ดวงพุดตาน

ดวงพุดตาน
ตอนที่ 7 ประวัติส่วนตัว

ระหว่างที่นักเรียนชายหญิงโรงเรียนกัลทรประสิทธิ์ต่างทยอยกันมาโรงเรียนจนเริ่มหนาตาแล้ว นัทมุ่งหน้าไปหาหัวหน้าห้องที่มักจะไปนั่งเล่นบริเวณม้าหินอ่อนหน้าอาคารเรียนเพื่อรอเข้าแถวเคารพธงชาติในตอนเช้าเสมอ
“เปา เอาการบ้านมาลอกหน่อย”
“อ้าวนัท เจอหน้าเราก็หัดทักแบบอื่นบ้างสิ ที่ไม่ใช่ขอลอกการบ้านเนี่ย แล้วเมื่อวานหายไปไหนมาทั้งวัน”
“ไปช่วย ผอ. ปลูกผักมา”
“เชื่อได้ไหมเนี่ย”
“ทำไมเราบอกใครแบบนี้ไม่มีใครเชื่อเราเลยอะ”
“มันน่าเชื่อที่ไหนล่ะ วันนี้ห้ามขาดคาบโฮมรูมนะ นัทโดดมาสองวันแล้ว ครูเขาถามหาจนเราไม่รู้จะตอบว่ายังไงแล้ว”
“จ้า ๆ รู้แล้ว ๆ จะไปลอกการบ้านบนห้องนี่แหละ ไม่ได้จะไปไหนหรอก แล้วเมื่อวานมีงานอะไรที่เราต้องส่งปะ”
“มีของครูกานต์ธีราวิชาเดียวที่ต้องส่งในคาบ เดี๋ยวนัทค่อยไปคุยกับครูเอาแล้วกัน เพราะนัทต้องคู่กับครูเพื่อที่จะทำกิจกรรมน่ะ”
“เฮ้ย!! จะบ้าเหรอ!? คู่กับครูเนี่ยนะ ใครเป็นคนทำ!! ไม่มีกลุ่มไหนที่รับเศษเลยเหรอ แล้วทำไมเปาไม่ให้เราอยู่ด้วยอะ”
“เราก็อยากให้นัทคู่กับเราอยู่นะ แต่ว่าเมื่อวานต้องจับคู่แล้วทำงานส่งท้ายคาบน่ะ คนที่ไม่อยู่ก็เลยต้องคู่กับครู เพราะนัทเศษพอดี”
“อะไรวะเนี่ย!! ทำไมครูใจร้ายแบบนี้เนี่ย แต่ช่างเถอะ เอาการบ้านมาเลยด่วน ๆ จะได้รีบไปลอก”
“เฮ้อ…”
เปาถอดหายใจเฮือก แม้จะไม่ได้เต็มใจนัก แต่เธอก็ต้องยอมเปิดหาสมุดการบ้านในกระเป๋าส่งให้เพื่อนแบบขัดไม่ได้ นัทจึงรับไปแล้วรีบวิ่งขึ้นห้องเพื่อไปลอกการบ้านโดยเร็วที่สุด
จนเวลาล่วงเลยผ่านไปหลังเลิกแถวเคารพธงชาติ เพื่อน ๆ ในห้องก็เริ่มทยอยกันขึ้นห้องทีละคน ๆ แต่ด้วยความที่นัทไม่ได้เข้าเรียนในวันก่อน ทำให้เธอต้องลอกการบ้านรวมแล้วเป็นห้าวิชารวดแบบไม่ได้หยุดพัก
“นัท! ยังไม่เสร็จอีกเหรอ ต้องเสร็จก่อนครูกานต์ธีราจะเข้ามานะนัท”
เปาถามด้วยความกระวนกระวาย เพราะจนป่านนี้ นัทยังคงตั้งอกตั้งใจลอกการบ้านด้วยสีหน้าเคร่งเครียด และถ้าหากครูประจำชั้นเข้ามาเห็นล่ะก็ เธออาจจะพลอยซวยไปด้วย
“อย่าเร่งสิเปา พยายามอยู่เนี่ย ทำไมครูสั่งการบ้านเยอะจังวะเนี่ย”
“ก็นัทไม่เข้าเรียนเมื่อวานไง ดีแค่ไหนแล้วยังมีให้ลอกเนี่ย เร็วเข้า!”
“โอ๊ยอย่าเร่ง!”
“นัทโว้ย!! ครูคนสวยกำลังเดินมาแล้ว!! แกรีบเร่งมือเลยเร็ว ๆ”
“เวร!! โปเต้!! ดูต้นทางให้หน่อย”
“เออดูอยู่ แกอะรีบเขียนเลย อี้! มึงไปถ่วงเวลาหน่อย”
“จัดให้ครับเพื่อน!”
“ไอ้บ้าเอ๊ย!! ยิ่งเร่งยิ่งเขียนไม่รู้เรื่อง!!”
“นัทใจเย็น ๆ / นัทสู้ ๆ”
เพื่อนในห้องที่มักจะรักกันดีในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานเสมอ โดยที่โปเต้คอยดูต้นทาง โจอี้ใช้ทักษะการพูดเป็นต่อยหอยช่วยถ่วงเวลาให้ และสาว ๆ แฝดสองร่วมกับหัวหน้าห้องคอยเป็นกองเชียร์อยู่ข้าง ๆ นัทจึงเร่งมือเขียนแบบสุดฤทธิ์ด้วยความฮึกเหิม ราวกับว่าเธอกำลังแข่งขันลอกการบ้านชิงแชมป์โลก!!
“จะเสร็จแล้วโว้ย!!! เปา!! ปากกาแดง ไม้บรรทัด!!”
สิ้นสุดเสียงพูดของนัท ปากกาแดงและไม้บรรทัดก็ถูกนำมาวางไว้ข้าง ๆ กับสมุดที่นัทกำลังก้มหน้าก้มตาเขียนอยู่โดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง เพราะเธอมัวแต่เร่งลอกการบ้านเพื่อหวังจะให้เสร็จก่อนคาบโฮมรูม แต่หารู้ไม่...ว่าคนที่ส่งปากกาแดงและไม้บรรทัดให้เธอนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นคุณครูประจำชั้นคนใหม่แห่งห้องเด็กแสบ ม.4/1 นั่นเอง
“เข้าที่…”
สัญญาณเตรียมเพื่อบอกให้มือซ้ายเร่งเขียนข้อสุดท้ายจนข้อมือเริ่มปวดและชาไปหมด มือขวาก็คลำหาไม้บรรทัดมาวางทาบลงกับสมุด
“ระวัง…”
สัญญาณเตรียมความพร้อมขั้นที่สองโดยมือซ้ายวางปากกาน้ำเงินลง แล้วเปลี่ยนเป้าหมายมาจับไม้บรรทัดกดค้างเอาไว้ แล้วจึงใช้มือขวาหยิบปากกาแดงมาจิ้มที่จุดเริ่มต้น เมื่อนัทนับหนึ่งถึงสามในใจ ข้อมือขวาก็ตวัดขีดเส้นสีแดงปิดท้ายพร้อมกับยืนขึ้นด้วยความภาคภูมิใจ
“ไป!!!”
จังหวะที่นัทยืนขึ้นพร้อมกับชูปากกาแดงและไม้บรรทัดขึ้นเหนือศีรษะราวกับได้รับชัยชนะแห่งศึกลอกการบ้านที่เดิมพันด้วยอะไรก็ไม่รู้ ทำให้เธอได้ประจันหน้ากับครูสาวที่ยืนกอดอกมองหน้าเธอแบบพอดีเป๊ะ
ดวงตาทั้งสองข้างของนัทเริ่มเบิกโพลงด้วยความตกใจ บรรยากาศรอบ ๆ ที่แทบจะกลั้นขำเอาไว้ไม่ไหวกับท่าทีของเธอ ก่อนที่เพื่อนทุกคนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกันยกห้อง
“ก๊าก!! ฮ่า ๆ ๆ ๆ”
“ฮ่า ๆ ๆ โอ๊ย! โคตรฮา!! ฮ่า ๆ ๆ”
“เฮ้ย!!! เจ๊ขึ้นมาทำไมเนี่ย!!?”
ดูเหมือนว่านัทจะยังไม่เข้าใจกับสถานการณ์ในตอนนี้ ครูสาวก็ยังคงยืนกอดอกด้วยท่าทีนิ่ง ๆ ปล่อยให้นัทยืนหันซ้ายหันขวาแบบงง ๆ ว่าตอนนี้เธอกำลังเผชิญกับเรื่องอะไรอยู่ เพื่อน ๆ ในห้องก็แทบจะทุบโต๊ะเป็นลิงเป็นค่างหัวเราะเธอจนน้ำหูน้ำตาเล็ด
“ฮ่า ๆ ๆ ก๊าก!!”
“เฮ้ย!! หัวเราะอะไรกันวะ!?”
“พอได้แล้วค่ะนักเรียน! หัวหน้าห้อง บอกทำความเคารพค่ะ”
สิ้นสุดเสียงพูดของครูสาว นักเรียนทุกคนต่างพยายามตั้งสติกันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่หัวหน้าห้องจะให้สัญญาณ แล้วทุกคนก็ยกมือขึ้นพนมเอาไว้ที่กลางอกอย่างพร้อมเพรียง
“นักเรียนทั้งหมดทำความเคารพ!!”
“สวัสดีครับ/ค่ะ คุณครูกานต์ธีรา!!”
“เฮ้ย!!!”
นัทถึงกับยืนเหวอและอุทานจนเสียงหลง เมื่อได้ยินเพื่อน ๆ กล่าวคำทักทายผู้หญิงที่ยืนอยู่ต่อหน้าเธอ หัวใจของเธอแทบตกไปอยู่ที่ตาตุ่มด้วยความตกใจปนสับสน เพราะเจ๊หมวยที่เธอเรียกมาตลอด คือคุณครูประจำชั้นคนใหม่ตัวจริงเสียงจริงที่เขาต่างลือกันว่าสวยนักหนา
ใช่...สวยสมคำร่ำลือจริง ๆ แต่ไฉนเธอถึงเข้าใจผิดว่าเป็นแม่บ้านได้ มิหนำซ้ำยังเกือบจะมีเรื่องกันแล้วด้วย และยิ่งเลวร้ายไปกว่านั้น เธอยังเคยแกล้งครูสาวให้ปั่นจักรยานให้เธอซ้อนอีกต่างหาก เมื่อสติของนัทคืนกลับมา เธอจึงรีบพนมมือขึ้นเหนือศีรษะ แข้งขาก็พาอ่อนแรงทรุดลงกับเก้าอี้ทันที
'งามไส้!!! ตายโหงแน่ไอ้นัท!!'
นัทคิดในใจพลางส่งยิ้มเจื่อน ๆ ให้ครูสาวที่ส่งยิ้มหวานมาให้เธอ แต่รอยยิ้มนี้กลับทำให้เธอหวาดกลัวจนพาขนทั่วทั้งตัวลุกซู่
“สวัสดีค่ะนักเรียน ได้เจอกันสักทีนะคะ เรายังไม่รู้จักกันเลย ช่วยแนะนำตัวสั้น ๆ ให้ครูรู้จักหน่อยได้ไหมคะ”
“ดะ...ดะ...ดะ...ได้ค่ะ แฮ่ ๆ …เปา...ครูเข้ามาตอนไหนอะ ทำไมไม่บอก”
นัทตอบด้วยเสียงที่สั่นเครือพลางกับยิ้มเจื่อน ๆ ก่อนจะหันไปกระซิบหัวหน้าห้องเบา ๆ
“ครูเข้ามาตอนที่โจอี้กำลังจะเดินออกไปพอดีอะ แต่ครูทำปากจุ๊ ๆ ไม่ให้บอกนัท ทุกคนก็เลยไม่กล้าบอก” เปากระซิบตอบ
“โอ๊ย บ้าเอ๊ย…”
“ว่าไงคะนักเรียน ชื่ออะไร ช่วยแนะนำตัวให้ครูรู้จักหน่อยสิคะ”
“อะ...เอ่อ...สวัสดีค่ะ หนูชื่อนางสาวณิชาภัทร ถือสัจจะ ชื่อเล่น นัท ค่ะ”
“ส่วนครูชื่อ ครูกานต์ธีรานะคะ หรือจะเรียกว่าครูตานก็ได้ ยินดีที่ได้รู้จักนะนัท กว่าจะได้เจอกัน ครูรอเราตั้งหลายวัน”
“แฮ่…”
“เนื่องจากเธอเพิ่งได้เจอครูครั้งแรก เดี๋ยวครูจะบอกข้อตกลงให้ฟังใหม่อีกครั้งเพื่อที่จะได้เข้าใจตรงกันนะคะ เพื่อนทุกคนรู้หมดแล้วว่าครูไม่ชอบดุหรือตีเด็ก แต่ต้องเคารพซึ่งกันและกัน ข้อตกลงระหว่างเรา คือ
หนึ่ง! นักเรียนทุกคนต้องเข้าคาบโฮมรูม ห้ามขาดเด็ดขาด หรือถ้ามีธุระอะไรต้องมาแจ้งให้ครูทราบด้วยตัวเอง จะโทรมาบอกก็ได้ และห้ามเข้าห้องสายหลังครูเกินสิบนาที
สอง! ในคาบโฮมรูม ครูจะตรวจการบ้านก่อนแจ้งเรื่องต่าง ๆ ทุกครั้ง ซึ่งก็หมายความว่า การบ้านก็ต้องทำที่บ้าน ไม่ใช่มาทำที่โรงเรียน...นะคะ ณิชาภัทร”
ประโยคสุดท้ายที่ครูสาวพูดเน้นชื่อแบบหนักแน่นฟังชัด จนเจ้าของชื่อถึงกับเสียวสันหลังและก้มหน้าหลบสายตา เพราะเธอไม่อาจสู้หน้าคนที่เธอขนานนามว่าเป็นลูกน้องได้จริง ๆ
“วันนี้จะถือว่าอนุโลมให้แล้วกัน เพราะเธอยังไม่รู้ข้อตกลงระหว่างเรา แต่พรุ่งนี้หรือวันต่อ ๆ ไป อย่าให้ครูเห็นว่าใครมาลอกการบ้านที่โรงเรียนอีก ไม่งั้นครูจะหักคะแนนทั้งคนที่ลอกและคนที่ให้ลอก และแน่นอนว่า คนที่ให้ลอกจะโดนหักมากกว่าเพราะถือว่าสนับสนุนให้เพื่อนทำผิด เข้าใจไหมคะ!?”
“เข้าใจค่ะ”
“ดี!! ทุกคนเอาสมุดการบ้านขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะค่ะ!!”
แม้ว่าการพบกันครั้งแรกในฐานะครูกับลูกศิษย์จะไม่มีการลงโทษเกิดขึ้น แต่นัทก็รู้สึกเหมือนถูกทำโทษไปแล้ว เพราะเธอขายขี้หน้าเพื่อนทั้งห้องและยังรู้สึกอับอายต่อครูสาวอีกด้วย เธอจึงได้แต่นั่งนิ่งปิดปากเงียบตั้งใจเรียนโดยไม่มีข้อแม้ใด ๆ ทั้งสิ้น


ซูด!!
เสียงดูดน้ำกระเจี๊ยบหวานฉ่ำจากแก้วพลาสติก ที่ดูดแบบรวดเดียวหมด ราวกับว่าหิวกระหายมานาน ทำเอาเด็กสาวที่นั่งข้าง ๆ ถึงกับหันมามองพร้อมกับขมวดคิ้วด้วยความฉงน
“หิวน้ำขนาดนั้นเลยเหรอนัท เดี๋ยวก็สำ...”
“แค่ก!! แค่ก ๆ”
ยังไม่ทันที่ปรางจะได้พูดจบประโยค นัทก็ชิงสำลักน้ำไปเสียก่อน ปรางจึงต้องรีบตบหลังช่วยเหลือเธอทันที
“นั่นไง พูดยังไม่ทันขาดคำ”
“แค่ก ๆ โอ๊ย!”
“เป็นไงบ้าง ดีขึ้นไหม”
“ฮึฮึม!! แค่ก!! เฮ้อ...เกือบตายแล้วไหมล่ะ”
“ไม่ตายหรอก กินน้ำอีกไหม”
“อืม”
ปรางเอื้อมมือไปคว้าขวดน้ำประจำตัวของเธอ ก่อนจะหยิบหลอดขึ้นมาป้อนน้ำให้นัท ซึ่งการกระทำแบบนี้ต่างตกเป็นเป้าสายตาของเหล่านักเรียนทั่วทั้งโรงอาหาร เพราะมีสาวสวยลูกสาวของผู้อำนวยการกำลังจู๋จี๋กับสาวสวยลุคห้าว ๆ อีกคน โดยเฉพาะเพื่อนรักของปรางที่นั่งตรงข้ามกัน เพื่อนทั้งสองมองพวกเธอสลับไปมาพลางกับอมยิ้มทำทีแซวเพื่อนรักของตน
“โอ๊ย ๆ ดูแลนัทดีจังเลยนะปราง”
“ทำไม ก็นัทเป็นเพื่อนเรา”
“จ้า ๆ เพื่อนก็เพื่อน แล้วทำไมวันนี้มากินข้าวกับพวกเราล่ะนัท” เด็กสาวสวมแว่น หนึ่งในเพื่อนสนิทของปรางเอ่ยถาม
“อื้อนั่นสิ วันนี้ไม่ซื้อข้าวไปกินที่เรือนเพาะชำเหรอนัท”
“ไม่อะ วันนี้รู้สึกอยากกินที่โรงอาหารมากกว่า”
“แปลกนะเนี่ย ปกติเราชวนมายังไงก็ไม่มา ทำไมวันนี้อยู่ดี ๆ ถึงมากินข้าวด้วยกันได้”
“ก็ไม่ได้มากินกับปรางนานแล้วไง นัทกลัวปรางจะเหงาน่ะ”
“เนี่ย! ก็เอาใจกันเก่งแบบเนี้ย ใครเขาก็คิดว่าเป็นแฟนทั้งนั้นแหละ พวกเธอสองคนไม่เหมือนเพื่อนกันเลยสักนิด” เด็กสาวอีกคนพูดพลางกับอมยิ้ม      จนปรางต้องรีบผละออกห่างจากนัททันที
“กรีน! รุ้ง! พอเลยนะ! เลิกแซวเรื่องนี้สักทีได้ไหม ก็บอกแล้วไงว่านัทไม่ชอบ และมันก็ไม่ได้เป็นอย่างที่พวกเธอคิดด้วย”
“ไม่เป็นไรหรอกปราง นัทไม่ถือสาแล้ว”
“ถ้าไม่ชอบก็ต้องปรามบ้างสิ จะบอกว่าไม่เป็นไรได้ไง”
“ก็นัทไม่เป็นไรจริง ๆ ไง เพื่อนก็แซวสนุก ๆ น่ะ ปรางอย่าจริงจังสิ”
“นั่นแหละปราง เราก็แซวขำ ๆ เอง เดี๋ยวเอาจานไปเก็บให้เพื่อเป็นการไถ่โทษนะ จะได้มีเวลาจู๋จี๋กัน ฮ่า ๆ รุ้งไปเร็ว!”
เด็กสาวสวมแว่นพูดจบก็รีบถือจานและคว้าข้อมือเพื่อนอีกคนวิ่งออกไปด้วย ปรางจึงมองค้อนตามหลังไป ก่อนจะเขยิบตัวออกห่างจากนัทเล็กน้อยเพราะเธอรู้สึกว่าสายตาคนอื่น ๆ ในบริเวณนั้นต่างจับจ้องมาที่เธอทั้งสอง แต่นัทกลับขยับไปติดกับตัวเธอไม่ให้เหลือช่องว่าง
“เขยิบหนีทำไม”
“นัท...ทุกคนมองเราอยู่”
“แล้วยังไง”
“ไหนบอกว่าไม่ชอบให้ใครมาแซวเรื่องเราสองคนไง”
“นัทว่า ปรางควรจะชินได้แล้วนะ เลิกแคร์คำพูดคนอื่นได้แล้ว ตอนนี้นัทโอเคและไม่ใส่ใจคำพูดพวกนั้นแล้วล่ะ จากที่เมื่อก่อนปรางชอบมากอดมาอ้อนนัทตลอด ทำไมตอนนี้รู้สึกว่าเริ่มห่างเหินแล้วอะ หรือตอนนี้กลายเป็นว่าปรางไม่ชอบแทนเหรอ”
“เปล่าซะหน่อย”
“ถ้าเปล่าก็เป็นเหมือนเดิม” นัทพูดจบก็จับมือปรางมาคล้องแขนของเธอเอาไว้พลางกับอมยิ้ม แต่ปรางกลับสะบัดแขนออกแล้วผลักศีรษะเธอจนเกือบจะหน้าทิ่ม
“นี่แหน่ะ!! อย่ามาสร้างกระแสนะ เราไม่มีแฟนก็เพราะนัทนี่แหละรู้ไหม”
“เอ้า! ไหงมาโทษกันล่ะ”
“ฮ่า ๆ ก็มันจริงนี่ คนที่ชอบอ้อนน่ะไม่ใช่เราสักหน่อย ที่พูดมามันนัททั้งนั้นเลย”
“ฮ่า ๆ จริงเหรอ”
“ก็ใช่น่ะสิ!!”
“คิกคิก ได้แกล้งปรางแล้วอารมณ์ดีจัง หายเครียดเลย”
“ขี้แกล้ง! แล้วนัทเครียดเรื่องอะไร”
“ปราง”
“หืม?”
“รู้จักครูกานต์ธีราที่มาใหม่ปะ”
“น้าตานน่ะเหรอ รู้จักสิ ถามทำไมอะ”
“หือ!? ทำไมเรียกน้ากานอะ เป็นญาติกันเหรอ”
“ตาน ไม่ใช่ กาน เรากับน้าตานไม่ได้เป็นญาติกันหรอก แต่ตาเรากับพ่อน้าตานเป็นเพื่อนกันน่ะ แม่เรากับน้าตานก็สนิทกันมากด้วย เราเลยพลอยสนิทกับน้าตานไปด้วย”
“เฮ้ย!! จริงดิ!? แล้วครูตานรวยไหมอะ”
“รวยสิ รวยกว่าบ้านเราอีก แต่น้าตานถูกเลี้ยงมาให้เป็นคนติดดินน่ะ เลยไม่ถือตัว”
“โอ๊ย...บ้าเอ๊ย…”
สิ่งที่นัทได้ยินจากปากเพื่อนรัก ทำเอาเธอถึงกับนั่งกุมขมับ เพราะสาวสวยที่เธอตกหลุมรักนั้น นอกจากจะเป็นครูประจำชั้นของเธอแล้ว ยังเปรียบดั่งนางฟ้าอีก แค่เริ่มชอบใครเป็นก็อกหักเสียแล้ว
“ทำไมเหรอนัท ถามทำไมอะ”
“ปรางจำที่นัทถามวันนั้นได้ไหม ว่าบ้านปรางมีแม่บ้านใหม่หรือเปล่าน่ะ”
“อืม จำได้ นัทคงไม่ได้คิดว่าน้าตานเป็นแม่บ้านหรอกใช่ไหม”
“จะไปเหลือเหรอ”
“ฮ่า ๆ ๆ ไอ้บ้า!! สวยขนาดนั้นจะเป็นแม่บ้านได้ยังไง น้าตานนี่บ้านรวยกว่าบ้านเราอีกนะ ฮ่า ๆ”
“โอ๊ยอย่าย้ำสิปราง! นี่นัทเครียดมากเลยนะ ตอนเจอกันครั้งแรก นัทนึกว่าขโมยด้วยซ้ำ เกือบต่อยหน้าครูแล้วไหมล่ะ โอ๊ย ๆ บ้าเอ๊ย! เครียด!! จะทำไงดี ๆ นัททั้งอายทั้งรู้สึกผิด ไม่กล้าไปเจอหน้าเลยเนี่ยปราง ฮือ ๆ”
นัทพูดพลางกับเขย่าแขนเพื่อนรักคร่ำครวญไม่หยุด จนปรางอดขำท่าทีของเธอไม่ได้ ถึงกับต้องลั่นเสียงหัวเราะออกมาชุดใหญ่
“ฮ่า ๆ ๆ ไม่ดูตาม้าตาเรือ เนี่ย! ก็เพราะนัทเป็นคนคิดน้อยไง นัทถึงเข้าใจอะไรผิดอยู่บ่อย ๆ”
“คิดมากไปก็ไม่ดี คิดน้อยไปก็ยิ่งไม่ดีใหญ่เลยสิเนี่ย”
“ก็ใช่น่ะสิ โชคดีนะที่น้าตานเป็นคนใจดี ไม่งั้นนัทซวยแน่”
“ฮือ...อย่าพูดงั้นสิ วันนี้นัทรู้สึกกลัวครูมากเลย นัทจะทำยังไงดี ปรางช่วยนัทด้วย ฮือ ๆ นัทไปลาออกก่อนนะ”
“จะบ้าเหรอ!!?”


ระหว่างช่วงพักกลางวัน ครูสาวได้ถือถุงข้าวเดินเข้ามาในห้องพักครูหมวดศิลปะที่ว่างเปล่าไร้ครูท่านอื่น เพราะก่อนหน้านี้เธอได้ไปที่เรือนเพาะชำ แต่กลับไร้วี่แววลูกศิษย์ตัวแสบ เธอจึงต้องซื้อข้าวกลับมาที่ห้องพักครูเพียงลำพัง
แต่แล้วความสงบของเธอก็ต้องหายไป เพราะมีนักเรียนมัดแกละสองข้างเหมือนกันเป๊ะทั้งสองคนเดินตรงเข้ามาหาเธอด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด
“ครูคะ!!” ทั้งสองเรียกเธอพร้อมกันราวกับนัดกันเอาไว้
“ว่าไงคะนักเรียน”
“หนูขอเปลี่ยนคู่ได้ไหมคะ หนูไม่อยากคู่กับโจอี้ หนูรำคาญมันพูดมาก”
“ส่วนหนูรำคาญเคค่ะ หนูถามอะไรมันก็ตอบ อืม อือ อ้า แค่นั้น มันไม่คุยกับหนูเลยค่ะครู เหมือนหนูคู่กับขอนไม้!”
“ให้เราสองคนเปลี่ยนคู่กันก็ได้ค่ะครู หนูต้องการความสงบ”
“ใช่ค่ะ หนูต้องการคนที่มีส่วนร่วม คนที่สามารถเสนอแนะหรือคุยโต้ตอบกับหนูได้ ขอพวกเราเปลี่ยนคู่กันได้ไหมคะครู”
“เดี๋ยวก่อน ๆ ใจเย็น ๆ กิ๊บเก๋ กุ๊กกิ๊ก ครูบอกไปแล้วไงคะ ว่าเปลี่ยนคู่ไม่ได้ คู่ไหนคู่นั้น”
“พวกหนูสองคนใจจะขาดแล้วค่ะครู!!”
“กฎก็คือกฎค่ะ ถ้าไม่อยากคู่กันแล้ว ก็ไม่ต้องทำก็ได้นะ แต่จะไม่ได้คะแนนกับเพื่อน แค่นั้นเอง”
“ฮือ!! ครูใจร้าย!!” ทั้งสองตวาดเสียงดังลั่นก่อนจะวิ่งร้องไห้ออกไปจากห้องพักครู ทำเอาครูสาวถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่
“เฮ้อ...”
จะว่าเห็นใจก็เห็นใจ กิจกรรมที่เธอต้องการให้เด็กนักเรียนในห้องสนิทและได้เรียนรู้นิสัยใจคอของกันและกัน ดูเหมือนจะกลายเป็นหายนะเสียแล้ว
ยังไม่ทันที่ครูสาวจะได้ตักข้าวเข้าปาก เรื่องวุ่นวายดูเหมือนจะยังไม่หมดแค่นั้น เพราะมีนักเรียนหญิงสวมแว่นตากรอบใส ผมหน้าม้าเลยคิ้วเล็กน้อยเดินตรงเข้ามาหาเธอ ตานจึงวางช้อนลงพลางกับอมยิ้ม ที่เด็กนักเรียนต่างผลัดกันเข้ามากหาเธอแบบนี้ ต้องเป็นเรื่องเปลี่ยนคู่เป็นแน่
“สวัสดีค่ะครูระเบียบ”
“สวัสดีจ้ะ แต่ครูชื่อกานต์ธีรานะ ไม่ได้ชื่อระเบียบ”
“เอ้ย!! ขอโทษค่ะ มันชินปากค่ะ แฮะ ๆ”
“ไม่เป็นไรเปา ว่าแต่มาหาครูมีอะไรหรือเปล่า”
“คือว่า...หนูขอเปลี่ยนคู่ทำกิจกรรมได้ไหมคะ”
“กะแล้วเชียว สาเหตุก็คงเพราะรำคาญโปเต้ใช่ไหม”
“ใช่ค่ะครู โปเต้เอาแต่แซวหนูตลอดเวลา เอะอะ ๆ ก็แซว จนหนูไม่มีสมาธิจะทำงานแล้วค่ะ กิ๊บเก๋ กับกุ๊กกิ๊กก็กำลังเจอปัญหาเดียวกัน ให้พวกเราคู่กันเองได้ไหมคะ หรือจะให้หนูจะคู่กับนัทก็ได้”
“ครูก็เข้าใจพวกเรานะ ถึงได้คิดกิจกรรมนี้ขึ้นมาเพื่อที่จะให้นักเรียนทุกคนเรียนรู้นิสัยใจคอของเพื่อน ๆ ในอีกมุมหนึ่งที่เราไม่รู้จัก แต่ดูเหมือนครูจะสร้างปัญหาให้พวกเราใช่ไหม ถึงได้อยากเปลี่ยนคู่กันขนาดนี้”
“มะ...มันไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ ครูไม่ได้สร้างปัญหาเลยค่ะ พวกผู้ชายต่างหากที่สร้างปัญหา พวกหนูเลยอยากเปลี่ยนคู่”
“ครูก็ยังยืนยันคำเดิมนะเปาว่าคู่ไหนคู่นั้น และครูก็คิดว่านี่อาจเป็นการเริ่มต้นที่ดีด้วยที่ทุกคนจะได้เรียนรู้นิสัยของเพื่อน ตอนนี้อย่าเพิ่งตัดสินใครแต่ลองถอยออกมาแล้วมองเพื่อนใหม่อีกครั้ง โปเต้อาจจะมีอีกมุมที่เราไม่รู้จักก็ได้นะ”
“แต่ว่า...”
“ไม่มีแต่ ครูถึงได้ให้เวลาทำกิจกรรมหนึ่งเดือนไง เพราะการเรียนรู้มันต้องใช้เวลา เข้าใจไหมเปา”
“ฮือ...ก็ได้ค่ะ งั้นเดี๋ยวหนูช่วยไปพูดกับสองคนนั้นให้เข้าใจด้วยนะคะ”
“ขอบใจจ้ะ”
ตานนั่งมองลูกศิษย์ของเธอที่เดินคอตกจากไป ก่อนจะถอนหายใจเฮือกด้วยความหนักใจ ไม่รู้ว่าสิ่งที่เธอกำลังทำมันจะเป็นอย่างไรต่อไป และในขณะที่เธอกำลังจะตักข้าวเข้าปากนั้น เธอก็ต้องวางช้อนลงอีกครั้ง เพราะครูระเบียบได้เดินสวนนักเรียนของเธอเข้ามาพอดี โดยถือแฟ้มเอกสารกองโตและข้าวของพะรุงพะรัง จนเธอต้องรีบเข้าไปช่วยเหลือ
“สวัสดีค่ะครูระเบียบ เดี๋ยวหนูช่วยค่ะ”
“ขอบใจจ้าครูตาน”
“ว่าแต่ครูระเบียบดำเนินเรื่องเสร็จเรียบร้อยแล้วเหรอคะ”
“ยังเลยครูตาน ติดนั่นติดนี่ไปหมด วุ่นวายมาก”
“ลำบากหน่อยนะคะช่วงนี้”
“ใช่ แต่ก็ช่างมันเถอะ ค่อย ๆ ทำไป เรื่องเอกสารมันจะรีบร้อนไม่ได้ ขอบใจนะจ๊ะ”
“ยินดีค่ะ”
ตานวางเอกสารลงที่โต๊ะประจำของครูผู้อาวุโส ก่อนจะหันไปตอบรับด้วยรอยยิ้ม ครูระเบียบจึงมองไปที่โต๊ะทำงานของเธอที่มีจานข้าววางอยู่ ดูเหมือนกับว่าจะยังไม่ได้ตักกินแม้แต่คำเดียว
“เพิ่งได้กินข้าวเหรอ”
“ยังไม่ได้กินสักคำเลยค่ะ เด็ก ๆ ผลัดกันเข้ามาร้องทุกข์กันใหญ่ เป็นอย่างที่ครูระเบียบบอกหนูไว้ไม่มีผิด”
“ฮ่า ๆ อดทนนะ เดี๋ยวเด็ก ๆ ก็เข้าใจเอง เอ้านี่ แฟ้มประวัติของเด็กห้องเรา พี่ได้เข้ามาโรงเรียนพอดีเลยเอามาให้ครูตานด้วย”
ครูระเบียบพูดพลางกับส่งแฟ้มเอกสารยื่นให้กับครูสาว เธอจึงยกมือไหว้เป็นการขอบคุณก่อนจะรับมาแล้วเปิดดูไปพลาง ๆ
“พี่ไม่กวนแล้วดีกว่า รีบกินข้าวซะนะ เดี๋ยวก็บ่ายแล้ว มีสอน ม.5 คาบบ่ายด้วยใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ”
“ตั้งใจสอนล่ะ พี่ไปก่อนนะ”
“ค่ะ ขอบคุณนะคะ”
เมื่อครูระเบียบเดินออกจากห้องไปแล้ว ตานจึงรีบนั่งลงที่เก้าอี้โต๊ะทำงานของเธอ ก่อนจะเร่งเปิดหาประวัตินักเรียนคนที่เธออยากรู้มากที่สุด เธอเปิดไม่ว่าจะกี่หน้าต่อกี่หน้าก็ยังไม่ถึงชื่อ นางสาวณิชาภัทรเสียที จนกระทั่งถึงหน้าสุดท้าย
ประวัตินักเรียนที่มีรูปถ่ายหน้าตรงติดเอาไว้ที่มุมด้านขวาบน พร้อมกับประวัติส่วนตัวและแผนที่บ้านในด้านหลังของนางสาวณิชาภัทร ถือสัจจะ
ครูสาวไล่อ่านตั้งแต่บรรทัดแรกจนมาหยุดชะงักอยู่ที่วัน เดือน ปีเกิด หัวใจที่เริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ มือทั้งสองข้างที่เริ่มสั่นเทายกมาปิดปากตัวเองเอาไว้ เพราะเธอแทบไม่จะอยากเชื่อสิ่งที่ได้เห็น
'11 กันยายน พ.ศ.2549'
“ไม่จริงใช่ไหม...มันต้องเป็นเรื่องบังเอิญแน่ ๆ”
หัวใจที่เริ่มเต้นแรงขึ้น ทำให้เธอรู้สึกเหมือนโดนบีบรัดจนลมหายใจติดขัด และชาไปทั้งตัว มือขวาของเธอพยายามกดหมายเลขโทรศัพท์ทั้ง ๆ ที่ยังสั่นเทาอยู่ด้วยความร้อนรน
ตื๊ด...ตื๊ด...ตื๊ด…
'ป้ามะลิ...รับสิ!'
ติ๊ด!
ดูเหมือนกับว่าปลายสายจะไม่มีการตอบรับใด ๆ ยิ่งทำให้เธอรู้สึกร้อนใจหนักขึ้น แต่เธอยังไม่ล้มเลิกความพยายามที่จะติดต่อหาแม่เลี้ยงของเธออีกครั้ง
ตื๊ด...ตื๊ด...ตื๊ด…
ตื๊ด...ตื๊ด...ตื๊ด…
“ป้ามะลิ!! ทำไมไม่รับสายสักที!!”
ตื๊ด...ตื๊ด...ตื๊ด…
ติ๊ด!
“สวัสดีค่ะคุณหนู”
“ป้ามะลิคะ! พี่สิบทิศเสียวันที่เท่าไหร่นะคะ ช่วยย้ำให้ตานฟังชัด ๆ ช้า ๆหน่อยค่ะ!!”
เมื่อปลายสายกดตอบรับ ตานไม่พูดพร่ำทำเพลงใด ๆ และยิงเข้าประเด็นทันที แต่อีกฝ่ายกลับเงียบไป
“ป้ามะลิ!! ฟังตานไหมคะ!?”
“คุณหนูเป็นอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมถึงถามเรื่องนี้ล่ะคะ”
“ป้าไม่ต้องถาม แต่ป้าตอบตานมาเดี๋ยวนี้!”
“คุณหนูก็ทราบดีนี่คะ หรือคุณหนูลืมไปแล้ว”
“ค่ะ ช่วยบอกให้ตานฟังหน่อยได้ไหมคะป้ามะลิ”
“เอ่อ...สิบทิศเสียวันที่ 11 กันยาค่ะคุณหนู”
“ปี พ.ศ. ล่ะคะ”
“2548 ค่ะ 11 กันยายน พ.ศ. 2548 ทำไมเหรอคะคุณหนู ใกล้จะถึงวันครบรอบวันเสียของสิบทิศแล้วด้วย คุณหนูจะกลับมาที่บ้านไหมคะ”
คำตอบที่เธอเองก็รู้อยู่แก่ใจ เพราะเธอจำวันที่สูญเสียได้ขึ้นใจและไม่อาจลืมได้ลง เธอนั่งนิ่งพยายามสงบสติอารมณ์เอาไว้ ก่อนที่เธอจะกดตัดสายไปทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้ตอบกลับ
“พี่สิบทิศ...คงไม่ได้มาเกิดเป็นนัทหรอก...ใช่ไหม…”