แก้ปมรักคุณพี่เลี้ยง (เร็ว ๆ นี้ที่ readAwrite)

แก้ปมรักคุณพี่เลี้ยง (เร็ว ๆ นี้ที่ readAwrite)
ตอนที่ 5 ระยะห่าง

อืด อืด~
เสียงโทรศัพท์มือถือของแก้วตาดังขึ้นระหว่างที่เธอกำลังเดินออกจากลิฟต์ เธอจึงล้วงโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋า เห็นเป็นชื่อโทรเข้าเป็นคนที่เธอกำลังรออยู่
"สวัสดีค่ะพี่น้ำริน"
"เป็นยังไงบ้าง ไปทำงานไหวแน่นะ"
"สบายมากค่ะ ดีขึ้นเยอะเลย แต่ก็เพลียอยู่นิดหน่อย ตอนนี้ตาลงมารอที่ข้างล่างแล้วนะคะ"
"โอเค ฉันใกล้ถึงแล้ว"
ติ๊ด!
ปลายสายกดตัดสายไปทันทีเมื่อพูดจบ หญิงสาวได้แต่ยืนอมยิ้มที่หน้าคอนโดมิเนียมของเธอ พลางคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนที่ผ่านมา 
'รอตาอีกนิดนึงนะคะพี่น้ำริน ไม่นานหรอก...'
เช้าวันจันทร์ที่ทำให้หญิงสาวรู้สึกกระตือรือร้นกับการไปทำงานมากเป็นพิเศษ นั่นก็เป็นเพราะพี่เลี้ยงสาวอาสาที่จะเป็นพลขับส่วนตัวให้กับเธอนั่นเอง การที่ต้องป่วยในวันที่ผ่านมาก็ถือว่ามีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้นหลายอย่างจนทำให้เธอเป็นต้องยิ้มไม่หุบ ก็ตอนนี้เธอกับพี่เลี้ยงสาวเข้าใกล้กันมากขึ้นแล้วน่ะสิ...
เวลาผ่านไปไม่นานนักมีรถ SUV สีดำที่คุ้นเคยมาจอดที่ด้านหน้าเธอ หญิงสาวเจ้าของรถเปิดกระจกให้เห็นใบหน้าที่เห็นถึงความสวยทุกองศา และเพิ่มความเท่ด้วยแว่นกันแดดสีดำ ที่ดูดีมีสไตล์เหมาะสมกับเจ้าตัวเป็นอย่างมาก และเพราะใบหน้าของเธอที่ดูสวยแบบไร้ที่ติ มันทำให้แก้วตาตกตะลึงทุกครั้ง จนได้แต่ยืนนิ่ง
"ไปทำงานกัน ขึ้นมาเร็ว" สาวสวยหันมาเรียกแก้วตาที่ยืนเหม่ออยู่ เมื่อเธอได้สติก็รีบวิ่งขึ้นรถทันที เพราะกลัวว่าจะโดนดุเหมือนทุกครั้ง
หลังจากที่แก้วตาขึ้นรถ รัดเข็มขัดนิรภัยพร้อมที่จะออกเดินทาง แต่สาวสวยพลขับก็ไม่ได้รีบออกรถแต่อย่างใด กลับโน้มตัวมาทางฝั่งผู้โดยสารด้านข้าง และใช้หลังมือสัมผัสที่หน้าผากของแก้วตาเบา ๆ
"อืม...ตัวไม่ร้อนแล้ว ถ้าไม่ไหวก็บอกนะ"
"รับทราบค่ะ" แก้วตาตอบรับด้วยใบหน้าที่ร้อนผ่าวด้วยความเขินอาย จากที่เคยเขินเพราะการกระทำของพี่เลี้ยงสาวในที่ผ่านมาอยู่แล้ว แต่พอทั้งสองได้จูบกันในวันที่เธอล้มป่วย กลับทำให้แก้วตาเขินน้ำรินเข้าไปอีก จนทำตัวแทบไม่ถูก น้ำรินยิ้มตอบก่อนจะออกรถเพื่อเดินทางไปยังบริษัทที่ทั้งสองทำงานอยู่
'ไม่ชินกับความอ่อนโยนของพี่เลย มันทำให้ฉันเขินจนทำตัวไม่ถูก พี่แสดงท่าทีเย็นชาเหมือนเดิมยังจะดีกว่า...'


เหมือนพระเจ้าได้ยินสิ่งที่เธอคิด ตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามายังบริษัท พี่เลี้ยงสาวก็แสดงท่าทีเย็นชา และเฉยเมยกับแก้วตาเหมือนเช่นทุกครั้ง ไม่มีบทสนทนาใด ๆ ราวกับว่าทั้งสองไม่ได้ผ่านช่วงเวลาที่หวานชื่นด้วยกันมาอย่างไรอย่างนั้น เมื่อถึงเวลาพักเบรก หนุ่มน้อยวัย 23 ก็รีบวิ่งแจ้นออกไปพักทันที ก่อนที่แก้วตาจะเดินตามออกไป
เธอเดินตรงไปที่ห้องชงกาแฟอย่างเช่นทุกครั้งและเห็นกอล์ฟยืนพิงผนังจิบกาแฟอย่างสบายใจเฉิบรออยู่แล้ว
"ไงแก้วตา วันนั้นหนีกลับตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ ไม่บอกไม่กล่าวกันเลยนะ"
"ขอโทษที พอดีรู้สึกไม่ค่อยสบายน่ะ พี่น้ำรินเลยไปส่ง"
"เห...พี่น้ำรินใจดีกับน้องใหม่ได้สักทีสินะ" ชายหนุ่มว่าพลางยิ้มมุมปาก คล้ายคนกำลังคิดอะไรอยู่ในใจแต่เขาก็ไม่ได้พูดออกมา
"ยิ้มอะไรเล่า" แก้วตาถามอย่างเขิน ๆ และพยายามที่จะเก็บอาการไม่ให้อีกฝ่ายรู้
"เปล่าหนิ ว่าแต่แก้วตากินกาแฟดำด้วยเหรอ ปกติเห็นชงกาแฟซอง"
"อ๋อ แก้วนี้ชงให้พี่น้ำรินน่ะ"
"โป๊ะเชะ!" สิ้นเสียงของแก้วตา กอล์ฟดีดนิ้วแล้วชูนิ้วโป้งพร้อมกับส่งยิ้มกลับมา ท่าทีของเขาดูมีเลศนัยจนแก้วตาสัมผัสได้
"อะไร!?"
"เปล่า แค่ดีใจน่ะ ที่ทั้งสองคนคุยกันดี ๆ ได้สักที ไปละ" 
ใช่...เขาดูเหมือนรู้อะไรบางอย่าง แต่ก็ยังไม่พูดอะไรออกมา ทิ้งให้อีกคนยืนสงสัยอยู่อย่างนั้น


"วันนี้ไม่มีเค้กนะคะ" แก้วตาว่าพลางกับวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะของพี่เลี้ยงสาวที่เอาแต่ง่วนกับการทำงานของตน จนไม่ได้ลุกออกไปยืดเส้นยืดสายในช่วงเวลาพักอย่างเช่นพนักงานคนอื่น ๆ
"ไม่เป็นไร วันนี้จะกินข้าวด้วย ขอบคุณนะ" น้ำรินตอบพร้อมหยิบแก้วกาแฟขึ้นจิบ ในขณะที่ตาก็ยังมองที่หน้าจอคอมพิวเตอร์อยู่อย่างนั้น อีกฝ่ายได้ยินคำตอบถึงกับยิ้มออกมาจนแก้มปริ
'ประโยคแรกที่คุยกันในที่ทำงานสินะ พี่น้ำรินจะกินข้าวด้วย ดีใจจัง'

แต่ทว่า...
เมื่อถึงเวลาพักเที่ยง น้ำรินก็ไม่ได้มีท่าทีว่าจะลุกมากินข้าวอย่างที่เธอได้บอกเอาไว้แต่อย่างใด 
"ไม่กินข้าวเหรอคะพี่น้ำริน"
"..." ไม่มีเสียงตอบรับใด ๆ นอกจากเสียงคลิกเมาส์ และเสียงนาฬิกาที่กำลังทำหน้าที่อยู่เท่านั้น
"แก้วตา ไปกินข้าวกัน" กอล์ฟกวักมือเรียกไว ๆ แก้วตาจึงยิ้มตอบกลับไป และหันมามองที่พี่เลี้ยงสาวอีกครั้ง แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้สนใจอะไรเลยนอกจากงานที่อยู่ตรงหน้า ความน้อยใจเล็ก ๆ จึงผุดเข้ามาในความคิดของแก้วตา ทั้ง ๆ ที่รับปากไว้แท้ ๆ แต่ก็ดันผิดคำพูดเสียได้


"คนสวยเป็นอะไร ดูท่าทางหงุดหงิดจัง" อาร์มเอ่ยถาม
"เปล่าค่ะ"
"หน้ามุ่ยขนาดนี้ ไม่เป็นอะไรได้ไง" กอล์ฟเสริม
"โมโหหิวมั้งคะ"
"งั้นรีบกินข้าวกันเถอะ" อาร์มว่าพลางกับแกะห่อข้าวใส่จานถึงสองใบ แก้วตาจึงมองตามการกระทำของรุ่นพี่ด้วยความฉงน ก่อนที่หัวหน้าสาวเดินเข้ามานั่งยังที่ประจำที่ของตนด้วยท่าทีอิดโรย ซึ่งตรงหน้ามีจานข้าวที่ชายหนุ่มเตรียมไว้ให้แล้ว ยิ่งทวีความสงสัยให้แก้วตาขึ้นไปอีกกับความสัมพันธ์ของทั้งสองที่ดูจะใส่ใจกันเป็นพิเศษ
"งานเยอะจังช่วงนี้ จะสิ้นเดือนทีไร งานท่วมหัวทุกที" ชะเอมบ่นพึมพำ
"ทำไงได้ล่ะ ก็งานพี่มันงานเฉพาะนี่นา"
"เดี๋ยวอาร์มเคลียร์งานเสร็จ จะไปช่วยนะ"
"ทำงานตัวเองไปเถอะน่า ถ้าเร่งหน่อยก็คงต้องทำโอทีแหละ"
"เถอะน่า เชื่อใจอาร์ม เสร็จทันชัวร์" แก้วตามองทั้งสองไปมาแล้วก็ได้แต่คิดในใจ
'พี่ชะเอมกับพี่อาร์มต้องชอบกันแน่เลย ดูใส่ใจกันตลอด น่ารักจังเลยน้าคู่นี้'

เวลาล่วงเลยผ่านไปจนถึงเวลาเลิกงาน น้ำรินก็ยังคงทำงานอย่างตั้งอกตั้งใจ โดยไม่สนใจสิ่งรอบข้างอย่างเช่นที่เคยเป็น
"ตากลับก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ" แก้วตาบอกลาทุกคนพร้อมกับยกมือไหว้พนักงานรุ่นพี่คนอื่น ๆ แต่จุดประสงค์หลักคือ เธอต้องการที่จะบอกลาพี่เลี้ยงสาว ซึ่งอีกฝ่ายหาได้สนใจเธอไม่ ทำให้เธอเดินออกจากห้องไปด้วยใบหน้าบึ้งตึง
'เป็นคนขอคบเองแท้ ๆ ทำไมถึงเย็นชาได้ขนาดนี้นะ ไม่คิดจะทำอะไรหน่อยเหรอ พี่เป็นพวกสองบุคลิกหรือไง'

เมื่อแก้วตากลับมาถึงคอนโดมิเนียมแล้ว แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้ทำอะไร โทรศัพท์มือถือก็สั่นครืดอยู่ในกระเป๋า เธอจึงควานหาโทรศัพท์ขึ้นมาดูปรากฎเป็นชื่อที่ชวนให้เธอหน้ามุ่ย แม้ใจหนึ่งอยากจะปล่อยเลยตามเลยก็เถอะ แต่เธอก็รีบกดรับโดยไม่ปล่อยให้ปลายสายรอนาน
"สวัสดีค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ"
"ไปกินข้าวกัน"
"คะ?"
"ไปกินข้าวกัน ตอนนี้กำลังเดินขึ้นไปห้องเธอ"
"คะ!? เดี๋ยวนะพี่น้ำริน อะไรของพี่เนี่ย จะมาทำไมไม่บอกตาก่อนคะ"
"ก็บอกไว้แล้วไง"
"อะไรนะ ที่พี่บอกนั่นมันตอนเช้า ตาก็เข้าใจว่าเป็นข้าวเที่ยงซะอีก นี่ตาซื้อกับข้าวมาแล้วด้วย"
"งั้นเปิดประตูให้หน่อย กินข้าวห้องเธอแล้วกัน"
ติ๊ด!
"อ๊ะ!"
อีกแล้ว...ปลายสายกดตัดสายไปทันทีที่พูดจบ ดูเหมือนว่านี่จะเป็นนิสัยส่วนตัวของพี่เลี้ยงสาวเลือดเย็นผู้นั้นเป็นแน่
'อะไรของเขากันนะ คิดจะมาก็มา คิดจะไปก็ไป คิดจะเมินก็แทบไม่สนใจกัน คิดจะเข้าหาก็ไม่ให้ได้ตั้งตัวกันเลย'
แม้แก้วตาจะเอาบ่นในใจ แต่เธอก็รีบไปเปิดประตูทันทีที่วางสายแล้ว ก็เพราะเธออยากจะพัฒนาความสัมพันธ์เต็มแก่แล้วน่ะสิ 
เมื่อแก้วตาเปิดประตูได้ เธอสังเกตเห็นว่าที่มือของพี่เลี้ยงสาวนั้นมีถุงขนมที่มีป้ายชื่อร้านมีเรา คาเฟ่ อยู่ ทำเอาเธอถึงกับคิ้วขมวด เวลาสั้น ๆ เพียงเท่านี้ เจ้าตัวกลับบ้านไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
"พี่กลับบ้านมาแล้วเหรอคะ"
"เปล่า เอามาตั้งแต่เช้าแล้ว ที่จริงซื้อมาสองชิ้น แต่ตอนเที่ยงกินไปแล้วชิ้นนึง ส่วนชิ้นนี้ตั้งใจเอามาให้เธอ"
"อ้าว พี่ไปกินตอนไหน ทำไมตาไม่เห็นเลย"
"กินตอนที่เธอไปกินข้าวนั่นแหละ พอดีว่าเป็นงานด่วนน่ะ เลยต้องเร่งงานก่อน"
"พี่เลยไม่ไปกินข้าวกับตาตามที่พูดเลยว่างั้น" เธอว่าพลางกับทำหน้ามุ่ย แต่อีกฝ่ายกลับอมยิ้มและเอียงหัวเล็กน้อย ซึ่งท่าทางแบบนี้ของเธอ ใครเห็นก็เป็นต้องหวั่นไหว โดยเฉพาะแก้วตา เพราะเธอไม่อาจต้านทานความงดงามของพี่เลี้ยงสาวผู้นี้ได้เลย
"งั้นเปลี่ยนเป็นกินมื้อเย็นแทนได้หรือเปล่า"
'ท่าทางที่น่ารักแบบนี้ มันก็ทำให้ฉันใจสั่นทุกทีสินะ'
"ก็มาถึงขนาดนี้แล้วนี่คะ ตาปฏิเสธได้ด้วยเหรอ"
"ถึงปฏิเสธก็จะมา"
"พี่นั่นแหละดื้อ" แก้วตามองค้อน จนพี่เลี้ยงสาวหลุดขำพรืดออกมาด้วยความเอ็นดูก่อนที่จะยีผมเธอจนฟู
"น่ารักจัง กินข้าวกัน หิวแล้ว"
"ได้ค่ะ พี่น้ำรินนั่งรอเลยนะคะ เดี๋ยวตาเตรียมอาหารให้เอง" เธอว่าพลางกับเดินนำเข้ามาในห้อง ก่อนที่จะจัดแจงที่นั่งบริเวณโต๊ะอาหารภายในห้องให้กับพี่เลี้ยงสาว
"อืม" น้ำรินตอบรับสั้น ๆ และนั่งลงที่โต๊ะอาหาร ท่าทางของเธอราวกับลูกแมวเชื่อง ๆ ที่กำลังรออาหารจากเจ้าของอย่างไรอย่างนั้น
เวลาผ่านไปไม่นานนัก แก้วตาจึงเตรียมอาหารมาวางไว้บนโต๊ะอาหาร ซึ่งแมวสาวก็ชะโงกหน้าดูเมนูอาหารด้วยความตื่นเต้น ก่อนท่าทีของเธอจะสลดลง เพราะบนโต๊ะอาหารมีแค่เพียง 2 เมนูเท่านั้น
"ไม่รู้ว่าพี่จะมากินด้วย ตามีแค่สองอย่างนะคะ"
"แกงจืดเต้าหู้กับผัดกะเพราเนี่ยนะ ทำเองก็ได้ไหม"
"ก็วันนี้เหนื่อยนี่นา ซื้อมากินเลยมันง่ายกว่า พี่กินได้หรือเปล่าคะ"
"กินได้หมดนะ ขอแค่ไม่มีกุ้ง"
"แพ้กุ้งเหรอคะ"
"ใช่"
"ถ้างั้นเดี๋ยวตากินกะเพราเอง พอดีตาสั่งกะเพราทะเลมา พี่น้ำรินจะเอาอะไรเพิ่มไหมคะ เดี๋ยวตาทำให้"
"ไม่เป็นไร แค่แกงจืดก็พอ" น้ำรินยิ้มตอบ ก่อนจะหยิบช้อนเพื่อตักเต้าหู้ชิ้นโตใส่ในจานของรุ่นน้อง
"ถ้าพี่ตักเต้าหู้ให้ตา พี่ก็ได้กินแค่เศษหมูสับสิ จะอิ่มได้ไง"
"อิ่มใจแล้วล่ะ" เธอตอบด้วยรอยยิ้มที่สดใส ผิดจากก่อนหน้าที่เธอราวกับแมวสาวกำลังหูลู่เป็นไหน ๆ แก้วตาจึงรีบหลบสายตามาให้ความสนใจกับเต้าหู้ในจานแทนเพราะความเขินอายโดยแท้
"เอ่อ...พี่น้ำรินคะ ตาขอถามอะไรได้หรือเปล่าคะ"
"ว่าไง"
"ทำไมตอนอยู่ที่ทำงาน พี่ถึงดูเมิน เอ่อ...ไม่ค่อยคุยกับตาเลยล่ะคะ"
"ความจริง...ฉันกำลังรักษาระยะห่างน่ะ"
"..." แก้วตาเงียบตั้งใจฟังสิ่งที่อีกฝ่ายพูด
"พี่กวินไม่อนุญาตให้คนในบริษัทคบกัน แต่ก็ต้องยอมใจอ่อนให้กับพี่เชอรีน เพราะพี่เชอรีนบอกว่า ความรักมันห้ามกันไม่ได้ ก็เลยเปลี่ยนกฎเป็น รักกันได้ แต่ต้องรักษาระยะห่าง ห้ามแสดงออกมากจนเกินไป เพราะปัญหาต่าง ๆ อาจจะตามมาได้"
"อ๋อ แต่ดู ๆ แล้วทีมเราก็เหมือนพี่ชะเอมกับพี่อาร์มแอบชอบกันเลยนะคะ ดูใส่ใจกันเป็นพิเศษ"
"ทั้งสองคนเป็นสามีภรรยากัน"
"ฮะ!!? อะไรนะคะ!?" คำตอบที่ได้ยินทำให้แก้วตาถึงกับอ้าปากเหวอ เธอประเมินสถานการณ์ต่ำเกินไปหรือนี่ ความจริงแล้วมันมีอะไรที่ลึกซึ้งมากกว่านั้น
"เพิ่งแต่งงานกันปีที่แล้วนี่เอง พี่กวินกับพี่เชอรีนก็ไปแสดงความยินดีด้วยนะ เก่งใช่ไหมล่ะ ที่วางตัวกันได้ดีขนาดนั้น"
"โอ้โห...ตาคิดว่าแอบจีบกันอยู่ซะอีก นับถือใจจริง ๆ เลยค่ะ"
"เรื่องบางเรื่องมันก็มีขอบเขตของมัน บางสถานการณ์ บางเวลาก็แสดงออกมากไม่ได้ ไม่ใช่ความลับ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องประกาศให้คนอื่นรู้ ฉันเองก็เหมือนกัน"
"พี่? ทำไมเหรอคะ?" เธอถามด้วยสีหน้าฉงน พี่เลี้ยงสาวจึงนิ่งไปครู่หนึ่ง
"แก้วตา...เธอรู้ไหมว่าฉันพยายามห้ามใจตัวเองอยู่ตลอด ที่จะรักษาระยะห่างเอาไว้ ไม่ให้เผลอแสดงออกว่าฉันรักเธอมากแค่ไหน…"
"..." คำตอบที่ได้ยินทำเอาแก้วตาถึงกับอึ้งจนเกิดเป็นความเงียบอยู่ชั่วขณะ น้ำรินจ้องมองมาที่แก้วตา สายตาของเธอนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมายที่มันท่วมท้นจนแทบจะทะลักออกมาจากอกอยู่แล้ว
"ฉันอยากสัมผัสเธอ...อยากจูบเธอ...อยากทำอะไรที่มันมากกว่านั้น อย่าพยายามอยู่ใกล้ฉันมาก เพราะฉันอาจจะอดใจไม่ไหวก็ได้"
"พ...พี่พูดอะไรของพี่เนี่ย กินข้าวได้แล้ว แกงจืดจะเย็นหมดนะคะ" แก้วตารีบเปลี่ยนเรื่องทันควัน เพราะเธอรู้สึกว่าคำพูดของพี่เลี้ยงสาวนั้น มันแฝงความจริง ไม่ได้แกล้งเธอเล่นแต่อย่างใด
"ฮ่า ๆ ล้อเล่น เธอกลัวฉันเหรอ" 
ใช่...ในคำว่าล้อเล่น มักแฝงความจริงอยู่เสมอ
"ต่อให้อยู่ด้วยกันสองต่อสองตาก็ไม่กลัว พี่ไม่กล้าทำอะไรตาหรอก"
"ฉันร้ายกว่าที่เธอคิดนะแก้วตา"
"ความจริงพี่อ่อนโยนจะตาย ตาสัมผัสได้ ว่าพี่ก็เป็นคนดีคนหนึ่ง"
"แล้วถ้าฉันไม่ใช่อย่างที่เธอคิด เธอจะเกลียดฉันหรือเปล่าแก้วตา"
"เลิกพูดได้แล้วค่ะพี่น้ำริน รีบกินข้าวกันเถอะ"
"อ...อืม"
'ถ้าเธอรู้ความลับของฉัน ถ้าเธอได้รับรู้ถึงตัวตนที่ฉันเป็น เธอจะรับได้หรือเปล่านะแก้วตา เธอจะยังชอบฉันอยู่ไหม...'


ในขณะที่แก้วตาเก็บรวบรวมจานทั้งหมดที่กินเสร็จแล้วเพื่อนำไปล้าง แต่น้ำรินยังคงนั่งเหม่อลอยอยู่ที่โต๊ะอาหาร คล้ายคนมีเรื่องอะไรในใจ ซึ่งแก้วตาก็ชำเลืองดูเธอหลายครั้ง กระทั่งเอ่ยเรียก เจ้าตัวก็ยังคงเหม่อลอย ไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ ตอบสนอง แก้วตาจึงเดินอ้อมไปด้านหลัง ก่อนจะใช้มือวางลงบนบ่าเบา ๆ จนน้ำรินถึงกับสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ
"ขอโทษนะคะ โกรธหรือเปล่าที่ตาสัมผัสตัวพี่"
"ไม่เป็นไร แค่ตกใจน่ะ"
"ขออนุญาตนะคะ" แก้วตาวางมือลงที่บ่าของน้ำรินอีกครั้ง ก่อนจะออกแรงนวดเบา ๆ ให้อีกคนรู้สึกผ่อนคลาย
"คิดเรื่องงานเหรอคะ นี่เลิกงานแล้วนะ ผ่อนคลายหน่อยสิคะ" น้ำรินไม่ตอบอะไร แต่จับมือทั้งสองข้างของแก้วตา แล้วดึงลงมาคล้องคอของตนไว้
"เพราะเธอเป็นแบบนี้ไง ฉันถึงได้รักเธอ"
"ตาเป็นยังไงเหรอคะ"
"เธอรู้แม้กระทั่งกาแฟที่ฉันชอบกินเป็นแบบไหน เธอคอยซื้อนั่นนี่มาให้เพราะรู้ว่าฉันไม่ได้กินข้าว เธอใส่ใจทุกคนตลอดเลยแก้วตา"
"เปล่าหรอกค่ะ ตาไม่ได้ใส่ใจทุกคนหรอก แต่ตาสนใจแค่เรื่องของพี่" คำตอบที่ได้ยินทำให้น้ำรินยิ้มจนแก้มปริเพราะหัวใจของเธอได้รับการเติมเต็มจากผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ผู้นี้ แม้ทั้งสองจะรู้จักกันได้ไม่นานก็ตาม
"ขอบคุณนะ ช่วยน่ารักกับฉันแบบนี้ ไปตลอดเลยได้ไหม"
"นี่พี่อ้อนเหรอ เพิ่งเคยเห็นมุมนี้ของพี่นะเนี่ย" ผู้เป็นน้องเอ่ยแซวก่อนจะหัวเราะร่า
"ไม่ได้เหรอ" ผู้เป็นพี่ไม่ว่าเปล่า เธอทำท่าทางประจำตัว ด้วยการเอียงคอเล็กน้อย แล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงออดอ้อน ทำเอาอีกคนใจเต้นแรงเพราะความน่ารักของเธอ โดยที่คนพูดก็ไม่รู้ตัวเสียด้วยซ้ำ
'บ้าเอ้ย...จะหว่านเสน่ห์ไปถึงไหนกันนะ ใจฉันจะระเบิดอยู่แล้ว ฉันแพ้พี่น้ำรินจริง ๆ' แก้วตารีบเบือนหน้าหลบไปอีกทาง และเดินจ้ำอ้าวหนีออกไปเพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะเห็นว่าเธอหน้าแดงเป็นลูกตำลึงไปเสียแล้ว
"พี่กลับได้แล้วค่ะ เดี๋ยวที่บ้านจะเป็นห่วง"
"ฉันไม่ใช่เด็กแล้วนะ"
"ถ้างั้น รีบกลับค่ะ ถ้าพี่กลับดึก ตาจะเป็นห่วง"
"ถ้าเธอเป็นห่วง ก็ให้ฉันค้างที่นี่สิ"
"พอเลยพี่น้ำริน ชอบพูดอะไรแบบนี้ตลอดเลยนะ ได้คืบจะเอาศอกเหรอคะ" แก้วตาพูดพร้อมเปิดประตูห้องเอาไว้ แล้วทำมือผายออกไปด้านข้างลำตัว
"พี่รีบกลับเถอะค่ะ พี่ยังมีคนที่บ้านที่ต้องดูแล ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะคะ ถึงแล้วทักมาบอกด้วย"
"ขอบคุณสำหรับอาหารมื้อนี้นะ" 
แม้จะยังไม่อยากกลับบ้านตอนนี้ แต่น้ำรินจำต้องยอมกลับแต่โดยดี เธอเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าผู้เป็นน้องก่อนจะโน้มตัวลงมาประทับริมฝีปากที่หน้าผากของแก้วตาอย่างแผ่วเบา และเธอก็เดินจากไปทั้งอย่างนั้น ปล่อยให้อีกคนยืนอ้าปากเหวออยู่ที่หน้าประตู เพราะไม่ทันได้ตั้งตัวกับการกระทำของเธอ
'พี่น้ำริน!! คนบ้า!! คนฉวยโอกาส!!'



#แก้ปมรักคุณพี่เลี้ยง
ม้า
ไรท์แวะมาคุย~`

“พี่น้ำรินนี่ก็แอบร้ายนะคะ ไปฉวยโอกาสจุ๊บเหม่งน้องทำไมก่อนนน แล้วตัวตนที่แท้จริงของพี่น้ำรินจะเป็นยังไงกันนะ...”