาถึงแล้วเข้ามาหาพี่ที่ห้องพี่หน่อยนะน้องตาน”
“ได้เลยค่ะพี่เกต เดี๋ยวอีกสักพักลุงชัยก็มาถึงแล้วค่ะ”
“จ้ะ ไว้เจอกันนะ” 
น้ำเสียงจากปลายสายที่ฟังดูกังวลใจแปลก ๆ ทำเธอรู้สึกหวิว ๆ ในใจ ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก เธอหยิบซองสีขาวที่ไม่ได้ปิดผนึกซองใส่ลงไปในกระเป๋าผ้าสีขาวลายดอกไม้เอาไว้ ก่อนจะนำมาพาดไว้ที่บ่าข้างขวา
ขออย่าให้เกิดอะไรขึ้นอีกเลยนะ...


ครืน...
เสียงบานเลื่อนประตูกระจกของห้องผู้อำนวยการเปิดออกช้า ๆ ภายในห้องมีผู้อำนวยการนั่งรออยู่แล้วด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด พร้อมกับลูกสาวคนสวยที่มีสีหน้าไม่ต่างกัน ตานจึงกำสายกระเป๋าผ้าเอาไว้แน่น เตรียมใจเอาไว้ว่าต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่ ๆ ก่อนจะกลั้นใจเดินเข้าไปในห้องด้วยรอยยิ้ม
“สวัสดีค่ะน้าตาน”
“สวัสดีจ้ะ สวัสดีค่ะพี่เกต” ตานยกมือรับไหว้หญิงสาว ก่อนจะหันไปไหว้คนเป็นพี่ด้วยรอยยิ้ม
“น้องปรางออกไปก่อนนะลูก ขอแม่คุณกับน้าตานหน่อยนะคะ”
“ไม่ค่ะ หนูอยากฟังความจริงจากปากน้าตาน”
“น้องปราง...”
“ไม่ค่ะคุณแม่ เรื่องนี้หนูมีสิทธิ์ที่จะได้รู้ ขอหนูอยู่ฟังความจริงจากปากน้าตานเถอะนะคะ”
“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะพี่เกต”
“เฮ้อ...พี่สิต้องเป็นคนถามตานว่ามันเกิดอะไรขึ้น” พูดพลางกับยื่นแท็บเล็ตให้กับตาน เธอจึงรับมาแล้วดูวิดีโอผ่านกล้องวงจรปิดจนดวงตาทั้งสองข้างเบิกกว้างด้วยความตกใจ
วันนั้นที่เธอและนัทจูบกันในเรือนไม้ เธอไม่รู้ตัวเลยว่าถูกบันทึกภาพเอาไว้ด้วยกล้องวงจรปิด ทำไมเธอถึงได้สะเพร่าเช่นนี้ ในเขตโรงเรียนเอกชน ถ้าไม่มีกล้องวงจรปิดน่ะสิถึงจะแปลก
“ตอนแรกที่นั่นก็ไม่มีกล้องหรอก พี่เพิ่งจะติดกล้องหลังจากเกิดเรื่องหมาเข้าไปพังข้าวของข้างในน่ะ นัทเลยไม่ทันระวังว่าในนั้นมีกล้องอยู่ นี่มันเรื่องอะไรเหรอตาน ทำไมตานกับนัทถึงจูบกัน ถูกข่มขู่ ถูกบังคับ หรืออะไร บอกพี่มาตรง ๆ จะได้ช่วยกันแก้ไขและหาทางออก”
“เปล่าค่ะ...เราสองคนตั้งใจ” สิ้นคำตอบของเธอ ทำเอาสองแม่ลูกถึงกับดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจไม่ต่างกัน
“มะ...หมายความว่ายังไงเหรอคะน้าตาน”
“เราสองคนรักกันค่ะพี่เกต”
“ตานจะบ้าไปแล้วเหรอ!? ตานเพิ่งเจอกับนัทไม่กี่วันจะรักกันได้ยังไง นี่มันเรื่องอะไรเนี่ย บอกพี่มาตรง ๆ เถอะ ไม่ต้องปกป้องลูกศิษย์ ถ้ามันจะผิด ยังไงพี่ก็ต้องเอาเรื่อง”
“เราสองคนรักกันจริง ๆ ค่ะ รักมา...ตั้งแต่อดีตแล้ว”
“พี่ไม่เข้าใจ”
“นัทคือพี่สิบทิศกลับชาติมาเกิดใหม่ค่ะ”
“ไปกันใหญ่แล้วนะตาน! กลับชาติมาเกิดบ้าบออะไรกัน”
“ตานควรจะถามพี่เกตก่อนใช่ไหม ว่าเชื่อเรื่องอะไรแบบนี้หรือเปล่า”
“พี่ไม่เชื่อ มันไม่สมเหตุสมผลเลยนะตาน”
“แต่หนูเชื่อค่ะคุณแม่” เมื่อได้ยินลูกสาวตอบไล่หลังมา ทั้งสองจึงหันไปทางเธอทันที
“นัทเคยเล่าให้ฟังว่า นัทฝันว่าตัวเองจมน้ำตายมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วความรู้สึกเหมือนว่าต้องตามหาใครสักคน หนูเชื่อว่าน้าตานพูดจริง ๆ”
“มันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ เหรอตาน”
“ใช่ค่ะ นัทเคยฝันว่าเขากำลังจะจมน้ำตายทุกครั้งเวลาที่เขาเผลอหลับช่วงเย็น ซึ่งมันเป็นช่วงเวลาที่พี่สิบทิศเสียด้วยการจมน้ำ พี่เกตคงจะจำพี่สิบทิศได้ใช่ไหมคะ”
“อืม จำได้ แล้วตานมั่นใจได้ยังไงว่าเป็นนัท”
“เขามีอะไรเหมือน ๆ กับพี่สิบทิศ และเขาจำเรื่องในอดีตได้ เพราะแบบนี้แหละค่ะ ที่มันทำให้เราสองคนคุ้นเคยและรักกันแม้จะเพิ่งเจอหน้ากันก็ตาม”
“ตาน พี่ไม่รู้นะว่าเรื่องอะไรแบบนี้มันจะจริงหรือไม่จริง แต่ตอนนี้ตานคือครู และนี่ตานกับนัทมาแอบทำอะไรแบบนี้ในโรงเรียน ถ้าเรื่องแบบนี้มันไปถึงครูดวงกมลเมื่อไหร่ คนที่จะซวยมันไม่ได้มีแค่ตานนะ นัทก็จะถูกไล่ออกไปด้วย”
“ตานทราบดีค่ะพี่เกต”
“ทราบ? ทราบแล้วก็ยังทำแบบนี้น่ะเหรอ นี่ตานเป็นครูนะ ครูกับนักเรียนรักกันไม่ได้อยู่แล้ว เฮ้อ...เพราะแบบนี้หรือเปล่า ถึงอยากไปดูแลเรือนเพาะชำ”
“ค่ะ”
“หลังจากนี้ห้ามตานไปที่เรือนเพาะชำเด็ดขาด มันไม่ใช่หน้าที่ของตานอีกแล้ว และนัทก็จะไม่มีสิทธิ์ไปที่นั่นด้วย เพราะพี่จะจ้างคนดูแลคนใหม่ และคนสวนแบบเต็มเวลา ใจจริงพี่ไม่อยากให้ตานกับนัทเจอกันด้วยซ้ำ เพราะสิ่งที่ตานทำลงไปมันไม่เหมาะสม จะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ ในเมื่อสถานะมันเป็นแบบนี้ยังไงมันก็ผิด” 
“เข้าใจค่ะ พี่เกตคะ ช่วยพิจารณาสิ่งนี้ให้ตานทีนะคะ”  สิ้นคำพูด ตานจึงหยิบซองกระดาษสีขาวมาวางไว้บนโต๊ะผู้อำนวยการ เกตจึงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะหยิบซองขึ้นมาเปิดดูข้อความด้านใน
“ตาน!! นี่ตานคิดอะไรอยู่ มาสอนไม่ถึงเดือนคือจะลาออกแล้วเนี่ยนะ!!”
“ตานคิดมาได้สักพักแล้วค่ะ ว่าตานไม่เหมาะสมที่จะเป็นครู”
“มันไม่จำเป็นต้องลาออกหรอกนะ แค่ห้ามใจเอาไว้ ตัดความสัมพันธ์นี้ตั้งแต่ต้น เพราะยังไงเรื่องมันก็ไม่ได้แพร่ออกไป ตานไม่ต้องมาแสดงความรับผิดชอบอะไรแบบนี้”
“ตานคิดดีแล้วค่ะ”
ครืด...ครืด!! 
เมื่อเสียงโทรศัพท์มือถือของผู้อำนวยการสั่นครืดอยู่บนโต๊ะไม้ เจ้าของเครื่องจึงยกมือขึ้นเพื่อพักการพูดคุยเอาไว้ ก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นมารับ
“ฮัลโหล ว่าไง”
“อืม...ได้ค่ะ อีกประมาณสิบห้านาทีถึงค่ะ”
“ค่ะ...สวัสดีค่ะ”
“พี่ต้องไปธุระข้างนอก เอาไว้ค่อยคุยกันแล้วกันนะตาน แต่เรื่องนั้น พี่อยากให้ตานคิดดูอีกที น้องปรางหนูก็ไปเข้าแถวซะนะลูก คุณแม่ไปทำธุระข้างนอกก่อนนะคะ” พูดจบก็คว้าสายสะพายกระเป๋าถือแบรนด์เนมแล้วเดินออกจากห้องไปด้วยความรีบร้อน ปรางที่กำลังจะเดินตามออกไปกลับเอื้อมมือไปล็อกประตูเอาไว้ ก่อนจะหันกลับมามองครูสาวด้วยสายตาที่ผิดหวัง
“น้องปรางเชื่อเรื่องที่น้าเล่าใช่ไหม”
“ค่ะ เชื่อค่ะ แต่เป็นครูก็ควรที่จะอยู่ส่วนครูนะคะน้าตาน ต่อให้จะเคยรักกันมาก่อน ก็ไม่ได้หมายความว่าชาตินี้จะรักกันได้นี่คะ”
“ทำไมน้องปรางพูดแบบนั้น”
“หนูกับนัทเราเคยรักกันมาก่อน แต่พอนัทเจอน้าตาน นัทก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน เห็นวันนั้นไหมคะที่นัทไม่ทักหนูเลย น้าก็น่าจะรู้นะว่ามันเพราะใคร”
“น้าว่า...น้องปรางรักนัทฝ่ายเดียวมากกว่านะ แค่น้ามองแววตาของนัท น้าก็รู้แล้วว่าเขาพูดจริงหรือไม่จริง ซึ่งเขาเคยบอกน้าว่า เขาไม่เคยรักใคร จนกระทั่งมาเจอน้า”
“ก่อนจะมาเป็นครู ไม่ได้ท่องจรรยาบรรณครูเหรอคะ หรือว่าไม่มีสำนึกเลยลืมเรื่องสำคัญแบบนี้ได้ หนูไม่สนหรอกนะ ว่าน้าตานจะเคยรักกับใครมาก่อน แต่ในเมื่อชาตินี้เขาคือนัท! ไม่ใช่สิบทิศ น้าก็ไม่ควรมายุ่งกับคนของคนอื่น!!”
“คนของคนอื่น?” ตานพูดพลางกับเลิกคิ้วด้วยความสงสัย
“วันเกิดของนัท เราอยู่ด้วยกันตั้งแต่เช้า เรามีความสุขกันมากเลยล่ะค่ะ และหนูกับนัท เราก็มีอะไรกันก่อนที่นัทจะไปค้างที่บ้านน้าตานซะอีก รู้แบบนี้แล้ว ก็เลิกยุ่งกับคนของหนูเถอะนะคะ อย่าให้หนูต้องหมดศรัทธาในตัวน้าเลย”
“อืม...น้าไม่คิดว่าน้องปรางโตมาจะเป็นเด็กแบบนี้ พูดจาเลอะเทอะ และพูดเรื่องแบบนี้ออกมาได้อย่างหน้าตาเฉยทั้ง ๆ ที่นัทไม่ได้ทำแบบนั้นกับหนูเลย ถ้าหนูจะว่าน้าไม่มีสำนึก หนูเองก็คงไม่ต่างกัน น้าไปก่อนนะ น้าจะไปหานัทที่เรือนเพาะชำ” พูดจบก็ทำท่าจะเดินออกจากห้อง แต่ปรางกลับขวางประตูเอาไว้แล้วผลักเธอออกอย่างแรง
“แม่เพิ่งบอกไปหยก ๆ ว่าไม่ให้น้าไปที่นั่นอีก!! เป็นผู้ใหญ่ก็อยู่ส่วนผู้ใหญ่สิ!! เด็กเขาจะรักกัน น้าจะเข้ามาแทรกกลางเราทำไม!!”
“น้องปราง หลบไป”
“ไม่!! ในเมื่อหนูรักนัทมาตั้งนานแล้ว น้ามีสิทธิ์อะไรมาแย่งเขาไปจากหนู!! ฮึก ๆ หนูพยายามทำทุกอย่างเพื่อเขา ฮึก! หนูรักของหนูมาแทบตาย...แต่น้ามาจากไหนก็ไม่รู้ น้ามาทำลายหัวใจของหนูไม่เหลือชิ้นดี!! หนูผิดอะไร ทั้ง ๆ ที่หนูทำดีมาแทบตาย น้าจะมาพรากนัทไปจากหนูทำไม!! ตอนไม่มีน้ามันก็ดีอยู่แล้วแท้ ๆ ฮือ ๆ ต่อให้น้าจะรักนัทแค่ไหน ยังไงครอบครัวน้าก็รับเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ดี แล้วน้าจะมาให้ความหวังนัททำไม!! ฮึก! สุดท้ายน้านั่นแหละที่จะเป็นคนที่ทำให้นัทต้องเจ็บปวด!! สุดท้ายก็เป็นน้านั่นแหละที่จะเป็นคนทำร้ายนัท!!”
หญิงสาวพรั่งพรูความรู้สึกออกมาทั้งน้ำตา ทำเอาคนที่ถูกต่อว่าถึงกับสะอึกและจุกอยู่ในอก มันก็จริงอย่างที่ปรางว่า ต่อให้เธอทั้งสองจะรักกันเพียงใด แต่ถึงอย่างไรครอบครัวของเธอก็จะต้องพรากให้ต้องจากกันอยู่ดี เธอเข้าใจคำว่า 'พราก' ดีที่สุด และเธอเคยเจ็บเจียนตายมาแล้ว แต่ทำไมกันนะ...ทำไมต้องเป็นเธอที่ต้องถอยออกไปด้วย
“เมื่อเช้านี้แม่ของนัทโทรมาหาหนู บอกว่านัทกับแม่ทะเลาะกันหนักมากจนนัทโดนตบ น้ารู้ไหมว่าต้นเหตุมันมาจากน้า น้าเห็นหรือยังว่าตั้งแต่มีน้า ชีวิตนัทก็เปลี่ยนไป ฮึก! จากที่นัทเคยมีความสุข จากที่ครอบครัวของนัทอยู่กันดีอยู่แล้ว แต่พอน้าเข้ามาทุกอย่างมันแย่ลงไปหมด!! ออกไปจากชีวิตของนัทเถอะนะคะ ถ้ารักนัทจริง ๆ น้าไม่ควรอยู่ตรงนี้”
ตอนนี้ตานเข้าใจทุกอย่างแล้ว ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อตอนเช้า ที่นัทร้องไห้หนักขนาดนั้น เหตุมันเกิดจากเธอเอง ตานจ้องมองเข้าไปนัยน์ตาของเด็กสาวด้วยความเจ็บปวด เพราะสายตามันหลอกกันไม่ได้ ว่าสิ่งที่ปรางพูดมันคือเรื่องจริง
“อืม...ถ้าน้องปรางไม่อยากให้น้าอยู่ที่นี่ ก็ช่วยให้แม่พิจารณาเรื่องลาออกให้น้าด่วนที่สุดเลยแล้วกัน เป็นไปได้ ก็ขอให้ภายในอาทิตย์นี้เลย”
“หนูจะบอกแม่ให้พิจารณาให้เร็วที่สุดจนน้าไม่ได้มาที่โรงเรียนอีกตั้งแต่พรุ่งนี้เลย”

สิ่งเดียวที่จะรักษาชีวิตของเธอเอาไว้ได้ คือการที่เราไม่ต้องเจอกันอีกสินะ...ขอบคุณนะนัท ที่ผ่านมาเธอทำดีที่สุดแล้ว อย่างน้อย...เธอก็ได้สานต่อความตั้งใจของพี่สิบทิศแล้ว หลังจากนี้ ครูขอตามหาพี่ชายและแม่ของครูด้วยตัวเองนะ แม้ชาตินี้จะไม่สมหวังอีก...แต่อยากให้รู้เอาไว้ ไม่ว่าจะกี่ภพกี่ชาติ ครูก็ยังจะรักเธอ


“นัทใส่ชุดนี้ก็ได้ ลายไม่ผู้หญิงมาก” 
“ไม่เป็นไร นัทใส่ได้หมดแหละ” พูดพลางกับรับชุดนอนลายตั้งสีครีมจากปรางด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเอามาวางไว้บนตัก แม้ใบหน้าจะดูยิ้มแย้ม แต่หัวใจของเธอกลับทุกข์ทรมาน อะไรที่เป็นสีครีม มันทำให้อดคิดถึงครูสาวไม่ได้ 
“นัทจะไปอาบน้ำเลยไหม หรือจะให้เราไปอาบก่อน”
“ปรางอาบก่อนเลย”
“อืม โอเค อ้อ! เกือบลืม นี่กางเกงใน”
“จะดีเหรอปราง นัทไม่ใส่ก็ได้นะ”
“ใส่ ๆ ไปเถอะน่า ปกติตอนมานอนบ้านเรานัทก็ใส่ของเราออกบ่อย”
“แต่นี่เราสองคนขึ้นมอปลายแล้วนะ”
“จะเมื่อไหร่ นัทก็ใส่ได้ทั้งนั้นแหละ”
“อืม ๆ โอเค ขอบคุณนะ ปรางไปอาบน้ำก่อนเลย”
“จ้า อย่าแอบเอาการ์ตูนโป๊ของเรามาอ่านอีกนะ คนทะลึ่ง”
“ไม่ต้องมาว่านัทเลยนะ ปรางนั่นแหละที่ทะลึ่ง หนังสือการ์ตูนมันอยู่ใต้หมอนปราง แสดงว่าปรางอ่านมันใช่ไหมล่ะ”
“ปะ...เปล่านะ!!”
“ปฏิเสธให้ตายนัทก็ไม่เชื่อปรางหรอก ภายนอกเห็นเป็นคนหนูผู้ใสซื่อแบบนี้ แต่ความจริงปรางก็ลามกเหมือนกันนะเนี่ย”
“โอ๊ย!! คนนิสียไม่ดี!! ไม่คุยด้วยแล้ว!!” พูดจบปรางก็รีบคว้าผ้าเช็ดตัวแล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำทันทีเพื่อที่จะปิดบังใบหน้าที่แดงก่ำไม่ให้นัทได้เห็น 
วันนี้นัทได้มานอนที่บ้านของปรางเพราะแม่ของเธอโทรศัพท์ไปขอร้องให้ปรางช่วยดูแลนัทตั้งแต่เช้า หลังจากที่ทะเลาะกันรุนแรงจนพลาดพลั้งลงไม้ลงมือกับลูกสาวขนาดนั้น นัทคงไม่อยากกลับบ้านเป็นแน่

หลังจากที่ทั้งสองอาบน้ำกันเสร็จเรียบร้อยแล้วนั้น ภายในห้องนอนที่มีการตกแต่งด้วยสีฟ้าและสีขาว กลิ่นกุหลาบหอมอ่อน ๆ ที่เป็นกลิ่นประจำตัวของเจ้าของห้องตลบอบอวลไปทั่วทั้งห้อง ทั้งสองนอนมองหมู่ดาวจำลองจากลูกบอลที่กำลังฉายภาพไปยังเพดาน 
“คิดถึงเมื่อก่อนนะว่าไหม เรานอนดูดาวด้วยกันทุกครั้งที่นัทมานอนบ้านปรางเลย”
“อืม ถึงมันจะเป็นแค่ท้องฟ้าจำลองก็เถอะ แต่เราก็มีความสุขทุกครั้งเลยนะที่ได้ดูกับนัท”
“ขอบคุณนะปราง ที่ให้นัทมานอนที่บ้าน นัทนึกว่าปรางจะโกรธจนไม่อยากเจอหน้าแล้วซะอีก”
“เปล่าเลยนัท เราไม่เคยโกรธนัทเลยนะ เราแค่พยายามที่จะตัดใจน่ะเลยหลีกเลี่ยงที่จะคุย แล้วก็หลีกเลี่ยงที่จะเจอ แต่สุดท้ายเราก็ทำไม่ได้ เลยคิดว่าถ้าตัดใจไม่ได้ก็ไม่ต้องตัดมันหรอก เราขอรักนัทต่อไปแบบนี้ดีกว่า”
“ขอโทษนะปราง ที่นัทคิดกับปรางได้แค่เพื่อนจริง ๆ”
“เฮ้ย...จะมาขอโทษอะไรล่ะ ไม่ใช่ความผิดของนัทสักหน่อย ขออย่างเดียว นัทอย่าคิดว่าไม่มีใครรักนัทอีกนะ เพราะคนที่รักนัทยังอยู่ตรงนี้ เรายังอยู่ข้าง ๆ นัทเสมอ”
“ขอบคุณนะ ขอบคุณจริง ๆ”
“ไม่เป็นไร ถ้าเพื่อนัทน่ะเรายินดี แล้วช่วงนี้ฝันร้ายกลางดึกด้วยเหรอ เห็นแม่นัทเล่าให้ฟัง”
“อืม นัทเกือบตายทุกคืนเลย หวังว่าคืนนี้นัทจะไม่ฝันร้ายนะ กลัวปรางจะไม่ได้นอน”
“ไม่เป็นไรเลย ถ้านัทฝันร้าย เราจะกอดนัทเอง เราจะอยู่เคียงข้างในช่วงเวลาที่นัทลำบากนะ” พูดจบก็ตะแคงข้างหันหน้ามายิ้มให้ 
“ปรางคือเพื่อนที่ดีที่สุดในชีวิตนัทเลยนะรู้ไหม”
“อืม ขอบคุณนะ อย่างน้อยนัทก็คิดว่าเราดีที่สุด คืนนี้เราขอนอนกอดนัทได้ไหม” 
“ได้สิ ปกติเราก็นอนกอดกันอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ” เมื่อนัทอ้าแขนรับ ปรางจึงอมยิ้มแล้วเข้าไปสวมกอดนัทเอาไว้ พร้อมกับเอาศีรษะหนุนที่แขนของนัทอย่างอารมณ์ดี
“คิดถึงช่วงเวลาแบบนั้นจังเลยเนอะ นึกว่าจะไม่มีโอกาสอีกแล้ว” 
“ตราบใดที่ปรางไม่เกลียดนัท ปรางก็กอดนัทได้เสมอเลยนะ”
“เราไม่มีวันเกลียดนัทแน่นอน”
“อืม นอนกันเถอะ ปิดไฟลูกบอลเลยไหม”
“ยัง”
“หืม? ทำไมล่ะ”
“เราอยากนอนกอดนัทไปด้วยแล้วก็ดูดาวไปด้วยน่ะ ถ้าง่วงก็หลับได้เลยนะนัท”
“อืม โอเค”
เมื่อปรางเห็นว่าเปลือกตาของนัทปิดสนิท เธอปล่อยให้นัทนอนหลับตาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปหายใจรดต้นคอ จนได้เห็นปฏิกิริยาจากอีกฝ่ายที่ดูเหมือนจะเอียงคอรับลมหายใจของเธอ ปรางจึงพรมจูบที่ซอกคออุ่นช้า ๆ 
เธอค่อย ๆ เลื่อนมือที่กอดอยู่ขึ้นไปประคองใบหน้าของนัทให้หันมาช้า ๆ ก่อนที่ริมฝีปากของทั้งคู่จะประกบเข้าด้วยกันในที่สุด นัทราวกับถูกสะกดเพราะรสจูบที่ดูดดื่มของปรางทำเธอเผลอตัว จนเธอเองก็เป็นฝ่ายตอบรับจูบด้วยเช่นกัน
ลมหายใจที่หอบถี่ต่างเรียกร้องกันและกันเพราะรสจูบที่เพิ่มจังหวะให้ดูดดื่มขึ้น ปรางประคองมือเรียวของนัทสอดเข้ามาวางที่หน้าอกของเธอที่ไม่มีการสวมบรา คืนนี้เป็นคืนที่เธอรอคอยมานานแสนนาน ในที่สุดมันก็จะเป็นวันของเธอเสียที...