แก้ปมรักคุณพี่เลี้ยง (เร็ว ๆ นี้ที่ readAwrite)

แก้ปมรักคุณพี่เลี้ยง (เร็ว ๆ นี้ที่ readAwrite)
ตอนที่ 6 โปรเจกต์พิเศษ

เข้าสู่การทำงานเดือนที่ 2 ของแก้วตา ทุกอย่างดูเหมือนจะผ่านไปได้ด้วยดี ทั้งในเรื่องงาน ทั้งความสัมพันธ์ของเธอกับเพื่อนร่วมทีม แต่สิ่งที่ทำให้รู้สึกว่ามันพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นก็จริง แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้มากมายนัก คือความสัมพันธ์ที่พิเศษระหว่างเธอกับพี่เลี้ยงสาว เพราะเธอทั้งสองแสดงออกกันได้เฉพาะอยู่ข้างนอกบริษัทเท่านั้น

"เพราะตอนนี้มีแก้วตาที่เป็นพนักงานใหม่เข้ามา ด้วยเหตุนี้ก็เลยถือเป็นโปรเจกต์พิเศษที่พี่เชอรีนมอบหมายให้แก้วตาทำโดยเฉพาะ หรือให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือ โปรเจกต์เพื่อพิจารณาผ่านโปรน่ะ" สิ้นเสียงของหัวหน้าสาว เจ้าตัวตึงหันไปเขียนกระดานไวท์บอร์ดที่ด้านหลัง ท่ามกลางพนักงานคนอื่น ๆ ที่ยืนล้อมวงเพื่อรอฟัง ยกเว้นโต๊ะและป๋องที่ยังคงทำงานอยู่มุมด้านในสุดของห้อง
"แต่ว่าตายังอยู่ในช่วงทดลองงานอยู่นี่คะ"
"พี่เชอรีนกับพี่กวินได้เห็นผลงานของตาก็พอใจและชื่นชมในผลงานนะ เลยตัดสินใจกันว่าจะพิจารณาผ่านโปรให้เร็วขึ้น เพื่อที่แก้วตาจะได้มีกำลังใจทำงาน คนเก่ง ๆ แบบนี้ไม่ได้มีมาบ่อย ๆ เพราะงั้นถ้ามีมาก็ต้องรักษานั่นแหละ"
"ยินดีด้วยนะแก้วตา โอกาสมาแล้ว ทำให้เต็มที่เลย แสดงศักยภาพตัวเองออกมาให้พี่ ๆ เขาได้เห็น" กอล์ฟพูดพร้อมกับชูกำปั้นขึ้นเพื่อให้กำลังใจแก้วตา
"ขอบคุณนะคะ แต่ตาไม่ถนัดตัดต่อวิดีโอเลย"
"ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้น เพราะน้ำรินจะเป็นคนดูแลโปรเจกต์นี้ร่วมกับแก้วตาเอง" ชะเอมใช้ปากกาไวท์บอร์ดชี้ไปที่น้ำรินที่ยืนฟังอยู่เงียบ ๆ
"แต่ว่างานพี่น้ำรินก็เยอะอยู่แล้วนะคะ"
"อันนี้มันก็จริง แต่คนที่ตัดต่อวิดีโอเก่ง ๆ ก็มีแค่กอล์ฟกับน้ำริน ซึ่งกอล์ฟจะมาช่วยแก้วตาไม่ได้แน่นอน เพราะงานดูแลเว็บไซต์ก็เยอะพออยู่แล้ว แถมยังได้ดูแลคนเดียวอีก ส่วนงานในส่วนของน้ำริน ก็ยังมีอาร์ม ที่จะทดแทนกันได้ พี่เองก็พอช่วยได้แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะงั้นก็ต้องจัดสรรเวลาให้ถูก ไม่ให้เสียงานหลัก แต่โปรเจกต์พิเศษที่แทรกเข้ามาก็ต้องเสร็จตามกำหนดด้วย"
"ฟังดูยากจังเลยนะคะ" แก้วตาถอนหายใจเฮือกใหญ่เพราะรู้สึกท้อใจกับสิ่งที่ตัวเองไม่ถนัด และยังต้องลำบากคนอื่นอีก ทั้ง ๆ ที่เป็นหน้าที่ของเธอเสียด้วยซ้ำ
"มีฉันทั้งคน ไม่ต้องห่วงหรอก" พี่เลี้ยงสาวที่เงียบตั้งแต่ต้นเอ่ยปากบ้าง แต่คำพูดของเธอนั้นทำให้แก้วตาคลายความกังวลได้เป็นอย่างมาก
"ใช่ ๆ พี่น้ำรินเก่งมากเลยนะแก้วตา กอล์ฟเชื่อว่างานมันจะต้องออกมาดีแน่นอน"
"แต่ตาไม่อยากลำบากคนอื่นนี่คะ"
"จะมีทีมไว้ทำไม ถ้าเราไม่ช่วยกัน" พี่เลี้ยงสาวเสริมอีกครั้ง
"ขอบคุณนะคะ"
"เปลี่ยนจากคำขอบคุณ เป็นทำให้เต็มที่ก็พอ อย่าให้เสียชื่อทีมล่ะ" ชะเอมกล่าวพร้อมกับเขียนชื่อน้ำรินและแก้วตาลงไปที่กระดานไวท์บอร์ด และหัวข้อตัวใหญ่ว่า

โปรเจกต์พิเศษ
งาน: วิดีโอประชาสัมพันธ์บริษัท
ผู้รับผิดชอบ : แก้วตา / น้ำริน
กำหนดส่ง : xx/xx/xx


1 ชั่วโมงก่อน ณ ห้องผู้จัดการ
"สวัสดีค่ะพี่เชอรีน เรียกเอมมามีอะไรให้ช่วยคะ"
"สวัสดีชะเอม พนักงานใหม่เป็นยังไงบ้าง เข้ากับคนอื่น ๆ ในทีมได้หรือเปล่า"
"น้องค่อนข้างเก่งเลยค่ะ น่ารัก นิสัยดี เข้ากับคนในทีมง่ายด้วย"
"ผลงานของแก้วตาก็ใช้ได้เลยนะ ลูกค้าที่ได้รับแบบไปก็ประทับใจกันใหญ่ ในฐานะที่ชะเอมเป็นหัวหน้า คิดว่าไง"
"เอมประทับใจน้องตั้งแต่วันแรกเลยค่ะ เรียนรู้ไว แถมทำงานได้ดี อยากต้อนรับให้เป็นพนักงานประจำกับเราไว ๆ แต่จะติดก็คงมีเรื่องเดียว จากที่สังเกตแก้วตากับน้ำรินไม่ค่อยเปิดใจให้กันเท่าไหร่ ดูแล้วน้องแก้วตาก็พยายามเข้าหานะคะ แต่อีกฝ่ายก็ดูไม่ค่อยยอมรับอีกคน พวกเขาแทบไม่คุยอะไรกันเลย" เธอพูดพลางกับทำหน้าครุ่นคิด
"ถ้าอยากให้เขามาอยู่กับเราเร็ว ๆ ก็ให้เขาสองคนสนิทกันให้ได้ บางทีงานมันก็ต้องคุยกันนะ พี่ก็รู้ว่าน้ำรินไม่ค่อยเปิดใจรับคนใหม่ ๆ สักเท่าไหร่ แต่ที่ผ่านมายังยอมรับกอล์ฟได้ แสดงว่าน้ำรินก็สามารถยอมรับแก้วตาได้สิ" คนเป็นนายพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ซึ่งชะเอมรู้ดี ว่าหากคนเป็นนายพูดในลักษณะนี้ นั่นหมายความว่า เธอกำลังคาดหวังอะไรบาง ซึ่งมันจะเป็นเรื่องไหนไปไม่ได้ นอกจากเรื่องงาน
"เอมก็คิดแบบนั้นเหมือนกันค่ะ"
"พี่มีโปรเจกต์ใหม่พอดี ไปศึกษารายละเอียดและมอบหมายให้สองคนนั้นทำงานร่วมกันนะ ถ้าเขาสองคนสนิทกันเมื่อไหร่ การทำงานในทีมออกแบบก็จะง่ายขึ้น"
"ได้เลยค่ะพี่เชอรีน เดี๋ยวเอมจัดการเองค่ะ" ชะเอมตอบรับและโค้งตัวลงเล็กน้อยเพื่อเคารพคนเป็นนาย

จากการแสดงออกของน้ำรินและแก้วตาต่อหน้าทุกคน ดูเหมือนกับว่าความสัมพันธ์ระหว่างพนักงานใหม่กับพี่เลี้ยงดูไม่ค่อยราบรื่นนัก แต่ความจริงแล้วนั้น ทั้งสองคนมีอะไรที่ลึกซึ้งที่คนอื่นไม่อาจรู้ได้ ซึ่งการทำแบบนี้ อาจจะเป็นการเติมเชื้อเพลิงให้ทั้งสองคนก้าวข้ามระยะห่างจนเก็บความลับไว้ไม่อยู่ก็เป็นได้...


"เฮ้อ...จะประเมินผ่านโปรเร็วขึ้นก็ดีใจอยู่หรอก แต่เครียดเพราะไม่ถนัดนี่สิ" แก้วตาบ่นพึมพำก่อนจะโยนกระเป๋าไปที่เตียงนอนพร้อมกับทิ้งตัวลงไปด้วยความเหนื่อยล้าจากการทำงาน
อืด อืด อืด~
เสียงสั่นครืดจากโทรศัพท์มือถือปลุกเธอจากห้วงความคิด เธอจึงรีบเปิดกระเป๋าเพื่อรับโทรศัพท์ทันที
"ค่ะพี่น้ำริน"
"วันนี้เหนื่อยหรือเปล่า"
"เหนื่อยงานไม่เท่าไหร่ค่ะ แต่ตากลุ้มใจที่จะได้ตัดต่อวิดีโอมากกว่า"
"ไปร้านกัน กินเค้กอร่อย ๆ น่าจะรู้สึกดีขึ้นนะ ไปคิดแผนด้วย เดี๋ยวฉันช่วยเอง"
"ก็ดีเหมือนกันค่ะ อยากกินอะไรหวาน ๆ อยู่พอดี ไว้เจอกันที่ร้านนะคะ"
"ฉันรออยู่ข้างล่างแล้ว"
"เดี๋ยวนะ นี่พี่ชอบมาแบบไม่บอกก่อนตลอดเลย ตาขอเวลาเตรียมตัว 15 นาทีนะคะ เดี๋ยวรีบลงไปค่ะ"
"อืม ได้สิ ไม่ต้องรีบนะ"

20 นาทีผ่านไป~
แก้วตารีบวิ่งลงมาที่รถอย่างรีบร้อน เธอเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยชุดสบาย ๆ เสื้อยืด กางเกงขาสั้น และรองเท้าแตะ พร้อมกับม้วนผมขึ้นด้วยปากกาที่ปักอยู่แทนปิ่นปักผม มือทั้งสองข้างหอบกระเป๋าคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กและเอกสารพะรุงพะรังไปหมด พี่เลี้ยงสาวเห็นอย่างนั้นจึงได้แต่อมยิ้ม
"ขอโทษนะคะ รอนานไหม"
"ไม่หรอก ทำไมใช้ปากกาม้วนผมล่ะ"
"ก็ว่าจะมัดผมแหละค่ะ แต่กลัวพี่รอนาน ก็เลยใช้ปากกาไปก่อน ตลกเหรอคะ"
"เปล่า ก็น่ารักดี" แก้วตาหันไปมองหน้าน้ำริน แล้วทั้งสองก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน เพราะท่าทีที่เขินอายของทั้งสองฝ่าย


เมื่อรถยนต์แบบครอบครัวมาจอดยังลานจอดรถร้านมีเรา คาเฟ่ แก้วตาจึงตระเตรียมข้าวของและอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เธอนำมาทำงานด้วย ส่วนพี่เลี้ยงสาวก็เอาแต่มองเธอพลางกับอมยิ้ม เพราะไม่ว่าเจ้าตัวจะทำอะไร ก็ดูน่ารักน่าเอ็นดูไปเสียหมด
"เดี๋ยวเข้าไปในร้านก่อนเลยนะ ฉันขออาบน้ำก่อน วันนี้รู้สึกเพลีย ๆ ได้อาบน้ำคงสดชื่นขึ้น"
"อ้าว ไม่ได้จะเข้าไปด้วยกันเหรอคะ"
"เปล่า หลังร้านจะเป็นบ้านที่พี่ ๆ กับแม่อยู่ ส่วนของฉันก็หลังนั้น" น้ำรินว่าพลางกับบุ้ยปากไปทางบ้านหลังหนึ่งที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนัก ซึ่งอยู่ในบริเวณเดียวกับส่วนของร้านกาแฟ แต่ครั้งแรกที่แก้วตามาที่นี่ เธอไม่ได้สังเกตเห็นเพราะต้องจอดมอเตอร์ไซค์ที่หน้าร้าน ไม่ได้ขับเข้ามาจอดยังลานจอดรถด้านในนั่นเอง
"อ๋อ ดูพี่รักการเป็นส่วนตัวจังเลยนะคะ"
"ก็มีส่วน บางทีฉันจะเอางานกลับมาทำที่บ้านน่ะ มีพื้นที่ของตัวเองเงียบ ๆ ก็จะมีสมาธิมากกว่าใช่ไหมล่ะ"
"ก็จริงนะคะ แต่ตาคงเหงาแย่ อยู่กับทุกคนอบอุ่นดีออก งั้นตาเข้าไปในร้านเลยนะคะ พี่ก็ไม่ต้องรีบนะ เดี๋ยวตากินเค้กรอ" ทั้งสองคนแยกกันไปคนละทาง น้ำรินเดินไปที่บ้านหลักเล็ก ๆ พอดีอยู่สไตล์โมเดิร์น ที่อยู่อีกฟากของร้านโดยมีลานจอดรถคั่นกลางอยู่ ส่วนแก้วตายังคงหอบเอกสารพะรุงพะรังเดินเข้าไปในร้าน ก็มีเสียงหนึ่งเอ่ยต้อนรับทันที ราวกับรู้ว่าเธอจะมาที่ร้านอย่างไรอย่างนั้น
"เห...ดูซิใครมา"
"สวัสดีค่ะพี่น้ำฟ้า พี่น้ำหวาน"
"แม่นี่ไง น้องแก้วตา เด็กน้ำรินมัน" สาวสวยที่แก้วตาจำได้ดีว่าเป็นพี่สาวคนรองเอ่ยขึ้น ก่อนที่จะมีหญิงวัยกลางคนผิวพรรณดี ใบหน้าสละสลวยหันมายิ้มให้กับแก้วตาด้วยท่าทีที่เป็นมิตร เธอจึงรีบยกมือไหว้ทันที
"สวัสดีค่ะคุณแม่"
"วสวัสดีจ้ะ ตามสบายเลยนะลูก ไม่ต้องเกรงใจ" ผู้เป็นแม่ยิ้มต้อนรับอย่างอบอุ่น
"วันนี้กินอะไรดีคะน้องแก้วตา" พี่สาวคนโตเอ่ยถาม
"ขอเป็นนมสดคาราเมลปั่น กับเค้กช็อกโกแลต 1 ชิ้นค่ะ"
"ได้ค่ะ รอสักครู่นะ เดี๋ยวพี่เอาไปเสิร์ฟที่โต๊ะ"
"ขอบคุณค่ะ" แก้วตาตอบรับด้วยรอยยิ้มก่อนจะเดินไปเลือกที่นั่งด้านในสุดเพื่อที่จะเปิดคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กทำงานรอพี่เลี้ยงสาว ไม่นานก็มีพนักงานสาวสวยถือถาดที่มีแก้วนมสดคาราเมลปั่นและจานขนมเค้กที่ผ่านตกแต่งสวยงามดูน่ากินมาให้ที่โต๊ะ
"ขอบคุณค่ะ" แก้วตายิ้มพร้อมกับยกมือไหว้
"ก็พอเข้าใจแล้วล่ะนะว่าทำไมน้ำรินถึงหลงหนูนักหนา" เธอว่าพลางกับอมยิ้มแบบมีเลศนัย
"เอ๋? อะไรเหรอคะ"
"ก็เพราะหนูน่ารักแบบนี้ไง" น้ำหวานพูดจบก็เอื้อมมือมาลูบศีรษะแก้วตาด้วยความเอ็นดู
"พี่น้ำหวานก็ หลงเหลิงอะไรกันคะ"
"ดูสิ ตอนเขินยิ่งน่ารักเลยนะเนี่ย"
"พี่น้ำหวานคะ เลิกแซวตาสักที ตาเขินนะคะ"
"อย่ากวนน้องสิพี่หวาน น้องต้องทำงาน" น้ำรินเดินเข้ามาเอ็ดพี่สาวเบา ๆ น้ำหวานจึงหัวเราะร่าออกมาก่อนจะเดินกลับไปที่เคาน์เตอร์อย่างว่าง่าย
แก้วตาเงยหน้ามองดูเจ้าของเสียงก่อนที่จะตกตะลึงจนอ้าปากเหวอให้กับสาวสวยที่ยืนอยู่ตรงหน้า เธอสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวโคร่งที่บางจนมองเห็นบราสีดำได้อย่างชัดเจน กระดุมที่ว่างเอาไว้ 2 เม็ดเผยให้เห็นเนินอกของเธอ และกางเกงขาสั้นที่ดูเหมือนมีไว้สำหรับใส่นอน ผมที่เสยขึ้นเบี่ยงไปข้างหนึ่งทำให้มองเห็นใบหน้าที่ผ่านการล้างเครื่องสำอางแล้ว แต่ก็ยังดูสวย และดูเด็กลงกว่าเดิมด้วยซ้ำ ด้วยความสวยและการแต่งกายที่ดูเซ็กซี่ของเธอทำให้ลูกค้าผู้ชายในร้านต่างก็มองแบบไม่ละสายตา
"นี่พี่แต่งมาอ่อยใครหรือไง คนเขามองกันหมดแล้ว" แก้วตาดุน้ำรินเบา ๆ เพราะกลัวว่าคนอื่นจะได้ยิน
"ปกติฉันก็ใส่แบบนี้นอนนี่นา"
"มันไม่ใช่เวลานอนสักหน่อย นี่มันในร้านนะคะ กระดุมก็ติดให้มันดี ๆ ด้วย" แก้วตาบ่นพึมพำไม่หยุด แล้วลุกขึ้นเอื้อมมือไปติดกระดุมให้กับพี่เลี้ยงสาว 1 เม็ด เพื่อให้อีกฝ่ายหายใจได้สะดวกและก็ไม่ดูโป๊จนเกินไป
"หวงเหรอ" เจ้าตัวถามพร้อมกับอมยิ้มก่อนที่จะถูกมองค้อนจากหญิงสาวตัวเล็กที่อยู่ตรงหน้า
"แล้วพี่จะยอมให้ใครมองพี่ด้วยสายตาแบบนั้นก็ได้หรือไง"
"ถ้าไม่สบายใจ เดี๋ยวไปเปลี่ยนชุด โอเคไหม"
"รีบไปเปลี่ยนเลย!" พี่เลี้ยงสาวหัวเราะร่าออกมาและลูบศีรษะแก้วตาเบา ๆ ก่อนจะเดินออกจากร้านท่ามกลางสายตาของบรรดาลูกค้าผู้ชายที่ยังคงมองเธออยู่ เวลาเพียงไม่นานน้ำรินก็เดินกลับมาด้วยเสื้อคอกลมตัวโคร่ง และกางเกงขาสั้นที่ยาวขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย
"แบบนี้โอเคไหม" เธอถามพลางกับชี้นิ้วเข้าหาตัว
"โอเคแล้วค่ะ" แก้วตายิ้มจนตาหยี จนน้ำรินหัวเราะออกมาเพราะความเอ็นดู เธอก็คงพ่ายแพ้ให้หญิงสาวผู้นี้อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้เลย ทั้ง ๆ ที่เธออายุมากกว่าเสียด้วยซ้ำ แต่เพียงแค่แก้วตาอ้าปากดุ น้ำรินก็พร้อมที่จะทำตามแต่โดยดี 
'ทำตัวน่ารักแบบนี้ ฉันอยากจะฟัดเธอจริง ๆ อยากจับมากอดแล้วหอมฟอดใหญ่ เด็กดื้อของฉัน'
"แล้วลองคิด ๆ ดูไว้หรือยัง ว่าอยากจะทำออกมาแบบไหน"
"ตาคิดไว้ว่า จะทำประชาสัมพันธ์บริษัทที่เน้นไปทางด้านการให้บริการของเราน่ะค่ะ ประมาณว่าเรามีบริการอะไรบ้าง และใช้บริการกับเราดียังไง แล้วก็แนะนำแต่ละฝ่ายคร่าว ๆ เพื่อให้รู้ว่าเรามีองค์กรที่ทำงานกันเป็นทีม และมีความเป็นมืออาชีพ" น้ำรินฟังแก้วตาที่กำลังอธิบายอย่างตั้งอกตั้งใจ เธอมองเห็นอีกมุมหนึ่งที่ไม่เคยสังเกตมาก่อน มุมที่ได้เห็นถึงความพยายามของหญิงสาว มุมที่พูดคุยเรื่องงานโดยที่ฟังแล้วไม่เบื่อเลย
"พี่น้ำรินคะ ฟังตาอยู่หรือเปล่า"
"อืม น่าสนใจดี แล้วจะนำเสนอในรูปแบบไหนล่ะ"
"พี่น้ำรินคิดว่ายังไงคะ ถ้าแค่ถ่ายวิดีโอ ใคร ๆ ก็ทำได้แต่ตาอยากให้มันดูบ่งบอกถึงตัวเราอีกหน่อย"
"พวกโมชั่นกราฟิกล่ะ พอไหวหรือเปล่า"
"ว้าว ดีเลยค่ะพี่น้ำริน เน้นให้เห็นถึงการออกแบบ แต่ว่า...ตาทำไม่เป็นนี่สิคะ"
"อืม ถ้าโมชั่นกราฟิกมันก็อาจจะยากไป งั้นเราออกแบบกราฟิกเป็นหน้า ๆ แล้วใช้รูปแบบสต็อปโมชั่นแทนก็ได้นะ"
"จริงด้วย! ถ้าออกแบบแล้วสร้างภาพกราฟิกตาถนัดอยู่แล้ว ขอบคุณนะคะพี่น้ำริน ช่วยได้เยอะเลย ตอนนี้ไอเดียผุดขึ้นเต็มไปหมดเลยค่ะ" หญิงสาวยิ้มออกมาด้วยความดีใจ ก่อนจะรีบกลับมาประจำที่ของตนและเริ่มเขียนรายละเอียดลงไปที่สมุดบันทึกเล่มเล็ก ๆ ด้วยความตื่นเต้น โดยมีพี่เลี้ยงสาวเดินมานั่งประกบข้างไม่ห่าง
เวลาผ่านไปไม่นานนัก ระหว่างที่หญิงสาวทั้งสองกำลังง่วนกับโปรเจกต์พิเศษตรงหน้า หญิงวัยกลางคนผู้เป็นแม่ของพี่เลี้ยงสาวก็เดินตรงเข้ามาหาด้วยรอยยิ้ม
"เด็ก ๆ หิวกันหรือยังลูก"
"คิดงานเพลินจนลืมหิวไปเลยค่ะคุณแม่ ว่าแต่ร้านปิดกี่ทุ่มเหรอคะ"
"ปกติร้านปิด 2 ทุ่มจ้ะ แต่ถ้าจะนั่งทำงานต่อก็ตามสบายเลยนะ"
"โห...ตอนนี้ 1 ทุ่มครึ่งแล้ว หนูไม่รบกวนดีกว่าค่ะ จะได้ปิดร้านเลย" แก้วตาว่าพลางกับมองนาฬิกาที่ข้อมือของตน
"อยู่กินข้าวด้วยกันก่อนสิลูก"
"ไม่เป็นไร เดี๋ยวหนูไปส่งน้องแล้วเดี๋ยวหนูพาน้องไปกินข้างนอกเองค่ะแม่" ยังไม่ทันที่แก้วตาจะได้ตอบผู้เป็นแม่ น้ำรินก็พูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน แก้วตาจึงรีบตามน้ำ เพราะไม่อยากอยู่รบกวนเวลาครอบครัว
"ตาเรียกแท็กซี่ได้นะคะพี่น้ำริน ตาไม่อยากรบกวน แค่นี้ตาก็เกรงใจพี่จะแย่"
"ไม่ ฉันจะไปส่ง นั่งแท็กซี่ดึก ๆ มันอันตรายนะ"
"ให้น้ำรินไปส่งเถอะลูก แม่เป็นห่วง" ผู้เป็นแม่พูดทิ้งท้ายเอาไว้ด้วยรอยยิ้มที่สดใสอย่างเคย ก่อนจะเดินไปปิดหน้าต่างร้านเพื่อเตรียมปิดร้าน
"ถ้างั้น เดี๋ยวตาจะเป็นคนเลี้ยงข้าวพี่นะคะ" 
"อืม" น้ำรินยิ้มแล้วพงกศีรษะเป็นการตอบรับ แก้วตาจึงรีบเดินจ้ำอ้าวไปที่เคาน์เตอร์ทันที เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะชิงจ่ายเงินตัดหน้าเธอเสียก่อน

"เท่าไหร่คะพี่น้ำฟ้า"
"ถ้าจะบอกว่าไม่ต้องจ่ายก็คงจะไม่ยอมสินะ"
"ไม่แน่นอนค่ะ ตาเกรงใจนะคะ ให้ตาจ่ายเถอะ"
"จ้า ๆ ทั้งหมด 130 บาทค่ะ"
"รีบกลับจังน้องแก้วตา ไม่อยู่กินข้าวด้วยกันก่อนเหรอ" พี่สาวคนรองเอ่ยถาม
"ไม่รบกวนดีกว่าค่ะ ขอบคุณนะคะพี่น้ำหวาน"
"เฮ้อ...ดีใจแทนยัยน้องสาวจังเลยว่าไหมฟ้า จะหาแฟนดี ๆ สักคนนี่มันยากน้า"
"แต่ตาไม่ใช่แฟนพี่น้ำรินนะคะ"
"ถึงจะไม่ใช่แฟน พี่ก็พอมองออกนะคะ ว่ามันพิเศษมากกว่าเพื่อนร่วมงานกัน"
"ฝากน้องสาวพี่ด้วยนะคะ" สาวสวยผู้เป็นพี่ใช้มือข้างหนึ่งคล้องคอสาวสวยคนรอง และใช้มืออีกข้างป้องที่ปากของตัวเองทำทีกระซิบกระซาบ ก่อนเสียงหัวเราะร่าของทั้งสองพี่น้องจะดังขึ้น เพราะแกล้งหญิงสาวตัวเล็กจนหน้าแดงได้สำเร็จ
"ฮ่า ๆ ฟ้าก็ น้องเขินจนหน้าแดงแล้วเห็นไหม" น้ำหวานว่าพลางกับหยิกไปที่แก้มคนเป็นพี่หนึ่งทีราวกับกำลังมันเขี้ยว
"หวานนั่นแหละไปแซวน้องก่อน"
"ถ้าตาไม่รู้ว่าพี่สองคนเป็นพี่น้องกัน ตาก็คงคิดว่าพี่เป็นแฟนกันนะคะเนี่ย"
"ใช่ไหม ใคร ๆ ก็บอกแบบนี้ อาจจะเพราะเราสนิทกันมากแล้วหน้าตาไม่เหมือนกันด้วยล่ะมั้ง"
"ยังจ่ายเงินไม่เสร็จเหรอ" ในขณะที่ทั้ง 3 คุยกันอย่างสนุกสนาน น้ำรินก็เดินเข้ามาจนทั้ง 3 แยกกันไปคนละทิศละทาง เพราะถ้ารู้ว่าพี่สาวสองคนกำลังแกล้งคนรักของเธออยู่ ต้องโดนดุเป็นแน่
"เสร็จพอดีค่ะพี่น้ำริน ตาขอตัวนะคะ สวัสดีค่ะพี่ ๆ คุณแม่คะหนูกลับแล้วนะคะ สวัสดีค่ะ" แก้วตาบอกลาพร้อมกับยกมือไหว้พี่สาวทั้งสองคน และไม่ลืมที่จะหันไปยกมือไหว้แม่ของน้ำรินที่กำลังเดินกลับมาที่เคาน์เตอร์พอดี
"สวัสดีจ้ะลูก ขับรถดี ๆ นะ"
"ค่ะแม่ แก้วตา อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม"
"ตาสิคะต้องถามพี่ ตาจะเป็นคนเลี้ยงพี่นี่นา พี่อยากกินอะไร ก็พาไปได้เลยค่ะ"
"จะว่าไป ก็มีอย่างนึงนะที่อยากกิน แต่ไม่รู้ว่าเธอจะชอบหรือเปล่า"
"ตากินได้หมดเลยค่ะ พี่พาไปไหน ตาก็ไปหมด เพราะตาไม่ใช่คนขับ ฮ่า ๆ"
"โอเค งั้นไปกัน"


ซุปเปอร์ตีนไก่ป้าติ๋ม ~
"ฮ่า ๆ ที่พี่อยากกินคือซุปเปอร์ตีนไก่เหรอคะ" แก้วตาถึงกับหัวเราะร่าเมื่อเห็นร้านที่น้ำรินพามาคือร้านซุปเปอร์ตีนไก่รสแซ่บเจ้าดัง ที่ขายอยู่ข้างทางเฉพาะตอนกลางคืนเท่านั้น นึกว่าจะเป็นร้านอาหารเสียอีก แต่บรรยากาศแบบนี้มันก็ไม่เลวเหมือนกันนะ...
"ทำไม ไม่อยากกินเหรอ"
"เปล่าค่ะ ตากินได้หมด แต่ตาแค่แปลกใจว่าพี่กินอะไรแบบนี้เป็นด้วยเหรอ นึกว่าพี่ไปแต่ร้านอาหารแพง ๆ ซะอีก"
"หน้าตาฉันดูคุณหนูไฮโซขนาดนั้นเลย?"
"ก็ครอบครัวพี่ดูมีฐานะนี่นา ว่าแต่คุณพ่อพี่ไปไหนเหรอคะ"
"เสียไปตั้งแต่เด็กแล้วล่ะ" น้ำรินตอบแบบไม่เต็มเสียงนัก ทำเอาแก้วตาถึงกับชะงัก
"เอ่อ...ตาขอโทษนะคะ แต่ตาเข้าใจความรู้สึกพี่นะคะ คุณพ่อคุณแม่ของตาก็เสียไปตั้งแต่เด็ก ๆ เหมือนกัน แต่ตอนนี้ตาโตแล้ว ไม่มีเวลามานั่งเศร้าหรอกค่ะ แค่จะเหงาหน่อยก็เท่านั้นเอง"
"พี่เสียใจด้วยนะ" น้ำรินพูดด้วยใบหน้าที่สลดลงอย่างเห็นได้ชัด แก้วตาจึงรีบเปลี่ยนเรื่องทันที เพราะช่วงเวลาแบบนี้มันไม่ได้มีมาบ่อย ๆ เธอต้องพูดคุยแต่เรื่องที่จะทำให้มีความสุขสิ
"เรารีบกินเถอะค่ะ เดี๋ยวจะเย็นก่อน" แก้วตาพูดด้วยรอยยิ้มที่สดใส ก่อนจะตักน้ำซุปขึ้นมาซด
"โห! เด็ดจริง พี่น้ำรินกินเร็ว อร่อยมาก!" น้ำรินถึงกับหลุดขำพรืดให้กับท่าทีที่ตื่นเต้นของแก้วตาที่ดูเหมือนเด็กได้กินขนมอร่อย ๆ เป็นครั้งแรกอย่างไรอย่างนั้น
"อะ ตีนชิ้นแรก พี่ให้" น้ำรินตักขาไก่ชิ้นแรกให้กับคนเป็นน้อง ก่อนจะก้มหน้าลงให้ความสนใจกับชามตรงหน้า แต่ท่าทีของเธอคล้ายคนกำลังหลบสายตาเพราะความเขินอาย
'นี่ฉันจีบสาวด้วยซุปเปอร์ตีนไก่เหรอเนี่ย เป็นภาพที่น่าจดจำตายล่ะ...'

ทั้งสองต่างผลัดกันซดน้ำซุป และแทะไก่กันอย่างเอร็ดอร่อย โดยที่ไม่ต้องเก๊กท่าวางฟอร์มอะไรทั้งนั้น การที่ได้อยู่กับใครสักคนแล้วเราเป็นตัวเองที่สุด คงเป็นสิ่งธรรมดา ๆ ที่ทำให้ทั้งสองเติมเต็มให้กันและกันจนรู้สึกว่ามันพิเศษ ช่างโชคดีเสียนี้กระไร...


"อร่อยจัง ไว้เรามากันอีกนะคะพี่น้ำริน"
"ได้สิ ถ้าอยากกินเมื่อไหร่ก็บอกได้เลยนะ เดี๋ยวพี่พามากินอีก" น้ำรินตอบรับด้วยความดีใจ แก้วตานิ่งคิดอะไรอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะอมยิ้มออกมา
"พี่รู้ตัวหรือเปล่าคะ ว่าพี่เปลี่ยนสรรพนามแทนตัวเองตั้งแต่อยู่ที่ร้าน จากแทนตัวเองว่า ฉัน ตอนนี้กลายเป็นคำว่า พี่ แทนแล้ว"
"จริงเหรอ ไม่รู้ตัวเลย"
"ตาชอบนะคะ เพราะรู้สึกว่ามันไม่ห่างเหินดี เหมือนเราใกล้กันเข้ามาอีกก้าวนึง ต้องขอบคุณซุปเปอร์ตีนไก่ป้าติ๋มนะเนี่ย ที่ช่วยละลายพฤติกรรมเราสองคน ฮ่า ๆ" แก้วตาหัวเราะชอบใจ ไม่นานน้ำรินก็จอดรถเทียบประตูทางขึ้นคอนโดมิเนียมของแก้วตาแล้ว เวลาแห่งความสุข มันช่างผ่านไปไวเหลือเกิน
"แก้วตา…"
"คะ?"
"โปรเจกต์นี้...เราสู้ไปด้วยกันนะ พี่เชื่อว่าตาทำได้" ผู้ฟังได้ยินประโยคที่อีกฝ่ายพูดถึงกับยิ้มออกมาด้วยความดีใจปนอุ่นใจ
"ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะคะพี่น้ำริน ขับรถกลับดี ๆ นะคะ ถึงแล้วบอกตาด้วย" ในขณะที่แก้วตากำลังเก็บของเพื่อที่จะลงรถแต่ทว่า น้ำรินก็คว้าที่ข้อมือของเธอเอาไว้เสียก่อนจนเธอถึงกับชะงัก
"มี.." ยังไม่ทันที่แก้วตาจะได้พูดอะไร ร่างของเธอก็ถูกดึงเอนไปทางฝั่งคนขับ ก่อนที่ริมฝีปากแดงระเรื่อจากความเผ็ดจะประกบเข้าด้วยกันโดยที่แก้วตายังไม่ทันได้ตั้งตัว ทำเอาแก้วตาถึงกับดวงตาเบิกโพลงเพราะถูกขโมยจูบโดยไม่ทันตั้งตัว
"ฝันดีนะคะ" พี่เลี้ยงสาวพูดด้วยยิ้ม แต่แก้วตายังคงนั่งอึ้งอยู่
"ป...ไปแล้วนะคะ" แก้วตาตอบแบบตะกุกตะกัก ก่อนจะรีบออกจากรถโดยเร็วแล้วเธอก็วิ่งหายไปในคอนโดมิเนียมอย่างรวดเร็ว
'คนบ้า...นอกจากจะขโมยจูบฉันแล้ว ยังขโมยหัวใจฉันไปอีก รู้ตัวหรือเปล่า'
ม้า
ไรท์แวะมาคุย~`

“พี่น้ำรินขโมยจูบน้องอีกแล้ววว น่าตีจริง ๆ 5555 // ติดตามการอัปเดตนิยายได้ที่แฟนเพจ @my.niltara หรือ ทวิตเตอร์ @MyNiltara นะคะ”